1 กพ 59
ออกวิ่งยามเช้าอีกครั้ง วิ่งไปสวดมนต์ไปด้วย ทำสมาธิไปด้วย เฮ้ย รู้สึกเจ๋งดี แถมด้วยการแผ่เมตตาให้เพื่อนร่วมโลก เจ้ากรรมนายเวร ฯลฯ
แปลกดีนะ ตอนเด็กๆ ไม่เคยคิดอะไรแบบนี้เลย อายุมากขึ้นทำให้คนเราเปลี่ยนไปมากจริงๆ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้อื่น ซื้อข้าวให้คนยากไร้ ไปวัด ไปศาล ฯลฯ แต่ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนเดิมนั้นคือ ผมไม่เคยขออะไรให้ตัวเอง ไปไหว้ก็มีแต่นึกขอบคุณสิงศักสิทธิในสถานที่นั้น ที่ช่วยเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่ชาวบ้าน ขอบคุณที่ช่วยเหลือหลายๆ คนให้เขาได้สิ่งที่เขาคิดฝัน
วันนี้ตื่นแบบขี้เกียจลุกเลยนะ แต่ตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องออกวิ่งให้ได้ ก็เมือวานกินไปเยอะมาก เช้าก๋วยเตี๋ยว 2 ชาม กลางวันข้าวหมูแดง 2 ชาม เย็นมีจุบจิบจากขนมอีก เช้านี้จัดไปได้แค่ 45 นาที แปลกใจตรงที่วิงแล้วเจ็บข้อพับด้านหลังหัวเข่าด้านขาเล็กน้อย ลองวิ่งช้าๆ เบาๆ ก็ยังเจ็บ เลยเปลี่ยนเป็นเดินเร็วแทนก็หาย หลังๆ จึงเป็นการเดินเร็วสลับวิ่ง
ก่อนออกจากบ้านไม่รู้อะไรดลใจให้เข้าไปในห้องพระแล้วเอาน้ำเปล่าถวาย ทั้งๆ ที่อยู่บ้านมา 30 กว่าปี ไม่เคยทำสักครั้งเลยนะ เอาน้ำเก่าเทใส่ต้นไม้ใหญ่ในบ้าน แล้วนำแก้วไปล้าง ใส่น้ำใหม่วางถวาย มีไหว้สวดเล็กน้อย
เช้าไปร้าน ยกแบกของอีกเช่นเคย ผมไม่มีปัญหาอะไรกับงานใช้แรงงาน ตราบใดที่ยกแล้วไม่เจ็บหลัง ผมโอเคหมด แรกๆ พอมีใครถามทำงานอะไร ก็มีอายนิดๆ ไม่อยากบอกเขา แต่พอตอนนี้ผมเฉยๆ กับชีวิตแม่งละ บอกไปเลยว่าบ้านผมขายของโชห่วยครับ นมแลคตาซอย ไวตามิ้ล สปอนเซอร์ กระทิงแดง เบียร์ ชาเขียว อะไรแนวนี้ร้านผมมีหมด น้ำดื่มเพ็ทสารพัดยี่ห้อ ไอ้ที่หนักสุดและทำผมเจ็บหลังคือพวกลังโซดา และลังน้ำสิงห์ หนักเหี้ยๆ เลยครับ
บรรยากาศวันจันทร์ก็ขายดีเพราะเมื่อวานหยุดส่งของมา ลูกค้าของขาด ก็ต้องรีบส่ง ถ้าคนงานขาดงานด้วยนี่มหากาพย์เลย ต้องไปขับรถส่งเอง ยก แบกของเอง ชีวิตเราผูกไว้กับตีนคนงานครับ
ตอนว่างหรือขี่จักรยานไปตลาดก็จะแอบไปไหว้เทพกวนอู เจ้าแม่กวนอิมในศาลเจ้าเล็กๆ ผมไม่ได้นับถือเทพองค์ใดเป็นพิเศษ แต่ไปไหว้บ่อยจนจำคำสวดภาษาจีนบูชาเจ้าแม่กวนอิมได้เกือบหมดแล้ว
วันนี้ผมอยู่ร้านถึงเย็น