Author Topic: พย 53 27-29 Macau  (Read 14785 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 53
« Reply #15 on: November 22, 2010, 07:11:58 pm »
20 พย 53
   รถคัน KHS HT ที่เคยมีอาการยางซึมแต่ผมหาสาเหตุไม่เจอมานานเป็นปี จนกระทั่งผมปะยางครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่วันก่อน ผมว่าอาการซึมมันลดน้อยลงไปนะ คิดไม่ออกเหมือนกันว่ามันเกิดจากอะไร
   ผมขี่รถคันนี้บ่อยที่สุด เพราะมันขี่สบายสุด ใช้แฮนด์แบบผีเสื้อ จับสบายมือมากๆ ครับ แฮนด์กว้่าง 60 ซม วางมือแล้วจะกางออก ควบคุมรถได้ดี แต่มีแฮนด์ผีเสื้ออีกยี่ห้อหนึ่ง แคบกว่า เหมาะกับคนร่างเล็ก ถ้าคนตัวใหญ่มาขี่ วางมือแล้วจะบีบปอดตั้วเอง หายใจไม่สะดวก
   ผมมีประชุมตลอดช่วงบ่ายจนถึงค่ำ เสร็จประชุมเพื่อนๆ ชวนกันไปกินข้าว และดื่มพักผ่อน เขายกขโยงกันไปทั้งที่ประชุม ยกเว้นผมคนเดียว ที่ขอตัวกลับบ้านเพื่อมาดูแลลูก
   มาถึงบ้านเจอลูกตัดกระดาษกระจัดกระจายเกลื่อนห้อง ฮั่นแน่ จิตนาการมีอยู่ท่วมท้นเชียวนะ

21 พย 53
   ออกขี่ไปแค่ 45 นาทีแบบขำขำ รีบกลับมาบ้าน ลูกชวนไปกินข้าวที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งอีกแล้ว ไปมันทุกอาทิตย์เลย แม่ค้าจำหน้าได้หมดแล้ว ไปทุกทีก็จะกิ้นกันแบบเดิมๆ เบื่อเหมือนกัน แต่ลูกผมเขาไม่เบื่อด้วย เริ่มจากซื้อไข่นกระทาที่ทอดในเตาขนมครก และไปกินก๋วยเตี๋ยวหมูสับ ตามด้วยโกโก้เย็น ของมิวเขามีแค่นี้แหละ เขาอยากกินโก้โก้แบบใส่วิปครีมด้วย แต่ผมบอกให้เขากินแบบนั้นได้แค่เดือนละครั้ง โควต้าของเดือนพฤศจิกายนหมดลงไปแล้ว รอเดือนหน้าค่อยว่ากันใหม่ มิวทำหน้าเศร้า เมื่อได้รับฟังคำตอบจากผม
   วันนี้พิเศษหน่อยตรงที่เป็นวันลอยกระทง ทุกทีจะตรงกับวันธรรมดา ซึ่งผมมักจะต้องออกไปส่งของกันจนถึงดึกดื่น วันนี้เลยวางแผนพาลูกและภรรยาเที่ยว แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกนะ เพื่อนผมที่คอนโดเขาจัดงานเลี้ยงเล่นๆ กัน ผมรับปากเขาว่าจะไปด้วย มีการออกร้านอาหาร ขายกันแบบสนุกๆ
   กลับจากตลาดน้ำผมก็มาอยู่ทีคอนโด นั่งเตรียมงาน สรุปงาน ที่ผมจะต้องใช้ในที่ประชุมวันเสาร์นี้ นั่งอยู่ในห้องแบบนี้จนถึงเย็น ลูกกลับจากเรียนพิเศษก็จะมาหาผมที่นี่ พาเขาเดินเที่ยวงานเล็กๆ ด้านล่าง
   อยู่ริมน้ำบรรยากาศดีมากครับ เสียตรงไม่มีลมพัดแรงเหมือนวันก่อนๆ ช่วงบ่ายมีฝนตกลงมานิดหน่อย แป๊บเดียวหาย ไม่กระทบต่อการจัดงานนัก
   ผมยังไม่ได้เข้าพักอาศัยในคอนโดอย่างจริงจัง ยังไม่เคยนอนค้างคืนเลยด้วยซ้ำไป แต่ก็รู้จักพี่ๆ เพื่อนๆ หลายท่านแล้วเหมือนกัน และดันไปสนิทกับพวกระดับแกนนำ เขาก็เลยชวนผมลงเรือนั่งเล่นดูพลุแถวโรงแรมใหญ่ๆ ที่สาทร
   “เปิ้ล ไปกับพวกเราไหม”
   “ผมมีลูกและภรรยามาด้วยน่ะครับ เกรงใจพี่”
   “ไม่เป็นไร พามาด้วยกันหมดเลย”
   บ๊ะ แจ๋วว่ะ ผมไม่ได้ลงเรือในงานลอยกระทงมานานเป็นสิบปี และทุกทีก็มักจะเป็นเรือขนาดใหญ่ ล่องไปก็กินข้าวกันไป ก็สนุกดีล่ะนะ แต่คืนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยพบมา จะเปลี่ยนไป เพราะจะไปกับเรือแบบ Speed Boat ที่เร็ว และแรงมาก แน่นอนครับ ซดน้ำมันเป็นว่าเล่นเลยล่ะ
   เดินเล่นเตร็ดเตร่ วนไปวนมาก็เบื่อเหมือนกัน ภรรยาเริ่มอยากพักผ่อน เลยขอตัวไปนอน ตอนแรกจะนอนบนห้องพักในคอนโด แต่เขาเปลี่ยนใจกลับไปนอนบ้าน ผมเลยอยู่กับลูกแค่สองคน
   กลัวลูกเบื่อ เลยชวนกันไปซื้อไอติมใน 7-11 กินกัน ผมเลือก Wall Magnum ไอศครีมที่แพงสุดของวอลล์ ในไทยแท่งละ 40 บาท (เมื่อก่อน 37 บาท) ในขณะที่ฝรั่งเศษแท่งละเกือบ 400 บาท วอลล์แบบเดียวกับเรานี่แหละ หึหึ
   กินไอติมหมดก็แล้ว ยังไม่หายเบื่อ เอาไงดีวะ ลูกชวนขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง แต่ผมกลัวขึ้นไปแล้วขี้เกียจลง มันอยากจะนอน เลยพากันไปนั่งเล่นริมน้ำ นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ
   จนถึงเวลานัด 0930 เจ้าของเรือชื่อพี่รุจ คนนี้ผมพบเขาครั้งแรกก็ตรงท่าเรือนี่แหละ พบกันในวันประชุมลูกบ้าน คุยกันนิดหน่อย ยังไม่รู้ใครเป็นใคร พี่รุจชอบเรืออย่างมาก แต่มักจะเป็นเรือเครื่อง ผมเองก็ชอบ แต่ชอบพวกเรือใบ แบบไม่มีเครื่อง คุยกันได้ไหมก็ไม่รู้
   ตอนลงเรือนี่อย่างเขินเลยครับ เพราะคนที่อยู่บนฝั่งของคอนโดมองกันเป็นตาเดียว มันก็ดูโก้อยู่เหมือนกันแหละครับ ที่มีเรือแรงๆ ขับเล่น แถมในวันลอยกระทง ซึ่งมันคือสุดยอดของการล่องเรือ
   นั่งเรือรับลม ให้ความรู้สึกดีมากๆ คล้ายการขี่มอเตอร์ไซค์ และการขับรถเปิดประทุน นั่งเรือก็คิดถึงรถอีกแล้วสิเรา
   ขับไปแป๊บเดียวไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงสะพานสาทรแล้วครับ นี่ถ้าเป็นเรือใหญ่ก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที มากับ Speed Boat นี่สุดยอดจริงๆ แถมตอนจะดูพลุ เราก็ต้องจอดเรือ แต่เรือของเราลำเล็ก จะจอดกลางน้ำก็กลัวจะเกะกะเรืออื่น เลยแอบๆ ข้างๆ ริมตลิ่ง เจอเสาปักไว้ ผมก็อาสาปีนไปผูกเชือก
   ไปจอดเรือตรงหน้าศุภคารคอนโด ริมน้ำของเขาเป็นร้านอาหาร มีเวทีร้องเพลง คนที่นั่งริมฝั่งเขาบอกว่าเห็นทีแรกคิดว่าพวกผมเป็นพวกมาเก็บกระทง โธ่ เสียลุคสุดๆ นี่ขนาดมากับเรืออย่างดีนะนี่ ว้าาา
   สักพักก็ได้เวลาจุดพลุ นั่งดูกันอย่างเพลินตามาก แต่น่าเสียดายที่ปีนี้ทำไมจุดพลุกันน้อยก็ไม่รู้ ปีก่อนๆ จุดกันราว 1 ชม (แต่ละโรงแรมในย่านนั้นจะสลับเวลากันจุด) หมดพลุแล้วเราก็กลับกันครับ แต่ในเรือตอนนี้มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบครบครัน กินกันตั้งแต่ออกเรือแล้วล่ะ มีวอดก้ากลิ่นบลูเบอรี่ (ไอ้นี่หอมมาก ขนาดผมกินเหล้าไม่เป็น ยังกินแล้วอร่อย คิดดูละกัน) มีไวน์ น้ำแข็ง น้ำเปล่า ครบครัน พี่คนหนึ่งบนเรือบอกอยากกินเบียร์ อยากนั่งพัก เลยแวะร้านอาหารร้านหนึ่งที่เพิ่งเปิดใหม่ อยู่ริมน้ำ เราจอดเรือเที่ยบท่าแล้วก็เดินไปนั่งโต๊ะ เอาอีกแล้ว คนทั้งร้านหันมามองเป็นจุดเดียว แหม คนอื่นเขาขับรถกันมา ไอ้กลุ่มนี้มาแปลก มาทางน้ำ
   นั่นกินอาหารเบาๆ กัน ส่วนผมก็กินอย่างละคำสองคำ ไม่ชอบกินกลางคืนครับ มันอ้วนสุดๆ เลยล่ะ ร้านนี้สถานที่สวย บรรยากาศดี ผมไม่ค่อยได้มาร้านสไตล์นี้บ่อยนัก มันน่าจะแพงเอาการ มีดนตรีแสดงสด ร้องเพลงเพราะดี เราอยู่กันตรงนี้จนถึงเกือบเที่ยงคืนแน่ะ เรือในลำน้ำเจ้าพระยาเริ่มทะยอยกลับกันไปนานแล้ว ตอนนี้เหลือแต่พวกเรือของเจ้าหน้าที่เก็บกระทง
   ขากลับพี่รุจขับเร็วมากกว่าเดิม เจอคลื่นเรือมีการเหิน เสียวปนสนุก เรือมันลำเล็ก ก็เลยร่อนไปร่อนมาได้ สนุกดีครับ เหมือนอยู่ในสวนสนุกเลย อยู่ท่ามกลางความมืดอีกด้วย มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ทีทำให้มองเห็นได้ในระยะไกล ส่วนระยะใกล้ มีแต่สปอทไลท์ส่องทาง
   พอถึงคอนโดก็ช่วยกันผูกเรือ หน้าที่นี้ผมถนัด เพราะเป็นผู้ชายที่แข็งแรงคนเดียวในเรือ ผู้ชายอีกคนคือลูกผม ส่วนพี่รุจเป็นคนขับเรือ เก็บของเสร็จผมหยิบเงินจะช่วยค่าน้ำมันเรือให้พี่รุจ แต่พี่เขาไม่รับ ยังไงก็ไม่รับ ผมเองก็เกรงใจ ไปตั้งสองชีวิต เขาบอกว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน ไม่เป็นไร
   คนอื่นเขากดลิฟท์เดินขึ้นห้องกันไปนอน บางคนไปกินไวน์กันต่อในห้อง ส่วนผมกับลูกนั้นขับรถกลับบ้านที่อยู่ไม่ไกลกันสักเท่าไหร่
   อาบน้ำเสร็จ เข้านอนเอาตอนตี 1 โหห ผมไม่ได้นอนดึกแบบนี้มานานมากๆ

22 พย 53
   นอนดึก แต่ก็ยังตื่นเช้าเหมือนเดิมนะ 0530 ผมก็ตื่นแล้ว แต่ขี้เกียจลุกจริงๆ จะนอนต่อก็ได้แค่หลับตา ร่างกายมันตื่นแล้ว เลยออกมาขี่จักรยานเหมือนเดิม แต่วันนี้เอารถคัน JZ88 มาด้วย เลยจัดการหยอดน้ำมันโซ่ และเติมลมยางให้เต็มที่
   ด้านข้างแก้มยางระบุไว้ว่าทนแรงดันสูงสุดได้ที่ 45 psi แต่เติม 45 แล้วขี่ไม่ออกครับ กินแรงมากๆ รถล้อเล็กแค่ 14 นิ้วอีกด้วย สุดท้ายต้องอัดเข้าไปที่ 80 psi อันที่จริงน่ะ ผมเติม 80 มาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แต่เติมนอกบ้านมันไม่มีมาตรวัดให้ดู มาวันนี้ใช้สูบแบบ Floor Pump เห็นตัวเลขแล้วตกใจ เฮ้ย แล้วมันทนมาได้ยังไงตั้งหลายปีวะ งงมาก
   ความหนาวเย็นที่เคยมาเป็นระลอกๆ แต่มันเว้นช่วงหายไปนานจนลืมหนาวแล้ว แอบลุ้นในใจให้มันมาหนาวใหม่ในเร็ววัน
   แสงแดดร้อนแรงมากครับ โดนแล้วแสบผิวอย่างมาก ขับรถยนต์ยังร้อนเลย รถผมไม่ได้ติดฟิล์มครับ แต่รถมันเป็นกระจกกรองแสงแบบ UV Coat เดาว่าป้องกัน UV แต่มันไม่ได้กันความร้อนแน่ๆ ใสแจ๋วออกอย่างนั้น
    มารับลูกเอาตอนเย็น รีบกลับมาบ้านเพื่อทบทวนหนังสือ ใกล้ปิดภาคเรียนของเขาแล้ว เรียนปีละ 3 เทอมครับ เปิดเรียน หรือปิดเทอม ไม่ค่อยตรงกับชาวบ้านเท่าไหร่
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 53
« Reply #16 on: November 23, 2010, 07:23:35 pm »
23 พย 53
   ช่วงนี้ฟิตจัด ใกล้จะไปฮ่องกงแล้ว แต่น้ำหนักลดลงมาได้หน่อยเดียวเองว่ะ ขี่จักรยานตอนเช้าได้แค่ราว 30 นาทีเท่านั้นเอง
   รถคัน JZ88 เพิ่งจะหยอดน้ำมันโซ่มาใหม่ๆ วันนี้ใส่กางเกงขายาวขี่ เลอะทันทีเลยครับ กลับมาบ้านรีบถอดแช่เตรียมซักเป็นการใหญ่
   เย็นไปรับลูก เขาขอซื้อหนังสือการ์ตูน สมัยผมการ์ตูนเล่มละ 10 บาท ยังต้องคิดแล้วคิดอีก ต้องเก็บเงินอยู่นานถึงจะซื้อมาอ่านได้ จะแอบอ่านเหมือนหนังสืออื่นก็ไม่ได้ เพราะการ์ตูนพวกนี้เขาจะห่อปกพลาสติคเอาไว้ เป็นพวกโดเรมอน อิ๊กคิวซัง นินจาฮาโตริ คอบบร้า
   แต่มาเจอการ์ตูนของเด็กสมัยนี้ เล่มละ 150 บาท โดยประมาณ บางเล่มก็ 170 พิมพ์ 4 สีสวยสด เป็นการ์ตูนจากเกาหลี เห็นแล้วแทบช็อค แม่งแพงฉิบเป๋งเลยครับ วันนี้ซื้อไป 2 เล่ม หมดไป 342 บาท นี่ขนาดเป็นสมาชิก และได้ส่วนลดแล้วนะ
   กลับมาบ้านหิวจัด กลางวันไม่ได้กินอะไร มีแต่น้ำเต้าหู้ใส่ลูกเดือยถ้วยใหญ่ๆ อยากลดน้ำหนักครับ

วันนี้มีข่าวน่าสลดใจจากเพื่อนบ้าน (รายละเอียดเพิ่มเติม อ่านได้จากหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันพรุ่งนี้) ผู้คนที่มาร่วมงานเทศกาลน้ำในประเทศกัมพูชา ตื่นตระหนกโดยไม่ทราบสาเหตุ เหยียบกันตายบนสะพานเชื่อมเกาะเพชร ตาย 375 เจ็บ755 แต่ยังมีที่สูญหายอีกเยอะ แม่้ค้าในย่านนั้นบอกมีคนเป็นลม ทำให้คนรอบข้างตกใจ วิ่งหนีจนเป็นเหตุดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ที่มีคนตายครั้งใหญ่ที่สุด หลังจากยุคเขมรแดง 
เวรกรรมมีจริงครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 53
« Reply #17 on: November 24, 2010, 09:25:08 pm »
24 พย 53
   ออกขี่จักรยานยามเช้าเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้ตื่นเช้า เลยมีเวลาราว 1 ชม ซัดจักรยานไป 45 นาที ที่เหลือคือการยืดเส้น
   เช้านี้พ่อกับแม่ผมไปทำธุระที่เชียงใหม่ ไปตั้งแต่เช้ามืด กลับเอาตอนค่ำ งานที่เหลือทิ้งไว้ ผมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
   ส่งลูกเสร็จแล้วผมอยู่เฝ้าร้านตั้งแต่เช้าจรดค่ำครับ เย็นไปรับลูกและไปส่งบ้าน แต่ตัวเองก็ต้องกลับไปเฝ้าร้านต่อ ชีวิตอยู่ได้ด้วยการคิดบวกล้วนๆ
   กลางวันขี่รถ JZ88 เข้าไปในโกดัง ขาออกมายางแบนครับ ตกใจมาก เพราะว่าเจ้าคันนี้ลุยกับผมไปแทบทุกที่ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องยางแตกมาก่อนเลย ก้มลงมองหาแผล พบรอยฉีกขาดขนาดใหญ่ที่ยางนอก ผมกลัวแผลจะใหญ่จนปะไม่ได้จังเลย ยางในล้อ 14 หายากด้วย
   ช่วงบ่ายไปไหนมาไหนลำบากเลยครับ ไม่มีจักรยาน ก็เหมือนไม่มีแขนขา ไปธนาคารก็ต้องเดินไป ไปตลาดซื้อข้าวก็ต้องเดินไป ใช้จักรยานจนคล่องแล้วก็อย่างนี้แหละ
   ช่วงเย็นจนถึงค่ำผมลงสินค้าอยู่ในโกดัง ช่วยกันยกกับคนงาน กลับมาถึงบ้านเอาตอนสองทุ่มกว่า
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 53
« Reply #18 on: November 25, 2010, 07:55:19 pm »
25 พย 53
   ตื่นเช้ามารีบเอารถ JZ88 มาปะยางครับ เป็นยางขอบลวด งัดยากพอควร ดีตรงเติมลมง่าย แป๊บเดียวก็เต็มแล้ว ล้อมันเล็ก พื้นที่เก็บลมมันก็น้อยตามไปด้วย เปรียบเหมือนกับรถยนต์น่ะครับ ยางรถแข่งแก้มบางๆ เติมแป๊บเดียวก็เต็ม ลองไปดูพวกยางของรถ Off Road สิครับ อัดตั้งนาน แรงดันขึ้นมาหน่อยเดียวเอง
   ผมเล่นรถยนต์และจักรยานมาแบบพร้อมๆ กันครับ ศึกษามันควบคู่กันไป หลายสิ่งหลายอย่างมันเกื้อกูลกัน ยางเส้นใหญ่ๆ จะอยู่ได้ด้วยปริมาณลม ในขณะทียางเส้นเล็กๆ จะอยู่ได้ด้วยแรงดัน ทั้งรถยนต์และจักรยานต่างเหมือนกัน
   ปะยางกับรถคันนี้เป็นครั้งแรก ผมซื้อคันนี้มาตั้งแต่ปี 06 แล้วมั้ง มาถึงก็เปลี่ยนยางนอกยางในใหม่เอี่ยม เติมแรงดันราว 70-80 psi มาตลอด ทั้งๆ ที่แก้มยางระบุไว้ว่าทนแรงดันได้แค่ 35 psi (เมื่อวานผมบอกว่า 45 psi น่ะผิดครับ ผมจำผิดไป)
   ไม่ค่อยคุ้นกับการถอดล้อด้วยวิธีไขนอท แต่ก็ทำได้ครับ ไม่ยาก พอประกอบกลับเข้าไปเสร็จเท่านั้นแหละครับ ลองบีบๆ ยางดู เอ๊ะ ทำไมมันนิ่มๆ ก็ผมเพิ่งจะอัดเข้าไป 35 psi เมื่อตะกี้เองนี่นา
   งงครับ จับรถหงายท้อง เอาหูแนบยาง แล้วหมุนล้อ ผมได้ยินเสียงฟู่ๆ อ้อ ผมปะไม่ดีเองนี่หว่า เฮ้อออ
   กลายเป็นว่าต้องถอดทุกอย่างออกมาอีกครั้ง ปะยางรอบแรกก็กินเวลาไปกว่า 40 นาทีเข้าไปแล้ว นี่ผมต้องมาทำซ้ำอีกหรือนี่
   เอาวะ ผิดก็เป็นบทเรียน ถอดล้อทั้งวงออกมา ถอดยางในออกมาดูจุดรั่ว อ้าววว มันมีรูรั่วอีกรูนี่นา แถมอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน โห จะโชคดีอะไรขนาดนั้น ขี่มาหลายไป ไม่เคยโดนทิ่ม พอจะโดน ก็เล่นแบบดับเบิ้ล
   คราวนี้กันพลาดครับ ผมถอดยางในไปแช่น้ำทั้งเส้น เอาให้ชัวร์ว่าไม่มีรูไหนรั่วอีกแล้ว มั่่นใจว่ามีแค่สองแผลนี่แหละ แล้วก็ทำการปะด้วยยางปะชิ้นสุดท้าย และกาวปะที่บีบออกมาใช้จนเกือบจะหมดเกลี้ยง
   เสร็จแล้วก็ประกอบกลับ แต่ยังไม่ทันเสร็จดี ผมต้องรีบไปอาบน้ำเตรียมตัวออกไปส่งลูกเข้าเรียน 
   
   ปกติช่วงเช้าผมจะขี่จักรยานจดออเดอร์ลูกค้า แต่วันนี้ไม่มีจักรยานขี่ เลยต้องใช้เดินแทน เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมเดิน ก็ขี่จักรยานมาตั้งหลายปี ใช้จักรยานจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว
   หมาตัวที่เคยเห่าไล่ พอมันเห็นผม มันได้ใจอย่างมาก วันนี้มันมาเห่าใกล้ๆ น่องเลย ต้องเหลือบไปมองบ่อยๆ กลัวมันจะงับจริงเหมือนกัน
   ไปธนาคารก็ต้องเดินไป เมื่อวานก็เดินไป เจ้าหน้าที่เห็นก็ทักว่าจักรยานไปไหน
   “อ๋อ เข้าศูนย์ครับ ถ่ายน้ำมันเครื่อง” ผมปล่อยมุข แต่ไม่รู้เธอจะขำกับผมด้วยไหม
   มาวันนี้ ถามเรื่องจักรยานอีกแล้ว
   “พีๆ ไม่ได้ขี่จักรยานมาหรือคะ”
   ผมก้มหน้าส่ายหัว และตอบว่า “เอาไปตรวจเช็คช่วงล่างครับ”
   “แล้วพีต้องคอยเปลี่ยนไส้กรองอากาศด้วยไหมคะ” นั่นๆ ยิงมุขสดสวนกลับมาด้วย
   ผมหันหน้าไปหัวเราะร่า ไม่โต้ตอบอะไรแล้วล่ะ จะกลับบ้านแล้ว
   บ่ายเข้ามาบ้าน ผมรีบเข้าไปห้องจักรยาน เตรียมจะประกอบล้อเข้ากับตัวรถ แต่แล้วก็ตกใจ
   ยางแบนอีกแล้ว เฮ้ยยยย เกิดอะไรขึ้นวะนี่ แผ่นปะก็หมดแล้ว กาวก็เหลือติดปลายหลอดหน่อยเดียว โธ่ พรุ่งนี้ก็ต้องเดินอีกแล้วหรือนี่ เซ็งสุดยอดจริงๆ เล้ยยย
   ร้านจักรยานที่ใหญ่สุดแถวบ้านผมคือร้านแสงเพชรครับ จรัลสนิทวงศ์นี่แหละ ไม่ได้ใกล้อะไรนักหรอก แต่ก็ถือว่าใกล้ที่สุดแล้ว จะมีใกล้จริงๆ ก็คือร้านทองเอก พระราม 2 แต่ร้านนี้มีของให้เลือกไม่มากนัก เน้นแต่ของจากร้าน Pro Bike เสียมากกว่า
   นี่ถ้ารถยนต์ผมสามารถใส่จักรยานได้ก็ดีสินะ ท้ายรถผมเล็กมากๆ ครับ ใส่ได้แค่รถ JZ88 เท่านั้น เจ้า KHS F20-W ยังใส่ไม่ได้เลย
   
เอ๊ะ ผมมี GT MTB เหลืออยู่อีกคันนี่หว่า
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 53
« Reply #19 on: November 26, 2010, 08:22:08 pm »
26 พย 53
   GT HT MTB เป็นรถที่ผมเล่าถึงน้อยที่สุด ผมตั้้งใจซื้อมาให้แม่ขี่ แต่ซื้อมาโดยที่ผมไม่มีความรู้อะไรเลยสักนิด เลยได้รถขนาดใหญ่เกินกว่าที่แม่จะขี่ได้ ผมเองก็มีรถ KHS HT ใช้ประจำอยู่แล้ว พอมี GT เข้ามาอีกคัน มันซ้ำซ้อนกัน เป็นรถ HT เหมือนกัน ต่างกันที่ตะเกียบหน้าของรถ GT เป็นแบบ Solid แต่ของรถ KHS เป็นช้อคของ Judy XC แต่จุดที่ทำให้ผมชอบรถ KHS มากกว่าเพราะมันเป็นโครโมลี่ ขี่สบายกว่าอลูมินั่ม 6061 ของ GT เยอะเลย
   แต่วันนี้ก็ไม่ได้เอารถ GT ไปใช้ครับ เพราะไม่สะดวกในการขนส่ง แถมใช้ได้แค่วันเดียว พรุ่งนี้ผมก็ไปฮ่องกงแล้ว เช้านี้เลยใช้เดินเหมือนเมื่อวาน ได้รับคำทักทายจากคนที่คุ้นหน้ากัน
   “อ้าว จักรยานไปไหนล่ะ”
   “รถถูกขโมยหรือ”
   “ทำไมใช้เดินล่ะ”
   “แหม วันนี้เดินออกกำลังกายเชียวนะ”
   ก็บอกเขาไปตามตรงแหละครับว่าจักรยานเสีย ยางแตก จะมีก็พวกสาวๆ ในธนาคารที่ผมปล่อยมุขนิดหน่อย
   “อ้อ เอาไปเข้าศูนย์ เช็คช่วงล่างหน่อย ขับแล้วมันโคลงๆ”
   
   เย็นลูกผมมีงานปิดภาคเรียน เขาจัดกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน ครูให้เด็กคิดเนื้อหาอย่างอิสระ ใครจะทำอะไรก็เชิญตามสะดวก ขอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเรียนเป็นใช้ได้
   รีบกลับบ้านทันที ผมยังไม่ได้จัดกระเป๋าอะไรสักอย่าง แต่ก็มีของบางอย่างที่ผมจัดเตรียมไว้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เช่นพวกของใช้ส่วนตัว ครีมกันแดด สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ฯลฯ
   แต่ที่ลืมไม่ได้ก็คือตัวแปลงปลั๊กไฟครับ ที่ฮ่องกงเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เขาใช้ปลั๊กไฟแบบขาสี่เหลี่ยม 3 ขา ต่างกับของไทยเราแบบคนละโลก นอกจากตัวแปลงปลั๊กแล้ว ก็ยังต้องมีสายพ่วง เพราะจะได้ชาร์จอุปกรณ์ได้หลายอย่างพร้อมๆ กัน อย่างน้อยก็มีโทรศัพท์ กล้องดิจิตอล บางคนก็มีโนทบุ๊ค ถ้ามีแค่ตัวแปลงปลั๊กอันเดียว เราก็จะชาร์จได้แค่อย่างเดียว
   จัดของง่ายมาก เช็คสภาพอากาศที่ฮ่องกงดูแล้วราว 20 องศา ใส่เสื้อยืดตัวเดียวลุยได้สบาย ไม่ต้องมีเสื้อกันหนาวให้หนักกระเป๋า แถมเทอะทะตอนที่ต้องถอดแล้วถือ
   คืนนี้ขอหลับเร็วหน่อยครับ ต้องตื่นตี 3
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 53
« Reply #20 on: December 01, 2010, 06:10:47 pm »
27 พย 53
   ตั้งใจจะลดน้ำหนักลงสัก 3 กก เอาเข้าจริงทำให้มันลงได้แค่โลกว่าๆ เอาวะ ยังดีกว่าไม่ลดเลย ไปต่างประเทศทั้่งที อยากแต่งตัวหล่อๆ กับเขาหน่อย เพราะทุกๆ วันนี้ใส่แต่ชุดเก่าๆ โทรมๆ ต้องยกของ แบกของทุกวัน
   เครื่องบินออก 0700 ผมต้องไปเช็คอินล่วงหน้าก่อน 2 ชม นั่นคือ 0500 ก็ต้องออกจากบ้านตอน 0400 ทำให้ต้องตื่นนอนราว 0330 เป็นอย่างช้า และถ้าเข้าห้องน้ำนาน ก็ต้องตื่นสัก 0300 คิดแล้วไม่น่านอนเลยเน๊อะ ฮ่าๆ น่าจะไปนอนที่สนามบินมันซะเลย อ๊ะ ทำได้นะ เป็นเล่นไป ถ้าเครื่องออกสักตี 5 น่ะ ผมไปนอนที่โน่นชัวร์ครับ 
   การเดินทางด้วยเครื่องบินนี่จะเสียเวลาตอนก่อนขึ้นเครื่องเป็นอย่างมากครับ คนยุโรปที่ประเทศเขาติดๆ กันหมด เช่น สวิสฯ ฝรั่งเศษ เยอรมัน อิตาลี ฯลฯ หากเขาจะเดินทางถึงกัน มักจะใช้บริการของรถไฟเสียมากกว่า เพราะประหยัดช่วงรอขึ้นเครือ่ง ช่วงเช็คอินอย่างมาก
   พอเคาเตอร์เช็คอินเปิด ผมก็รีบเข้าไปยื่นขอออกตั๋วทันที เลือกที่นั่งจุดเดิมๆ ที่ผมชอบ คือเป็นด้านหลังๆ หน่อย เลือกที่นั่งแถวหน้าของกลุ่ม เพื่อที่่จะมีพื้นที่ยืดขาได้มากกว่า ลุกนั่งเข้าออกได้สะดวกกว่า แต่วันนี้ผมไปแค่มาเก๊า บินราว 3 ชม ถือว่าไม่มาก
   ผมไปทางฟากยุโรปบ่อยกว่า จึงคุ้นเคยกับเครื่องบินขนาดใหญ่ มาวันนี้เจอเครื่องเล็กครับ เป็น Airbus A320-200 เป็นเครื่องที่มีทางเดินทางแถวเดียว สองฟากมีที่นั่งด้านละ 3 ตัว ไม่มีการแบ่งที่นั่งเป็นส่วนๆ (ถ้าแบ่ง ผมจะเลือกแถวหน้าของแต่ละส่วน เพราะจะได้มีที่ยื่นเท้าได้เยอะมาก)
   วันนี้ทำได้ดีสุดคือนั่งตรงประตูฉุกเฉินครับ ได้ยืดขามากกว่าที่นั่งปกตินิดหน่อย
   รีบผ่านด่านตรวจเอกสาร ตรวจคนเข้าเมือง เขาตรวจกันอย่างละเอียด ต้องถอดเข็มขัด ถอดรองเท้า และห้ามนำของเหลวเกิน 100 cc ผ่านเข้าไป ผมมีขวดน้ำเล็กๆ ติดตัวประจำ ก็ต้องกินให้หมดก่อน แล้วห้ามทิ้งนะ เอาขวดเปล่าไปด้วย
เดินผ่าน Duty Free ผมดูน้ำหอมของ Davidoff รุ่น Champion ภรรยาฝากซื้อครับ ทุกทีเธอไม่เคยอยากได้อะไรเลยสักอย่าง และต้องคอยบอกผมเสมอว่าไม่ต้องซื้ออะไรมาฝาก มาครั้งนี้เธอบอกอยากได้ ผมเลยจัดให้สักหน่อย ดูแล้วราคาในไทยราว 1700 บาท ผมยังไม่ตัดสินใจซื้อ ไว้ไปดูฝั่งฮ่องกง เผื่อจะถูกกว่า
แล้วก็ไปที่เลาจ์ของ First Class ทั้นที ผมไปพักผ่อนที่ห้องนี้ประจำ มีอาหาร เครื่องดื่ม หลากหลายบริการตลอด จะไปนั่งเล่นก็ได้ เอนนอนพักผ่อนก็ได้ แต่ถ้าจะใช้บริการห้องอาบน้ำ เขาจะคิดค่าบริการเพิ่ม น่าจะสัก 40 USD หึหึ แพงใช่เล่น แต่ไม่รู้มีบริการพิเศษอื่นใดอีกหรือไม่ในห้องน้ำ อาจมีพวกเซาน่า อบไอน้ำ ฯลฯ (เดา) (ไม่เคยเข้า)
   มีเหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำอัดลม พวกอาหารก็มีเป็นแซนวิช ครัวซองต์ เน้นกินง่าย ไม่เลอะเทอะ ซีเรียลก็มี หยิบกินได้ฟรี ตามอิสระ ผมมองดูแล้วสลดใจ ไม่เจออาหารเพื่อสุขภาพเลยแม้แต่อย่างเดียว เซ็งจิต
   กินแก้หิว กินกันตาย เล่นได้แค่แซนวิชทูน่า และ BLT แซนวิช BLT คือ – Bacon / Lettuce / Tomato ฝรั่งเขาเรียกย่อว่า BLT ง่ายดี แต่คนอื่นเขาไม่รู้่เรื่องกับมันด้วยตั้งเยอะแยะ
   ตอนไปต่างประเทศผมจะมีกระป๋องเล็กๆ ติดตัวไว้ เอาไว้ใส่ของขบเคี้ยว ของกินเล่น เช่นพวกถั่วต่างๆ ถ้าไม่มีถั่ว ก็จะใส่พวกผลไม้แห้ง ตระกูลลูกเกด เอาไว้กินระหว่างทางนี่แหละครับ กล่องนี้จะติดตัวผมตลอด ตอนเช้าก็จะตักของขบเคี้ยวมาเก็บไว้จากห้องอาหารแบบบุฟเฟ่ ตอนบ่ายๆ หยิบออกมากิน ช่วยผมได้มากทีเดียว
   บินไปฮ่องกงราว 3.30 ชม เวลาที่โน่นเร็วกว่าไทย 1 ชม อยู่บนเครื่องผมหยิบซีเรียลที่ตักมาจากเลาจ์เสียหมดกล่องเลย นั่งแบบเบือๆ อยู่นาน ผมว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินนี่มันแสนจะน่าเบื่อครับ ที่สนุกสุดคือเรือสำราญ รองมาก็รถไฟหรู ทั้งสองอย่างสนุกตรงเราเดินไปเดินมาได้อย่างอิสระ
   บรรยากาศบนเครื่องก็เหมือนเดิมๆ ครับ อยู่ที่ใครจะหาวิธีแก้เบื่อได้ดีกว่ากัน บ้างก็ฟังเพลง ดูหนัง บางคนเปิดโนทบุ๊คมาทำงาน นี่ถ้าผมเอาคอมพิวเตอร์ไปด้วย คงจะเขียนหนั้งสือได้เป็นเล่มแน่ๆ
   ช่วงเบื่อ ผมชอบเดินไปยืนหลังเครื่อง แต่ไฟล์ทนี้มันบินไม่นานนัก แถมเป็นเครื่องลำเล็กอีกด้วย หลังเครื่องเลยไม่ค่อยมีอะไร แต่ถ้าเป็นไฟล์ทยุโรปที่บินไกลๆ และตอนกลางคืน ด้านหลังเครื่องจะมีอาหารว่างวางเอาไว้ มีเครื่องดื่มสารพัดชนิดให้เราหยิบเองตามสะดวก และถ้าเจอแอร์โฮสเตรส สจ๊วจใจดี เราจะได้เจอของที่ไม่ได้มีไว้แจกผู้โดยสารทั่วไป

   เครื่องมาจอดที่เกาะมาเก๊า ผมทำธุระที่นี่ ไม่งั้นก็ต้องนั่งเรือต่อไปที่เกาะฮ่องกงจ่ายเงินคนละ 100 HKD ใช้เวลาราว 1 ชม แต่ถ้าอยากเร็วกว่านี้ครึ่งหนึง ก็ต้องใช้บริการ Hydro Jet ค่าใช้จ่ายก็แพงกว่าอีกหนึ่งเท่าตัวเช่นกัน และถ้าจะเอาเร็วสุดก็ต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ ผมไม่รู้ค่าใช้จ่าย ไม่กล้าคิด แม่งแพงชัวร์ ทั้งสามอย่างนี้ใช้บริการได้ที่จุดเดียวกันครับ
   เข้าเช็คอินเอากระเป๋าไปเก็บ นอนเล่นบนเตียง ดูทีวี แต่นอนไม่หลับ แหม ใครจะหลับลงเล่า มาถึงต่างประเทศ ลงไปเดินเล่นดีกว่า
   มาเก๊า เป็นแหล่งคาสิโนครับ รอบตัวมีแต่คาสิโน ผมเล่นไม่เป็น ไม่คิดจะเล่น ไม่เคยอยากได้เงินจากการพนัน สำหรับผม ถ้าจะได้เงิน ก็ต้องมาจากการทำงานเท่านั้น เลยได้แค่เดินเล่นแบบผ่านๆ เห็นตู้สลอทแมทชีนเป็นแบบปุ่มกดล้วนๆ ต่างจากยุคผมเด็กๆ ที่ตู้สลอทฯ จะเป็นแบบก้านโยก เล่นไม่เป็น ไม่สนใจเล่น เดินดูไปก็ไม่สนุกครับ ที่นี่ดีอย่างเดียวตรงที่ทุกอย่างฟรีหมด กินฟรี ดื่มฟรี ส่วนผมเลยใช้บริการดูโชว์ฟรี เป็นการโชว์แบบแสดงแสงสีเสียง ดูเพราะไม่เคยเห็นน่ะครับ ใจผมชอบพวกธรรมชาติสบายตามากกว่า
   หามุมนั่งดูแผนที่ จะได้วางแผนเดินทางถูก พบว่าเกาะมาเก๊าเล็กๆ แต่มีแหล่งมรดกโลกถึง 25 แห่ง โหห สุดยอดจริงๆ เลย แต่ละแห่งก็ใกล้ๆ กันอีกด้วย นี่ถ้ามีจักรยานนะ ผมว่าขี่ลุยเล่นกันสนุกแน่ แต่ที่นี่ไม่มีเลนจักรยานนะครับ คนขี่จักรยานก็น้อยมากๆ ตลอดวันนี้ผมเห็นแค่ 2-3 คนเท่านั้นเอง
   เข้าชมพิพิทธภัณฑ์ดีกว่า เขาคิดแบบเหมารวม 30 MOP เป็นค่าเงินของที่มาเก๊า มีอัตราแลกเปลี่ยน 100 HKD = 103 MOP ในเกาะมาเก๊านี้ใช้เงินฮ่องกงได้สบายมาก แต่มักจะได้เงินทอนมาเป็น MOP วุ่นวายพอควรครับ ตอนขอเงินทอนผมมักจะขอเป็น HKD บางร้านก็ให้ บางร้านก็จะหักค่าส่วนต่างนิดหน่อย ก็โอเค หยวนๆ ไป แลกกับความสะดวกในการจัดเก็บ
   มีร้าน 7-11 สะดวกซื้อมากๆ แต่ผมไม่เข้าหรอกนะ เราเลือกไปร้านค้าปลีกของคนจีนดีกว่าครับ ดูตัวอย่างน้ำอัดลมที่ร้านค้าหน้าแหล่งท่องเที่ยวจะขายขวดละ 15 HKD แต่ถ้าเป็นร้านคนจีนจะเหลือแค่ 5 HKD เท่านั้นเอง โหห เป็นนักท่องเทียวนี่โดนฟันไปขวดละ 10 HKD แล้วหรือนี่
   คงเป็นบาปกรรมตามสนองที่คนไทยหลอกนักท่องเที่ยว พอเราไปต่างประเทศก็เลยโดนคนท้องถิ่นของเขาหลอกกินเอาบ้าง ผมจะโดนอะไรบ้างไหมหนอ
   ผมไม่กินน้ำอัดลม ให้ฟรีก็ไม่กิน จะกินก็แค่น้ำเปล่าธรรมดา แถมประหยัดสุดๆ ด้วยการใช้กาต้มน้ำในห้องพัก ต้มแล้วเทเก็บใส่ขวดเอาไว้กินตลอดวัน ระหว่างมื้ออาหารก็ขอเติมให้เต็มอยู่เสมอ
   พิพิทธภัณฑ์แรกที่เข้าชมคือพิพิทธภัณฑ์รถแข่งกรังปรีด์ เกาะมาเก๊า เขามีงานจัดแข่งแบบปิดเกาะแข่งรถกันเลย ชื่องาน มาเก๊ากรังปรีด์ ผมได้ยินชื่อเสียงมาตั้งแต่เด็กๆ นักแข่งรถไทยหลายคนแจ้งเกิดจากงานนี้ เพราะแข่งยาก อันตราย ทางแคบ
   ดูอยู่นานเลยครับ ได้เห็นรถแข่งตัวจริงที่เราดูในวัยเด็ก ทั้งรถ F3 F2 รถแข่งเซอร์กิต ตัวที่เป็นตำนานอย่าง Mercedes Benz 190e 2.4-16 / BMW M3 E30 รถญี่ปุ่นก็เป็นพวก Toyota AE86 เห็นของแต่งรถแต่งในยุคเก่าแล้วรู้สึกเหมือนย้อนอดีตเลยครับ มีความสุขจริงๆ เสียดายที่สถานที่นี่คับแคบและเล็กไปหน่อย มีมุมมอเตอร์ไซค์ด้วย แต่จอดแค่ไม่ถึงสิบคันเลย ข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าก็ยังมี
   ดูเสร็จก็ไปดูพิพิทธภัณฑ์ไวน์ต่อ มันอยู่ติดกัน ผมไม่ได้สนใจเรื่องไวน์มากนัก แต่มันมาอยู่ตรงหน้า เลยเข้าไปดูสักหน่อย มีชิมไวน์ฟรี แต่ผมไม่กินหรอก กินไม่เป็น
   มาเก๊าได้รับอารยธรรมมาจากโปรตุเกส คนอื่นคิดว่าเคยเป็นเมืองขึ้น แต่ไม่ใช่นะ ในสมัยโบราณมีหลายประเทศอยากได้มาเก๊าเป็นอาณานิคมอย่างมาก ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศษ จีน ญี่ปุ่น มีโจรสลัดรายล้อมอยู่มากมาย จนโปรตุเกสเจ้าแห่งการล่าอาณานิคมเขามาเจรจาทำการค้าด้วย ทางมาเก๊าจึงบอกว่าถ้าจะค้าขายทางเรือก็ช่วยจัดการเรื่องโจรสลัดให้ด้วย ทางโปรตุเกสตกลง ยกทัพเรือมาแบบชุดใหญ่ เล่นเอาโจรสลัดรายย่อยหายหัวไปกันหมด การค้าขายจึงเริ้มสายสัมพันธ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
   ใครมาดี เราก็ดีด้วย มาเก๊าเลยใจดีให้ชาวโปรตุเกสมาพักอาศัยอยู่ เราจึงเห็นบ้านเรือนสไตล์ยุโรปแบบโปรตุเกสมีอยู่มากมายในเกาะมาเก๊า ก็ดูแปลกตาสวยดีครับ ต่างจากตอนที่อยู่ฝั่งฮ่องกงเยอะมาก ที่นั้นมีแต่ตึกสูงๆ และชีวิตเร่งรีบ แต่ที่มาเก๊าจะอยู่กันแบบสบายๆ ครับ รถไม่ติด รถน้อย ถนนเล็กและแคบ อากาศดี ลมพัดเย็นสบาย เพราะเป็นเกาะมีผืนน้ำล้อมรอบ
   เข้าที่พักไปทำธุระช่วงบ่าย ออกมาอีกทีตอนเย็น จากเดิมเป็นเมืองเงียบๆ ชืดๆ มาตอนนี้คาสิโนทุกแห่งต่างเปิดไฟเต็มที่ โหห ละลานตาจริงๆ ครับ แต่เดินดูแสงไฟก็มันส์แล้ว นึกถึงตอนอยู่ไทยที่เราขี่จักรยานดูไฟวันคริสมาสแล้วคนละเรื่องเลย ที่นี่เขาเปิดกันแบบนี้ทุกคืน กลางคืนนี้แค่เดินดูไฟก็สนุกแล้วล่ะครับ แต่ยังไม่พอ เพราะหน้าคาสิโนแต่ละแห่งจะมีโชว์แสงสีเสียงเมฆหมอกควัน มีน้ำพุเต้นระบำตามจังหวะเพลง สวยแปลกตาดี อากาศเย็นสบาย เลยยิ่งดูแล้วมีความสุข
   ที่เด็ดสุดคือโชว์ในคาสิโนชื่อ Golden Flower ชื่อแม่งไม่เข้าหูคนไทยเลยล่ะครับ แต่โชว์ด้านในนั้นสุดยอดเหลือเกิน ด้านเพดานเป็นรูปสัตว์ 12 ราศี แต่ถ้าดูให้ดีจะเห็นว่าในแต่ละราศีจะมีคู่ปีชงร่วมอยู่ด้วย เช่น มะโรงก็จะมีลิงกัดหลังมังกรอยู่ ส่วนปีลิงก็จะมีลิงอีกตัวคอยกลั่นแกล้ง ปีเสือก็จะมีลิงนั่งแอบหน้าจ๋อยๆ อยู่มุมด้านล่าง ไม่ได้เป็นภาพวาดนะ ลักษณะเหมือนปูนปั่นสีทอง แต่ไม่ใช่ปูนหรอก มันหนัก มาอยู่บนเพดานแบบนี้ไม่ได้แน่
   คืนนี้ดูเพื่อนเล่นคาสิโนครับ ตัวผมไม่เล่น ดูเขาเล่นบาคาร่า จะช่วยลุ้นก็ลุ้่นไม่เป็น เห็นเขาเล่นทีละมากๆ แล้วตกใจ โหห เงินทองมันหากันได้ง่ายขนาดนี้เชียวหรือครับนี่
   แทงทีละ 100,000 HKD ครับ อยากรู้เป็นเงินไทยเท่าไหร่ก็คูณด้วย 4 เข้าไป
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 53
« Reply #21 on: December 01, 2010, 06:11:57 pm »
28 พย 53
   เช้ากินอาหารที่โรงแรม มันคงจะมาพร้อมกับค่าห้องที่บวกไว้แล้ว แต่ถ้าเลือกได้ ผมขอไปกินข้างนอกดีกว่า อาหารในโรงแรมห่วยครับ เป็นบุฟเฟ่ก็จริง แต่ตัวเลือกไม่มากนักและไม่ถูกปากเลย ถ้าออกไปหากินข้างนอกก็จะเป็นพวกติ่มซำ โจ๊ก อาหารเรียบง่ายนี่แหละ ถูกและอร่อยมาก
   วันนี้มีประชุมตอนสายจนถึงบ่าย จากนั้นก็ว่าง รถพาเที่ยวไปไหว้พระที่วัดเจ้าแม่กวนอิม วัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเกาะมาเก๊า สร้างขึ้นศตวรรษที่ 13 เก่าแบบขลังดีครับ มีคนจีนท้องถิ่นมาไหว้เยอะพอควร เขาใช้ธูปที่เป็นขดเหมือนยากันยุง แต่ใหญ่กว่าเยอะ จุดแล้วแขวนไว้ เรียงรายดูสวยดีครับ แต่ตอนเดินลอดใต้ก็ระวังกันหน่อย เศษเถ้าธูปมันจะหล่นใส่หัวเอา
   แวะช็อปปิ้งสักหน่อย แต่ผมช็อปด้วยสายตาเสียมากกว่า ข้าวขอเครื่องใช้ราคาพอๆ กับไทยครับ โดยมากจะเป็นสินค้าจากจีน ทำให้เลือกซื้อยาก เพราะกลัวจะไปเจอของที่ในไทยขายถูกกว่า นี่ดีนะที่ไม่ต้องคอยซื้อของฝากให้ใคร ไม่งั้นจะต้องเอาเวลาช่วงนี้แหละครับไปเดินหาของให้คนอื่น น่าเบื่อจริงๆ
   มาแวะเดินเล่นกันที่ Senado Square ลักษณะคล้ายสยามสแคว์ มีร้านค้าเรียงรายมากมาย แต่ร้านค้าของเเขาจะเป็นบ้านเก่าสไตล์โปรตุเกส ดูสวยดีครับ บรรยากาศคล้ายเดินอยู่ในยุโรป แต่ผู้คนรอบข้างเป็นจีนล้วนๆ คุยกันเสียงดังสุด
   กลางคืนเข้าไปที่ Venetian มันคือคาสิโนที่ใหญ่สุดในมาเก๊า เป็นอาคารที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และใหญ่สุดในเอเชีย ภายในมีช็อปปิ้งเซนเตอร์ สวยสุดๆ เพราะเพดานห้างเขาทำเป็นท้องฟ้า เหมือนของจริงมากๆ ครับ แถมมีคลองจำลองแบบเมืองเวนิช ที่อิตาลี ทำได้เหมือนจริงๆ มีเรือกองโดลาพร้อมฝีพายบริการอีกด้วย (จ่ายเงินเพิ่ม) ผมได้แค่ดู เพราะเคยนั่งของจริงที่เวนิชมาแล้ว
   คนอื่นเขาเข้าคาสิโนเล่นการพนันกัน ผมไม่ถนัดครับ ขอตัวเดินเล่นไปเรื่อยๆ ดีกว่า ถ่ายรูปมาเยอะ มีคนไทยมาขอให้ผมถ่ายรูปให้ด้วย มาพูดภาษาอังกฤษกับผม คงไม่คิดว่าผมเป็นคนไทย ผมก็เลยคุยภาษาอังกฤษตอบ ไม่ได้บอกว่าเป็นคนไทย กลั้วเขาจะเขิน
   อ้อ ปีหน้าจะมีคาสิโนอันใหม่เปิด ชื่อว่า Galaxy ครับ ใหญ่กว่า Venetian ที่ว่าใหญ่สุดๆ แล้วเสียอีก

29 พย 53
   กินอาหารเช้าที่โรงแรม แล้วก็ประชุมจนถึงเทียง เป็นอันจบพิธี กลับไทยช่วงบ่าย มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอน 0400 (บ่าย) นั่งรถ Shuttle Bus ของสนามบินมาที่ท่ารถเมล์ นั่งรอรถเมล์ออกเอาตอน 0508 รถเมล์ขับช้าสุดๆ 0608 เพิ่งจะมาถึงเซ็นทรัลบางนาเองครับ เซ็งจิตเลย ยิ่งเหนื่อยๆ อยู่ด้วย ก็ต้องทนกันไปครับ มาถึงบ้านเอาตอนเกือบจะสองทุ่มแน่ะ
   ถึงบ้านก็เข้าไปกอดลูกทันที เขาบอกคิดถึงผมมาก ผมเองก็เช่นกันครับ เขาคือดวงใจของผม
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 53 27-29 Macau
« Reply #22 on: December 01, 2010, 06:15:31 pm »
30 พย 53
   วันนี้เป็นวันเปิดงาน Motor Expo ผมตั้งใจกลับมาจากมาเก๊าก็เพื่อจะมางานนี้นี่แหละ เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ไป ตัดสินใจไปเฝ้าร้านทำงานยกของช่วยแม่ ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะ ชีวิตอิสระส่วนตัวมันค่อยๆ หดหายลงไปเรื่อยๆ ทีละน้อยๆ
   เช้านี้ผมเอารถจักรยาน GT MTB ไปใช้แทนรถ JZ88 ที่ยางแตก ขี่แล้วไม่ถนัดเอาเสียเลยครับ ผมคุ้นชินกับการใช้รถคันเล็กๆ กระทัดรัด ซอกซอยที่เข้าไปมันแคบมาก บางช่วงมีการกลับรถกลางซอย เจ้ารถ GT มันเทอะทะ ขวางซอยเกะกะ สู้ JZ88 ไม่ได้
   ขี่จักรยานไปจดออเดอร์ลูกค้า แล้วก็เข้าโกดังไปยกสินค้าต่อ เล่นเอาเหงื่อโทรม คิดบวกว่าได้ออกกำลังกาย ดีกว่าพวกทำงานออฟฟิซที่แค่นั่งโต๊ะเฉยๆ นั่งแต่อยู่ในห้องแอร์ อากาศไม่ดี สู้แบบผมไม่ได้ ผมได้รับแดดธรรมชาติ ได้วิตามินดีฟรีๆ เหงื่อออกพักก็หายเหนื่อยแล้ว ได้แต่งตัวสบายๆ ไม่ต้องใส่ชุดแพงๆ จะยืนจะเดินก็ไม่ถนัด
   กลับมาบ้านเอาบ่ายแก่ๆ นั่งทำงานได้แป๊บเดียวก็ต้องออกไปรับลูกเสียแล้ว เขาบอกให้ไปรับเร็วๆ วันนี้เรียนวันสุดท้าย พรุ่งนี้ก็ปิดเทอม
   ตอนเย็นขณะที่นั่งรอลูกเล่นอยู่ที่โรงเรียน พี่นิคก็โทรมาหา ถามว่า Child Seat ของจักรยานที่ผมเคยมียังอยู่ไหม ยี่ห้อ Giant ผมไม่ได้คุยกับพี่นิคเสียนาน ทราบว่าเพื่อนเขาอยากได้ แต่ผมต้องไปค้นหาในโกดังเสียก่อน เพราะย้ายของตอนทำห้องใหม่เมื่อปีก่อนโน่น ข้าวของกระจัดกระจาย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride