Bike Forum > my bike diary / my life diary

กพ 56

<< < (5/6) > >>

O'Pern:
21 กพ 56
   น้ำหนักตัวลดลงมานิดหน่อย เราก็มีกำลังใจ เช้านี้เดินออกำลังกาย คิดหาท่าทางแปลกใหม่มาเล่น แก้เบื่อได้ดีมากๆ
   เช้ากินหมูกรอบผัดพริกแกง ไข่ต้ม ข้าวกล้อง ตอนสายกินถั่วต้ม
   อาหารกลางวันเป็นน้ำเต้าหู้ใส่ลูกเดือย ไม่ใส่น้ำตาล ใส่งาดำคัวบด 1 ช้อนโต๊ะ จมูกข้าวสาลี 2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยองุ่นดำ โห พี่ สุขภาพสุดๆ ไปเลย ทั้งนี้เพราะผมมีเป้าหมายครับ คือไม่อยากใช้ชีวิตบั่นปลายในโรงพยาบาล ตระหนักดีว่าตัวเราเองฐานะไม่ค่อยดี เอาเงินที่เราพอจะมีนั่นไปใช้สอยด้านอื่นจะดีกว่าที่จะเอามารักษาตัวเอง
   เย็นมิวเล่นบาสเหมือนเดิม วันนี้ขอกลับบ้านเร็วหน่อย เพราะอยากเล่นเกม อืม แมนดี บอกกันตรงๆ
   กลางคืนหิวหน่อย ไม่อยากฝืน กินปลาเส้นแบบทาโร่ เมล็ดทานตะวันอบ มะม่วงเขียวเสวยดิบ กินหลายอย่าง แต่อย่างละนิดละหน่อย

O'Pern:
22 กพ 56
   เจ็บโคนขาด้านในตรงที่ปีกของเบาะ Brooks มันบานออกมา น่าจะครูดตอนที่ผมขี่เมื่อวันอาทิตย์ ค่อยๆ เจ็บวันละนิดละหน่อย จับดูแล้วเจ็บเป็นจุดๆ คล้ายเป็นสิวแต่ไม่มีหัวนะ
   เช้านี้เดินออกกำลังกายสลับวิ่งถอยหลัง คิดหาท่าทางใหม่ๆ มาเล่น แป๊บเดียวได้เหงื่อ ผมว่ามันใช้พลังงานได้มากกว่าขี่จักรยานเสียอีก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ด้วยซ้ำ แต่ยังไงแล้ว ขี่จักรยานก็น่าสนุกกว่าเยอะ
   เช้านี้มิวหอบเอาเฟรนช์ฟรายไปโรงเรียน 4 กก เอาไปทอดขายในงานตลาดน้ำสานฝัน เป็นงานกิจกรรมที่โรงเรียนเขาจัดเป็นประจำ ให้เด็กแต่ละห้องมาออกซุ้มขายขนม ขายอาหาร สนุกดีครับ เลอะเทอะ เละเทะไปหมด ตอนเด็กๆ มิวทำน้ำแครอทขาย ปีก่อนทำข้าวผัด ทำไข่เจียว ปีนี้เล่นของทอด (อันตรายหน่อยตอนน้ำมันร้อน)
   ฟังรายการวิทยุตอบปัญหารถยนต์แล้วขัดหูอีกแล้ว ผู้ฟังโทรมาถามวิธีลากรถ AT เจอวิทยากรท่านตอบ
   “ลากได้ที่ความเร็วไม่เกิน 100 กม/ชม และระยะทางไม่เกิน 100 กม เพราะตอนลากน้ำมันเกียร์จะร้อน”
   เฮ้ยยย ลากที่ความเร็ว 100 นะ น้ำมันเกียร์แม่งทะลักดันออกมาที่รูก้านวัดแล้ว
   อารมณ์ไหนวะนี่ ตอบแบบนี้ งงโคตรๆ เลย ไม่น่าเชื่อว่าเป็นวิทยากรด้านรถยนต์ แต่อีกสักพักแกก็กลับลำบอกแต่ในความเป็นจริงใครจะมาลากรถที่ความเร็ว 100 มันอันตรายมาก ผมเดาว่า คงมีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ แล้วสะกิดบอกแกให้แก้ด่วน
   รถ AT ไม่ควรลาก หากจำเป็นจริงๆ ต้องลาก ก็ให้ใช้ความเร็วน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ วิ่งไปสัก 40 กม/ชม พอได้ และไม่ควรลากยาวด้วย สัก 10 กม ก็ต้องจอดพักให้น้ำมันเกียร์เย็นลงก่อนถึงจะเริ่มต้นลากกันใหม่ (ถ้าจำเป็น)
   A day ออกหนังสือเวอร์ชั่นจักรยานญี่ปุ่นออกมาอีกแล้ว เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย เจอเจ้าพ่อสิ่งพิมพ์ลงมาเล่นเรื่องจักรยาน ทำเอาไอเดียผมหดหายหมดเลย คิดแผนทำอะไรไว้แล้วยังไม่ได้ทำนี่ ตอนนี้มีคนทำแทนหมดเกือบหมดแล้ว นิตยสารแจกฟรีก็มีแล้ว นิตยสารวางแผงก็มี ล่าสุดเจอบิ๊กอย่าง a day อีก จบข่าวเลยกู
   แต่ยังมีเหลือบางไอเดียที่ยังไม่มีใครทำ

O'Pern:
23 กพ 56
   เสาร์อีกแล้ว มิวสบายไปเลย วันนี้ไม่มีเรียนพิเศษก็ยังอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาดูการ์ตูน ส่วนผมไปทำงานที่ร้านขายของเหมือนเดิม กลางวันพามิวไปเรียนพิเศษคุมอง กลับมาบ้านเอาบ่ายแก่ๆ
   เย็นนี้ผมมีงานเลี้ยงรุ่นตอนเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนกลุ่มนี้ไม่ได้เจอกันมา 25 ปี !!! เขามาตามหาผมเจอในเฟซบุ๊ค เลยแอทคุยกันมาสักพัก ตอนแรกกะจะพามิวไปด้วย แต่พรุ่งนี้เขามีเรียนพิเศษตอนเช้า
   จุดนัดพบคือร้าน Platform 1 อยู่ใกล้สถานีรถไฟสามเสน เป็นบ้านเดี่ยวที่ปรับมาเป็นร้านอาหาร จอดรถในร้านได้สัก 5 คัน เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน แต่ก็มีอาหารเวียดนามด้วย จะเอาแนวไหนกันแน่วะนี่ ฮ่าๆ
   ผมไปตรงตามนัด แต่ก็เจอเพื่อนมาก่อนแล้ว 5 คน พอแง้มประตูเปิดสาวๆ ก็กรี๊ดกันใหญ่ (เขากรี๊ดทุกคนที่เข้ามา) มาถึงก็เล่นถ่ายรูปกันเลย หลังจากนี้ก็มีคนทยอยกันมาเรื่อยๆ แน่นอน กรี๊ดกร๊าดกันไม่ขาดสาย สาวๆ เยอะกว่าหนุ่มครับ
   หยิบกินอาหารไปได้หน่อยเดียวก็ละจากจาน เดินไปพูดคุยกับเพื่อน ดีใจมากๆ ที่ได้เจอกันอีกครั้ง ผมโดนรุมสัมภาษณ์อย่างละเอียดว่าทำอะไรอยู่ ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง มีเมีย มีลูกกี่คน ฯลฯ
   แทบจะไม่มีใครสนใจอาหารเลย พูดคุยกันแบบสะใจสุดๆ กระโดดกอดกันแบบให้ตายไปข้าง
   เพื่อนที่ผมรักที่สุดชื่อ “อาร์ต” ตอนเรียนมันก็ชอบถ่ายภาพ วาดรูปสวย ตอนนี้มันก็ยังทำงานแบบนั้นอยู่ เจ๋งมากเลย อาร์ตยื่นสมุดไดอารี่ให้ผมดู เป็นสมุดบันทึกส่วนตัว เขาไม่ได้เขียนเฉยๆ แต่วาดภาพประกอบลงไปด้วย โคตรสวยเลย
   ปัจจุบันอาร์ตเป็นตากล้องให้กับหนังสือรถยนต์ มันเล่าพร้อมกับยื่นหนังสือให้ผมดู ถึงกับอ้าปากค้าง
   เราเคยเจอนิตยสารรถของไทย หรืออย่างเก่งก็นิตยสารหัวนอก (เช่น Option Evo Autobild Car ฯลฯ) ผมรู้จักแค่นี้ และก็คิดมาตลอดว่าในไทยเรามันก็มีแค่นี้แหละ
   แต่เปล่า หนังสือที่อาร์ตมันทำเป็นหนังสือของไทย ทำในไทย พิมพ์ในไทย แต่ส่งขายไปทั่วโลก !!!
   เฮ้ยย แม่งแรงว่ะ แรงกว่าที่เคยพบมา สุดตีนมากเพื่อน
   หยิบหนังสือพลิกไปมาแล้วขนลุก คนไทยทำได้ขนาดนี้เลยหรือนี่ สุดๆ ๆๆ ๆ พอถามราคาหน้าโฆษณาแล้วยิ่งตกใจซ้ำอีกรอบ
   ปกหน้าขาย 1 ล้าน !!! มีคนซื้อด้วย แถมขายราคานี้จริงๆ ด้วย (ไม่ได้ตั้งไว้เผื่อต่อ)
   ล่าสุดอาร์ตไปถ่ายงาน Car Show ที่ India มา ดูมันสิ ประเทศทีคนอื่นเขาไปกัน มันไม่ไป
   ขณะอยู่ในงานเราก็ถ่ายรูปกันเล่นตลอด อาร์ตเดินไปหยิบกล้องแบบ Fix Focus ตัวโตออกมากด เอาแค่ไอ้หมอนี่กดชัตเตอร์ ผมก็แทบอดใจไว้ไม่อยู่ อยากเห็นภาพเร็วๆ
   ร้านปิด 1000 ปิดเร็วมากจนพวกเรางง ตอนแรกคิดว่าจะนั่งกันจนถึง 0200 อุตส่าห์จองห้องไว้อย่างดี ถึงจุดนี้ก็เลยต้องแยกวง อาร์ตมีธุระต่อ บางคนต้องรีบกลับบ้าน เหลือไปต่อกันสักสิบคน ผมชอบสถานที่แบบปิด คือพวกเราจะได้คุยเล่นกันให้หายคิดถึง ถ้าไปพวกผับ บาร์ บรรยากาศมันเป็นคนละอย่าง
   กลับมาถึงบ้านมิวนอนหลับปุ๋ย ผมรีบอาบน้ำ ก่อนนอนหอมหน้าผากเขา 1ครั้ง แล้วลงนอนข้างๆ กัน

O'Pern:
24 กพ 56
   เช้าวันอาทิตย์มิวมีเรียนพิเศษที่ซุปเคสาทร วันนี้ผมไปด้วย นังรอจนเขาเลิกตอน 1000 แล้วไปสยามพารากอนต่อ วันหยุดก็เลยให้เวลากับครอบครัวบ้าง อาทิตย์ที่แล้วผมก็ไปขี่จักรยานคนเดียวมา 100 กม แล้ว
   จอดรถที่พารากอน ตอนแรกจะไปกินร้านไก่บอนชอนที่เพิ่งเปิดในสยามเซนเตอร์ แต่ภรรยากลับลำ บอกอยากกินร้านส้มตำนัวร์ เลยพาไปจัด
   มีหนังที่ลูกอยากดูมากๆ ชื่อเรื่อง Flight เกี่ยวกับการบินที่เขาชอบนี่แหละ แต่ผมแปลกใจว่ามีตัวหนังสือพาดโตๆ ว่า ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีดู
   ถ้ามีพวกฉากโป๊เปลือยก็น่าจะเป็นอายุ 18 แต่ไอ้หนังแบบนี้มันจะมี Love Scene ด้วยหรือ คิดไปก็หาข้อสรุปไม่ได้ เสิร์ชหาตัวอย่างหนังดูก็มีแต่ภาพอุบัติเหตุของการบิน
   ไปจองตั๋วดูกันในพารากอน ต่อคิวอยู่สัก 10 นาที พอเดินเข้าไปจะจอง พนักงานบอกห้ามเด็กต่ำกว่า 20 ปีเข้าชม ที่หน้าโรงจะมีพนักงานอีกคนคอยตรวจเช็ค
   โห เล่นเอามิวจ๋อยไปเลย เจอคนที่เข้มงวดเข้าหน่อยงงเลย ตอนแรกผมคิดว่าเขียนเตือนเฉยๆ ไง แบบเหมือนพวกตามขอบจอทีวีที่มีเขียนบอกน่ะ
   เลยพูดขำขำกับลูกว่าอีก 9 ปีค่อยมาดูใหม่นะ แต่ในใจรู้ว่าเขารู้สึกเสียใจนะ เลยเปลี่ยนประเด็น พาเขาไปร้านหนังสือดูหนังสือที่เขาชอบแทน มิวจัด Asia Book / Kinokuniya ผมเองก็ดูหนังสือจักรยานไปพลาง
   ตอนเด็กๆ หนุ่มๆ ก็ดูแต่หนังสือรถยนต์นะ พอมาตอนนี้ดูหนังสือจักรยาน อีกหน่อยคงดูพวกจัดสวนแน่ๆ

O'Pern:
25 กพ 56
   ตื่นขึ้นมาทำบุญใส่บาตรแต่เช้า พ่อ แม่ ลูก มากันครบ ตักกันหน้าบ้านนี่แหละครับ เรียบๆ ง่ายๆ ไม่ต้องทำให้มันเป็นพิธีอะไรมากมาย ตอนสายพาภรรยาและลูกไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เมื่อก่อนไปบ่อยมาก แต่ช่วงนี้หายไปเลย ไม่ได้ไปเป็นเดือนๆ
   ไปถึงก็เจอตลาดเขากำลังบูรณะใหม่ ขยายทางเดิน ขยายร้าน ทำหลังคาใหม่ สูงโปร่งกว่าเดิมเยอะมาก น่าจะออกมาสวยดี ชาวบ้านบอกเดือนหน้าเสร็จ พฤติกรรมมนุษย์คือชอบทำอะไรเดิมๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง มิวอยากกินก๋วยเตี๋ยวร้านเดิม ผมและภรรยาก็เห็นด้วย จัดไปคนละ 2 ชาม (ชามเล็ก) มิวเดินตามสเปตเดิมเป๊ะ คือ เริ่มจากไข่นกกระทา ตามมาด้วยก๋วยเตี๋ยว ตบท้ายด้วยโกโก้เย็น
   ผมเองอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก (อยู่ในช่วงนี้มานานมากละ ยังลดได้ไม่เท่าไหร่เลย) แต่พอเห็นขนมแบบชาวบ้านเก่าๆ ที่เราชอบก็ขอจัดอย่างละนิดละหน่อย เช่นเผือกเส้นทอด ข้าวโพดคั่ว แป้งเพียบเลยนะนั่น ปลอบใจตัวเองว่ากินวันละนิดละหน่อย และออกกำลังกายด้วย มันคงไม่อ้วนขึ้นเท่าไหร่
   กลับเข้ามาบ้านตอนสายๆ พักผ่อนอยู่กับบ้านนี่แหละ ไม่ต้องไปไหนไกล มิวนั่งเล่นเกม ผมอ่านหนังสือ ภรรยาจัดห้อง พอบ่ายตามใจลูก ไปกินกันที่ฟูจิ กลับมาแบบอิ่มมาก ขนาดกินนิดเดียวนะ (สงสัยเติมขนมมาก่อนหน้านี้แล้ว) เสร็จแล้วกลับบ้าน ไม่ได้เดินเล่นต่อ ไม่ชอบเดินห้าง
   มื้อเย็นจัดที่บ้าน ผมไม่กินนะ อิ่มแน่นท้องเพราะขนม หยิบกินโน่นนิด นี่หน่อย เก็บกดมั้ง ไม่ได้กินพวกนี้มาแรมเดือน ทำไงดี น้ำหนักขึ้นแน่เลย

Navigation

[0] Message Index

[#] Next page

[*] Previous page

Go to full version