Author Topic: นี่คือทริปที่โหดที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านมา  (Read 5308 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
ขี่ไกล ขี่นาน ขี่ขึ้นเขา ขี่ทางวิบาก ผมเคยเจอมาหมดแล้ว

แต่ท่านนี้เขาขี่อยู่ 2 คืน กับ 1 วันครึ่ง (เกือบจะ 3 วันเต็มๆ ) แบบนี้ผมไม่เคยเจอครับ



ปั่นเดี่ยวกลับบ้านศรีสะเกษ 2 คืน 1 วันครึงโดยไม่พัก..นับถือ.
โดย จารุกัญญา เมื่อ จ. ม.ค. 25, 2010 10:42 pm

ครั้งหนึ่งในชีวิต
ปั่นสองล้อ 2 คืน 1 วันครึ่ง...กทม. – ศรีสะเกษ 572 กม. โดยไม่พัก
โดยคุณแว่น (วันชัย บุญร่วม)
หนุ่มน้อยหน้ามล คนดี มีน้ำใจ ที่ช่วยเหลือเพื่อนๆ ทุกครั้งที่สามารถทำได้ด้วยความเต็มใจ

สวัสดีปีใหม่ 52 ครับ ชาวสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทย ขอให้ทุกท่านมีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง จะได้มาปั่นจักรยานด้วยกันนาน ๆ

ข้าพเจ้าเป็นสมาชิกน้องใหม่ได้ 2 ปี แล้ว ปี 53 นี้เป็นปีที่ 3 แล้ว และต้องขออนุญาตเล่าเขียนเรื่องราวประสพการการปั่นจักรยานทางไกล ใจถึง 100 ครั้งแรกในชีวิตของข้าพเจ้าไว้ในวารสารจดหมายข่าวสองล้อ ณ แห่งนี้ด้วยครับ เพื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านอื่นๆ ที่จะลองปั่นจักรยานทางไกลอย่างข้าพเจ้าบ้าง

เรื่องมีอยู่ว่า อยากทำความฝันให้เป็นจริงปี 52 นี้ เทศกาลปีใหม่วันหยุดยาว พูดในใจกับตัวเอง เราจะต้องปั่นจักรยานกลับบ้านให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ เราตั้งใจไว้แล้วเราต้องทำให้ได้ 29-30-31 ธ.ค.52 -1-2-3 ม.ค.53 วันหยุดยาว 7 วัน

วันที่ 28 ธ.ค.52 เลิกงานตอนเย็น สัมภาระเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว อาบน้ำแต่งตัว ปิดไฟ ปิดน้ำ ดูความเรียบร้อยอีกครั้ง เวลา 18.30 น. ออกจากบานพักปั่นไปทำธุระทีวัดโบสถ์สามเสน ออกจากวัดเวลา 21.00 น. ปั่นต่อมุ่งหน้าหา ถนนโรคัลโลด ปั่นผ่านแยกเกียกกายตัดเข้าถ.รัชดา ผ่านบิ๊กซี วงศ์สว่าง ตัดเข้า กิโลคัลโลด ถึง 21.45 น. ปั่นไปคนเดียวหาเพื่อนไม่มีใครปั่นด้วย กลับบ้านครั้งนี้บินเดี่ยวครับใช้ ถนนโรคัลโลด ปั่นมาเรื่อยๆ ตัดเข้าถนนพหลโยธิน ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ถึงเวลา 22.40 น. ปั่นต่อมุ่งหน้าสระบุรีทำความเร็ว 25-28 กม./ชม.
ปั่นผ่านทางเข้านิคมนวนครมาแล้วได้ประมาณ 10 กิโล เจอไหล่มสางเป็นหลุมเป็นบ่อ ข้างหน้ามีหลุมใหญ่หลบเข้าในเจอร่องรอยต่อไม่เสมอกัน จักรยานเสียหลักล้มโครม รีบลุกขึ้นนำจักรยานเข้าข้างทาง สำรวจตัวเองดูมีเจ็บตรงไหนบ้าง มีแผล 2 ที่ ตรงหัวเข่าไม่มาก เจ็บสันฝ่ามือมีรอยช้ำทั่งสอยมือ ปั่นกำลังมันๆ อยู่แท้ๆ หันกลับไปมอบย้อนหลังโห๋ ข้าพเจ้าปั่นมาตั้งไกลแล้ว เปลี่ยนใจตอนนี้ไม่ได้แล้ว ตั้งใจไว้แล้วนี่ ต้องทำความฝันให้เป็นจริง ตัดสินใจสู้ๆ ไม่ท้อไม่ถอย ข้าพเจ้าปั่นต่อครับพี่น้อง ตลอดทางปั่นมาเรื่อยๆ เจอนักเลงเพียบเลย ตามรายทางมีแต่นักเลง ข้าพเจ้าไม่กลัวหรอก ตัวไหนซ่าๆ หาเรื่อง ข้าพเจ้าชักอาวุธออกมาขู่ อยู่เข้ามานะเอง เห็นไหมไม้ในมือของฉันคืออะไร เดี๋ยวฉันโมโหขึ้นมาจะบรรเลงเพลงไม้ท้าวตีสุนัข ตัวไหนซ่าเข้ามาเดี๋ยวตีให้ร้องเอ๋งๆ ไปเลย (คนพูดกับหมา) นักเลงเยอะมากๆ ครับ ข้าพเจ้ามีไม้เท้าตีสุนัขพกมาด้วย ปั่นเจอทางแยก ซ้ายนครสวรรค์ขวาสระบุรี เข้าสระบุรีปั่นมาเรื่อยๆ ไหล่ทางกว้างทำความเร็ว 23-25 กม./ชม.

ก่อนถึงสระบุรีเลี้ยวขวาประมาณ 5 กิโล เจอทางเบี่ยงบอกว่าโคราช ข้าพเจ้า ก็ปั่นขึ้นสะพานข้ามฟากมาแล้ว โห๋ทำไมมืดๆ ทางก็เปลี่ยวนานๆ จะมีรถตามหลัง ยังดีทางสวยเรียบน่าปั่นอากาศเย็นมีลมนิดๆ โอพระจันทร์สวยจัง มีแสงจันทร์แสงดาวส่องแสงนำทาง ได้บรรยากาศดีอีกแบบ เอทางเส้นนี้ มันไปออกที่ไหนนะ เราปั่นมาตั้งนานแล้วนะ ปั่นตามทางมาเรื่อยๆ โน่นเห็นแสงไฟสว่างข้างหน้าคงใกล้จะถึงทางออกถนนใหญ่แล้วสินะ ปั่นอีกไม่กี่กิโลก็ถึง อ.แก่งคอย แวะปั้มน้ำมันเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา น้ำมันไม่ต้องเติมเพราะเป็นจักรยาน เติมแต่น้ำคนเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองพัก 10 นาที ดูเวลา โห๋ จะตี 2 แล้ว 01.56 น. ไปดีกว่าปั่นต่อข้างหน้าคงเริ่มขึ้นเขาทางคงจะชัน ออมแรงไว้ดีกว่าความเร็ว 20-30 กม./ชม. ผ่านโรงปูน TPI เห็นครัวครูต้อ แถวนี้เขาเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ เส้นทางเริมขึ้นเนินคงจะชันเขาข้าวงหน้าจอดกินน้ำแล้วปั่นต่อทางเริ่มสูงชันทางแคบลงไหล่ทางมีแต่ก้อนหินปั่นลำบาก ต้องใช้รอยล้อรถบรรทุกน้องขอใช้ด้วยสักคันนะครับคุณพี่ยักใหญ่ทั้งหลาย คุณพี่สิบล้อรถพ่วงหกล้อก็ใจดีมากหลบเลี่ยงให้ ปั่นขึ้นเขาช่วงนี้ต้องระมัดระวง ข้าพเจ้าใช้เวลาปั่นขึ้นเขประมาณ 5-6 ชั่วโมง

ฟ้าเริ่มสว่างแล้วถึง อ.มวกเหล็ก ตลาด อ.ส.ก.อะไรนี่ละ เวลา 06.30น แวะกินข้าวเพิ่มพลังอิ่มแล้วมีแรงขึ้นมาเยอะ 07.30 น.ปั่นต่อไม่อยากพักนานอากาศยามเข้าเย็นสบาย ตลาดข้างทางเห็นมีสินค้าของฝากของขายเยอะแยะเต็มไปหมดเลย อยากซื้อไปฝากให้คนที่อยู่ทางบ้านจัง แต่ซื้อๆไม่ได้แค่สัมภาระของตัวติดท้าย มาจากกรุงเทพฯก็เยอะแล้ว ได้แต่มอง ปั่นมาเรื่อยๆ ข้างหน้าลงเนินโอ๋เป็นร่องเขากว้างหรือเปล่านะ โห๋เนินจุดนี้ยาวมาก ข้าพเจ้าต้องออกแรงมากปั่นไปนับได้ 100 เมตรถึงพ้นโอยเหนื่อยจังเลย แต่มันจังเลยพ่ะย่ะค่ะ มีสูงยาวชันกว่านี้อีกไหม ปั่นมาเรื่อยถึงที่พักรถน่าจะเป็นกลางดงกระมัง เห็นมีเต็นท์มีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่แวะขอน้ำเย็นๆกินหน่อย เจ้าหน้าที่ถาม “มาจากไหน” บอกว่า”มาจากกรุงเทพฯครับ” “ แล้วจะไปไหน” “ ไป จ.ศรีสะเกษ ครับ” “ หาไปศรีสะเกษ เนี่ยนะ” เจ้าหน้าที่ร้องโอยเลย “แล้วมากันกี่คนครับ” “ ผมมาคนเดียวตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” “ เป็นไปได้งัยปั่นจักรยานมาคนเดียวใจถึงจริงๆ” “ ขอบคุณครับ” ดูนาฬิกาเวลา 09.30 น.สายมากแล้ว “ผมขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณนะครับ สำหรับน้ำดื่มเย็นๆ” “ขอให้โชคดีเดินทางปลอดภัย” “ ครับขอบคุณ”

ข้าพเจ้าปั่นต่อ ตลอดทางลงเนินขึ้นเนินไม่รู้กี่เนินจำไม่ได้ มองออกทางซ้าย โอ เห็นเขื่อนลำตะคอง ถึงลำตะคองแล้ว โอวิวสวยมากๆ เลยลมก็เย็นสบาย เวลา 12.00 น. และเต็นท์จุดพักรถมีเจ้าหน้าที่หลายคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ช่วงนี้น่าจะเป็นจุดกึ่งกลางลำตะคองมีเจ้าหน้าที่หลายท่านมาสอบถามให้ความสนใน พอรู้ว่าข้าพเจ้าปั่นจักรยานมาจากกรุงเทพฯ จะไป จ.ศรีสะเกษ ก็พากันมาดูมาพูดคุยหลายท่านให้ความสนใจจักรยานจับโน่นจับนี่สอบถามข้อมูล ขอให้ลงบันทึกในสมุดเยื่ยม มีท่านหัวหน้าขอคุยด้วย พอรู้วาข้าพเจ้าปั่นจักรยานออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่คืนวันที่ 28 ธ.ค. ท่านหัวหน้าศูนย์อำนวยการกล่าวชมเป็นการใหญ่บอกว่าให้ปีนี้เป็นปีประวัติศาสตร์ของการเดินทางแน่เลย เคยตั้งศูนย์เต็นท์มาหลายปีไม่เคยเห็นใครปั่นจักรยานกลับบ้านที่ระยะทางยาวไกลอย่างนี้มาก่อน ท่านยังบอกให้พักนอนได้นะด้านหลังมีเต็นท์เตจรียมให้ประชาชนที่ต้องการจะพัก

จุดนี้ข้าพเจ้าใช้เวลาพักกินน้ำกินข้าวประมาณสัก 10-15 นาที ได้เวลาออกเดินทางร่ำลากับเจ้าหน้าที่ทุกๆ ท่าน ก็อวยพรให้เดินทางโดยสวัสดีมีชัยขอให้โชคดีปลอดภัย เวลา 12.25 น.ปั่นต่อปั่นมาเรื่อยๆ ผ่านวิวทิวเขาสวยๆ ถึงสีคิ้ว ถึง อ.สูงเนิน สูงเนินสมชื่อ ลงเนินแล้วขึ้นเนินอีก ขึ้นลงมาหลายเนิน มีทางแยกซ้ายบุรีรัมย์ อ.โชคชัย ตรงไปโคราช ปั่นออกซ้ายเข้าโชคชัย เข้าเขต อ.โชคชัย ทางเส้นนี้ไม่มีต้อนไม้ข้าวงทาง ปั่นขึ้นเนินตลอดทำความเร็วได้ 23-25 กม./ชม

ช่วงบ่ายอากาศร้อนร่มไม้ไม่ค่อยมี เจอศพหมาโดนรถชนตายอยู่ริมถนน เลือดเต็มพื้นถนน ปั่นผ่านศพหมา 100 เมตร มีศาลาพักข้างทางขอพักสักหน่อยดีกว่า ปั่นขึ้นเนินมาตลอด เหนื่อยจัง นั่งพักหันมองศพหมาตาย รถคันใหญ่ๆผ่านมารีบหลบใหญ่เลยแล้วเหยียบศพ มองเห็นแล้วไม่พักดีกว่า ไม่สบายใจ เวลา 15.30 น. เหลืออีก 45 กิโลเมตร จะถึง อ.โชคชัย ปั่นต่อใช้ความเร็ว 18-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปั่นขึ้นเนินลงเนินขึ้นเนิน โอ๊ยเหนื่อย!!! ข้างหน้ามีซุ้มเต็นท์พัก มีเจ้าหน้าที่อยู่ 5-6 คน แวะพักขอน้ำเย็นกิน “สวัสดีครับ...ขอพักหน่อยครับ” “เชิญครับเชิญ...โห..มาจากไหนเนี่ย” “มาจากกรุงเทพฯครับ” “หามาจากกรุงเทพฯจะไปไหนต่อ” “จะไปศรีสะเกษครับ” “ปั่นมากี่วันแล้ว...ไม่เหนื่อยเหรอ” “ปั่นมาเมื่อคืนที่ 28 วันนี้ก็ 29 ธ.ค.52 จะ 2 วันครับ” “มีน้ำเย็น น้ำแข็งก็มีนะ กินเติมน้ำได้ตามสบายนะ” “ขอบคุณครับ” “จะไปพักนอนที่ไหน หนองกี่-นางรอง” “ผมคิดว่าไม่พักนอนที่ไหนหรอก ต้องการทำเวลา จะปั่นไปเรื่อยๆ ครับ” “จากนี้ไปศรีสะเกษ 300-400 กิโลเมตรได้มั่ง” เจ้าหน้าที่ว่า “ได้ยินแล้วใจแป๋วเลย” ดูเวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที “ขอตัวก่อนนะครับ ต้องการถึง อ.หนองกี่ก่อนค่ำ ขอบคุณมากครับที่บริการ” “ไม่เป็นไร ขอให้โชคดี” ปั่นต่อเห็นหลักกิโลเมตรบอก 20 กิโลเมตร ถึง อ.โชคชัย ปั่นมาเรื่อยๆ ความเร็ว 23-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไหล่ทางกว้างเรียบปั่นสบาย เวลา 17.30 ถึง อ.โชคชัย เจอศูนย์ให้บริการตรวจเช็ครถให้ประชาชนที่ไปมาต้องแวะ ป้ายเขียนว่า “วิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลโคราช” พอข้าพเจ้าจอดจักรยานเรียบร้อย โห!! น้องๆนักศึกษามารุมล้อมใหญ่เลย เปล่าครับ น้องๆ ไม่ได้มารุมทำร้ายหรอกครับ แต่ให้การต้อนรับอย่างดี พอรู้ว่าข้าพเจ้าปั่นจักรยานมาจากกรุงเทพฯ โดยมีจุดหมายปลายทางที่ จ.ศรีสะเกษ ทั้งน้องๆ พี่ๆที่ศูนย์แห่งนี้ก็ขอสัมภาษณ์และสอบถามเป็นการใหญ่ ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก บางคนขอลายเซ็น ขอให้ลงบันทึกในสมุดเยี่ยม มีพี่เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งมาคุยด้วย ท่านบอกว่า”ได้ตั้งศูนย์บริการประชาชนที่ตรงนี้มาหลายปี ไม่เคยมีใครปั่นจักรยานกลับบ้านอย่างน้องเลยนะ ระยะทางไกลไม่ใช่ย่อยนะนี่ พี่ชอบใจน้องจริงๆ เยี่ยมมาก” “ขอบคุณครับ ผมก็เพิ่งปั่นมาครั้งนี้เป็นครั้งแรก อยากลองดูครับ” “เหนื่อยพักนอนได้นะ ด้านหลังมีที่พัก” “ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณ ผมต้องการทำเวลาไปให้ถึงศรีสะเกษเช้าวันที่ 30 ธ.ค. 52 เดี๋ยวจะไม่ทันคณะผ้าป่า วันนี้คณะผ้าป่ารถออกจากกรุงเทพฯ 3 ทุ่ม ไม่อยากโดนแซง” ใช้เวลาพักพูดคุยกับพี่ๆน้องๆ เทคโนฯ ณ ศูนย์แห่งนี้ประมาณ 15-20 นาที ก็ขออำลาออกเดินทางต่อ เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก็

จะ 1 ทุ่มแล้ว คงอีกหลายกิโลจะถึง อ.หนองกี่ ปั่นมาเรื่อยๆ ทำความเร็ว 25-28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เวลา 19.45 นาฬิกา ถึง อ.หนองกี่ ข้างหน้ามีจุดบริการ แวะพัก โอ้โห...จุดนี้มีเจ้าหน้าที่สาวๆ 3-4 คน เลยจอดจักรยานแวะคุย เจ้าหน้าที่สาวๆสวยๆ น่ารัก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีมาก ยกน้ำเย็น ชงกาแฟมาให้ ข้าวต้มก็มี กินน้ำกินกาแฟเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่หนุ่มสาวก็สอบถามพูดคุยด้วยอัธยาศัยเป็นอย่างดี

พอรู้ว่าข้าพเจ้าปั่นจักรยานมาจากกรุงเทพฯเป็นเวลา 1 คืน กับ 1 วัน โดยไม่ได้พักนอน ก็พากันสอบถามอย่างตื่นเต้น “โห...มาได้งัย ระยะทางไม่ใช่น้อยๆ เลยนะคุณ เหนื่อยง่วงนอน พักนอนก่อนได้นะคะ” “ขอบคุณ ผมทำเวลาจะไปให้ทันเช้าวันที่ 30 ธ.ค. นะครับ” “กะว่าถึงศรีสะเกษกี่โมงค่ะ” “ผมว่าน่าจะประมาณ 09.00-10.00 น. อย่างเร็ว” “งั้นขอให้โชคดีเดินทางโดยปลอดภัยนะคะ” “ขอบคุณครับ” ลงบันทึกสมุดเยี่ยมถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แจกลายเซ็นเรียบร้อย ตรงจุดนี้พักนานหน่อย มีแต่สาวสวยๆ ทั้งนั้น พอร่ำลาจากจุดพักตรงนี้ ข้าพเจ้าปั่นยาวให้ถึง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ข้าพเจ้าปั่นผ่าน อ.นางรอง ไม่แวะพัก ปั่นต่อผ่านพ้นมาแล้ว เส้นทางเริ่มแคบลง แบ่งเป็น 2 เส้น รถวิ่งสวนกัน ต้องระวัง ยังดีที่ไหล่ทางกว้าง ปั่นสบายทางเรียบ อากาศเย็นสบาย มีแสงจันทร์แสงดาวส่องแสงนำทาง ท้องฟ้าดวงดาวเต็มไปหมด นานแล้วที่ไม่ได้เห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า ปั่นจักรยานอยู่คนเดียว บรรยากาศแบบนี้ นึกถึงเพลงของมารีฮวนนา

ยามค่ำคืนบรรยากาศอย่างนี้มีเพื่อนปั่นจักรยานร่วมทางมาด้วยคงจะดีไม่น้อย (พูดกับตัวเอง) ใกล้จะถึง อ.ปราสาท ทางเริ่มไต่ระดับนิดๆ เวลา 02.30 น. ถึง อ.ปราสาท กะว่าจะพักจอดกินน้ำนิดหนึ่ง ไม่พักดีกว่า เดี๋ยวจะช้าไม่ทันเวลา ปั่นต่ออีกหลายกิโลเมตรกว่าจะถึง อ.สังขะ ปั่นผ่านพ้น อ.ปราสาทมาแล้ว

ข้าพเจ้ารู้สึกว่าทางไต่ระดับขึ้น เอ๋...ทางมันก็เรียบๆ นี่นา ทำไมจักรยานมันหนืดๆ ก็ไม่แน่ใจว่าตัวเราจะหมดแรงปั่น แต่ไม่นะ ยังมีแรงอยู่ ปั่นมาตั้งไกลแล้ว ใกล้จะถึง อ.สังขะ หรือยังนะ ข้างหน้ามีไฟสว่าง ขอจอดกินน้ำ ดูนาฬิกาตรงเสาไฟฟ้าที่สว่าง เห็นหมู่บ้านเล็กๆ เวลา 04.00 น. ตีสี่แล้ว ปั่นต่ออีกไม่นานก็จะเช้าแล้ว ทางเริ่มไต่ระดับ ปั่นเรื่อยๆ ทำความเร็วได้ 15-18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปั่นเรื่อยๆ ท้องฟ้าเริ่มมีแสง เหลือกี่กิโลนะจะถึง อ.สังขะ มองย้อนไปข้างหลัง โห..มิน่า ว่าปั่นไม่ค่อยออก เล่นปั่นขึ้นเนินมาตลอดทาง ถึง อ.สังขะคงสายน่าดู จอดกินน้ำพักเหนื่อย ปั่นต่อรถบัสแซงข้าพเจ้าไปหลายคันแล้ว คณะผ้าป่าก็คงจะแซงไปแล้วมั่ง ถึง อ.สังขะ

เวลา 06.35 น. จอดพักสักครู่ โอ๊ยเหนื่อยจังเลย 2 คืน กับ 1 วัน ปั่นมายังไม่นอน จะไปนอนที่บ้าน หายเหนื่อยแล้วปั่นต่อ ผ่านพ้น อ.สังขะแล้ว

โอ๊ย!!...ยังมีเนินอีกเหรอ ปั่นได้ 10 โล จอดพักข้างทาง กินน้ำหายเหนื่อย ปั่นต่อผ่าน อ.บัวเชด อ.ภูสิ่ง อยู่ข้างหน้า ปั่นถึงนี้แล้ว สู้ๆๆไปให้ถึง อีก 5 กิโลเมตรจะถึง อ.ภูสิ่ง เจอร้านขายแตงโม แวะกินแตงโมสักลูก มีคุณลุงคนหนึ่งนั่งอยู่ เข้าไปหาบอกซื้อแตงโม 1 ลูกแก้หิว ลุงแกเอามาให้ ผ่ากินอย่างอร่อย หวานด้วย ได้แตงโมกินรู้สึกชื่นใจ มีพลังพูดคุยกับลุง สักครู่ ขอตัวปั่นต่อ เวลา 09.00 น. ปั่นผ่าน อ.ภูสิ่ง ไม่แวะ ทำเวลาหน่อย อีกตั้งไกลกว่าจะถึง อ.ขุขัน ปั่นมาเรื่อยๆ เห็นต้นพุทรา มีลูกเต็มไปหมด อยู่ข้างทาง แวะจอดเก็บกินอย่างอร่อย เก็บพกมาด้วย ปั่นไปกินไปมาเรื่อย ตลอดทางมีแยกอยู่ข้างหน้า ซ้าย อ.ขุขัน ตรงไป จ.อุบลราชธานี ตรงมุมแยกมีศูนย์บริการ แวะพัก เจ้าหน้าที่อยู่หลายท่าน ให้การต้อนรับอย่างดี กินกาแฟ น้ำ ข้าว พักพูดคุยกับเจ้าหน้าที่หลายท่าน หลายท่านให้ความสนใจกับข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก ที่ข้าพเจ้าปั่นจักรยานทางไกลระยะทางจากกรุงเทพฯถึงจุดตรงนี้ ดูเข็มไมล์แล้วเป็น 525 กิโลเมตร เหลืออีก 70 กิโลเมตร ถึง อ.ไพรบึง พักหายเหนื่อย ล่ำลาเจ้าหน้าที่ ปั่นต่อใช้ทางลัด ตัดเข้าตัว อ.ขุขัน ลัดเข้า บ.สำโรง ลัดเข้า อ.ไพรบึง ถึงที่ว่าการ อ.ไพรบึง
เวลา 12.00 น. รถบัสของคณะผ้าป่าตามมาด้านหลัง ทันกันพอดี ข้าพเจ้าปั่นเข้าวัดจังกระดานคนมุงดูเยอะแยะ นึกว่าฝรั่งมาจากไหน ฮ่าฮ่า...

ถึงบ้านแล้วโว้ย ดีใจมากๆ และภูมิใจมากครับที่ข้าพเจ้าทำความฝันให้เป็นจริง ข้าพเจ้าทำสำเร็จแล้ว 2 คืน กับ 1 วันครึ่ง ระยะทางจับได้ตามเข็มไมล์ 572 กิโลเมตร ตัดออก 20 กิโลเมตร เพราะใช้ทางลัด ต้องขอขอบคุณพี่โจ๋ท่าพระ ไว้ ณ ที่นี้ จดหมายข่าวสองล้อแห่งนี้ ที่พยายามโทรเช็คข่าวคราวของข้าพเจ้าตลอดการเดินทางของข้าพเจ้าด้วยความเป็นห่วง
จาก น้อง(แว่น)ฉายานักปั่นไส้แห้ง

Source  http://www.thaicycling.com/board/viewtopic.php?f=7&t=4781
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride