Author Topic: เมษ 53 25 ทำลายสถิติขบวนจักรยานยาวที่สุดในโลก 3515 คัน  (Read 12957 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #15 on: April 27, 2010, 07:52:50 pm »
27 เมษ 53
   ชีวิตมีขึ้นมีลงครับ ตลอดวันนี้ผมใช้ชีวิตอยู่ท้ายรถกระบะ นอนอยู่บนกองสินค้า ใต้หลังคาเหล็กแผ่นร้อนจัดที่แผ่รังษีความร้อนออกมาโดนตัวผมอย่างสัมผัสได้ ส่งของตามตลาดใหญ่ๆ อีกเช่นเคย ยกของหนักๆ นี่ต้องวอร์มก่อนครับ อย่างน้อยต้องยืดเส้นยืดสาย แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมยกสู้คนงานไม่ได้หรอก เขาแกร่งกว่าผมเยอะ
   เหงื่อออกจนเสื้อบิดเป็นน้ำหยดได้ โดนแดดเผาจนแสบหน้าแสบตา
   ฤทธิ์ปีชงหรือเปล่าครับนี่

   กลับมาบ้านเห็นลูกกำลังเล่น รู้สึกแปลกใจมากที่เขาเขียนไดอารีบันทึกด้วย เขาให้ผมอ่าน พบว่ามันเป็นเรื่องราวของเขากับเพื่อนที่โรงเรียน และเรื่องราวที่ผ่านมาประจำวัน
   บ๊ะ เหมือนผมเป๊ะเลย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #16 on: April 28, 2010, 08:33:09 pm »
28 เมษ 53
   อ่านบทสัมภาษณ์ของอลัน เบท ในนิตยสารแพรวเล่มล่าสุด วางแผง 25 เมษายน แล้วซึ้งจัด เขารักในหลวงของเรามากๆ จนกระทังออกปั่นจักรยานรอบโลก ไม่ใช่แค่นั้น เขาจะทำลายสถิติโลกอีกด้วย สถิติเดิมที่บันทึกไว้คือระยะทาง 29000 กม ใน 165 วัน เขาจะทำสถิติให้สูงมากๆ เพื่อสถิติจะได้คงอยู่นานๆ ให้คนล้มยากๆ หน่อย ก็จะปั่นที่ระยะทาง 29500 กม ภายใน 149 วันครับท่าน ด้วยเหตุผลที่ว่า ที่มาของการทำสถิติครั้งนี้ของเขาเกิดขึ้นเพราะความรักในหลวงของไทยเรา
   เขาฝึกซ้อมร่างกายมา 2 ปี จากน้ำหนัก 83 กก ตอนนี้เหลือแค่ 68 กก ฝึกหนักทุกด้านเพื่อให้ร่างกายแกร่งเหมือนกับเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เช่น อัตราการเต้นของหัวใจของคนปกติอยู่ที่ 72 ครั้ง/นาที ถ้าเป็นนักกีฬาแกร่งๆ ก็จะสัก 48-50 ครั้ง/นาที แต่ปัจจุบันนี้ หัวใจของอลันเต้นแค่ 38 ครั้ง/นาที
   ยังไม่พอครับ เรื่องการปั๊มสูบฉีดเลือดนี่ยิ่งสำคัญ แลนซ์ อาร์มสตรอง ที่เก่งนั้นก็เพราะมาจากร่างกายเป็นหลัก อลันเองก็เช่นกัน หลอดเลือดแดงเอเออต้าที่มีหน้าที่ปั๊มเลือดไปแจกจ่ายทั่วร่างกายของเขา ตอนนี้มีขนาดใหญ่กว่าคนทั่วไปเกือบจะ 2 เท่าแล้ว
   คนทั่วไปใช้ออกซิเจนในกระแสเลือดราว 20 ลิตร/นาที ส่วนอลันใช้ 38-40 ลิตร/นาที ก็ผลมาจากหลอดเลือดแดงที่มีขนาดใหญ่กว่าคนทั่วไป อย่างที่บอก
   ทั้งหมดนี้เขาฝึกฝนด้วยตัวเอง ไม่ต้องมีเทรนเนอร์อะไรเหมือนคนอื่นเขา
