Author Topic: มค 53 31 บางปะกง กับ TCHA  (Read 16225 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มค 53
« Reply #15 on: January 22, 2010, 03:43:40 pm »
21 มค 53
   เช้านี้ออกปั่นเบาๆ ราว 30 นาที วันนี้รู้สึกร้อนอย่างเห็นได้ชัด ไอคลื่นความเย็นเริ่มมลายหายไป ลมที่เคยพัดเย็นสบายก็ลดน้อยลงมาก กลายเป็นไอความร้อนแทน
ผมเจ็บหั้วเข่าครับ เกิดจากการยกของ อาทิตย์ก่อนหลังเจ็บ การยกของก็เลยต้องใช้ย่อตัวลุกขึ้นยืนตรงๆ ก็รู้ดีนะ ก็ทำอยู่ แต่คงจะย่อบ่อยไปหน่อย กลายเป็นมาเจ็บเข่าเพิ่ม ส่วนหลังนั้นค่อยยังชั่วขึ้นเยอะแล้ว
ไม่รู้เกี่ยวกับดวงชะตาไหมนะ ปีนี้เขาว่าปีวอกเป็นปีชง ผมเกิดปีวอกเสียด้วย ธรรมดาไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่เข้าปีนี้แค่ไม่ถึงเดือน ผมทั้งเจ็บหลัง เจ็บเข่า ยังไม่รู้ว่าจะมีเรื่องร้ายๆ อะไรตามมาอีกหรือไม่ เพราะวันก่อนขณะขี่รถ JZ88 ล้อก็แฉลบแผ่นกระเบื้องบนฟุตบาทเกือบล้ม ล้อหน้าไถลเสียการทรงตัว ทั้งๆ ที่เรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดกับผมมาก่อนเลย
จะอย่างไรก็แล้วแต่ครับ จะชงหรือไม่ชง เราก็ต้องระมัดระวังตัวทุกขณะอยู่แล้ว ทั้งสุขภาพร่างกาย และสภาพจิตใจ จะมารอโชคชะตาบันดาลอย่างเดียวเห็นจะยาก ต้องเพิ่มความอุตสาหะของเราเข้าไปด้วย
คอนโดที่ผมอยู่เขามีเวปบอร์ดเอาไว้คุยกันด้วยนะ ผมก็ไปแจมกับเขาบ้าง แต่ไม่ได้โพสอะไรเยอะนัก ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ จนกระทั่งมาเจอกระทู้เกี่ยวกับจักรยานนี่แหละ มีคนเขาบอกว่าอยากได้ที่จอดจักรยาน ผมเลยเข้าไปช่วยเสริม อันที่จริงแล้วผมรู้สึกเฉยๆ กับที่จอด เพราะหากเป็นคนเล่นรถจริงๆ เขาจะใช้จอดในห้องแทน นอกจากจะเป็นรถเกรดใช้งานนั่นแหละ ถึงจะกล้าจอดในที่จอด แถมยังต้องล็อคอย่างดิบดี รถถูกๆ ใช่ว่าจะไม่หาย ไม่ว่าประเทศใดในโลก จะให้เจริญสุดยอดอย่างญี่ปุ่น เกาหลี หรือฝรั่งอย่าง นอร์เวย์ สวีเดน เนเธอร์แลนด์ หากจอดรถโดยไม่ล็อค หายเกลี้ยงครับ ผมยืนยัน
หากผมใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดหลังนี้ ผมมองไปที่รถแบบ Mini เพราะผมไม่ค่อยได้พับมันเท่าไหร่ ห้องพักผมกว้างพอที่จะวางรถแบบ Mini ได้ และในกรณีที่ผม
ต้องการใช้รถพับเพื่อไปข้างนอก ผมก็ยังมีเจ้า KHS F20-W อีกคัน ในกรณีสุดๆ ผมยังเหลือเจ้า JZ88 อีกคัน
แต่ Mini ที่ผมมองคือรถแบบ Fixed Gear ซึ่งผมยังไม่เคยเห็น รถ Mini ในท้องตลาดที่ผมว่าดูดีสุดในขณะนี้คือรถของ Chevy ผมชอบเฟรมของเขามาก ออกแบบได้เก่าสะใจดี เฟรมท่อนบนขนานกับพื้น คุ้นๆ ว่าราคาไม่ถึงหมื่น แต่รถเขาเป็นแบบ 8 หรือ 9 Speed นี่แหละ ครั้นจะให้ถอดชุดเกียร์ออกก็ใช่ที่ แหม ก็ของมันยังดีอยู่เลย ยังใหม่อยู่มาก จะให้หารถมือ 2 ก็ทำใจไม่ได้กับราคา และยังต้องมาบูรณะกันอีกยกชุด รวมถึงการอัปเกรดมันให้เป็นรถแบบ Fixed Gear ผมว่าต้องลงอีกหลายพันแน่ๆ
เอาเข้าจริงคงได้ Mini ธรรมดานี่แหละครับ ฮ่าๆ จะเป็น Chevy หรือ Java ก็่ค่อยว่ากัน รถของ Java ก็เข้าท่าดูดีเลยล่ะ ให้เบรกแบบดิสค์มาเสียด้วย ติดที่เฟรมมันดูไม่เก่าเก๋าเหมือนของ Chevy (แต่คนอีกมากบอกว่าเฟรมของ java สวยกว่า)
มี pm มาจากเวปจักรยานอีกแล้ว คนนี้มาแรง ใช้ Dahon P8 แต่อยากตัดท่อคอให้เตี้ยลง 1 นิ้ว ผมเลยต้องรีบตอบไปว่า ช้าก่อนๆๆ อย่าไปตัดมัน เพราะตัดแล้วก็ต้องต่อ ไม่ใช่เหมือนแฮนด์ที่ตัดแล้วตัดเลย แถมตัดไปแล้วตอนพับมือเบรกมันจะไปชนกับ Chain Stay จะกลายเป็นพับไม่ได้เอาน่ะสิ กลัวจะยิ่งทำยิ่งเละ สุดท้ายต้องหาซื้อท่อคอของเดิมมาใส่กลับ
คุยแล้วนึกถึงพวกทำรถยนต์ที่มีไอเดียหลากหลาย แต่ทำโดยช่างลูกทุ่งที่มี
สโลแกนว่า “ยาวตัด สั้นต่อ ไม่พอซื้อใหม่” เขาทำกันอย่างนี้จริงๆ ครับ เล่นกันจนเจ้าของรถจนไปเลยก็มี แถมรถยังวิ่งไม่ดีอีกด้วย
สรุปง่ายๆ คือเสียเงินเปล่า
ตกเย็นพาลูกไปทำฟันที่ตึกชาญอิสสระ สุรวงศ์ ต้องรีบขับรถไปอย่างเร็ว กลัวรถจะติด เพราะเขาปิดซ่อมสะพานลอยข้ามแยกละแวกนั้น อัดอย่างเร็วจี๋ ใช้เวลาจากบ้านไปถึงร้านหมอฟันแค่ 30 นาที
ผมเองก็นัดหมอฟันทำวันนี้เช่นกันครับ แล้ววันนี้ก็โชคดี ฟันไม่มีปัญหาอะไร หมอแค่ตรวจแล้วขูดหินปูน แล้วก็นัดอีก 6 เดือนข้างหน้า ส่วนลูกเขามีฟันแท้ขึ้นมา 6 ซี่ หมอเลยเคลือบพลาสติคให้ และนัดอีก 6 เดือนเช่นกัน
ร้านหมอฟันที่ผมทำนี้เก่าแก่มากครับ ชื่อร้าน สมภพ-อัมพุช คลีนิค ผมทำกับหมอตั้งแต่ผมอายุสิบกว่าขวบ ทำตั้งแต่หมอยังสาวสวย จนตอนนี้หมอมีลูกเรียนจบทำงานกันหมดแล้ว ผมเองก็มีลูก และให้ลูกมาทำฟันที่เดียวกับผมนี่แหละ ชอบเพราะเขาทำฟันได้ดีมากๆ ดูแลฟันเราอย่างสมบูรณ์แบบ
ร้านนี้ทำฟันให้เชื้อพระวงค์ด้วยครับ หากเจ้าฟ้าชายท่านมา หรือพระองค์ที หรือพระองค์อื่น ก็จะปิดร้านบริการท่านพระองค์เดียว
แต่ถ้าเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หมอจะถวายการรักษาถึงในวังครับ

22 มค 53
   เช้านี้เริ่มร้อนอย่างเห็นได้ชัด ฤดูหนาวคงจะหมดสิ้นไปแล้ว อยากให้ผมคิดผิดจัง ผมว่าใครๆ ก็ชอบฤดูหนาวนะ ยกเว้นคนยากจนบนดอย
   ออกปั่นจักรยานไป 1 ชม หัวเข่าที่เจ็บเริ่มดีขึ้น หลังก็ดีขึ้น ทำไมมันต้องมาเจ็บอะไรพร้อมๆ กันด้วยก็ไม่รู้ หรือว่าเป็นปีชง
   ผมอ่านดวงชะตา เขาว่าคนเกิดปีวอก ต้องไปไหว้พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม หลายปีก่อนคนเกิดปีขาลเป็นปีชง พ่อและแม่ผมเกิดปีขาล เขาว่าต้องไปไหว้พระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ งานนั้นผมเป็นคนขับรถให้ ซัดคนเดียวจนถึงแพร่ ขับรถพ่อไปครับ รถมันขับสบาย นั่งสบาย ขับสนุก เครื่องแรง เลยสะใจ
   เอ๊ะ ปีนี้ปีของผมเป็นปีชง น่าจะอ้างหาเรื่องขี่จักรยานเที่ยวเล่นนะครับนี่ ปั่นจักรยานไปไห้วพระธาตุพนมน่าจะเท่สุดยอดไปเลย
   ไอเดียมันแว่บเข้ามาเล่นๆ แต่คิดแล้วน่าทำจริงครับ อายุเริ่มมากขึ้นก็เริ่มจะอ้างอิงดวงชะตาบ้าง ฮวงจุ้ยบ้าง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนนี้ไม่เห็นจะสนใจอะไรสักนิด
   ยิ่งตอนมีห้องคอนโด หรือทำงานพวกออกแบบบ้านนี่ยิ่งต้องสนใจครับ เพราะแม้เราจะไม่ถือ แต่ลูกค้าเขาถือ เขาไม่ชอบเสียอย่าง มันก็ปิดงานไม่ได้ เพราะงานที่สมบูรณ์คืองานที่ลูกค้าพอใจ
   แต่ผมไม่ได้เคร่งอะไรนักนะครับ เอาแค่เฉพาะที่มันอิงกับหลักวิทยาศาสตร์ได้ เช่นหัวเตียงไม่ควรมีชั้นวางของ ประตูไม่ตรงแนวเดียวกับเตียงนอน อะไรทำนองนี้แหละ
   ว่างๆ ก็ลองศึกษาศาสตร์เรื่องพวกนี้ของญี่ปุ่นเขาด้วย ส่วนใหญ่เขาจะอยู่ในห้องชุดเหมือนพวกคอนโดกัน ก็พบว่าเขามีแนวคิดที่ละเอียดอ่อนมาก เริ่มกันตั้งแต่ประตูและโถงทางเดินเข้าห้องกันเลย ลักษณะของห้องก็เหมือนกับคอนโดเรานี่แหละครับ
   กลางวันไปทำธุระที่ธนาคารกสิกรไทย เห็นเขามีโฆษณาทำบัตร ATM แบบพร้อมรับประกันภัยของกสิกรไทย คือนอกจากจะใช้งานแบบ ATM ตามปกติแล้ว ยังเหมือนได้มีประภัยอุบัติเหตุแถมมาให้อีกด้วย (อันที่จริงไม่ได้เรียกแถมหรอกนะ เพราะต้องเสี่ยค่ารายปี ปีละ 500 บาท เสมือนเป็นการซื้อประกัน)
   ผมมีประกันภัยส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ไม่เคยได้ใช้บริการอะไรกับเขาหรอก ก็ถือว่าดีที่เราไม่เจ็บอะไร แต่กับของกสิกรนี้ผมสนใจ เพราะมันเบิกจ่ายได้สะดวกมาก ดูในรายละเอียดก็พบว่ามีโรงพยาบาลที่ทางบ้านผมใช้บริการประจำเข้าร่วมโครงการด้วย
   เราไม่ได้จ่ายเงินอะไรเลย แค่ยื่นแสดงบัตร และเซ็นชื่อรับทราบเท่านั้นเอง อืมม แบบนี้ผมว่าสะดวกดีนะ ยิ่งถ้าขี่จักรยานผาดโผนเล่น BMX เหมือนตอนหนุ่มๆ ผมว่าต้องได้ใช้บริการกันแทบทุกวันเป็นแน่ จำได้ว่าเจ็บตัวบ่อยเหลือเกิน ที่คลาสสิคและโดนกันทุกคนคือบันไดตีหน้าแข้ง โถ คุณ แค่เล่าย้อนหลัง ผมยังนึกเสียวหน้าแข้งตัวเองเลย
   วันนี้มี pm จากพี่เจี๊ยบมาถึงผม พีมักจะส่งเรื่องราวต่างๆ มาให้ผมอ่าน ผมมักไม่ค่อยได้ตอบกลับ นอกจากเสียว่าจะเป็นความเห็นที่ผมขัดแย้ง เนื้อหาเป็นบทความคัดลอกจากนิตยสาร ลองอ่านกันดูครับ ผมว่าน่าสนใจ เลยก๊อปมาให้อ่านกันซ้ำ

   วันนี้อ่าน Secret
คุณดู๋ สัญญา คุณากร เล่าว่า

           " ใช่ เพราะทุกอย่างสอนเราเสมอ แต่ก่อนผมปั่นจักรยานไปทำงานที่เจเอสแลซึ่งอยู่ที่ลาดพร้าว 107 บ้านผมอยู่สุขุมวิท 49 ปั่นไป 16.5 กิโลเมตร สมัยนั้นปั่นจักรยานด้วยความรู้สึกดี เพราะไม่ต้องใช้น้ำมัน ประหยัดพื้นที่ พอย้ายบ้านมาอยู่แจ้งวัฒนะ ก็ปั่นจากแจ้งวัฒนะไปเจเอสแอลอีก คราวนี้ 27.5 กิโลเมตร ขากลับ โอ้โฮ...มืดแล้วยังไม่ถึงบ้าน แต่ก็มีความสุข
             ที่บอกว่าทุกอย่างสอนเราคือ จักรยานสอนว่าถ้าคุณเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดในสังคม คุณจะอยู่รอดด้วยอะไร ถนนเปรียบเหมือนสังคมๆ หนึ่ง ทุกคนไม่รู้จักกัน คนกล้ามใหญ่คือพวกรถเมล์ โฟร์วีล บิ๊กฟุต พวกคนบรรดาศักดิ์คือพวกรถแพงๆ รถเบนซ์ รถอะไร ที่มันยาวๆ ใหญ่ๆ ส่วนคนที่ช่ำชองคือพวกแท็กซี่ พวกวัยรุ่นคือสามล้อ และมอเตอร์ไซค์ แต่จักรยานคือพวกที่ไม่มีอะไรเลย ใครมาคุณก็ต้องหลบ ใครแถเข้ามาคุณก็ต้องกลัวเขา ความเร็วก็สู้มอเตอร์ไซค์ไม่ได้ รถเมล์ก็ทำเป็นมองเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง เห็นเราปั่นมา แต่เขาจะเข้าป้ายเขาก็ปาดหน้าไป เราก็ต้องหลบขึ้นฟุตปาธ
บางทีจักรยานสอนให้รู้ว่า ชีวิตคนที่เป็นตาสีตาสา คนที่ไม่มีอะไรไม่ใช่คนใหญ่คนโตนี่ ต้องยอมจริงๆ เลย ขับมาตรงๆ ดีๆ แต่เขาอยากจะทำอย่างนั้นก้ต้องยอม ต้องอดทน ต้องเข้าใจ ดมควันก็ต้องทน ถนนตรงไหนไม่ดีรถใหญ่เขาไม่รู้สึก แต่จักรยานรู้สึกหมด ฝาท่อตรงไหนเปิดถ้าตกลงไปแย่เลย เพราะฉะนั้นเวลาปั่นต้องมีสติตลอด ต้องระแวดระวังมองหน้ามองหลัง เป็นการสอนการใช้ชีวิต ถ้าผมเป็นคนไม่มีอะไรในสังคม ผมก้ต้องใช้ชีวิตแบบระมัดระวัง เจียมเนื้อเจียมตัว อดทน นี่จักรยานสอนเรา"

   ผมเห็นด้วยกับความคิดของเขาครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มค 53
« Reply #16 on: January 23, 2010, 01:31:55 pm »
23 มค 53
   เช้านี้ขี้เกียจเฉยเลย ไม่ได้ขี้เกียจตื่นนะ แต่ขี้เกียจปั่นจักรยาน จะว่าขี้เกียจก็ไม่เชิงหรอก มันเบื่อที่จะไปในเส้นทางเดิมๆ บางทีออกมาปั่นแต่เช้ามืด ดันไปเจอรถบรรทุกถมดินนำอยู่ข้างหน้า เราก็ดมควันไปสิ ยังไม่นับเรื่องเศษดินที่หล่นเรี่ยราด
   เลยใช้การบริหารแทน เดินไปเดินมา เหวี่ยงแขนขาราว 30 นาที แต่จนแล้วจนรอดก็เอาจักรยานออกปั่นจนได้ ฮ่าๆ
   ผมเจอ GPS ที่ถูกใจแล้วครับ นั่งอ่านรายละเอียดอยู่นาน มีลูกเล่นเพียบ แต่เอาเข้าจริงผมกลัวจะใช้งานมันไม่เป็นน่ะครับ ไม่เคยจับ GPS มาก่อนเลย หลักๆ ที่อยากใช้ก็แค่ใช้จดจำเส้นทางที่เราเคยผ่านมา แล้วก็อยากใช้ระบบนำทาง ผมไม่รู้ว่าเครื่องแบบมือถือจะนำทางได้หรือไม่
   ชอบทุกอย่าง เสียอย่างเดียว ราคาเกือบจะ 3 หมื่นบาทแน่ะ
   ช่วงบ่ายพี่หน่องโทรมาคุย หลังจากเปลี่ยนยางจาก 20X1.75 ไปเป็น 20X1.50 เขาบอกว่าปั่นได้ช้าลงกว่าเดิม แถมล้มกลิ้งมาแล้ว
   ผมตกใจสิ มันเกิดอะไรขึ้น ยางหน้าแคบลง ในหลักการก็ต้องมีแรงเสียดทานต่ำกว่า ยังไงๆ ก็ต้องวิ่งเร็วกว่าเดิมแน่ แต่มันมีเงื่อนไขเล็กน้อย คือ ลักษณะของดอกยาง และแรงดันลมยาง ไอ้ตัวหลังนี้สำคัญเชียวนัก 
   ส่วนที่พี่เขาล้มก็เพราะล้อตกหลุมตอนขี่กลางคืน เขาเล่าแล้วผมเสียวเลย เพราะผมยิ่งไม่คุ้นการขี่กลางคืนอยู่ด้วย ดีที่เขาไม่เป็นอะไรมาก แต่รถสิตระแกรงหลังหักเลย ไม่รู้ว่าเขาขี่รถอะไรไปล้มเหมือนกัน มี Brompton และ Bike Friday นึกแล้วเสียดายรถ แต่ยังดีที่คนไม่เจ็บ
   เข้าเวปของคอนโดไอวี่ มีคนโพสเรื่องอยากให้สร้างที่จอดรถจักรยาน ผมน่ะเฉยๆ เพราะผมไม่จอดอยู่แล้ว ยังไงๆ ก็ต้องเข็นขึ้นห้องแน่ๆ แต่ก็คิดถึงส่วนรวม คิดถึงคนที่เขาใช้รถประจำวันจริงๆ แบบพวกรถแม่บ้าน เลยคิดว่าถ้ามี่ที่จอดไว้บ้าง ยังไงก็ย่อมดีกว่าไม่มีแน่ๆ
   มีคนมาแจมกระทู้บ้าง ถามถึงรถ Strida บ้าง ส่วนผมก็บอกเขาไปว่าผมสนใจรถแบบ Mini ผมเรียกรถ Mini เพราะมันย่อขนาดล้อลง คนทั่วไปในเวปจักรยานเขาเรียก Mini Touring ผมไม่เห็นด้วย แต่ไม่ได้แย้งอะไรเขาไป มันไม่เห็นจะทัวริ่งอะไรตรงไหนสักนิด หากจะเรียกแบบสากลเขาเรียก Mini Bike
   อีกสักพักหากเข้าอยู่จริงๆ ผมจะไปชวนเพื่อนๆ ในคอนโดปั่นจักรยานกัน ไม่ได้คาดหวังให้ออกมาขี่กันเยอะๆ หรอก เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ใจลึกๆ จริงๆ ผมอยากได้เพื่อนสนิทใกล้บ้านเหมือนตอนเด็กๆ ตอนที่ขี่ BMX ผมมีเพื่อนแถวบ้านเต็มไปหมดเลย
   สองวันก่อนตอนเย็นแวะตลาดใกล้บ้าน ผมนั่งกินข้าวกับภรรยา เจ้าของร้านจำหน้าผมได้ ส่งยิ้มมาให้ ตอนเด็กๆ ผมแวะกินขนมร้านเขาทุกคืน ไปกับแก๊งค์ BMX กลุ่มของผม 
น่าเสี่ยดายที่เด็กวัยรุ่นสมัยนี้กลายเป็นแกงค์มอเตอร์ไซค์กันหมดแล้ว สมัยก่อนผมขี่ BMX ร่อนไปทั่วแถวละแวกบ้าน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กสมัยนี้จะขี่มอเตอร์ไซค์ซิ่งร่อนไปทั่วเช่นกัน แต่เสียงของมอเตอร์ไซค์มันรบกวนชาวบ้านเขาน่ะสิครับพี่น้อง
ถ้ารถเอ็งเงียบสนิทเหมือนจักรยานนะ รับรองว่าไม่มีใครไปยุ่งอะไรกับเอ็งหรอก
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มค 53
« Reply #17 on: January 26, 2010, 01:49:34 pm »
24 มค 53
   เช้านี้กลุ่มสวนธนฯ เขาจัดงานประจำปีขี่จักรยานไปหัวหิน ทางกลุ่ม TCC (ชื่อใหม่คือ THCA หากจำผิดขออภัย) ไปด้วยจำนวน 30 ท่าน ผมไม่ได้ไปแจม ยังไม่ลงตัวเรื่องเวลา งานนี้งานใหญ่ นักปั่น นักแข่งหลายคนมาร่วมกันเพียบ แต่รูปแบบการปั่นนั้นออกไปในแนวของการแข่งขันเสียมากกว่า ตัวผมถนัดแนวทัวริ่ง เจองานที่มีรถบรรทุกสัมภาระช่วยทุ่นแรงก็เลยไม่คุ้นสักเท่าไหร่ ผมชอบไปไหนมาไหนแบบดูแลตัวเอง ไอ้ทริปที่มีตัวช่วยนี้มันดูไม่ค่อยคุ้นยังไงพิกล
   เช้าพาภรรยาไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งอีกแล้วครับ วันนี้ไปกันสองคน ลูกเขาขออยู่เล่นอยู่ที่บ้าน ไปกันสองคนก็เลยชวนกันกินก๋วยเตี๋ยวเรือ แล้วก็ซื้อของกลับมาบ้านเต็มสองมือ
   Pm จากเวปจักรยานมาอีกแล้วครับ วันนี้มา 2 pm ถามเกี่ยวกับ Dahon ตอบกยากครับ เพราะผู้ขี่หุ่นดี ตัวสูง มันเลยฟันลงไปไม่ได้ว่าควรเลือกตัวใดมากว่ากัน มันอยู่ที่ความชอบ แต่ถ้าตอบแบบว่า เลือกตามชอบใจได้เลย มันก็ดูไม่ค่อยจะช่วยเหลือสักเท่าไหร่ เลยซักไซร้ต่อถึงสไตล์การขี่ พบว่าเขาชอบขี่เร็ว อืม แบบนี้ค่อยง่ายหน่อย เน้นไปที่รถเบา เกียร์เยอะได้เลยครับ เพราะช่วงของรถไม่มีปัญหาต่อสรีระของเขาเลย แหม ก็สูงถึง 175 นี่นา
   เขาอยากได้ Dahon มีตัวเลือกอยู่ 3 รุ่น คือ Speed P8 / Mu P8 / Speed P18
   แบบนี้เลือกไม่ยากครับ ตัว Speed P8 VS Mu P8 มันต่างกันจุดหลักๆ แค่เฟรม ตัว Speed จะเป็นโครโมลี่ ส่วนตัว Mu จะเป็นอลูมินั่ม มีปลีกย่อยอีกเล็กน้อยตามปีของรถ มันไม่ใช่จุดเด่นอะไรนัก ถ้าเงินถึงและชอบปั่นเร็วจริง แนะนำไปที่ Speed P18 เลยครับ แรง เบา สะใจแน่นอน
   เย็นพาครอบครัวไปกินข้าวที่มหาชัยครับ เป็นร้านอาหารเก่าแก่ชื่อร้านคุณตุ่ม พ่อเป็นคนนำทางไป รสชาติใช้ได้ครับ แต่ราคาก็ไม่ได้ถูกอะไรนัก ผมไม่คุ้นกับอาหารแพงๆ โดยเฉพาะอาหารเย็น เป็นมื้อที่ผมไม่ค่อยอยากกินเยอะนัก ทุกวันนี้กินแต่ผลไม้ และพวกถัวต่างๆ
   แต่ถ้าอยู่ดึกๆ มันจะหิวนะ เลยมักจะชิงหลับก่อน

25 มค 53
   ช่วงนี้ขี้เกียจบ่อย วันนี้ก็ตื่นเช้านะ แต่ขี้เกียจปั่นไกลๆ สงสัยเบื่อพวกรถบรรทุก ขนาดขี่มืดๆ ยังต้องมาดมควัน ทำใจไม่ได้จริงๆ
   ปั่นมันแถวบ้านนี่แหละครับ ขี่ไป 45 นาที เสร็จแล้วเดินเล่นยืดเส้นอีกสักพัก อากาศหนาวเย็นคงเป็นความฝันไปแล้ว ต่อไปนี้มี่แต่จะร้อนขึ้นๆ
   ส่งลูกเสร็จก็แปลงกายเป็นคนงานขับรถครับ วันนี้ขับรถส่งของทั่งวัน ดีที่หลังเจ็บเริ่มหายแล้ว เข่าก็เจ็บน้อยลง แต่ก็ยังคงต้องยกของส่งลูกค้าครับ มีพนักงานติดรถเป็นลูกมือไปช่วย 2 คน คนหนึ่งชื่อพี่มล ชอบพูดคุยสนุกสนาน มีเรื่องอะไรสงสัยก็ชอบสอบถามผมเสมอ ทั้งการเมือง อุบัติเหตุ และเรื่องราวข่าวดังในแต่ละวัน
   วันนี้เราคุยกันเรื่องคนที่รอดชีวิตจากซากปรักหักพังจากแผ่นดินไหวที่เฮติ สิบกว่าวันแล้ว รอดได้อย่างไร เหตุผลคือขณะเกิดเหตุเขาอยู่บริเวณบาร์พอดี ก็เลยมีน้ำอัดลม และเบียร์อยู่ใกล้มือ แต่สองวันก่อนก็มีอีกคนที่รอด คนนั้นใช้วิธีดื่มปัสสาวะตัวเอง
   ก็กรณีคับขันน่ะครับ เราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตรอดได้ ไม่เพียงแต่คนหรอกครับ สัตว์เองก็เช่นกัน
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มค 53
« Reply #18 on: January 26, 2010, 05:13:49 pm »
26 มค 53
   เมื่อคืนนอนดึก อ่านหนังสือครับ ไม่ได้ดูทีวี อ่านเพลินไปหน่อย เช้านี้เลยขี้เกียจลุก เป็นวันแรกในรอบหลายเดือนที่ไม่ได้ออกกำลังกายตอนเช้า
   รถผมแอร์เสียครับ ออกอาการตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ความเย็นก็ค่อยๆ จะหดหายไป ถ้าแดดแรงๆ นี้เหลือแต่ลมเปล่าๆ ออกมา หาไอความเย็นไม่เจอ เช้านี้โทรเรียกช่างให้มาเอารถไปซ่อม ใช้บริการร้านแถวบ้านนี่แหละครับ เป็นช่างประจำบ้านผมไปแล้ว ซ่อมเสร็จเขาก็เอารถมาส่งให้ที่บ้าน เงินก็จ่ายทีหลัง คือเอาเราสะดวก ก็เกรงใจเขาเหมือนกันนะ โดยมากวันรุ่งขึ้นก็เอาไปให้เขาแล้ว
   กลางวันเข้าไปที่ไอวี่ (คอนโด) ไปดูห้องออกกำลังกาย เขาเพิ่งเปิดใช้บริการ วันนี้ผมเข้าไปแบบฉุกเฉิน ไม่ได้เตรียมชุดออกกำลังกายไปด้วย เลยได้แค่เดินไปเดินมา พบเห็นสิ่งที่ยังไม่เรียบร้อยหลายจุด ก็บอกเจ้าหน้าที่เขาไป เอาไว้พรุ่งนี้ ถ้าว่าง จะลองไปใช้บริการแบบเต็มๆ ดูสักรอบ
   เข้าไปในห้อง ปัดกวาดเช็ดถูเล่น เปิดหน้าต่างรับลม แหม เย็นสบายดีจริงๆ นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ชั่วโมงกว่า นั่งเล็งว่าจะวางผังห้องอย่างไรดี ยังคิดและสรุปไม่ลงตัวเสียที เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่นั่นแหละ
   ในเวปจักรยานมีคนสอบถามถึงกางเกงของ Fox ว่าใช้ดีไหม มีหลายคนมาโพสตอบว่าใช้ไปได้พักเดียวฟองน้ำรองก้นก็แบนลีบแล้ว
   เรื่องกางเกงจักรยานแบบเข้ารูปของ Fox นี่ผมเคยเล่าไว้หลายเดือนก่อนแล้ว จำไม่ได้เหมือนกันว่าเดือนใดเสียด้วย เอาเป็นว่าหากอยากใช้ของดีทนนานก็เลือกยี่ห้อที่ไม่ใช่ Made in China และถ้าเงินถึง ก็แนะนำให้ใช้แบบเป้าชามัวร์ Made in Italy ของเก่าผมใช้มาเกิน 10 ปี ยังใส่ได้สบาย (แต่ยางยืดเอวและปลายขาเริ่มขยายและขาดบ้างแล้ว)
   ผมใช้ของ Nalini ครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มค 53
« Reply #19 on: January 27, 2010, 03:34:10 pm »
27 มค 53
   เมื่อคืนผมนั่งคุยกับเพื่อนที่ทำธุรกิจตกแต่งภายในอยู่จนถึงเกือบตี 1 คุยกันมันส์มาก เรียกเขามาสานฝันให้ผมหน่อย คือผมเป็นคนออกแบบคอนเสปและภาพรวมของห้องทั่งหมด รวมถึงคุมโทนสี ฟังชั่นการใช้งาน และเรื่องระบบแสง เล่าไอเดียและคอนเสปทั้งหมด พร้อมยื่นแบบสเกชมือให้เขาดู คนนี้ทำงานตกแต่งมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ตัวเขาเป็นรุ่นที่สอง ฝีมือดีครับ อย่างน้อยก็ตกแต่งเรือหรูล่องเจ้าพระยาที่ต้อนรับเจ้าชายจิกมี่มาแล้ว
   แต่เขาคุ้นเคยกับงานแบบเรียบหรู ถูกแพงเราไม่ว่ากัน อันนี้มันแล้วแต่งบเจ้าของห้อง พอมาเจอห้องของผมที่ไอเดียมันพุ่งกระฉูดเขายิ้มใหญ่เลย บอกว่าไม่ได้จับงานแบบนี้มานานมากแล้ว ชักจะมันส์ตามผมไปด้วย ผมบอกว่านี้มันยังมันส์นิดเดียว เดี๋ยวทำห้องนี้เสร็จ (คอนโด) แล้วค่อยมามันส์กันที่บ้านผม พูดพลางผมชี้ไปยังบ้านห้องกระจกที่อยู่บริเวณใกล้ๆ กัน หลังนั้นผมอยู่คนเดียว เล่นได้เต็มที่ มีทั้งพื้นเลื่อนปรับระดับ มีเชือกโหน ทีมันส์สุดคือมีกระสอบทรายด้วย (หากไอเดียยังไม่เปลี่ยนแปลงนะ)
   เข้านอนก็ตี 1 กว่าครับ หลับสนิทแต่มาตื่นเองตอน 0530 เฉยเลย ตื่นจริงครับ แต่ไม่ยอมลุกเสียงั้นแหละ อู้อีก 30 นาที ล้างหน้าแปรงฟันตอน 0600
   วันนี้แม่บ้านผมลากลับบ้านต่างจังหวัด เลยต้องดูแลความเรียบร้อยในบ้านเองทั้งหมด เริ่มจากปัดกวาดทำความสะอาด ถูพื้น ซักผ้า รดน้ำต้นไม้ ฯลฯ เป็นพ่อบ้านเต็มตัวครับ ทำแบบเก้ๆ กังๆ เพราะไม่ค่อยได้ทำงานพวกนี้ แต่ก็พอทำได้ครับ ไม่เห็นจะยากอะไร
   พอกลางวันรู้สึกง่วงครับ ได้เอนหลังนอนก็สบายหน่อย แต่ก็นอนไม่หลับ ได้แต่พักสายตาสักครู่หนึ่ง
   คุย msn กับรุ่นน้อง (อายุ 16 ปี) เขาอยู่ USA ชอบเรื่องรถยนต์มาก คุยแล้วนึกถึงภาพตัวเองสมัยยังเด็ก เลยคุยกับเขาอยู่นาน แลกเปลี่ยนประสพกาณ์ เน้นให้เขาศึกษา คิด และรู้จักวิเคราะห์สิ่งต่างๆ เอง อย่าไปเชื่อสื่อเสียทั้งหมด อ่านแล้วสรุป นำไปต่อยอดให้ได้
   เขาอยู่รัฐเดียวกับทีผมเคยอยู่ตอนเด็กๆ ด้วยน่ะครับ เลยคุยกันนานหน่อย ถามถึงเรื่องโน่นเรื่องนี้ มันทำให้ผมนึกภาพวัยเด็กขึ้นมาได้ชัดเจน สนใจเรื่องเดี่ยวกันก็คุยกันได้นานหน่อยครับ คนนี้สนใจเรื่องรถยนต์ ก็เลยแนะนำให้ไปเล่นรถอย่างฉลาด คือเล่นไปก็ศึกษาไปด้วย อย่าไปหลงของแต่งของซิ่ง
   ตกเย็นไปรับลูก รีบกลับเข้ามาบ้าน กวาดบ้าน รดน้ำต้นไม้ ทำความสะอาดถ้วยชาม ฯลฯ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มค 53
« Reply #20 on: January 29, 2010, 01:41:33 pm »
28 มค 53
   เช้านี้ไม่ได้ออกกำลังกายครับ ปัด กวาด เช็ด ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้ จากนั้นก็ขี่จักรยานไปซื้อต้มเลือดหมูให้ลูก ซื้อข้าวหน้าเป็ดให้ภรรยา ของตัวเองไม่มีอะไรจะกิน เลยกินกล้วยไป 2 ลูกแทน ไม่อิ่มหรอกครับ
   สายๆ เพื่อนนักเรียนเก่าสมัยเด็กโทรมาแจ้งข่าวว่าแม่ของหม่อมตุ้ยเสียแล้ว อันที่จริงไม่น่าจะเรียกเสียนะ เพราะเขาเป็นถึงระดับเชื้อพระวงศ์ หม่อมราชวงศ์ แต่ผมไม่รู้ว่าจะต้องมีคำราชาศัพท์เรียกเฉพาะหรือเปล่า เพราะขนาดหม่อมตุ้ยเองก็ยังมีคนใกล้ชิดเรียกว่าคุณชาย ผมเองจะเรียกบ้างก็เขิน เพราะรู้จักกันมานานมาก
   หม่อมตุ้ยมีส่วนช่วยนิตยสาร Racing Club อย่างมากครับ ผมขอข้อมูลเกี่ยวกับรถ VW Aircooled จากเขามาเยอะ แถมช่วงนั้นเขาบ้ารถแดร็กมาก ทุ่มไปกับรถอยู่หลายปี ปัจจุบันก็ยังไม่ได้เลิกนะ ยังคงแรงๆ ๆ ๆ ระดับหัวๆ แถว ผมเองต่างหากที่ค่อยๆ หายหัวไปจากวงการรถยนต์ จนเพื่อนๆ บางคนถามถึง และชวนให้กับมาขับรถยนต์อีกรอบ
   “ให้เด็กๆ เขาดังกันไปเถิดครับ” ผมตอบ
   แต่อันที่จริงน่ะ ไม่มีเงินครับ ต้องเก็บเงินไว้เผื่อลูกเรียนหนังสือ ต้องเรียนอีกเป็นสิบปี
   ตอนบ่ายก็ทำงานบ้านอีกแล้ว แต่มาทำความสะอาดภายในบ้านแทน ก็ปัด กวาด เช็ด ถู เหมือนเดิมๆ งานบ้านนี่ทำไม่มีวันจบครับ บ้านยิ่งสะอาดยิ่งดี คนในบ้านยิ่งมีสุขภาพดี ตอนเด็กๆ ผมก็ทำความสะอาดห้องเอง แต่เป็นแค่การดูแลเฉพาะห้องส่วนตัวของเรา
   สักพักมีโทรศัพท์ เจ้ากร โทรมา กรคือคนที่ผมเพิ่งรู้จักในคอนโดเดียวกัน คุยกันถูกคอ เขาอัธยาศัยดี ห้องเขากำลังตกแต่ง เขาก็ยินดีให้คนที่สนใจเข้าไปชมได้ จนผมกลัวว่าจะเป็นการใจดีเกินไป เลยบอกเขาว่าคบหาคนก็ค่อยๆ ดูกันไป อย่าสนิทสนมรวดเร็วนัก บอกกว้างๆ แบบนี้ ไม่รู้เขาจะเข้าใจไหม
   กรรับราชการอยู่กรมศุลกากรครับ ประจำที่ท่าอากาศยานอีกด้วย แบบนี้ไงเล่า ถึงได้คุยกันถูกคอ ผมสงสัยอะไรก็ถามเขาได้ตลอด
   “วันนี้พี่เข้าไอวี่หรือเปล่าครับ” กรถามผม ในขณะที่ตัวเองอยู่ตลาดสามย่าน
   “ผมไม่เข้าครับ คงอีกหลายวันกว่าจะเข้าไป แม่บ้านผมลากลับต่างจังหวัด ผมต้องดูแลบ้าน และดูแลลูกอีกด้วย” ผมตอบเขาไปตามตรง คนอย่างผมไม่มีฟอร์ม
   กรรับทราบและวางสายไป ผมคิดว่าอีกสักพักคงต้องขอเข้าไปชมห้องของกรเขาอีกรอบเป็นแน่ เห็นบอกว่าเสร็จแล้ว และเจ้าตัวภูมิอกภูมิใจเป็นหนักหนา
   แต่ในใจอยากจะบอกว่า ถ้าเอ็งได้เห็นห้องของข้าบ้างล่ะก็ .. จะร้องจ๊ากกก
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มค 53
« Reply #21 on: January 29, 2010, 07:49:21 pm »
29 มค 53
   ต้องเป็นแม่บ้านอีกหลายวันครับ ไม่ได้ออกกำลังกายหนักๆ เลย วันอาทิตย์นี้จะออกทริปไปบางปะกงด้วย ยังดีที่ทริปไม่ยาวนัก แค่ 120 กม เขาว่าไปดูปลาโลมา หึหึ แถวบ้านผมก็มีครับ บางขุนเทียนชายทะเลนี่เองแหละ ที่ผมไปกับเขาไม่ได้เพราะอยากดูปลาหรอก ผมแค่อยากขี่จักรยานกับพี่ๆ เพื่อนๆ กลุ่มนี้มากกว่า
   กลุ่ม THCA นี้เป็นกลุ่มจักรยานที่มีบุคลิกเฉพาะตัวครับ มักจะมีผู้ใหญ่มากสักหน่อย มีเด็กและผู้หญิงเข้าร่วมด้วย ที่ผมชอบก็เพราะไปขี่แล้วเสมือนอยู่ในวงศาคณาญาติครับ คนไหนดูมีอายุหน่อย ผมจะเรียกอาเจ็ก ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะเรียกอี้ วัยเดียวกันก็คุยกันแบบคุณผม ถ้าเห็นเด็กๆ ขี่นี่ผมจะชอบมาก คล้ายๆ กับได้ดูลูกตัวเองขี่ยังไงยังงั้น
   เข้าเวปจักยาน เจอคนแต่งรถเพื่อแบกอีกแล้ว คราวนี้เขาบอกต้องยกรถขึ้นตึก 8 ชั้น ตัวเองใช้รถ Mu P8 อยากลดน้ำหนักจักรยานลงอีกสัก 2 กก
   เห็นแล้วคัน เลยเข้าไปแจม แต่โพสไปแบบกลางๆ ทำนองว่าไม่คุ้มค่า และใช้เงินลงทุนไปอีกเยอะมาก
   อยากได้รถเบา ก็ต้องหารถเบาๆ ที่ถูกใจตั้งแต่แรกเลยครับ ไปซื้อรถเกรดธรรมดา เอามาอัปเกรดแล้วหวังจะให้มันเบานี้ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างแรกคือต้องมีเงินเหลือเฟือ และต้องทำใจว่าภายหลังอัปเกรดได้สมใจแล้ว คุณจะมีอะไหล่จักรยานกองเหลือแบบแทบจะครบทุกชิ้น เอาเป็นว่าหากมีเฟรมที่ประกอบอุปกรณ์ได้ลงตัวล่ะก็ มันก็จะเป็นรถที่แทบจะพร้อมขี่เลยล่ะ
   แต่บอกตามตรงนะว่า ผมไม่เชื่อว่าเขาจะแบกจักรยานแบบนี้ได้ทุกวันหรอกครับ ไม่ใช่ว่าดูถูกเขา แต่มันเกิดความไม่สะดวกอย่างมาก ลองนึกภาพดูก็แล้วกันครับ ต่อให้รถเบาเหลือแค่ 5 กก เลยด้วยซ็ำ (น้ำหนักแค่ข้าวสารถุงเดียว) แต่ต้องแบกเดินขึ้นบันไดตึก 8 ชั้นทุกวันเช้าเย็น เอาแค่เดินตัวเปล่ายังลิ้นห้อยเลยครับ นี่ต้องแบกจักรยานไปด้วย
   
   ผมดูทีวีแล้วติดใจผู้ประกาศข่าวที่มักจะพูดว่านักฟุตบอลคนโน้นคนนี้ทำแฮททริก สงสัยกันไหมครับว่าไอ้แฮททริกนี้คืออะไร
   ผมน่ะรู้ แต่สงสัยว่าทำไมต้องพูดว่านักกีฬาทำแฮททริกด้วย หากพูดออกมา แสดงว่ามันมีนัยสำคัญพิเศษอย่างไรหรือ แต่ก็เปล่า ไม่เคยมีผู้ประกาศข่าวคนใดออกมาเฉลยความหมายของคำว่าแฮททริกเลยสักคน (ย้ำว่าไม่มีเลยสักคน ไม่ว่าช่องใดๆ )
   แฮททริก มาจากภาษาอังกฤษว่า Hat Trick คือการทำแต้มได้ 3 แต้มในการแข่งขันนั้นๆ เรียกว่ามีฝีมือดีมาก จนผู้ชมพากันยืนเปิดหมวกบนอัฒจรรย์
   นั่นแหละ Hat Trick
   แต่ผมไม่รู้ว่ามันมีความหมายอะไรแฝงไว้อีกบ้างหรือเปล่านะครับ ยังไม่ได้ศึกษาวัฒนธรรมของยุโรปเขามากนัก
   
   เกาหลีเขาเปิดประเทศด้วยละคร แล้วก็โด่งดังไปทั่วโลก ตอนนี้จีนเอาบ้างแล้วครับ แต่จีนเปิดประเทศด้วยภาพยนต์ เริ่มจาก สามก๊ก ขงจื้อ ล่าสุดมู่หลานมาแล้วครับ เรื่องสไตล์นี้มีมานานแล้วนะ แต่มันเพิ่งมาดังอีกรอบตอนจีนเขายิ่งใหญ่นี่แหละครับ ทำนายได้เลยครับว่าจีนจะยิ่งใหญ่สุดในเอเชีย ดังในทุกๆ ด้านอีกด้วย ไม่ว่าจะเรื่องการท่องเทียว เขาก็มีสถานที่สวยงามเยอะมาก
   หันมาดูไทยแล้วหดหู่ครับ ทั้งๆ ที่การท่องเที่ยวไทยเราเจ๋งไม่ใช่ย่อย พวกฝรั่ง ยุโรป เขาชอบสไตล์ของไทยเรามากกว่าจีนเยอะเลยนะครับ ปีนี้ฝรั่งเขาอากาศวิกฤตแปรปรวน ยิ่งยกขโยงกันมาไทยเต็มไปหมด
   ไทยเรามีของดีเพียบ แต่เราบริหารจัดการกันไม่เป็นครับ เหมือนเรือที่ต่างคนต่างพาย แถมเป็นเรือรูปทรงกลมแบบห่วงยางอีกด้วย มีฝีพายช่วยกันพายแบบรอบทิศเลย
   เราขาดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ครับ คิดแล้วอยากเป็นผู้มีอำนาจอีกแล้วสิ จะจับมันยกเครื่องกันใหม่หมด เริ่มกันตั้งแต่นักการเมืองนี่แหละครับ ไอ้พวกนี้ตัวดี
   ที่ว่าลูกหลานจัญไร เพราะเรามีปู่จัญไร
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มค 53
« Reply #22 on: January 30, 2010, 04:47:44 pm »
30 มค 53
   Toyota เขาเรียกคืนรถที่ขายไปครั้งใหญ่ การเรียกคืนแบบนี้เรียกว่าการ Recall เป็นการแสดงความรับผิดชอบของผู้ผลิต คือเขาเรียกรถที่ขายไปแล้วให้กลับมาปรับปรุงจุดบกพร่อง ฟังแล้วเข้าท่าดีไหมครับ ผมว่าแมนดีออก
   แต่มีคนอีกมากที่คิดตรงกันข้ามกับผม เขามองไปว่า Toyota ผลิตรถไม่ดีออกมา รถไม่ได้คุณภาพ
   อ้าว กลายเป็นว่าบริษัทใดไม่มีการ Recall รถ คือรถดีอย่างนั้นหรือ มิน่าเล่า การ Recall ในไทยจึงยังไม่เคยเกิดขึ้นเลย พอรู้ว่ารถตัวเองผิดปกติบกพร่องก็ได้แต่ซุกเก็บเอาไว้ ปล่อยให้มันเลือนหายไปตามกาลเวลา
   ไทยเราจึงมีแต่บริษัทรถที่มักจะโยนความผิดให้แก่ผู้บริโภคไงล่ะ เพราะขืนถ้ารับว่าตัวเองผิดล่ะก็ มีหวังภาพลักษณ์ย่ำแย่ เรทติ้งตกวูบ
   นี่แหละครับ ทำอะไรกันแบบไทยไทย

   เบื่อไอ้พวกโฆษณาขายคลิปโป๊ตามนิตยสารกันไหมครับ เห็นแล้วโครตจะทุเรศเลย ทำไมต้องมาหารายได้กันแบบนี้ด้วย มอมเมาเรื่องเพศนี่ชอบกันนัก ผมว่าสักวันต้องมีหน่วยงานสักแห่งออกมาโจมตีแน่ หากผมมีอำนาจน่ะหรือ ไอ้พวกนี้หดหายกันหมดแน่ เริ่มจากคาดโทษเจ้าของค่ายดาวโหลดก่อนเลย แต่เชื่อเถอะ ไอ้พวกนี้มันชอบเล่นใต้โต๊ะ จับได้มันก็มักจะยัดเงินเจ้าหน้าที่ ไอ้เจ้าหน้าที่ก็เหลือเกิน ไปยอมรับเงินมัน เกียรติของตัวเอง ไม่คำนึงบ้างเลยหรือ
   คิดเรื่องการบ้านการเมืองแล้วอยากเป็นนายกเสียให้ได้ ไม่ได้อยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่หรอกนะ แค่อยากเห็นเรื่องปัญญาอ่อนในสังคมมันหายไป ที่ใกล้ตัวได้แก่เรื่องคอรัปชั่น เรื่องระเบียบวินัย เรื่องมุมมองและทรรศนคติ ฯลฯ คุยแล้วหงุดหงิดว่ะ
   
   ผมคิดค้นวิธีการพัฒนาประเทศไทยแบบก้าวกระโดดออกมาครับ เขียนเล่าเป็นรายงานได้เป็นเล่มๆ แล้วแต่ว่าจะเจาะลึกไปในแง่มุมใด เล่าคร่าวๆ ให้อ่านกันก็คือ ต้องคัดหาตัวผู้นำในแต่ละกลุ่มที่มีวิสัยทัศน์ คือมองการพัฒนาไปในอนาคตออก ตั้งเป้าหมายของไทยในอีก 3 ปีข้างหน้า มีทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว แบ่งการพัฒนาออกเป็น 1 / 3 / 5 ปีก็ได้ หรือประเมินมันทุกปีก็ยังได้
   ย้ำว่าเป็นการพัฒนาในทุกกลุ่มนะครับ ยกตัวอย่างเช่น การท่องเที่ยว ระบบผังเมือง ระบบการศึกษา ปัญหาข้าราชการคอรัปชั่น การสร้างวินัยในทุกกลุ่มชนชั้น ความสะอาด ฯลฯ
   ยกตัวอย่าง ตัวผมสนใจเรื่องการท่องเที่ยว และการพัฒนาบ้านเมือง หากผมเป็นผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน ตัวผมเองอยู่ย่านพระราม 2 ย่านบางขุนเทียน ผมก็เจาะลึกทุกพื้นที่ในเขตัวเอง เขียนออกมาให้หมดว่าในท้องที่ของเรามีสถานที่ใดสวยงามบ้าง มีร้านอาหารใดเด่นบ้าง มีอะไรโดดเด่นบ้าง ผมก็เอาข้อมูลเหล่านั้นรวบรวมไว้ เอาข้อมูลรวบไว้ที่ส่วนกลาง และจัดทำแผนพัฒนาเขตของตัวเองอย่างเป็นรูปธรรม
    เรารวบรวมข้อมูลเหล่านี้ของทุกๆ เขตไว้ ในที่สุด เราก็มีข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว และของดีของเด่นในแต่ละเขตพื้นที่แล้ว เรานำข้อมูลเหล่านี้มาพิพม์แจกประชาชน อย่าลืมทำเป็นภาษาอังกฤษด้วย จัดแจกให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศไทยทุกคนเลยก็จะดีไม่น้อย
   มีข้อมูลท่องเที่ยวแล้วก็ต้องบอกการเดินทางด้วยครับ หากเป็นเขตที่อยู่ชานเมือง การจราจรไม่หนาแน่น ก็เสริมการเดินทางด้วยจักรยานเข้าไปด้วยจะดีไม่น้อย โหห คิดแล้วอยากให้เป็นจริงจังเลย เริ่มมองเห็นการพัฒนาในแต่ละท้องถิ่นกันบ้างหรือยังครับ
   เอาล่ะ รอรัฐบาลทำ คงได้แต่ฝัน ผมเริ่มทำของผมเองก่อนเลยก็แล้วกัน แถวบ้านผมมีจุดเด่นคือถนนบางขุนเทียนชายทะเลครับ มีอาหารทะเลอร่อย มีลำคลองเล็กๆ มามาย นั่งเรือเที่ยวเล่นในสวนได้ มาดูส้มบางมดของแท้ที่โด่งดังไปทั่วโลก ผมไปต่างประเทศยังเห็นมีส้มบางมดไทยวางขายเลยครับ แพงเสียด้วย แต่น่าเสียดายที่เอกลักษณ์ของส้มบางมดคือเปลือกจะเป็นสีสนิม มันดูไม่สวยเหมือนส้มเมืองจีนที่เปลือกเคลือบด้วย wax
   ก็ต้องเป็นหน้าที่ของคนขายส้มอีกนั่นแหละครับ ต้องบอกว่าทำไมส้มบางมดถึงมีเปลือกเลอะๆ ออกแนวสกปรกเช่นนั้น เป็นเพราะคราบของเสียจากมดครับ นั่นคือมีมดในสวนส้มเยอะ มียาฆ่าแมลงน้อย เห็นไหมครับ พอผู้บริโภคเขาทราบที่มาที่ไป เขาก็ย่อมอยากหยิบกินส้มบางมดของไทยมากกว่าส้มเปลือกสวยใสของจีนเป็นแน่
   
   ตอนบ่ายจัดเตรียมจักรยาน KHS HT เพื่อออกทริปบางปะกงวันพรุ่งนี้ ยางในล้อหลังผมยังมีอาการซึมๆ แต่ขี้เกียจเปลี่ยนครับ ขนาดถอดออกมาจับแช่น้ำจนมือเปื่อยยังหารูรั่วไม่เจอ แสนจะงงจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะมีเหตุผลเดียวคือ ยางในเริ่มเสื่อมครับ
   หยิบกระเป๋าใส่บนแร็คหน้าหลังอย่างละใบ แร็คหน้าใส่พวกของสำคัญ โทรศัพท์ แว่นตา เงิน กล้อง และของจุกจิก แร็คหลังใส่ของใช้ เช่น ยางใน ชุดปะ อาหารเสริ่ม ของขบเคี้ยว เหลือพื้นที่ในกระเป๋าเผื่อจะมีของฝาก หรือของเล็กน้อยจะได้นำกลับบ้านได้
   ทริปวันเดียว ผมไม่เอา Panniers ไปครับ (แต่ถ้าไปพวกตลาดนี้ ผมจะติดไปด้วยนะ) คงไม่ได้ซื้อของอะไรกลับมาแน่ๆ
   จัดเตรียมกล้วยน้ำว้าไปหลายผลหน่อย กล้วยเป็นอาหารกินง่าย สะดวก อร่อย ไม่ต้องปรุง แถมคุณค่าอาหารสูง คนอื่นเขาจะกินกล้วยหอมแบบฝรั่ง แต่ผมชอบกล้วยน้ำว้าของไทยเรานี่แหละ หรือจะเป็นกล้วยไข่ก็ไม่ปฏิเสธ
   ถ้าเช้าๆ ได้น้ำเต้าหู้อีกถุงก็จะดีไม่น้อย อันนี้เอาไว้ดูกลางทาง หากเจอก็จะจอดแวะซดสักถ้วยแล้วปั่นต่อ
   เขานัดกันที่สวนลุม 0630 ครับ ผมมีเวลาเหลือเฟือ จากบ้านผมปั่นไปสวนลุมใช้เวลาราว 40 นาที แต่ถ้าเร่งสักหน่อยก็ทำได้ใน 30 นาที ผมวางแผนไว้อยากจะถึงสวนลุมก่อน 0630 ครับ เพราะจะได้จอดกินกล้วยและกินอาหารเช้าอย่างสบายใจ คือกินเสร็จแล้วสักพักถึงจะออกปั่นน่ะครับ ไม่ชอบกินแล้วปั่นทันที ดูมันไม่ค่อยดีต่อร่างกาย
   ผมไปถึงตอนเช้ามักไม่ค่อยคุยกับใครครับ จะปลีกตัวไปหามุมกิน เสร็จแล้วนั่นแหละ ถึงได้เดินทักทายคนโน้นคนนี้
   เข้าเวปจักรยานอัปเดทข่าว เห็นพี่ป๋องโพสว่าให้เอาสายล็อครถไปด้วย เพราะต้องจอดรถไว้ระยะหนึ่ง ผมเลยเอาสายสะพายกระเป๋าไปด้วย เพราะงานนี้ผมจะเอากล้องถ่ายรูปไปด้วย
   ที่ผ่านมา ไม่เคยเอากล้องไปด้วยเลย ฮ่าๆ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มค 53
« Reply #23 on: February 01, 2010, 05:04:56 pm »
31 มค 53 ทริปบางปะกง
   ผมบังคับการตื่นนอนของตัวเองได้ ด้วยการทำสมาธิเล็กน้อยก่อนนอน ไม่ต้องถึงกับนั่งสมาธิหรอกนะ แค่ก่อนนอนเราคิดถึงเวลาที่เราต้องการตื่น คิดถึงภาพเข็มนาฬิกาขณะนั้น คิดว่าตื่นแล้วจะทำอะไรบ้าง คิดให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ทำแค่นี้แหละ ผมตื่นได้ตามเวลา บางทีก็ก่อนเวลาเล็กน้อย ตั้งนาฬิกาปลุกไว้นะ แต่ตื่นก่อนมันทุกที
   เช้านี้ผมตื่น 0430 อาบน้ำ แต่งตัว จัดเตรียมข้าวของ ออกจากบ้านตอน 0530 ขี่ไปจนถึงสวนลุมเอาตอน 0610 ท้องฟ้ายังเพิ่งจะเริ่มสว่าง แต่ก็มีนักจักรยานมากันเยอะแล้วครับ เกิน 10 คนน่ะ
   ผมมองหาคนสนิท ไม่เห็นสักคน แต่ถ้าเป็นคนรู้จัก คนคุ้นหน้าก็พอมีบ้าง เลยเดินไล่สวัสดีไปเรื่อย โดยมากจะเป็นพี่ๆ จากกลุ่ม  THCA (เป็นกลุ่มเก่าชื่อ TCC ที่ผ่านมาจำผิดครับ คราวนี้จำได้แม่นแล้ว) ที่คุ้นเคยกันมากสุดก็คือพี่ศรชัย (คากิ) พี่จารุกัญญา (ป๋อง) อาลิต น้าหมี และเจ้าหน้าที่ทีมเซอร์วิสเช่นพี่หล่อ รวมถึงกลุ่ม ฉ (ชื่อนี้มีที่มา ไว้ว่างแล้วจะเล่า)
   ตลอดเวลาก็มีคนทะยอยกันมาเรื่อยๆ ครับ เรานัดกันกลางเมืองแบบนี้สบายมาก แถมอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS และรถไฟใต้ดิน MRT อีกด้วย เป็นทำเลที่พอเหมาะดีจริงๆ
   ผมสะดุดตาฝรั่งคนหนึ่ง คุ้นหน้าครับ แต่จำชื่อไม่ได้ เลยเดินเข้าไปคุย เพราะเห็นเขายืนเก้ๆ กังๆ อยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนคุย พอเดินไปข้างหน้าเขาเท่านั้นแหละ เขาเรียกทักผมก่อนเลย
   “เฮ้ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า” เขาเปิดฉากถาม
   “ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณ แต่ผมจำชื่อไม่ได้ ขอโทษด้วย” ผมพูด
   “โอ ไม่เป็นไร ผมชื่อเคน เราเคยเจอกันที่ไหนนะ”
   “ทริปอัมพวาครับ ผมจำได้แล้ว เราขี่ด้วยกันตอนขากลับ” ผมเริ่มจำได้ และนึกเห็นภาพเหตุการณ์วันก่อนขึ้นมาอย่างชัดเจน
   ได้เจอเพื่อนเก่าแบบนี้คุยกันยาวเลยครับ ยิ่งรู้ว่า Mr. Ken มาคนเดียวด้วยก็ยิ่งต้องให้เวลาแก่เขามากหน่อย ใจเขาใจเราน่ะครับ ลองนึกภาพตัวคุณเอง ขณอยู่ต่างบ้านต่างเมือง แถมเข้าไปแจมทริปจักรยาน แต่กลั้บไม่มีเพื่อนคุยสักคน
   ตลอดทริปของวันนี้ ผมคุยกับเคนเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งขาไปและขากลับ
   เราออกเดินทางกันตอน 0730 ตลอดทางก็จะมีนักจักรยานดักรอแจมอยู่เป็นระยะ ทำให้กลุ่มเราใหญ่ขึ้นๆ บางคนบอกว่ามีถึงราว 200 คันแน่ะ
   ใช้ถนนบางนา มุ่งหน้าสะพานบางปะกง ขี่เส้นนี้อีกแล้ว ผมนึกถึงภาพเก่าตอนที่เคยลุย Solo Trip ไประยอง รู้สึกไม่ชอบขี่ถนนเส้นนี้เลย ด้วยเหตุผลดังนี้
-   ถ้าออกเดินทางตอนเช้า เราต้องขี่ย้อนแสงแดดตลอดทาง นอกจากร้อนแล้ว ยังแสบตา ทำให้เหนื่อยล้าได้ง่าย
-   ข้างทางเศษแก้วเยอะมาก ทั้งเศษแก้วจากอุบัติเหตุรถยนต์ และเศษขวดแก้วแตก (อันหลังอันตรายกว่า)
-   มีรถขี่ย้อนศรมาก ทั้งมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ (รถยนต์เขาก็ยังขับย้อนศรกันครับ)
-   หน้าตลาดหรือชุมชนใหญ่ๆ จะมีลักษณะเป็นท่ารถ รถเมล์จะจอดซ้อนกันถึง 3 ชั้น เหลือเพียงช่องทางเดียวให้รถผ่านได้
พอเข้าบางนาได้สักพัก ผมขี่เร่งไปจนอยู่หัวแถว สักพักก็ผ่อนความเร็วลงเพื่อไปดูเพื่อนๆ ที่อยู่กลุ่มท้ายสุด พบกว่ากลุ่มหัวแถวกับท้ายแถวห่างกันราว 30 นาที เห็นแล้วตกใจมาก เพราะมันทิ้งกันห่างเกินไป เลยเร่งความเร็วจากท้ายขบวนไปยังหัวแถวเพื่อบอกพี่คากิให้ทราบถึงปัญหา
ช่วงเร่งความเร็วขึ้นไปนี่แหละครับ ผมขี่เร็วมากถึงจะตามกลุ่มหัวแถวทัน ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมาสร้างปัญหาให้ผมตอนขากลับ
   เคนเป็นชาวแคนาดาครับ อายุพอๆ กับพ่อผม ก็เลยเหมือนได้ดูแลพ่อตัวเองไป ในทางกลับกัน หากขี่กับเด็ก อย่างเจ้าปอนด์ (น้องของ Printer) ตอนไปทริปวังน้ำเขียว ผมจะรู้สึกเหมือนได้ดูแลลูกตัวเองเช่นกัน และหากขี่กับผู้หญิง ก็จะรู้สึกเหมือนดูแลภรรยา แต่ขี่กับเพื่อนนี่สบายหน่อย คือวัยพอๆ กัน ไม่ต้องดูแลกันมาก เผลอๆ มันจะแกร่งกว่าผมอีกด้วยซ็ำไป
   ผมรู้สึกแบบนี้กับทุกๆ คนที่ผมขี่ด้วยครับ เป็นความรู้สึกจากใจ ที่ไม่เคยบอกใครออกไป
   พวกหัวแถวจะแวะพักตามปั๊มน้ำมันใหญ่ๆ ผมเห็นด้วยครับ เพราะนอกจากได้พักขาแล้ว ยังเป็นการรอกลุ่มหลังไปด้วยในตัว
   แต่คนมาทีหลังนี่สิบางครั้งเริ่มทำใจลำบาก เพราะมาถึงปั๊มได้แป๊บเดียว ไอ้กลุ่มหัวแถวมันออกปั่นอีกแล้ว ฮ่าๆ ๆ
   รถผมเริ่มผิดปกติตอนขาไปนี่แหละครับ ยางล้อหน้าเริ่มแบนๆ แต่มองหาเศษแก้วไม่เจอ ลมยางค่อยๆ ซึมออก ไม่ถึงกับแบนติดดิน เลยให้สูบมืออัดเสริมเข้าไป ผมต้องทำแบบนี้ทุกครั้งที่หยุดพัก
   ยังดีครับที่ทริปนี้เป็นเส้นทางตรงตลอด จะมีเลี้ยววกวนก็แค่ช่วงใกล้ถึงจุดหมายแล้ว แถวสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง
   จากนี้ไปจะเป็นถนนเส้นเล็ก แต่แปลกที่มีเนินลดความเร็วของรถยนต์เป็นระยะ ผมเห็นพี่ท่านหนึ่งล้มลงต่อหน้าต่อตา เพราะแกมองไม่เห็นเนินนี้ ขี่มาเพลินๆ ก็ไม่ได้เร็วเลย แต่พอล้อหน้ากระแทกเนิน แขนก็งอพับเหมือนอ่อนแรง ล้มเต็มๆ เลยล่ะครับ
   เราจอดรถไว้ริมน้ำบริเวณท่าเรือ แล้วทะยอยลงเรือล่องปากอ่าว เพื่อชมปลาโลมา (นักวิทยาศาสตร์บอกว่าควรเรียกโลมา เพราะมันไม่ได้เป็นปลา เช่นเดียวกับวาฬ) ผมลงเรือลำแรก เขาว่าจุได้ 12 คน แต่ผมเห็นนั่งกัน 9 คนก็เต็มแล้ว เจ้าหน้าที่เขาว่า หากไม่ครบ 12 คน เรือจะไม่ออก ผมเลยชวนเคนลงมาด้วยกัน แต่มันไม่มีที่นั่งแล้ว เด็กเรือเอาเสื้อมาปูให้ ตกลงคือผม กับเคน นั่งกับพื้นบนเสื่อที่บริเวณหัวเรือ แหม ดูมันอัตคัตขัดสนยังไงก็ไม่รู้
   ก่อนลงเรือเราได้รับแจกอาหารกลางวันเป็นข้าวห่อใบบัว และน้ำดื่ม 1 ขวด ผมไม่เคยกินข้าวห่อใบบัวมาก่อนเลย รู้สึกตื่นเต้น เคนก็เช่นกัน เขาเป็นฝรั้ง ไม่เคยเจออาหารพื้นบ้านอย่างนี้แน่
   “เคน มันคือข้าวห่อใบบัวครับ คุณสนใจหน้าหมูแดง ไก่ หรือมังสะวิรัตน์” ผมช่วยเขาเลือกอาหาร
   “ผมขอเป็นหน้าหมูแดงดีกว่าครับ” เคนตอบ
   อย่างที่บอก ผมดูแลเขาเหมือนดูแลพ่อตัวเองเลยล่ะ
   พอเรือออก เราก็เปิดข้าวออกมากินกัน รสชาติใช้ได้ครับ มีน้ำจิ้มรสเปรี้ยวหวานปนเผ็ดมาให้ ราดแล้วอร่อยดี กินกันแป๊บเดียวหมดเลยครับ ไม่รู้ว่าเพราะอร่อยจริงๆ หรือเพราะหิว ฮ่าๆ
   ผมนั่งกับพื้น แดดแรงสาดส่องตลอดเวลา แต่เราขี่จักรยานก็โดดแดดอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยรู้สึกเดือดร้อนอะไรนัก (พอนานๆ มันก็ชักจะแสบผิวเหมือนกันนะ)
   นั่งเรืออยู่ราว 1 ชม ก็ออกทะเล เห็นปลาโลมาดังคาดครับ แต่เห็นแค่หลัง แค่หัวนะ มันไม่ได้โดดขึ้นมาพ้นน้ำเหมือนในหนัง ดูสักพักก็วนเรือกลับ
   ไอ้ขากลับนี้น่าเบื่อครับ เพราะอยู่กลางแดดมาตลอดทาง อยู่บนเรือก็โดนแดดส่อง เพลียแดดเพลียลม เลยหลับกันเหมือนหมดลำ ผมกับเคนเองก็นอนมันกับพื้นเลยครับ กลายเป็นนอนพื้นสบายกว่าพวกนังหลับบนเก้าอี้เสียอีก
   ผมรู้สึกไม่อยากขี่จักรยานแล้วล่ะ มันแสนจะเมื่อยล้าตัวเเหลือเกิน กว่าจะออกปั่นจากท่าเรือเพื่อกลับกรุงเทพฯ ก็ราว 0300 ตกลงเลยไม่ได้แวะดูเกาะนกกัน ว้า น่าเสียดาย อยากชมธรรมชาติสวยๆ อยู่ด้วย เป็นเพราะเรามาถึงกันสายน่ะครับ เลยไม่มีเวลาเหลือพอ เอาแค่ออกเดินทางตอนนี้กว่าจะถึงกรุงเทพฯก็เย็นแล้วล่ะครับ (แต่ของผมดึกมากเลยว่ะ)
   ขี่ออกมาสัก 30 นาทีแรก ผมยังสดดีครับ รู้สึกสบาย และผ่อนคลายกว่าอยู่ในเรือเยอะ แต่หลังจากนั้นอีกสักพักก็รู้สึกหมดแรงขึ้นมาซะงั้น เท้ามันไม่มีแรงจะกดบันไดเลย รู้สึกเหนื่อยง่าย
   เอ๊ะ หรือว่าเราขาดน้ำ หรืออากาศร้อนจัด กล้ามเนื้อขามีเต้นๆ รู้สึกคล้ายๆ ตะคริว
   มองยางหน้าก็แบนลงๆ จอดสูบเติมก็ยังไม่มีแรงจะกดสูบ
   ตอนนี้ในหัวเริ่มคิดเรื่องต่างนานา เช่น เมื่อเช้ากินน้ำเต้าหู้ 1 ถุง และกล้วยน้ำว้าไป 4 ลูก ตอนสายกินไปอีก 3 ลูก กลางวันก็ข้าวห่อใบบัว กินไปแค่นี้เอง เอ หรือว่าเราขาดเหลือแร่วะ หรือขาดวิตามิน ฯลฯ
   นึกถึงเรื่องที่มีนักขี่จักรยานล้มวูบเสียชีวิตไป ชักกลัวว่ะ ยิ่งคิดยิ่งหมดแรง เอา ซวยเลยกู
   ช่วงนี้ผมให้เคนนำหน้าผมไป แต่มาเจอพี่หน่องแทน พี่หน่องขี่รถ Bike Friday Pocket 8 แต่เขาแข็งแกร่งเหลือเกิน ขี่ไปคุยไปกับผมได้สัก 30 นาที ผมก็บอกให้พี่หน่องแซงผมไปก่อน แต่ผมไม่คิดว่านั้นคือการพบกันครั้งสุดท้ายของวัน
   จากความเร็ว 25 ค่อยๆ ลดลงเหลือ 15 เจอเนินสะพานเล็กๆ ผมยังต้องปรับเกียร์เหมือนกับขี่ขึ้นเนินใหญ่ รู้สึกแปลกใจกับตัวเองว่าทำไมร่างกายเราถึงเป็นอย่างนี้วะ
   ผมผ่านตลาดนัดท้องถิ่น เลยแวะเข้าไปหาของกิน เจอลูกชิ้นไม้ละ 2 บาท !!! เฮ้ย มีด้วยหรอ เคยเจอถูกๆ ก็ต้องมี 5 บาท ตลาดเล็กๆ แต่ของกินเยอะ แถมถูกมากๆ
ซื้อมาแล้วก็จอดกินบนสะพานครับ ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ป่านนี้คนอื่นคงจะเข้าใกล้บางนาแล้ว แต่ผมยังอยู่แถวสุวรรณภูมิอยู่เลย มองไปข้างหลังไม่เหลือใครแล้วครับ ขณะจอดกินลูกชิ้น เห็นมีคนขี่ผ่านผมไป 1 คน เจอปั๊มหน้าผมจอดกินไอศครีมอีกแท่ง พร้อมซื้อน้ำเติมเต็มกระติก เพราะวันนี้ยังอีกยาวไกลเป็นแน่
   ผมมาถึงแถวเทพารักษ์ตอน 0600 หมดแรงแบบไม่มีฟอร์ม ที่ทารุนร่างกายผมมากสุดคือการปวดขมับ แบบตุบๆ จำได้ว่าเคยรู้สึกแบบนี้ตอนปั่นกลางแดดจัดตอนทริปอยุธยา ตอนนั้นผมฝืนไปต่อจนเกิดตะคริว และทำให้ขี่ไม่ได้ในที่สุด
   หยิบโทรศัพท์โทรหาพี่หน่อง จะฝากให้ดูแลเคนด้วย ผมอยากให้เขาสองคนกลับรถ BTS ด้วยกัน เขาลงสถานีเดียวกัน แต่พี่หน่องไม่รับสาย คงจะขี่อยู่ หรือไม่ก็ไม่ได้ยิน
   ผมจอดจักรยานหน้าป้ายรถเมล์ เห็นรถประจำทางท้องถิ่น วิ่งบางปะกง – ปากน้ำ ตอนแรกผมกะจะปั่นไปให้ถึง BTS อ่อนนุช แล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่วงเวียนใหญ่ แต่ผมก็ยั้งต้องขี่ต่ออีกเกือบ 10 กม กว่าจะถึงบ้าน
   มาตอนนี้เห็นรถไปลงปากน้ำ ใจนึกถึงท่าเรือข้ามฟากพระประแดง ผมจำได้ ผมเคยมาตอนทริประยองนี่นา ยืนคุยกับกระเป๋ารถทันที
   “พี่ครับ รถคันนี้ไปถึงแยกปู่เจ้าสมิงพรายที่มีท่าเรือข้ามฟากหรือเปล่าครับ” ผมถามเสียงดัง แข่งกับเสียงรถรอบข้าง
   “ไปค่ะ แต่รถไม่ได้เข้าไปในท่าเรือนะ”
   “ผมมีจักรยานมาด้วย ผมขึ้นไปได้ไหมครับ”
   พนักงานเริ่มงง ปนลังเล หันไปมองเห็นรถตัวเองว่างมาก
   “อ๊ะ รถว่างๆ อยู่ ขึ้นมาได้”
   “ขอบคุณคร้าบบบ” รีบจับรถยกขึ้นรถเมล์ นี่เป็นการนำจักรยาน Full Size ขึ้นรถเมล์ของผมเป็นครั้งแรก ช่วงจังหวะที่จับรถและก้าวขึ้น พบว่าช่วงห่างระหว่างบันไดของรถเมล์กับรถไฟมันเหมือนๆ กันเลย คือเราต้องจับรถให้ถูกจุด ถูกตำแหน่ง จะทำให้ยกรถขึ้นรวดเดียวได้เลย ไม่งั้นต้องไปเก้ๆ กังๆ ตรงบันได เกะกะคนอื่นเขาน่ะสิ
   เลือกที่นั่งด้านหลังสุดครับ เพราะเอาจักรยานวางขวางได้ ดูมันเกะกะน้อยสุดแล้ว มีล้อหน้ายื่นออกมาตรงทางเดินหน่อย ผมหักแฮนด์หลบและใช้มือกดเบรกไว้ตลอดทางป้องกันรถเลื่อน
   พอขึ้นรถเมล์ได้นี่เหมือนขึ้นสวรรค์จริงๆ ได้พักก้นช่างแสนจะสบาย รถเมล์วิ่งผ่านนักจักรยานผมก็จะโบกไม้โบกมือให้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะเห็นไหม ผ่านพี่วุฒิ (แซงแซว) ด้วย ผมงี้ยืนโบกสองมือเลย เพราะเริ่มสนิทสนมกับในทริปวังน้ำเขียว และแม้รถจะติดตอนเข้าเขตปากน้ำหนัก ผมก็ไม่บ่นอะไร เพราะเอารถลงไปขี่ ผมก็ไม่มีแรงจะปั่นมัน เลยใช้ชีวิตอยู่บนรถเมล์นาน 1 ชม ผมเป็นผู้โดยสารคนสุดท้าย เพราะกระเป๋ารถลงไปพร้อมกับผู้โดยสารกลุ่มใหญ่แถวปากน้ำไปแล้ว
   ผมจอดรถพิงพนักเก้าอี้แล้วรีบวิ่งไปหาคนขับ
   “พี่ครับ ถ้าถึงปากทางเข้าท่าน้ำช่วยจอดให้ผมลงด้วยนะครับ”
   “ไฟแดงแยกหน้าไง ลงแล้วเลี้ยวขวาเข้าไปเลย” คนขับรถบอก
   “แต่อย่าเพิ่ง เดี๋ยวผมไปกลับรถมาให้เลยดีกว่า” เขาเสริมต่อ
   แหม ใจดีเสียด้วย
   ผมลงรถเอาตอน 0700 ขี่ไป 5 กม ก็ถึงท่าเรือ พนักงานคิดค่าผ่านทางตัวผมพร้อมจักรยาน 5 บาท แต่ไม่ได้เปิดรั้วให้ผ่าน
   “ให้ผมเข้าทางไหนดีครับ”
   “ยกแล้วข้ามไป”
   ได้เลยครับ ขอมา ผมก็จัดให้ มือซ้ายจับกริปแฮนด์ มือขวาจับ Chain Stay ซ้าย ยกพรวดเดียวพนักงานทำหน้าตกใจ ผมเดินผ่านคันกั้นไปได้สบายมาก จะยกรถสูงแนะนำให้จับตำแหน่งนี้ครับ ยกได้ง่าย ยกได้สูง ชูรถได้เหนือหัว แถมยังวางรถได้เร็วอีกด้วย
   อยู่ในเรือก็ชมวิวครับ ธรรมชาติเงียบสงบดีมาก ผมชอบแบบนี้มากเสียกว่าบรรยากาศในเมืองเสียอีก
   ถึงพระประแดงเอาตอน 0730 ขี่ต่อกลับบ้านอีกราว 30 นาที ระยะทางไม่ไกลมาก แต่มันเหนื่อยล้าครับ มาถึงบ้านเอาตอน 0800 เป๊ะ    
   เข้ามาในบ้านเห็นลูกกำลังทำการบ้าน มีภรรยานั่งอยู่ใกล้ๆ คอยสอน
   “กลับมาแล้วหรอพ่อ” ลูกเรียก ส่วนภรรยาส่งยิ้มและพูดถามว่าเหนื่อยไหม
   ผมไม่ตอบอะไร ตรงเข้าไปหอมจูบหน้าผากลูก และภรรยา แล้วกระซิบข้างหูเธอว่า
   “เหนื่อยฉิบเป๋งเลยจ๊ะ”
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride