ตอบมะได้หรอกครับ เพราะที่วางกันส่วนใหญ่ไม่เคยใช้ของเดิมๆสักคัน ลองแยกง่ายๆนะครับ
1. ท่อไอเสียจะใช้ของเดิม หรือ จะเปลี่ยนใหม่ แล้วจะเปลี่ยนเป็นสแตนเลส หรือ เหล็ก หรือจะใช้ของแต่ง หม้อพักปลายเอาเป็นแบบไหน หม้อพักปลายไทเทเนี่ยมเสียงเพราะน้ำหนักเบาแต่ราคาก็แรง
2. ท่ออินเตอร์ จริงๆใช้ท่อยางเดิมๆที่ติดมาจากโรงงานเวลาซื้อเครื่อง แล้วใส่อินเตอร์ของเดิมไว้ตรงข้างกันชนมันก็ใช้ได้ หรือถ้าไม่มี ใช้ท่ออินเตอร์เหล็กก็ได้ แรงไม่น้อยไปกว่าอลูมีเนียมเท่าไหร่หรอกครับ แต่มันไม่ค่อยสวยรับได้เปล่าครับ แล้วท่อยางและเหล็กรัดจะใช้แบบไหน สีดำ เหล็กรัดธรรมดา หรือ ท่อยางสีฟ้าของทั่วๆไป หรือของ holset หรือจะเป็น แบบสีส้มอย่างดีหน่อย เหล็กรัดถ้าเป็นแบบมีตัวล้อกอย่างดีก็อันละ 100 กว่าบาท แต่ถ้าแบบธรรมดาอันนึงก็ไม่กี่บาทก็มีครับ ขึ้นอยู่ว่าเราจะเลือกใช้อะไรและเหมาะสมแค่ไหนกับความต้องการของเรา
3.หม้อน้ำของเดิมที่ติดรถมาหน้าตาเป็นแบบไหน ท่อยางหม้อน้ำของเดิมมีสภาพยังไง นี่ก็เป็นเงินอีกเหมือนกัน ถ้าหม้อน้ำเดิมเรามันขนาดหน้าตาพอได้ ใช้พัดลมเครื่องและมีโก่งพัดลมเรียบร้อย แบบนี้เราวางเครื่องใหม่ก็ใช้พัดลมเครื่องเหมือนเดิมได้เลยไม่ต้องไปทำใหม่ให้เปลืองเงิน หรือ อาจเปลี่ยนเพียงหม้อน้ำอย่างเดียวให้หนาขึ้น อะไรอย่างนี้เป็นต้น..
4. เปลี่ยนเป็นเครื่องเทอร์โบเกียร์ธรรมดาแล้ว คุณจะขับแบบไหน ถ้าชอบออกตัวแรงๆ เชนจ์เกียร์จาก 4 มา 2 บ่อยๆ ครัชเดิมอาจเอาไม่อยู่ต้องพึ่งพวกของแต่งเสียเงินกันอีกเหมือนเดิม
5. ระบบน้ำมันถ้าต่อให้เหมือนกับรถเทอร์โบโรงงานที่มีสโลปั้มติ้กช่วยด้วยได้ก็ดี และ แรงดันปั้มติ้กของเดิมใช้กับเครื่องที่เราจะวางใหม่ได้ไม้ อันนี้ก็ต้องเช็ค ระบบที่เรามีกับเครื่องใหม่ที่จะวางมันเหมือนกันรึเปล่า อะไรแบบนี้
6. วางเครื่องใหม่ พวกสายพาน น้ำมันเครื่อง ปลั้ก coil หัวเทียน เล็กน้อยๆพวกนี้พอรวมๆแล้วก็หลายเงินเหมือนกัน ถ้าได้เครื่องสภาพดีๆปิ้งๆมาอาจเสียแค่ค่าน้ำมันเครื่อง กรองเครื่อง และ สายพาน หน้าเครื่อง แต่ถ้าเกิดได้เครื่องที่ปลั้กบางตัวกรอบมาแล้ว เช่น ปลั้กคอลย์จุดระเบิดกรอบพอถอดหัวเทียนออกมาดูใส่กลับปุ้บปลั้กมันแตกหรือหลวมขยับได้ก็คงได้เสียเงิน เซ็นเซอร์ไอเสียของเดิมถ้ามันเสื่อมตรวจดูแล้วเช็ค engine ขึ้น code ว่ามันเสีย ก็ต้องหาเปลี่ยนหากไม่อยากทนขับรถกินน้ำมันมหาโหด...
7. อินเตอร์คูลเลอร์, โบออฟวาวล์, กรองอากาศ, และ สายแวคคั่ม นี่จะใช้ของเดิมๆติดมา หรือ จะเปลี่ยนเป็นของแต่งซิ่งอะครับ มันเสียเงินมะเท่ากันอีกละ
8. เฟืองท้ายของเดิมถ้าขับดูแล้วมันไม่อืดมากเรารับได้ แนะนำว่าปล่อยไว้เฉยๆก็ได้ แต่ถ้าแบบมันทำใจไม่ได้ ต้องใช้พวกลิมิเต็ดสลิปเหมือนรถซิ่งๆคันอื่นๆ ก็นั่นแหละครับ เงินอีกแระ
9. เกจวันแรงดันน้ำมันเบนซิน วัดบูส นี่ จริงๆไม่ติดก็ขับได้ ถ่าช่างเค้าไม่ขี้เกียจทำรถให้เรา เค้าก็อาจจะใช้เกจวัดแรงดันทั่วไปที่มีตามอู่ จั้มพ์เช็คให้เราตอนก่อนจะส่งรถ ถ้ามันปรกติเรียบร้อยก็จบครับ แต่บางอู่ขึ้เกียจมานั่งถอดใส่ก็อาจจะบอกลูกค้าว่าต้องติดเกจวัดบูส วัดนู่นวัดนี่ไปเรื่อย ให้เราเสียเงินกันเพิ่ม
สุดท้าย ขอบอกนะครับรถวางเครื่องใหม่ ถ้าคุณยิ่งวัดมากๆก็จะยิ่งอยากตกแต่งเสียเงินกับมันมากขึ้น เช่น หากในรถมีครบทุกเกจ พอเห็นเข็มบูสขึ้นแค่ 0.7 บาร์ ปุ้บก็จะเกิดอาการคันกันอยากได้บูส 1.1 บาร์ หรือพอรู้ว่าแรงดันเบนซินเดิมๆตอนนี้มัน 2.5 + ขาซิ่งอินเทรนหรือเพื่อนๆนักแต่งก็อาจจะยุคุณให้ไปหาตัวปรับแรงดันเบนซินมาแล้วปรับแรงดันเพิมเป็น 3.0 บาร์ บูสเพิ่มสัก 1.1 บาร์ เพื่อหาแรงม้าฟรีๆ จากเครื่องเดิม หรือ ถ้าพวกที่วิตกจริตจัดๆ พอเห็นเข็มวัดบูสมันขึ้นช้า ก็ทนไม่ได้ต้องหาใส่ปรับบูสไฟฟ้า เพื่อให้บูสมาเร็วกว่านี้อีก 10-20% ...เปลืองเงินตามกระแส มันได้คุ้มเสียรึเปล่า
ขอบ่นปนเบื่อนิดๆครับกับของจุกจิกราคาแพง จริงๆจะปรับบูสเพิ่มแค่ค่อยๆดัดขาเวสเกตกระป๋องมันก็ปรับได้เหมือนกัน หรือ ถ้าอยากใส่ตัวปรับเพื่อความสะดวกก็เอาวาวล์อุตสาหกรรมอันละไม่กี่ร้อยมาแปลงทำก็ได้ ไม่ได้ต่างกันเยอะ ยิ่งพวกที่ยังใช้เทอร์โบเดิมๆปรับบูสเพิ่มแล้ว ของเดิมๆบูสมาเต็มที่ 3000-4000 รอบ ให้ปรับบูสไฟฟ้าดีแค่ไหนก็มาเร็วกว่าไม่เกิน 300 รอบ หลักการทำงานของมันนั้นโคตรธรรมดา คือ ปกติสปริงหรือขาเวสเกตเดิม พอมีแรงดันที่สายแวคคั่มไปกดในระดับนึง ขาเวสเกตมันก็จะไปดึงวาวล์ไอเสียให้มันแย้มเปิดนิดๆก่อนจะถึงค่าที่สปริงมันจะทนไม่ไหวและเปิดออกสุดจนทำให้ไอเสียระบายออกเป็นการคุมแรงดันของเทอร์โบ ไอเสียที่มันเริ่มรั่วออกก่อนถึงค่าสูงสุดนี้มันไปทำให้บูสมาช้าลง เราจึงเอาตัวปรับไฟฟ้าไปอุดแวคคั่มหน้าเวสเกตทำให้ไม่มีแรงดันไปกวนเวสเกตให้เริ่มแง้มเปิดก่อนถึงบูสที่เรากำหนด วาวล์ระบายไม่แย้ม ไอเสียก็เลยมีเยอะขึ้นไปปั่นบูสให้มาเร็วขึ้นนิดหน่อย พอถึงค่ากำหนด ไอตัวปรับไฟฟ้ามันก็จะเปิดให้แวคคั่มไปกดเวสเกตให้ยกแบบทันที
ฟังดูอาจเหมือนเยอะแต่ถึงเวลาปฏิบัติใช้จริงๆไม่ได้เยอะซักเท่าไหร่หรอกครับ ยิ่งกับรถถนนไม่ได้จำเป็นมากขนาดนั้น...รถบางคัน เปลี่ยนเทอร์โบใหญ่ ติดปรับบูสไฟฟ้าตัวละหมื่นกว่า เกจวัดอีกหลายหมื่น แต่ ไมล์วัดความเร็วยังขึ้นไม่ตรงหรือไม่ขึ้นก็มี รอบเดินเบายังแกว่งๆเพราะไม่เคยเช็ค Engine code ก็มี เช็คจัง แรงดันเบนซิน ความร้อนท่อไอเสีย ความร้อนน้ำมันเครื่อง...หรือบางคันมีแค่ 500 แรงม้า แต่กินน้ำมันกว่า Ferrari Enzo ก็ไม่รู้เรื่องคิดว่าเป็นเรื่องปกติรถแรง...เฮ้ออ