   ผมคุ้นชื่อเขาในเวปจักรยาน แต่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้คลิกอ่าน แต่หลังจากวันนี้แล้ว ผมว่าเขาเป็นคนน่าสนใจมากๆ สมัยเด็กมีชีวิตที่ย่ำแย่ สู้พลิกชีวิตด้วยสองขาตัวเองล้วน
   อ้อ งานนี้เขาต้องขี่วันละประมาณ 300 กม และความเร็วเฉลี่ยทั้งหมดจะอยุ่ที่ 35 กม/ชม ครับ
   อ่านแล้วแทบลงไปชัก

   ตลอดวันนี้ผมสิงอยู่ที่ท้ายรถกระบะครับ แถมวันนี้ต้องอดทนร้อนเป็นพิเศษ ไปส่งของให้ลูกค้าแล้วต้องจอดรถกลางแดดจัดแรงจ้า กว่าของจะหมดรถก็เกือบจะ 2 ชม เล่นเอาแสบหน้าแสบตาอย่างมาก จากที่เมื่อวานแสนจะเหนื่อย วันนี้กลับหนักเสียยิ่งกว่า
   คิดบวกไว้เสมอครับ ได้วิตามินดีเยอะ กระดูกแข็งแรง ร่ายกายแข็งแรง จิตใจแข็งแกร่ง
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
29 เมษ 53
   ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมก็ไม่ได้ขี่จักรยานอีกเลย แต่แปลกนะ ใจกลับคิดถึงแต่จักรยานแบบ Fixed Gear แบบที่เอามาขี่ผาดโผนน่ะ ผมว่ามันน่าสนุกดี แต่คงไม่กล้าเล่นโหดๆ เหมือนพวกวัยรุ่นเขา อายุมากแล้ว เดี๋ยวกระดูกจะต่อกันไม่ติดเปล่าๆ 
   วันนี้ส่งของเหมือนเดิม ระหว่างวันก็ดูนาฬิกาไปด้วย ลูกผมแสดงดนตรีตอน 0130 และจัดกิจกรรมในซุ้มตอน 0200 ครั้งนี้ไม่ได้ไปดูและบันทึกเทปเหมือนเช่นเคย
   ได้แต่ส่งแรงใจไปช่วย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
30 เมษ 53
   OMG – Oh My God ลำพังร้านผมคนงานขาด ผมต้องออกไปช่วยส่งของ คนขับขาด ผมก็เป็นคนขับ เด็กท้ายรถไม่มา ผมก็ต้องเป็นคนยกของ วันนีอะเมซิ่งมาก บริษัทที่จะมาส่งของที่บ้านผมคนงานเขาไม่มา กลายเป็นว่าผมต้องขับรถไปรับสินค้ามาเอง
   เจอรถคันเก่าที่ชื่อ Die Hard อีกแล้วครับ คันนี้เป็นรถที่โทรมสุดในร้าน ไม่มีแอร์ ช่วงล่างแบบไม่สมบูรณ์ เบรกแล้วรถจะเป๋ไปข้างหนึ่ง มาเร้าใจตรงที่มาลุ้นว่ามันจะเป๋ไปข้างใดอีกด้วย
   แสงแดดร้อนแรงจัดจนแสบผิว อากาศอบอ้าว จนผมเผลอคิดไปว่า นี่หากเรายังต้องทำงานใช้แรงงานแบบนี้ ถ้าเราได้อยู่ประเทศเขตหนาวอย่างยุโรปคงจะดีไม่น้อย
   ช่วงกลางวันรถกระบะมีอาการผิดปกติที่ระบบคลัตช์ ปกติคลัตช์จะมีช่วงฟรีอยู่ราว 3-4 นิ้ว คือกดช่วงแรงๆ ผ้าคลัตช์ยังจับไม่เต็มแผ่น ต้องกดสุดตีนถึงจะทำงานเต็มที่ นักขับรถทุกคนเข้าใจดี
   ขับๆ อยู่ดีๆ ไอ้ช่วงฟรีมันก็เกิดหายไปเฉย ตกใจครับ คิดว่าคลัตช์จม นั่นคือเกิดการรั่วไหลในระบบ เอาล่ะสิ ทำไงดีวะนั่น
และเล้วไอ้เทคนิคประหลาดๆ ที่ผมคิดค้นฝึกฝนมาเกือบ 30 ปี ก็นำมาใช้ประโยชน์ได้ในวันนี้ครับ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า เทคนิคแบบ No Clutch Shift แปลเป็นไทยตรงๆ ตัวว่า การเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องเหยียบคลัตช์
เทคนิคนี้เกิดขึ้นเพราะความซนของผมในวัยเด็ก สมัยนั้นเริ่มเรียนรู้ระบบการทำงานของเครื่องยนต์ทั้งระบบ ไอ้เครื่องยนต์น่ะง่าย ใครๆ ก็รู้ เลยมาศึกษาเรื่องระบบเกียร์ มองภาพตัดด้านข้างจะมีราว 2 อัน มีชุดเฟืองแขวนอยู่บนราวทั้ง 2 อันนี้ มีชุดเฟืองที่จะเลื่อนไปมาเพื่อฟันเฟืองจะขบกันระหว่าง 2 ราวอันนี้ ตอนกดคันเร่ง เฟืองเกียร์ที่อยู่ในราวนั้นก็จะหมุนติ้วไปทั้งราว และถ้ายกคันเร่งมันก็จะหมุนช้าลง
พอเราจะเปลี่ยนเกียร์ เราเหยียบคลัตช์ ชุดเกียร์ทั้งหมดจะถูกตัดกำลังลงอย่างกระทันหัน ทำให้หมุนช้าลง เราจึงเปลียนเกียร์ได้ง่าย (เพราะเฟืองมันหมุนช้าลงแล้ว เลยไม่ขบกัน) แถมยิ่งรถยุคใหม่ (หลังปี 1980) ก็เริ่มใช้เฟืองเกียร์แบบ Snychromesh คือมีเฟืองชิดที่คอยเบียดก่อนเข้าเกียร์ ช่วยให้เฟืองหมุนไปได้พร้อมๆ กัน ผลก็คือการเข้าเกียร์ที่นุ่มนวล และราบรื่น ไม่มีเสียงแกร๊กกก กึกกก เหมือนพวกรถโบราณ
รถผมคลัตช์เสียกระทันหัน ทำให้การเข้าเกียร์ผิดปกติไป เทคนิคแบบ No Clutch Shift ก็ทำแบบหน้าด้านเลยล่ะครับ เหยีบบเฉพาะเกียร์ 1 ตอนออกตัว พอลากรอบไปได้สักระยะ ก็ยกคันเร่งและสับ 2 เลย ถ้าทำถูกจังหวะ มันก็จะเข้าได้ ทำแบบนี้ไปตลอดทาง ไอ้การสับเกียร์ขึ้น (Up Shift) น่ะไม่ยากครับ มายากตอนสับลง (Down Shift) อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่ฝึกๆ ไปก็ทำได้เอง มันจะคุ้นมือเฉพาะรถแต่ละคันนะครับ ถ้าเจอรถคันใหม่ ก็ต้องจับอารมณ์ของเครื่องยนต์ตัวนั้นกันใหม่ แต่เท่าที่ลองมาผมว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลอย่างพวกรถกระบะจะทำได้ง่ายกว่ารถเก๋งเบนซิน
ส่งของกลางแดดเหนื่อยล้าครับ ต้องคิดบวกเสมอ อย่างวันนี้บวกมากๆ เพราะได้ใช้ฝีมือประคองรถกลับมาบ้านได้อย่างแท้จริง  วัยเด็กผมซนมากครับ ผมอยู่คนเดียว ชอบสันโดษ เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเอง
ยังมีอีกเทคนิคที่โหดร้ายมากที่สุด จำความได้เคยทำแค่หนเดียวเอง นั่นคือการสตาร์ทเครื่องขณะที่รถยังเข้าเกียร์ 1 อยู่โดยไม่ต้องเหยียบคลัตช์ !!!

   ตอนเย็นไปรับลูกที่โรงเรียน เห็นเขาเล่นกับเพื่อนๆ ผมนั่งพิงเสารอให้เขาเล่นจนอิ่มอกอิ่มใจ กลายเป็นนั่งหลับไปเสียนี่ ก็มันเหนื่อยนี่หว่า แผ่นหลังทั้งแผ่นเปียกโชก แขน หน้า คอ แสบร้อนจากแดดเผา
   ขากลับบ้านแวะตลาดนัดซื้อสลัดแบบพื้นบ้านมากิน อิ่มแบบไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่นัก
   เป็นอีกวันที่ผมเหนื่อยมากครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride