Author Topic: ใครดื่มน้ำน้อย เชิญทางนี้ครับ  (Read 12222 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
ข้อดีของการดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง

การดื่มน้ำเมื่อท้องว่างผ่านกระเพาะเพื่อรักษาสุขภาพที่ดี ในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้เป็นที่นิยมการดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอนตอนเช้า

(ก่อนแปรงฟัน) เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่าน้ำสามารถใช้ชะลอความแก่ และสามารถบำบัดรักษาโรคได้ เราสามารถใช้น้ำเพื่อบำบัดรักษาโรคได้หลายโรค มีการพิสูจน์จนยอมรับว่าสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล 100% (ค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้ระยะเวลา) ปวดหัว ปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็ว โรคลมบ้าหมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไต และยูริก โรคแสลงคลื่นไส้ต่างๆโรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวง โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง และรอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก

 

วิธีการรักษาปฏิบัติดังนี้

1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว (640 ซีซี)

2. หลังจากนั้นสามารถแปรงฟันและล้างหน้าได้ แต่ต้องไม่ดื่ม หรือ

    รับประทานอะไรจนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ

3. หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาที  

    ต้องไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานเลย จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป

4. ผู้ป่วย หรือ คนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ขอให้ค่อยๆ ดื่ม

    ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้ว

 

ข้อปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าวจะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรค

ที่เป็นอยู่ค่อยๆ  เบาและหายขาดได้ในที่สุด

วิธีนี้ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

 

จากสถิติข้อมูลโรคที่บำบัดรักษาทำให้หายได้ภายในเวลาดังนี้

1. โรคความดันโลหิตสูง 30 วัน

2. โรคกระเพาะ 10 วัน

3. โรคเบาหวาน 30 วัน

4. โรคท้องผูก  10 วัน

5. โรคมะเร็ง 180 วัน

6. โรควัณโรค 90 วัน

 

สำหรับโรคไขข้ออักเสบจะเห็นผลภายใน 3 วันในสัปดาห์แรกให้ปฏิบัติทุกวัน

วิธีรักษาแบบนี้ไม่มีผลเสียแต่อย่างใด

เพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้น และหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะปวดปัสสาวะ

ซึ่งอาจไม่สะดวกในการเดินทางบ้างเท่านั้น ขอให้มีสุขภาพที่ดีทุกท่าน

 

 

ประโยชน์ของการดื่มน้ำอุ่น

 

คงต้องยอมรับว่า “ น้ำ ” นั้นเป็นธรรมชาติที่สุดแสนมหัศจรรย์ น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร่างกายมนุษย์ และถูกใช้ในกิจการต่างๆ อีกจิปาถะมากมายหลายเรื่อง แต่หลายคนคงไม่รู้ว่า น้ำยังสามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ น้ำอุ่น ”

 

บัญชา เขมธร คือหนึ่งที่ในผู้ที่เคยป่วย มีร่างกายอ่อนแอ แต่เมื่อหันกลับมาใช้น้ำอุ่นในการบำบัดรักษาก็สามารถฟื้นฟูสุขภาพให้กลับคืนมาได้ กระทั่งตัดสินใจเขียนหนังสือชื่อ “ มหัศจรรย์น้ำอุ่น ” เพื่อเผยแพร่ความรู้เป็นวิทยาทานให้กับคนอื่นๆ ด้วย

 

อาจารย์บัญชาเล่าให้ฟังว่า ร่างกายมีปัญหาจากโรคภูมิแพ้เป็นอย่างมาก ยิ่งตอนที่ทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ในห้องแล็บด้วยแล้ว อาการยิ่งหนัก เวลานอนจะทรมานมาก จนบางครั้งต้องเปลี่ยนไปนั่งแทน ถ้าอากาศเปลี่ยนเมื่อไหร่เป็นต้องกำเริบ

 

อย่างไรก็ตาม กระทั่งได้มาใกล้ชิดกับอาจารย์ประกายเพชร ทองพิทักษ์ ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ก็เลยได้ความรู้และให้คำแนะนำว่าโรคนี้รักษาไม่ยาก ขอแค่เพียงดื่มน้ำอุ่นเข้าไปมากๆ เท่านั้น “ การดื่มน้ำอุ่น เป็นเรื่องที่หลายคนรู้สึกไม่รื่นรมย์ที่จะดื่ม เพราะรู้สึกโหวงๆ เหมือนไม่ได้น้ำ คนเราเวลาเหนื่อยๆ ทำงานหนักๆ มาพอได้น้ำเย็นแล้วจะรู้สึกสดชื่นมากกว่า คนก็เลยไม่อยากที่จะดื่ม ”

 

อาจารย์บัญชาแนะนำเพิ่มเติมว่า การดื่มน้ำอุ่นที่ถูกต้องจะต้องดื่มตามสูตร คือ ตี 5 ตื่นมาดื่มน้ำอุ่นประมาณลิตรครึ่งประมาณนั้น คนร่างเล็กหน่อยอาจจะลิตรหนึ่ง 200 ซีซี หรือจะดื่มมากกว่านั้นก็ได้ขอให้เป็นรวดเดียวหมดภายใน 2-3 อึดใจโดยไม่ต้องชักปากออกจากกระบอกน้ำเลย

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาไม่สามารถดื่มตามสูตรได้ ในระยะเริ่มแรกก็จะต้องใช้ความพยายามสักหน่อย เริ่มต้นจากทีละนิดก่อน เช่น ดื่มน้ำอุ่น 1 ลิตรครึ่งภายใน 1 ชั่วโมง

 

ทั้งนี้ น้ำอุ่นมันเป็นน้ำที่ไม่ให้โทษแก่ร่างกาย จะดื่มเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีปัญหา เพราะต้องไม่ลืมว่าอุณหภูมิของร่างกายเรานั้นอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียสโดยประมาณ เมื่อเราดื่มน้ำอุ่นเข้าไปความร้อนของร่างกายก็จะไม่กระทบกระเทือน ร่างกายไม่ต้องผลิตความร้อนขึ้นมาเพื่อให้กับน้ำที่เราดื่มเข้าไป แต่ถ้าเป็นน้ำเย็นดื่มเข้าไปมากเท่าไหร่ ร่างกายจะต้องใช้ความร้อนมากขึ้นตามจำนวนน้ำเย็นที่เราดื่มเข้าไปเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำนั้นให้เข้ากับร่างกายถึงจะนำน้ำนั้นไปใช้ได้

 

“ น้ำที่เราดื่มเข้าไปตอนเช้า ตามสูตรจะมีผลต่อระบบทางเดินอาหารโดยตรง โดยจะเข้าไปชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ที่มีอยู่ในร่างกายออกมา แต่ที่ต้องไม่ลืมก็คือ การรับประทานอาหารเช้า เพราะว่าเราเพิ่งล้างทางเดินอาหารอยู่หยกๆ กำลังใหม่ๆ เมื่อเรากินอาหารเข้าไปน้ำย่อยบริบูรณ์ ทางเดินสะอาด การดูดซึมก็ง่ายขึ้น ซึ่งการย่อยที่ดีขึ้นนัน้ ทำให้เราได้รับประโยชน์จากการรับประทานอาหารที่กินเข้าไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อาหารกลางวันรองลงมา ส่วนอาหารเย็นอาจจะไม่จำเป็น

 

การที่เราดื่มน้ำตามสูตรจะทำให้เราเป็นผู้มีน้ำเต็ม ร่างกายจะมีความเอิบอิ่ม ไม่ขี้โมโหง่าย ราศีเปล่งออกมาอย่างเต็มที่ การเคลื่อนไหวจะไม่มีการติดขัด เส้นเอ็น เนื้อหนังมังสายืดหยุ่นได้ตามสภาพ พร้อมใช้งานได้ทุกชนิด และต้องบอกว่า การดื่มน้ำอุ่นที่จริงแล้วคือการล้างพิษนั่นเอง โรคเกาต์เอย ความดันสูงเอย คอเลสเตอรอลสูงเอย เหล่านี้เป็นผลมาจากการขาดน้ำทั้งนั้น ”

 

นอกจากนั้น อาจารย์บัญชายังให้คำแนะนำว่า น้ำเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ทำให้น้ำเป็นโทษต่อร่างกาย เช่น ต้องไม่นั่งเฉยๆ เพราะจะทำให้น้ำท่วมไตได้ หรือ อย่ากลั้นอุจจาระ ปัสสาวะ เพราะจะเป็นการขัดขวางกระบวนการทำงานของร่างกาย ซึ่งจะทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้

 

... และที่อยากฝากทิ้งเอาไว้ก็คือ คนที่อยากอายุยืนยาว ต้องเริ่มต้นด้วยน้ำ จากนั้นปรับธาตุอาหารให้ดี ฝึกจิตใจให้ดี เพียงแค่นี้ชีวิตก็จะอยู่ได้นานโดยที่ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทองไปสรรหายาต่างๆ มารับประทานแต่อย่างใด

 

 

 

"ประโยชน์ของการดื่มน้ำชา"

 

ยืนยันดื่มน้ำชาวิเศษกว่าน้ำเปล่า ต่างน้ำได้แถมยัง กันโรคมะเร็งได้

[ข่าววิทยาการจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ วัน พุธ ที่ 26 ธ.ค. 50 - 00:21]

 

วารสารวิชาการ “โภชนาการบำบัด” ของสหภาพยุโรป รายงานว่า

การดื่มชาเป็นประโยชน์แก่ร่างกาย ยิ่งกว่าน้ำเสียอีก และไม่ได้เป็นเหตุให้ร่างกายสูญเสียน้ำเลย

 

รายงานการศึกษาของนักโภชนาการอังกฤษพบว่า ดื่มชาไม่แต่เพียงทำให้ร่างกายได้น้ำไม่ แพ้น้ำเปล่า หากยังวิเศษกว่า ตรงที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งได้อีกด้วย เนื่องจากมีสารฟลาโวนอยด์ที่เชื่อกันว่าเป็นสารประกอบสำคัญที่บำรุงสุขภาพ ซ้ำใบชายังมีสารโพลีฟานอลที่มี อยู่ตามอาหารและพืชหลายชนิด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าช่วยปกป้องอันตรายให้กับเซลล์ด้วย   คณะนักวิจัยอันประกอบด้วย ดร.แครี รักซ์ตัน และเพื่อนนักวิจัยที่วิทยาลัยคิงส์ ได้ศึกษา โดยการทบทวนรายงานการศึกษาถึงคุณประโยชน์ ต่อสุขภาพในการดื่มชาเรื่องต่างๆ ได้พบหลักฐานชัดเจนว่า การดื่มชาวันละ 3-4 ถ้วย ช่วยให้ความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจน้อยลง รายงานบางเรื่องยังส่อว่ามันยังช่วยป้องกันมะเร็ง แม้ว่าเรื่องนี้จะชัดแจ้งน้อยกว่า นอกจากนั้นยังมีคุณประโยชน์ อื่นอีก เช่น ช่วยป้องกันแผ่นคราบจุลินทรีย์จับฟัน และอาจเป็นได้ว่ายังช่วยเสริมกระดูกให้แข็งแรงและป้องกันฟันผุได้ด้วย ดร.รักซ์ตัน ได้ระบุว่า “ดื่มชาดีกว่าดื่มน้ำจริงๆ น้ำช่วยแต่เพียงทดแทนของเหลวให้กับร่างกาย ในขณะที่ชานอกจากทดแทนของเหลวแล้ว ยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย มันจึงเป็นคุณถึงสองอย่าง”.

 

 

ดื่มน้ำอย่างไรให้ได้ประโยชน์

 

เนื่องจากน้ำ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในร่างกาย (60-70%ของน้ำหนักตัว)เมื่อร่างกายขาดน้ำจะทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายแปรปรวน โดยเฉพาะระบบประสาท ทำให้มีอาการ เช่น มึนงง ตื้อ ปวดศีรษะหรือหน้ามืดเวลาลุกได้ ส่วนระบบอื่นๆอาจทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือเป็นนิ่วได้ในกรณีที่ดื่มน้ำน้อยแถมยังชอบกลั้นปัสสาวะอีก โดยเฉพาะสาวๆที่ไม่ชอบเข้าห้องน้ำนอกบ้าน


วิธีการคือ

ดื่มอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอตลอดวัน ไม่ใช่ดื่มเฉพาะมื้ออาหาร และให้ดื่มน้ำเมื่อเห็นไม่ใช่ดื่มเมื่อหิว เพราะถ้าเริ่มหิวน้ำแสดงว่าร่างกาย เริ่มขาดน้ำแล้วโดยเตรียมน้ำไว้ใกล้ตัวเวลาทำงาน หรือดื่มน้ำทดแทนหลังจากเข้าห้องน้ำ จิบบ่อยๆ ให้เป็นนิสัย ประมาณอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร โดยสังเกตจากสีของปัสสาวะ ไม่ควรเป็นสีเหลืองเข้ม ควรเป็นสีเหลืองใส หรือขาวใส ปัสสาวะใสจะบ่งชี้ถึง เลือดที่ใส ความหนืดน้อยไหลเวียนดี(เลือดใสไม่ใช่โรคเลือดจาง) และถ้าวันไหนอากาศร้อนหรือออกกำลังกายเสียเหงื่อมากหรือเป็นไข้ก็ต้องดื่มน้ำเพิ่มนะครับ

 

"การดื่มน้ำ"
รู้ว่าต้องดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วเท่านั้นไม่พอนะคะ เพราะว่าการดื่มน้ำ ถ้าดื่มไม่ถูกเวลา หรือผิดวิธีก็ไม่เกิดผลดีใด ๆ แก่ร่างกาย เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า วธีการดื่มน้ำที่ถูก และได้ประโยชน์จริง ๆ ต้องดื่มอย่างไร

         1. ดื่มทุกครั้งที่ร่างกายร้องขอ แต่อย่าพรวดพราดดื่มทีละมากๆ เพราะนั่นจะไปเพิ่มภาระให้ระบบขับถ่ายอย่าง ไต ปอด ม้าม รวมทั้งระบบย่อยด้วย
         2. ทฤษฎีที่ว่า ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วนั้น หมายรวมถึงปริมาณทั้งหมดที่รับในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำจากผัก ผลไม้ น้ำแกง น้ำก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ
         3. ถ้ารับประทานอาหารรสที่ไม่จัดจนเกินไป คุณก็แทบจะไม่กระหายน้ำเลย แต่หากรับประทานเนื้อสัตว์ ของหวานจัด หรืออาหารแห้งๆ ทอด ย่าง ปิ้ง ร่างกายก็จะเรียกหาน้ำมากขึ้น ทำให้อวัยวะต่างๆทำงานหนัก ผลก็คือมันจะทรุดโทรมลงก่อนวัยอันควร

         4. อากาศร้อนของบ้านเรา ทำให้แทบทุกคนชอบเครื่องดื่มเย็นๆ จนติดเป็นนิสัยแม้ในช่วงที่มีอากาศเย็นซึ่งทำให้อวัยวะต้องปรับน้ำที่เย็นกว่าให้เท่ากับอุณหภูมิร่างกายก่อนนำไปใช้ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง ระบบย่อยอาหารไม่ดี หรือปวดประจำเดือน จึงควรดื่มน้ำอุ่นๆ เพื่อให้ร่างกายขับเหงื่อ และดื่มตอนที่รู้สึกกระหายที่สำคัญคือ ไม่ควรดื่มน้ำระหว่างรับประทานอาหาร เพราะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่เต็มที่วิธีแก้ไขคือจิบน้ำอุ่น หรือซดน้ำซุปแก้ฝืดคอแทน แล้วเคี้ยวอาหารช้าๆ ให้ละเอียดก่อนกลืน จะช่วยลดการกระหายน้ำได้
         5. หากคุณต้องการดื่มน้ำให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆ ควรดื่มตอนที่เพิ่งลุกจากเตียงหมาดๆ, 1 ชั่วโมงก่อนอาหาร,และหลังจากอิ่มแล้วครั่งชั่วโมง นี่แหละค่ะดีต่อสุขภาพสุดๆ

เป็นไงคะ ประโยชน์ของการดื่มน้ำเล็ก ๆ น้อยที่ไม่ควรมองข้าม...

การดื่มน้ำ บำบัดโรค
การดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ   การดื่มน้ำมากมากจะทำให้อายุยืนยิ่งถ้าพบว่าผิวหนังแห้งไม่ชุ่มชื้น ตาแห้ง มีกลิ่นปาก ท้องผูก เป็นริดสีดวงทวาร นั่นแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังขาดน้ำอย่างยิ่งเชียววิธีแก้แบบง่าย ปลอดภัย และประหยัดที่สุดก็คือการดื่มน้ำ น้ำ เป็นของที่ไม่แพง ถ้าเราดื่มมากหน่อยคงไม่สิ้นเปลืองอะไรแถมยังทำให้มีสุขภาพด้วยแต่...จะดื่มยังไงดี???? นั่น คือคำถาม
ดื่มให้ถูกวิธี คือ ดื่มวันละ 14
ดื่มให้ถูกวิธี คือ ดื่มวันละ 14 แก้ว ได้แก่
1. เวลาตื่นนอนให้ดื่มน้ำอุ่น 4 แก้ว    
2. ก่อนอาหารทุกมื้อ มื้อละ 1 แก้ว
3. หลังอาหารทุกมื้อ มื้อละ  1 แก้ว    
4. ในเวลา 10.00, 14.00, 16.00 เวลาละ 1 แก้ว
5. ก่อนนอนดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว
จะดื่มไหวมั้ยเนี่ย....ต้องลองดูนะ

การดื่มน้ำ บำบัดโรค

 

วิธีการรักษาปฏิบัติดังนี้    
1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว (640 ซีซี)
2. หลังจากนั้นสามารถแปรงฟันและล้างหน้าได้ แต่ต้องไม่ดื่ม หรือรับประทานอะไรจนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3. หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาที ต้องไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานเลย จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป
4. ผู้ป่วย หรือ คนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ขอให้ค่อยๆ ดื่ม ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้ว



 

ทำแล้ว.....ดีอย่างไร?

 

ข้อปฏิบัติ 4

ข้อดังกล่าวจะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ค่อย ๆ เบาและหายขาดได้ในที่สุด วิธีนี้ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
จากสถิติข้อมูลโรคที่บำบัดรักษาทำให้หายได้ภายในเวลา ดังนี้

1. โรคความดันโลหิตสูง 30 วัน
2. โรคกระเพาะ 10 วัน
3. โรคเบาหวาน 30 วัน
4. โรคท้องผูก 10 วัน
5. โรคมะเร็ง 180 วัน
6. โรควัณโรค 90 วัน

 
ดื่มน้ำเมื่อท้องว่างดีอย่างไร

การดื่มน้ำเมื่อท้องว่างผ่านกระเพาะเพื่อรักษาสุขภาพ ที่ดี ในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้เป็นที่นิยมการดื่มน้ำทันที หลังตื่นนอนตอนเช้า (ก่อนแปรงฟัน) เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่าน้ำ สามารถใช้ชะลอความแก่ และสามารถบำบัดรักษาโรคได้ เราสามารถใช้น้ำเพื่อบำบัดรักษาโรคได้หลายโรค มีการพิสูจน์จนยอมรับว่าสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ ได้ผล 100% (ค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้ระยะเวลา) ปวดหัว ปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็วโรคลมบ้าหมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไต และยูริก โรคแสลงคลื่นไส้ต่างๆโรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวง โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง และรอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก

 

ดื่มน้ำเปล่าช่วยลดน้ำหนัก

ดื่มน้ำเปล่าช่วยลดน้ำหนักใครที่คิดว่าตัวเองน้ำหนักเยอะ และอยากลดน้ำหนักอยู่ รู้หรือไม่ว่า การดื่มน้ำเปล่ามากกว่า 2 ลิตรต่อวัน จะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยชาไรต์ที่กรุงเบอร์ลิน พบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำได้มากถึงวันละ 2 ลิตรนั้น จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญอาหารได้เพิ่มขึ้นอีกถึงวันละ 150 แคลอรี่  ศาสตราจารย์ไมเคิล บอสชมานน์ หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า เพราะน้ำที่ดื่มจะเข้าไป จะไปปลุกประสาทซิมพาเทตติก ซึ่งควบคุมการเผาผลาญอาหารของร่างกาย ทำให้ช่วยกำจัดแคลอรี่ที่ เกินลดน้อยลงไปได้  วารสารเรื่อง “วิทยาการต่อมไร้ท่อและการเผาผลาญอาหารภายในร่างกาย” เปิดเผยว่า นักวิจัยยังได้บอกเตือนไว้ว่า “หากจะดื่มน้ำเพื่อลดน้ำหนักนั้น ควรจะเป็นน้ำเปล่าเท่านั้น หากดื่มน้ำแร่หรือน้ำอัดลม จะกลับกลายเป็นโทษได้”  ใครอยากลดน้ำหนักก็ลองทำตามกันดูได้

เทคนิคในการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ
เค้าบอกว่าถ้าดื่มในช่วงพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าต้องดื่มน้ำอุ่น......แต่ถ้าพระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าแล้วให้ดื่มน้ำเย็น
เป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนหลงลืมอิทธิพลของพระอาทิตย์-พระจันทร์มานานนมถ้าทำได้ดังที่ว่านั้น เค้าบอกว่าประโยชน์จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณอย่างเห็นได้ชัดเพราะการดื่มน้ำสามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียได้ ทำให้โอกาสในการเป็นโรคภูมิแพ้ต่ำสามารถล้างคราบไขมันตามลำคอ และล้างลำไส้ที่มีความยาว 12 เมตรของมนุษย์ได้การดื่มน้ำในจำนวน 14 แก้วต่อวันทำให้การขับถ่ายไม่มีปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะสามารถดื่มน้ำได้ตามคำแนะนำนี้หรือไม่ ถ้าทำได้....ไม่เพียงแต่จะดีกับตัวคุณหากยังประหยัดเงินค่ารักษาพยาบาลประหยัดค่าวิตามินเสริมต่าง ๆ ที่ต้องเสียไปทุกเดือนไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่.......

เกร็ดเล็กๆน้อยๆ  

 

ข้อควรจำคือ ไม่ควรดื่มน้ำก่อนและหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ เพราะจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจางลง ส่งผลให้การย่อยไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในแต่ละมื้อไม่ควรรับประทานอาหารให้แน่นจนเกินไป ควรทานแค่อิ่มพอดี แล้วรับประทานผลไม้สดเพื่อล้างคอ ก่อนจะจิบน้ำตามนิดหน่อย รับรองสบายท้อง!! ส่วนการรับประทานอาหารพร้อมกับดื่มน้ำตลอดเวลา เป็นนิสัยที่ควรเลิก ทางที่ดีควรซดน้ำแกงกลั้วคอจะเวิร์กกว่า!!

 

 

ประโยชน์ของการดื่มน้ำ

 

อาจเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่น้ำจะเป็นสิ่งสำคัญที่มีส่วนช่วยในการดูแลรูปลักษณ์ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะต้องดื่มน้ำเพราะความจำเป็น แต่ในความเป็นจริง น้ำ เป็น "อาหารอันวิเศษ " ที่ช่วยในการดูแลรูปลักษณ์อย่างถาวร

 

ทานน้ำเพื่อให้ไตทำงาน

          ไตไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเราทานน้ำไม่เพียงพอ เมื่อไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ตับก็จะเป็นตัวที่ต้องทำงานหนักขึ้น หน้าที่หลักของตับก็คือ ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายให้เกิดเป็นพลังงาน แต่ตับต้องมาทำหน้าที่ของไต ทำให้มันไม่สามาถทำหน้าที่หลักได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เอง จำทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันได้น้อยลง และยิ่งเพิ่มการสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น และทำให้การดูแลรูปลักษณ์หยุดชะงักลง

 

กักน้ำด้วยน้ำ

          การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ เป็นการรักษาของเหลวไว้ได้ดีที่สุด เมื่อร่างกายได้รับน้ำน้อย มันจะรับรู้ว่าจะต้องรักษาความอยู่รอดไว้โดยจะต้องรักษาน้ำไว้ทุกหยด ร่างกายจะกักเก็บน้ำไว้ในที่ว่างพิเศษในโพรงเล็กๆ (ภายนอกเซลล์) ซึ่งจะเห็นได้จากอาหารบวมที่เท้า มือ และขา การขับปัสสาวะจะช่วยให้ดีขึ้นชั่วคราว และจะบังคับให้ร่างกายเกิดความรู้สึกว่าจะต้องมีน้ำเข้ามากักเก็บไว้พร้อมกับความต้องการสารอาหารที่สำคัญบางชนิด เมื่อร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ อาการที่เกิดขึ้นก็จะหายเป็นปกติ

          วิธีที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดน้ำในร่างกาย ก็คือเราจะต้องดื่มน้ำในปริมาณมากเพื่อที่ร่างกายจะมีน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลน หากคุณมีปัญหาร่างกายขาดน้ำอาจมาจากสาเหตุที่ร่างกายได้รับปริมาณเกลือมากเกินไป ร่างกายของเราจะสามารถรับปริมาณโซเดียมได้จำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่การกำจัดปริมาณเกลือที่ทานเข้าไปเกินความต้องการนั้นสามารถทำได้ง่าย เพียงแต่ดื่มน้ำให้มากขึ้นเท่านั้น เพราะน้ำจะช่วยให้ไตขับโซเดียมออกมา คนที่มีน้ำหนักมากร่างกายต้องการน้ำมากกว่าคนผอม คนตัวใหญ่จะมีการเผาผลาญที่มากกว่า น้ำจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีน้ำหนักมาก เพราะน้ำเป็นตัวสำคัญที่ช่วยในการเผาผลาญไขมัน

          น้ำยังช่วยทำให้กล้ามเนื้อของเรามีความชุ่มชื้น และยังทำให้ผิวหนังไม่เ่ยวย่นหลังจากการดูแลรูปลักษณ์ เซลล์ขนาดเล็กสามารถลอยตัวอยู่ได้ด้วยน้ำทำให้ผิวหนังดูเปล่งปลั่งและสดใส ชุ่มชื้น

          น้ำยังช่วยกำจัดของเสีย ระหว่างการดูแลรูปลักษณ์ร่างกายจะมีของเสีย โดยเฉพาะไขมันที่จะต้องกำจัดออก ซึ่งถ้าหากร่างกายมีน้ำเพียงพอก็สามารถกำจัดของเสียเหล่านี้ออกมาได้มาก

 

i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
น้ำช่วยบรรเทาอาการท้องผูก

          น้ำสามารถช่วยไม่ให้ท้องผูก หากร่างกายได้รับน้ำน้อย ทำให้ขับถ่ายลำบาก ซึ่งทำให้เกิดท้องผูก แต่สามารถช่วยให้หายได้ โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอ

          ได้มีการค้นพบว่าน้ำมีส่วนช่วยในการดูแลรูปลักษณ์ ร่างกายไม่สามารถทำหน้าที่ได้โดยสมบูรณ์หากได้รับน้ำไม่เพียงพอ โดยเฉพาะการเผาผลาญไขมันที่สะสม หากร่างกายเก็บน้ำไว้มากจะดูได้จากการที่มีน้ำหนักเกิน แต่แก้ไขได้โดยการดื่มน้ำเพิ่มขึ้น การดื่มน้ำมากขึ้นจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการดูแลรูปลักษณ์ ดื่มน้ำเท่าไหร่จึงจะพอ? โดยเฉพาะควรดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน

          อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีน้ำหนักเกินควรดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้นอีก และจะต้องเพิ่มขึ้นอีกหากคนๆ นั้น ชอบออกกำลังกาย หรืออยู่ในที่ๆมีอาการร้อน หรือแห้ง น้ำเย็นจะถูกดูดซึมในร่างกายได้เร็วกว่าน้ำอุ่น บางหลักฐานแนะนำว่า การดื่มน้ำเย็นจะช่วยเผาผลาญแคลลอรี่ ในการที่จะใช้ประโยชน์จากการดื่มน้ำเพื่อช่วยในการลดน้ำหนักให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดควรปฏิบัติ ดังนี้

   - เช้า ดื่มน้ำหนึ่งควอต ทุก ๆครึ่งชั่วโมง

   - บ่าย ดื่มน้ำหนึ่งควอต ทุก ๆครึ่งชั่วโมง

   - เย็น ดื่มน้ำหนึ่งควอต ระหว่างเวลา 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม

          เมื่อร่างกายได้รับน้ำ มันจะต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ร่างกายจำเป็นต้องรักษาระดับของของเหลวให้สมดุลย์ไว้ ซึ่งเรียกว่า "breakthrough Point ซึ่งหมายถึง ต่อมเอ็นโดซีนจะสามารถทำงานได้ดีขึ้น เมื่อการรักษาระดับของเหลวในร่างกายเบาบางลงเนื้องจากสูญเสียน้ำ ไขมันจำนวนมากจะถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง เนื่องจากตับมีอิสระในการทำหน้าที่เผาผลาญไขมันที่สะสม ทำให้เกิดความรู้สึกกระหายน้ำ รู้สึกหิวตลอดเวลา หากคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดการขาดความสมดุลย์ในการรักษาระดับของเหลวในร่างกาย ซึ่งจะทำให้คุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร เพื่อกลับคืนสู่สภาพปกติคุณจะต้องดื่มน้ำจำนวนมากขึ้น

 

 

น้ำคือยาวิเศษ

เมื่อเช้าอ่านเจอเห็นว่ามีประโยชน์ดีเลยเอามาโพสให้น่ะ

 

ปริมาณของเหลวในร่างกายทั้งหมด(Total Body Water,TBW) แบ่งเป็น2ส่วน คือ ส่วนที่เป็นของเหลวภายในเซลล์ (Intracellular Fluid,ICF) มีปริมาณเป็นสองในสามของของเหลวในร่างกายทั้งหมด และส่วนที่เป็นของเหลวภายนอกเซลล์ (Extracellular Fluid,ECF) มีปริมาณเป็นหนึ่งในสามของของเหลวในร่างกายทั้งหมดซึ่งแบ่งออกเป็น4ส่วนสำคัญได้แก่ 

1. ส่วนที่เป็นของเหลวล้อมรอบเซลล์ (Interstitial Fluid )

2. ส่วนของเหลวที่ประกอบเป็นพลาสมาในหลอดเลือด(Intravascular Fliud )

3.ของเหลวส่วนที่เป็นน้ำเหลือง (Lymph)

4.ของเหลวที่อยู่ในอวัยวะต่างๆเช่น น้ำในข้อ น้ำในลำไส้ เป็นต้น

 

ข้อเสียหากดื่มน้ำไม่เพียงพอ

1.ผิวหนังแห้งไม่ชุ่มชื้น

2. ตาแห้งขาดน้ำหล่อเลี้ยง

3.มีกลิ่นปาก

4.ท้องผูก เป็นริดสีดวงทวาร

5.เลือดข้นทำให้การไหลเวียนโลหิตลำบากหัวใจต้องทำงานหนักในการสูบฉีด ทำให้เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย

6.ลมหายใจร้อนไม่สดชื่น

7.ใบหน้าร้อนและเกิดอาการร้อนในบ่อยๆ

8.เยื่อบุผนังในปากอักเสบ ลิ้นเป็นฝ้าหนา

9.ปัสสาวะติดขัด มีสีเหลืองเข้ม เป็นเหตุให้ไตพิการ ไตวาย เป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

10.อุณหภูมิในร่างกายสูง เหงื่อน้อย มีกลิ่นตัวแรง

 

ประโยชน์ของการดื่มน้ำอย่างพอเพียง

1.ช่วยสร้างสมดุล และเป็นการช่วยทำความสะอาดอวัยวะในร่างกาย ลดการทำงานหนักของอวัยวะต่างๆ

2.ช่วยให้น้ำเข้าสู่กระเพาะอาหาร ลำไส้ได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้องว่างในตอนเช้า จะทำให้ลำเลียงน้ำไปจนถึงลำไส้ใหญ่ได้ ช่วยให้ถ่ายอุจจาระดีขึ้น

3.ช่วยให้เลือดเหลวไม่ข้น การไหลเวียนเป็นไปได้ง่าย การสูบฉีดดี หัวใจไม่ต้องทำงานหนัก ไม่เมื่อยล้า ไม่เหนื่อยง่าย

4.ไม่ร้อนใน ปากและลิ้นสะอาด

5.ผิวกาย ใบหน้าชุ่มชื้น เต่งตึง

6. ลมหายใจสดชื่น

7.แววตาสดใสมีน้าหล่อเลี้ยง ไม่แสบตา(โดยไม่ต้องทำตาแอ๊บแบ๊วเลยอิอิเวอร์ไปไหมเนี่ย) เออเนอะ อืมม์ต่อๆ

8.ช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกายให้ปกติ

9. ช่วยลดความเครียด เพราะจะช่วยให้เลือดลดความเข้มข้นลง คือเมื่อเราเครียดมากๆ จะทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดง ไขกระดูกม้าม ผลิตสารชนิดหนึ่งเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เลือดเข้มข้นมากไป ซึ่งจะส่งผลเสียต่ออวัยวะส่วนอื่นๆที่เลือดไหลผ่าน

10. ช่วยให้อ่านหนังสือสอบดีขึ้น เนื่องจากขณะอ่านหนังสือและทำความเข้าใจนั้น สมองต้องทำงานหนัก น้ำในสมองจึงเกิดความไม่สมดุล (ลำเอียงแน่ๆ) การดื่มน้ำจึงเข้าไปช่วยปรับความสมดุลได้

11. ช่วยลดความอ้วนได้ เพราะน้ำจะทำให้การสะสมของไขมันน้อยลง

12. การดื่มน้ำสามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียได้ทำให้โอกาสการเป็นภูมิแพ้ต่ำลง

13. สามารถล้างคราบไขมัน ตามลำคอและล้างลำไส้ที่ยาว12เมตรของมนุษย์ได้อีกด้วย

14. ช่วยประหยัดเงินค่ารักษาพยาบาล ค่าวิตามินเสริมต่างๆ

 

เทคนิคช่วยให้ดื่มน้ำได้มาก

 

1.ทันทีที่ตื่นนอนดื่มน้ำอุ่นจัดทันที1แก้ว

2.ตั้งน้ำดื่มไว้บนโต๊ะทำงาน

3.ตั้งน้ำดื่มไว้บนโต๊ะอาหาร

4.ตั้งน้ำดื่มไว้ในห้องนอน

5.ก่อนออกจากบ้านไม่ลืมเตรียมน้ำไว้ในรถ

6.รับประทานผลไม้ ผักสดให้มาก(ล้างก่อนน่ะ)

7.ไม่ว่าไปไหน พกน้ำดื่มติดตัวไปด้วยเสมอ

 

รู้อย่างนี้แล้วไปหาน้ำมารีบดื่มกันเถอะ รักษาสุขภาพด้วยน่ะ

 

 

ดื่มน้ำตอนกระเพาะว่าง

 

ทุกวันนี้ เป็นที่รู้กันดีในญี่ป่นเรื่องประโยชน์ของการดื่มน้ำ ทันทีหลังจากตื่นนอนทุกๆเช้า นอกจากนั้น  ผลการทดสอบของนักวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์เรื่องนี้ได้อ ีกด้วย เราได้พิมพ์บทความเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากน้ำดังต ่อไปนี้ ให้กับผู้อ่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเก่า โรคร้ายแรง หรื่อโรคที่เพิ่งเป็นกันในปัจจุบันนี้  การรักษาด้วยน้ำก็ได้รับการค้นพบอย่างสำเร็จโดยสมาคม การแพทย์ประเทศญี่ปุ่นว่า รักษาโรคดังต่อไปนี้ได้ 100%

โรคปวดหัว ปวดเมือยตามตัว โรคหัวใจ โรคข้อต่ออักเสบ

โรคหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ โรคลมบ้าหมู โรคอ้วนเกินไป โรคหลอดลมอักเสบ

วัณโรค เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคไตอักเสบ อาเจียน โรคกระเพาะอาหาร

ท้องเสีย ริดสีดวงทวาร เบาหวาน ท้องผูก โรคเกี่ยวกับตา เนื้องอก มะเร็ง

ประจำเดือนมาไม่ปกติ และโรคเกียวกับ หู จมูก คอ เป็นต้น

 

วิธีรักษา

1. เมื่อตื่นนอนแล้วตอนเช้าก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้วๆละ 160 ml

2. แปรงฟันแต่อย่ารับประทาน หรือดื่มอะไรทันที เป็นเวลา 45นาที

3. หลังจาก 45 นาที ทานได้เป็นปกติ

4. หลังจากทานอาหารเช้า กลางวัน หรือ เย็น ไปแล้ว 15 นาที อย่ารับประทานอาหาร หรือดื่มอะไรต่ออีกเป็นเวลา 2 ชั่วโมง

5. สำหรับผู้สูงอายุ หรือ ผู้ป่วยที่ไม่สามารถดื่มน้ำได้ถึง 4 แก้วในช่วงแรกๆ ก็ให้เริ่มทีละน้อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้วต่อวัน

 

วิธีรักษาข้างต้นนี้ สามารถรักษาหลายๆโรคดังกล่าว  และทำให้ท่านได้มีความสุขกับชีวิตที่มีสุขภาพดี  แต่ละโรคใช้เวลาในการรักษาต่างกัน ตามรายละเอียดข้างล่างนี้

1. High Blood Pressure(โรคความดันโลหิตสูง) - 30 days

2. Gastric (โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร) - 10 days

3. Diabetes (เบาหวาน) - 30 days

4. Constipation(ท้องผูก) - 10 days

5. Cancer (มะเร็ง) - 180 days

6. TB (วัณโรค) - 90 days

7. ผู้ป่วยโรคนี้ควรทำการรักษาในสัปดาห์แรก เพียง 3 วัน  และในสัปดาห์ที่สอง จึงทำได้ทุกวัน

 

วิธีการรักษาเช่นนี้ไม่มีผลข้างเคียง แต่อย่างไรก็ตามระยะเริ่มต้นของการรักษาอาจทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น

 

ถ้าทำต่อไปเรื่อยๆจะดีขึ้นเป็นลำดับ และให้ทำเป็นกิจวัตรประจำวัน ดื่มน้ำ มีสุขภาพดี กระฉับกระเฉง

 

ฟังแล้วดูมีเหตุผล ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นมักดื่มชาร้อนเวลารับประทานอาหารทุกมื้อ ไม่ใช่น้ำเย็น บางที่อาจถึงเวลาที่เราต้องฝึกนิสัยดื่มน้ำอุ่นในเวลาทานอา หารแบบพวกเขาไม่มีอะไรต้องเสีย มีแต่ได้

 

 

ว่าต้องดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วเท่านั้นไม่พอนะคะ เพราะว่าการดื่มน้ำ ถ้าดื่มไม่ถูกเวลา หรือผิดวิธีก็ไม่เกิดผลดีใด ๆ แก่ร่างกาย เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า วธีการดื่มน้ำที่ถูก และได้ประโยชน์จริง ๆ ต้องดื่มอย่างไร

 

การดื่มน้ำที่ถูกวิธี

 

1. ดื่มทุกครั้งที่ร่างกายร้องขอ แต่อย่าพรวดพราดดื่มทีละมากๆ เพราะนั่นจะไปเพิ่มภาระให้ระบบขับถ่ายอย่าง ไต ปอด ม้าม รวมทั้งระบบย่อยด้วย

2. ทฤษฎีที่ว่า ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วนั้น หมายรวมถึงปริมาณทั้งหมดที่รับในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำจากผัก ผลไม้ น้ำแกง น้ำก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ

3. ถ้ารับประทานอาหารรสที่ไม่จัดจนเกินไป คุณก็แทบจะไม่กระหายน้ำเลย แต่หากรับประทานเนื้อสัตว์ ของหวานจัด หรืออาหารแห้งๆ ทอด ย่าง ปิ้ง ร่างกายก็จะเรียกหาน้ำมากขึ้น ทำให้อวัยวะต่างๆทำงานหนัก ผลก็คือมันจะทรุดโทรมลงก่อนวัยอันควร

4. อากาศร้อนของบ้านเรา ทำให้แทบทุกคนชอบเครื่องดื่มเย็นๆ จนติดเป็นนิสัยแม้ในช่วงที่มีอากาศเย็นซึ่งทำให้อวัยวะต้องปรับน้ำที่เย็นกว่าให้เท่ากับอุณหภูมิร่างกายก่อนนำไปใช้ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง ระบบย่อยอาหารไม่ดี หรือปวดประจำเดือน จึงควรดื่มน้ำอุ่นๆ เพื่อให้ร่างกายขับเหงื่อ และดื่มตอนที่รู้สึกกระหายที่สำคัญคือ ไม่ควรดื่มน้ำระหว่างรับประทานอาหาร เพราะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่เต็มที่วิธีแก้ไขคือจิบน้ำอุ่น หรือซดน้ำซุปแก้ฝืดคอแทน แล้วเคี้ยวอาหารช้าๆ ให้ละเอียดก่อนกลืน จะช่วยลดการกระหายน้ำได้

5. หากคุณต้องการดื่มน้ำให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆ ควรดื่มตอนที่เพิ่งลุกจากเตียงหมาดๆ, 1 ชั่วโมงก่อนอาหาร,และหลังจากอิ่มแล้วครั่งชั่วโมง นี่แหละค่ะดีต่อสุขภาพสุดๆ

 

 

ดื่มน้ำบำบัดโรค ช่วยอายุยืน

รายงานทางการแพทย์ระบุว่า การดื่มน้ำมากๆจะทำให้อายุยืน พร้อมสำรวจอาการร่างกายขาดน้ำ ยิ่งถ้าพบว่าผิวหนังแห้ง ไม่ชุ่มชื้น ตาแห้ง มีกลิ่นปาก ท้องผูก เป็นริดสีดวงทวาร นั่นแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังขาดน้ำอย่างยิ่งเชียว

 

“วิธีแก้แบบง่ายๆ ปลอดภัย และประหยัดที่สุดก็คือ การดื่มน้ำนั่นเอง”

ดื่มน้ำให้ถูกวิธี คือ ดื่มวันละ 14 แก้ว ได้แก่

1. เวลาตื่นนอนให้ดื่มน้ำอุ่น 4 แก้ว

2. ก่อนอาหารทุกมื้อ มื้อละ 1 แก้ว

3. หลังอาหารทุกมื้อ มื้อละ 1 แก้ว

4. ในเวลา 10.00, 14.00, 16.00 เวลาละ 1 แก้ว

5. ก่อนนอนดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว รวม 14 แก้ว

 

หลักการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด สามารถทำง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยน้ำที่เหมาะแก่การดื่มคือ น้ำอุณหภูมิปกติไม่ร้อนหรือเย็นจัดจนเกินไป ถ้าเป็นน้ำอุ่นควรดื่มตอนเช้าเพื่อช่วยล้างลำไส้ให้สะอาด และช่วยการขับถ่ายของเสีย

 

เทคนิคในการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ ทางการแพทย์บอกว่าถ้าดื่มในช่วงพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าต้องดื่มน้ำอุ่น....แต่ถ้าพระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าแล้วให้ดื่มน้ำเย็น เพื่อเป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนหลงลืมอิทธิพลของพระอาทิตย์พระจันทร์มานาน ถ้าทำได้ดังที่กล่าวมาประโยชน์จากการดื่มน้ำจะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณอย่างเห็นได้ชัด

 

ข้อควรจำ ไม่ควรดื่มน้ำก่อนและหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ เพราะจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจางลง ส่งผลให้การย่อยไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ในแต่ละมื้อไม่ควรรับประทานอาหารให้แน่นจนเกินไป ควรทานแค่อิ่มพอดี แล้วรับประทานผลไม้สดเพื่อล้างคอก่อนจะจิบน้ำตามนิดหน่อยรับรองสบายท้อง ส่วนการรับประทานอาหารพร้อมกับดื่มน้ำตลอดเวลาเป็นนิสัยที่ควรเลิก ทางที่ดีควรซดน้ำแกงกลั้วคอจะดีกว่า

 

ประโยชน์ของการดื่มน้ำแร่

 

ผลของการดื่มน้ำแร่นี้เป็นประจำ ทำให้ มาคีส์ เดอ เลซแซร์ ซึ่งป่วยเป็นโรคไตและอยู่ในการหลบหนีจากการปฎิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 ได้หยุดพักดื่มน้ำดับกระหายที่น้ำพุเซนต์ แคเธอรีน จากการดื่มน้ำจากน้ำพุเซนต์ แคเธอรีน เป็นประจำ อาการป่วยของเดอ เลซแซร์ ทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น เห็นผลของการได้ดื่มน้ำสะอาดๆ หรือยังค่ะ ดีกว่าดื่มเหล้า หรือ น้ำอื่นๆที่ปรุงด้วยสารเคมี ที่วางขายเกลื่อนตามซุปเปอร์มาร์เก็ตตั้งเยอะ

 

 

ประโยชน์ของการดื่มนมเปรี้ยว

 

ใครที่ชอบดื่มนมเปรี้ยว รู้ถึงประโยชน์ของนมเปรี้ยวกันหรือไม่ วันนี้เกร็ดความรู้มีมาบอกกัน...

 

      การดื่มนมเปรี้ยว

 

1. จะได้รับกรดแลคติก ที่เกิดจากการหมักตัวของจุลินทรีย์ในนมเปรี้ยว ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัสได้ดียิ่งขึ้น ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสีย ที่กระเพาะมีปริมาณความเป็นกรดลดลง ทำให้อาหารไม่สามารถย่อยได้ดี

2. จะช่วยปรับสภาพของกระเพาะอาหารให้เป็นกรดขึ้น และทำให้การดูดซึมอาหารดีขึ้น รวมทั้งป้องกันไม่ให้เชื้อโรคตัวอื่น ๆ รุกล้ำเข้าไปในระบบย่อยอาหาร และนอกจากนี้จุลินทรีย์ที่เติมในนมเปรี้ยวยังมีส่วนช่วยในการขับถ่ายอีกด้วย

3. การดื่มนมเป็นสิ่งที่ดี  ร่างกายจะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายครบถ้วน ดังนั้นการดื่มนมเปรี้ยวจึงต้องพิจารณาวัตถุดิบที่นำมาผลิต รวมทั้งราคาเมื่อเทียบกับปริมาณของอาหาร และสารอาหารที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในลักษณะใกล้เคียงกัน แต่ถ้าคิดจะบริโภคเป็นอาหารว่าง เพื่อเป็นการเปลี่ยนรสชาติบ้างคงไม่เป็นไร

 

อย่างนี้แล้ว ลองหันมาดื่มนมเปรี้ยว เพื่อสุขภาพที่ดีกันดีกว่า.

 

 

มหัศจรรย์น้ำอุ่น

 

คงต้องยอมรับว่า “ น้ำ ” นั้นเป็นธรรมชาติที่สุดแสนมหัศจรรย์ น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร่างกายมนุษย์ และถูกใช้ในกิจการต่างๆ อีกจิปาถะมากมายหลายเรื่อง

 

แต่หลายคนคงไม่รู้ว่า น้ำยังสามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ น้ำอุ่น ”

 

บัญชา เขมธร คือหนึ่งที่ในผู้ที่เคยป่วย มีร่างกายอ่อนแอ แต่เมื่อหันกลับมาใช้น้ำอุ่นในการบำบัดรักษาก็สามารถฟื้นฟูสุขภาพให้กลับคืนมาได้ กระทั่งตัดสินใจเขียนหนังสือชื่อ “ มหัศจรรย์น้ำอุ่น ” เพื่อเผยแพร่ความรู้เป็นวิทยาทานให้กับคนอื่นๆ ด้วย

 

อาจารย์บัญชาเล่าให้ฟังว่า ร่างกายมีปัญหาจากโรคภูมิแพ้เป็นอย่างมาก ยิ่งตอนที่ทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ในห้องแล็บด้วยแล้ว อาการยิ่งหนัก เวลานอนจะทรมานมาก จนบางครั้งต้องเปลี่ยนไปนั่งแทน ถ้าอากาศเปลี่ยนเมื่อไหร่เป็นต้องกำเริบ

 

อย่างไรก็ตาม กระทั่งได้มาใกล้ชิดกับอาจารย์ประกายเพชร ทองพิทักษ์ ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ก็เลยได้ความรู้และให้คำแนะนำว่าโรคนี้รักษาไม่ยาก ขอแค่เพียงดื่มน้ำอุ่นเข้าไปมากๆ เท่านั้น “ การดื่มน้ำอุ่น เป็นเรื่องที่หลายคนรู้สึกไม่รื่นรมย์ที่จะดื่ม เพราะรู้สึกโหวงๆ เหมือนไม่ได้น้ำ คนเราเวลาเหนื่อยๆ ทำงานหนักๆ มาพอได้น้ำเย็นแล้วจะรู้สึกสดชื่นมากกว่า คนก็เลยไม่อยากที่จะดื่ม ”

 

อาจารย์บัญชาแนะนำเพิ่มเติมว่า การดื่มน้ำอุ่นที่ถูกต้องจะต้องดื่มตามสูตร คือ ตี 5 ตื่นมาดื่มน้ำอุ่นประมาณลิตรครึ่งประมาณนั้น คนร่างเล็กหน่อยอาจจะลิตรหนึ่ง 200 ซีซี หรือจะดื่มมากกว่านั้นก็ได้ขอให้เป็นรวดเดียวหมดภายใน 2-3 อึดใจโดยไม่ต้องชักปากออกจากกระบอกน้ำเลย

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาไม่สามารถดื่มตามสูตรได้ ในระยะเริ่มแรกก็จะต้องใช้ความพยายามสักหน่อย เริ่มต้นจากทีละนิดก่อน เช่น ดื่มน้ำอุ่น 1 ลิตรครึ่งภายใน 1 ชั่วโมง

 

ทั้งนี้ น้ำอุ่นมันเป็นน้ำที่ไม่ให้โทษแก่ร่างกาย จะดื่มเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีปัญหา เพราะต้องไม่ลืมว่าอุณหภูมิของร่างกายเรานั้นอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียสโดยประมาณ เมื่อเราดื่มน้ำอุ่นเข้าไปความร้อนของร่างกายก็จะไม่กระทบกระเทือน ร่างกายไม่ต้องผลิตความร้อนขึ้นมาเพื่อให้กับน้ำที่เราดื่มเข้าไป แต่ถ้าเป็นน้ำเย็นดื่มเข้าไปมากเท่าไหร่ ร่างกายจะต้องใช้ความร้อนมากขึ้นตามจำนวนน้ำเย็นที่เราดื่มเข้าไปเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำนั้นให้เข้ากับร่างกายถึงจะนำน้ำนั้นไปใช้ได้

 

“ น้ำที่เราดื่มเข้าไปตอนเช้า ตามสูตรจะมีผลต่อระบบทางเดินอาหารโดยตรง โดยจะเข้าไปชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ที่มีอยู่ในร่างกายออกมา แต่ที่ต้องไม่ลืมก็คือ การรับประทานอาหารเช้า เพราะว่าเราเพิ่งล้างทางเดินอาหารอยู่หยกๆ กำลังใหม่ๆ เมื่อเรากินอาหารเข้าไปน้ำย่อยบริบูรณ์ ทางเดินสะอาด การดูดซึมก็ง่ายขึ้น ซึ่งการย่อยที่ดีขึ้นนัน้ ทำให้เราได้รับประโยชน์จากการรับประทานอาหารที่กินเข้าไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อาหารกลางวันรองลงมา ส่วนอาหารเย็นอาจจะไม่จำเป็น

 

การที่เราดื่มน้ำตามสูตรจะทำให้เราเป็นผู้มีน้ำเต็ม ร่างกายจะมีความเอิบอิ่ม ไม่ขี้โมโหง่าย ราศีเปล่งออกมาอย่างเต็มที่ การเคลื่อนไหวจะไม่มีการติดขัด เส้นเอ็น เนื้อหนังมังสายืดหยุ่นได้ตามสภาพ พร้อมใช้งานได้ทุกชนิด และต้องบอกว่า การดื่มน้ำอุ่นที่จริงแล้วคือการล้างพิษนั่นเอง โรคเกาต์เอย ความดันสูงเอย คอเลสเตอรอลสูงเอย เหล่านี้เป็นผลมาจากการขาดน้ำทั้งนั้น ”

 

นอกจากนั้น อาจารย์บัญชายังให้คำแนะนำว่า น้ำเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ทำให้น้ำเป็นโทษต่อร่างกาย เช่น ต้องไม่นั่งเฉยๆ เพราะจะทำให้น้ำท่วมไตได้ หรือ อย่ากลั้นอุจจาระ ปัสสาวะ เพราะจะเป็นการขัดขวางกระบวนการทำงานของร่างกาย ซึ่งจะทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้

 

... และที่อยากฝากทิ้งเอาไว้ก็คือ คนที่อยากอายุยืนยาว ต้องเริ่มต้นด้วยน้ำ จากนั้นปรับธาตุอาหารให้ดี ฝึกจิตใจให้ดี เพียงแค่นี้ชีวิตก็จะอยู่ได้นานโดยที่ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทองไปสรรหายาต่างๆ มารับประทานแต่อย่างใด

 

 

 

เพิ่มดื่มน้ำอุ่นวันละ 8 แก้ว ช่วยลดเสมหะ ทำให้หายใจคล่อง...  [24/05/2550]

 

คงจะผิดจากความเป็นจริงมากนัก ถ้าจะบอกว่าไม่มีใครที่ไม่เคยเป็นหวัด โรคหวัดเป็นโรคที่ยอดฮิตติดอันดับที่เป็นได้กับทุกๆ คน และมีความแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นโรคติดต่อที่ไม่รุนแรงแต่อย่างน้อยก็สามารถบั่นทอนสุขภาพของเราได้ และเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความอ่อนแอของร่างกายจนถูกโรคเข้าจู่โจมได้ง่าย สุขภาพที่อ่อนแอเกิดจาก การกินอาหารไม่ครบถ้วนเพียงพอ นอนหลับพักผ่อนน้อย เครียดจัด ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ตลอดจนอยู่ในสภาพแวดล้อมไม่ดี ในที่สุดก็นำไปสู่การติดหวัด

 

การป้องกันไม่ให้ติดหวัด คือ สิ่งที่พึงปฏิบัติมากที่สุด แต่ถ้าหากเกิดเป็นโรคหวัดขึ้นมา การรักษาอย่างถูกวิธีนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้บรรเทาอาการไม่ให้รุนแรงและหายเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังป้องกันการติดเชื้อซ้ำสองอีกด้วย เช่น อาจนำไปสู่หลอดลมอักเสบ หูอักเสบหรือไซนัสอักเสบ อาหารช่วยรักษาและบรรเทาอาการหวัดได้

 

การกินอาหารที่มีวิตามินซีและธาตุสังกะสีสูง จะช่วยลดความรุนแรงและบรรเทาอาการของหวัดได้อาหารที่มีวิตามินซีสูงได้แก่ ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวและพืชผักทุกชนิด ดังนั้น ในระหว่างเป็นหวัดต้องเน้นการกินอาหารที่ประกอบด้วย ผัก ผลไม้ โดยเฉพาะ ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม และน้ำมะนาว หรือน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งก็ได้ บางรายแพทย์แนะนำให้กินวิตามินซี ในรูปของยาเม็ด วันละ 2-3 กรัม ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน ส่วนแร่ธาตุสังกะสีพบในผักใบเขียว เนื้อสัตว์ ตับสัตว์ไข่ และหอยนางรม

 

อย่างไรก็ตาม การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และกินในปริมาณที่พอเพียง ก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรง เพิ่มภูมิต้านทานโรค และหายจากหวัดได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ สมุนไพรแบบไทยๆ หลายๆ อย่าง อาจมีสรรพคุณบรรเทาอาการหวัดได้ เช่น กระเทียม เชื่อกันว่ามีคุณสมบัติต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรียบางชนิดได้ นอกจากนี้ยังมีพวก หอม พริก สะระแหน่ กะเพรา โหระพา และขิง อาจจะมีส่วนบรรเทาอาการหวัดได้ ซึ่งล้วนมีอยู่ในอาหารไทยทั้งนั้น

 

เมื่อเป็นหวัด ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็น ควรดื่มน้ำอุ่นๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และช่วยให้เสมหะหรือเยื่อเมือกตามทางเดินหายใจไม่ข้นเหนียวเกินไป นอกจากนี้ จะต้องพักผ่อนให้มากๆ และไม่ควรไปทำงานเพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและนำหวัดไปติดผู้อื่นได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นหวัดนานเกิน 7 วัน และมีไข้สูงติดกัน 2 วัน ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

 

การกินอาหารที่ถูกต้องเน้นอาหารที่มีวิตามินซี และแร่ธาตุสังกะสีจะช่วยบรรเทาอาการหวัดได้


Source - Fw mail
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline Mitsu Rc-c.n

  • Group N Racer
  • **
  • Posts: 72
  • กำลังหัดแข่ง
    • เว็บผมทำเอง สมัยยังเด็กๆ
หืมมม  ขยันหาอะ    เยอะเกิน อ่านจบ บนๆ


ถ้ากินน้ำ 4 แก้ว ก่อนแปรงฟัน   แล้วแบคทีเรียมันไม่เข้าปากเหรออ่ะ  :JFBQ00134070103A:
ความรู้มากมายต้อง          http://www.racing-club.net          Only