Author Topic: เมษ 53 25 ทำลายสถิติขบวนจักรยานยาวที่สุดในโลก 3515 คัน  (Read 12962 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
1 เมษ 53 BKK on the air
   ตื่นเช้ามาแบบยังไม่รู้ว่าตัวเองได้นอนตอนไหน ตื่นเพราะเครื่องบินเขาเปิดไฟพร้อมมีเจ้าหน้าที่เดินแจกผ้าอุ่น อาหารเช้าผมเลือกแพนเค๊กไส้ไข่กวน ทานกับเห็ดผัดเนย มันฝรั่งอบ และมะเขือเทศย่าง มีครัวซองให้อีก 1 ชิ้น และผลไม้อีกหยิบมือหนึ่ง
   เขามาเสิร์ฟตอน 0530 หลายคนกินไม่ลง ผมเองก็กินเท่าที่จะกินได้ ไม่อยากยัดเข้าไป กลัวมันย้อนศร อีกสักพักเครื่องบินลงจอดตรงตามเวลา 0630 เบ็ดเสร็จรอกระเป๋าออกมาก็ราวเจ็ดโมงกว่า
   ผมสงสัยอย่างหนึ่งคือเรื่อง Tag ที่ติดกระเป๋าเดินทาง ผมไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่เขาตรวจนับกระเป๋าตอนผมเข็นออกผ่านช่องเขียวเลยสักครั้งเดียว แปลกดี

ออกมาจากสนามบินวูบแรกที่สัมผัสลมร้อนแล้วมันช่างแตกต่างจาก 7 วันที่ผ่านมาเหลือเกิน ผมนั่งรถ Shuttle Bus ขึ้นที่ชั้น 2 (ผู้โดยสารขาเข้า) ใช้ประตูแรกที่อยู่ตรงหน้าได้เลยครับ รถจอดรถผมอยู่แล้ว สอบถามพนักงานขับรถให้แน่ใจว่าเขาผ่านท่ารถเมล์ที่ผมจะไปไหม มั่นใจแล้วจึงขึ้น
   ทั้งรถมีแค่ 2 คนเองครับ รอสัก 10 นาทีก็ออก แต่เขาวนกลับไปชั้น 4 (ผู้โดยสารขาออก) เพื่อรับผู้โดยสารด้านบน จุดนี้คนแห่กรูกันมาขึ้นรถจนแน่น ผมตกใจ ไม่คิดว่าคนจะแน่นขนาดนี้ ดูแล้วส่วนใหญ่จะเป็นคนทำงานในสนามบินนี่แหละ มีผู้หญิงคนหนึ่งมายืนใกล้ๆ ผมเลยลุกให้เธอนั่ง แต่เธอปฏิเสธ
   “พี่นั่งเถอะ หนูแค่แป๊บเดียวก็ลงแล้ว”
   “เอ๊ะ หรือพี่เขาจะเอื้อเฟื้อต่อ เด็ก สตรี และคนชราอย่างเธอ” เพื่อนเธอแซวกันเอง
   “เขาคงจะกลัววัตถุโบราณผุพังมั้ง” เจ้าตัวช่วยแซวตัวเองเข้าไปอีกแรง จนผมขำยิ้ม
   วิถีชาวบ้านแบบนี้แหละครับคือคนไทยแท้ๆ ลุกให้นั่งแล้วก็กลับมานั่งต่อได้อย่างไม่ขัดเขิน ต่างกับตอนที่ผมใช้รถไฟฟ้าแล้วเจอผู้หญิง ผมก็ลุกให้นั่ง แต่เธอไม่นั่ง แถมมองผมด้วยสายตาประหลาด
   อายแบบทำตัวไม่ถูก แรกๆ ถึงกับเดินหนีไปยืนไกลๆ เลย จนหลังๆ นี้ผมไม่นั่งแล้ว ขึ้นรถไฟฟ้าทีไร ใช้ยืนมันซะเลยจะดีกว่า
   พอรถออกจากตึกผู้โดยสาร ผมก็ลงป้ายแรกเลยครับ เขามาจอดทีท่ารถเมล์ มองหารถเบอร์ 558 สายนี้จอดหน้าปากซอยบ้านผมเป๊ะ ค่าโดยสาร 34 บาท ต่างกันลิบลับกับขามาที่เสียค่าแท๊กซี่ไป 310 ยังไม่รวมค่าทางด่วน 2 ต่ออีก 45 และ 25 บาท เสียตรงรถเมล์จะถึงช้าหน่อย เพราะจอดกันทุกป้ายเลย
   ออกจากสุวรรณภูมิ 0730 มาถึงบ้านเอาตอน 0900 พอดี เจอพ่อมาเปิดประตูให้ก็ยกมือสวัสดีพ่อ สิ่งแรกที่ผมทำคืออาบน้ำ และอยากนอน
   เปิดน้ำเย็นๆ อาบในอากาศร้อนๆ รู้สึกสบายตัวมากกว่าอาบน้ำอุ่นในอากาศเย็นอย่างมากครับ ผิวก็ไม่เสียอีกด้วย เพลียแบบหมดแรง ล้มตัวลงนอน ได้แค่หลับตาครับ มันนอนไม่หลับ ไม่คุ้นเคยกับการนอนตอนกลางวัน เลยลุกขึ้นมาทำธุระสำคัญต่อ
   ผมโทรหาช่างตกแต่งคอนโดสอบถามความคืบหน้า มันจวนจะถึงกำหนดเสร็จแล้ว แต่ห้องยังดูไม่ค่อยคืบหน้า ผมชักเป็นกังวล รู้สึกคล้ายตอนที่รถตัวเองถูกจอดดองไว้ในอู่
   “คุณเปิ้ลสบายใจได้ เราขึ้นโครงแบบ และพ่นสีจากโรงงานเสร็จเกือบจะหมดแล้ว พรุ่งนี้เราจะนำตู้และชิ้นส่วนต่างๆ เข้าไปประกอบที่ห้องค่ะ”
   เออ ได้ฟังแบบนี้ค่อยโล่งใจ สงกรานต์นี้ผมคงไม่ไปไหน จะได้พักผ่อนที่ห้องพักนี่แหละ
   ชั่งน้ำหนักก่อนนอน พบว่าขึ้นมาแค่ครึ่ง กก เออ ค่อยยังชั่วหน่อย

2 เมษ 53
   วงจรชีวิตกลับมาเป็นเหมือนเดิม กลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้วครับ ที่ผ่านมา 7 วันนั้นคือโลกแห่งความฝัน ต้องไปทำงานยกของส่งของอีกแล้ว สบายๆ ครับ ผมเป็นคนที่ปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์ หรูเสียดฟ้านั่งกินอาหารหรูหราในพระราชวัง จิบไวน์อย่างดี พร้อมคาเวีย (ไข่ปลาสเตอเจียน) จนกระทั่งเข็นของส่งให้ลูกค้าในปากคลองตลาด
   “แล้วคุณไม่เบื่อบ้างหรือ” เพื่อนผมคนหนึ่งที่เจอกันที่มอสโคว์ถาม
   “มันก็อยู่ที่วิธีคิดน่ะครับ ถ้าคิดว่าเราต้องมาทำงานแบบคนงาน คิดแบบนั้นผมทำได้แค่ไม่กี่วันก็ท้อใจแล้ว แต่ผมคิดว่าผมมาช่วยพ่อแม่ ถ้าเขาอยากให้ผมทำ ผมก็จัดให้ได้ สบายมาก เขาเลี้ยงผมมาจนโต เขาลำบากเพื่อผมมาเยอะ แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก”
   เพื่อนได้ยินก็ยิ้มแห้งๆ ทำหน้างงๆ
   “แล้วความฝันของคุณล่ะ” เขาถามต่อ
   “ฝันของผมก็ย่อมต้องเล็กลงเป็นธรรมดา แต่ผมก็จะขอฝันของผมคนเดียวต่อไป แต่เชื่อเถอะ ผมไม่เลิกฝันหรอก” ตอบแบบมั่นใจสุดๆ แต่พูดไปแล้วกลับคิดในใจต่อว่า นี่เราจะทำได้จริงๆ หรือนี่
   วันนี้ผมเหนื่อยมาก กลับเข้าบ้านเอาตอนห้าทุ่มกว่า เข้านอนเกือบจะเที่ยงคืน เนื้อตัวร้าวระบม
   แต่ถ้าคิดบวกก็จะพบว่า เป็นคืนที่ผมนอนหลับสบายดีจริงๆ ครับ

3 เมษ 53
    ตลอดวันเห็นม็อบที่ชินวัตรจ้างมาขับรถผ่านหน้าร้านผมไปเป็นระยะ ตะโกนโห่ร้องแบบคึกมาก นี่เขาคงไม่รู้กระมังว่าชินวัตรกำลังจะงัดข้อกับราชวงศ์จักรีของไทยเราอยู่
   น่าอนาถใจจริงๆ ระวังนรกจะกินกบาลพวกมึงทุกตัว
    ตอนบ่ายมีธุระที่ธนาคาร เข้าไปใช้บริการในห้าง เลยเดินดูแผงหนังสือสักหน่อย มองหานิตยสาร Option Thai Edition ดันไปเจอหัวหนังสือก๊อปปี้ ชื่อว่า OPT แหม ดันเขียนอีกนะว่า Option Thailand โถพี่ ขนาดแค่ชื่อหนังสือพี่ยังก๊อปญี่ปุ่นเขามาเลยน่ะ แล้วชีวิตนี่พี่จะทำอะไรสร้างสรรค์ได้บ้างวะนี่ คุ้นๆ ว่าเมื่อก่อนเขาใช้ชื่อ Auto Option นี่นา ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อแล้วหรือ ถ้าจำผิดผมขออภัยด้วยนะครับ
   สรุปแล้วหาไม่เจอครับ คือยังไม่ออก หรือไม่ก็ขายหมดแล้ว ไว้เจอแผงอื่นค่อยมองหาใหม่ แต่เห็นนิตยสารรถยนต์หน้าใหม่ๆ แจ้งเกิดกันเพียบเลยนะ ยุคที่ผมทำ Racing Club ผมว่าเยอะแล้วนะ มาวันนี้ มันเยอะกว่าเดิมอีก แต่ลองพลิกหยิบมาดูแล้วรู้สึกเฉยๆ มาก ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรให้กับวงการรถเลยแม้แต่น้อย ยังคงวนเวียนในวังวนเดิมๆ ที่เทิดทูนเหล่าบรรดาคนมีเงินแต่งรถแพงๆ เชิดชูของแต่งทรงพลัง ที่ฮามากก็คือยังคงเอารถซิ่งโบราณที่อายุเกือบจะ 20 ปีมาลงอยู่เสมอๆ เช่น Toyota Supra / Mazda RX-7
   “ก็ไทยเราไม่มีรถใหม่ๆ มาน่ะสิพี่” รุ่นน้องเล่นรถคนหนึ่งบอกผม ซึ่งผมเองก็รู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว ไทยเราไม่ได้เป็นประเทศผู้ผลิต เป็นแต่คนนำเข้า ทั้งนี้หากเศรษฐกิจไม่ดี รถใหม่ๆ เจ๋งๆ ก็ขายได้น้อย น้ำมันยิ่งแพงมากอีกด้วย คนซิ่งก็เลยน้อยลงเข้าไปใหญ่ ไอ้พวกรถเก่าๆ ที่ยกตัวอย่างก็เลยยังคงดังเป็นเทพค้างฟ้า
   
4 เมษ 53
   ปกติผมจะตื่นเช้ามาก โดยเฉพาะเช้าวันหยุดแบบนี้ แต่วันนี้ไม่ใช่ ลืมตามาเอาตอน 0600 ท้องฟ้าสว่างมากแล้ว อยากจะเอาจักรยานออกขี่แต่ไม่มีแรง โห.. ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ว่าแล้วก็นอนต่อ แต่ไม่ได้หลับ แค่นอนพักบนที่นอน
   ลุกขึ้นอาบน้ำ 0700 ลงมาชงน้ำ Apple Cider Vinegar (ACV) กินกับน้ำผึ้ง ผสมมะนาว 1 แก้ว เดินไปเดินมาในบ้านแบบเลื่อนลอย มองดูต้นไม้ใบหญ้า นั่งเล่นบนม้านั่ง
   ตลอดวันนี้ผมนั่งพิมพ์บันทึกไดอารี่ย้อนหลังตอนไปรัสเซีย นั่งบนโต๊ะคอมฯตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไม่ได้ออกไปไหนเลย ทั้งๆ มีที่อยากไปเยอะมาก เช่น มีงานของภูมิสถาปัตย์จัดที่ Crystal Design Center เลียบทางด่วนรามอินทรา / งาน Motor Show ที่ไบเทค (น่าจะวันสุดท้ายนะ) / ไปสวนจตุจักร
   เอาเข้าจริงได้แต่อยู่บ้านนี่แหละครับ พิมพ์เล่าเรื่องกันแบบทรหดอดทนอย่างมาก ทริปนี้ผมถ่ายรูปตัวเองแบบ Self Portrait คือถ่ายตัวเอง แต่ไม่ใช่แค่ยืดแขน หันกล้องมาแล้วกดแชะๆ นะ แบบนั้นมันเด็กๆ เกินไป
   Self Portrait เป็นการถ่ายภาพตัวเองที่ผมใช้เรียกการถ่ายรูปสไตล์นี้ เริ่มจากต้องรู้เทคนิคและช่วงจังหวะการกดชัตเตอร์ ถ้าได้เลนส์แบบ Wide Angle จะแจ๋วมาก กล้องผมเลนส์กว้าง 24 มม ครับ เลยพอไปได้ดี ไม่งั้นจะเล็งยากกว่านี้
   มันใช้ความรู้สึกมากกว่าการเล็งภาพนะ เพราะเรามองไม่เห็นภาพตัวเองในหน้าจอ บางช่วงต้องถ่ายแบบกดชัตเตอร์ 2 จังหวะ คือครึ่งแรกกดเพื่อล็อคโฟกัสที่ใบหน้าเรา และหันกล้องเลื่อนไปนิดเพื่อจับภาพบรรยากาศ และกดชัตเตอร์ลงไปอีกครึ่งหนึ่งได้เลย
   อย่างช่วงหนึ่งผมเข้าไปในโบสถ์ หลังคายอดโดมสวยมากๆ ผู้คนต่างยกกล้องแหงนหน้าขึ้นถ่ายกันหมด มีผมคนเดียวที่เปิดระบบหน่วงเวลา 10 วิ จับกล้องวางบนพื้นราบ แล้วกดชัตเตอร์ ในขณะที่ตัวเองยืนอยู่ข้างๆ กล้อง โน้มตัวลงมานิดหนึ่ง ชี้นิ้วขึ้นบนยอดโดม
   แชะ ภาพออกมาสวยฉิบเป๋งเลยล่ะครับ
   อย่าลืมปรับ White Balance ด้วยก็แล้วกัน
   ผมเล่นกล้อง เล่นจักรยาน เหมือนกับการเล่นรถยนต์ครับ คือไม่บ้าของแต่ง แต่มุ่งเน้นพัฒนาการของเราเป็นหลัก ใช้ความสามารถของกล้องที่เรามีอย่างเต็มที่ เต็มพิกัด รีดสมรรถนะออกมาจนถึงจุดสูงสุด ผมไปไหนมาไหนกับกล้องตัวเดียว กล้องคอมแพคอีกด้วย มิใช่แบบ Digital SLR อย่างพวกมือโปรเขา ผมขอเล่นแบบเงียบๆ คนเดียวนี่แหละ

   วันนี้ผมพิมพ์ไดอารีต่อเนื่องกันถึง 12 ชม นั่งตรงนี้ตั้งแต่ 0700 เช้า จนถึง 0700 หัวค่ำ พิมพ์เล่าเรื่องตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม จนถึงล่าสุดวันนี้ 4 เมษายน
   เป็นการพิมพ์ไดอารี่ที่ยาวนานที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา
« Last Edit: April 28, 2010, 08:44:41 pm by O'Pern »
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #1 on: April 05, 2010, 05:50:04 pm »
5 เมษ 53
   เช้าเอาจักรยาน KHS HT ขี่เล่นแถวบ้าน จอดมานานจนล้อหลังยางแบน แต่ยางหน้ายังคงแข็งดีอยู่ เอ๊ะ อาการยางหลังซึมที่ผมคิดว่าหายแล้ว มันกลับมาอีกหรือนี่ ไม่ได้คิดอะไรมาก เอาสูบมาอัดลมเข้าไปแล้วก็ออกขี่ซะ
    ระยะหลังมานี้ ผมเริ่มรับงานออกแบบบ้านมาบ้าง แม้ไม่เคยเรียนมาโดยตรง แต่จากการที่ลองจัดการกับบ้านของตัวเอง 2 ห้อง ก็เริ่มพอเข้าใจ และหาสไตล์ของตัวเองเจอ นักออกแบบคนอื่นมักจะทำงานตามใจลูกค้า แต่ของผมกลับกัน ลูกค้าต้องการให้ผมคิดงานให้ เลยมีโอกาสมองเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้านบ้าง แต่ก็มักจะไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ คือมันรู้สึกขาดๆ เกินๆ บางชิ้นชอบดีไซน์ก็จริง แต่ขนาดกลับใหญ่หรือเล็กเกินไป หรือผมจะยึดติดกับสไตล์มาจาการเล่นรถยนต์ก็ไม่รู้นะ เลยชอบงานสั่งทำแทบทุกชิ้น รถแข่งคันที่ผ่านมาของผม สั่งทำชิ้นส่วนหลายชิ้นมาก
   มีข่าวดีในวงการตกแต่งบ้าน คือร้าน IKEA จะมาเปิดในไทยแล้ว ร้านนี้เป็นเฟอร์นิเจอร์แบบมีดีไซน์ เด่นที่ราคาถูก และมักจะถอดประกอบเองได้ง่าย ในประเทศที่พัฒนาแล้วเขามักจะมีร้าน IKEA กันหมด สิงคโปร์มี ดูไบมี อิตาลีมี รั้สเซียที่ผมเพิ่งจะไปมาก็ยังมี
   IKEA เป็นตัวย่อ มาจากชื่อของตัวเอง ชื่อหมู่บ้านของเขา ชื่อเมืองหรืออะไรทำนองนี้แหละ ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่รู้ว่าเป็นชาวสวีเดน แหม ดีไซน์แบบสแกนดิเนเวียนนี่ถูกใจผมมากอีกด้วย
   ตลอดวันอากาศร้อนอบอ้าวครับ อย่าไปเปรียบเทียบกับรัสเซียที่ผมเพิ่งกลับมาเลยนะ เหมือนอยู่คนละโลก ที่โน่นมีแต่หนาวมากกับหนาวน้อย ส่วนของไทยเรามีแต่ร้อนมาก และร้อนฉิบหาย อย่างช่วงนี้เรียกร้อนฉิบหายครับ
   ถ้าคนงานมากันครบ ผมก็ไม่ต้องออกไปส่งของ แต่ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งสักคนล่ะก็ งานเข้า
   คนขับรถขาดก็้ต้องไปขับรถแทน เด็กยกของขาดก็ต้องไปยกของแทน แรกๆ ไม่คุ้น แต่นานเข้าก็ปรับตัวได้ สบายมากครับ แค่เสียเหงื่อ พักแป๊บเดียวก็หาย

   ตอนเย็นดูข่าวทีวี พ่อแม่ลงไปเข้าห้องน้ำ มีลูกตัวเล็กนั่งรออยู่ในรถ เขาเลยติดเครื่องและเปิดแอร์ไว้ให้ พอกลับมาพบว่ารถล็อคเสียแล้ว เปิดจากภายนอกไม่ได้ ส่วนเด็กที่อยู่ด้านในรถก็นั่งเล่นอย่างสบายอารมณ์ แต่คนข้างนอกสิร้อนรน
   อาการแบบนี้ผมเข้าใจดีครับ ผมเคยเจอกับตัวเอง ลงไปทำธุระแป๊บเดียว กลับมาลูกล็อครถเสียแล้ว ยังดีที่ผมเคยสอนเขาเปิดล็อคไว้ก่อน เลยพูดผ่านกระจกว่าเปิดล็อคให้พ่อหน่อยลูก เขาก็คลานมาปลดแกร็กเดียว จบ
   สอนเด็กให้เขารู้ในสิ่งที่อยู่รอบตัวเขาครับ สอนมันทุกเรื่องนี่แหละ อะไรที่เขาต้องข้องเกี่ยว หรือใกล้ตัวเขาก็สอนไว้ เริ่มจากเรื่องปลั๊กไฟว่าหากจะใช้ต้องจับตรงไหนอย่างไร ปิดเปิดน้ำอย่างไรให้สนิท เก็บรองเท้าไว้ตรงไหน ของเล่นเก็บที่ไหน อย่างไร สอนไปเรื่อยๆ แรกๆ ยังทำได้ไม่ดีไม่เป็นไร ค่อยๆ หัดทำไป
   ช่วงนี้ลูกผมเรียนภาคฤดูร้อนที่โรงเรียน บ่ายๆ ก็ออกไปรับ โชคดีมีเพื่อนบ้านตรงข้ามเป็นเด็กวัยเดียวกัน เขาเลยเล่นด้วยกัน ไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #2 on: April 07, 2010, 08:46:45 pm »
6 เมษ 53
   รัสเซียโดนระเบิดอีกแล้ว งวดนี้โดนที่นอร์ท คอเคซัส ระเบิดพลีชีพเหมือนเดิม คราวนี้โดนตำรวจเสียชีวิตไป 2 ราย
   ไปรู้จักประเทศรัสเซียแบบลึกซึ้งมา ทำให้ผมเข้าใจและประทับใจประเทศนี้มากขึ้นกว่าเดิมเยอะ จากเดิมนี่รู้สึกเฉยๆ ตอนนี้กลายเป็นรู้สึกเลื่อมใสและศรัทธาต่อผู้นำในอดีตบางท่านของเขา น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของรัสเซียโบราณมามากพอ ทำให้เข้าใจสิ่งต่างๆ ไม่ลึกซึ้งมากนัก
    ทำงานส่งของตลอดวันครับ กลับบ้านเอาตอนสี่ทุ่มกว่า เปิดดูทีวีช่อง 9 รายการตนค้นตน ดูแล้วได้ข้อคิดดีครับ อยู่ที่ว่าใครจะคิดไปในแง่มุมอะไร
   

7 เมษ 53
   “ดนัยครับ จักรยาน Fixed ของ Create พอใช้ได้ไหม”
   “ไม่รู้เลยครับพี่ ผมไม่ได้เล่นรถแบบนี้”
   “แต่รถมันสวยดีนะครับ เคยเห็นแต่ไม่เคยขี่”
   ดนัย เป็นรุ่นน้องที่ผมรู้จักตอนไปทริปอัมพวา เขาเล่นแต่เสือหมอบล้วนๆ เล่นแบบจริงจังอีกด้วย ของที่เขาใช้ยี่ห้อแปลกๆ ผมไม่ค่อยจะคุ้น
   ตอนนี้ผมสนใจจักรยาน Fixed อยู่ 2-3 คัน คือ
1 Create คันนี้เด่นที่ราคาถูก เพราะเป็นเฟรมเหล็ก แต่เจ๋งตรงเป็นดุมแบบ Flip Flop คือมีเฟือง 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นแบบ Fixed อีกด้านเป็นแบบ Free มีสองอารมณ์ในคันเดียว
2 Sillgey เป็นรถ Fixed แบบ Mini สีสันสดใส วัยรุ่นเรียกปวดตับ
3 Favor เป็นรถ Fixed ล้อ 700 แต่คันนี้ผมชอบตรงเฟรม ที่ท่อนั่งโค้ง สวยแปลกตาดี 
   เช้าตรู่วันนี้มีแผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา มาพร้อมกับไฟไหม้ และ After Shock
   วันนี้ผมทำงานยกของจนถึงตอนบ่าย 3 จากนั้นก็ไปรับลูกที่โรงเรียน เลยเหนื่อยน้อยหน่อย
   ร่างกายเพลียๆ ล้าๆ ครับ จากเดิมที่ตื่นเช้าเป็นประจำ ทุกวันนี้ 0600 ฟ้าสว่างแล้วยังไม่อยากลุกเลย นิสัยเปลี่ยนไปเป็นคนละคน สมัยก่อนตื่นเช้าตรู่ทุกวัน ขี่จักรยานทุกเช้าประจำ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #3 on: April 09, 2010, 10:59:17 pm »
8 เมษ 53
   ทำงานเช้าจรดค่ำครับ กลับมาบ้านเอาตอนสามทุ่ม ลูกนอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ผมไม่ได้ไปรับเขา พ่อผมไปรับแทน
   วันนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยสักนิด เป็นอีกวันที่ร้อน ร้อน และคงจะร้อนมากขึ้นไปเรื่อยๆ
   ช่างน้ำหนักดูแล้วตกใจมาก มันขึ้นมาอีกเกือบ 2 กก หลังจากผมกลับมาจากรัสเซีย
   
9 เมษ 53
   สนใจจักรยานแบบ Fixed แต่ผมแปลกใจที่ว่าเขามีรถแบบเอาไว้เล่นผาดโผน และอีกแบบเป็นรถแบบขี่เล่น ข้องใจตรงที่ขี่ผาดโผนยกล้อแล้วใช้ล้อขนาด 700 มันไม่พังกันหรือไร เล่นแบบนี้น่าจะใช้ล้อ 20 แบบ MTB น่าจะดีกว่านะ ไม่รู้สิ ผมไม่เคยอยู่ในวงการ Fixed เสียด้วย
   ค่อยๆ ดูครับ ไม่เร่ง ไม่รีบ ของอะไรที่ผมไม่คุ้นเคยแล้วจะยิ่งตัดสินใจช้ามาก อย่าง GPS ที่บอกอยากได้ ก็ได้แต่ดู ได้แต่เล็ง โทรศัพท์มือถือที่มองไว้ก็ยังไม่มีรุ่นใดถูกใจแบบ 100% ความต้องการด้านการใช้งานผมคงไม่เหมือนชาวบ้าน ผมอยากได้แบบที่ผมสามารถพิมพ์งาน พิมพ์เอกสาร เขียนหนังสือได้ด้วย คืออยากมีคีย์บอร์ดพับเล็กๆ แล้วกางออกมาใช้งานได้ เมื่อสักสิบกว่าปีก่อน ผมเคยใช้เครื่อง Palm มันถูกใจผมชมัด เขียนหนังสือนอกบ้านได้เป็นเรื่องง่ายๆ เลยล่ะ
   จักรยานแบบ Fixed นี่เริ่มเห็นคนขี่กันเยอะแล้ว ยังสงสัยว่าเขาจะเบรกกระทันหันได้อย่างไร (เฉพาะคันที่ไม่ใส่เบรก) เคยเห็นกับตาเมื่อหลายเดือนก่อน ที่คนลงจากรถเมล์โดดตัดหน้าจักรยาน คนขี่เบรกไม่ทัน เลยหักหลบไปชนเอาคนที่เดินอยู่ริมทางเท้าเข้าอย่างจัง นี่ถ้ามีเบรกก็คงไม่เกิดเรื่อง

   ตลอดวันนี้ผมขับรถส่งของตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
   “เฮ้ย เงียบๆ หน่อยโว๊ย” เสียงชายคนหนึ่งตะโกนออกมาจากนอกบ้าน ขณะที่ลูกน้องเก่าวิ่งเข้ามาทักทายผมขณะกำลังส่งของ
   “หนวกหูโว๊ย”
   ครับผม ขอโทษด้วยครับ ผมพูดขอโทษคนเป็นเรื่องปกติ ไม่เห็นจะเสียฟอร์มอะไรสักนิด
   ช่วงกลางวันแดดแรงจัดเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ขนาดอยู่ในที่ร่ม ใบหน้าผมยังรู้สึกแสบยิบๆ เหมือนโดนเข็มทิ่ม หรือผิวหน้าผมบางก็ไม่รู้
   กลับมาบ้านดึก เหนือย หิว ก็เลยกิน ๆ ๆ อ้วนแบบไม่รู้ตัว
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #4 on: April 10, 2010, 10:38:51 pm »
10 เมษ 53
   รถที่ผมขับส่งของ เป็นรถกระบะเก่าโทรม ไม่มีพวงมาลัยเพาเวอร์ ไม่มีแอร์ ไม่มีวิทยุ กระจกเคยติดฟิล์ม ลอกออกแล้ว แต่มีคราบกาวเต็มไปหมด มองทะลุผ่านกระจกได้ลำบากมาก และถ้าฝนตกก็จะเกิดฝ้า ทำให้ต้องเปิดกระจกข้างขับรับน้ำฝนไปเต็มๆ
   แดดแรงจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากมีร่มเงาเพียงเล็กน้อยก็ต้องเอาหัวเข้าไปซุก ส่งของตั้งแต่เช้าจรดค่ำ มาแปลกใจตอนเย็นทำไมรถติดมากนักย่านพาหุรัด บ้านเรือนสองข้างทางมักจะเปิดวิทยุ บ้างก็่ทีวี ถึงได้รู้ว่าจุดแตกหักมาถึงแล้ว
   เร็วกว่าที่ผมคิดครับ ทีแรกผมคิดว่าน่าจะเกิดสักวันที่ 12 หรือ 13 แต่ก็ดีเหมือนกัน รีบๆ ทำ รีบๆ จบกันไป การปะทะย่อมมีการสูญเสีย ใครอยู่ในเหตุการณ์ก็ถือว่าเป็นผู้เสียสละครับ ไม่น่าจะต้องไปเรียกร้องความเห็นใจอะไรจากใครที่ไหน ถือว่าผู้ชุมนุม และทหาร ต่างคือผู้เสียสละเท่าๆ กัน
   แต่จะเสี่ยสละเพื่อใครนั้นอีกเรื่องนะ ทหารนั้นชัดเจนว่าเสียสละเพื่อชาติ แต่ผู้ชุมนุมน่ะ เสียสละเพื่อใคร ตอบตัวเองกันด้วย
   ช่วงเย็นรถติดหนักมาก มีการปิดถนนที่จุดปะทะทุกจุด ถึงขั้นปิดสะพานปิ่นเกล้า สะพานพระราม 8 ทางด่วนนี่ติดแบบกลายเป็นลานจอดรถ ผมกลับถึงบ้านเอาตอนสี่ทุ่ม
   เป็นสงครามที่ไม่มีผู้ชนะ แต่มีผู้สูญเสีย มีผู้เสียชีวิตด้วย หากเป็นลูกสมุนชินวัตรที่รับเงินค่าจ้างมา ผมขอสมน้ำหน้า
   สงสารก็คือทหารและนักข่าวนี่แหละครับ เรียกว่าเจ็บตายในหน้าที่ คือการเสียสละที่แท้จริง
   คนเราก็เพียงเท่านี้แหละครับ เสียชีพไป แต่หากยังมีคุณความดีหลงเหลือ ก็จะเป็นที่จดจำแก่คนรุ่นหลัง ในทางกลับกัน หากมีแต่ความเลวในสันดาน ก็ไม่แปลกอะไรที่จะมีแต่คนสมน้ำหน้า
   พรุ่งนี้วันอาทิตย์ แต่ผมไม่ได้หยุดพักหรอกนะ ต้องไปส่งของอีกเหมือนเดิมครับ นี่แหละ ชีวิตคนงานครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #5 on: April 13, 2010, 01:18:26 pm »

11 เมษ 53
    ทำงานส่งของวันนี้สะดวกสบายอย่างมาก แม้แดดจะแรง แต่รถไม่ติดเสียอย่าง จอดรถก็ง่าย เลยทำงานเสร็จเร็ว กลับมาบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด ไม่ต้องเปิดไฟหน้ารถ รู้สึกดีจริงๆ
   ลูกผมอยู่บ้านเล่นคนเดียวอย่างสบายอารมณ์ ตอนเด็กๆ ผมก็เป็นแบบนี้ครับ มีของเล่นคู่ชีพอย่างเดียวคือ Lego ต่อได้เป็นรูปร่างสารพัดนึก แม้จะไม่ค่อยเหมือนก็เถอะ ความสุขมันเกิดขณะกำลังต่อ ไม่ได้เกิดตอนต่อเสร็จแล้ว ช่างต่างจาก Lego ยุคปัจจุบันลิบลับ เพราะมันเริ่มเป็นแบบสำเร็จรูปมากขึ้นทุกที คือแม้จะแยกชิ้นได้ แต่ก็จะต่อประกอบได้เป็นเพียงแค่รูปแบบเดียว ดีตรงที่มันมีความเหมือนจริงค่อนข้างมาก แต่ผมชอบ Lego แบบยุคเก่ามากกว่า
   
12 เมษ 53
   ชีวิตผมค่อยๆ ห่างเหินจักรยานมากขึ้นๆ ทุกวันนี้ได้แต่มองดู ได้แต่ลูบคลำ นานๆ ก็เข็นเอามาเติมลมยางกันหน่อย ส่วนร่างกายก็เริ่มอ้วนเอาๆ นี่ก็เข้าใกล้ช่วงอวบระยะสุดท้ายเข้าไปทุกที
   จากความคิดที่อยากได้จักรยานแบบ Fixed อีกคัน ตอนนี้เริ่มจะเฉยๆ แล้ว หากมีเวลาผมอยากขี่เดินทางท่องเที่ยวแบบเดิมเสียมากกว่า ใช้รถคันเก่าของเรานี่แหละ ไปในสถานที่สวยๆ งามๆ ไม่ต้องถึงกับเลอเลิศหรูหรอกนะ แค่หนีร้อนได้หน่อยก็ดีใจแล้ว
   จากชีวิตที่เคยมีแต่อิสระ จะไปแห่งหนไหนก็ได้ตามสะดวก ทุกวันนี้แทบไม่เหลือแล้ว แปลงกายเป็นคนงานส่งของเกือบจะทุกวัน
   0900 เช้ามาส่งของที่ปากคลองตลาด แดดร้อนแรงจนแสบผิว ไม่น่าเชื่อว่า 0900 (สามทุ่ม) ผมต้องมาจอดรถส่งของที่เดิมกันตรงนี้อีกครั้ง แต่กลางคืนลมพัดแรง รถยนต์น้อย ผิดกับด้านหน้าตลาดริมถนนที่มีแผงขายดอกไม้
   กลับมาบ้านเอาตอน 1100 ง่วง เพลีย ไม่มีแรงจะทำอะไรแม้กระทั่งอาบน้ำ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #6 on: April 13, 2010, 08:12:02 pm »
13 เมษ 52
   0600 ฟ้าสว่าง แต่ยังไม่อยากลุก ลุกไม่ขึ้น หมดแรงและรู้สึกขี้เกียจผสมกัน
   ช่วงนี้ผมชอบอ่านดวงจากในหนังสือต่างๆ ยกเว้นดวงจากหนังสือพิมพ์ที่ไม่อ่าน ไม่มีเหตุผล
   ในหนังสือแพรว บอกให้ผมระวังอาจมีเรื่องรถเสีย ไอ้เรื่องรถนี่ระวังกันตลอดอยู่แล้ว แต่มันก็มีเสียจุกจิกเป็นปกติของรถเก่าเกิน 10 ปี
   “พี่เปิ้ลครับ รถผมหม้อน้ำรั่วอยู่ตรงเจริญนครครับ” ตู่ พนักงานขับรถกระหืดกระหอบพูดในโทรศัพท์
   “ตู่เห็นจุดรั่วไหม”
   “เห็นครับพี่ มันรั่วตรงท่อยางครับ”
   “ปล่อยให้มันรั่วไปจนหมด รอเครื่องเย็นแล้วเติมน้ำเข้าไป ขอร้านค้าข้างทางแถวนั้นแหละ แล้วดูจุดรั่วอีกที ถ้าท่อยางแตกก็ให้หาถุงพลาสติคมาพันเอาไว้ แต่ถ้ารั่วตรงข้อต่อหรือจุดที่เป็นเหล็ก ก็ค่อยโทรมาหาพี่อีกที”
   ขับรถต้องคอยดูเข็มความร้อนเป็นระยะๆ ครับ โดยเฉพาะรถเก่าๆ หากเข็มชี้สูงผิดปกติให้รีบจอดพัก และหากชี้ถึงขีดแดงล่ะก็ เป็นไปได้ก็ควรจอดเข้าทางทางทันที พักเครื่องให้เย็น แล้วค่อยมาว่ากันใหม่
   สักพักตู่โทรกลับมาอีกที บอกว่าน้ำรั่วเพราะเข็มขัดรัดท่อยางมันหลวม เขาจัดการสวมเข้าไปใหม่แล้ว ตอนนี้ติดเครื่องแล้ว เข็มความร้อนอยู่ในเกณฑ์ปกติ
   “ถ้าเข็มปกติก็ขับได้ครับ แต่อย่ากดคันเร่งเกิน 2000 รอบ ขับประคองๆ กลับมาให้ถึงร้าน”
   ก่อนจะเติมน้ำลงไป ต้องรอให้เครื่องค่อนข้างจะเย็นเลยนะครับ ต้องจอดไม่ต่ำกว่า 45 นาทีแน่ๆ และเติมเต็มหม้อน้ำแล้วก็ให้ค่อยๆ บิดกุญแจทีละแกร็ก พอไฟหน้าปัดขึ้นครบ ก็ดูเข็มความร้อนอีกครั้งว่าขึ้นระดับใด ถ้ายังอยู่สูง ก็ปิดสวิทช์และนั่งรอต่อไป แต่ถ้าเข็มอยู่ต่ำ หรืออยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็สตาร์ทได้เลย เครื่องติดแล้วก็ตรวจเช็คดูจุดรั่วอีกครั้ง ถ้าบ้านไม่ไกลนักก็ขับช้าๆ ประคองกลับบ้านได้เลย แต่ถ้าต้องลุยอีกไกล ก็เตรียมน้ำในแกลลอนไว้อีกสัก 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย ขับไปได้สัก 10-15 นาทีก็เปิดฝากระโปรงเช็คในกระป๋องพักน้ำดู  ระดับน้ำมันจะพร่องลง ก็ให้เติมเข้าไปให้ถึงขีดบนสุด (Max) และทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงบ้าน
   
   วันนี้ก็ยังออกไปทำงานครับ แต่ผมอยู่แค่ครึ่งวันเช้า บ่ายเข้าบ้านซื้อไก่ KFC มาฝากลูก ก็ซื้อแบบเดิมที่เขาชอบนั่นแหละ
   “พ่อ มิวขอไก่หมดเลยนะ” สงสัยจะหิวจัด
   “กินไก่แล้วต้องกินผักสลัดด้วยนะลูก” ผมซื้อสลัดมา 2 กล่อง เผื่อกินคนละกล่อง กะจะแบ่งกันกับลูก กินแกล้มกับไก่ทอด น่าจะอร่อยและมีประโยชน์ดี
   กลายเป็นโดนลูกลักไก่อีกแล้ว อดกินครับ ยังดีที่ในครัวพอมีกล้วยน้ำว้าเหลืออยู่ ตลอดบ่ายนี้คงได้เด็ดกินทีละลูกสองลูก

   ตอนบ่ายว่าง นั่งจัดโต๊ะทำงาน ค้นเจอนิตยสาร Racing Club เล่มสุดท้ายที่ผมทำออกมา อ่านไล่ไปทีละหน้า บอกตามตรงว่าขนลุกครับ คืออ่านแล้วเข้าใจว่ามันเป็นนิตยสารที่ทำด้วยใจล้วนๆ ก็เป็นความทรงจำที่ดี ที่ผมขอเก็บเอาไว้เป็นความภาคภูมิใจครั้งหนึ่งในชีวิต
   นั่งอ่านจดหมายจากผู้อ่านแล้วซาบซึ้งอย่างจับใจ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีพลังถึงเพียงนี้

   ตกเย็นขี่จักรยานไปซื้อบะหมี่เกี๊ยวมากินกับลูกคนละห่อ
“ขอผักเยอะๆ นะครับป้า”
ไม่มีอะไรมาก แค่ไม่ได้กินผักกวางตุ้งมานานแล้ว
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #7 on: April 14, 2010, 07:40:40 pm »
14 เมษ 53
   วันนี้ได้หยุดแล้วโว๊ย ดีใจฉิบเป๋งเลย แต่ตื่นสายนะ กว่าจะลุกจากที่นอนก็ตอน 0600 ต่างจากวันหยุดก่อนๆ ที่มักจะตื่นเช้ามากๆ เพื่อออกไปขี่จักรยานเล่น วันนี้หมดแรง เพลียครับ
   ภรรยาและลูกชวนไปหาของกินตอนเช้าที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง จากบ้านผมไปแค่ราว 15 กม ถือว่าไม่ไกลเท่าไหร่ เขามีจัดงานให้ผู้สูงอายุในวันสงกรานต์นี้พอดี รถเลยหนาแน่นมาก ผมโชคดีไปแต่เช้า เลยไม่ติดมากนัก แต่ขากลับนี่สิ ขับรถสวนออกมาเห็นท้ายแถวยาวหลายกิโลเมตรเลย
   กินก๋วยเตี๋ยวต้มยำร้านประจำครับ ผมชอบร้านนี้มาก รสชาติแบบของดั้งเดิมขนานแท้ ชามเล็กๆ นิดเดียว 12 บาท ซัดไป 2 อิ่มกำลังดี ขากลับซื้อของกินมาเต็มกระเป๋าใหญ่
   “พ่อทำยังกะจะเก็บไว้กินเป็นปีเลยหรอ” ลูกถามแบบสงสัย
   “แหม ก็ต้องอยู่อีกหลายวัน เลยซื้อเก็บๆ ไว้” ผมตอบไปแบบข้างๆ คูๆ ก็เผื่อหิวน่ะ ยิ่งช่วงนี้ต่อมอิ่มอักเสบอยู่ด้วย
   ตลาดพื้นบ้าน มักจะมีขนม และพืชผักพื้นบ้านครับ มีร้านขายเผือกอบ กับเผือกฉาบ คุณลุงบอกว่าใช้วิธีอบ ไม่ได้ใส่น้ำตาล ไม่ใส่เนย แถมแกปลูกเผือก มัน นี้ด้วยตัวเองอีกด้วย เจ๋งดีว่ะ ซัดมาซะ 2 ถุง (แบบอบเค็ม)

   เล่าเรื่องเส้นผมบังภูเขาเกี่ยวกับหม้อน้ำรถยนต์ต่อจากเมื่อวานครับ เรื่องเหล่านี้ควรเรียนรู้เอาไว้ เพราะหากใช้รถเก่าเกินกว่า 10 ปี มักได้ต้องมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหม้อน้ำให้มาวุ่นวายใจกันบ้างเป็นแน่ และของพวกนี้มักไม่เกิดขึ้นตอนรถเราจอดอยู่บ้านเสียด้วย เป็นไปได้สูงว่ามักจะเกิดกลางถนน
   ผมมักจะตรวจสภาพรถอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องระบบน้ำหล่อเย็น ปกติก็จะดูที่ถังพักน้ำ ถ้ามันพร่องก็ถึงจะเติมให้ได้ระดับ ฟังดูก็โอเคดีใช่ไหม ผมทำแบบนี้มาตลอดหลายปีเลย
   จนมาวันหนึ่ง ผมนึกสนุกเปิดฝาหม้อน้ำดูเล่น สิ่งที่เห็นคือมันไม่มีน้ำเหลืออยู่เลย หันไปมองในถังพักก็ยังเต็มอยู่ขีดบนตามปกติ
   จากประสพการณ์บอกผมว่า มันคืออาการฝาหม้อน้ำเสีย คือยางฝาหม้อน้ำเสื่อม ไม่ต้องห่วง ผมมีของพวกนี้เต็มบ้านไปหมด มีหลายเบอร์ให้เลือกอีกด้วย แต่งานนี้ผมเลือกใช้เบอร์เดิม คือเบอร์ 0.9 (คือสปริงที่ฝาจะทนแรงดันได้ที่ 0.9 บาร์)
   กรอกน้ำเติมเข้าไปจนเต็มปิดฝาหม้อน้ำแล้วขับใช้งาน วันรุ่งขึ้นเปิดเช็คดูความเรียบร้อยก็ต้องตกใจอีกครั้ง เฮ้ยย น้ำหายไปอีกแล้ว เอ๊ะ หรือว่าฝาของเราจะเสียตามไปอีกอัน เอาฝาใหม่ (มือสอง) ยางด้านในเป็นซิลิโคนของ Nismo แรงดัน 1.2 บาร์มาลองอีกที วันรุ่งขึ้นตรวจเช็คอาการก็ยังเป็นแบบเดิมคือ น้ำในหม้อน้ำลดระดับลงไปเยอะ แต่ในกระปุกพักน้ำยังเต็มปกติดี
   งานเข้า เอาไงดีวะ ปัญหามันต้องวนเวียนอยู่แถวฝาหม้อน้ำนี่แหละ เพราะน้ำดันออกจากหม้อน้ำไป แต่มันไม่ดูดจากกระปุกพักน้ำกลับมา โจทย์มีแค่นี้แหละ
   ค่อยๆ คิดวิเคราะห์ว่า ตอนน้ำร้อนจนเกิดแรงดันสูงแล้ววาล์วฝาหม้อน้ำเปิด มันจะเกิดอะไรขึ้น น้ำก็จะดันผ่านท่อยางและไปยังกระปุกพักน้ำ ขั้นตอนนี้รถผมปกติดี แล้วพอเครื่องเย็นมันก็จะดูดจากถังพักกลับมายังหม้อน้ำเหมือนเดิม ไอ้ขั้นตอนนี้แหละ ที่รถผมผิดปกติ
   ทางสว่างมาแล้ว ปัญหาค่อยๆ แคบลงไป
   ไล่ทีจะจุด ถัดจากฝาหม้อน้ำ ก็จะมีท่อยางยาวสัก 1 ฟุต ไปยังถังพักน้ำ ท่อยางผมสภาพดีมาก ใช้ท่ออย่างดี เมื่อก่อนหาของดีๆ ไม่เจอ มีแต่ยางห่วยๆ ใช้ได้สัก 1 ปีก็เกิดรอยแตกร้าวแล้ว น่าเบื่อมาก
   เห็นมีคราบสีส้มๆ ในหม้อน้ำ มันเกิดจากสนิม เลยเอาลวดมาสัก 1 คืบ แยงเข้าไปในรูที่มีสายยางสวม แยงไปหลายๆ มุม พบว่ารูนี้มันเล็กมาก มันเป็นหม้อน้ำแบบไทยทำ รถผมฝารังผึ้งนี้แตกเมื่อปีกลาย ฝานี้ให้ช่างข้างถนนทำให้
   และแล้วปัญหาที่ขบคิดมานานก็กระจ่าง มีคราบตะกรันติดในรูท่อทางเดินน้ำเล็กๆ นี้เอง แปลกตรงที่จังหวะที่น้ำดันทิ้งกลับดันได้ แต่จะดูดกลับมันดันไม่เข้า
   เป็นปัญหาที่คุยกับใครในวงการรถก็ไม่เคยเจอมาก่อน 
   การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ มันทำให้เรารู้จักคิด วิเคราะห์ และมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบตั้วเป็นเรื่องง่ายๆ จะมีปัญหามากเพียงใด หากเราค่อยๆ คิดอย่างมีระบบ ไม่นานเราก็ไขมันได้ด้วยตัวเราเอง อย่าไปแก้ด้วยอารมณ์ มันอาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นตามมาภายหลังได้
   อย่างกรณีรถผม หากขี้เกียจ มีอะไรก็ส่งช่าง เขาก็อาจชวนผมเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ทั้งใบ ซึ่งมันใช้เงินหลายพันบาท แต่ผมแก้เองใช้แค่ลวดมาแยง เสียเวลาไปไม่ถึง 1 นาที ไม่เสียเงินสักบาท
   ปัญหาคือ เรารู้ปัญหาของตัวเราเองอย่างแท้จริงหรือไม่ต่างหาก

   ตอนบ่ายๆ เย็นๆ กะจะไปเดินเล่นที่ Siam Discovery ผมอยากไปดูร้าน Loft ที่เขาทำใหม่ เดินดูของดีไซน์เล่นๆ ให้เกิดไอเดีย แต่ก็้ต้องอด เพราะพวกทรราชเขาย้ายจากสะพานผ่านฟ้าไปรวมกันที่แยกราชประสงค์ เล่นเอาห้างย่านนั้นขยาด (ไม่ได้กลั้วนะ เขาเรียกระอา) ห้างชื่อดังพากันปิดแบบไม่มีกำหนด รวมถึง Siam Paragon และ Siam Discovery ด้วย เล่นเอาเซ็ง
   อยู่บ้านก็นั่งๆ นอนๆ กินๆ ครับ รู้สึกว่าพุงตัวเองใหญ่ขึ้น การกินเยอะมันมีสาเหตุ บ้างเกิดจากความเครียด คือเครียดแล้วยิ่งกิน ยิ่งกินยิ่งมัน และอีกพวกคือชอบกินก่อนนอน
แต่ทั้งหลายทั้งปวงล้วนเกิดจากออกกำลังกายน้อยเป็นประเด็นสำคัญ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #8 on: April 16, 2010, 09:19:23 am »
15 เมษ 53
   โรคขี้เกียจเข้าสิง แต่คิดแล้วไม่น่าใช่นะ ผมว่าน่าจะเกิดจากการขาดแรงบันดาลใจมากกว่า ทำให้เช้านี้ตื่นแล้วไม่ได้ออกไปขี่จักรยาน
   รดน้ำต้นไม้ เก็บกวาดใบไม้ที่เกลื่อนลานบ้าน ไล่หยิบเก็บเอาใบไม้ออกจากบริเวณโคนต้น ไม่น่าเชื่อว่าใช้เวลาเป็นชั่วโมง เหงื่อเต็มตัวไปหมด
   สงกรานต์นี้ผมไม่ได้ออกไปเล่นสาดน้ำที่ไหน เห็นคนเล่นปะแป้งแบบสงกรานต์ลามกแล้วนึกขึ้นได้ เล่าเรื่องดินสอพองดีกว่า
   จุดใหญ่สุดที่ผลิตอยู่ที่จังหวัดลพบุรีครับ เป็นดินธรรมชาติสีขาว ใช้เพาะปลูกอะไรไม่ได้ ดินสอพองนี้มีคุณสมบัติป้องกันแดดได้ดี ไม่ได้เพียงเพราะมันฉาบเคลือบผิวหนังเรา ตัวเนื้อดินเองนั้นแหละมีสารป้องกันแสงแดด แถมยังมีสารป้องกันเหงื่ออีกด้วย ฉะนั้น ปะดินสอพองแล้วจึงสบายตัวเอามากๆ ไม่เชื่อลองดู ปะคู่กับน้ำอบไทยโบราณจะสุดยอดมาก น้ำอบไทยยี่ห้อแรกคือนางลอยครับ ขายในตลาดนางลอยมาก่อน    
   ช่วงนี้คนทำบุญกันเยอะ ก็ถือว่าดีครับ ยังไงก็ดีกว่าทำบาปแน่ล่ะ แต่ผมรู้สึกแปลกๆ เรื่องการทำบุญ 9 วัด ในยุคที่ผมเป็นเด็กมันยังไม่มี เพิ่งจะฮิตไม่กี่ปีมานี้เอง ผมว่ามันเป็นเรื่องของการตลาดเสียมากกว่า
   สำหรับความคิดผม คนจะทำบุญ หากจิตใจดีเสียอย่าง จะไหว้แค่วัดเดียว หรือ 9 วัด ก็มี่ค่าเท่ากันครับ ถ้าจะคิดว่าไหว้ 9 วัด ได้บุญเยอะกว่าไหว้ 1 วัดจริง คงต้องมีการไหว้ 18 วัด หรือ 1008 วัด หรือไหว้มันทุกวัดในประเทศไทย ถึงตรงนี้คงไม่มีใครคิดแล้ว เพราะมันเว่อร์
   สุดท้ายก็มาลงเอยกันที่พระในบ้านเรานั่นแหละครับ คือพ่อแม่ คนที่ยังทำดีกับพ่อแม่ไม่ได้ ก็ไม่ต้องดิ้นรนไปทำบุญไหว้พระที่วัดใดหรอกครับ ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งปวง นอกจากความสบายใจที่ตัวคิดไปเองเพียงเล็กน้อย
   ผมมิได้ต่อต้านการไหว้พระนะครับ อย่าเข้าใจเจตนาผิดไป อย่างไรแล้วคนพุทธก็หนีเรื่องไว้พระ บุญ กรรม กันไม่พ้นอยู่แล้ว เพียงแต่ผมมองลึกลงไปในเนื้อของสิ่งที่เรากำลังทำอยู่เท่านั้นเอง
   อีกเรื่องการการทำบุญ บุญคือคุณความดี มิใช่การบริจาคเงินแล้วบอกทำบุญ แบบนั้นเรียกทำทานครับ ทานคือการให้
   หากอยากได้บุญ ก็ต้องทำความดี และจะดีกว่ามากกว่านี้อีก หากทำความดีโดยไม่ต้องคิดหวังถึงเรื่องบุญ คือหมั่นทำความดีให้เป็นนิสัยถาวรติดตัว เจอใครเป็นต้องคอยช่วยเหลือไปหมด แม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม ฝึกจากเรื่องเล็กน้อยใกล้ๆ ตัวครับ ไม่ต้องถึงกับทำบุญครั้งใหญ่อะไรกับใครเขา เราทำของเราเองได้ทุกวัน ทุกเวลา
   แต่แปลก คนส่วนใหญ่กับละเลยในจุดเหล่านี้

   หากไม่มีอะไรผิดพลาด เดือนสิงหาคมผมวางแผนจะไปสิงคโปร์ งวดนี้จะเอาจักรยานไปด้วย และถ้าเป็นไปได้ก็จะลองเขียนหนังสือท่องเที่ยวด้วยจักรยานดู ที่อยากเขียนก็เพราะหาหนังสือในท้องตลาดแล้วไม่มีถูกใจสักเล่ม คือทำออกมาแล้วเหมือนเขียนไว้เอ่านเอง ผมอยากทำเป็นเหมือนกึ่งๆ Guide Book ซึ่งก็เห็นมีแต่หนั้งสือของพี่วุฒิ พี่เคท ที่ทำออกมาแล้วถูกใจผม ตอนไปเจอสองคนนี้ที่งานหนังสือ ผมปรี่เข้าไปพูดคุย เขาก็ขอผมถ่ายรูปร่วมกัน
   ก็เหมือนตอนทำนิตยสาร Racing Club นั่นแหละครับ มันเกิดมาจากอ่านหนังสือบนแผงแล้วไม่ถูกใจ ก็เลยทำเองมันซะเลย ทำโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องธุรกิจ ไม่คิดด้านการตลาด หนทางที่เห็นมีกลีบกุหลาบโรยไว้ แต่แฝงไว้ด้วยคมลวดหนาม หารู้ไม่ว่านรกมีจริง
   แม้จะหยุดการผลิตนิตยสาร แต่ผมยังไม่เคยทิ้งงานเขียน ยังมีพูดคุยกับพี่ๆ น้องๆ ผ่านทางเวปไซต์นี่แหละ ขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้เรายังคงได้ติดต่อสื่อสารกัน แม้ผมกับบางคนอาจจะไม่มีโอกาสพบเจอกันเลยสักครั้งในชีวิต
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #9 on: April 16, 2010, 05:16:21 pm »
16 เมษ 53
   พากันไปกินอาหารเช้ากันที่ Food Land มีมุมอาหารชื่อร้านว่า “ถูกและดี” ก็ตรงตัวเขาล่ะนะ ของดีราคาถูก แต่มาตรฐานของการถูกไม่ใช่แบบข้าวแกงจานละ 20 บาทนะครับ ร้านนี้เขาเน้นของดีมาเป็นอันดับแรก แล้วคำว่าถูกค่อยตามมา ภรรยากับลูกชอบสั่งชุดอาหารเช้าที่ประกอบด้วยไข่สองฟอง ไส้กรอก เบคอน (เลือกได้) มีชา กาแฟ น้ำผลไม้ และขนมปัง (ถ้าอยากได้ขนมปังฝรั่งเศษก็เลือกได้อีก) ส่วนผมเน้นมื้อเช้า เลยสั่งข้าวผัดไก่ ไข่ดาวสุก สั่งให้ใช้ข้าวกล้องทำ

   ออกจากบ้านแต่เช้า ตกใจครับ บนถนนรถเยอะกว่าเดิมมาก บางคนเขาเปิดทำงานกันแล้วในวันนี้ แต่ราชการ และหน่วยงานเอกชนอีกบางแห่งที่เขาให้หยุดเพิ่ม แรกๆ ตอนเด็กๆ นี้ผมก็ชอบนะ ได้หยุดยาว สบายดีเหลือเกิน แต่พอตอนเริ่มฉลาดขึ้นมาหน่อยแล้วคิดกลับกัน ยิ่งหยุดมาก เราก็จะยิ่งพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างช้ามากตามไปด้วย
   ยิ่งหยุดมาก ก็ยิ่งใช้เงินมาก หนำซ้ำยังเคยตัวมากขึ้น จากเดิมพื้นฐานไทยเราก็เป็นคนไม่ค่อยขยันเท่าไหร่อยู่แล้ว มันจะกลายเป็นขี้เกียจถาวรเอาน่ะสิ คิดดูให้ดี มันเหมือนคนที่วันๆ เฝ้ามองปฏิทินคอยนับวันเฝ้ารอวันหยุด
   ประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศที่ไม่มีทรัพยากรใดๆ สักอย่างเดียว !!! แต่เขาพัฒนาได้ถึงเป็นอันดับต้นๆ ในเอเชียก็เพราะเขามีสิ่งเดียวที่ไทยเราไม่มี นั่นคือทรัพยากรบุคคลครับ ไอ้นี่แหละ สำคัญนักเชียว
   ประเทศไม่มีอะไรสักอย่าง แหล่งปลูกพืชผักก็ไม่มี สินแร่ในดินก็ไม่มี จะเลี้ยงสัตว์ก็ไม่มี ป่าไม้ก็ไม่มี ไม่มีอะไรสักอย่างจริงๆ
   เขามีแค่คน และเขาเจ๋งตรงที่พัฒนาคนของเขาได้ หลังจากนั้น คนของเขาก็คิดๆ ๆ ๆ ๆ ช่วยกันพัฒนาประเทศขึ้นมาได้อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ประเทศเขาไม่มีบ่อน้ำมัน แต่ทำไมกำหนดราคาขายน้ำมันได้ แปลกใจไหมครับพี่น้อง จนน้ำมันที่ซื้อขายในไทยก็ยังต้องอ้างอิงจากสิงคโปร์เขา
   “เฮ้ย จะไปทำไมสิงคโปร์ เที่ยววันเดียวก็หมดรอบเกาะแล้ว” ผมเคยได้ยินคำพูดทำนองนี้มาตั้งแต่เด็ก ฟังแล้วดูว่าประเทศเขาเล็กมากจริงๆ แต่ที่ไหนได้ ผมดันไปฟังเอาจากปากคนที่เที่ยวแบบนักท่องเที่ยวทัวร์ หรือไม่ก็พวกเที่ยวแบบตามคนอื่นเขาเข้า เฮ้ออ จะบอกให้ครับว่า การเที่ยวให้สนุก เราต้องคิดค้นเส้นทางการเดินทางของเราเองต่างหาก
   การเดินทางของผมไม่จำเป็นต้องไปแหล่งท่องเที่ยวเสมอไปหรอกครับ ผมชอบเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ขนมธรรมเนียม วัฒนธรรม และทดลองกินอาหารท้องถิ่น แม้ว่าหลายครั้งจะไม่ค่อยถูกปากก็ตาม
   อย่างล่าสุดผมไปรัสเซีย ตอนดึกผมนั่งอยู่ที่จตุรัสแดงกลางกรุงมอสโคว์อยู่เกือบ 1 ชม ที่อุณหภูมิ 3 C นั่งดูผู้คนเดินผ่านไปมา ไม่ได้แค่มองเปล่าๆ ผมกำลังซึมซับความรู้สึกต่างหาก เป็นการท่องเที่ยวด้วยจิตใจจริงๆ นั่งมองรอบๆ ตัวแล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ จุดที่ผมอยู่ตรงนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อน ฯลฯ
   ผมไม่ได้บ้าเมืองนอก ไม่ได้เห่งฝรั่ง แน่นอน ไม่ได้มองเห็นว่าฝรั่งเป็นเทพ ไม่ทำอะไรเลียนแบบฝรั่ง ตรงกันข้าม ผมทำแต่สิ่งที่เหนือกว่าที่เขาทำ
   อยู่ในไทย ตอนหนุ่มๆ สมัยก่อนผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปนั่งเล่นที่ลานพระบรมรูปทรงม้า หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ลานนี้บรรยากาศสุดยอดมาก เช่นเดียวกับที่สนามหลวง แต่มันออกแนวสกปรกไปหน่อย
   การท่องเทียวไม่จำเป็นต้องไปในแหล่งที่เขาจัดไว้ให้สำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้นหรอกนะครับ อันนั้นมันเป็นที่เที่ยวแบบจัดฉาก ซึงผมไม่ชอบเอาเสียเลย
   ที่อิตาลี เมืองเวนิซ สวยขึ้นชื่อ ไอ้วิวทิวทัศน์ และบรรยากาศน่ะสวยจริง ไม่เถียง  แต่ไปเที่ยวแล้วผมไม่ค่อยประทับใจ เพราะมันเป็นเมืองจัดฉาก หาวิถีชีวิตผู้คนท้องถิ่นเดิมๆ ได้ยากมากๆ มีแต่ผู้คนเข้ามาเปิดร้านทำการค้ากับนักท่องเที่ยว คนอื่นจะชอบ จะประทับใจอะไรก็เรื่องของเขา แต่ไม่ใช่ผม
   แต่กับอีกเมืองที่ใหญ่โต พลุกพล่าน คือโรม เมืองนี้ผมกลับชอบ เพราะเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ที่ชอบสุดคือการบริหารจัดการของรัฐบาลของเขา ที่เขาปกป้องคนท้องถิ่นมิให้ถูกต่างชาติรุกรานจากการทำการค้า
   ห้างคาร์ฟูจะมาเปิดหรอ ได้สิ แต่ต้องไปอยู่นอกเมืองนะ ขับรถยนต์ออกไปราว 30 นาทีโน่น เขาสงวนที่ในเมือง ห้องแถวเล็กๆ โบราณ เอาไว้ให้คนท้องถิ่นนั่งทำพาสต้าแบบ Hand Made ขาย เดินผ่านร้านค้าก็ยังหาพิซซ่ากรอบๆ บางๆ แบบของดั้งเดิมกินได้ ไอศกรีมโบราณดั้งเดิมก็มีขายเยอะครับ อ้อ จะบอกให้ว่าโคนไอศกรีมที่ถือกินกันทุกวันนี้เกิดขึ้นแห่งแรกที่อิตาลีนี่แหละ
   ที่โรมมีจตุรัสกลางเมืองเยอะมาก เขาใช้คำว่า Piazza (Plaza) แต่ไม่ได้เป็นลานกว้างใหญ่เหมือนอย่างที่มอสโคว์ ก็ได้บรรยากาศดีไม่แพ้กัน แต่บอกได้เลยว่าลานพระบรมรูปทรงม้าของไทยเรานี่แหละเจ๋งสุดยอดกว่าใคร แต่ต้องจัดแต่งพื้นที่ให้สวยงามสักหน่อยนะ จะฮอทฮิตมาก
   ตลาดไหนในโลกที่ว่าเจ๋ง ครั้นมาเจอจตุจักของเราถึงกับตาลุกวาว ไม่ได้เด่นแค่ความกว้างใหญ่ แต่ไทยเราของถูกครับ ถูกโครตๆ อีกด้วย มีเงินสัก 1 หมื่น ก็อยู่ในเมืองได้เป็นเดือนแล้ว แต่กลับกัน หากมีแค่ 1 หมื่นบาท อยู่เมืองนอกที่เจริญแล้วได้ไม่กีวันก็หมดเกลี้ยง
   ไทยเรายังเพียบพร้อมกว่าประเทศดังๆ อีกหลายประเทศมากนะครับ เรามีของดีๆ อีกเยอะแยะมากมาย ไม่ต้องไปมองอะไรที่ไหนไกล มองแค่ของรอบๆ ตัว ของที่เรามองจนชินตาและเห็นมันไม่มีคุณค่านั้นแหละ ใช่เลย สิ่งนั้นเลย
   แหม คุยแล้วอยากเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวครับ รับรองว่าจะดันกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ๆ รวมถึงเมืองที่คนมองข้ามอย่าง อุตรดิษถ์ น่าน ลำพูน ฯลฯ ไทยเรามีดีทุกหย่อมหญ้าครับ อยู่ที่ว่าคุณจะเปิดตามองมันไหมเท่านั้นเอง
   แต่ไทยเราก็มีข้อเสียเยอะครับ หลักๆ เลยคือชอบเลียนแบบกัน เห็นใครทำอะไรที่ไหนแล้วดัง กูก็จะเอาบ้าง ก๊อปแม่งเลย ขี้เกียจคิด สุดท้ายก็มักไปไม่รอด อ้าว ก็เอ็งเล่นก๊อปเขามานี่หว่า การก๊อปน่ะ มันทำได้แค่เพียบรูปลักษณ์ภายนอก มันก๊อปเอาวิญญาณมาไม่ได้หรอกนะ
ไทยเราถึงมีคำว่า “เอาใจใส่” ไงล่ะครับ นั่นคือเอาจิตใจใส่ลงไปในเนื้องานที่ทำ
ไม่ว่ากระทำสิ่งใด ก็ต้องเอาใจใส่กับมัน ทุ่มเทลงไปทั้งร่างกายและวิญญาณ มันถึงจะประสพผลสำเร็จ

   ตอนบ่ายพาภรรยาไปช็อปปิ้งที่ซอยละลายทรัพย์ ชื่อซอยอย่างไม่เป็นทางการนะครับ นัยว่าหากใครมาแล้วจะต้องเอาเงินมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างสนุกสนาน ซอยนี้อยู่ติดกับธนาคารกรุงเทพฯ สำนักงานใหญ่ ถนนสีลมครับ เปิดช่วงกลางวัน คนแน่น คนเพียบ ยังดีที่จอดรถยนต์สะดวกที่ตึก Trinity ชมละ 30 บาท
   ได้ของใช้จุกจิกมาเต็มสองมือครับ ตลาดทำนองเดียวกันนี้มีอีกแห่งอยู่ที่หลังการบินไทย ถนนวิภาวดี รังสิต เคยไปมาแล้ว ผมชอบซอยละลายทรัพย์นี้มากกว่า ดูสินค้าจะเกรดดีกว่า แต่ก็เป็นธรรมชาติของตลาดครับ ก่อนซื้อเราควรทราบราคากลางเสียก่อน อย่างวันนี้ไปดูรองเท้าแตะของ Croc ให้ลูก เป็นของก๊อป ร้านแรกขาย 390 บาท ในขณะที่อีกร้านที่อยู่ในตึกห้องแอร์ขาย 690 บาท
   เหมือนกันเด๊ะๆ เลย เกือบโดนฟันไปแล้ว
   
   ขากลับออกจาสีลมแวะกินข้าวที่ร้านกัลปพฤกษ์ สาขาต้นตำรับซอยประมวญ ติดกับโรงเรียนกรุงเทพฯ คริสเตรียนวิทยาลัย ผมกินร้านนี้ตั้งแต่เด็กๆ เขาเปิดเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารอีกด้วย มีอาหารหลากหลาย เน้นอาหารไทย รสชาติกลมกล่อม ชาวต่างชาติกินได้ครับ ที่ผมกินประจำคือยำวุ้นเส้น และโรตีแกงเนื้อ
   เฮ้อ พุงที่ว่ากลม ยิ่งโตเข้าไปใหญ่
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #10 on: April 21, 2010, 10:45:20 pm »
17 เมษ 53
   0430 เช้าตรู่ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำเอาผมตื่นและนอนไม่หลับ นี่ถ้าฝนไม่ตก และตื่นเช้าขนาดนี้ผมต้องมีหวังเอาจักรยานออกขี่เล่นเป็นแน่ แต่ก็อีกนั่นแหละนะ คนขี้เกียจมักจะมีข้ออ้างเสมอ ฝนตกขึ้นมาก็ทำเป็นพูดว่า “ว้า แย่จัง ฝนตก เลยอดขี่เลย” ทั้งๆ ที่ผ่านมาหลายเดือนไม่มีฝนหนักสักครั้งเดียว ก็ยังไม่เห็นออกขี่จักรยานเลยนี่หว่า ฮ่าๆ
   ไม่ได้เจอฝนมานาน ตกมาแล้วชอบมากครับ นอกจากความเย็นชุ่มฉ่ำแล้ว ผมว่าต้นไม้ใหญ่ๆ พอมันเจอฝนเข้ามันรู้สึกสดชื่นได้เหมือนคนเลยนะ หรือว่าเป็นเพราะเม็ดฝนไปชะล้างฝุ่นบนใบไม้เข้าก็ไม่รู้สิ

   ยุโรปเหนือเขาปิดสนามบินกันหลายแห่ง เพราะมีเถ้าฝุ่นควันฟุ้งออกมาจากธารน้ำแข็งใน Ice Land เขาว่าพุ่งสูงขึ้นมาถึง 8 กม เฉพาะเมื่อวานนี้เขายกเลิกเที่ยวบินไปถึง 17000 เที่ยว (นับรวมๆ กันในทุกประเทศ)
   ใจผมนึกถึงคนไทยที่จะกลับมาเลยล่ะครับ ยกเลิกกระทันหันขนาดนี้ ไม่ว่าจะไปเที่ยวกับทัวร์ หรือไปเองต่างทำตัวไม่ถูก หากเป็นผมก็คงต้องนั่งๆ นอนๆ รอที่สนามบิน ว่างๆ ก็เดินไปเช็คข่าวที่เคาเตอร์ว่าเขาจะเปิดบริการตอนไหน อย่างไร
   ว่าใครไม่ได้หรอกครับ เรื่องของภูมิอากาศมันแปรปรวน เจ้าหน้าที่เขาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะหากเกิดผิดพลาดเข้า เขานั่นแหละจะต้องรับผิดชอบชีวิตและความมสูญเสียของทุกๆ คน

   เช้าวันเสาร์ ผมพาภรรยาไปสวนจตุจักรครับ ลูกไม่ได้ไปด้วย เขาอยู่เล่นกับเพื่อนแถวบ้าน ตอนแรกสองจิตสองใจอยากนั่งรถไฟฟ้าเล่นกัน ครั้นพอคิดคำนวนค่าใช้จ่ายดูแล้ว เราคิดเห็นตรงกันว่าขับรถยนต์ไปเอง เสียค่าจอดรถ เสียค่าน้ำมัน มันยังจะโอเคเสียกว่า
   ไปถึงก็เล่นก๋วยเตี๋ยวเรือกันคนละชามแล้วก็ทางใครทางมันเลยครับ นัดกันอีกทีที่แผงขายหนังสือเก่าใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินตอนเที่ยง ภรรยาชอบเสื้อผ้าของแต่งตัวแบบผู้หญิงเขา ส่วนผมดูเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่ต้นไม้ กระเป๋าเป้ เสื้อผ้า รองเท้า ของเก่า ของทหาร อุปกรณ์แคมปิ้ง ฯลฯ
   อากาศมืดครึ้มตลอดวัน เลยเป็นวันแรกที่ไปสวนจตุจักรแล้วเหงื่อไม่ออกสักหยด เดินเล่นแบบเย็นสบายดีมาก ช่วงผ่านร้านเสื้อผ้าเก่านี้ผมเห็นร้านหนึ่งมีขายชุดจักรยานเยอะมากๆ มีเสื้อ มีกางเกงเป็นสิบๆ ชุด สวย ดูดีด้วย แต่ไม่ถูกใจผม ผมไม่ชอบพวกสีสันแจ๊ดๆ หากเป็นร้านรองเท้าก็จะมีรองเท้าจักรยานมาขายอีกด้วย ก็เหมือนๆ กับพวกที่ขายของผ่านเวปน่ะครับ ผมว่าเขาก็จับของจากที่นี่ไปขายต่ออีกทีนั่นแหละ
   เดินผ่านอุปกรณ์ทหารแล้วต้องหยุดมองทุกที ผมชอบอุปกรณ์เหล่านี้ครับ ชอบในดีไซน์ ชอบในฟังชั่น อีกทั้งยังมีความแข็งแรงทนทานในตัวเองอีกด้วย ยิ่งถ้าชิ้นไหนเอามาประยุกต์ใช้งานในชีวิตจริงได้จะยิ่งชอบมาก
   บ่ายอยู่บ้านแบบเบื่อๆ จนถึงเย็น
   
18 เมษ 53
   ตื่นเช้าลูกชวนผมขี่จักรยาน น่าแปลกใจมาก เพราะปกติเขาจะชอบดูการ์ตูน ก็เลยรีบเอาจักรยานออกขี่กัน ขี่เล่นแถวบ้านนี่แหละ ไม่ได้ไปไกล ผมใช้รถ KHS F20-W ส่วนลูกใช้ JZ88 (มันคือ Neo Bike ล้อ 14 น่ะ) ระหว่างขี่เล่นมีท้าแข่งกันด้วยนะ ผลคือผมแพ้ครับ ไม่ได้แกล้งนะ แพ้เขาจริงๆ ในอัตราเร่งระยะ 200 เมตร หรือแค่ 100 เมตรก็ยิ่งแพ้ขาดลอยครับ รถล้อเล็ก GI ทดไว้ต่ำมากๆ กดบันไดเบาๆ รถก็วิ่งปลิวแล้ว ทำอัตราเร่งระยะสั้นได้ดีมากๆ แต่ก็อย่างว่า หากเป็นระยะยาวแล้วรอบมันหมดครับ ขาหมุนเป็นลิงรถก็ยังแทบไม่วิ่ง
   ช่วงเช้าอากาศยังดีมาก ลมเย็นพัดโชย แต่อีกสักพักเดียวเท่านั้นแหละ แดดออกก็สาดแสงแรงจ้าเหมือนเดิม ต่างจากเมื่อวานลิบลับ ยังกับคนละประเทศ
   ตอนบ่ายผมไปร้านบุญถาวร สาขารัชดา รู้สึกตื่นตาตื่นใจอย่างมาก เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงเลย ผมไม่ได้มาย่านนี้เป็นปี ร้านรวงข้างทางเปลี่ยนไปมาก ได้ลอดอุโมงค์ด้วย ดีตรงรถไม่ติด นี่ถ้าเป็นวันธรรมดาไม่น่ารอดนะ ผมว่าถนนนี้เหมาะสมอย่างมากที่จะมีเลนจักรยาน คือใครทนรถติดได้ก็ติดไป ไม่ว่ากัน แต่ถ้ามีจักรยานล่ะก็จะได้วิ่งฉิว ให้มั้นรู้กันไปว่าใครจะใจแข็งพอบ้าง
   เลิกการพัฒนาแบบเอาใจคนรวย เอาใจคนใช้รถกันได้แล้วครับ (หรือว่าคนออกกฏการพัฒนาเหล่านี้เขาใช้รถยนต์กันเป็นหลัก ต่อไปจะได้ให้คนชาวจักรยานมีสิทธิในการออกแบบโครงการต่างๆ บ้าง) คนใช้รถวินัยต่ำมีไม่เยอะหรอก แต่มีแล้วมันเด่น มันน่าหมั่นไส้ ก็เหมือนชาวจักรยาน และชาวมอเตอร์ไซค์แหละครับ ส่วนใหญ่จะขับเรียบร้อยดี มีไม่กี่คนที่ซ่าไม่เข้าเรื่อง มันก็เลยโดนเขาดูถูกกันทั้งก๊ก
   ยิ่งช่วงนี้ม็อบจัญไรเต็มเมือง ชาวบ้านไม่รู้เรื่องอะไรก็พลอยไปนั่งรับเงินกับเขาด้วย โดยเฉพาะพวกมอเตอร์ไซค์ซิ่ง ช่วงนี้จะเป็นสวรรค์ของเขาเลย เพราะขี่ไปไหนก็ได้โดยไม่ต้องสวมหมวกนิรภัย มีข้อแม้ว่าต้องใส่เสื้อแดงและมีคนถือธงตระกูลชินวัตรนั่งซ้อนไปด้วย
   “ได้เงิน ได้กินข้าวฟรี 3 มื้อ ได้ซิ่ง ได้กระทืบตำรวจ”
   ฝอยเพลิน โม้มาก ผมไปร้านบุญถาวรเพื่อหาซื้อสุขภัณฑ์เอามาใสในคอนโดครับ ของเดิมเขาก็มีมาให้นั่นแหละ แต่มันไม่ถูกใจ นี่กลายเป็นว่าผมแต่งห้องเสี่ยจนแทบไม่เหลืออะไรเป็นของเดิมแล้วนะนี่ เหลือแค่ชักโครกอันเดียวเอง อ้อ อีกอย่างที่เหลือคือพื้นในห้องนั่งเล่น
   ผมมาตัดสินใจเรื่องห้องน้ำช้าไปหน่อย เลยทำให้แทนที่ห้องจะเสร็จและใช้งานได้ ก็เลยต้องมารออุปกรณ์ห้องน้ำอีกอย่างน้อย 7-10 วัน เป็นประสพการณ์ที่ต้องจดจำไว้ให้แม่น
   เดินเล่นในร้านเขาอย่างเพลินเลยครับ ผมเดินได้หลายวันเลยล่ะ ขนาดวันนี้เดินไปแค่ 3 ชม ผมได้ดูอยู่ไม่กี่แผนกเอง นี่ยังไม่ได้ไปที่สาขานวมินทร์นะ เขาว่าใหญ่กว่านี้อีกหลายเท่า ไว้ถ้ามีโอกาสคงต้องไปขอไปเยี่ยมชมบ้าง
   กลับมาบ้านเอาเกือบหกโมงเย็นครับ เมื่อยขาดีมากๆ
   “คุณเปิ้ล รบกวนขอยืมจักรยานที่จะเอามาแขวนในห้องหน่อยครับ ช่างจะได้วัดระยะจากรถจริงได้เลย” ช่างโทรมาหาผม
   เออ แล้วผมจะเอารถคันไหนไปแขวนดีวะ
   
19 เมษ 53
   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเช้านี้คือมหกรรมรถติดแห่งปี จันทร์แรกหลังวันหยุดยาว นี่ยังดีที่เด็กๆ เขายังอยู่ในช่วงปิดเทอมกัน
   เปิดงานวันแรกหลังจากหยุดยาว คนงานที่ขาดความรับผิดชอบก็มักจะไม่มาทำงานครับ เป็นกันทุกที่ ไม่ได้เฉพาะแค่ที่บ้านผม
   ตลอดวันนี้ผมใช้ชีวิตอยู่บนหลังรถกระบะ และข้างถนน ส่งของตามตลาดใหญ่ๆ กลางวันนั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง กลับมาบ้านเอาตอน 1130 เข้านอนแบบหลับเป็นตายตอนเที่ยงคืน 
   
20 เมษ 53
   วันนี้ชีวิตเหมือนเมื่อวานเป๊ะ ต่างกันที่มือทั้งสองข้างเริ่มมีรอยปริแตกคล้ายแบบส้นเท้าแตก หยิบจับอะไรก็เจ็บมือไปหมด ก้มหยิบยกของจนปวดหลัง แต่วันนี้ดีหน่อย กลับบ้านเอาตอนสี่ทุ่ม
 
21 เมษ 53
   ตื่นเช้าแบบโรยแรง ลืมตาตอน 0600 ขยับร่างกายพลิกตัวมุมไหนก็เจ็บระบม โดยเฉพาะฝ่ามือทั้งสองข้าง ก่อนนอนเมื่อคืนผมเอาโลทั่นทาผิวของภรรยาโปะเข้าไป ตื่นมาก็ยังดูแล้วเหมือนเดิม กดแล้วเจ็บๆ กำมือแรงๆ ยิ่งเจ็บ
   ฟ้ามาโปรด คนงานมาทำงานบ้างแล้ว วันนี้ผมเลยไม่ต้องออกไปส่งของ นั่นคือไม่ต้องยก แบก ขับรถ ตากแดด ฯลฯ
   บ่ายไปรับลูกที่โรงเรียน ไม่ได้มาเหยียบหลายวันรู้สึกแปลกใหม่ ลูกเองก็นึกไม่ถึงว่าผมจะมารับ เขาลงมาจากตึกเรียน เดินผ่านใกล้ๆ ผมเขายังมองไม่เห็น ฮ่าๆ
   เด็กโรงเรียนนี้แปลกครับ เลิกเรียนแล้วไม่ค่อยอยากกลับบ้าน เด็กๆ เขาชอบวิ่งเล่นกัน ลูกผมก็เป็น วันนี้อยู่เล่นอีก 1.30 นาทีหลังเลิกเรียน เล่นเอานั่งรอกันเงกเลย แต่ส่วนใหญ่ผู้ปกครองเขาก็นั่งคุยกันครับ โดยเฉพาะพวกแม่ๆ นี่มีหลายกลุ่มเลย คุยกันอย่างสนิทสนม ส่วนผมไม่ค่อยได้คุยกับใคร แต่จะใช้ส่งยิ้มและพูดทักทายสวัสดีแทน
   ระหว่างรอลูกวิ่งเล่น ก็เลยโทรหารุ่นน้องขี่จักยานที่ไปรู้จักกันในทริปวังน้ำเขียว มาสนิทกันเพราะผมปั่นเป็นบัดดี้คู่กับเขา ทริปนั่นทางโหด มือใหม่เยอะมาก แถมเป็นทริปที่มีผู้หญิงและผู้ชายครึงๆ พอดี น่าแปลกใจมาก ทุกทีต้องมีชายมากกว่าหญิง
   พูดคุยไถ่ถามทุกข์สุขสักพักก็วกเข้าเรื่องจักรยาน อาทิตย์นี้มีงานปั่นทำลายสถิติขบวนจักรยานยาวที่สุดในโลก ผมเองก็ไปลงทะเบียนกับเขาไว้นานแล้ว เล่นเอาลืมไปเลยว่ะ นี่ถ้าไม่ได้คุยกับตุ๊กผมอาจลืมจริงๆ
   เป็นงานปั่นที่นัดกันเช้ามากๆ ครับ เริ่มลงทะเบียน 0430-0530 เห็นเวลาแล้วตกตะลึง แล้วผมจะต้องออกจากบ้านกี่โมงวะนี่ คนลงทะเบียนราว 3000 กว่าคน นัดกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ผมอยากไปถึงงานไม่เกิน 0500 รีบลงทะเบียนให้เสร็จเร็วๆ จากนั้นจะได้คอยช่วยเหลือพี่ๆ จากกลุ่ม TCHA เขาบ้าง ผมมักช่วยแบบไม่มีพิธีรีตรองอะไร ไม่ได้ลงชื่อว่าจะเป็นสตาฟกับเขา แต่ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็จะช่วยเหลือดูแลพวกมือใหม่ เด็กๆ และถ้าเป็นชาวต่างชาติผมจะถือว่าเป็นการได้ฝึกการใช้ภาษาอีกแรง
   มื้อเย็นมิวขอกินที่ร้านฟูจิ ผมเห็นว่ามันแพงมาก ต่อรองเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านแทน แต่เขาบอกอยากกินจริงๆ ก็เลยกัดฟันจ่ายไป นี่ผมจะบอกให้ว่าราคาอาหารที่ร้านฟูจินี่ถ้าเทียบกับร้านข้างทางในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ที่โน่นยังถูกกว่ากันเยอะมาก แต่ก็อีกล่ะนะ ความสะอาด หรูหรา ความกว้างขวางใหญ่โต และการบริการของฟูจิเราดีกว่า

   “สวัสดีค่ะคุณเปิ้ล ห้องใกล้เสร็จแล้วนะคะ ได้เข้าไปดูบ้างหรือเปล่าคะ” เสียงของแม่เพื่อนผมโทรมาสอบถาม เขาบอกว่าผมเป็นคนแปลกมากที่ไม่เคยเข้าไปดูงานก่อสร้างเลย ต่างจากลูกค้าคนอื่นๆ ของเขาที่มานังเฝ้ากันตลอด นั่งกันเกะกะจนช่างทำงานไม่ได้ก็มี โดยเฉพาะตอนกำลังจะพ่นสี
   “ผมยังไม่ว่างเข้าไปสักวันเลยครับแม่”
   “คุณเปิ้ลน่าจะเข้าไปดูสักหน่อยนะคะ เผื่อมีอะไรแก้ไขเพิ่มเติมจะได้บอกช่างเขาทันที อ้อ ช่างบอกขอดูจักรยานคันที่จะนำไปแขวนในห้องด้วยค่ะ จะได้ดูความแข็งแรงว่าเพียงพอไหม”
   เอาล่ะสิ ใจอยากได้รถแบบ Fixed แต่อีกใจก็อยากเอาคัน KHS F20-W ไปสิงสถิตย์แทน เพราะมันเป็นทัวริ่ง ขี่ได้อิสระกว่าเยอะ แต่รถที่ลูกผมขี่เล่นร่วมด้วยกันได้ก็คือ JZ88
   เอาคันไหนไปแขวนดีวะ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #11 on: April 22, 2010, 09:36:24 pm »
22 เมษ 53
   คนงานรถเสีย ท่อยางหม้อน้ำหลุดหลวม ขับได้แป๊บเดียวก็โอเวอร์ฮีทแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องจัดการ เลยเติมน้ำให้เต็มหม้อน้ำ และรีบขับไปอู่ ระยะทางไม่ไกลนัก ราว 5 กม มีรถติดบ้าง มีไฟแดงหลายอัน ผมวัดใจดู คิดว่าคงจะเอามันอยู่ เลยรีบขับรถออกไป
   วิธีการขับรถขณะหม้อน้ำรั่ว หัวใจคือควบคุมรอบเครื่องยนต์ไม่ให้สูงครับ รอบยิ่งต่ำยิ่งดี เพราะหากรอบสูง ก็หมายถึงปั๊มน้ำหมุนเร็ว มันก็จะยิ่งดันน้ำออกไปเร็วมากขึ้นด้วย ยิ่งลากรอบสูงๆ น้ำนี่จะพุ่งกระฉูดจนฮีทได้ในพริบตา แต่ถ้าขับแบบผม ใช้รอบต่ำๆ ขับแค่พันกว่ารอบตั้งแต่เกียร์ 1 – 4 ค่อยๆ คลานไป หากติดไฟแดงนานๆ ก็ดับเครื่องมันซะเลย ไปถึงหน้าอู่ก็ฮีทพอดีครับ ช่างเห็นรถผมน้ำหยดแล้วชี้หัวเราะ แหม ทำยังกะเป็นเรื่องขำ    
   ทิ้งรถไว้ที่อู่ แล้วขี่รถ JZ88 กลับบ้าน ไอ้รถคันนี้ใช้งานสะดวกมาก เบา เล็ก พับง่าย พับไว แถมถูก ออกตัวไวมาก อัตราเร่งดีที่ความเร็วต่อ ข้อเสียข้อเดียวก็คือ GI มันต่ำ ขี่ได้สักพัก ความเร็วราว 12 กม/ชม รอบขาก็จะหมด หากรับได้ก็จะรักรถคันนี้มากๆ เหมือนผม
   ตอนบ่ายพอจะมีเวลาว่างสัก 1 ชม เลยเข้าไปดูห้องที่คอนโด พบว่าห้องคืบหน้าไปเยอะมาก มีจุดที่ต้องเพิ่มเติมเล็กน้อย หัวหน้าช่างกำลังทำงานอยู่พอดี เลยสื่อสารกันอย่างชัดเจน

   ระหว่างรอลูกที่โรงเรียน ผมโทรหาพี่หน่องว่าจะไปงานขี่จักรยานทำลายสถิติโลกวันอาทิตย์นี้ไหม พี่หน่องบอกไป แถมสมัครเป็นสตาฟอีกด้วย พี่คนนี้พบกันเฉพาะตอนออกทริปครับ มีน้ำใจดีงามมาก
   โทรหาพี่เจี๊ยบว่าจะไปด้วยไหม แต่พี่เจี๊ยบไม่ไป เพราะไม่สะดวก เลยคุยกันเรื่องจักรยานแบบ Fixed Gear ผมเองไม่เคยเล่นรถแบบนี้มาก่อน มีอะไรผมก็ถามพี่เจี๊ยบเสมอมา ถามมาเป็นปีแล้วล่ะครับ 
   
   เย็นหลังรับลูกพากันไปห้างเซ็นทรัล พระราม 2 ห้างนี้ไปบ่อยมากๆ เพราะอยู่แถวบ้าน และตรงข้ามกับโรงเรียนลูกผมพอดีเป๊ะ ชวนกันกินก๋วยเตี๋ยวคนละชามเป็นอาหารเย็น 
   กลางคืนออนไลน์ เลยโพสหาที่นอนคืนวันเสาร์ เพราะเขานัดกันเช้าวันอาทิตย์ นัดแบบเช้ามากๆ ชนิดที่ไม่เคยเจอมาก่อน เริ่มลงทะเบียนกันตอน 0430 ครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #12 on: April 23, 2010, 06:52:08 pm »
23 เมษ 53
   วันนี้ผมจะเอาจักรยานเข้าไปในห้องคอนโดเพื่อกำหนดจุดแขวน ผมออกแบบเองแหละครับ เอาไอเดียมาจากงานเก่าๆ ตอนที่ผมออกแบบ Display ห้องเสื้อที่อิตาลีมาใช้ ตอนนั้นลูกค้าชอบมาก ผมเองก็พลอยดีใจไปด้วย
   แต่กับห้องผมเอง ไม่รู้ว่าตอนใช้งานจริงแล้วมันจะเวิร์คแค่ไหน เพราะผมอยากให้มันใช้งานได้อเนกประสงค์ คือวางจักรยานได้หลากหลายรูปแบบ วางของได้สารพัด ปรับเปลี่ยนฟังชั่นได้อย่างอิสระ
   ผมลองวัดระยะฐานล้อของรถ KHS HT และ KHS F20-W ไม่น่าเชื่อว่าฐานล้อแทบจะเท่ากันเลย คือ 113 ซม ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ แท่นวางจักรยานยึดกำแพงของผมน่าจะใช้งานได้อย่างลงตัว แต่กับ JZ88 นี่สิ ฐานล้อแค่ 85 ซม เท่านั้นเอง
   ช่างทำหน้างงตอนผมตอบวิธีการแขวน
   “มันวางได้หลายมุมครับ ปรับแต่งได้อย่างอิสระ”
   จะพับแล้วแขวนก็ได้ หรือจะไม่พับ ยกแขวนมันแบบเต็มคันเลยก็ได้ หรือหากเบื่อ ไม่แขวนจักรยานแล้ว ก็ยังสามารถปรับแต่งให้เป็นชั่นวางของก็ยังได้
   เวอร์ชั่นล่าสุดของที่แขวนจักรยานนี้ ออกแบบมาให้สามารถใช้เป็นบันไดปีนขึ้นที่สูงได้อีกด้วย มุขนี้เอาไว้เล่นกับห้องตัวเองที่บ้าน
   เข้าไปชมห้องแล้วตกใจ มีจุดหนึ่งที่ผมรับไม่ได้ ช่างไม่ได้ทำห่วย แต่มันเกิดจากการสื่อสารผิดพลาด แถมผมไม่ได้เข้าไปดูหน้างานเอง แต่เจ้าของบริษัทแสนใจดี ปรับแต่แก้ไขให้ จนผมรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
   บ่ายไปรับลูก วันนี้เขาขอกลับบ้านเร็ว เพราะติดการ์ตูนทางช่อง Cartoon Network ผมให้เขาดูได้อย่างอิสระ แต่ขอให้ฟังภาษาอังกฤษบ้าง เขาพยักหน้าเข้าใจ แต่แอบดูทีไร ได้ยินแต่ภาษาไทยล้วน ฮ่าๆ
   
   เมื่อวานผมไปโพสกระทู้หาที่ซุกหัวนอน 1 คืน ในคืนวันเสาร์ เพราะเช้าตรู่วันอาทิตย์จะได้ออกไปจุดนัดพบได้สะดวกรวดเร็ว วันนี้มี PM มาจากพี่ป๋อง บอกว่าให้มาพักที่สมาคมจักยานได้ ก็รู้สึกดีนะทีพี่เขาเชื้อเชิญ ติดตรงที่ว่าเขาจะออกเดินทางกันตอนตีสองครึ่งเพื่อไปเตรียมงาน โอวว ไม่นะ ยังไม่อยากตื่นเช้าขนาดนั้น
   แต่วันนี้มีข่าวกลุ่มคนเสื้อหลากสีจะนัดชุมนุมลานพระบรมรูปทรงม้า คาดว่าจะมีคนมากันราว 1 แสนคน !!!
นี่ถ้าอยู่กันถึงวันอาทิตย์เช้าจะมีจักรยานหลากสีตัวจริงมากันอีกราว 4000 คัน
เออ แล้วอาทิตย์นี้เขาจะยกเลิกหรือเปล่าวะนั่น
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #13 on: April 25, 2010, 12:47:10 pm »
24 เมษ 53
   ช่วงนี้ผมนอนดึกหลายคืน ติดตามข่าวทีวีเรื่องไทยกัดกัน ช่วงดึกๆ มักจะมีภาพสดๆ  เมื่อคืนมียิง M79 กันแถวสีลม เห็นแล้วน่าตกใจมาก คนวิ่งกันอลหม่าน นี่แหละ ที่ผมเจอในรถไฟใต้ดินเมือง Saint Petersburg ตอนไปรัสเซียเมื่อเดือนก่อนก็สภาพแบบนี้แหละครับ วิ่งกันพล่านเลย แถมผมยังฟังภาษาเขาไม่ออกอีกด้วย วิ่งไปแบบสับสนในชีวิตว่ากูจะวิ่งไปทางไหนดี
   บรรยากาศมืดครึ้มแต่เช้า ดูเหมือนฝนจะตก ผมยืนรดน้ำต้นไม้ไปก็แหงนมองฟ้าไป นี่ถ้าตกจริง ผมจะได้ไม่ต้องรด เอาไงดี
   ฝนมาเทเอาตอนสาย ตกหนักพอควร นานราว 1.30 ชม ชุ่มฉ่ำกันไปทั้งคนทั้งต้นไม้ 
   ตอนสายพี่หน่องโทรมา
   “คุณเปิ้ล ผมกำลังจะไปเอาเสื้อสตาฟ คุณเปิ้ลจะเอาไซส์ M หรือ L ครับ”
   ผมตั้งหลักไม่ทัน ผมแค่สมัครเข้าร่วมงานปั่น ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสตาฟอะไรกับเขา แต่ถ้าผมไม่มีธุระอะไร พอลงทะเบียนของตัวเองเสร็จก็มักจะช่วยเจ้าหน้าที่เขาเป็นลูกมือเล็กๆ น้อยๆ ทุกที
   “เออ เอา L แล้วกันครับพี่ แต่ผมไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสตาฟไว้นะ”
   “ไม่เป็นไรๆ คนยังขาดอีกเยอะเลย”
   “แล้วสตาฟเขาต้องทำอะไรกันบ้างครับ” ผมเริ่มอยากรู้
   “ก็แค่ดูแลขบวนน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก”
   อืม ก็จริงล่ะนะ ปั่นก็แค่ทางตรงยาวตลอดทาง ยังปั่นกันแค่ไม่กี่สิบโลเอง
   “ว่าไง ว่าตามกันครับพี่”
   “ดีๆ งั้นพรุ่งนี้พบกัน 0430 นะครับ” พี่หน่องทิ้งท้าย
   ผมตอบรับอย่างว่าง่าย แต่มานึกดูอีกที เฮ้ยย มันเช้ามากๆ เลย ตอนแรกผมกะจะออกจากบ้านสักตี 5 ไปถึงก็เกือบๆ 6 โมง แม้จะสายไปนิด แต่ผมว่ามันยังทัน
   ตอนนี้กลายเป็นว่าผมต้องออกจากบ้านตอน 0330 มันเช้าแบบโครตๆ เลยนะนั่น
   เริ่มวางแผนหาที่ซุกหัวนอนครับ ผมไปโพสหาที่นอนในเวปจักรยาน มีคนมาเสนอตัว 2 คน แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก เลยคิดว่าเขาคงอาจไม่สะดวกเท่าไหร่ ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ใครมันจะไปสะดวกเหมือนบ้านผมเล่า เริ่มหาทางออกโดยใช้ Plan B คิดแผนการอันชั่วร้าย นั่นคือคิดจะเอาเต้นท์ไปกางนอนที่ลานพระบรมรูปทรงม้ามันซะเลย ไม่ต้องห่วงเรื่องห้องน้ำครับ ไม่ได้ยืนฉี่ข้างรั้ว หรือริมต้นไม้อีกด้วย ผมมีวิธีของผมที่ดีกว่า สวยงามกว่ากันเยอะ จะมาลำบากหากต้องถ่ายหนักนี่แหละ เรื่องอาบน้ำน่ะคงไม่ได้อาบแน่ ฟันก็จะแปรงหรือไม่ก็ย่อมได้ แค่คืนเดียวสบายๆ ล้างหน้าให้สดชื่นสักหน่อยก็ใช้น้ำกินของเรานี่แหละ อย่าไปหยิบผิดเอาเกลือแร่มาราดก็แล้วกัน
   กลุ่ม TCHA จะออกจากสมาคมที่บรรทัดทองกันตอน 0230 เผื่อเลทก็เป็น 0300 มาถึงพระบรมรูปทรงม้าน่าจะสัก 0400 เขาต้องมาเตรียมงานกันก่อน พวกเขาคือผู้เสียสละอย่างแท้จริง ทั้งจัดงาน ทั้งประสานงาน แถมขี่ตลอดจนจบทริป ตื่นก่อน นอนทีหลังคนอื่น
   ผมจะต้องตื่น 0300 เพื่อออกจากบ้านตอน 0330 คงจะถึงจุดนัดพบราว 0430 หรืออาจเร็วกว่านั้นเล็กน้อย ถ้าให้ดี คืนนี้ผมควรนอนก่อน 3 ทุ่ม ไม่รู้จะทำได้จริงไหม
   ขณะกำลังเตรียมตัวจัดข้าวของตอนกลางคืน ลองคิดไตร่ตรองดูอีกรอบ เป็นอันว่านอนบ้านครับ ไปลานพระบรมรูปทรงม้าคงไม่ได้นอนแน่ๆ รถวิ่งกันขวักไขว่ ผมยิ่งตื่นง่ายๆ อยู่ด้วย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: เมษ 53
« Reply #14 on: April 26, 2010, 07:56:59 pm »
25 เมษ 53
   ผมเป็นคนที่กำหนดเวลาตื่นของตัวเองได้ครับ วันนี้อยากตื่นตี 3 ก็กำหนดจิต ทำสมาธิเล็กน้อย ไม่ต้องถึงกับนั่งขัดสมาธิหรอกครับ ทุกอย่างกำหนดได้ด้วยจิตใจของเราเอง ขอแค่ใจต้องมั่นคง แล้วเช้านี้ผมก็ตื่นตอน 0255 ก่อนเวลาที่ต้องการแค่ 5 นาที แจ๋วว่ะ
   แต่ตื่นแล้วไม่อยากลุกเลยครับ แข็งใจขึ้นมาอาบน้ำแล้วรีบออกจากบ้านตอน 0330 กะจะให้ถึงลานพระรูปตอน 0430 เอาเข้าจริงถนนโล่งมากครับ ใช้เวลาแค่ 30 นาทีผมก็ปั่นถึงแล้ว งงมาก ถึงเร็วผิดปกติ ก็เพราะถนนโล่ง แถมไฟแดงก็น้อยช่วงใกล้สะพานมัฆวาฬเจอรุ่นน้องจาก TCHA ชื่อน้องมล คนนีเพิ่งจะพบกันตัวจริงครั้งแรก ที่ผ่านมาเห็นแค่ในเวป
   ผมคิดว่าคงจะไปถึงงานเป็นคนแรกๆ เพราะเป็นเวลาแค่ตี 4 เท่านั้นเอง แต่ที่ไหนได้ มีคนมาก่อนผมเป็นร้อยๆ คนแล้วครับ สอบถามเจ้าหน้าที่สตาฟที่ใส่เสื้อเขียว เขาว่ามากันตอนตี 3 !!! รู้สึกคิดถูกจริงๆ ที่ตัดสินใจนอนที่บ้าน
   ไปถึงก็รีบลงทะเบียนก่อนเลยครับ เข้าไปต่อคิวรับหมายเลข  เขามอบเสื้อยืดสีขาวมาให้ด้วย แต่ยังไม่ทันสวมดี หันไปเจอพี่นัท
   “อ้าว เปิ้ล เพิ่งมาหรือ มานี่ มาเอาเสื้อสตาฟไป”
   พี่นัทพาผมไปรับเสื้อสีเขียวมาใส่แทน ผมกลายเป็นสตาฟจำเป็น สวมเสื้อได้พักเดียวพี่คากิก็นัดประชุมสตาฟ ผมก็งงสิ ใส่เสื้อเสร็จก็งานเข้าเสียแล้ว
   ยืนฟังแบบงงๆ อยู่ เพราะคนอื่นเขาประชุมกันมาหลายรอบแล้ว มีผมใหม่ๆ สดๆ คนเดียว หน้าที่สตาฟก็คือคอยควบคุมนักจักรยานให้ปั่นอยู่ในเส้นในแนว ฟังดูไม่เห็นยาก หมูๆ ว่ะ
   ราวตี 5 ก็เริ่มตั้งขบวน เข้าแถวกัน 6 แถว ปั่นเรียงต่อท้ายกันไปเรื่อยๆ ผมรีบเข้าไปอยู่หัวขบวนทำหน้าที่ แต่โดนสตาฟท่านอื่นไล่กลับมา บอกว่าจุดนี้เต็มแล้ว ผมโอเค กลับไปอยู่ด้านหลังคอยคุมท้ายขบวนแทน
   ออกสตาร์ทตอน 0600 ครับ พอได้เคลื่อนขบวนเท่านั้นแหละ กลุ่มจักยานก็ปั่นกันมั่วเหมือนผึ้งแตกรัง ผมคอยตะโกนบอกว่าให้ปรับขบวนเป็น 6 แถว ตะโกนบอกแบบนี้ตลอดทางตั้งแต่ลานพระรูปจนถึงกลางสะพานพระราม 8
   ผมจอดรถแล้วเดินบอกนักจักรยานว่าให้ปรับเป็นขี่ 6 แถว ทุกคนให้ความร่วมมือดี มาแปลกใจตอนผมบอกสตาฟที่ขี่อยู่หน้าสุดนี่แหละ
   “พี่ครับ พี่ช่วยคุมให้ข้างหลังขี่ 6 แถวด้วยนะครับ ผมขี่ปิดท้าย ผมตะโกนไม่ถึงตรงกลางและข้างหน้าครับ”
   “อืม ขบวนมันเละ มันต้องจัดขบวนกันตอนออกมาเลย ตอนนี้มันเละไปแล้ว คุณต้องไปบอกข้างหลังให้เขาขี่เรียงกัน”
   งงครับ แทนที่จะช่วยกันทำงาน กลายเป็นว่าพี่จะโยนให้ผมทำคนเดียว ไม่ได้โมโหอะไร ผมแค่แปลกใจ เพราะคนใส่เสื้อเขียวคือคนที่เต็มใจสมัครมาเป็นสตาฟนะครับ ส่วนผมน่ะ เพิ่งจะมาเป็นสตาฟตะกี้นี้เอง ตอนแรกผมแค่จะมาขี่ร่วมขบวนอย่างเดียว
   ก็จัดเท่าทีทำได้น่ะครับ ขบวนจะมาเรียบร้อยหน่อยตอนใกล้ปั่นผ่านจุดเซนเซอร์นับจำนวน ช่วงนี้เราปั่นกันเรียง 3 แถวครับ แต่พอปั่นพ้นเซนเซอร์เท่านั้นแหละ ทุกคนก็อัดกันสุดแรงเกิดเลย จากเดิมที่ตกลงกันว่าจะขี่เป็นขบวน เว้นระยะห่างไม่เกิน 2 ช่วงรถ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นทิ้งห่างกันเป็นสิบๆ เมตร จะตะโกนบอกอย่างไรก็ไร้ผล เอาก็เอาวะ ก็เลยอัดตามไปกับเขาด้วย
   ขี่ไปจนสุดถนนครับ แล้วก็วนกลับ ขาไปเราขี่ไปทิศตะวันตก ขากลับต้องขี่ย้อนแสง แดดยังไม่ค่อยแรงมาก ตอนนี้แค่เจ็ดโมงกว่า แต่มันเหนื่อยครับ เพราะเล่นอัดกันมาแบบสุดแรง พอเจอแดดย้อนแสงก็เล่นเอาล้าไปบ้างเหมือนกัน ช่วงนี้ผมขี่กับเจ้าน้องมล คนที่เจอเมื่อเช้านี้เอง ขี่กันแบบไร้ระเบียบเลยล่ะครับ ขี่แบบตัวใครตัวมัน เหมือนกับข้ามาคนเดียวอย่างนั้นแหละ
   ใช้เส้นทางเดิมมาจนถึงสะพานพระราม 8 อีกครั้ง แล้วก็วนเข้าลานพระบรมรูปทรงม้า รีบเข้าไปรับประกาศนียบัตรแต่หาไม่เจอชื่อตัวเองครับ เลยไปกินข้าวกล่อง รสชาติงั้นๆ ผมตักเฉพาะผักและหมูกินไปไม่กี่คำ นอกนั้นก็ออกมานั่งคุยกัน วันนี้ผมได้เพื่อนใหม่หลายคน ได้รู้จักพี่เชอรี่ Night Rider 30K แต่ผมเรียกเธอว่า เทพแห่งแสงไฟ ตัวจริงอัธยาศัยดีมากๆ ผมเข้าไปสวัสดีแนะนำตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ผมไม่เคยโพสคุยกับเขามาก่อน แต่เขาคงอ่านกระทู้ที่ผมโพสถึงย้อนถามมาว่า
   “แล้วเมื่อคืนเปิ้ลนอนไหน”
   “ขี่มาจากบ้านพระราม 2 เลยหรือ”
   โห จำข้อมูลผมได้ด้วย
   ได้พบกลุ่ม 5 สาว ผมตั้งฉายาให้ว่า Spice Girls มีหัวหน้าทีมชื่อพี่นัท Pink Lady น้ำใจงามมากๆ อีกคน ที่พารุ่นน้องทั้งกลุ่มออกมาขี่แทบจะทุกทริป พี่นัทบ้านอยู่แถวอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยนี้เอง ตรงจุดที่เขายิงกันเมื่อ 10 เมษายนที่ผ่านมานี้เอง
   ขากลับผมขี่กับพี่เชอรี่ และ Spice Girls พอถึงบ้านพี่นัทผมก็ตกใจ เพราะอยู่ในจุดที่เขาปะทะกันเป๊ะๆ เลย เรียกว่าแค่ยืนหน้าบ้านก็ได้เห็นภาพอันน่าสยดสยอง
   “เปิ้ลเห็นกำแพงขาวๆ นั่นไหม ตรงกำแพงนั้นเคยมีสมองสีเหลืองๆ มันเยิ้มๆ ด้านล่างเป็นกองเลือดสดๆ” พี่เชอรี่บอก พร้อมกับชี้นิ้วให้ผมดูในระยะเผาขน
   ผมหันไปมองสภาพรอบข้าง เห็นบางจุดมีการเผากระดาษแบบไหว้เจ้า มันน่าจะเป็นจุดที่มีศพผู้ตายแน่ๆ
   แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ก็ปั่นไปในทางเดียวกัน ใครจะแยกไปก่อนก็เชิญตามสะดวก เรียกว่าปั่นด้วยกันแบบตัวใครตัวมัน เออ ก็ง่ายดีเน๊อะ
   ตอนแรกผมจะแวะกินโรตีแกงเขียวหวานร้านประจำที่ถนนท่าพระอาทิตย์ ก็เลยเปลี่ยนใจขี่กลับกับเพื่อนๆ กะจะไปซื้อส้มตำข้าวเหนียวร้านแถวบ้านกิน ซื้อใส่ห่อไปนั่งกินที่บ้านหลังอาบน้ำเสร็จน่าจะสบายตัวกว่าเยอะ
   ทนหิวไปเรื่อยจนถึงหน้าร้านก็ตกใจ เพราะเขาไม่มาขาย โธ่ หมดกัน ฝันสลาย    ปั่นต่อไปเรื่อยๆ จนถึงบ้าน แวะตลาดอันสุดท้ายก่อนถึงบ้าน นี่ถ้าในตลาดไม่มีอะไรถูกใจก็คืออดแดกแล้วล่ะครับ
   ได้แค่ข้าวเม่าทอดมา 2 ชิ้น กลับถึงบ้านก็รีบอาบน้ำ นอนแช่ในอ่างอย่างสบายตัว นี่ถ้านอนอีกสักพักคงจะหลับเป็นแน่
   โชคดีที่กลับมาบ้านเจอแม่ผมซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาฝาก เย้ๆ รอดตายแล้วโว้ย    
   งานขี่จักรยานร่วมทำลายสถิติโลกในวันนี้ เราสามารถทำลายสถิติโลกได้เป็นผลสำเร็จด้วยจำนวนจักรยานราว 3500 คัน ผมจำตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้ แต่ไม่ถึง 4000 คัน
   “บางคนเขาโกรธ ที่เราไม่แจกเสื้อก่อน” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกผม
   งงครับ ตกลงอยากมาร่วมงาน หรือเอ็งอยากได้เสื้อกันแน่วะนั่น
   “โถ เจอคนแบบนั้นก็ปล่อยเถอะครับ อย่าไปสุงสิงสมาคมด้วยเลย” ผมตอบพี่เขาไปแบบนั้น ตอบจากใจจริงๆ นี่ถ้าสนิทกันจะช่วยด่าซ้ำอีกแรง
   ประทับใจงานนี้อีกอย่างคือเห็นมีจักรยานแบบ Fixed Gear มากันเยอะเลย มีหลายสิบคันเลย ที่สวยถูกใจผมก็มี ชักอยากได้จริงๆ แล้วสิ รู้นะว่ามันอันตราย ล้มแล้วเจ็บ แถมรถพัง แหม รู้แล้วยิ่งอยากลอง อิอิ
 
   กินอิ่มก็ง่วงทันทีครับ นอนมันบนโซฟานี่แหละ แต่หลับแป๊บเดียวนะ รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ตลอดวันนี้รู้สึกง่วงๆ เพลียๆ ไปจนถึงตอนเข้านอน ร่างกายไม่ค่อยฟิตก็อย่างนี้แหละ ไม่ได้ขี่จักรยานมาเป็นเดือน ไม่รู้คนอื่นเป็นแบบผมไหม

26 เมษ 53
   เดือนหน้ากลุ่ม TCHA จะมีทริปไปเกาะสีชัง 3 วัน 2 คืน ถูกใจผมดีจริงๆ แต่ยังไม่ตัดสินใจลงชื่อไปกับเขา เพราะเขาปั่นไป ปั่นกลับ มีเวลาอยู่บนเกาะสบายๆ แค่ 1 วันเท่านั้นเอง คือผมขี้เกียจปั่นไปน่ะครับ อยากมีเวลาเที่ยวนานๆ นี่ถ้าผมแอบนั่งรถทัวร์ไปกลับเอง จะมีใครว่าอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้
   ไล่หาข้อมูลรถแบบ Fixed Gear จากเวปต่างประเทศ พบว่ามีคนเล่นกันเยอะเลย นี่ผมโครตจะเชยเลยนะครับนี่ เพิ่งรู้ครับ มีบางคนให้ความเห็นทำนองว่า
   Fixed Gear = Adult Freestyle BMX
   ผมเห็นด้วยนะ ตัวผมเองชอบกีฬาผาดโผนเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ตอนเด็กก็เคยขี่ BMX ได้แผลเต็มตัว มาวันนี้เริ่มอยากลอง Fixed แต่ไม่อยากเป็นแผลอีกแล้ว คงต้องเล่นระวังหน่อย ผมสงสัยหลายเรื่องเกี่ยวกับรถแบบนี้ครับ เริ่มจากขนาดของล้อ เห็นเล่นผาดโผน มีการกระโดด มียกล้อ แล้วใช้ล้อแบบ 700C หน้าแคบนิดเดียวมันไม่พังกันหมดหรือนี่ ข้องใจจริงๆ เลย
   วันนี้ไม่ต้องออกไปส่งของ แต่อยู่จัดของในโกดังแทน ไม่ได้ตากแดดร้อน อยู่แต่ในร่มยกของแบบเหงื่อท่วมกาย ชนิดที่ว่ากางเกงในเปียกแฉะ เรื่องจริง ไม่ได้เว่อร์
   บ่ายมารับลูกที่โรงเรียน เขาเลิกบ่าย 3 แต่อยู่เล่นกับเพื่อนจนถึงหกโมงเย็น ผมนั่งรอ นอนรอ คิดให้เบื่อมันก็เบื่อ แต่ถ้าคิดบวกว่านี่คือเวลาที่เราว่าง นั่งคิดงานออกแบบต่างๆ นานา แต่คิดได้แป๊บเดียว เรื่องจักรยาน Fixed มันก็เข้ามารบกวนจิตใจ
   ขากลับพาลูกนั่งกินโจ๊กที่ข้างถนน ผมกินสลัดแขก อยากจะให้น้ำหนักลดลง จะได้หล่อๆ กับเขาหน่อย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride