Author Topic: กรก 54 15-16 Solo Trip II หัวหิน  (Read 20778 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
กรก 54 15-16 Solo Trip II หัวหิน
« on: July 01, 2011, 07:02:58 pm »
1 กรก 54
   ฝนมาอีกแล้ว เช้านี้ไม่ได้ขี่ แถมตกตลอดวัน เย็นกลับมาบ้านก็ยังไม่ได้ขี่อีก เลยจอดรถพิงเสาแล้วนั่งบนเบาะเล่น ทำนองว่าจำลองสถานการณ์จริงขณะมีน้ำหนักกดทับลงบนเบาะ นั่งอยู่กับที่บนรถนานๆ นี่มันเมื่อยกว่าออกขี่จริงอีกนะ
   บ่ายตอนฝนตกหนัก แวะเข้าไปที่คอนโด ผมชอบอยู่ที่นี่ตอนฝนตกอย่างมาก บรรยากาศสดชื่นดีจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังฝนตก ลมจะสดใสมาก สูดหายใจได้เต็มที่
   ตอนฝนตกผมก็เอาผ้าขี้ริ้วออกไปเช็ดถูระเบียงเล่นไปด้วย ประหยัดน้ำไปในตัว ทำความสะอาดก็เฉพาะตอนฝนตกนี่แหละครับ หันไปมองห้องข้างๆ เห็นระเบียงของเขามีน้ำท่วมขัง ตกใจมาก นี่เข้าไม่ได้เข้ามาดูแลเลยหรืออย่างไรนะ สักพักใหญ่ตอนผมทำความสะอาดระเบียงสองด้านเสร็จก็เขียนข้อความสอดไว้ใต้ประตูห้องเขา บอกเขาว่าระเบียงเขาน้ำท่วม เผื่อเขาเข้าห้องมาตอนฝนหายแล้ว ระเบียงแห้งแล้ว เขาจะได้รู้ตัว
   ห้องผมเสร็จนานแล้ว แต่ยังไม่มีผ้าม่านเลย คิดไม่ตก มองหาม่านไว้หลายแบบ สุดท้ายมาลงเอยที่ม่านแบบตาไก่ มันออกแนววัยรุ่น และดูเป็นของราคาถูก ฝรั่งเรียก Look Cheap แต่ฟังชั่นของมันลงตัวกับการใช้งานของผมที่ชอบเปิดเข้าเปิดออกเดินไประเบียง ม่านแบบอื่นหรูหราดูดี แต่ไม่ได้ออกแบบมาให้เดินแหวก เช่นม่านแบบ Roller Blind ม่าน Roman Blind และม่านปรับแสง
   ผมเรื่องมากสุดๆ กับห้องของตัวเอง มีหน้าต่างบานหนึ่งมันรับแดดบ่ายซึ่งผมอยากปิดมันด้วยม่านทึบ แต่ไอ้บานเดียวกันนี่แหละที่มันเป็นช่องลมผ่านเข้าออก ผมติดปัญหาเดียวคือเรื่องสายเชือกดึงม่าน ไม่อยากได้ม่านแบบมีสาย ตอนลมพัดผ่านมันจะดังรบกวนผมแน่ ใจนึกคิดหาม่านแบบไร้สาย ไป Home Pro ดีกว่า
   บ๊ะ มีจริงๆ ด้วย เขาเรียกม่านสปริง แต่เจ้าหน้าที่ไม่อยู่ เลยทิ้งเบอร์โทรไว้ สบายใจขึ้นหน่อย คิดเรื่องม่านมาเป็นเดือนแล้ว ส่วนหน้าต่างบานอื่นไม่มีปัญหา เลือกผ้า เลือกรางเรียบร้อยแล้ว ใช้บริการร้านแถวบ้านนี่แหละดีที่สุด จะได้บริการกันฉับไว
   เดินเล่นใน Home Pro แผนกเคมี เจอผลิตภัณฑ์ของ Super Lube เป็นพวกจารบีสังเคราะห์ผสมสาร PTFE นึกอยากได้เอามาใช้กับรถจักรยานของเราจริงๆ ผมใช้รถ KHS HT มา 17 ปี ไม่เคยถอดชิ้นส่วนใดออกมาล้างทำความสะอาดเลย มีชุดกะโหลกที่ได้ถอด เพราะของเดิมมันพังไปแล้วเมื่อสองปีก่อน คิดๆ ไว้ เล็งไว้ แต่ยังไม่ซื้อหรอก
   ที่แผนกไฟฟ้าเจอโทรทัศน์ Retro ของ LG มาอีกแล้ว ไอ้ตัวนี้เมื่อสองปีก่อนเห็นมาวางขาย สักพักเดียวหายไป วันนี้มาใหม่ แพงกว่าเดิมนิดหน่อย ราคา 3800 บาท หน้าตาเก่าๆ เก๋าๆ แต่เป็นของรุ่นใหม่นะ มีรีโมทน่ารักๆ มาให้ด้วย ยังไม่ซื้อ แค่เล็งไว้
   ถัดไปเจอพัดลม Retro อีกแล้ว อันนี้ชอบมาก เก่าถูกใจเข้าคู่กับ TV ได้เลย ราคาไม่ถูกนะ 900 บาทแน่ะ
   ได้แต่เล็ง ไม่กล้ายิ่ง กลับมาบ้านตอนเย็นฝนตกอีกรอบ และคงจะตกยาวตลอดคืนเป็นแน่
   นี่ถ้าอยู่คอนโดก็สบายสินะ จะได้เปิดหน้าต่างนอนเสียเลย
   ตบท้ายด้วยข่าวดีส่วนตัวของผม เพราะมีคนคิดเห็นตรงกันเรื่องการสร้างเมืองคนญี่ปุ่น เขาจะสร้างกันที่ศรีราชา ถ้าทำแล้วมันใหญ่ได้ ศรีราชาจะไม่ใช่เมืองทางผ่านอีกต่อไป
« Last Edit: July 22, 2011, 02:07:56 pm by O'Pern »
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #1 on: July 02, 2011, 08:25:28 pm »
 
2 มิย 54
   วันเสาร์ออกจากบ้านเช้ากว่าปกติ ต้องไปส่งลูกเรียนพิเศษ ผมเอาอาหารใส่ปิ่นโตไปกินข้างนอกตามเคย
   ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ทำเอาวันนี้ผมไม่ได้ขี่จักรยานเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ลูบๆ คล่ำๆ เบาะหนัง เอานิ้วดีดดูมันดังโป๊กๆ ไม่เห็นวี่แววความนุ่มตรงไหนเลย
   บ่ายฝนตก ผมเข้าไปที่คอนโดอีกแล้ว ลมพัดแรงดีจริงๆ จนข้าวของในห้องกระจัดกระจาย วิ่งเก็บแทบไม่ทัน จนพัดเกือบจะออกไปนอกระเบียง
   ข่าวต่างประเทศ
   ฮ่องกง ประชาชนประท้วงให้ผู้ว่าการเกาะลาออก เพราะมีส่วนทำให้ที่ดินในเกาะฮ่องกงแพงเกินเหตุ
   สิงคโปร์ระงับเที่ยวบินของ Tiger Airway เฉพาะภายในประเทศทั้งหมดแบบฉุกเฉินเพราะพบความไม่ปลอดภัย (แต่ไม่บอกว่าด้านใด)
   ญี่ปุ่น กลุ่มผู้สูงวัยนัดประชุมหารือกัน และเสนอตัวว่าจะอาสาเป็นผู้เข้าไปทำการกอบกู้โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไอดิจิ เหตุผลก็คือพวกหนุ่มๆ ที่ทำงานอยู่ยังมีอนาคตอีกไกล อาจได้รับผลข้างเคียงจากรังสีได้ ส่วนพวกเขาคนชรากินแต่เบี้ยบำนาญจากรัฐมานานมาก กว่ารังสีจะออกฤทธิ์ พวกเขาก็เสียชีวิตกันแล้ว และมันถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องเสียสละกันบ้าง โชว์สปิริทสุดแมนจริงๆ แม้จะอายุเลยเกษียณกันหมดทุกคน
   นักการเมืองไทย อ่านแล้วมีอะไรเกิดขึ้นในสมองพวกมึงบ้างไหมครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #2 on: July 04, 2011, 01:46:44 pm »
3 มิย 54
   ตื่นตีสาม หมาเห่าเสียงดัง ลงมาดูเห็นมันเห่าแมวที่เดินอยู่ริมรั้ว ผมตื่นแล้วหลับต่อยาก คิดจะเอาจักรยานออกขี่เหมือนเมื่อครั้งก่อนที่ผมตื่นเช้ามากๆ อย่างนี้แหละ ขี่ไปถนนอักษะ ซัดมาเสีย 100 กม แต่วันนี้มันไม่เหมือนกัน ฝนตกพรำๆ ตลอดเลย วันเสาร์อุตส่าห์วางแผนขี่จักรยานเอาไว้ จะได้ Break In เบาะ Brooks ด้วยไปในตัว แต่ต้องอด หัวค่ำวันเสาร์ลูกบอกเช้าวันอาทิตย์อยากกินโจ๊ก ให้พ่อซื้อมาให้ด้วยนะ
   ขึ้นไปนอนต่อ ก็นอนไม่หลับ เอาจักยานออกขี่ตอนตีห้ากว่า ขี่ไปลุ้นไปว่าฝนจะตกลงมาอีกไหม ส่วนเบาะยังคงไม่เห็นถึงความนุ่มนวลตรงไหนเลยแม้แต่น้อย จวบจนถึงวันนี้ นั่งบนเบาะไปประมาณ 3.5 ชม เท่านั้นเอง ขำขำ ไม่รู้ว่าวันออกทริปจริงๆ ในอีก 11 วันข้างหน้า มันจะนุ่มขึ้นบ้างมากน้อยเพียงใด
   ขี่บนถนนพระราม 2 ตลอดทางเจอชาวจักรยานกันเยอะเลยครับ เห็นแล้วฮึกเหิมดี ผมแต่งตัวสบายๆ นะ ไม่ชอบใส่ชุดจักรยานเลย หมวกก็ยังไม่ค่อยจะใส่ แต่ถ้าเข้าสังคม ขี่ออกทริป อันนี้ก็ต้องหลิ่วตาตามชนกลุ่มใหญ่เขา
   ผมใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น เสื้อยืดสีขาว หมวกแก๊ปสีเทา รองเท้าจักรยานสีดำ (ปกติรองเท้าแตะ) วันนี้เลือกใส่รองเท้าจักรยานก็เพราะฝึกความคุ้นเคยดูสักหน่อย ไม่ได้ใส่มาหลายเดือน ดูว่าจะลืมหรือมีเผลอกับคลีทบ้างไหม ปรากฏว่าไม่มีเลย ใช้รองเท้าคลิปเลสจนคุ้นชินแล้วมันก็จะติดตัวเราไปตลอด เหมือนคนว่ายน้ำเป็นต่อให้ไม่ได้ว่ายมาหลายปี พอโดดน้ำตูมม ก็ยังคงว่ายเป็น
   ขากลับบ้านแวะตลาดสินทวี ตลาดนัดขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้บ้านมากที่สุด ซื้อของกินมากมายเต็ม Panniers เออ ลืมเล่าว่าผมพก Panniers ของ Ortlieb มาด้วยสองใบ (หลัง) ซื้อของอะไรก็หยิบใส่ได้สบายเลย ของร้อนฝั่งหนึ่ง ของเย็นฝั่งหนึ่ง ตลาดแห่งนี้แม้จะมีของมาก แต่ของอร่อยจริงๆ ระดับมีชื่อเสียงนั้นน้อยมากครับ มีแต่ของระดับกลาง และอาหารสด อาหารแห้ง รวมไปถึงพวกของใช้
   ขากลับขี่ย้อนศร (ผิดกฎ) กลับบ้าน เจอเสือหมอบก้มอัดมาเต็มตีนเลย เห็นไกลๆ คิว่าเป็นพี่จั๊วแหงเลย (พี่จั๊วคือพี่ที่เล่นวิทยุสื่อสาร รู้จักกันมาสิบกว่าปี อยู่ตรงข้ามกับบ้านผม) ผมเปิดแก๊ปหมวกส่งยิ้ม พอรถสวนกันถึงรู้ว่าไม่ใช่ ไม่เป็นไร ยิ้มให้ไปไม่เสียหายสักหน่อย
   วันเลือกตั้ง วันแห่งการรอคอย ไม่ได้อยากเลือก แต่เบื่อมากกับถนนหนทางที่เลอะเทอะไปด้วยป้ายนานาชนิด ถ้าผมมีอำนาจ จะออกกฎให้การหาเสียงห้ามมีการปิดป้ายทุกชนิดบนทางเท้า และห้ามรถกระจายเสียงวิ่งรบกวนชาวบ้านอีกด้วย ถ้าอยากหาเสียงก็ไปลงโฆษณาหนังสือพิมพ์เอา หรือเงินเยอะนักก็โฆษณาทางทีวี ตามสะดวก
   การหาเสียงส่วนใหญ่จะเน้นการ “ให้” ให้แบบเว่อร์ๆ ต่อให้โง่ขนาดไหนก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เหมือนผู้ใหญ่พูดหลอกเด็กไปวันๆ แสดงให้เห็นถึงสมองของผู้ใหญ่ที่มองเด็ก คงจะคิดว่าเด็กโง่พอๆ กับพวกมัน
   พรรคใหญ่สองพรรคแข่งกันแจก แข่งกันให้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเอาเงินภาษีของประชาชนมาละลายไปกับนโยบายของมันเอง เขียนโครงการแจกชาวบ้านก็จริง แต่ยังไงก็ต้องมียักเอาไว้ให้กับตัวเองและพวกพ้อง
   ผมออกไปใช้สิทธิ์ตอน 0830 รีบไปแต่เช้า สายๆ บ่ายๆ ฝนมันจะมา จากนั้นคิดจะไปร้านขายเสื้อผ้าส่งออกแถวบางนา อยากไปซื้อผ้าปูรองนอนแบบพองลมเองอัตโนมัติ อีกไม่กี่วันจะออกทริปยาว 400 กม แล้ว ผ้ารองอันเก่าเป็นแบบแผ่นโฟม มันขาด เปื่อย ไปบ้างแล้ว ทริปนี้ต้องนอนเต้นท์ติดต่อกันถึง 3 คืน ขี่วันละประมาณ 100 กม ต่อเนื่องกันทุกวัน แถมวันสุดท้ายซัด 130 กม เข้ากรุงเทพฯ และถ้านับถึงบ้านผม ก็ต้องบวกไปอีก 30 กม
   ออกจากบ้านไปกลับรถขึ้นทางด่วน เจอท้ายแถวยาวมาก น่าตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นบนทางด่วนหรือนี่ เปลี่ยนใจไม่ไปละ ขับเลยต่อไปยังคอนโดฯ แทน ยังมีวันอาทิตย์หน้าเหลืออีก 1 วันให้ไปหาซื้อได้
   ตลอดวันนี้ผมอยู่แต่ในห้องคอนโดนี่แหละครับ นั่งคิด นั่งวางแผนการทำงานและการเดินทาง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทริป 400 กม หรอกนะ อันนั้นมันไปเป็นกลุ่มใหญ่กับ TCHA เขา
   แผนใหญ่ของผมจะเดินทางคนเดียวครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #3 on: July 04, 2011, 08:24:09 pm »
4 กรก 54
   ผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว พรรคเพื่อไทยชนะ นั่นแปลว่าเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอีกระลอกในวงการการเมืองไทยที่มีเรื่องของผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องอย่างมหาศาล
   สิ่งที่จะเห็นในระยะสั้น คือพวกลูกสมุนที่หลบซ่อนอยู่ในเขมรจะทยอยกลับไทย สองคนที่อยู่ในคุกเขมรก็จะเคลียร์กันลงตัวได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับปัญหาพรมแดนเขาพระวิหารที่ยืดเยื้อมานาน หลายอย่างจะลงตัวแบบเข้าล็อค เหมือนวางแผนเอาไว้มาก่อนแล้ว
   ระยะกลาง จะมีการโยกย้ายผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่เป็นพลพรรคของพวกตัวเองมาควบคุมกำลังพลเอาไว้ เริ่มจากกองทัพบก และอาจลามไปถึงทุกกองทัพ
   ธุรกิจที่จะไปได้ดีแบบพุ่งพรวดคือกลุ่มคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี กลุ่มสื่อสาร พลังงาน ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ บ้าน ที่ดิน ฯลฯ
   ระยะปลายจะมีอภิมหาโปรเจคพัฒนาเมือง โครงการนี้แหละที่จะเป็นตัวทำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองและพวกพ้อง ทั้งแบบมาตามน้ำ และทวนน้ำ อันนี้ไม่ได้ว่าเฉพาะรัฐบาลใหม่ แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นทุกรัฐบาล
จะกินมาก กินน้อย กินจนชาติล่มจม มันสุดแท้แต่จิตใจคน แต่ขอให้จำเอาไว้ว่า บาปไม่สามารถทดแทนได้ด้วยบุญ ทำเลว ทำชั่วในวันนี้ พอแก่ตัวจะมาคิดทำบุญทดแทนมันเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่เคยมีคำสอนแบบนี้ในวิถีของชาวพุทธ มีแต่คนเลวที่คิดไปเองว่าทำบุญแล้วล้างบาปในอดีตได้ ไม่ก็ไปเจอพวกพุทธพานิช คือพวกที่ชอบค้าขาย ทำธุรกิจกับเรื่องบาปบุญ เข้าทำนอง โจรหลอกโจร
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #4 on: July 06, 2011, 02:52:38 pm »
5 มิย 54
    เช้านี้มีอากาศเย็นลง คล้ายหน้าหนาว แต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ พอสัก 7 โมงแดดก็ร้อนแล้ว ยิ่งตอนเที่ยงวันยิ่งแล้วใหญ่ โดนแดดเผาแล้วจะแสบผิวมาก คิดพลางไปว่า นี่ถ้าเราขี่จักรยานออกทริปแบบลากยาวทั้งวัน เราจะแสบร้อนสักเพียงใด
   เริ่มลังเลเรื่องทริป 400 กม ไม่ได้ห่วงเรื่องระยะทาง แต่เป็นกังวลเรื่องที่พัก จากเดิมผู้นำทริปบอกว่าจะนอนเต้นท์กันทุกคืน จำนวน 3 คืน ผมชอบมาก แต่เมือวานนี้เขาประกาศไหม่ นอนเต้นท์แค่คืนเดียว อีกสองคืนนอนบ้านพัก ฟังดูดีใช่ไหม อืม มันก็ใช่สำหรับบางคน แต่ไม่ใช่ผม
   เหตุผลที่ผมไม่ชอบนอนบ้านพักก็คือ บรรยากาศการนอนครับ ส่วนใหญ่กรนกันดังสนั่น บ้างก็ไอกระแอมค่อกแค่กตลอดคืน ถ้าเป็นวัยรุ่นหน่อยก็จะเน้นคุยโทรศัพท์ เจอรุ่นใหญ่หน่อยท่านจะตื่นเช้ามาก ราวตี 3 ตี 4 บางคนคุ้ยหาของในกระเป๋า เสียงถุงก็อปแก๊ปดังรบกวนเพื่อนร่วมห้องอย่างมาก ยังมีพวกตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก เปิดไฟสว่าง กดชักโครกเสียงดังสนั่น กว่าจะหลับได้ก็นาน แถมตื่นง่ายเพราะเสียงดังรบกวน อยากรู้อารมณ์นั้นเป็นเช่นไร ก็ลองย้อนไปอ่าน Diary ตอนผมไปทริปอัมพวาเมื่อปีก่อนดู 
   บ่ายแวะไปร้านทองเอกจักรยาน อยู่ในซอยหมู่บ้านสินทวี ตลาดนัดยามเช้าวันอาทิตย์ที่ผมชอบไปซื้อของ ไปหาตะเกียบโครโมลี่ของรถทัวริ่ง แต่เขาไม่มีเลย ว้า อดอุดหนุน ผมเห็นตะเกียบแบบนี้ที่ร้าน Pro Bike ราวสองปีก่อน ไม่รู้ทุกวันนีจะยังอยู่ไหม แต่ถ้ามีของ ร้านนี้ก็น่าจะสั่งมาให้ได้ แต่เขากลับตอบอย่างรวดเร็วว่าไม่มีของ หรือเขาเคยเช็ค Pro Bike ไปแล้ว เลยรู้คำตอบมาก่อนผม หรือถ้าให้คิดแง่ลบ คิดแบบคนใจแคบ คือเขาไม่อยากขายของให้ผม ไม่อยากขายของธรรมดาๆ มันขายยาก สู้ขายของ Hi End หรูๆ แพงๆ ดีกว่า เพราะในตู้โชว์เห็นมีเบาะ Brooks วางขายเรียงกันกว่า 10 ใบ
   เย็นไปรับลูก ขากลับแวะร้านผ้าม่านคุยธุระที่ค้างมานาน คุยกันวันละนิดละหน่อย ร้านเขาอยู่หน้าโรงเรียนลูกผมพอดี เดินผ่านทุกวัน ก็ดีเหมือนกันนะ ได้ไอเดียอะไรนิดหน่อยก็เข้าไปสอบถามหารือเขา เจ้าของร้านก็ช่างใจดีจริงๆ พูดคุยแบบไม่รู้เบื่อ มาวันนี้ผมค้นเจอแบบม่านชนิดใหม่ในอินเทอร์เนท เขาขอเวปไปดูแล้วบอกจะจัดการให้
   กลับถึงบ้านออกขี่จักรยานได้ราว 20 นาทีก็มืดเสียแล้ว เบาะ Brooks มันไม่เห็นจะนุ่มตรงไหน ลองจับใต้เบาะดูพบว่ามันยืดหยุ่นได้ตามแรงกดของก้น แปลว่าหากตัวอ้วนใหญ่ น้ำหนักมาก เบาะก็จะยืดเร็ว นุ่มเร็วกว่าคนที่มีน้ำหนักน้อย ถ้าผมอยากให้เบาะนุ่มเร็วก็ต้องให้คนน้ำหนักมากมาช่วยนั่ง
   มีอีกเรื่องที่เคยอ่านเจอ เขาว่าเบาะจะถูกก้นกดทับจนเป็นรอยบุ่มสำหรับก้นของเราคนเดียวเท่านั้น ผมเชื่อแต่ไม่ทั้งหมดครับ ด้วยเหตุผลที่ว่าสรีระก้นของคนเรามันไม่ได้ต่างกันแบบฟ้ากับเหว ถ้าสรีระใกล้เคียงกัน มันก็น่าจะเกิดรอยกดบนเบาะใกล้เคียงกัน หรือแทบจะเหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องของอัตลักษณ์บุคคล เหมือนพวกลายนิ้วมือ ม่านตา หลอดเลือด ฯลฯ ไม่รู้นะ ผมอาจคิดผิดก็เป็นได้ อันนี้ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #5 on: July 06, 2011, 05:13:59 pm »
6 กรก 54
   ออกขี่จักรยานสัมผัสลมหนาวแผ่วๆ หนาวขำขำ ทำให้ใจกระชุ่มกระชวยดี จิตนาการว่ากำลังขี่อยู่ต่างจังหวัด แหม สุขจริงๆ แต่มันเย็นแค่แป๊บเดียวจริงๆ นะ ไม่กี่นาทีเอง
   ต้องออกไปช็อปปิ้งเตรียมของใช้ในภารกิจเดินทางไกล เริ่มจากยางในใหม่สัก 1 เส้น ไฟฉายแบบคาดหน้าผาก 1 อัน อยากได้แบบเล็ก เบา ไฟท้ายแบบยึดที่แร็คหลัง หาข้อมูลพบเจอแต่ของยี่ห้อ Cateye ไอ้ตัวนี้ไว้คงต้องไปหาที่ร้านแสงเพชร จรัลสนิทวงศ์ เพราะร้านนี้ของเขาเยอะจริงๆ ส่วนผ้าปูรองนอนแบบพองลมเองอัตโนมัติ ต้องไปซื้อที่ร้านขายอุปกรณ์กีฬา และแคมปิ้ง ส่งออกแถวบางนา เคยดูไว้แล้วล่ะ แต่ยังไม่ซื้อ ใจเย็นรอให้มันลดราคา วัดใจเหมือนกันนะ เพราะมันอาจขายหมดไปแล้วก็เป็นได้
   อีกเรื่องที่ลืมเล่ามานาน ล้อหลังผมใช้ยางสลิค (ยางแบบไม่มีดอก) ที่แก้มยางมีรอยปริแตกยาว 1 ซม มานานปีกว่า ผมอยากลองของ ไม่ยอมเปลี่ยน กระทั่งไปขีทาง Off Road ในอุทยานแห่งชาติทับลาน ผิวถนนเป็นหินคมๆ ผสมลูกรัง ยางโดนบาดไปหลายแผล แต่ไม่ถึงกับทะลุ เป็นแค่รอยขีดข่วนบนผิวหน้ายาง ส่วนรอยปริแตกก็ยังคงสภาพเดิมเป๊ะจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งมันน่าจะเกิน 2 ปีมาแล้ว แถมผมอัดลมยางเต็มสเปคคือ 95 psi ตลอดเวลา ก็อึดดีนะ เป็นยางสลิคแบบขอบพับที่ Made in Thailand ครับ ผมชอบตรงนี้แหละ ลึกๆ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบสินค้าไทยครับ ขอให้เป็นสินค้าดี คุณภาพดี ก็แล้วกัน นี่ผมยังซื้อยางสลิคแบบนี้มาสำรองไว้อีกชุดหนึ่งเลย เส้นแรกชื้อ 700 บาท เส้นหลังซื้อ 750 บาท ผมต่อราคาเขา แต่เขาบอกไม่เคยขาย 700 บาท เล่นเอาเรางง (ร้านแสงเพชร)
   จวบจนถึงวันนี้ นั่งนวดเบาะ Brooks ไปได้แค่ 7 ชม เท่านั้นเอง ทริป 400 กม ที่คิดจะไปกับสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทยก็เริ่มลังเล เพราะปัญหาเรื่องการนอนนี่แหละ นี่ถ้านอนเต้นท์เหมือนกำหนดการเดิมก็ดีสินะ
   เลยต้องคิดหาทริปใหม่แบบกะทันหัน ยังไม่รู้จะลงตัวที่ใดดี
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #6 on: July 07, 2011, 08:56:35 pm »
7 กรก 54
   จากเดิมที่ออกขี่จักรยานอย่างเดียว แต่วันนี้เป็นต้นไป ต้องขี่แล้วคิดไปด้วยว่าจะขี่ไปไหนดี แน่ล่ะ ผมชอบธรรมชาติบริสุทธิ์เหมือนหลายๆ คน ป่า ภูเขา แม่น้ำ ทะเล แถมยังชอบแคมปิ้งอีกด้วย
   ดูๆ ไปแล้วสไตล์ของตัวผมนี่ไม่น่าจะมาอยู่ในกลุ่มพวกนักขี่จักรยานส่วนใหญ่เขาเลยนะ ผมชอบขี่อย่างไม่มีรูปแบบเฉพาะเจาะจง ไม่ชอบสวมชุดนักแข่งหลากสี ชอบแต่งตัวแบบชุดอยู่บ้าน สบายๆ ไม่ชอบเปลี่ยนอุปกรณ์ราคาแพงโดยไม่จำเป็น (ไม่ชอบแต่งรถ) ความสุขของผมมีอย่างเดียวคือการได้ขี่จักรยาน แค่นั้นจริงๆ
   อีกอย่างที่ผมชอบจากการขี่จักรยานก็คือความรู้สึกอิสระ และสัมผัสของสายลม ไอ้จุดนี้พวกขี่มอเตอร์ไซค์อาจจะรู้สึกได้ชัดเจนกว่าเราชาวจักรยาน แต่ก็มีข้อเสียก็คือมันได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถตัวเองตลอดเวลา ตอนวัยรุ่น วัยหนุ่มมันก็มันส์ดีหรอก แต่พอเข้าใจโลกมากขึ้นแล้วผมชอบไปแบบเงียบๆ ขี่แบบมีสมาธิมากกว่า ว่าแล้วก็นึกถึงมอเตอร์ไซค์ Harley Davidson ของผมยังจอดทิ้งอยู่ในโรงรถมาหลายปีดีดัก
   เมื่อวานลูกผมลืมกล่องดินสอเอาไว้ที่โรงเรียน มารู้อีกทีตอนกลับถึงบ้านแล้ว เขาเสียใจมาก เลยให้ผมพากลับไปที่โรงเรียนอีกรอบเพื่อไปหา แต่ก็ไม่พบ ผมปลอบใจเขา
   “อาจมีเพื่อนเห็นแล้วเก็บไว้ให้เราก็ได้นะ เหมือนที่พ่อเก็บกระเป๋าเงินของเพื่อนลูกได้ แล้ววันรุ่งขึ้นก็ให้ลูกนำไปคืนเขาไง”
   “ถ้ามีคนเก็บให้เรา ก็ถือว่าเราโชคดีนะ มันเป็นกรรมดีที่เราทำสะสมมา มันจะมาแสดงออกตอนเราลำบากนี่แหละ”
   “แต่ถ้าไม่มีใครรู้เห็นเลย ก็ถือว่าเรายังทำความดีสะสมมาไม่พอ เราต้องทำความดีมากขึ้นไปเรื่อยๆ และเก็บความผิดพลาดครั้งนี้ไว้เป็นบทเรียน”
   มิวนั่งนิ่งฟังอย่างเดียว ไม่ถึงกับร้องไห้ แต่เขาไม่มีใจจะทำการบ้าน นี่เป็นของชิ้นแรกที่เขาทำหาย กลับถึงบ้านอีกรอบก็ดูเหงาหงอย ตกดึกก็หลับไป
   ลืมตาตื่นตอนเช้าก็รีบบอกแม่ว่าเขาทำกล่องดินสอหาย แม่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แอบมาหารือผมว่า ถ้าหาไม่เจอแล้วลูกขอซื้อใหม่ควรซื้อให้เขาไหม ผมบอกว่าซื้อให้ได้ แต่ไม่ได้ซื้อให้ทันที ให้รอเวลาอีกราว 2-3 สัปดาห์ ให้เขาได้ของยากๆ หน่อย
   ไปรับลูกตอนเย็นผมรีบถามว่ามีข่าวดีไหม
   “เพื่อนชื่อบีมเขาเก็บไว้ให้มิวครับ” หน้าตาร่าเริงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนกลับบ้านเขารีบเปิดเป้ตรวจเช็คข้าวของอีกที (ทุกทีไม่เคยทำ คงจะได้บทเรียนแล้ว)
   “จำไว้นะลูก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตลูก มันคือการเรียนรู้”
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #7 on: July 08, 2011, 08:00:31 pm »
8 กรก 54
   เอาก้นนวดเบาะ Brooks ไปได้ราว 9.30 ชม เริ่มสัมผัสว่ามันนุ่มกว่าเดิมนิดๆ แค่นิดเดียวจริงๆ ช่วงนี้ขี่ไปใจก็คิดถึงทริปไปด้วย เอ ไปไหนดีน้า ลังเลแบบสุดๆ ปีก่อนโน้นก็ไประยองมาแล้ว อยากไปที่ใหม่ๆ บ้าง แต่มันชนกับเทศกาลพอดี กลัวคนเยอะ กลัวรถเยอะ แต่เราไปกับจักรยานนี่นา กลัวอะไรเล่า รถจักรยานมันไม่ติดสักหน่อย คิดเอง เออเอง คุยกับตัวเอง
   ไปหัวหินดีกว่า จู่ๆ คำว่าหัวหินก็ลอยเข้ามา คงเป็นเพราะอยากขี่ไปทริปหัวหินกับกลุ่มสวนธนฯ ที่เขาจัดขึ้นทุกปี กลุ่มเขาขี่กันผ่านหน้าบ้านผม ได้แต่ยืนมอง ไม่ได้ไปร่วมกับเขา กลัวจะขี่ไม่ถึง กลัวเป็นตัวถ่วงเขา เลยไม่กล้าไป กลุ่มเขาส่วนใหญ่มีแต่พวกนักแข่ง ขี่กันเร็ว ผมมันขี่ช้า ไปเรื่อยๆ ยิ่งออกทริปกับคนอื่นมากเข้า ก็ยิ่งรู้ว่ามันไม่ใช่สไตล์ของเราเลย
   คิดมากเข้าชักจะออกแนวฟุ้งซ่าน ต้องคอยรวบรวมข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ กำหนดขอบเขตทิศทางให้ดี จะเอาแนวไหนก็ว่ากันไป ความฝันมีอยู่หลากหลายน่ะจริง เอาเท่าที่มันพอจะทำได้  และเหมาะสมที่จะทำในตอนนี้เสียก่อน
   ไปรับลูกที่โรงเรียน ให้เขาชี้เพื่อนชื่อบีมให้ดู อ๋อ เด็กคนนี้เอง เห็นหลายครั้ง แต่คิดว่าอยู่คนละปีกัน ไม่เห็นเคยเล่นกับลูกผมเลย
   การบ้านของลูกมีท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ เขาบอกว่ายาก เขาทำไม่ได้แน่ๆ ผมบอกให้เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ ถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้ มันก็จะทำไม่ได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราคิดว่าทำได้ มันก็จะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
   “ลูกเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ และถ้าพร้อมแล้วก็ค่อยเข้ามาในห้อง”
   อีกไม่นานลูกเปิดประตูเข้ามา ท่องศัพท์แค่ 10 นาทีก็ท่องได้หมด
   “เข้าใจที่พ่อพูดหรือยัง” ความคิดเราจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม คิดว่ายาก ต่อให้ง่ายแสนง่าย มันก็ทำไมได้ ถึงทำได้ งานก็ไม่สมบูรณ์
   ทำการบ้านเสร็จเขาขอเล่นเกม ผมอนุญาต
   “เห็นพ่อมีความสุข มิวก็มีความสุขไปด้วย” จู่ๆ เจ้าลูกชายวัย 9 ปีก็เอ่ยประโยคนี้ออกมาขณะเขาเล่นเกมคอมพิวเตอร์ (เกมสร้างเมืองจำลอง)
   เล่นเอาผมงง มันมาไม้ไหนวะ เริ่มมีคำพูดแบบปริศนา เลยตอบกลับไป
   “พ่อก็เช่นกันลูก เห็นลูกมีความสุข พ่อก็สุขเหมือนกัน”
   เขาฟังแล้วยิ้ม ไม่มองหน้า สายตาจ้องจอเขม็ง
   สิบกว่าปีที่ผมยอมสละความฝันและอนาคตของตัวเอง ทั้งๆ ที่มันกำลังเริ่มไปได้สวย ผมขับรถแข่งแบบดริฟท์จนได้สปอนเซอร์มากมาย มันเป็นจุดสูงสุดของคนโนเนมแบบชาวบ้านๆ ที่ไม่มีชาติตระกูลโด่งดัง คนในวงการรถยนต์จับว่าผมเป็นมือทดสอบรถอันดับต้นๆ ไอ้นี่แหละ เป็นหนึ่งในความฝันของผมเลย แต่แล้วก็ต้องเต็มใจสละผละถอยออกมาก็เพื่อลูก ผมตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะเลี้ยงลูกเอง และคำว่าเลี้ยงลูกเองของผม ก็คือดูแลเองทั้งผมและภรรยาตลอด 24 ชม ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงเด็กใดๆ
   ถึงวันนี้  ผมว่าคุ้มค่ากับเวลาที่ลงไป
   แต่ถ้าถามผมเรื่องความฝัน ผมก็ยังคงมุ่งมั่นทำให้ฝันมันเป็นจริงต่อไปอยู่ดี แม้ว่าชื่อเสียงในวงการรถยนต์ของผมจะค่อยๆ เลือนหายไปทุกทีๆ ก็ตาม
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #8 on: July 09, 2011, 09:14:08 pm »
9 กรก 54
   โรงเรียนสอนพิเศษของลูกในเช้าวันเสาร์ จะตอนคนละแนวทางกับโรงเรียนปกติที่เน้นง่ายๆ สบายๆ สอนแบบบูรนาการ รวมหลายๆ วิชาเข้าไว้ด้วยกัน แต่ที่เรียนพิเศษจะสอนแบบเข้มข้น ผมแปลกใจที่ลูกบอกว่าชอบแนวทางแบบที่โรงเรียนสอนพิเศษมากกว่า ชอบเพราะมันเข้มข้นกว่า
   ตอนแรกจากไม่อยากเรียน กลายเป็นชอบเรียน ก็ดีครับ ชอบก็ลุยเข้าไป อะไรที่เขาชอบและสนใจ เขาจะทำสิ่งนั้นได้ดี และถ้าสิ่งไหนโดนบังคับ ก็จะเกิดการต่อต้านในจิตใจ แต่ก็ต้องเดินสายกลางด้วยนะครับ อย่างเรื่องอาหารการกินนี่ก็ต้องมีบังคับบ้างเหมือนกัน สำคัญคือต้องบอกเหตุผลของการที่เราบังคับเขา ยิ่งกว่านั้นคือเราต้องทำตัวอย่างให้เขาดู อยากให้เขากินผัก พ่อ แม่ และทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหารก็ต้องกินผัก ไม่อยากให้เขากินน้ำอัดลม แน่นอนว่าอย่าให้ใครกินน้ำอัดลมให้เขาเห็นเชียว ไม่งั้นคำถามจะตามมาอีกสารพัน ป้องกันไว้ตั้งแต่แรกจะดีกว่ามาหาคำตอบมาหลอกล่อเขา มันดูไม่ค่อยแมนเท่าไหร่ แถมยังน่าเกลียดที่ต้องมาหลอกลูกตัวเอง
ลูกมีกระปุกออมสินของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เขาให้กระปุกกระดาษมา ให้เด็กหยอดเงิน แล้วส่งให้ทางมูลนิธิฯ เขาจะนำเงินออมของเด็ก ไปช่วยเหลือเด็กในชนบท พื้นที่ห่างไกลให้ได้เรียนหนังสืออย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังให้อาหารและน้ำดื่มอย่างเพียงพอ ฯลฯ
   ได้กระปุกมาหลายวันแล้วล่ะ ตอนแรกเขาบอกว่าจะหยอดวันละ 3 บาท วันนี้มาแปลก ควักแบงค์ 50 บาท มาพับแล้วใส่เข้าไปในกล่อง ผมอยากรู้จึงถาม
   “ทำไมมิวใส่ตั้ง 50 บาทแน่ะ มิวไม่เก็บไว้เองบ้างหรือ ทุกทีเห็นใส่แค่เหรียญ”
   “ก็มิวสงสารเด็กในต่างจังหวัด เขาจะได้มีเงินเรียนหนังสือ และไม่ค่อยเห็นมีมูลนิธิไหนมาช่วยเหลือเด็ก เห็นมีแต่อันนี้อันเดียวที่มาหามิวที่โรงเรียน”
   พอทราบความคิดในใจลูก ผมก็เข้าใจถึงเหตุผล เนื่องจากมูลนิธิฯนี้มาเสนอตัวในโรงเรียนเขา เขาก็มีข้อมูลในระดับหนึง
   “ในห้องมิวมีคนรับกล่องออมสินแค่ 4-5 คนเองน่ะพ่อ ที่เหลือเขาไม่เห็นสนใจเลย”
   อันนี้ผมรับฟังเฉยๆ ไม่ได้ตอบอะไรไป แต่ละคนก็มีเหตุผลส่วนตัวของเขา แต่ถ้าลูกทำถูกต้อง ทำดีแล้ว ผมจะชมเชย และสนับสนุนให้เขาทำความดีมากยิ่งขึ้น
   นี่เขาจะรู้ตัวไหมนะ ว่ากรรมดีที่เขาบริจาคเงินให้เด็กด้านการศึกษาและโภชนาการ มันจะส่งผลให้เขายิ่งเรียนเก่ง สติปัญญาดี ประสพความสำเร็จด้านการศึกษา อีกทั้งสุขภาพของเขาก็จะแข็งแรง ไม่มีโรคภัย
   สำคัญกว่านั้นก็คือ การทำความดีใดๆ เราไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนนะครับ การให้ ควรให้ด้วยจิตบริสุทธ์ คิดถึงประโยชน์ของเขาจาการที่ได้รับของๆ เราจะดีกว่า
   ผมเป็นชาวพุทธที่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ทำได้ ก็ต้องได้ดี ทำชั่ว ก็ต้องรับผลกรรมนั้น ช้าเร็วต่างกันไปตามกรรมเก่าที่ทำมา
   นักการเมือง และคนชั่วๆ ทีโกงกินแต่เราเห็นเขายังเริงร่าก็เพราะมีบุญเก่าหนาอยู่ครับ แต่เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานแน่ๆ จะได้เห็นฉากสุดท้ายในชีวิตของพวกมัน
   อย่าลืม บาปไม่สามารถทดแทนได้ด้วยบุญ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #9 on: July 10, 2011, 07:41:45 pm »
10 กรก 54
   นี่คือวันแห่งการผิดคิว
   เช้าเอาจักรยานออกขี่เหมือนทุกวัน แต่วันนี้วันหยุด ไปขี่ได้นาน แต่ลูกบอกขากลับฝากซื้อโจ๊กด้วยนะพ่อ บอกตั้งแต่ก่อนนอนแล้วล่ะ เป็นอันว่าอดขี่ไกล ได้แต่วนเวียนเล่นที่เดิมๆ ขากลับผ่านจุดที่ผมล้มเมื่อวันที่ 10 มค จำได้แม่น คันกั้นรถแบบหลังเต่าอันที่ผมซัดเข้าไปเต็มๆ มันยังคงอยู่ที่เดิม จะมีใครล้มเหมือนผมไหมนะ หรือว่าผมโง่ไปเองคนเดียว
   เมื่อคืนฝนตกหนักและลมแรงมาก ไม่รู้มีใครออกทริปไปไหนกันหรือเปล่า แต่วันนี้กลุ่ม TCHA เขาไปร้านมะตะบะชื่อดัง “สู้แค่หมด” แถวหนอกจอกกัน นัดเจอกันที่สวนรถไฟแต่เช้า กลับมาถึงช่วงเย็น ผมไม่เคยไปร้านนี้นะ แต่ดูจากภาพถ่ายเห็นเป็นร้านเล็กๆ แบบชาวบ้านๆ นึกภาพชาวจักรยานขนไปกันหลายสิบคน อัดเข้าไปในร้านเดียวแบบนี้ มันจะวุ่นขนาดไหน อีกเรื่องที่ต้องคิดคืออาหารเขาจะพอไหม ทำทันไหม
   อาจมีคนฉลาด คิดโทรไปจอง ก็ถือว่าเตรียมการมาดี แต่จะจองกันกี่ที่ดีล่ะ 50 หรือ 100 ผมคิดต่อไปอีกว่าเกิดจองไว้เยอะ แล้วคนมาน้อยล่ะ คนจอง คนจัด มีแต่เสียกับเสีย การขี่จักรยานเป็นกลุ่มใหญ่ มันมีเรื่องฟ้าฝนเป็นตัวแปรสำคัญ แต่ถ้าไปกันแค่กลุ่มเล็ก ก็ง่ายและสะดวกหน่อย
   ผมคุ้นเคยกับการบินเดี่ยว มันคล่องตัวเป็นที่สุด แลกกับความเหงาหน่อยตอนพักผ่อน แต่ก็พลิกวิกฤตเป็นโอกาสเสีย เอาความเงียบเหงานี่แหละมาเป็นช่วงเวลาที่เราค้นหาตัวเอง ผมได้ไอเดียในหลายๆ ด้านจากการขี่จักรยานคนเดียวนี่แหละครับ
   สายภรรยาชวนไปซื้อของ ผมช่วยขับรถให้ ขากลับเธอจะมาส่งผมที่คอนโด ผมเกรงใจบอกไม่เป็นไร จะได้ไม่ต้องขับรถย้อนไปย้อนมา เลยเรียกแท็กซี่กลับมาเอง กะจะมานั่งคิดงานใช้จิตนาการต่อ พอก้าวเข้าห้องได้ 1 นาที ยังเปิดหน้าต่างไม่หมดทุกบานเลย พ่อโทรมาเรียกกลับมาบ้านให้เซ็นเอกสารด่วน จะต้องใช้วันนี้ เล่นเอาผมตั้งตัวไม่ติด รู้งี้อยู่บ้านตั้งแต่แรกดีกว่า กะว่าบ่ายๆ จะไปร้านสินค้าส่งออกแถวบางนาเลยยกเลิกซะ
   แดดแรงจัดตลอดวัน แต่เมื่อวันศุกร์ร้อนจัดกว่า อากาศภายนอกบ้านผมวัดได้ 42 C เห็นตัวเลขแล้วไม่อยากเอาจักรยานออกขี่เลย
   ใกล้หกโมงเย็นฝนเทลงมา คิดถึงพวกที่ไปทริปสู้แค่หมดขึ้นมาทันใด ป่านนี้คงจะเปียกโชกกันทั่วหน้า แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าเขาเร่งเร็วกันได้ก็อาจถึงสวนรถไฟ (จุดนัดพบ) กันเร็ว แต่อย่างไรก็เถอะ รู้สึกเป็นห่วงทุกที เพราะมีผู้ใหญ่ออกไปขี่กันเยอะ
   หัวค่ำเห็นโฆษณาต่อต้านคอรับชั่นของช่อง ThaiPBS แล้วขนลุก ผมไม่รู้ว่าโฆษณานี้เขาสังกัดในหน่วยงานใด แต่ทำออกมาได้ดีมาก แม้จะต่อต้านยาก แต่มันก็คือก้าวแรกที่เราจะเริ่มเอาจริงกันแล้วมิใช่หรือ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #10 on: July 11, 2011, 07:50:33 pm »
11 กรก 54
   เมื่อคืนเอาครีม Proofide ของเบาะ Brooks มาทากระเป๋าเงินเล่น เป็นกระเป๋าที่ผมซื้อตั้งแต่ตอนมัธยม 3 และยังคงใช้มันมาจนถึงวันนี้ อายุก็ราว 18 ปี กระเป๋าสีน้ำตาลของหนังแท้ ไม่เคยลงน้ำยาใดๆ แถมไม่เคยเช็ดถูมาก่อนเลย พอโดนครีม Proofide ทาเข้าไปมันก็สีเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื้อหนังนุ่มนวล ลื่น
   มาดูตอนเช้าอีกที หนังบางจุดยังไม่แห้งสนิท เลยเอากระดาษทิชชู่เช็ดแล้วหยิบมาใช้งานต่อ สัมผัสของแผ่นหนังนุ่มกว่าเดิมเยอะเลย แต่สภาพเดิมก่อนทาครีมนี่มันโทรมสุดๆ เลยนะ มีบางจุดเปื่อยขาดอีกด้วย
   ออกขี่จักรยานขำขำตอนเช้า ขี่ได้วันละนิดละหน่อย นั่งนวดเบาะไปเรื่อยๆ ขี่ไปก็นึกถึง Solo Trip ที่จะออกขี่เองในวันศุกร์นี้ คิดจะไปหัวหิน แล้วไงต่อดีวะ พักที่ไหนดีล่ะ แล้วตอนกลางวันแดดร้อนๆ จะไปอยู่ไหนดี อยากกางเต้นท์นอนด้วย ที่ไหนกางได้บ้าง ฯลฯ สารพันปัญหาที่ไร้คำตอบผุดขึ้นในหัว
   ความสนุกอีกอย่างของการเดินทางอยู่ที่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าครับ นักเดินทางหลายคนเตรียมตัวเสียดิบดี มีแผนอย่างละเอียด มันก็โอเคนะ แต่สำหรับผม มักจะพบว่าแผนที่เราเตรียมไว้มักมันจะคลาดเคลื่อนเสมอ เลยต้องใช้แผนสำรอง แผนสอง หรือ Plan B จนระยะหลังนี่ผมเตรียมไปแค่ Plan B อย่างเดียว ไม่มี A แต่กับทริปจักรยาน ผมว่าไปแบบ No Plan น่าจะตื่นเต้นดีกว่า
   กำหนดแค่เป้าหมายว่าจะไปไหน ปล่อยให้ที่เหลือเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ไปแบบสมองโล่งๆ โปร่งๆ เลย พอกันทีกับการกำหนดตารางชีวิตว่าตื่นแล้วจะไปไหน แวะไหนบ้าง กินอะไรบ้าง ฯลฯ ลุยมันแบบดิบๆ นี่แหละ
   เป้าหมายมีเยอะเสียด้วยสิ หัวหิน เกาะเสม็ด สังขละบุรี เขาใหญ่ แต่ต้องคิดให้ดี เพราะไปตอนช่วงเทศกาลวันหยุดยาว จำฝังใจเลยครับตอนไปเขาใหญ่แล้วเต้นท์ข้างๆ กินเหล้าเคาะขวดแหกปากร้องเพลงกันตลอดคืน ถ้าไปอีกทีก็ไม่อยากไปตอนเทศกาลแล้วล่ะ
   อืม งานนี้เรื่องนอนเต้นท์อาจต้องตัดไปสินะ แต่ก็ยังมีหวัง มันขึ้นอยู่กับว่าเราไปกางที่จุดใดมากกว่า ถ้าได้ทำเลสวยๆ เงียบสงบ การนอนเต้นท์มันจะดื่มด่ำมากกว่านอนห้องพักเสียอีก (นี่อาจเป็นความคิดสำหรับผมคนเดียว)
   บ่ายนัดช่างเข้าไปวัดขนาดผ้าม่าน สรุปกันได้ลงตัววันนี้เองแหละครับ พูดคุยกันมานานเป็นสัปดาห์ เจ้าของร้านคุยง่าย ใจดี ผมจะวางมัดจำเขาก็บอกว่าไม่ต้อง ไม่เป็นไร นี่ถ้าฝีมือดีอีกด้วยจะเก็บเอาร้านนี้ขึ้นแท่นร้านแนะนำ รออ่านรายงานผลสัปดาห์หน้า
   พรุ่งนี้เย็นผมมีประชุมที่สมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทย นัดตอนเย็นเสียด้วย มันไม่สะดวกสำหรับผมเอามากๆ เพราะขับรถยนต์ไปก็ไม่มี่ที่จอด คงต้องเลือกขี่จักรยานไป แต่ผมไม่ชอบขี่กลางคืน ไม่ชอบนั่งแท๊กซีเพราะเบื่อรถติด
   คิดอะไรไม่ออกก็ไม่ต้องคิด ใช้วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเอาในเวลานั้น ดูเหมือนคนสิ้นคิด แต่เชื่อไหมครับว่ามีบางคนได้ความคิดดีๆ ตอนจนตรอกนี่แหละ
   ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #11 on: July 13, 2011, 02:50:46 pm »
12 กรก 54
   เช้าขี่จักรยานได้แค่ 30 นาที ตอนเย็นก็ได้ขี่บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วแต่สภาพอากาศและเวลาว่าง เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันที่จะออกเดินทาง มีหลายสิ่งที่ผมยังไม่ได้จัดการกับรถ เช่น ล้าง หล่อลื่นจุดหมุน ล้างโซ่ ปรับตั้งสายเกียร์ ขัดหน้าผ้าเบรก (Cantilever)
   นี่ถ้าเป็นตอนเด็กๆ ก็ดีสินะ มีเวลาว่างเยอะ รถจักรยาน BMX ผมรื้อมาทำกับมือเองทุกชิ้น แต่กับรถ MTB มันเริ่มต้องมีอุปกรณ์พิเศษ อย่างน้อยก็ต้องมีตัวถอดชุดจาน สมัยเด็กๆ จะเรียกจานลักษณะนี้ว่าจานดูด ต้องใช้ตัวดูดดึงออก ดุมก็เช่นกันครับ สมัยเก่าเป็นดุมแบบลูกปืนเรียงเม็ด บ้างก็เป็นแบบพวง แต่กับรถเกรดดีๆ มันจะเป็นลูกปืนแบริ่ง ที่มากันแบบยกตลับ
   เข้ามาบ้านช่วงบ่าย หาข้อมูลออกทริปหัวหิน ดีใจมากที่มีคนมาให้ข้อมูลเยอะมาก ไม่คิดเลยว่าแถวหัวหินจะมีเขาให้ไต่เล่นด้วย แถมเขายังแนะนำที่พักหลักร้อย (300) แบบติดริมทะเลให้อีก ผู้แนะนำที่ต้องขอบคุณอย่างมากคือคุณเอ๋ บ้านโป่ง
   จากเดิมที่ชอบวางแผน จนเปลี่ยนเป็นไปแบบไม่มีแผน แล้วพอใกล้จะถึงวันต้องสรุป ปัญหาต่างๆ มันก็คลี่คลายได้เองอย่างง่ายดาย เรื่องออกทริปนี่ก็เป็นอีกตัวอย่างล่าสุดให้ได้เห็น
   เย็นไปประชุมที่สมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทย แถวบรรทัดทอง ผมไปกับรถ Neobike 14 จากบ้านขี่ไปถนนใหญ่เรียกแท็กซี่ไปส่ง BTS วงเวียนใหญ่ ต้นสาย ไปลงสุดสายคือสนามกีฬาแห่งชาติ ผมไม่ได้ขึ้นรถไฟฟ้ามานานหลายเดือน ภายในรถไฟฟ้าเปลี่ยนไปพอควร จากเดิมเป็นภาพแสดงทิศทางการเดินรถ แต่วันนี้มันแสดงผลเป็นไฟวิ่ง เห็นชัดเจนดีกว่าเดิม ราวเหล็กให้เกาะก็เช่นกัน มีให้เกาะมากขึ้น ผมเอารถพับครึ่งแล้ววางตรงมุมใกล้ประตู เอาเป้หลังวางบนจักรยานได้พอดีเป๊ะ รถพับแล้ววางได้นิ่งดีครับ รถเบรกหรือออกตัวก็ไม่ล้ม
   คนค่อยๆ แน่นขึ้นเรื่อยๆ และจะมาแน่นสุดๆ ที่สถานีช่องนนทรี พอถึงสยามผู้คนก็แห่กันลงเกือบหมดรถ ลงไปสัก 90% ได้ เหลืออีกสถานนีเดียวก็จะสุดสาย ผมลงตรงนั้นแล้วขี่เข้าสมาคมฯ จากบ้านใช้เวลาไปแค่ 40 นาทีเท่านั้นเอง ขับรถยนต์นี่ไม่มีทางเป็นไปได้ แถมยังมาตายตอนหาที่จอดรถ
   เข้าประชุม 0600 พูดคุยกันเรื่องทริปสิงคโปร์ ผู้ร่วมทริปส่วนมากจะเป็นผู้ใหญ่ครับ มีเด็กกว่าผมแค่ไม่กี่คน และมักจะเป็นลูกหลานของพวกผู้ใหญ่นี่แหละ พูดคุยกันจนถึง 0800 เจออากฤษฎา บ้านเขาอยู่ห่างจากบ้านผมถัดไป 2 ซอย เขาไปสิงคโปร์ด้วย ขากลับเลยขอเขากลับด้วย แต่มีหลายคนคิดแบบผม แถมรถอากฤษฎาเขาเป็นรถกระบะตอนเดียว ผมเลยให้ผู้ใหญ่นั่งหน้า ส่วนตัวเองนั่งกระบะท้าย และมีเพื่อนรุ่นใหญ่นั่งไปอีก 2 คน คุยกันสนุกสนานท่ามกลางฝนปรอยๆ
   ผมคิดว่าเขาจะขึ้นทางด่วน แต่ต้องแวะส่งเพื่อนๆ เลยขับผ่านทางเยาวราช ข้ามสะพานพุทธ ถึงบ้านเอาตอนสามทุ่ม ตากฝนดมควันกันเพลินไปเลย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #12 on: July 14, 2011, 11:20:09 pm »
13 กรก 54
   ลูกไม่สบายตอนดึก เขาบอกรู้สึกอยากอาเจียน และมีไข้ ให้กินยาพาราฯ ตื่นมาตอนเช้าก็โอเคดี แต่พอกลางวันทางโรงเรียนโทรมาแจ้งว่ามิวมีไข้ บ่ายผมจึงไปรับลูกกลับ
   ปกติเขาเป็นคนแข็งแรงดีนะ แต่ไม่สบายแบบนี้เกิดจากอะไรก็ไม่รู้ เมื่อเดือนก่อนก็เป็นอย่างนี้แหละ พอรับกลับบ้านก็หายปุ๊บ ตกเย็นขี่จักรยานเล่นได้สบาย พอมืดเข้าหน่อยก็เอาอีกแล้ว เริ่มมีไข้อีกแล้ว แต่ครั้งนั้นตื่นมาอีกทีหายสนิท วันนี้ก็ขอให้เป็นดั่งวันวานก็แล้วกันนะ
   ตอนสายไปธนาคาร เจอคนดีเป็นผู้หญิงแต่งตัวโทรมๆ เก็บเงินที่ตกอยู่บนเก้าอี้ได้ 1000 บาท เป็นธนบัตร เธอทำหน้าตกใจ ร้องตะโกนว่าเงินของใครๆ เจ้าของเงินกำลังยืนอยู่ที่เคาเตอร์นับเงินและพบว่าหายไป 1000 บาท รีบหันมามองขวับ เดินเข้าไปรับและขอบคุณผู้หญิงที่เก็บได้เสียยกใหญ่ ผมยืนอยู่ตรงกลางก็รู้สึกอิ้มเอมใจกับเขาไปด้วย
   วางแผนไว้ว่าวันนี้จะไปร้านแสงเพชร ไปซื้อยางในสำรอง อีกสองวันจะออกเดินทางแล้ว ยางในที่บ้านหมดสต็อก ต้องการของจุกจิกอีกนิดหน่อยสำหรับไปทริปสิงคโปร์ด้วย ว้า…แผนวันนี้ล่มอีกแล้ว
   รับลูกกลับมาบ้าน แต่ยังคงซึมๆ อยู่ เย็นกินสลัดไก่กันแล้วเขาก็ขอเข้านอนทันที
   ในเวปจักรยานมีคนชื่อ พาย เอนไบค์ เขาขี่จักรยานจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ได้ในเวลา 2 วัน เป็นที่ฮือฮาอย่างมาก ผมสงสัยว่าทำไมชื่อเขาแปลกจัง สุดท้ายคือเขาชื่อพาย เป็นเจ้าของร้านจักรยานชื่อ En Bike อ่านดูรายละเอียดที่เขาเล่าทั้งการเตรียมตัว การเตรียมรถ เขาละเอียดอ่อนมาก มีการทำโหลดคาร์โบก่อนวันเดินทางอีกด้วย
   ผมเองก็โหลดเหมือนกันนะ พายเขาโหลดล่วงหน้าสัก 2-3 วัน ส่วนผมกันเหนียวโหลดมันล่วงหน้าเป็นเดือนเลย ฮ่าๆ
   สรุปได้แล้วว่าจะไปหัวหิน และถ้ามีแรงพอก็จะขี่ต่อไปที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด โจทย์มีแค่นี้แหละ ง่ายๆ หลวมๆ ที่เหลือก็คือการหาข้อมูลอัปเดท เช่น ตลาดน้ำหัวหินที่จะเปิดตัวในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ เปิดวันแรกเสียด้วย ยังไงก็ขอไปยลหน่อย อยู่ซอยหัวหิน 112 งานนี้ต้องพึ่งสลิงล็อครถแน่ๆ แถมยังต้องฝากกำชับเจ้าหน้าที่แถวนั่นให้ช่วยดูอีกที เรื่องที่พักไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องจอง เพราะจะหาที่กางเต้นท์นอนเอา มันจะต้องเป็น Solo Trip ที่น่าตื่นเต้นดีไม่น้อย
   คืนแรกนอนที่เขาหินเหล็กไฟ กางเต้นท์นอน (อยู่จุดไหนยังไม่รู้เลย) คืนที่สองกางเต้นท์นอนที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด คืนที่สามขี่กลับมาหัวหิน คืนนี้ตัวเลือกเยอะ จะกางเต้นท์นอนที่เขาตะเกียบก็ได้ หรือจะยืดไปถึงหาดชะอำก็ได้ หรือถ้าทรงพลังจริงๆ จะตีรถกลับไปนอนอัมพวาเลยก็ยังไหว วันสุดท้ายจะได้ขี่น้อยๆ หน่อย ฝันเฟื่องไปไหมวะนี่ เพราะกว่าจะถึงอัมพวา หิ่งห้อยอาจหลับกันหมดแล้ว ฮ่าๆ
   ความสนุกของการเดินทางมันมีอยู่ 3 ช่วงครับ 1 ช่วงวางแผน 2 ช่วงปฏิบัติตามแผน 3 ช่วงที่อะไรๆ มันไม่เป็นไปตามแผน
   นี่แหละครับ คือสีสันของ Solo Trip ไปแบบอิสระ ไร้กรอบ ไม่ต้องเกรงใจใคร ไปไหวหรือไม่ไหวก็ยังไม่รู้เลย
14 กรก 54
   เช้าขี่เล่นเหมือนเดิม มาจนถึงวันนี้นั่ง Break In เบาะ Brooks ไปได้ 17 ชม เศษ ก็สึกนิ่มขึ้นนิดๆ เอาเต้นท์ออกมากาง ลองจับเวลาดู ทำไปราว 5 นาที (พร้อมขึงฟลายชีท) ตอนเก็บใช้เวลาเยอะกว่า เพราะต้องม้วนแพ็คเก็บให้เรียบร้อย
   กลางวันไปร้านแสงเพชร จดลิสต์ของที่ต้องการมาเพียบ เห็นสูบอันหนึ่งสวยมาก ท่าทางจะดี เพราะเป็นเกลียวหมุน ไม่ใช่เป็นแบบตัวง้างล้อค
   “สูบอันนี้เท่าไหร่ครับ”
   ชายหนุ่มก้มหน้าทำงานเขียนหนังสือ คงจะทำบัญชีอยู่ (เดา) ตอบกลับมาขณะเขียน
   “พันกว่าบาท”
   ผมเห็นเขาท่าทางจะยุ่ง แต่ทั้งร้านมีแค่ผมคนเดียว เลยขอดูไฟกระพริบแทน เขาก็หยิบส่งให้ทันที กดไฟเล่นนิดหน่อยแล้วก็คือ แค่อยากรู้ว่าสว่างดีแค่ไหน เผื่อจะแนะนำเพื่อนต่อ เขายังทำงานเขียนไม่ลดละ อาจจะงานเยอะ แต่ผมก็ต้องรีบไปเหมือนกัน ยังไม่ได้จัดของเลยสักอย่าง
   “ขอผมดูสูบตัวนี้หน่อยได้ไหมครับ”
   เขาถอนหายใจ วางปากกา เงยหน้ามามอง สบตาครั้งแรก เขาอาจจำผมไม่ได้ แต่ผมซื้อของร้านเขามาหลายปีมากแล้วล่ะ ก็นี่คือร้านใหญ่ใกล้บ้านผมมากที่สุดนี่นา
   ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของร้านเขาจริงๆ เลยพูดไปว่า
   “ไม่ต้องก็ได้ครับพี่ ผมซื้อแค่ยางในอย่างเดียวก็พอ”
   เดินออกจากร้านอย่างงงๆ คิดไปพลางว่ามันจะมีร้านไหนที่เขาเต็มใจจะขายของให้เราเหมือน Pro Bike บ้างไหมหนอ ร้าน Pro Bike ขายของแพงกว่าร้านอื่นเยอะ แต่ผมก็ซื้อของกับเขาเยอะเช่นกัน ซื้อความสบายใจ หน้าตายิ้มแย้ม แพงนิดแพงหน่อยก็หยวนๆ ยังไงก็รู้สึกดีกว่าเข้าร้านที่เขาเห็นเราเป็นส่วนเกิน
เย็นมีนัดทำฟัน เป็นร้านเก่าแก่โบราณที่ผมทำตั้งแต่สมัยยังเด็ก เป็นหมอฝีมือเยี่ยมที่ถวายทำการรักษาให้กับเชื้อพระวงศ์ เลยพาลูกมาทำด้วยกันที่ร้านนี้แหละ ราคาออกจะแพงหน่อยแค่มันคุ้นเคยกันเสียแล้ว
   กลับมาบ้านก็รีบตรวจเช็คอุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินทาง แยกออกเป็นหมวดหมู่ดังนี้
1 อุปกรณ์คน
2 อุปกรณ์รถ
3 อุปกรณ์แคมปิ้ง
4 อุปกรณ์ครัว
5 ของที่อยากนำไปด้วย
   ทุกคนจะต้องเตรียมของในข้อ 1 และ 2 ถ้านอนเต็นท์แบบผมด้วยก็ต้องมีข้อ 3 และถ้าไม่ทำครัวก็ตัดข้อ 4 ออกไป ส่วนข้อ 5 คือของจิปาถะ ไม่เกี่ยวกับการเดินทาง แต่เราอยากนำไปด้วยเสียอย่าง เช่น กล้องถ่ายรูป GPS หีบเพลง โน๊ทบุ๊ค ฯลฯ
   กว่าจะจัดของเสร็จก็เกือบจะห้าทุ่ม จัดแบบเร่งรีบนี่ผมกลัวจะหลงลืมจริงๆ เลย ไม่เคยจัดของกะทันหันแบบนี้มาก่อน แต่ก็ดี ถือว่าเป็นการฝึกเอาไว้
   ขอหายหัวไปหลายวันหน่อยนะ กลับมาคงมีเรื่องเล่ามากมาย ไปครั้งนี้มิใช่แค่ไปเที่ยว มันเป็นจุดเริ่มต้นของงานเขียนชิ้นใหม่ของผม
   ผมอยากให้มันออกภายในปีนี้นะ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #13 on: July 17, 2011, 05:39:23 pm »
15 กรก 54
   เป็นการเดินทางแบบไร้แผนที่ชัดเจน เป็นอีกแนวหนึ่งที่ผมลองในทริปนี้ครั้งแรก แน่ล่ะ เกิดความฉุกละหุกขึ้น ถ้าคิดว่ามันคือโอกาสที่ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็จะไม่บ่นอะไร ถ้าคิดบวกก็จะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เหมือนผมในคืนนี้ที่กางเต้นท์นอนริมทะเลในวันเทศกาลที่คนแสนจะพลุกพล่าน ทว่าริมทะเลชะอำที่ผมนอนนั้น มันแสนจะเงียบสนิท มีเพียงเสียงคลื่นที่กล่อมจนหลับ
   นอนดึก เลยตื่นสาย ลุกมาตอน 0530 ตกใจมาก ท้องฟ้าสว่างแล้ว สำหรับทริปทางไกลอย่างนี้ มันควรจะออกราวตี4 ตี5 ออกยิ่งเช้าจะยิ่งขี่สบาย ช่วงเวลาที่เราทำความเร็วได้ดีนั้นคือช่วงเช้าและเย็น เพราะแดดไม่ร้อน
   ออกจากบ้านหกโมงกว่า ภรรยาและลูกตื่นลงมาพอดี เขาชวนไปใส่บาตร ผมเองก็อยากรีบออกเดินทาง แต่ก็ตัดสินใจไปใส่บาตรด้วย โชคดีพระมาเร็ว เลยเสร็จเร็ว ออกจากบ้านเอาตอน 0630 ใช้เส้นทางที่กลุ่มสวนธนฯ เขาจัดทริปประจำปี กรุงเทพฯ-หัวหิน คือ ออกจากพระราม 2 ตรงตลอดไปจนถึงปั๊ม ปตท ที่คลองโคน จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าบ้านแหลม และไปโผล่ชะอำ ฟังดูดีเน๊อะ ท่าทางรถจะน้อย ขี่สบาย ผมยังไม่เคยไปกับกลุ่มสวนธนฯ เขาหรอก บอกแบบไม่อายคือกลัวขี่ไม่จบ ผมซ้อมน้อย แรงน้อย งานที่ถนัดคือการใช้สมองและจิตนาการ
   ท้องฟ้าครึ้มๆ ตั้งแต่เช้า ผมภาวนาในใจขอให้เป็นเช่นนี้ตลอดวั้น ขี่ตอนเช้านี้เพลินมากๆ ร่างกายสดสุดๆ ออกไป 10 กม ผมแวะซื้อข้าวเหนียวหมูย่างร้านประจำใกล้ห้างโลตัสพระราม 2 ผมเห็นคิวยาว ตัดสินใจจะไม่เอา เพราะต้องรีบไปอีกไกล แต่แม่ค้าบอกว่าถ้ารอได้อีก 2 นาทีก็จะได้กิน เขาจะแซงคิวคนอื่นให้ ซึ่งปกติร้านนี้เขาจะต้องตามคิวตลอด ขาใหญ่แค่ไหนก็ต้องรอ
   ได้หมูย่างมา 10 ไม้ (ไม้บางๆ เล็กๆ) และข้าวเหนียวอีก 1 ถุง บริเวณนี้เป็นป้ายรถเมล์ เลยขี่ออกไปไกลเรื่อยๆ หาจุดแวะพักนั่งกิน แต่ยิ่งขี่ออกไป มันยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ผ่านชุมชน ตลาด ท่ารถ ดงสิบล้อชานเมือง ฯลฯ หมดไร้ซึ่งทางคิด แวะเข้าปั๊ม ปตท อีกแล้ว (ผมเลือก ปตท เพราะเป็นปั๊มที่ใหญ่ สวย มีร้านค้ามาก และมีจุดพักรถที่เยอะที่สุด) แต่ปั๊มนี้คนแน่นมากจนหาที่นั่งกินยั้งไม่ได้ เลยได้แค่เติมครีมกันแดดและยืดเส้นนิดหน่อย เจอพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำ หน้าจาเธอยิ้มแย้มมาก แต่ไม่เห็นมีใครจะยิ้มให้เธอสักคน ผมเลยยิ้มให้แทน ผมเข้าใจคนทำงานบริการแบบนี้ดี เพราะตอนที่ตัวเองยกของแบกของไปส่งลูกค้า มักจะโดนต่อว่าประจำว่ามาช้าบ้าง จัดเรียงวางสินค้าไม่ถูกใจบ้าง ฯลฯ
   ตอนจะออกเดินทางต่อ มีกลุ่มผู้ชายหลายคนในรถตู้ทักทาย ผมยิ้มตอบ โบกมือให้ คิดว่าเป็นพวกคนเดินทางทักทายกันปกติ แต่เปล่า เขาเป็นกลุ่มนักจักรยานจากจังหวัดชลบุรี มาสำรวจเส้นทางไปหัวหิน ผมเลยแนะนำเส้นทางที่ผมกำลังจะไปวันนี้นี่แหละ คุยกันสักพักก็แยกทางกันเดินต่อ เราไปจุดหมายเดียวกัน แต่เขาใช้เวลาไม่เกิน 2 ชม ส่วนผม ยังไม่ทราบชะตากรรม
   กว่าจะได้กินมื้อเช้าก็ต้องแวะปั๊มที่เล็กรองลงมาแทน เขามีร้านขาวข้าวแกงไว้บริการ ผมไม่ได้ซื้อข้าวของเขา ไม่กล้านั่งบนโต๊ะในร้าน เลยกินกับพื้นแอบตรงมุมที่จอดรถ กินแป๊บเดียวหมด ข้าวเหนียวนุ่มมาก หมูย่างหอมอร่อย ร้านนี้ซื้อกินมาหลายปีแล้ว ถ้าจะกินเยอะหรือซื้อฝากใครก็จะต้องโทรสั่ง กินเสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อทันที ยิ่งโอ้เอ้จะยิ่งร้อน แต่ตอนนี้ท้องฟ้ายังมืดครึ้มเหมือนเดิม หรือคำร้องขอของผมเป็นใจ
   กินเสร็จใหม่ๆ ไม่ควรปั่น แต่ผมเลี่ยงไม่ได้ เลยขี่ช้าๆ แทน อีกสัก 15 นาทีต่อมารู้สึกมีแรงขึ้นมาทันใด ทำความเร็วได้ดีกว่าเดิม เอ๊ะ หรือมีลมพัดช่วยดันหลังก็ไม่รู้นะ มันรู้สึกเหมือนขี่ปกติแต่ความเร็วขึ้นสูงมาก ไอ้ขี่ตามลมนี่ไม่ค่อยคุ้น แต่ถ้าทวนลมล่ะก็ เจอประจำ ก็คงจะเหมือนความสุขที่มันมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่พอเรื่องทุกข์มันมักจะทำให้เราคิดว่าช่วงเวลานั่นแสนจะเนิ่นนาน
   ข้างหน้าผมมีรถกระบะจอดเสีย มีผู้โดยสารเต็มรถ เป็นเด็กๆ เสียเยอะ ผมจอดเข้าช่วยเหลือ
   “รถเป็นอะไรหรือครับ”
   “รถมันดับ สตาร์ทไม่ติด สงสัยเติมน้ำมันผิด”
   “อ้าว แล้วพี่ไปเติมอะไรเข้าล่ะ”
   “ไม่รู้เหมือนกัน”
   อ้าว เจอแบบนี้ยิ่งงง ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ ผมเลยช่วยปั๊มไล่น้ำออกจากน้ำมันดีเซล กดปั๊มอยู่ราว 5 นาที ไล่จนน้ำออกหมด ทิ้งไว้สักพักมันน่าจะติดนะ ผมไม่รู้ว่าเขาไปเติมอะไรมา แต่ถ้าเติมน้ำมันผิดจริง มันวิ่งไม่ได้หรอก อย่างเก่งก็เครื่องติดแล้วดับ เร่งไม่ได้
   “ลองสตาร์ทดูครับ”
   บรึนนนๆ ๆ ๆ เย้ๆ ติดแล้วโว๊ย ทุกคนในรถแววตาเป็นประกายมาก ผมเองก็พลอยดีใจไปกับเขาด้วย ก็แหม วันหยุดยาวทั้งทีจะพาเด็กๆ ไปเที่ยวกันเต็มรถ ดันมารถเสียกลางทางจนได้
   “อ้าว แล้วช่างที่โทรเรียกล่ะ จะทำยังไงดี” พี่ผู้หญิงคนหนึงถามคนขับ แต่ยังไม่ทันได้รับคำตอบ รถช่างก็มาจอดเทียบข้างเสียแล้ว อันนี้หมดหน้าที่ของผมแล้วล่ะ ให้เขาไปเจรจากันเอง ผมทำให้เครื่องยนต์มันติดได้แล้ว
   ช่วยเหลือคนได้นี่มันช่างเบิกบานใจดีจริงๆ ขี่กลางแดดก็ไม่รู้สึกร้อนอะไร โดนฝนก็เย็นสบายดีออก ความสุขเล็กๆ ที่เราสร้างได้เองด้วยสองมือ
   ขี่ไปสักพักเห็นคนจรจัดเดินเก็บขยะอยู่ข้างทาง แต่งตัวมอมแบบสกปรก แต่คนนี้มีบุคลิกที่แปลก คือมีธงเหลืองสลับกับธงชาติขนาดใหญ่ติดไว้บนคานไม้ไผ่ที่เขาใช้หามถังสีหลายใบ (เอาไว้ใส่ของ)
   ผมจอดรถข้างหน้า กะจะให้ภาพเขาเป็น Background ของรถผม แต่ผิดคาด พอเขาเห็นกล้องก็หยุดเดินทันที แถมหันหน้าหนี จนผมต้องเดินเข้าไปคุยด้วย
   เขาชื่อ บิด บุญเกิด ครับ เดินทางด้วยสองเท้าของตัวเองไปทั่วประเทศไทย ณ วันนี้เขากำลังมุ่งหน้าเดินไปหาดใหญ่ จุดที่เริ่มเดินก็คือจังหวัดเชียงราย เล่นเหนือจรดใต้กันไปเลย นี่แหละครับ นักเดินทางตัวจริง มืออาชีพ ไม่มีเต้นท์ ไม่มีเครื่องทุ่นแรง ไม่มีอุปกรณ์ไฮเทค สุดท้ายคือไม่มีเงิน มีแค่ใจที่อยากไป
   จะกินแต่ละครั้งก็ต้องรอคนมาให้ บ้างก็ขอเขา ให้มาบ้าง โดนไล่มาบ้าง จะนอนข้างทาง เจอนักเลงเจ้าถิ่นขาใหญ่ ก็ต้องคอยหลบๆ เขา
   เสียดายที่ผมคุยกับเขานิดเดียว ถ้าได้คุยกันนานกว่านี้ผมว่าเขาเป็นคนน่าสนใจมาก นึกถึงรายการ คน ค้น ตน ขึ้นมาทันที อยากให้มาค้นหาคนแบบนี้แหละ เขาคือ “บิดคนจร นักเดินทางผู้ทระนง”
   ก่อนจากกันผมให้เงินเขาไว้ใช้สอย 100 บาท ขี่ออกมาได้สักพักก็คิดไปพลางว่า ผมนี่บ้าจริงๆ เงิน 100 บาท มันจะทำอะไรกันได้มากนัก น่าจะให้สัก 1000 บาท เขาต้องใช้ซื้อข้าวกินอีกเยอะมากๆ รีบจอดรถ หันหลังไปดู มองไม่เห็น เราจากกันมาไกลพอสมควรแล้ว
หลังจากนี้ ทุกครั้งที่ผมเหนื่อยยากลำบากในชีวิต ผมก็จะนึกถึงแต่คนจรนักเดินทางท่านนี้ 

   เจอ ปตท อันไหน ไม่ว่าเล็กใหญ่ เป็นต้องชำเลืองดูซอยข้างๆ ปั๊ม ไปตลอด ในตัวมีแค่แผนที่คร่าวๆ แถมไม่ได้สัดส่วนอีกด้วย เป้าหมายของผมคือปั๊ม ปตท ใหญ่ๆ ที่มีซอยข้างปั๊ม ผมต้องเลี้ยวซ้ายตรงนั้น ผ่านอัมพวาก็แล้ว ชักเอะใจ หรือว่าเราขี่เลยมาแล้ววะ ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็คงต้องใช้เส้นทางหลักแทนสินะ ระยะทางก็ต้องเพิ่มมากขึ้น เฮ้ออ..
   ข้างหน้าเป็นโรงงานของร้านเม้ง เฮดเดอร์ ผมรู้จักกับลูกสาวร้านเขา ชื่อเจ้าหงส์ เป็นเด็กดี น่ารัก ขยันทำงานมาก ตอนเขาจะเข้าวงการดริฟท์ใหม่ๆ ตอนเพิ่งได้รถมาเป็น Nissan A31 ก็เอารถมาให้ผมดู ผมจึงแนะนำจุดที่ควรทำเสริม และจุดที่ควรปรับปรุง เช่น การยึดแบตเตอรี่ไว้ด้านหลัง มันไม่เหมาะกับรถดริฟท์เอาเสียเลย ตอนท้ายรถแกว่งไปมา น้ำกรดก็จะหกกระฉอกออกมาตลอดเวลา
   อ๊ะ มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือแม่กลองขายอยู่ก่อนถึงร้านเม้งเฮดเดอร์ ต้องลองๆ ขี่มาไกลถึง 70 กม แล้ว ยังไม่ได้เติมเกลือแร่ให้ร่างกายเลย ผมชอบกินก๋วยเตี๋ยวครับ เพราะเป็นหนึ่งในอาหารจานเดียวไม่กี่ชนิดที่หาได้ง่ายข้างๆ ทางที่มีผักเยอะมาก อย่างก๋วยเตี๋ยวเรือก็จะได้ผักบุ้งลวก ถั่วงอกลวก ถั่วงอกสด ใบโหระพา รสชาติดีครับ กินไปสองชาม ชามละ 20 บาท เติมเกลือแร่ให้แก่ร่างกายพร้อมสารอาหารหลักไปด้วยในตัว ไม่รู้จะเพียงพอต่อความต้องการร่างกายหรือไม่ มันจะเอาอะไรมาวัดก็ไม่รู้
   ถัดจากร้านเม้งเฮดเดอร์ไปก็จะเจอ ปตท สาขา คลองโคน ปั๊มใหญ่พอควร (ก่อนหน้านี้มีใหญ่สุดๆ เด่นทีมีร้าน McDonald ด้านหน้าอีกด้วย) เลี้ยวซ้ายซอยข้างปั๊มเลยครับ จากบ้านผมมาถึงจุดนี้ระยะทางประมาณ 73 กม ไม่น่าเชื่อ ตอนแรกผมคิดว่าจะแค่สัก 50
   ถัดจากนี้ไป คือนรกของแท้ แต่เส้นทางสวยนะ ที่ว่านรกเพราะมันคือด่านลมมรณะ ต้องขี่ทวนลมไปตลอดทางจนถึงชะอำ ระยะทางก็ขำขำครับ 80 กม นี่ถ้ารู้ว่ามันไกลขนาดนี้อาจมีเปลี่ยนใจ เพราะดูจากแผนที่ในภาพมันไม่เห็นไกลเท่าไหร่นี่หว่า
   ยอมรับอย่างหนึ่งครับว่าเส้นทางสวยดีมาก ถนนขรุขระแค่ปากทางเข้าราวแค่ไม่กี่ร้อยเมตร หลังจากนั้นก็เรียบกริบ สวยเนียนดีจริงๆ วิวสองข้างทางสวยดีครับ เป็นนาเกลือล้วนๆ นั่นหมายถึงมันจะโล่ง โปร่ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่ข้างทางเลย สถานที่แห่งนี้ลมจึงพัดแรงมาก เป็นลมแบบด้านข้าง (Cross wind) แม้ไม่ได้ซัดเข้าหน้าเราเต็มๆ แต่แค่ด้านข้างก็เล่นเอารถเป๋ไปหลายครั้ง เรียกว่าปล่อยมือขี่ไม่ได้เลย ซึ่งปกติผมจะปล่อยมือขี่นั่งหลังตรงตอนพักหลัง
   สาหัสอีกอย่างคือหากผ่านพ้นชุมชนมาแล้ว ก็จะไม่มีร้านค้าใดๆ เลย น้ำกินผมหมดช่วงนี้พอดี เลยต้องทนๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงสำนักงาน อบต ถึงขอเข้าไปนั่งพัก ขอน้ำกิน ถ้าขี่จนหมดแรงก็อาศัยนั่งพักตามศาลาข้างทาง ถอดหมวก ถอดรองเท้า นอนแผ่อย่างสบายใจ นี่ถ้าฝนตกอาจมีหลับได้ไม่ยาก
   โชคดีอย่างเป็นที่สุดที่ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม มีฝนโปรยบางๆ ไม่ถึงขั้นตัวเปียก แค่พอเย็นๆ ฟ้าฝนเป็นใจให้ผมแล้ว ที่เหลือก็คือร่างกายและจิตใจผมจะไหวหรือไม่
   “ต้องไหวสิน่า ยังไงก็ต้องไปให้ถึงหัวหินให้ได้” ถ้าคิดว่าไหว มันก็จะไปถึง ในทางตรงกันข้าม ถ้าคิดว่าไม่ มันก็จะเป็นเช่นนั้น ใช้แนวคิดนี้ได้กับทุกเรื่องในชีวิต ธุรกิจ และการงาน
   เป้าหมายของคืนแรกนี้ผมจะกางเต้นท์นอนที่เขาหินเหล็กไฟ เป็นเนินเขาเตี่ยๆ แต่เงียบ (เดา) ส่วนวันพรุ่งนี้ ก็เอาไว้คิดกันคืนนี้
   ขี่ต่อไปอีกพักเดียวก็เกิดเรื่อง อาการหลังเจ็บจี๊ดขึ้นมาครั้งแรก เล่นเอาแทบหมดแรงไปเลย มันกลับมาหาผมอีกแล้วสินะ แถมบางช่วงมีอาการคล้ายตะคริ้วที่น่อง แก้ด้วยการปั่นแบบยกปลายเท้าขึ้น หายสนิททันที (แต่ถ้าใครไม่ได้ใช้บันไดคลิปเลสต้องระวังลื่นด้วยนะ ท่านี้บันไดจะตีหน้าแข้งได้ง่ายมาก)
   อะไรกันนี่ ขี่มาแค่ 100 กม เท่านั้นเอง เจ็บหลังเสียแล้ว แล้วความฝันตั่งยิ่งใหญ่ มันไกลกว่านี้อีกเยอะนะ จะทำอย่างไรกันดี
   ผมเป็นคนไม่ชอบกินเครื่องดื่มเกลือแร่ มาถึงจังหวัดเพชรบุรีก็ต้องกินของดีในท้องถิ่นของเขาสิครับ แน่นอน น้ำตาลสดไง จอดกินแล้วนั่งพักในเพิงข้างทางนี่แหละ สดซดๆ แก้วละ 15 บาท อย่าลืมขอแม่ค้าเติมน้ำเปล่าใส่กระติกเราด้วย ข้างหน้าไม่มีร้านค้าเท่าไหร่
   ปั่นทวนลมมาเรื่อยๆ ความเร็วเฉลี่ยก็ค่อยๆ ลดต่ำลง ดูระยะทางแล้วเริ่มท้อใจ แผนที่เราวางไว้จะออกมาได้ตามนั้นไหมหนอ อีกราว 50 กม จะถึงชะอำ และขี่ต่อไปอีกราว 25 กม จะถึงหัวหิน ชะอำน่ะพอกัดฟันถึง แต่หัวหินนี่ชักจะเริ่มท้อ เพราะไอ้อาการหลังเจ็บแปล็บนี่แหละ โต้ลมก็แล้ว ยังต้องมาสู้กับอาการในร่างกายตัวเองอีก
   ผมแวะพักข้างทาง โทรหาสุขเกษมเกสเฮ้าส์ ที่คุณ เอ๋ บ้านโป่ง แนะนำเอาไว้ โทรถามก็เพราะผมคงจะถึงหัวหินสัก 2 ทุ่ม ยังไม่นับปั่นขึ้นเขาหินเหล็กไฟอีก ไหนยังต้องหาทำเลกางเต้นท์อีก หึหึ สาหัสจริงๆ
   ฟ้าไม่เข้าข้าง ผมโทรช้าไป ป้าเจ้าของร้านเพิ่งรับห้องสุดท้ายไปเมื่อ 30 นาทีที่แล้ว จบข่าว
   หาใครในหัวหินดีวะ คอนโดเพื่อนพ่อที่เคยไปพักก็หรูจัด ไม่กล้ายืม ที่อื่นๆ ก็ไม่ได้เผื่อเอาไว้เลย นี่คืออีกหนึ่งปัญหาที่ต้องเจอ ถ้าจะเดินทางแบบ No Plan อย่างผม
   และแล้วก็เกิดความคิดชั่วร้าย หารถโบกดีกว่า ถนนเส้นนี้มีแต่รถคนที่จะไปหัวหิน ชะอำกันทั้งนั้น ผมรีบจอดข้างทาง ยกมือโบกรถ เลือกเฉพาะรถกระบะเท่านั้น แต่คันแล้วคันเล่า ไม่เห็นมีใครจอดรับสักที บางคันใจดีหน่อยมีชะลอมองหน้าแล้วก็เร่งเครื่องส่งต่อไป โบกอยู่ราว 20 นาที (พักเหนื่อย พักก้น พักหลังไปด้วยในตัว) ไม่มีคันไหนจอดแม้แต่คันเดียว โธ่ๆ ๆ
   ไม่จอดก็ไม่ง้อวะ ขี่ไปเองก็ได้ พูดกับตัวเองแบบประชด ทั้งๆ ที่เรียวแรงแทบหมดแล้ว
   ปั่นไปก็คิดหาทางออกไป ท้องฟ้าเริ่มมืดทุกทีๆ ช่วงนี้ร่างกายผมอ่อนล้าเป็นที่สุด ไม่ได้กินอะไรมาหลายชั่วโมงแล้ว สองข้างทางมีแต่นาเกลือ และป่าโปร่งชายทะเล และลมพัดแรง กัดฟันจนถึงหาดเจ้าสำราญ ถัดไปเป็นหาดปึกเตียน ตามด้วยชะอำ หาดที่คนพลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่ง
   เย้ๆ ได้เห็นทะเลแล้วๆ แต่บรรยากาศมันมั่วๆ เลอะเทอะ คล้ายบางแสนเลยว่ะ ร้านอาหารข้างทางก็เป็นแบบกินกันตาย ไก่ย่างขมิ้น หอยทอด ผัดไทย อาหารตามสั่ง ลูกชิ้นทอด ร้านกาแฟ รถเข็นกาแฟ แต่นี่ชายทะเล เลยมีปลาหมึกย่าง อาหารทะเลอบแห้ง
   หิวครับ หิวมาก แต่ถ้าจะกินก็ขอให้อร่อยๆ หน่อย ให้สมกับที่ทนมา เจอร้านอาหารตามสั่งหัวมุมถนน ข้าวของในตู้ดูสดใหม่ แม่ค้ายิ้มแย้ม พุ่งเข้าไปเลย ไม่ต้องลังเล ถอดหมวก ถอดไอ้โม่งคลุมหน้าออก แม่ค้าส่งยิ้มให้
   มองของในตู้แล้วตาลาย ผักเยอะแยะไปหมด แต่เลือกไม่ถูก เออ ผมมักจะเลือกผักที่กินก่อนแล้วค่อยมามองเมนูอาหารนะ เว้นแต่ว่าอาหารสดชนิดนั้นน่ากินจริงๆ อย่างวันนี้เห็นหมูกรอบท่อนใหญ่ เลยสั่งหมูกรอบผัดพริกแกง ใส่ถัวฟักยาว แครอท
   กินเกลี้ยง ไม่เหลือแม่แต่เม็ดพริก ได้ชมวิวตอนนั่งกินข้าว เห็นของยอดฮิตของหาดนี้คือจักรยานหลายตอน มีมากสุดคือ 5 ตอน นึกถึงตอนตีโค้งกลับรถแล้ววงเลี้ยวของมันคงจะราวๆ รถปิคอัพ
   ผมขี่เลาะหาดชะอำตั้งแต่หัวหาดไปจนถึงท้ายหาดทางตัน ไปจนไม่มีถนนให้ไปแล้ว ผมเข็นจักรยานลงไปในหาดทราย สอบถามแม่ค้าพ่อค้าแถวนั้นว่ากางเต้นท์นอนแถวนี้ได้ไหม
   “ตามสบายเลยครับ คนเขาก็จอดนอนกันเยอะ กางเต้นท์ตรงใกล้ๆ ร้านผมนี่ก็ได้ แต่จะสว่างหน่อยนะ” พ่อค้าร้านส้มตำเอ่ยปากชวน
   “ครับผม ขอบคุณมากครับ ผมขอเดินเข้าไปดูด้านในหน่อยนะ” ผมเข็นจักรยานลึกเข้าไปเรื่อยๆ พบว่าเป็นหาดทรายที่น้ำท่วมถึง คือหากน้ำขึ้นสูงสุดก็อาจท่วมเต้นท์เราได้ วิธีดูก็ไม่ยาก ดูจากสภาพทราย ถ้าเป็นทรายน้ำขึ้นถึงจะมีสีเข้ม ทรายแน่น แต่ถ้าเป็นทรายร่วมซุย นั่นคือน้ำขึ้นมาไม่ถึง ผมเลือกทำเลบนผืนทรายนุ่ม ห่างออกมาจากร้านค้าพอควร ผมอยากได้เงียบๆ มืดๆ หน่อย เพราะคืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ในชายหาดมันมีแสงช่วยส่องตลอดเวลา ต่อให้เที่ยงคืนก็ยังไม่มืดสนิทหรอก และวันนี้ขึ้น 15 ค่ำอีกด้วย วันอาสาฬหบูชา
   ใกล้ๆ กันเจอกับหนุ่มอาชีพรับจ้างสัก เดินทางอิสระด้วยมอเตอร์ไซค์ไปทั่วประเทศ ชื่อพี่อ๊อด คุยกันสักพักก็ขอสำรวจจุดกางเต้นท์เสียก่อน กลัวจะมืดครับ เราควรกางเต้นท์ให้เสร็จก่อนมืด มีหลายเหตุผล เพื่อป้องกันแมลงเข้า เพื่อสำรวจสภาพบรรยากาศโดยรอบว่ามีจุดอันตรายใดๆ หรือไม่ โดยเฉพาะทางผ่านของน้ำ และถ้าเป็นป่า ก็ต้องดูทางผ่านของสัตว์ป่า ที่เรามักจะเห็นรอยเท้าของมันทิ้งไว้
   ตัดสินใจกางเต้นท์นอนที่หาดชะอำครับ คิดดูแล้วเหลื่อระยะทางอีก 25 กม กว่าจะถึงหัวหิน ระยะทางแค่นี้ถือว่าเด็กๆ มาก แต่ร่างกายผมสิ มันบอกช้ำมาแล้ว ไปไม่ไหว ไปไม่ถึง ผมก็ไม่ยื้อครับ ขี่แบบ No Plan ก็แบบนี้แหละ ตัดสินใจกันสดๆ ซึ่งๆ หน้า เสี่ยงกับความผิดพลาดกันเอาเอง แต่ถ้าผ่านมาได้ มันก็จะเป็นประสบการณ์ที่ดีอีกรูปแบบหนึ่ง
   จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพก็เริ่มมืด ยังไม่ได้อาบน้ำเลย ที่ริมหาดมีบริการอาบน้ำครั้งละ 10 บาท แต่ผมกางเต้นท์เสร็จแล้ว ถ้าผมไปอาบน้ำแล้วใครจะเฝ้ารถเฝ้าเต้นท์ให้ผมล่ะ นี่เป็นข้อจำกัดข้อใหญ่ของการเดินทางคนเดียว (Solo)
   เหนียวตัว เหนอะหนะ น่ารำคาญอย่างมาก ไม่เคยนอนในสภาพนี้มาก่อน นึกๆ ย้อนหลังดูจะมีคล้ายแบบนี้ก็ตอนเรียน รด ปี3 ตอนไปฝึกภาคสนามที่เขาชนไก่ ผมใส่ชุดเดียวตลอด 7 วัน แต่มันก็ยังได้อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น
   ผมหันหน้าต่างเต้นท์บานเล็กเข้ารับลมทะเล ทางเข้าเล็ก ทางออกใหญ่ หลักการเดียวกันกับ Ram Air ในรถยนต์อีกแล้ว ในทางทฤษฎีถ้าลมระบายออกดี ก็จะรับเข้าได้เร็ว ในทางตรงกันข้าม ถ้าทางเข้าใหญ่แต่ระบายออกไม่ดีก็จะอั้น ลมจะตีกันเองตรงปากทางและไม่เข้ามาด้านใน
   เต้นท์ของผมมีจุดเด่นอย่างหนึ่งคือมีหน้าต่างมองทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ นอนมองดูดาวได้สบาย แต่ถ้าคลุมฟลายชีทแล้วก็จะปิดมิดหมดเลย นึกสังหรณ์พิกลว่าคืนนี้ฝนจะตกไหม
   สักพักได้ยินเสียงเปาะแปะ ทนอีกสัก 2 นาที เสียงฝนยังไม่หายเลยกางฟลายชีทคลุม ผมเข้าเต้นท์นอนตั้งแต่ทุ่มครึ่ง แต่ก็ต้องลุกเข้า ลุกออกเป็นสิบรอบ เพราะฝนตกๆ หยุดๆ สลับกัน ออกไปนอกเต้นท์บ่อยเพราะไปเปิดฟลายชีทออกให้ลมพัดเข้ามาได้ ขณะนอนก็พลิกตัวไปมาตลอด รำคาญความสกปรกของตัวเองเป็นที่สุดด้วยเหงื่อไคลสะสมมาตลอดวัน คืนนี้ทำได้ดีสุดคือเอาน้ำในกระติกมาล้างหน้าแบบลวกๆ
   หลับๆ ตื่นๆ พลิกตัวหันซ้าย ขวา หาท่านอนที่ลงตัวยังไม่เจอ แต่พบว่าการนอนบนพื้นทรายนั่นสบายเอามากๆ ปกติผมจะนอนแต่บนพื้นดินที่แข็ง เจอดินไม่เรียบก็เซ็งแล้ว บางครั้งเจอแบบมานูนตรงหลังเราพอดี แบบนี้เซ็งจัด แต่สำหรับบนพื้นทราย เราไม่ชอบตรงไหนนูนก็กดๆ บดๆ มันลงไป มันจะยุบลงได้
   ผมลุกออกจากเต้นท์ครั้งสุดท้ายตอนเที่ยงคืน เอาฟลายชีทออกเพราร้อนมาก ฝนหายตกตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ช่างมันละ ตกอีกค่อยว่ากันใหม่ อย่างเก่งก็แค่เปียก มันมีแค่นั้นจริงๆ แถมตัวเองตอนนี้ก็ใช่ว่าจะสะอาดเสียที่ไหน
   ช่วงก่อนหลับผมคิดถึงลูกและภรรยาอย่างมาก คิดถึงที่นอนในบ้าน คิดถึงฝักบัวอาบน้ำ คิดถึงความสะดวกสบายที่เราเคยมี มันเป็นความคิดที่เกิดในหัว สลับไปมาระหว่างข้อดีข้อเสียของการเดินทางด้วยจักรยานคนเดียว ที่ผ่านมาน่ะสนุก แต่ตอนนี้ทุกข์จริงๆ 
   นึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิต นี่เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ได้อยู่กับตัวเองแท้ๆ หยิบเอารูปภาพของลูกและภรรยามาดู รู้สึกคิดถึงเขาสองคนเหลือเกิน
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 54
« Reply #14 on: July 17, 2011, 08:19:02 pm »
16 กรก 54
   เสียงคลื่นกล่อมจนหลับลงได้ ลืมตามาอย่างตกใจตอน 0530 ขอบฟ้ามีแสงสีส้ม มันคือทิศตะวันออก เดี๋ยวคงจะมีคนมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นกันใหญ่ รีบเก็บเต้นท์และบริเวณรอบๆ ทันที พบความลำบากอีกอย่างคือการพับเต้นท์เก็บบนหาดทราย เพราะทรายมันเกาะติดผ้า ต้องเอามือลูบทรายออกทุกจังหวะที่ม้วนเก็บ แต่ยังดีกว่าพับเก็บบนพื้นดินที่เปียกฝน อันนั้นสาหัสกว่าเยอะ
   เฮ้ยย มีตัวแมลงรังใหญ่มาซุกอยู่ใต้เต้นท์ ลักษณะรูปแบบการเดินเป็นแถวเหมือนมด แต่ตัวโตเกือบ 1 ซม มีเขี้ยวขนาดใหญ่ น่ากลัวว่ะ คงจะหาที่อบอุ่น ไม่ก็หลบฝนที่ตกเมื่อกลางคืน
   เก็บของทุกอย่างเรียบร้อยเข้า Panniers สองใบ วันนี้ผมไม่ใส่ชุดจักรยานแล้วนะ เหม็นอับจากกลิ่นเหงื่อ จะตากก็ตากไม่ได้ ฝนมันตก เก็บรองเท้า หมวกนิรภัย ถุงมือ เรียกว่าถ้าใส่ก็เล่นครบชุด แต่ถ้าไม่ใส่ก็จะไม่มีสักชิ้นที่เป็นของจักรยาน ซึ่งผมชอบชุดชาวบ้านแบบนี้มากกว่า มันดูอิสระ สบายๆ เข้ากับผู้คนรอบข้างได้ง่าย ดูไม่แปลกแยก หรือโดดเด่น อันที่จริงแล้วผมไม่ใช่ทั้งนักขี่จักรยาน หรือนักเดินทางอะไรกับเขาหรอก ผมแค่เป็นคนธรรมดาที่ชอบขี่จักรยานเล่นแค่นั้นเอง
   เด็กๆ เราก็ขี่เล่นแถวบ้าน จักรยานมันคือเครื่องมือสานฝันของเด็กผู้ชาย เราออกไปไกลบ้านได้มากสุดในวัยเด็กลำพังคนเดียวก็เพราะจักรยานนี่แหละ พอตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่นึกกลับมาชอบจักรยานอีกครั้ง มันรู้สึกถึงอิสระแบบเด็กๆ ไม่เหมือนพวกขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว ขับรถยนต์เที่ยว คนละแบบกัน
   เมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำ แปรงฟัน ทำได้แค่ล้างหน้าแบบลวกๆ เช้านี้ก็เช่นกัน เก็บข้าวของจนเสร็จแล้วตรวจเช็คพื้นที่บริเวณแคมปิ้งอีกสองรอบ ไม่มีเศษขยะตกหลงเหลือ ไม่มีถุงพลาสติก ทิ้งไว้เพียงแค่รอยยาง และเก็บกลับมาเพียงแค่ภาพถ่าย
   เข็นรถหนักๆ บนทรายร่วนนี่มันลำบากดีเหมือนกันนะ ออกแรงตั้งเยอะ รถไปนิดเดียวเอง แถมยังเลี้ยวลำบาก ล้อจมไปในทรายจนมิดถึงขอบล้อ เข็นดันไปทีละน้อยจนถึงร้านค้า ร่ำรากัน จากนั้นผมก็มุ่งหน้าตรงสู่หัวหินทันที ระยะทางอีกแค่ 25 กม ขำขำมาก ขี่แบบไม่ต้องคิดอะไรเลย
   จากถนนซอย ออกสู่ถนนใหญ่ บรรยากาศดีมากครับ แต่หิวน้ำเหลือเกิน เมื่อคืนเหลือเก็บไว้แค่ลิตรเดียวมันหมดเกลี้ยงตั้งแต่ตื่นเช้าผม ผมดื่มน้ำราว 500 cc ทันทีที่ตื่น เห็นร้านค้าข้างทางเป็นห้องแถวเล็กๆ เปิดขายของ ดีใจ รีบปรี่เข้าไปจอด แต่..
   โฮ่งๆ ๆ ๆ เฮ้ยย ข้าจะมาซื้อของร้านเอ็งนะเฟ้ย
   มันมากันสองตัวครับ หายหิวน้ำกะทันหัน รีบลดเกียร์ซอยขาเรียกรอบเพิ่มอัตราเร่งหนีหมาออกมา พอพ้นจากหมา ก็หิวน้ำอีกแล้ว ปัดโธ่..
   ข้างหน้ามีปั๊มโนเนม มันเหมาะแก่การอาบน้ำล้างหน้าล้างตัวจริงๆ แต่เอ.. ใครจะมาเฝ้าของให้เรากันล่ะนี่ ถ้ามาสองคนก็ฝากเพื่อนดู แต่ถ้ามาคนเดียวแบบนี้ก็ต้องฝากคนละแวกใกล้เคียง นั่นคือแม่ค้าที่ขายของอยู่แถวนั้น แต่ลูกค้าเขาเยอะเหลือเกิน มีพวกคิวรถตู้ คิวแท็กซี่ รถรับจ้าง ฯลฯ เกิดมีใครมาฉกข้าวของผมไปจะทำยังไง รู้สึกไม่มั่นใจ เลยทำได้แค่ล้างหน้าอย่างเดียว อดอาบน้ำเลย สู้อุตส่าห์ประดิษฐ์ยางในแปลงร่างเป็นฝักบัวอาบน้ำมาเสียอย่างดี (ไปเห็นสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพมา) เอาไอเดียเขามาสานต่อ ไม่ได้ลอกแบบเขาหรอกนะ ของผมเจ๋งกว่า เบากว่า เพราะไม่มีหัวฝักบัวเลย เอาสายยางมัดท่อน้ำต่อเป็นท่อมันดื้อๆ อย่างนั้นแหละ
   ย้ำ ปัญหาของการเดินทางคนเดียว ข้อที่ 1 คือ ไม่มีใครเฝ้าของให้คุณตอนคุณเข้าห้องน้ำ
   นี่ยังดีแค่เรื่องอาบน้ำ เพราะทนกันได้ แต่ถ้าปวดหนักขึ้นมานี่สิ แบบนี้คงเรียกงานเข้า
   จอดรถซื้อน้ำขวดใหญ่ 1.5 ลิตร เทใส่สองกระติกเต็มพอดี ช่วงกางขาตั้งรถ ผมต้องออกแรงดึงด้านท้ายรถให้สูงขึ้น (ผมใช้ขาตั้งคู่ ตั้งกลาง) จังหวะนั้นเริ่มเจ็บแปล็บที่สะบักหลังอีกแล้ว เฮ้ยย ยังไม่หายอีกหรือวะนี่
   ล้างหน้าเสร็จออกเดินทางสู่หัวหินต่อ อาการเจ็บแปล็บก็มาเยือนเรื่อยๆ พอมันแปล็บทีเราก็แทบหมดแรง เฮ้ยย ไม่สนุกแล้วว่ะ ยังต้องไปอีกไกล นี่มันแค่หัวหินเอง
   ผ่านร้านบะหมี่หมูแดง มีป้ายโฆษณาดูท่าทางน่ากิน ปักหัวจอดรถเสร็จ เงยหน้ามาดู ตู้เขาว่างเปล่า เพิ่งจะเปิดร้านเอง ยังไม่พร้อมขายเลย อ้าว อดว่ะ
   ไม่น่าเชื่อว่าออกขี่มาแป๊บเดียวจะออกอาการง่ายขนาดนี้ หรือว่าเมื่อคืนเราพักผ่อนน้อย นอนไปแค่ 4-5 ชม เอง แถมหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน เจอแบบนี้แต่เช้าเซ็งเลยว่ะ คิดหาตัวช่วย โทรหารุ่นน้องในหัวหินเขาก็ไม่รับสาย ทำไงดี ทำไงดี ไปต่อไม่ไหวแล้ว งานเข้าแต่เช้าเลย
   ปัญหาข้อที่ 2 ของการเดินทางคนเดียวคือ คุณต้องช่วยเหลือ และแก้ปัญหาของตัวเองทุกเรื่อง
   ตั้งเป้าหมายว่าวันแรกจะไปให้ถึงหัวหินก็ทำได้แค่ชะอำ วันที่สองจะไปถึงปราณบุรีก็ทำได้แค่หัวหิน มันช่างเป็นนักปั่นที่กระจอกเอามากๆ คงไม่กล้าไปเล่าอะไรให้ใครเขาฟัง กระทั่งลูกตัวเองก็คงไม่อยากเล่า อายมัน
   ผ่านคอนโดฯอย่างหรูของเพื่อนพ่อที่เคยมาพักเมื่อหลายเดือนก่อน อยากแวะเข้าไปนอนเสียจริงๆ ทำได้แค่มองตึกแล้วก้มหน้าปั่นช้าๆ ต่อไป ความเร็วช่วงนี้ไปได้แค่ 12 กม/ชม
   อาการเจ็บแปลบด้านสะบักหลังขวาเริ่มเป็นบ่อยขึ้นจนต้องหยุดรถลงมายืดเส้นเปลี่ยนอิริยาบถ แต่เปลี่ยนได้ไม่นานหรอก ยังไงก็ต้องมานั่งขี่ท่าเดิม จนเกิดความคิดว่า เอ๊ะ นี่ถ้าผมเซ็ทแฮนด์ให้มันสูงขึ้นกว่านี้สัก 2 นิ้ว ผมจะก้มน้อยลง น้ำหนักจะลงที่แขนน้อยลง หลังผมอาจจะดีขึ้นก็ได้นะ และนี่คือประโยชน์ของคอแฮนด์แบบปรับระดับได้
   ลองปรับดู พบว่าเกิดปัญหาสายเบรกสายเกียร์ชนกับตัว Stem ผมใช้แฮนด์แบบผีเสื้อ เลยทำให้หมุนปรับตั้งความสูงและมุมของแฮนด์ได้แค่นิดเดียวเท่านั้นเอง จะปรับให้ได้เต็มที่ต้องถอดมือเบรก มือเกียร์ ออกมาหมดทั้งสองข้าง !!!
   นั่งพักริมข้างถนน เวลาตอนนี้แค่เจ็ดโมกว่าเอง มันน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ขี่รถอย่างสนุกสาน แต่ไม่ใช่สำหรับผมตอนนี้
   แต่ก็ตัดสินใจแล้วครับ จบกันแค่นี้
   ผมกลับรถไปที่ปั๊ม ปตท ฝั่งตรงข้ามถนน หาโบกรถกลับกรุงเทพฯ
   ใช่แล้วครับ ผมขอจบทริปการเดินทางเพียงเท่านี้ ผมหมดแรง ไปไม่ไหวแล้ว

   ผมเคยมีประสบการณ์โบกรถมาก่อน ขามาผมก็โบกรถข้างทาง แต่ไม่เห็นมีใครจอดสักคัน ตอนนี้ผมไม่โบกแล้วครับ ผมยืนอยู่ในปั๊ม เลือกรถคันที่เราอยากขึ้นได้เลย การโบกรถบนถนนหลวงมันเปรียบเหมือนตกปลาในน้ำเชี่ยว แต่การที่ผมมาเลือกรถที่จะขึ้นในปั๊ม มันเหมือนตกปลาในกระชัง ยังไงก็ต้องได้ปลาสักตัว แถมเลือกปลาสวยๆ ได้อีกด้วย
   มีปลาสภาพดีบ้าง โทรมบ้างสลับกันเข้ากระชังให้ผมเลือก ผมดูโหวงเฮ้งพวกปลาแล้วตัดสินใจว่าจะเลือกเฉพาะปิคอัพดีกว่า ผมไปกับรถ KHS HT มันพับไม่ได้ เอาจักรยานวางท้าย ผมนั่งด้านท้ายไปได้สบายมาก ตากแดดตากลมบนหลังรถกระบะนี่มันเรื่องขี้หมามาก หากเทียบกับการที่เขาขี่จักรยานมาถึงหัวหินพร้อมแบกสัมภาระมาราว 10 กก
   วิธีการมีดังนี้ 1 เลือกทะเบียนรถที่เป็นจุดหมายของเรา ตอนนี้ผมจะเข้ากรุงเทพฯ ก็ต้องเลือกรถทะเบียนกรุงเทพฯ แต่ต้องเลือกในปั๊มที่เป็นฝั่งขากลับกรุงเทพฯด้วยล่ะ ถ้าไปเลือกปั๊มขาเข้าหัวหินก็จะเจอคำตอบแบบ “ผมเพิ่งจะมาหัวหินวันนี้เองแหละครับ”
   ข้อ 2 คือใช้วาทศิลป์ คุย เจรจา ขอ อ้อนวอน งัดวิชามารมาได้ทุกรูปแบบ งานนี้หากเป็นนักปั่นหญิงจะได้เปรียบมากๆ ก็ต้องต้องระวังตัวเองให้มากตามไปด้วยเช่นกัน
   ข้อ 3 ถ้าคนขับ หรือคนในรถเขามีท่าทีไม่น่าไว้วางใจก็ขอลงทันที อ้างโน่นนี่นั่นไปได้ทุกเรื่อง เอาตัวรอดไว้ก่อน
   แต่ครั้งนี้ผมอยากลองดูว่ารถทะเบียนจังหวัดอื่นๆ เขาจะเข้ากรุงเทพฯบ้างหรือไม่ เลยเล่นเสียหลายจังหวัด เช่น เพชรบูรณ์ นครปฐม กาฬสินธุ์ กระทั่งจังหวัดเพชรบุรีที่อยู่ติดๆ กันนี่แหละ แต่ปรากฏว่าไม่มีคันไหนเข้ากรุงเทพฯสักคัน
   เย้ๆ มารถกรุงเทพฯเข้ามาแล้ว เป็น Mitsubishi สีดำ สวย ใหม่เชียว แต่พอเข้าไปสอบถาม เขาบอกเพิ่งมาถึงหัวหินเดี๋ยวนี้เอง อดเลย เอ๊ะ ทำไมมันมาวิ่งขาออกอย่างนี้ก็ไม่รู้ หรือว่าปวดท้องกะทันหันเห็นปั๊มฝั่งตรงข้ามเลยรีบกลับรถ (เดา)
   ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ นี่เพิ่งจะเช้าเอง ยังไงก็ต้องหารถกลับได้สบายมาก
   แล้วก็เจอรถ Toyota Vigo สีทอง หลังคาไฟเบอร์ทรงเตี้ย เอ รถแบบนี้จะใส่จักรยานได้ไหมวะ ถ้าท้ายรถว่างก็วางนอนได้สบายนะ ลองดูละกัน
   “พี่ครับ พี่เข้ากรุงเทพฯหรือเปล่าครับ”
   “เข้าค่ะ ทำไมหรือคะ”
   “ผมขอติดรถพี่ไปด้วยได้ไหมครับ ผมขี่จักรยานมาจากกรุงเทพฯ แล้วขี่กลับไม่ไหว ผมเจ็บหลังครับ”
   “บ้านน้องอยู่ไหนหรือ”
   “ผมอยู่พระราม 2 ครับ”
   “พี่ก็พระราม 2 เหมือนกัน”
   ถ้ามีใครมาเห็นหน้าผมตอนนี้ แววตามันจะมีประกายเจิดจรัสอย่างมาก หัวใจมันพองโตเหมือนประสพความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งๆ ที่มันแค่หารถเข้ากรุงเทพฯเท่านั้นเอง
(อ้อ ปั๊ม ปตท อันนี้มีบริการเติม CNG ด้วยนะ และเป็นคิวจอดรถตู้สำหรับเข้ากรุงเทพฯอีกด้วย ใครจะเข้ากรุงเทพฯด้วยรถตู้ก็มาดักรอที่นี่ได้เลย)
   “ขึ้นมาสิ มานั่งกับพี่ข้างหน้าด้วยกัน”
   “ไม่เป็นไรครับพี่ ผมเกรงใจ ผมนั่งด้านท้ายรถก็ได้ครับ”
   “ไม่เอาๆ มานั่งข้างหน้าด้วยกันมา”
   อันที่จริงน่ะ อยากนั่งข้างหน้าจะตาย แต่ก็ต้องทำอ่อนน้อมเกรงใจเขาไว้ก่อน ก็นั่งเบาะนุ่มๆ มันดีกว่านั่งอุดอู้อยู่ท้ายรถเป็นไหนๆ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย
   พี่นก เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพระราชวังไกลกังวล ทำงานด้านการศึกษาฝ่ายวิชาการ วันนี้จะเข้ากรุงเทพฯ และเดินทางไปบรรยายที่จังหวัดร้อยเอ็ดต่อ
   โบกรถคันแล้วคันเล่าไม่มีใครจอด ครั้งพอมาเจอทีก็เล่นซะผมคาดไม่ถึง ขอบคุณพี่นกมากๆ ครับ นั่งคุยกันมาตลอดทางเลย ก็เป็นเรื่องที่ผมอยากรู้เช่นโครงการในพระราชดำริห์ที่ในหลวงท่านสอนประชาชนนั้น ท่านลองทำเองมาหมดแล้ว ทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ ลองแล้วเห็นว่ามันไปได้ดี ก็เลยมาสอนลูกๆ ให้ปฏิบัติตาม
   ผมเองก็พอรู้เรื่องพวกนี้มาจากสื่อ แต่มาได้ฟังจากปากคนใกล้ชิดของจริงแล้วมันขนลุกเสียยิ่งกว่า สมกับคำว่าพ่อของแผ่นดินเป็นที่สุดแล้ว
   ผ่านพ้นเมืองเพชรสักพักก็เข้าถนนพระราม 2 ที่ผมขี่มาเกือบจะสุดสาย ยังอุตส่าห์เหลือบมองร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่กินตอนขามาอีกด้วย จำได้แม่น เพราะอยู่ก่อนถึงร้านเม้งเฮดเดอร์ของเพื่อนรุ่นน้องของเราเอง ไว้คราวหน้าผ่านมาจะจอดแวะกินอีกครั้ง
   ขาเข้ากรุงเทพฯรถน้อยมาก เป็นวันหยุดยาว จะมีแต่รถเขาวิ่งออกนอกเมืองกัน พี่นกแวะบ้านเพื่อเอาของเล็กน้อย แถมยังใจดีมากขึ้นไปอีกที่จะส่งผมที่เชิงทางด่วน (หน้าบ้านผม)
   เอารถจักรยานลง ประกอบ Panniers เข้าที่ ขอบคุณพี่นกอีกครั้งอย่างสุดซึ้ง นี่ไม่ใช่การโบกรถครั้งแรกของผม แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมประทับใจไม่ลืม 
   พี่นกขึ้นทางด่วนไปแล้ว หันไปมองข้างๆ เจอรถกระบะเก่าโทรมจัดจอดเสีย คุณลุงกำลังเทน้ำมันเบรกลงในกระปุกน้ำมันคลัตช์ (อย่าตกใจ มันใช้น้ำมันตัวเดียวกัน) ส่วนคุณป้านั่งกางร่มเซ็งๆ อยู่ข้างรถ แน่นอน ผมปรีเข้าไปช่วยเหลือตามเคย
   สอบถามได้ความว่า ลุงแกขับรถจนน้ำมันคลัตช์แห้งหายหมด ไปซื้อน้ำมันเบรกมาเติมแล้ว ผมจึงช่วยเหยียบแป้นคลัตช์แบบกดปล่อยๆ ๆ ไปเรื่อยๆ ให้ลุงแกคอยเทน้ำมันลงไปในกระปุกเล็กๆ ทีละน้อยๆ กดจนน้ำมันมันไม่พร่องเป็นอันใช้ได้ และตรวจสอบซ้ำบ่อยๆ ทุกครั้งที่จะขึ้นรถ
   “ลุงจะไปไหนหรือครับ”
   “ไปแถวสายไหม”
   “ลุงขับไปได้ แต่พอลงทางด่วนแล้วก็ขอให้ตรวจเช็คน้ำมันคลัตช์อีกรอบนะ ถ้ามันพร่อง ลุงก็เทเติมลงไปเหมือนที่เราทำตะกี้นี้แหละ และถ้ามันไม่พร่อง ตอนจอดรถลุงก็ดูว่ามีรอยรั่วหยดไหม ถ้ามีก็เข้าอู่ซะ ถ้าไม่มีก็โชคดีไป”
   “ขอบคุณมากนะครับ”
   ผมส่งยิ้ม และโค้งคำนับ พร้อมกับขี่จักรยานมุ่งหน้ากลับบ้านอย่างจิตใจเบิกบานและมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือคน
   ผมว่าพีนกเขาก็คงรู้สึกแบบผมเช่นกันนะ การให้มันเป็นสุขเสียยิ่งกว่าการได้รับจริงๆ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride