27 พย 53
ตั้งใจจะลดน้ำหนักลงสัก 3 กก เอาเข้าจริงทำให้มันลงได้แค่โลกว่าๆ เอาวะ ยังดีกว่าไม่ลดเลย ไปต่างประเทศทั้่งที อยากแต่งตัวหล่อๆ กับเขาหน่อย เพราะทุกๆ วันนี้ใส่แต่ชุดเก่าๆ โทรมๆ ต้องยกของ แบกของทุกวัน
เครื่องบินออก 0700 ผมต้องไปเช็คอินล่วงหน้าก่อน 2 ชม นั่นคือ 0500 ก็ต้องออกจากบ้านตอน 0400 ทำให้ต้องตื่นนอนราว 0330 เป็นอย่างช้า และถ้าเข้าห้องน้ำนาน ก็ต้องตื่นสัก 0300 คิดแล้วไม่น่านอนเลยเน๊อะ ฮ่าๆ น่าจะไปนอนที่สนามบินมันซะเลย อ๊ะ ทำได้นะ เป็นเล่นไป ถ้าเครื่องออกสักตี 5 น่ะ ผมไปนอนที่โน่นชัวร์ครับ
การเดินทางด้วยเครื่องบินนี่จะเสียเวลาตอนก่อนขึ้นเครื่องเป็นอย่างมากครับ คนยุโรปที่ประเทศเขาติดๆ กันหมด เช่น สวิสฯ ฝรั่งเศษ เยอรมัน อิตาลี ฯลฯ หากเขาจะเดินทางถึงกัน มักจะใช้บริการของรถไฟเสียมากกว่า เพราะประหยัดช่วงรอขึ้นเครือ่ง ช่วงเช็คอินอย่างมาก
พอเคาเตอร์เช็คอินเปิด ผมก็รีบเข้าไปยื่นขอออกตั๋วทันที เลือกที่นั่งจุดเดิมๆ ที่ผมชอบ คือเป็นด้านหลังๆ หน่อย เลือกที่นั่งแถวหน้าของกลุ่ม เพื่อที่่จะมีพื้นที่ยืดขาได้มากกว่า ลุกนั่งเข้าออกได้สะดวกกว่า แต่วันนี้ผมไปแค่มาเก๊า บินราว 3 ชม ถือว่าไม่มาก
ผมไปทางฟากยุโรปบ่อยกว่า จึงคุ้นเคยกับเครื่องบินขนาดใหญ่ มาวันนี้เจอเครื่องเล็กครับ เป็น Airbus A320-200 เป็นเครื่องที่มีทางเดินทางแถวเดียว สองฟากมีที่นั่งด้านละ 3 ตัว ไม่มีการแบ่งที่นั่งเป็นส่วนๆ (ถ้าแบ่ง ผมจะเลือกแถวหน้าของแต่ละส่วน เพราะจะได้มีที่ยื่นเท้าได้เยอะมาก)
วันนี้ทำได้ดีสุดคือนั่งตรงประตูฉุกเฉินครับ ได้ยืดขามากกว่าที่นั่งปกตินิดหน่อย
รีบผ่านด่านตรวจเอกสาร ตรวจคนเข้าเมือง เขาตรวจกันอย่างละเอียด ต้องถอดเข็มขัด ถอดรองเท้า และห้ามนำของเหลวเกิน 100 cc ผ่านเข้าไป ผมมีขวดน้ำเล็กๆ ติดตัวประจำ ก็ต้องกินให้หมดก่อน แล้วห้ามทิ้งนะ เอาขวดเปล่าไปด้วย
เดินผ่าน Duty Free ผมดูน้ำหอมของ Davidoff รุ่น Champion ภรรยาฝากซื้อครับ ทุกทีเธอไม่เคยอยากได้อะไรเลยสักอย่าง และต้องคอยบอกผมเสมอว่าไม่ต้องซื้ออะไรมาฝาก มาครั้งนี้เธอบอกอยากได้ ผมเลยจัดให้สักหน่อย ดูแล้วราคาในไทยราว 1700 บาท ผมยังไม่ตัดสินใจซื้อ ไว้ไปดูฝั่งฮ่องกง เผื่อจะถูกกว่า
แล้วก็ไปที่เลาจ์ของ First Class ทั้นที ผมไปพักผ่อนที่ห้องนี้ประจำ มีอาหาร เครื่องดื่ม หลากหลายบริการตลอด จะไปนั่งเล่นก็ได้ เอนนอนพักผ่อนก็ได้ แต่ถ้าจะใช้บริการห้องอาบน้ำ เขาจะคิดค่าบริการเพิ่ม น่าจะสัก 40 USD หึหึ แพงใช่เล่น แต่ไม่รู้มีบริการพิเศษอื่นใดอีกหรือไม่ในห้องน้ำ อาจมีพวกเซาน่า อบไอน้ำ ฯลฯ (เดา) (ไม่เคยเข้า)
มีเหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำอัดลม พวกอาหารก็มีเป็นแซนวิช ครัวซองต์ เน้นกินง่าย ไม่เลอะเทอะ ซีเรียลก็มี หยิบกินได้ฟรี ตามอิสระ ผมมองดูแล้วสลดใจ ไม่เจออาหารเพื่อสุขภาพเลยแม้แต่อย่างเดียว เซ็งจิต
กินแก้หิว กินกันตาย เล่นได้แค่แซนวิชทูน่า และ BLT แซนวิช BLT คือ Bacon / Lettuce / Tomato ฝรั่งเขาเรียกย่อว่า BLT ง่ายดี แต่คนอื่นเขาไม่รู้่เรื่องกับมันด้วยตั้งเยอะแยะ
ตอนไปต่างประเทศผมจะมีกระป๋องเล็กๆ ติดตัวไว้ เอาไว้ใส่ของขบเคี้ยว ของกินเล่น เช่นพวกถั่วต่างๆ ถ้าไม่มีถั่ว ก็จะใส่พวกผลไม้แห้ง ตระกูลลูกเกด เอาไว้กินระหว่างทางนี่แหละครับ กล่องนี้จะติดตัวผมตลอด ตอนเช้าก็จะตักของขบเคี้ยวมาเก็บไว้จากห้องอาหารแบบบุฟเฟ่ ตอนบ่ายๆ หยิบออกมากิน ช่วยผมได้มากทีเดียว
บินไปฮ่องกงราว 3.30 ชม เวลาที่โน่นเร็วกว่าไทย 1 ชม อยู่บนเครื่องผมหยิบซีเรียลที่ตักมาจากเลาจ์เสียหมดกล่องเลย นั่งแบบเบือๆ อยู่นาน ผมว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินนี่มันแสนจะน่าเบื่อครับ ที่สนุกสุดคือเรือสำราญ รองมาก็รถไฟหรู ทั้งสองอย่างสนุกตรงเราเดินไปเดินมาได้อย่างอิสระ
บรรยากาศบนเครื่องก็เหมือนเดิมๆ ครับ อยู่ที่ใครจะหาวิธีแก้เบื่อได้ดีกว่ากัน บ้างก็ฟังเพลง ดูหนัง บางคนเปิดโนทบุ๊คมาทำงาน นี่ถ้าผมเอาคอมพิวเตอร์ไปด้วย คงจะเขียนหนั้งสือได้เป็นเล่มแน่ๆ
ช่วงเบื่อ ผมชอบเดินไปยืนหลังเครื่อง แต่ไฟล์ทนี้มันบินไม่นานนัก แถมเป็นเครื่องลำเล็กอีกด้วย หลังเครื่องเลยไม่ค่อยมีอะไร แต่ถ้าเป็นไฟล์ทยุโรปที่บินไกลๆ และตอนกลางคืน ด้านหลังเครื่องจะมีอาหารว่างวางเอาไว้ มีเครื่องดื่มสารพัดชนิดให้เราหยิบเองตามสะดวก และถ้าเจอแอร์โฮสเตรส สจ๊วจใจดี เราจะได้เจอของที่ไม่ได้มีไว้แจกผู้โดยสารทั่วไป
เครื่องมาจอดที่เกาะมาเก๊า ผมทำธุระที่นี่ ไม่งั้นก็ต้องนั่งเรือต่อไปที่เกาะฮ่องกงจ่ายเงินคนละ 100 HKD ใช้เวลาราว 1 ชม แต่ถ้าอยากเร็วกว่านี้ครึ่งหนึง ก็ต้องใช้บริการ Hydro Jet ค่าใช้จ่ายก็แพงกว่าอีกหนึ่งเท่าตัวเช่นกัน และถ้าจะเอาเร็วสุดก็ต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ ผมไม่รู้ค่าใช้จ่าย ไม่กล้าคิด แม่งแพงชัวร์ ทั้งสามอย่างนี้ใช้บริการได้ที่จุดเดียวกันครับ
เข้าเช็คอินเอากระเป๋าไปเก็บ นอนเล่นบนเตียง ดูทีวี แต่นอนไม่หลับ แหม ใครจะหลับลงเล่า มาถึงต่างประเทศ ลงไปเดินเล่นดีกว่า
มาเก๊า เป็นแหล่งคาสิโนครับ รอบตัวมีแต่คาสิโน ผมเล่นไม่เป็น ไม่คิดจะเล่น ไม่เคยอยากได้เงินจากการพนัน สำหรับผม ถ้าจะได้เงิน ก็ต้องมาจากการทำงานเท่านั้น เลยได้แค่เดินเล่นแบบผ่านๆ เห็นตู้สลอทแมทชีนเป็นแบบปุ่มกดล้วนๆ ต่างจากยุคผมเด็กๆ ที่ตู้สลอทฯ จะเป็นแบบก้านโยก เล่นไม่เป็น ไม่สนใจเล่น เดินดูไปก็ไม่สนุกครับ ที่นี่ดีอย่างเดียวตรงที่ทุกอย่างฟรีหมด กินฟรี ดื่มฟรี ส่วนผมเลยใช้บริการดูโชว์ฟรี เป็นการโชว์แบบแสดงแสงสีเสียง ดูเพราะไม่เคยเห็นน่ะครับ ใจผมชอบพวกธรรมชาติสบายตามากกว่า
หามุมนั่งดูแผนที่ จะได้วางแผนเดินทางถูก พบว่าเกาะมาเก๊าเล็กๆ แต่มีแหล่งมรดกโลกถึง 25 แห่ง โหห สุดยอดจริงๆ เลย แต่ละแห่งก็ใกล้ๆ กันอีกด้วย นี่ถ้ามีจักรยานนะ ผมว่าขี่ลุยเล่นกันสนุกแน่ แต่ที่นี่ไม่มีเลนจักรยานนะครับ คนขี่จักรยานก็น้อยมากๆ ตลอดวันนี้ผมเห็นแค่ 2-3 คนเท่านั้นเอง
เข้าชมพิพิทธภัณฑ์ดีกว่า เขาคิดแบบเหมารวม 30 MOP เป็นค่าเงินของที่มาเก๊า มีอัตราแลกเปลี่ยน 100 HKD = 103 MOP ในเกาะมาเก๊านี้ใช้เงินฮ่องกงได้สบายมาก แต่มักจะได้เงินทอนมาเป็น MOP วุ่นวายพอควรครับ ตอนขอเงินทอนผมมักจะขอเป็น HKD บางร้านก็ให้ บางร้านก็จะหักค่าส่วนต่างนิดหน่อย ก็โอเค หยวนๆ ไป แลกกับความสะดวกในการจัดเก็บ
มีร้าน 7-11 สะดวกซื้อมากๆ แต่ผมไม่เข้าหรอกนะ เราเลือกไปร้านค้าปลีกของคนจีนดีกว่าครับ ดูตัวอย่างน้ำอัดลมที่ร้านค้าหน้าแหล่งท่องเที่ยวจะขายขวดละ 15 HKD แต่ถ้าเป็นร้านคนจีนจะเหลือแค่ 5 HKD เท่านั้นเอง โหห เป็นนักท่องเทียวนี่โดนฟันไปขวดละ 10 HKD แล้วหรือนี่
คงเป็นบาปกรรมตามสนองที่คนไทยหลอกนักท่องเที่ยว พอเราไปต่างประเทศก็เลยโดนคนท้องถิ่นของเขาหลอกกินเอาบ้าง ผมจะโดนอะไรบ้างไหมหนอ
ผมไม่กินน้ำอัดลม ให้ฟรีก็ไม่กิน จะกินก็แค่น้ำเปล่าธรรมดา แถมประหยัดสุดๆ ด้วยการใช้กาต้มน้ำในห้องพัก ต้มแล้วเทเก็บใส่ขวดเอาไว้กินตลอดวัน ระหว่างมื้ออาหารก็ขอเติมให้เต็มอยู่เสมอ
พิพิทธภัณฑ์แรกที่เข้าชมคือพิพิทธภัณฑ์รถแข่งกรังปรีด์ เกาะมาเก๊า เขามีงานจัดแข่งแบบปิดเกาะแข่งรถกันเลย ชื่องาน มาเก๊ากรังปรีด์ ผมได้ยินชื่อเสียงมาตั้งแต่เด็กๆ นักแข่งรถไทยหลายคนแจ้งเกิดจากงานนี้ เพราะแข่งยาก อันตราย ทางแคบ
ดูอยู่นานเลยครับ ได้เห็นรถแข่งตัวจริงที่เราดูในวัยเด็ก ทั้งรถ F3 F2 รถแข่งเซอร์กิต ตัวที่เป็นตำนานอย่าง Mercedes Benz 190e 2.4-16 / BMW M3 E30 รถญี่ปุ่นก็เป็นพวก Toyota AE86 เห็นของแต่งรถแต่งในยุคเก่าแล้วรู้สึกเหมือนย้อนอดีตเลยครับ มีความสุขจริงๆ เสียดายที่สถานที่นี่คับแคบและเล็กไปหน่อย มีมุมมอเตอร์ไซค์ด้วย แต่จอดแค่ไม่ถึงสิบคันเลย ข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าก็ยังมี
ดูเสร็จก็ไปดูพิพิทธภัณฑ์ไวน์ต่อ มันอยู่ติดกัน ผมไม่ได้สนใจเรื่องไวน์มากนัก แต่มันมาอยู่ตรงหน้า เลยเข้าไปดูสักหน่อย มีชิมไวน์ฟรี แต่ผมไม่กินหรอก กินไม่เป็น
มาเก๊าได้รับอารยธรรมมาจากโปรตุเกส คนอื่นคิดว่าเคยเป็นเมืองขึ้น แต่ไม่ใช่นะ ในสมัยโบราณมีหลายประเทศอยากได้มาเก๊าเป็นอาณานิคมอย่างมาก ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศษ จีน ญี่ปุ่น มีโจรสลัดรายล้อมอยู่มากมาย จนโปรตุเกสเจ้าแห่งการล่าอาณานิคมเขามาเจรจาทำการค้าด้วย ทางมาเก๊าจึงบอกว่าถ้าจะค้าขายทางเรือก็ช่วยจัดการเรื่องโจรสลัดให้ด้วย ทางโปรตุเกสตกลง ยกทัพเรือมาแบบชุดใหญ่ เล่นเอาโจรสลัดรายย่อยหายหัวไปกันหมด การค้าขายจึงเริ้มสายสัมพันธ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ใครมาดี เราก็ดีด้วย มาเก๊าเลยใจดีให้ชาวโปรตุเกสมาพักอาศัยอยู่ เราจึงเห็นบ้านเรือนสไตล์ยุโรปแบบโปรตุเกสมีอยู่มากมายในเกาะมาเก๊า ก็ดูแปลกตาสวยดีครับ ต่างจากตอนที่อยู่ฝั่งฮ่องกงเยอะมาก ที่นั้นมีแต่ตึกสูงๆ และชีวิตเร่งรีบ แต่ที่มาเก๊าจะอยู่กันแบบสบายๆ ครับ รถไม่ติด รถน้อย ถนนเล็กและแคบ อากาศดี ลมพัดเย็นสบาย เพราะเป็นเกาะมีผืนน้ำล้อมรอบ
เข้าที่พักไปทำธุระช่วงบ่าย ออกมาอีกทีตอนเย็น จากเดิมเป็นเมืองเงียบๆ ชืดๆ มาตอนนี้คาสิโนทุกแห่งต่างเปิดไฟเต็มที่ โหห ละลานตาจริงๆ ครับ แต่เดินดูแสงไฟก็มันส์แล้ว นึกถึงตอนอยู่ไทยที่เราขี่จักรยานดูไฟวันคริสมาสแล้วคนละเรื่องเลย ที่นี่เขาเปิดกันแบบนี้ทุกคืน กลางคืนนี้แค่เดินดูไฟก็สนุกแล้วล่ะครับ แต่ยังไม่พอ เพราะหน้าคาสิโนแต่ละแห่งจะมีโชว์แสงสีเสียงเมฆหมอกควัน มีน้ำพุเต้นระบำตามจังหวะเพลง สวยแปลกตาดี อากาศเย็นสบาย เลยยิ่งดูแล้วมีความสุข
ที่เด็ดสุดคือโชว์ในคาสิโนชื่อ Golden Flower ชื่อแม่งไม่เข้าหูคนไทยเลยล่ะครับ แต่โชว์ด้านในนั้นสุดยอดเหลือเกิน ด้านเพดานเป็นรูปสัตว์ 12 ราศี แต่ถ้าดูให้ดีจะเห็นว่าในแต่ละราศีจะมีคู่ปีชงร่วมอยู่ด้วย เช่น มะโรงก็จะมีลิงกัดหลังมังกรอยู่ ส่วนปีลิงก็จะมีลิงอีกตัวคอยกลั่นแกล้ง ปีเสือก็จะมีลิงนั่งแอบหน้าจ๋อยๆ อยู่มุมด้านล่าง ไม่ได้เป็นภาพวาดนะ ลักษณะเหมือนปูนปั่นสีทอง แต่ไม่ใช่ปูนหรอก มันหนัก มาอยู่บนเพดานแบบนี้ไม่ได้แน่
คืนนี้ดูเพื่อนเล่นคาสิโนครับ ตัวผมไม่เล่น ดูเขาเล่นบาคาร่า จะช่วยลุ้นก็ลุ้่นไม่เป็น เห็นเขาเล่นทีละมากๆ แล้วตกใจ โหห เงินทองมันหากันได้ง่ายขนาดนี้เชียวหรือครับนี่
แทงทีละ 100,000 HKD ครับ อยากรู้เป็นเงินไทยเท่าไหร่ก็คูณด้วย 4 เข้าไป