Author Topic: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง  (Read 18366 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
1 สค 52
   เสาร์นี้กลุ่ม TCC เขาไปนครนายกกัน ผมไม่ได้ไปด้วย เพราะวันอาทิตย์จะพาลูกไปงานสัปดาห์หนังสือของอมรินท์พริ้นติ้งที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ ต้องเสียสละอีกแล้วนะครับนี่ ฮ่าๆ เต็มใจเสียด้วยน่ะครับ
   วันนี้เป็นวันแรกที่กฏหมายบังคับใช้เรื่องการข้ามทางม้าลาย คือไม่ข้ามทางม้าลายจะโดนปรับ และคนที่ไม่หยุดรถให้คนข้ามก็โดนปรับเช่นกัน ลองดูกันต่อไปว่าจะทำได้จริงจังแค่ไหน เพราะกฏหมายบ้านเรามันมีไว้ให้ผู้มีอำนาจไว้เลือกปฏิบัติกับเฉพาะบางคน
   ตัวอย่างกฏหมายที่ผลบังคับใช้มานานนับปี แต่เจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวดได้แก่ การควบคุมความเร็วในเขตเมือง และล่าสุดก็คือโทรศัพท์แบบใช้มือถือเครื่องขณะขับรถ
   อยากรู้เหมือนกันว่าคนจะข้ามม้าลายกันไหม (โดยเฉพาะในละแวก 100 เมตรจากสัญญลักษณ์ม้าลาย) ส่วนรถยนต์น่ะ ผมว่าเขาไม่หยุดให้คนข้ามกันหรอก จะหยุดก็ต่อเมื่อมันไปไม่ได้ คือคนแห่กันเดินข้ามเป็นกลุ่ม หรืออาจจะมีหยุดให้คนข้ามบ้าง ถ้าเป็นคนแก่ ผู้หญิงท้อง ไม่ก็เด็ก นอกเหนือจากนี้ คนขับรถยนต์ในไทยส่วนใหญ่เขาจะไม่จอดให้กันหรอกครับ นี่คือเรื่องจริง
   บ่ายไปเดินคลองถม เดินไปจากบ้านสะพานพุธระยะทางสัก 2 กม มั้ง ผมเดา สะดวกกว่าขับรถยนต์ไปเยอะ ถึงเร็วกว่าอีกด้วย แค่ทนร้อนหน่อย แต่ไม่ต้องจ่ายค่าจอดชั่วโมงละ 30 บาท ถ้าจะซื้อของชิ้นใหญ่จริงๆ ก็เคยขับรถยนต์ไปเหมือนกันนะ 
   ไปซื้อของใช้ครับ เช่นพวกแบตเตอรี่อันเล็กๆ ของจักรยาน ของไฟฉาย ของรีโมท ฯลฯ เจอไปฉายคาดหน้าผากอันหนึ่งถูกใจ แต่ขากลับไม่ได้ซื้อมา รู้สึกลังเลยังไงก็ไม่รู้ เลยยั้งๆ ไว้ก่อน แต่พอกลับมาบ้านดันอยากได้ เฮ้ออ ไอ้เวร
   
2 สค 52
   เช้าออกปั่นกับรถพับไป 30 กม จากบ้านพระราม 2 วนไปออกวงแหวนโน่นเลย แล้วค่อยวกกลับมาบ้านอีกครั้ง ไม่ได้ปั่นยาวแบบนี้มานานมาก ปกติจะไปแค่แถวบ้านใกล้ๆ วันนี้ได้เหงื่อเยอะหน่อย สบายตัวดี
   ผมผ่านเต้นท์รถมือสองริมสองข้างทาง เห็นรถตู้มือสองจากญี่ปุ่นจอดขายกันเยอะเลย รถเล็กๆ น่ารักแบบนี้ผมชอบมานานแล้ว แต่แปลกใจว่าเขาให้จดทะเบียนได้ด้วยหรือนี่ เจอเต้นท์หนึ่งมีรถสวยถูกใจมากๆ คือ Nissan Figaro ผมชอบรถหน้าตาเก่าๆ แบบนี้มากๆ แต่ราคามันแรงโดดไปจากรถตู้ที่จอดข้างๆ กันไปราวหนึ่งเท่าตัว เลยถอยออกมาก่อน เพราะสภาพรถค่อนข้างย่ำแย่เหลือเกิน บูรณะเองก็คงยาก หาอะไหล่ก็ไม่ง่าย
   ขี่รถใหญ่มานาน วันนี้เอารถพับออกปั่น ผมว่ารถพับผมนั่งสบายกว่านะ ไม่รู้เพราะเบาะมันเป็นแบบหนานุ่มหรือไม่ แต่ช่วงของรถนั้นช่างจะแสนสบาย จะด้อยจุดเดียวก็คือล้อมันเล็ก ปั่นทำความเร็วได้ไม่ดีเท่าพวกล้อใหญ่แค่นั้นเอง
   กลางวันพาลูกไปงานสัปดาห์หนังสือของอัมรินทร์พรินติ้ง เขาจัดงานรวมกันงานท่องเที่ยวไทย มีการขายที่พัก ขายตั๋วเครื่องบิน ขายทัวร์ จากที่คิดว่าคนจะน้อยจึงไม่เป็นไปอย่างที่คิด
   ซื้อไม้แบตมินตั้นมาให้ลูกเล่น 1 ชุด ตกเย็นเขาตีเล่นกับแม่เขาอย่างสนุกสนาน ตีขึ้นต้นไม้บ้าง หลังคาบ้าง เป็นหน้าที่ผมคอยปีนเก็บ เออ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ ฮ่าๆ
« Last Edit: August 16, 2009, 05:32:15 pm by O'Pern »
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #1 on: August 03, 2009, 07:17:56 pm »
3 สค 52
   เอารถพับออกปั่นวนเล่นแถวบ้านสัก 15 กม แวะตลาดซื้อโจ๊กมาฝากลูกและภรรยาด้วย รถแบบทัวริ่งนี้ดีเหมือนกัน ซื้อของแล้วใส่กระเป๋าเก็บได้สะดวกดีมากๆ ยังไม่นับเรื่องการพกพาชุดปะและยางในสำรอง
   เช้าวันจันทร์ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารถติดหนัก วันนี้มีธุระจะต้องขับรถกระบะไปขนของ จึงได้โอกาสที่จะฝึกฝีมือและทักษะในการขับรถแบบเกียร์ธรรมดาบ้าง เพราะทุกวั้นนี้มีแต่ขับรถเกียร์ออโตล้วนๆ เลย เป็นการขับที่น่าเบื่อมากๆ แต่คนทั่วไปคงชอบ เพราะมันช่างจะแสนสบาย
   ทักษะที่ผมใช้ฝึกก็ขั้นพื้นฐานก็คือเทคนิคที่เรียกว่า Heel & Toe เป็นการลดเกียร์ลง 1 จังหวะ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้เท้ากดคันเร่งเลี้ยงรอบเครื่องยนต์เอาไว้ด้วย แต่ไมใช่แค่สักแต่กดนะ ต้องกดเร่งรอบให้ถูกกับรอบเครื่องในแต่ละเกียร์ด้วย นี่แหละครับ มันยากตรงนี้ เพราะรถแต่ละคันรอบเครื่องและอัตราทดเกียร์มันไม่เหมือนกัน
   จะว่าไปมันก็คล้ายกับจักรยานเหมือนกันนะ รอบขาก็คือรอบเครื่องยนต์ จานหน้าสามใบก็คือชุดเกียร์ ส่วนเฟืองหลัง 9 ใบ ก็เสมือนชุดเฟืองท้าย จุดนี้ต่างกันเพราะรถยนต์ทั่วไปจะมีเฟืองท้ายชุดเดียว แต่จักรยานเรามีชุดเฟืองท้ายให้เปลี่ยนใช้ได้ถึง 9 บ้างก็มีถึง 10 หากเป็นรถจักรยานแบบเสือหมอบ
   ผมนำเอาไอเดียเรื่องชุดเฟืองท้ายนี้ไปใช้กับงานรถยนต์บ้างเหมือนกันครับ คือบางครั้งเราต้องการจะแรง แต่ไม่อยากทำอะไรเพิ่ม ผมก็แค่เพิ่มชุดเฟืองท้ายอีกอันเข้าไป รถยนต์จากเดิมมีชุดเฟืองท้ายอันเดียว แต่พอเจอคันพิเศษนี้ที่มีถึง 2 ชุด ทำให้มันแรงได้อย่างง่ายๆ ไม่ต้องทำอะไรกับเครื่องยนต์เลยสักนิด แจ๋วไหมครับ
   รถที่ว่าก็คือรถในค่าย BMW ชื่อ mini ตัว Cooper S รหัสตัวถัง R53 คันที่ใช้ระบบอัดอากาศแบบ Supercharge นั่นแหละครับ (แต่ mini ตัวล่าสุดเขาใช้ Turbocharge อัดอากาศแทน)
   ตอนเย็นลูกชายชวนเล่นตีแบดฯ เขาตีไม่ค่อยโดนลูกหรอก แต่ก็ต้องเล่นด้วย เพราะเขาจะได้ยิ่งตีเป็นเร็วขึ้น เล่นไปแค่ 30 นาทีก็เหงื่อชุ่ม วิ่งเก็บลูกเหนื่อยครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #2 on: August 04, 2009, 03:49:15 pm »
4 สค 52
   ตื่นแต่เช้ามาตีแบดกับลูก เล่นไปได้แค่ 30 นาทีก็เหงื่อชุ่ม ปั่นจักรยานสักชั่วโมงสนุกกว่าเยอะเลย เพราะผมเดินเก็บลูกตลอด ได้ก้มได้เงย ได้ลุกๆ นั่งๆ คิดบวกน่ะครับ ต้องขยันฝึกเขา ผมจะได้ไม่ต้องเก็บลูกอีก
   เข้าไปอ่านเวปจักรยาน บางกระทู้คุยกันเรื่องของอัตราทดเกียร์ (ที่จริงน่าจะเรียกว่าเฟืองท้ายนะ)
   ยังมีหลายคนเข้าใจว่าเกียร์ยิ่งเยอะ ยิ่งดี อ้าว แล้วไม่จริงหรอกหรือ ยิ่งเยอะ แล้วมันไม่ดีตรงไหน
   จะว่าไปมันก็ดีอยู่หรอกครับ ถ้าได้ใช้นะ แต่ถ้าไม่ได้ใช้มันก็คือเราแบกน้ำหนักไปเสียเปล่าๆ ยกตัวอย่างจักรยานแบบ Down Hill เขาแทบจะไม่ได้ใช้จานหน้าใบเล็กกันเลย เช่นนี้ก็สมควรถอดออกไป หรืออย่างพวกเสือหมอบที่รถแสนจะเบา กดนิดเดียวรถก็พุ่งปรู๊ด เขาก็ทำจานหน้าออกมาแค่ 2 ใบ (แต่เสือหมอบระยะหลังบางรุ่นมีแบบจานหน้า 3 ใบให้เลือกใช้แล้ว เขาว่าเอาไว้ปีนภูเขา)
   กับรถยนต์ก็เช่นกันครับ รถรุ่นใหม่ๆ รุ่นท๊อปมักจะมี 6 เกียร์ แต่เกียร์เยอะไปก็เท่านั้น หากขับในเมืองมันแทบไม่ได้ใช้อะไรเลย ดีตอนขับทางไกล เพราะอัตราทดเกียร์สุดท้ายมันช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้นิดหน่อย
   แต่กับรถแข่งทางตรงแบบ Drag เขามีกันแค่ 3 เกียร์ครับ รถพวกนี้แรงมหาศาล ขับกันไม่กี่วินาทีก็จบแล้ว นอกจากเกียร์น้อยแล้วยังต้องแข็งแกร่งอีกด้วย
   อ่านบันทึกของผมแล้วเห็นผมเอ่ยเกี่ยวกับรถยนต์บ่อยก็อย่าแปลกใจไป สำหรับผมสองสิ่งนี้มันไปด้วยกัน ผมขับรถยนต์และศึกษามันพร้อมๆ กับจักรยาน
   ช่วงนี้ผมชอบจักรยานทัวริ่ง ทำให้ผมสนใจจะทำรถยนต์แบบทัวริ่งขึ้นมาใช้งานบ้าง แรกๆ สนใจเล่นๆ แต่คิดนานๆ แล้วชักจะสนใจจริง เพราะจะได้เดินทางท่องเทียวได้ไกลขึ้น
   จากเดิมนี้มองแต่รถสปอร์ท ทุกวันนี้มองพวกรถตู้ รถ SUV ผมจะเอามาทำเป็นรถบ้านน่ะครับ ไม่ต้องถึงกับมีห้องน้ำอะไรหรอก เมืองไทยหาห้องน้ำง่ายมากๆ ไม่เหมือนทางเมืองนอกเขา แต่อยากทำที่กางเต้นท์บนหลังคารถ เพราะบางครั้งไปแล้วจุดกางเต้นท์ไม่ค่อยเวิร์ค แต่มันเย็นมากแล้ว ขี้เกียจหาโรงแรม
   ช่วงนี้วันๆ ผมแทบไม่ได้ออกไปไหน ตามปกติจะมีเพื่อนมาจากต่างประเทศบ้าง แต่ระยะนี้ผมบอกให้เขางดไปก่อน กลัวจะมาติดหวัด 09 ในไทยกลับไป เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง เพราะไทยเรานี้เป็นที่ 1 ในเอเชียและเป็นอันดับ 4 ของโลกที่มีอัตราการแพร่ขยายของไข้หวัดมากสุดครับ
   แหม ช่างน่าภูมิใจดีจัง
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #3 on: August 06, 2009, 01:07:39 pm »
5 สค 52
   เมื่อวานเครื่องบินของสายการบิน Bangkok Airways ลื่นไถลจากรันเวย์ และไปชนเอาหอควบคุม ผลคือกับตันเสียชีวิต และผู้โดยสารบาดเจ็บ เครื่องที่ขับคือATR72 ของประเทศฝรั่งเศษ
   ผมฟังข่าวแล้วคุ้นกับรหัส ATR72 ครับ เพราะเคยชมสารคดีเกี่ยวกับอุบัติเหตุการบินที่เกิดกับ ATR72 เช่นกัน เครื่องบินมันลำไม่ใหญ่มากครับ จุผู้โดยสารได้ 72 ที่นั่ง (สเปคจริงๆ อาจยืดหยุ่นได้อีกนิดหน่อย) ที่ผมทราบคือมันบินสูงมากไม่ได้เหมือนพวกเครื่องลำใหญ่ๆ ที่จุได้เป็นร้อยๆ คน ในสารคดีเครื่องนี้มีปัญหาขณะบินเข้ากลุ่มเมฆเป็นระยะเวลานาน จนกระทั่งน้ำแข็งเกาะบนผิวปีก และบินวนเพื่อรอลงจอดอยู่นานกว่า 30 นาที จนทำให้น้ำแข็งหนามากขึ้น สุดท้ายก็ไม่สามารถขยับ Flap เปิดปิดขึ้นลงได้ ส่งผลให้เสียการควบคุม และพุ่งดิ่งลงสู่พื้นดิน
   ลูกผมสนใจเรื่องเครื่องบินเป็นอย่างมาก จึงดูสารดีพวกนี้อยู่หลายครั้ง นึกแล้วน่าสงสารนักบินเสียจริงๆ
   ช่วงนี้ชักสนใจรถยนต์นำเข้าครับ ผมเห็นรถมือสองจากญี่ปุ่นเข้ามาวิ่งกันเยอะเลย โดยมากจะเห็นเป็นรถตู้คันเล็กๆ เหมาะแก่การเอามาขับเล่นอย่างมาก รูปทรงน่ารัก และใส่จักรยานได้ด้วย แต่ชักเอะใจ เอ๊ะ เขาทำทะเบียนกันได้ด้วยหรือครับนี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีบางคนโพสขายรถสปอร์ตมือสองจากญี่ปุ่นอีกด้วย !!!
   ได้ข่าวแล้วหูผึ้ง รีบโทรไปคุยกับคนขาย จับใจความได้ว่าผมกำลังคุยกับนายหน้าแทน แถมนายหน้าเป็นเด็ก (น่าจะอายุราว 30 กว่า) ผมสอบถามอะไรก็ตอบไม่ตรงคำถาม บ่ายเบี่ยงไปมา ถามเรื่องเอกสารก็ตอบไม่ได้ ยังเลี่ยงประเด็นไปว่ารถเขาถูกต้อง 100% ย้ำคำนี้อยู่บ่อยมากๆ
   คุยได้สัก 2 นาที ก็ขอตัววางสายครับ คือสรุปได้เลยครับว่าหมอนี้ไม่ใช่ของจริง คือทำไม่ได้จริง และถึงแม้ว่าจะทำทะเบียนได้จริงก็ไม่ถูกต้อง 100% เหมือนที่เขาคุยไว้ ดีไม่ดีผมจะโดนพวกลวงโลกโกงเอา
   ตัวผมเองเคยทำธุรกิจพวกนี้อยู่พักหนึ่งครับ เกือบจะเปิดบริษัทนำเข้ารถกับเขาแล้วนะนี่ แต่ดีที่ยอดขายไม่มาก เลยขายแบบใต้ดิน คือขายส่ง กำไรไม่เยอะหรอกครับ แต่จะมาเหนื่อยตอนประสานงานเอกสาร และต้องมีชิปปิ้งฝีมือดีคอยช่วย
   ระยะหลังคนนำเข้ารถมาขายกันเยอะมากๆ ตัดราคากันเละ ทำเอาผมเละไปด้วย ดีที่ไม่ได้ลงทุนอะไรไปมาก แต่ก็ยังมีพรรคพวกทำธุรกิจแนวนี้อยู่บ้าง หากผมขัดสนต้องการชิ้นส่วนอะไรแบบไหน หากไม่หายากเกินไปนัก ก็พอจะหามาให้ผมใช้ได้บ้าง
   ผมโทรไปถามเพื่อนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ เขาทราบเรื่องก็หัวเราะลั่น บอกว่า “มันกล้าให้ตำรวจจับไหม ถ้าจับแล้วผ่าน กูให้มัน 1 แสนบาทฟรีๆ แต่ถ้าไม่ผ่าน ตำรวจยึดรถและปรับก็ให้มันรับผิดชอบเอง”
   เจอคำท้าแบบนี้เล่นเอาผมไม่กล้าเลยครับ ยกเลิกความคิดโดยทันใด
   คุยเรื่องจักรยานบ้างดีกว่า มาตรวัดความเร็วของรถคัน KHS HT ของผมมันไม่แสดงผลอะไรมาสองสามวันแล้ว ลองเอามาตรวัดเลื่อนไปใกล้ๆ กับเซนเซอร์ที่จับตะเกียบตัวเลขความเร็วก็ยังไม่ขึ้น นั่นคือแบตฯที่ตัวเซนเซอร์หมดครับ แต่ถ้ามาตรวัดแสดงผลเลือนลาง นั่นคือแบตฯที่ตัวเครื่องหมด นี่ผมคุยถึงมาตรวัดแบบไร้สายนะครับ ผมชอบแบบนี้ มันไม่รกรุงรังดี กันน้ำได้ดีอีกด้วย ใช้ Cateye ตัวเก่าโบราณจนชอบ ตัวใหม่ที่ใส่กับรถพับ KHS F20-W ก็ยังใช้ยี่ห้อเดิม และมีออปชั่นพิเศษคือเปิดไฟส่องสว่างหน้าจอได้อีกด้วย
   จัดแจงเปลี่ยนแบตฯที่เซนเซอร์ พอหมุนล้อ มาตรวัดหน้าจอก็แสดงผลทันที แบตแบบ CR2032 นี้ผมซื้อมายกแผงครับ ยี่ห้อ Maxell แผงละ 5 ชิ้นราคา 50 บาทมั้งซื้อที่คลองถม หาซื้อร้านที่อยู่ในซอกซอยและขายเฉพาะแบตฯอย่างเดียวนะครับ นั่นแหละคือร้านขายส่ง ราคาถูกกว่าร้านที่อยู่ริมถนน หรือริมซอยที่คนเดินผ่านเยอะๆ
   มีคนโทรมาขอซื้อ Pannier ของ Deuter เขาอยู่ศรีราชา อยากให้ผมส่งของไปให้ ผมเองไม่เคยค้าขายในเวปมาก่อน จะส่งของก็ยังทำไม่เป็นเลย ไม่รู้ว่าต้องมีกล่องใส่ก่อนหรือไม่ จะส่งแบบไหนก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด
แต่ Pannier อันนี้มันใช้กลไกการล็อคแบบเดียวกับของ Ortlieb มันพิศษตรงที่มีอแดปเตอร์ยึดแร็คมาให้ 2 ขนาด หากคนไม่รู้เรื่องอะไรก็จะจับมันแขวนไว้เฉยๆ โอเค มันแขวนได้ก็จริง แต่ถ้าใส่อแดปเตอร์ให้พอดีกับขนาดของแร็ค จุดยึดจะมันคงแข็งแรงยิ่งกว่าเดิมอีกเยอะครับ แถมลดการแกว่งของกระเป๋าได้อีกด้วย ผมอยากสอนผู้ใช้ในจุดนี้ เพราะหากไม่เคยใช้กระเป๋าแบบนี้มาก่อน คุณจะไม่รู้ว่ามันยึดอย่างไร ล็อคอย่างไร ถอดใส่อแดปเตอร์อย่างไร ฯลฯ
อืม แล้วผมจะสอนเขาอย่างไรดีล่ะครับนี่ คู่มือก็ไม่มีมาให้ มีมาแต่ Tag ที่ติดมากับกระเป๋า ต่างจากของ Ortlieb ที่มีคู่มือการใช้อย่างละเอียดมาให้ด้วย
จะว่าไปแล้วผมก็ผ่านทางศรีราชาบ้างเหมือนกันตอนไปบ้านที่ระยอง แต่ก็ไม่ได้ไปบ่อยนัก เอาไงดีวะ ใจแค่อยากสอนเขาใช้และถอดใส่อแดปเตอร์เท่านั้นเองแหละครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #4 on: August 07, 2009, 01:27:43 pm »
6 สค 52
   เช้านี้ขณะปั่นจักรยานเล่น เจอรถตู้จอดเสีย ไม่ใช่พวกรถตู้โดยสารล่ะ เป็นรถส่วนตัว ยี่ห้อ VW Caravelle ผมเข้าไปสอบถามแสดงความช่วยเหลือ เจ้าของรถเขาเพิ่งจะกดโทรศัพท์คุยมั้ง เลยหันมามองผมแบบงงๆ คงไม่เคยเจอคนมาช่วยเหลือ หรืออาจจะยังสับสนกับเรื่องรถที่เสีย เลยมองผมหัวจรดยาง ผมใส่กางเกงคล้ายกางเกงชาวเล ขา 3 ส่วน เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว และหมวกปีกกว้างสีเขียวมะกอก
   ผมยังยืนดูเขาต่ออีกสักพัก เผื่อเขาจะต้องการความช่วยเหลือ คือผมพอจะเป็นเรื่องรถยนต์อยู่บ้าง เผื่อแค่ปัญหาง่ายๆ เช่นหม้อน้ำรั่ว แบตฯหมด อะไรพวกนี้ ผมจะได้ช่วยเขาได้
   แต่คิดดูแล้วผมคงเป็นส่วนเกิน เจ้าของรถท่านไม่สนใจผมเลยแม้แต่น้อย เลยปลีกตัวออกมา ไม่ได้โกรธอะไร เขาคงคิดหาทางออกได้แล้ว ผมหวังว่าเป็นเช่นนั้น
   ผมชอบช่วยเหลือคนนะครับ ตอนปั่นจักรยานนี้จะพบรถยนต์จอดเสียอยู่มาก ที่บ่อยสุดที่ผมเคยช่วยก็คือหม้อน้ำรั่ว และยางแตก มีเยอะเลยนะครับที่เปลี่ยนยางรถตัวเองไม่เป็น ยังดีที่มียางอะไหล่และเครื่องมือ ไม่งั้นต้องใช้บริการรถลากกันอย่างเดียวเลย
   ขี่จักรยานต้องปะยางเป็น ขับรถยนต์ก็ควรเปลี่ยนยางเป็น พื้นฐานง่ายๆ แค่พอเอาตัวรอดได้ หากทำไม่เป็นก็ต้องพึ่งคนอื่น เสียเงินไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับผู้ชายขับรถแล้วเปลี่ยนยางไม่เป็นผมว่าเสียฟอร์มสุดๆ ดูความเป็นแมนลดลงฮวบอย่างน่าใจหาย
   หากยางแตก ก็ถอดแล้วเปลี่ยนซะ ที่พบความผิดพลาดบ่อยก็คือมักจะขึ้นแม่แรงมันไม่เป็น คือขึ้นน่ะขึ้นเป็น แต่มันขึ้นไม่ถูกจุด ทำให้รถเกิดความเสียหายบริเวณชายน้ำด้านล่าง อย่าว่าอะไรเลยนะ กระทั่งช่างข้างถนนยังขึ้นกันไม่ถูกเลย ฉะนั้นจึงพบเห็นรถดีๆ โดยช่างไร้ฝีมือทำรถมีตำหนิกันบ่อยมากๆ หนำซ้ำคือเขาเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าทำผิดมาตลอด
   ส่วนหม้อน้ำรั่วก็ให้รีบจอดรถ เปิดฝากระโปรงไว้ ยังไม่ต้องเปิดฝาหม้อน้ำ ทิ้งไว้ให้เครื่องเย็น ใช้เวลาราว 1 ชม จากนั้นก็่ค่อยเปิดฝาหม้อน้ำ จะให้ปลอดภัยก็ต้องมีผ้าขนหนูหนาๆ รองมือไว้ก่อนบิดเปิดฝา ป้องกันมือร้อน และน้ำพุ่งทะลัก ลองบิดกุญแจดูหน้าปัดว่าเข็มความร้อนขึ้นสูงเพียงใด (อย่าสตาร์ทเครื่อง) หากพบว่าขึ้นสูงอยู่ก็ต้องจอดคอยจนมันเย็น แต่ถ้าพบกว่าเข็มความร้อนแทบไม่กระดิก นั่นคือเครื่องเย็นแล้ว ให้เอาน้ำสะอาดเติมเข้าไปให้เต็มหม้อน้ำ ปิดฝาและวิ่งต่อไปได้เลย แต่หลังจากนี้ให้มองเข็มความร้อนบ่อยๆ หากขึ้นผิดสังเกตุให้รีบเข้าร้านหม้อน้ำจัดการซ่อมแซมรูรั่วทันที
   แต่ถ้าเป็นพวกรถเก่าๆ โทรมๆ แบบเน่าๆ เลยนะ ถ้าขับๆ แล้วเครื่องดับไปโดยไม่ได้มีปัญหาเรื่องหม้อน้ำ ก็มักจะเป็นเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง รถพวกนี้ไม่ค่อยได้เปลี่ยนไส้กรองเบนซิน เคยเจอคันหนึ่งผมแค่จับตัวไส้กรองเขย่าๆ สองทีรถก็สตาร์ทติดโดยง่าย เจ้าของรถคงคิดว่าผมมีเวทย์มนต์ เพราะเขาสตาร์ทอยู่นานก็ไม่ติดสักที
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #5 on: August 08, 2009, 05:17:53 pm »
7 สค 52
   ผมปั่นจักรยานเล่นตอนเช้า เจอกรุ๊ปทัวร์จักรยานของฝรั่งขี่สวนมา ที่จริงเราพบกันบ่อย คุ้นหน้าคุ้นตากันกับคนทำทริปบางคน แต่ไม่เคยคุยกันหรอก ได้แค่ส่งยิ้ม แต่ผมจะทักทายนักท่องเที่ยวพวกนี้เสมอ พูดว่า สวัสดีครับบ้าง Good Morning บาง หรือ Hello บ้าง คำพูดง่ายๆ แต่ทำให้นักท่องเที่ยวเขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก พูดพร้อมกับส่งยิ่มไปด้วย ส่วนใหญ่ก็จะทักทายตอบกลับมา บ้างก็ส่งยิ้มให้ คนไหนอายุมากหน่อยผมก็จะพูดต่อว่า “Ride Carefully”
   เช้านี้ก็เจออีก ขี่มาเป็นขบวนยาวมากเลย ทุกทีมีแค่ไม่กี่คัน แต่วันนี้มีเกือบ 20 คัน ผมจอดให้ทางเขาไปก่อน ด้านข้างผมเป็นรถสามล้อมีแม่ค้านั่งบ่นด้านหลัง
   “โอย อะไรมันจะมากันเยอะขนาดนั้น”
   “แหม นี่พวกฝรั่ง คนไทยไม่ต้องทำมาหากินกันหรืออย่างไร”
   ก็คนเขาจะบ่นน่ะครับ นี่ขนาดจอดให้ทางแค่ราว 15 วินาทีเองนะ แม่ค้ายังบ่นขนาดนี้ ผมเลยพูดกับแม่ค้าว่า
   “นานๆ เขามากันทีครับป้า”
   “เออ นั่นแหละ ก็ต้องเห็นใจเรา เราต้องทำมาหากิน” ป้าตอบผม
   “เขาเอาเงินเข้ามาให้ประเทศไทยเรานะครับป้า”
   ป้ามองหน้า “เออ ฉันก็ต้องทำมาค้าขายเหมือนกัน”
   บทสนทนาสั้นจบลงห้วนๆ พร้อมกับขบวนจักรยานนักท่องเที่ยวฝรั่งขี่ผ่านไป ทิ้งคำถามคาใจไว้ให้ผม เอ แล้วตอนรถติดบนท้องถนนนี่ ป้าแกจะบ่นกันขนาดไหนเชียวล่ะครับนี่
   อ้อ ยังไม่นับพวกตำรวจถ่อยที่เอาใจเจ้านายด้วยการสั่งปิดถนน สั่งปิดทางด่วน ตอนหัวหน้ามันจะนั่งรถผ่านอีกล่ะ เคยติดอยู่บนทางด่วนโดยการปิดถนนแบบนี้แหละ ช่วงมุ่งหน้าไปดอนเมือง ข้างๆ รถผมเป็นรถพยาบาล จอดเปิดไซเรน ตำรวจมันยังทำเป็นไม่ได้ยินเลย
   เลว…
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #6 on: August 09, 2009, 06:06:08 pm »
8 สค 52
   ผมเอารถดริฟท์ที่จอดทิ้งไว้หลายปี เอามาบูรณะปัดฝุ่นใหม่ ไม่ได้จะไปแข่งขันอะไรกับใครเขาหรอกครับ คิดแค่จะเอามาขับใช้งานบ้างสักหน่อยเท่านั้นเอง เพราะที่ผ่านมาหลายปีได้แต่ต่อทะเบียนแล้วก็แทบจะไม่ได้ขับไปไหนเลย
   ที่ไม่ได้นำออกมาใช้เพราะเสียงท่อไอเสียมันดังมาก แอร์ก็ไม่ค่อยเย็น (รถที่ไม่ค่อยได้ใช้ น้ำยาแอร์จะหายไปเร็ว) รถก็สะเทือนมาก ช้อคฯ สปริงแข็งมากๆ แถมผมยังไปใส่ Roll Cage และดามตัวถังให้มันยิ่งแข็งขึ้นไปอีก ก็แหม ตอนนั้นมันเอาไว้แข่งนี่นา
   รถจอดทิ้งไว้นนานเป็นปีๆ จะเอามาใช้งานก็ต้องเริ่มไล่กันใหม่ทุกจุดครับ พวกเรื่องพื้นฐานอย่างพวกน้ำมันของเหลวอะไรพวกนี้ต้องเปลี่ยนถ่ายแน่ๆ ไล่กันจนหมด รถผมยังวิ่งไม่ดี สตาร์ทยาก สุดท้ายพบอาการมีลมดันออกทางหม้อน้ำ ใช่เลย อาการคลาสสิคของรถแรง ฝาสูบโก่งครับ
   ไม่ใช่ปัญหา ผมให้ช่างไปไสฝาสูบ โรงกลึงที่รับทำกลับบอกว่า เอ๊ะ นี่มันฝาเครื่อง SR นี่ บางทีมันอาจร้าวนะ เอาล่ะสิ พูดจริงหรือขู่ก็ไม่รู้ แต่ลองไสดูก่อน
   วันนี้ผมรีบไปดูรถที่อู่ ช่างยิ้มๆ ผมนึกว่าข่าวดี รถเสร็จแล้ว แต่ดันกลายเป็นว่า ฝาสูบร้าว แบบที่โรงกลึงเขาบอกเลย เซ็งสุดยอด เพราะฝาสูบนี้แพงมาก ไม่รู้มันพังมาตั้งแต่ตอนไหน หรือจะเริ่มพังตอนช่วงที่ผมยังแข่งอยู่ก็ไม่รู้ มันเป็นเครื่องแต่งมาจากต่างประเทศ ใช้อุปกรณ์ของแต่งอย่างแรงมาด้วย เช่น Turbo และ กล่อง ECU ของ HKS
   สองจิตสองใจว่าจะเปลี่ยนเครื่องทั้วตัวเลยดี หรือว่าเปลี่ยนแค่เฉพาะฝาสูบที่มันเสียดี คิดสักพักแล้วสรุปเอาที่ว่าเปลี่ยนเฉพาะฝาสูบดีกว่า ใช้เงินน้อยกว่า เพราะรถผมคันนี้ไม่ค่อยได้ขับเท่าไหร่นัก
   กลางวันเปิดโทรทัศน์ดูเห็นมีแข่งศิลปะป้องตัวตัวมือเปล่า เรียกว่า Martial Arts ผมชอบครับ แต่ชอบแค่ Kick Boxing อย่างเดียว มีกีฬาประจำชาติอื่นๆ อีกเยอะ แต่มักจะเน้นทุ่ม เน้นปล้ำ ผมไม่ชอบ ผมซาดิสม์ ชอบรุนแรง เตะต่อยกันเลือดสาด แบบนี้ชอบมาก ฮ่าๆ ในเคเบิลทีวีก็มีครับ แต่เป็นชื่องานแข่งว่า K1 เคยเปิดดูตอนดึกๆ
   ผมชอบศิลปะป้องกันตัวมือเปล่าครับ ชอบสุดๆ ก็มวยไทยนี่แหละ ตัวผมเองก็เคยชกมวยมาบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ได้จริงจัง ชกตอนหนุ่มๆ แบบขึ้นเวทีด้วยนะ เวทีของจริงเลยด้วย
   ตอนเรียนอยู่ต่างประเทศก็ดันไปมีเพื่อนอยู่ในกลุ่มมาเฟียอีก เลยได้โชว์มวยไทย (แต่เขาเรียกกันว่า Kick Boxing) ไม่ได้เตะต่อยใครหรอก แค่เตะสูงโชว์บ้าง ฝรั่งเขาเตะไม่ค่อยเป็นครับ เขาไม่ค่อยได้ฝึก แต่ระยะหลังมานี้มวยไทยฮิตมาก จนมันแยกประเภทออกมาจาก Kick Boxing แล้ว มวยไทยเราเจ๋งกว่าเยอะครับ สารคดีฝรั่งเขาจัดอันดับความรุนแรงของกีฬาแนวนี้ปรากฎว่ามวยไทยเราเป็นอันดับ 2 ส่วนอันดับ 1 คือ คาราเต้ ครับ
   
9 สค 52
   เอารถพับออกปั่นไป 20 กม ปั่นช้าๆ ไม่ได้เร่งอะไรมากนัก ใช้เวลาไปราว 60 นาที รวม Worm Up และ Cool Down
   วันอาทิตย์ไปห้าง ไม่ได้ไปเดินเล่นอะไรกับเขาหรอก พาลูกไปเรียนพิเศษ และก็ไม่ได้เรียนเพื่อแข่งขันกับใคร เรียนคณิตศาสตร์ที่เขาเลือกเอง
   เดินผ่านพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า ผมเห็นหูฟังแบบครอบหู นึกอยากได้เอาไว้ใช้กับคีย์บอร์ด (เครื่องดนตรี) เห็นวางขายกันเกลื่อน ดูจนตาลาย ผมเลือกไม่เป็น เลยสอบถามพนักงานขายถึงวิธีการเลือกใช้หูฟัง เขาว่าใช้วิธีดูเสียง ผมทำหน้าสงสัย คิดไปว่าเราเองคงจะฟังผิด เขาอธิบายสรรพคุณของรุ่นต่างๆ ในตู้โชว์ ดูตั้งใจดีนะ แต่ผมต้องรีบถอยห่างออกมาให้ไกล ปากมันเหม็นมากครับ ได้กลิ่นแล้วหมดอารมณ์จะเลือกซื้อของเลย
   ในโลกเราทุกวันนี้มีคนปากเหม็นเยอะนะ บ้างก็รู้ตัว บ้างก็ไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ที่เกิดเหตุมันอยู่ห่างจมูกตัวเองแค่ 1 นิ้วเท่านั้นเอง
   สัปดาห์ก่อนผมไปผ่อนค่างวดที่คอนโด ปกติจะเป็นพนักงานหญิงรับเรื่อง พวกนี้ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนใหญ่หน้าตาจะสะสวย สะอาด แต่วันนี้ไปเจอพนักงานชาย ได้เรื่องเลยครับ คุยกันแป๊บเดียวต้องรีบหนีออกไปเดินเล่นชมวิวสูดอากาศบริสุทธิ์แทน
   กลิ่นปากนี้เสียบุคคลิกมากนะครับ แต่ร้ายกว่านั้นคือมันบอกถึงโรคภัยไข้เจ็บของเจ้าตัวอีกด้วย เริ่มจากโรคเหงือกอักเสบ คอฟันอักเสบ โรคปริทนต์ มีหินปูนมาก มีพลัคเกาะมาก และหากปล่อยทิ้งไว้ ไม่ดูแลปาก อาการอักเสบก็จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แบคทีเรียจะเข้าสู่กระแสเลือด ถ้าคนแข็งแรงก็จะมีเม็ดเลือดขาวคอยป้องกันฆ่าแบคทีเรียนี้ แต่หลังจากฆ่าเสร็จมันจะปล่อยสารตัวหนึ่งออกมา ผมลืมชื่อไปแล้ว เจ้าสารตัวนี้จะเข้าไปฝังตัวอยู่ในเกล็ดเลือด หากมีมากเข้า จะทำให้เลือดเกาะตัวกันเป็นลิ่มเลือด ใช่แล้ว หากใครมีปัญหาเรื่องหลอดเลือดร่วมด้วยล่ะก็ ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันก็อาจมาเยือนท่านได้ง่ายๆ
   ทั้งหมดนี้แค่สาเหตุมาจากโรคปากเองนะครับ ดูแลรักษาสุขภาพกายและต้องรักษาสุขภาพปากและฟันให้ดีอีกด้วย ใครดื่มเหล้าสูบบุหรี่ก็ยิ่งเพิ่มอัตราเสี่ยงมากยิ่งขึ้นจากคนปกติเป็นเท่าตัวครับ
   อาการที่พบเห็นได้ด้วยตนเองก็คือมีเลือดออกขณะแปรงฟันครับ ถ้านิดๆ หน่อยๆ ก็อาจเป็นไปได้ว่าแปรงแรงเกินไป แต่เราก็ต้องตรวจสอบเองด้วยว่ามีอาการเหงือกร่น เหงือกอักเสบ และมีกลิ่นปากร่วมด้วยหรือไม่ หากมีก็ต้องให้หมอฟันช่วยจัดการด่วน สำหรับใครที่หาหมอฟันทุก 6 เดือนก็รอดไป แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะก็… เสร็จ
   ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายกันให้ดีนะครับ ด้วยความปรารถนาดี
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #7 on: August 10, 2009, 03:58:13 pm »
10 สค 52
   ฝนปรอยบางๆ เบาๆ  แต่เช้า ฝนแบบนี้หากอยู่ที่เมืองหนาว บนยอดเขาสูงๆ  มันจะกลายเป็นปุยหิมะนุ่มๆ ดูแล้วสวย โรแมนติค เหมือนในหนัง แต่ฝนในเมืองร้อนมันก็เป็นเหมือนละอองน้ำ โดนนานๆ ก็จะเปียก ถ้าโดนนิดหน่อยแค่ละออง ก็จะได้ความสดชื่น ฝนแบบนี้ชาวจักรยานชอบกันมาก เพราะตกแล้วเย็นสบาย แดดก็ไม่มีอีกด้วย
   เช้านี้รับโทรศัพท์จากลูกค้าที่ผมไปโพสขาย Pannier ของ Deuter เอาไว้ เขาอยู่แถวราชดำเนิน นัดดูของกันพรุ่งนี้ ส่วนอีกท่านอยู่ศรีราชา คนนี้เคยโทรมาคุยกันแล้ว เขาโทรมาตามเรื่อง ผมเองที่ล่าช้า เพราะไม่เคยค้าขายในเวป ไม่รู้ค่าจัดส่ง ว่าเขาคิดกันแค่ไหน อย่างไร รู้สึกอายเหมือนกันที่ทำอะไรไม่เป็น แต่สัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะส่งภายในสัปดาห์นี้
   พายุชื่อมรกตขึ้นที่ไต้หวันครับ รุนแรงมาก ขนาดตึก 6 ชั้นนั้นค่อยๆ เอียงๆ แล้วก็ถล่มลงมาในที่สุด ดูข่าวแล้วน่าตกใจครับ นี่เหตุมันเกิดไกลตัวเรา จึงรับฟังแล้วเฉยๆ แต่ถ้าลองคิดว่าเป็นคนใกล้ตัวเราสิ เป็นญาติเราสิ จะรู้คำตอบ
   โลกเรานี้มันไม่กว้างใหญ่นักหรอกครับ เด็ดดอกไม้ก็สะเทือนถึงดวงดาว วันนี้และพรุ่งนี้หรือวันต่อไปบ้านเราก็ยังคงครึ้มฟ้าครึ้มฝน แต่บ้านเรานั้นเป็นแค่ฝน เรายังไม่เคยโดนพายุแบบแรงๆ  อ้อ จะมีบ้างก็พายุเกย์ที่ชุมพร หลายปีก่อนแล้วล่ะ แต่เสียหายเพราะดินโคลนถล่มและท่อนซุงจากป่าไหลตามน้ำมาฆ่าคนเสียมากกว่า
   ดินโคลนถล่มนี้เป็นเรื่องธรรมชาติครับ แต่การถางป่า เปิดป่า บุกรุกป่า ก็จะทำให้ปัญหานั้นรุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลกับคนที่อยู่รอบๆ ป่านั้นเอง
   ใช่แล้ว ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงนั้นเองแหละครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #8 on: August 11, 2009, 04:03:48 pm »
11 สค 52   
   เช้านี้มีพี่ท่านหนึ่งมารับ Pannier ของ Deuter ที่บ้าน ดูแกรีบๆ ยังไงพิกล ผมสอนถอดใส่อแดปเตอร์ก็ไม่ค่อยสนใจ สงสัยจะรีบกลับไปทำงานต่อ ไม่ก็แอบหนีงานมา ฮ่าๆ 
เพื่อนผมส่งข้อความมาคุย ถามว่าเมื่อไหร่ประเทศเอ็งจะเปิด ผมงงกับคำถาม มันไม่ได้ปิดนี่หว่า คุยได้ไปสักพักก็เข้าใจ สถานทูตเขาออกคำเตือนเรื่องเมืองไทยมีไว้หวัด 09 ระบาดหนัก และการเมืองยังมีความวุ่นวาย
   แต่พอคุยกันส่วนตัว เขาว่าไม่เห็นจะมีนักท่องเที่ยวคนไหนกลัวเมืองไทยเลย ยังแห่กันมาไทยกันให้เพียบ คนยุโรปก็จะหนีหนาวมาหาร้อนในไทย คนตะวันออกไกลก็จะหนีร้อนจัดมาอยู่ไทย
   ไทยเราคือสุดยอดของประเทศที่น่าเที่ยวในเอเชียแล้วครับ อันนี้มองในสายตาของนักท่องเที่ยวด้วยนะ โอเค เราไม่ได้เจ๋งไปกว่าญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ แต่เราเด่นกว่าตรงค่าครองชีพถูกกว่าเขาหลายเท่าตัว เอาเป็นว่ามีเงินสัก 1000 บาท อยู่กรุงเทพฯได้เกิน 1 วันแบบสบายๆ แต่ถ้าไปอยู่ต่างจังหวัดก็จะอยู่ได้เกือบสัปดาห์ (กินนอนแบบประหยัด)
   หากเป็นประเทศเจริญและไฮโซมากๆ อย่างญี่ปุ่น เกาหลีแล้วล่ะก็ เงิน 1000 บาท ยังไม่พอค่าที่นอนสักคืนเลย ไหนจะอาหารการกินอีก ค่าน้ำดื่มอีก นับเฉพาะแค่ค่ากินอยู่ก็เกินวันละ 1000 บาทแล้วล่ะครับ
   ส่วนที่ค่าครองชีพถูกกว่าเราก็มีอีกเยอะครับ ลาว พม่า เวียดนาม แต่ประเทศรอบข้างเรานี้ยังไม่เปิดกว้างนัก และการเดินทางยังไม่สะดวกเท่าไทย และแหล่งท่องเที่ยวยังไม่หลากหลายเท่าไทยเรา เอาเป็นว่าย่านนี้ เราเจ๋งสุด
   น่าเสียดายที่เราไม่รู้ถึงความเจ๋งของตัวเราเอง
   เรามัวแต่ประโคมข่าวไข้หวัด 09 ระบาด ประโคมข่าวการเมืองตีกัน จนคนไทยเองต่างหากที่หวั่นวิตก แต่ชาวโลกเขาเฉยๆ ครับ โรคระบาดมีกันทั่วโลกมาเป็นศตวรรษแล้ว มันอยู่ที่การบริหารจัดการของรัฐ และสาธารณสุขประเทศนั้นๆ การเมืองเขาเราไม่นิ่ง มาตีกันเอง ก็เลยมีการออกข่าวขัดแข้งขัดขา คนซวยก็คือชาวไทยนี่แหละ
   การเมืองไม่นิ่งก็ยังเป็นเรื่องธรรมดา หลายประเทศเขาก็ไม่นิ่ง แต่ก็ต้องรู้วิธีจัดการไม่ให้มันกระทบกระเทือนการท่องเที่ยว ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ต่างหาก คือต้องแยกสองเรื่องออกจากกัน ต่อสู้ทางการเมืองก็สู้กันไป คนท้องถิ่นก็ต้อนรับนักท่องเที่ยวกันไป มันควรเดินคนละทาง
   ในความคิดของผมแล้ว ประเทศไทยไม่น่าจะมีคำว่า Low Season ด้วยซ็ำไป บ้านเราเหมาะสมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดปี เราคิดไปเองว่ามัน Low ใจมันคิดไปแล้ว การกระทำก็เลยทำแบบ Low Low ตามไปด้วย ลองคิดว่ามัน High สิครับ ให้มัน High ตลอดเวลาเลย จัดโปรโมชั่น จัดอีเวนท์ จัดกิจกรรมต่างๆ ยกตัวอย่างงาน Full Moon Party ที่เกาะพงัน (เอ๊ะ หรือสมุย ผมชักไม่แน่ใจ)   ผมถือว่าเจ๋งเอามากๆ ไม่รู้ใครคิดวะ ยกนิ้วให้แม่งเลย เดือนหนึ่งมี Full Moon สองครั้ง สุดยอดของอีเวนท์แล้ว เพราะเป็นอีเวนท์แบบจัดกันถาวรเลย ไม่ต้องประชาสัมพันธ์อะไรอีกต่อไปแล้ว คนเขาดูปฎิทินก็จะรู้กันเองว่ามีงานกันวันไหน อย่างไร บ๊ะ แม่งแจ๋วว่ะ
   ผมไม่เคยไปหรอกนะ แค่ได้ข่าว แต่ผมคิดและวิเคราะห์ต่อเนื่องไปเองว่ามันคงทำเงินให้กับชาวท้องถิ่นได้อย่างมาก นี่ขนาดเป็นเกาะนะ แถมไกลอีกด้วย นั่งเรือกันนาน รอคิวเรือกันก็หลายชั่วโมง แต่ระยะไม่กี่ปีมานี้มีเครื่องบินๆ ตรงแล้ว สบายหน่อย
   เรื่องการท่องเที่ยวนี่ผมถือว่าน่าจะเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทยครับ เรามีของดีอยู่กับตัว แต่ก็มักจะมองไม่เห็น ดีที่คนอื่นเขายังมองเห็น เขาเลยเอาเงินเข้ามาให้เราถึงหน้าประตูบ้าน ขอแค่เราปัดกวาดหน้าบ้านให้มันสะอาดสะอ้านหน่อย ดูแลคนเดินผ่านไปมาหน้าบ้านสักนิด อย่าทำหน้าบ้านสกปรกเลอะเทอะ มีน้ำดื่มบริการฟรีหน้าบ้านยิ่งแจ๋ว ทำกันได้ไหมล่ะครับพี่น้อง
   เริ่มจากต้องมองนักท่องเที่ยวเป็นเหมือนเพื่อนก่อนครับ เห็นเขาเดินผ่านก็ไม่ต้องอะไรมาก แค่ส่งยิ้มทักทาย เขาไม่ยิ้มตอบก็ไม่ต้องไปโมโหโกรธาอะไร เรายิ้มส่งด้วยใจ ส่งความปรารถนาดีให้ หรือหากใครอยากฝึกภาษาก็ทักทาย Hello บ้าง หากเห็นเขากำลังดูแผนที่ก็ควรเสนอตัวช่วยเหลือ รับรองว่าได้ช่วยทุกครั้งครับ ตอนผมว่างๆ จะเอาจักรยานปั่นเล่นข้ามไปทางปากคลองตลาด เห็นฝรั่งเยอะมากๆ ครั้งหนึ่งๆ ได้ช่วยคนดูแผนที่ไม่ต่ำกว่า 5 กลุ่ม ไม่ต้องกลัวว่าพูดกับเขาไม่เป็นหรอกครับ ใช้แค่ชี้ๆ ในแผนที่ก็ใช้ได้แล้ว โดยมากเขาก็จะเดินทางไปในย่านนั้นๆ แหละครับ เช่น ไปวัดโพธิ์ ไปวัดพระแก้ว ไปชมแม่น้ำเจ้าพระยา เออ ผมเคยเจอคำถามหนึ่งที่ตอบยาก เขาถามผมว่ากินอาหารที่ไหนดี คิดไม่ออกครับ เพราะผมไม่ใช่พวกนักชิม แถมร้านดีร้านเด่นจริงๆ มันก็ไม่ได้อยู่ย่านนี้ เลยชี้เขาไปร้านอาหารตามสั่งแบบใหญ่หน่อยแทน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะสั่งกันรู้เรื่องไหม นี่ถ้าร้านไหนเมนูมีภาพประกอบก็จะรองรับฝรั่งนักท่องเที่ยวได้อีกเยอะเลย
   จะค้าขายกับฝรั่งก็ต้องรู้จักปรับตัวครับ เขาเอาเงินมาให้เราถึงหน้าบ้าน แถมไม่ค่อยต่อราคาสักคำ บริการเขาดีๆ หน่อยครับ เขาจะได้ประทับใจ เชื่อได้เลยว่าอีกหลายคนต้องติดใจเมืองไทยเป็นแน่
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #9 on: August 12, 2009, 02:33:35 pm »
12 สค 52
   วันนี้เป็นวันแม่ วันเกิดของพระราชินี เมื่อก่อนไม่ได้เรียกวันแม่ ยังไม่มีกระแสยกย่องความเป็นแม่ จนกระทั่งสมเด็จย่าป่วย นั่นแหละ ถึงได้มีกระแสฮิตความรักแม่เกิดขึ้นมา
   แม่ใครๆ ก็รักทั้งนั้น แต่แสดงออกไม่เหมือนกัน แล้วแต่ความใกล้ชิดสนิทสนม และการเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก
   ที่ต้องจำไว้เป็นปรกฎการณ์ก็คือ เย็นวันนี้ร้านอาหารทุกร้านจะแน่นขนัดไปหมด เขาพาแม่ไปทานข้าวกันครับ อดสงสัยไม่ได้ว่าลำพังวันอื่นเขาไม่ได้ทานข้าวกับแม่กันหรอกหรือ เอาล่ะมีบ้างบางคนที่อยู่ห่างจากแม่ แต่ก็มีอีกเยอะที่อยู่กับแม่ทุกวันอยู่แล้ว เอ้า ช่างมัน อย่าไปคิดอะไรมาก เรื่องของความรักก็ปล่อยให้มันเป็นไป มันเป็นเรื่องดีที่สร้างความผูกพันธ์ในครอบครัว ขอให้รักกันทุกคนและทุกวันก็แล้วกัน
   ตอนกลางวันรุ่นน้องที่เล่นจักรยานโทรมาคุย เขาเพิ่งกลับจากทริปลาว เล่าถึงความสาหัส ผมฟังแล้วรู้สึกว่าสภาพเส้นทางของมันน่าจะเหมาะกับเมาเทนไบค์เสียมากกว่าที่จะเป็นทัวริ่งไบค์ และถ้าเป็นไปได้ก็ขนของไปให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เส้นทางมีแต่ขรุขระกับขึ้นเขา ฮ่าๆ
   ฟังแล้วอยากลองโหดๆ เหมือนกัน ที่ผ่านมาผมได้แต่เจอแค่ทางไกล ทางชัน รุ้สึกว่าทางขรุขระนี้จะไม่ค่อยมีนักจักรยานท่านใดพิศมัยเอาเสียเลย ก็แหงล่ะ เส้นทางแบบนี้มันทรมานรถ ทรมานคน ยิ่งขนของเยอะก็จะยิ่งพังเร็ว กระเป๋าหรือ Pannier ห่วยๆ ก็จะมาออกอาการเอาตอนนี้แหละครับ เริ่มจากหูยึดขาดบ้าง ตะเข็บปริแตกบ้าง ซึ่งบ้างก็เกิดจากตัวคุณภาพของกระเป๋าเอง และอีกปัญหาก็คือผู้ใช้เองที่ใส่ของลงไปอย่างไม่ถูกวิธี
   ยกตัวอย่างนักถ่ายภาพที่พกขาตั้งกล้องไปด้วย เอาขาตั้งเสียบลงวางตั้งฉากกับพื้น เพราะหยิบเข้าหยิบออกได้ง่าย พอรถเจอหลุมบ่อหรือทางขรุขระมากเข้า ขาตั้งกล้องที่มีขาแหลมๆ ก็ค่อยๆ เจาะทะลุกระเป๋าตัวเองทีละน้อยๆ แล้วพอมันทะลุ มันขาด จะมาบอกคนอื่นว่าอย่างไรดี
   “ผมโง่เองครับ ที่ใส่ของไม่ถูกต้อง เอาของแหลมๆ มาวางแบบนี้”
   “กระเป๋ายี่ห้อนี้ห่วยมาก ใช้แป๊บเดียวทะลุแล้ว พื้นไม่แข็งแรงเลย”
   ปากคนน่ะครับ จะพูดอย่างไรก็พูดได้ กระเป๋ามันไม่มีปาก เลยพูดไม่ได้ หรืออีกตัวอย่างนักเดินทางแคมปิ้งขนของไปมากมาย มีน้ำปลาติดไปด้วย พอถึงจุดหมายจะหยิบของออกมาใช้งาน พบน้ำปลาหกกระจายเต็มเป้ กลิ่นกระจายไปอีกหลายวัน และน่าจะเป็นตลอดทริปเลยด้วยซ้ำไป โทษใครดีครับ
   “ผมผิดเองครับที่น้ำน้ำปลาไป”
   “ผมปิดฝาขวดไม่ดีเองครับ”
   “ขวดนี้แม่งฝาห่วยมาก ไม่น่าใช้เลย”
   ปากคนนี่จะพูดไปในทิศทางใดก็ได้น่ะครับ เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เราไม่รู้หรอกว่าเหตุมันเกิดจากอะไร แต่ที่แน่ๆ คือ น้ำปลา และขาตั้งกล้องมันเดินเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเองไม่ได้
   เปิดเวป thaimtb เจอกระทู้หนึ่งคุยเรื่องนอตขาจานหลุด ก็เรื่องธรรมดาแหละ แต่ไม่ธรรมดาสำหรับผมก็คือทุกคนในกระทู้ต่างโทษช่างประกอบรถว่าทำงานไม่ดี ชุ่ย ซึ่งผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ผมมองในมุมของนักปั่นจักรยานทัวริ่งที่เราจะต้องช่วยเหลือตัวเองอยู่ตลอดเวลา ผมเกิดคำถามในใจว่า “ทำไมไม่ดูแลรถให้ดีก่อนออกเดินทางล่ะครับ” เพราะขนาดนอตตัวนี้หลวมจนหลุดออกมาได้นี่มันไม่ง่ายเลย ช่างประกอบห่วยขนาดขันไม่แน่นก็เป็นไปได้ แต่หากมันหลวมมาก เราขี่รถอยู่ก็ต้องจับอาการรถได้อยู่แล้ว
   นอตมันไม่มีปากไงครับ มันเลยตะโกนบอกคนขี่ไม่ได้ว่า เฮ้ย หยุดๆ รีบมาขันข้าก่อนที่ข้าจะจากไป
   นักจักรยานทุกท่านควรต้องตรวจเช็คนอตทุกตัวก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะจุดที่มีการเคลื่อนไหวครับ วิธีตรวจเช็คก็คือใช้ประแจถูกเบอร์ขันนอตคลายออก แล้วค่อยขันเข้าไปใหม่ให้แน่น หากมีคู่มือระบุค่าความตึงของนอตได้จะเยี่ยมมากครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #10 on: August 13, 2009, 06:11:11 pm »
13 สค 52
   ระยะหลังมานี้ผมดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดีมาก ทั้งๆ ที่ปกติก็อยู่ในเกณฑ์ดีอยู่แล้ว มีเหตุผลครับ ผมมีงานใหญ่ๆ รออยู่ปลายปี
   การดูแลสุขภาพกายนั้นยังไม่พอ ต้องดูแลสุขภาพจิตใจ และสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่อีกด้วย ยากครับ แต่ก็ต้องทำ ทำเท่าที่เราทำได้นี่แหละ
   การขี่จักรยานแบบทัวริ่งช่วยผมอย่างมากในเรื่องของการทำสมาธิ ผมจึงชอบเดินทางมาก เพราะได้ฝึกทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน แถมยังมีโอกาสทำความดีได้มากกว่าขณะเราอยู่บนรถยนต์อีกด้วย เช่นคนจะข้ามถนน รถยนต์มักไม่ค่อยจอดให้อย่างเต็มใจหรอก ที่เห็นเบรกกันน่ะเป็นเพราะมันจะเฉียดชนคนอยู่แล้วมันเลยเบรก เราปั่นจักรยานมาก็ใช้วิธีลงเข็นข้ามถนนเลยครับ เอาจักรยานเรากันด้านข้างไว้ แค่นี้ก็สามารถพาคนข้ามถนนได้แล้ว อ้อ มีเทคนิคนิดหน่อย คือต้องใจแข็งเข็นเลื่อนหน้าทีละนิดๆ ครับ รถยนต์มันจะค่อยๆ หยุดกันให้เอง (เพราะมันไปไม่ได้แล้ว) ผมทำแบบนี้บ่อยตอนพาฝรั่งข้ามถนนแถวย่านปากคลองตลาด ฝรั่งเขาไม่รู้จังหวะของรถยนต์ที่ขับผ่านเหมือนคนไทยเราหรอกครับ
   ผมเรียกวิธีข้ามถนนแบบนี้ว่า “วิธีข้ามแบบอิตาลี” เพราะตอนผมไปอิตาลี รถราเยอะมากๆ ไม่แพ้บ้านเรา ยืนอยู่บนทางเท้าเราก็ไม่กล้าข้าม ขนาดยืนหน้าทางม้าลายแล้วนะ ยังไม่กล้าเดินลงไปเลย คือเราเป็นคนต่างถิ่น เราไม่รู้จังหวะและวัฒนธรรมของเขาไง แต่ถ้าเป็นที่สหรัฐอเมริกาล่ะก็ เอาแค่ยืนริมทางเท้านะ รถเขาก็หยุดให้คนข้ามกันทั้งสองฝั่งถนนเลย นี่ขนาดยังไม่ได้ก้าวลงไปเหยียบบนทางม้าลายเลยนะนี่ มารยาทสุดยอดจริงๆ
   กลับมาที่โรม อิตาลี ยืนอยู่นาน รถไม่ยอมหยุดครับ วิ่งกันฉิวๆ แต่พอเราก้าวเท้าลงแตะพื้นถนนเท่านั้นแหละ ทางม้าลายแปรสภาพเสมือนทางเท้าขึ้นมาทันทีทันใด ราวกับว่าพื้นมันยกสูงขึ้นมาคนละระดับกับถนนอย่างนั้นแหละ รถยนต์ต่างหยุดให้คนข้ามอย่างเป็นระเบียบ แต่พอคนเดินผ่านไป รถก็แล่นต่อไปอย่างเดิม
   ในไทยเราก็ต้องข้ามแบบอิตาลีนี่แหละครับ ก็เพราะยืนบนทางม้าลายแล้วรถก็ยังไม่หยุดให้เลย ขนาดลงไปยืนบนถนนแล้วนะ รถก็ยังแล่นต่อกันแถมยังมีเร่งส่ง กลัวเราจะมีช่องว่าง เดี๋ยวกลัวคนมันจะเดิน เราเร่งเครื่องให้ชิดคันหน้าหน่อยดีกว่า อะไรทำนองนี้
   ยังมีอีกกรณีคือทางม้าลายแล้วมีสัญญาณไฟ ตามปกติรถก็จะต้องหยุดให้คนข้ามทางม้าลายอยู่แล้ว แต่มีบางคนข้ามโดยไม่กดขอไฟไง ไฟมันก็ยังคงเขียวอยู่ ทีนี้แหละมึงเอ๋ย อย่าหวังว่ารถยนต์มันจะหยุดให้มึงเลยเพื่อน ไฟเขียวนี้คือไฟเทพเจ้า ต้องรีบเร่งส่งกัน
   ทุกอย่างมันแก้ไขได้ด้วยคำว่าวินัยครับ ใช้รถใช้ถนนก็ต้องมีวินัย มีระเบียบ อย่าคิดว่าเรื่องพวกนี้คือเรื่องเล็กน้อย เพราะมันสั่งสมมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว หากไม่แก้วันนี้ จะให้แก้กันวันใดหรือ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #11 on: August 14, 2009, 03:44:39 pm »
14 สค 52
   วันนี้ผมได้ข่าวว่าทางภาครัฐจะกระตุ้นเศรฐกิจด้วยการรวมกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนทำอะไรกันสักอย่าง จับใจความได้ว่าจะดูตัวอย่างของประเทศอังกฤษ ญีปุ่น เกาหลี
   ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ ครับ เพราะพื้นฐานของไทยเรานั้นต่างจากประเทศที่เอ่ยมาแล้วอย่างสิ้นเชิง ประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว เขาจะเริ่มด้วยการพัฒนาคนเป็นหลักครับ  และหากศึกษาประวัติศาสตร์ของเขา มักจะพบว่าเขาเผชิญความยากลำบากอย่างแสนสาหัสมาก่อนแทบทั้งสิ้น มาดูแต่ละประเทศกัน นี่ผมเล่าเฉพาะที่ผมรู้ๆ มานะ ไม่ได้เปิดหนังสือมาเล่า เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น จะยิ่งได้รายละเอียดเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะมากๆ
   เริ่มจากอังกฤษ ชาตินี้กว่าจะยิ่งใหญ่ก็ต้องรบรากันเองมาเป็นร้อยๆ ปี มีฝ่ายเหนือฝ่ายใต้รบกันไม่หยุดหย่อน ชาวบ้านไม่ต้องทำอะไรกันล่ะ วันๆ มีแต่สงคราม
   เกาหลี ก็ตีกันเองมาก่อน ฝ่ายเหนือฝ่ายใต้เช่นกัน ทุกวันนี้แม้จะเลิกรบกันแล้ว แต่ก็ยังแยกประเทศกันอยู่ บอกได้เลยครับว่าหากเขารวมกันได้เหมือนเยอรมันล่ะก็ จะเห็นความยิ่งใหญ่แบบอลังการได้เลย
   ส่วนญี่ปุ่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาสาหัสกว่าใครในโลก เขาโดนระเบิดปรมณูไป 2 ลูก คนตายเป็นแสน และโดนฝุ่นกำมันตรังสีแผ่ขยายไปเป็นบริเวณกว้าง เกิดการสะสมโรคต่างๆ หลังจากนั้นอีกเป็นสิบปี
   ต่างจากไทยเราอย่างสิ้นเชิงครับ ไทยเราไม่เคยลำบากอะไรสักอย่าง ประเทศที่เขาพัฒนาทางอุตสาหกรรมมักจะไม่มีทรัพย์ในดินสินในน้ำเหมือนไทยเราครับ ของเราในน้ำมีปลา ในนามีข้าว อันที่จริงพื้นฐานของไทยเราถือว่ามีทุนหนามากๆ แถมมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานมากกว่าพระองค์ใดในโลก น่าเสียดายที่เรามองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง แต่มองเห็นสิ่งไร้ค่ารอบกายว่าเป็นของดี ของเด่น แท้ที่จริงก็เพียงแค่ตนเองไม่รู้จักคิดวิเคราะห์ เรียกว่ามองไม่ออก กลายเป็นเทิดทูนคนมีเงิน เห็นฝรั่งนี้ขาสั่นเลย กลัวมัน เชื่อมัน มันพูดอะไรก็ต้องคอยฟัง คอยเคารพ สิ่งที่มันพูดจะต้องถูกไปหมด มันต้องเก่งกว่าเรา อะไรทำนองนี้
   ที่บอกมานี้ทั้งหมดคือจุดอ่อนของคนไทยเราครับ เช่นนี้ประไร เราจึงโดนเขาหลอกมาตลอด และหากยังไม่ปรับตัวก็จะโดนเขาหลอกต่อไปเรื่อยๆ และโดนไปอีกนาน หากโง่มากนักก็จะโดนหลายเด้ง
   อะไรบ้างหรือที่ฝรั่งเขาหลอกเรา เรื่องแรกผมยกให้เป็น Joke of the world เลยก็คือเรื่องปรากฎการณ์ Y2K ที่บอกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าทุกเครื่องไม่ได้ออกแบบมารองรับ คศ 2000 มันจะวิ่งได้ถึงแค่ 1999 พอขึ้น 2000 ปุ๊บ เครื่องจะเกิดโกลาหล ข้อมูลหายบ้าง บูทไม่ขึ้นบ้าง เอาเป็นว่าเกิดการเสียหายครั้งใหญ่ เอาล่ะสิ ทุกหน่วยงานล้วนแล้วแต่มีคอมพิวเตอร์ ต่างพากันเปลี่ยนชิ้นส่วนกันใหญ่ บางคนงบถึงก็เล่นเปลี่ยนเครื่องยกระบบกันเลยก็มี แล้วเป็นไงล่ะ เครื่องเก่าๆ ทุกวันนีก็ยังรันได้ตามปกติ ผมยังเห็นคนใช้ win 98 กันอยู่เลย จะมีปัญหาก็เพียงแต่ window ตัวใหม่มันกินพื้นที่มาก กินแรมมาก จนเครื่องรุ่นเก่าลง OS ไม่ได้แค่นั้นเอง
   ส่วน Joke of the Thai ผมยกให้เรื่อง IMF ครับ อันนี้โดนหลอกแบบเต็มใจให้หลอก เขาเอาเงินมาให้เรายืม เขากดราคาทรัพย์สินอสังหาในไทย ตึกของไฟแนนซ์ทั้ง 52 แห่งที่ปิดตัวไป ล้วนถูกขายทอดตลาดในราคาเพียงแค่ราว 20% ของมูลค่าจริง ขอโทษ คนไทยไม่ได้ซื้อ คนซื้อกลายเป็นคนสิงคโปร์ครับ บอกได้เลยว่าทุกวันนี้มีตึกใหญ่ๆ บนถนนสาทรถึง 9 แห่งที่มีเจ้าของเป็นคนสิงคโปร์
   IMF เอาเงินมาให้เรา แล้วก็บัญชาการใช้เงินของเราด้วย บอกเราว่าต้องทำอะไรบ้าง ต้องมีการลดค่าเงินบาทด้วยนะ (อันนี้ฉิบหายถาวรจนถึงวันนี้) ต้องมีการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ แล้วก็จัดระเบียบการใช้เงินมาแบบเบ็ดเสร็จ ให้เงินยังไม่พอ ยังครอบงำบงการอีกด้วย (แต่ถ้าให้มองแง่ดีก็คือเขากลัวเราใช้เงินไม่เป็นน่ะ)
   คุยเรื่องการพัฒนาบ้านเมืองแล้วเบื่อว่ะ ผมอยากบริหารประเทศนี้จริงๆ แต่คงยากน่ะ แนวทางของผมผู้คนคงจะไม่เห็นด้วยเป็นแน่ เพราะผมจะแจ้งเกิดประเทศไทยด้วยการเกษตรครับ ผมว่าเกษตรกรรมนี่แหละ คือธุรกิจที่ยั่งยืน คือความเป็นไทยโดยแท้ เรามีของดีอยู่ในมือ มีกษัตริย์ที่ทรงปราชเปรื่องทางด้านนี้อย่างมาก ทำไมคนไทยไม่สนใจของดีที่เรามีอยู่ในมือ
   ผมถามเองก็ได้คำตอบกลับมาจากอีกฟากหนึ่งของสมองครับ คือคนไทยเรายังคิดเองไม่เป็นไง เรายังงอมืองอเท้ารอคนมาช่วย ประกอบกับที่บอกไว้ข้างต้น คนไทยเรายังไม่เคยเจอวิกฤตหนักๆ เลย อย่างเก่งก็แค่รบกับพม่า เราชนะเขาบ้าง เขาชนะเราบ้าง ก็เหมือนเด็กชกกันน่ะ ผลคือเจ็บทั้งคู่ ไม่ได้น่าภูมิใจอะไรสักนิด เรายังไม่เคยเสียประเทศ ไม่เคยเสียเอกราช คิดแล้วก็น่าภูมิใจเหมือนกันนะ แต่มันต้องต่อยอดอะไรจากความภูมิใจนี้ด้วยสิ ไม่ได้คิดภูมิอกภูมิใจเฉยๆ มันไม่เกิดประโยชน์หรอก
   การเฉือนดินแดนสยามในอดีตให้แก่ฝรั่งเศษ ให้อังกฤษ ไปตั้งเยอะแยะ มันไม่ได้คืนกลับมาสักนิด อันนี้ไม่อยากเล่าให้อ่าน กลัวคนคิดว่าผมเนรคุณประเทศ เอาไว้เจอกันแล้วจะเล่าปากเปล่าให้ฟัง
   พอละ บ่นมากเบื่อเหมือนกัน บอกย้ำอีกครั้งครับว่า หากไทยจะพัฒนาแจ้งเกิดในโลกใบนี้ได้ จะต้องมาจากภาคเกษตรเท่านั้น
   วันนี้ฝนตกหนักแต่เช้า ราวตี 3-4 มั้ง เมื่อคืนก่อนก็ตก เวลาเดียวกันเป๊ะเลย ผมสบายเลยสิ ไม่ต้องมารดต้นไม้ เออ แต่แปลกดีนะ พอฝนตกๆ นี้มันคิดอยากปั่นจักรยานขึ้นมาเฉยเลย
   “ว้า วันนี้อยากปั่นจัง แต่ฝนตก ก็อดต่อไป” เปล่าหรอก ในใจน่ะขี้เกียจเหมือนเดิม หาข้ออ้างมาหลอกตัวเองต่างหาก ฮ่าๆ ๆ
   เออ ไข่ปลอมจากจีนมันเข้ามาถึงลาวแล้วนะ เมื่อเช้าดูข่าว ผมอดทึ่งกับความสามารถของเขาไม่ได้จริงๆ เอาแค่คิดก็ยากแล้วนะ คนคิดจะปลอมไข่น่ะ หรือว่ามันง่ายวะ ผมงง ยอมรับเลยว่าตามเขาไม่ทันจริงๆ
   จีนเขาทำของปลอมออกมาเยอะ ไอ้ไข่ไก่นีคือสุดยอดนวัตกรรมล่าสุดเลย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline mono

  • Sr. Member Professional Driver
  • ****
  • Posts: 381
  • M_mono
Re: สค 52
« Reply #12 on: August 14, 2009, 09:28:48 pm »
น่าเสียดายที่เรามองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง แต่มองเห็นสิ่งไร้ค่ารอบกาย  :)
Hi ...........

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #13 on: August 16, 2009, 04:09:20 pm »
15 สค 52
   รู้จักภาษาเส็งเคร็งกันไหมครับ บางคนเรียกภาษาอินเทอร์เนท เด็กไทยเราสร้างสรรค์ครับ คิดได้ ไอ้เรื่องปัญญาอ่อนอย่างนี่ดันเก่ง
   ปัยดีก่า ได้คัฟ หัวจัย มายหรอ มะบอก ม่ายอาว ฯลฯ ------- ไอ้ควาย
   อังกฤษก็พูดไม่ได้ แถมไทยยังไม่เป็นอีก
   ผมจะรู้สึกรำคาญและหงุดหงิดกับไอ้คนที่ใช้ภาษาแนวนี้มาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรตอบโต้เขาไปหรอกนะ ก็แค่ไม่อ่าน ไม่ตอบคำถาม ผมทำแค่นี้แหละ
   วันนี้นึกขึ้นได้ เลยขอต่อยอดของดีของไทยที่คนไทยเมิน วันนี้ O’Pern ขอนำเสนอ
   “หุ่นยนต์” ครับ
   หากถามผมเมื่อก่อน ผมยกให้ไทยเราเจ๋งเรื่องการเกษตร แต่ไม่กี่ปีมานี้ เรามีของเจ๋งๆ อีกอย่างที่เราพัฒนาขึ้นมาเองจากพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม นั่นคือการสร้างหุ่นยนต์ครับ
   แต่อย่างที่บอก คนไทยมักไม่ชอบของไทยครับ พอคนไทยเป็นแชมป์ ก็มีคนบอกว่า “เฮ้ย ฟลุ๊คเปล่าวะ” พอเป็นแชมป์ซ้ำอีกทีให้เห็นจะจะ แม่งบอก “โห โชคดีฉิบเป๋ง”
   คือใจมันไม่ยอมจะเปิดรับความสามารถของเด็กไทยกันเลยน่ะ หารู้ไม่ว่าไอ้เด็กไทยกลุ่มนี้แหละ ต่างชาติพากันจ้องจะคว้าตัวไปอยู่กับเขากันหมดแล้ว เริ่มจากญี่ปุ่น อันดับหนึ่งของการผลิตหุ่นยนต์ เขายังทึ่งกับความคิดเด็กไทยที่สามารถตีโจทย์ยากๆ ในการแข่งขัน กลับกลายเป็นว่าทำออกมาแบบง่ายๆ ก็ผ่านด่านได้สบายบรื่อ ญี่ปุ่นงงครับ เอ้ย ตัวเราประกอบรถยนต์ มีหุ่น Asimo วิ่งได้ เดินได้ เล่นดนตรีได้ แม่งใกล้จะคิดและพูดได้แล้วล่ะ แต่ทำไมเรามาแพ้ไอ้พวกเด็กไทยที่ประเทศมันไม่มีอะไรสักอย่างวะนี่
   ญี่ปุ่นสนใจในตัวเด็กไทยอย่างมาก ทางยุโรปเขาก็มาเมียงมองไว้เหมือนกันครับ ทางอเมริกาก็สนใจ ระยะหลังใน NASA มีคนเอเชียเข้าไปทำงานเยอะมากแล้ว พิสูจน์ได้ว่าหัวคนเอเชีย ไอ้หัวดำๆ นีแหละ ไม่ได้แพ้ฝรั่งเลยแม้แต่น้อย ออกจะเจ๋งกว่าด้วยซ้ำ
   ฝรั่งและทั่วโลกเขายอมรับความสามารถของคนไทยกันหมดแล้ว จะมีก็แค่คนไทยเราด้วยกันเองนี่แหละครับ ที่ยังดูถูกตัวเองกันอยู่ น่าอนาถใจเน๊อะ ประเทศเราพัฒนาช้าก็อย่าไปว่าอะไรใครเขาเลย ดูความคิดและการกระทำของเราเองก่อนดีกว่า
   อ่านแล้วดูเหมือนผมชอบต่อว่าคนไทยก็จริง แต่ผมแค่ติงให้เห็นข้อผิดพลาด ข้อบกพร่องของคนรุ่นเก่าครับ เราเป็นคนรุ่นใหม่แล้ว เราพัฒนาแล้ว เรามาปรับเปลี่ยนความคิดตอนนี้ยังทัน
   อย่างแรกเลยก็คือต้องพัฒนาคนครับ พัฒนากันทุกด้านนี่แหละ เริ่มจากเรื่องระเบียบวินัย เลี้ยงเด็กด้วยนมแม่มันทำให้เด็กฉลาดตั้งแต่แรกแล้วโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรมากเลย อยู่ในสังคมก็อย่าเอาเปรียบกัน รู้จักเรือ่งการต่อคิว รักษาความสะอาด ฯลฯ พื้นฐานง่ายๆ นี่แหละครับ ที่มันจะส่งผลให้ตัวเราเองมีระเบียบวินัยตอนเป็นผู้ใหญ่
   ตอนเรียนก็้ต้องมีครูที่ดี หมายถึงครูที่มีความสามารถที่จะดึงความเก่งของเด็กแต่ละคนออกมาได้ ตรงนี้ยากครับ แต่ครูเจ๋งๆ เขาทำกันได้ เด็กแต่ละคนมีความเก่งและถนัดไม่เหมือนกัน หากครูทำได้ จะเป็นสุดยอดครู และเด็กก็จะเป็นอัจฉริยะ
   น่าภูมิใจทั้งครูและลูกศิษย์ ตัวสถาบันเองก็พลอยได้ชื่อเสี่ยงโด่งดังไปด้วย
   ภาครัฐมีส่วนอย่างมากในการพัฒนาในสิ่งเหล่านี้ครับ ต้องมีการเขียนแผนแม่บทในการพัฒนาบุคลากรทุกระดับ เขียนออกมาแล้วก็นำมาใช้เลยครับ ไม่ต้องรอให้เฟอร์เฟคก่อนหรอก เพราะมันต้องปรับแผนไปเรื่อยๆ เอาแค่พอมีแนวทางก็ใช้ได้แล้ว
   ยากนะ แต่ทำได้ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำกันไปครับ เริ่มช้า ดีกว่ายังไม่เริ่มนะ
   ช่วงเย็นผมเตรียมจักรยานสองคัน เอาไว้ปั่นไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งวันพรุ่งนี้ ยังไม่รู้จะเอาคันไหนไปดีระหว่าง KHS HT หรือ KHS F20-W เลยสูบลมมันไว้ทั้งสองคัน ผมปั่นรถสองคันนี้บ่อยที่สุด เพราะมันเพียบพร้อมมากทีสุด ใส่ของได้เยอะ เก็บของได้เป็นระเบียบ ยิ่งไปตลาดน้ำด้วยแล้ว ผมชอบซื้อขนมมาฝากเด็กๆ โดยเฉพาะขนมพื้นบ้านท้องถิ่น อย่างมิวลูกผมนี่เขาชอบขนมจาก ไม่ชอบกินขนมกรุปกรอบถุงสำเร็จรูป ภรรยาผมไม่ชอบกินจุบจิบ ถ้าเลือกได้ก็ชอบขนมไทยๆ ผมเองกินเยอะกว่าใครเพื่อน ชอบลองไปหมด บางทีลองจนอ้วน สงสัยลองเยอะไปหน่อย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: สค 52
« Reply #14 on: August 16, 2009, 05:30:28 pm »
16 สค 52
   ตื่นตี 5 ตื่นเอง ไม่รู้เป็นไร วันหยุดยิ่งจะตื่นเช้ากว่าวันธรรมดาเสียอีก อาบน้ำเตรียมตัวจัดของเสร็จก็ราว 0600 พอจะเดินไปเลือกจักรยานก็ตกใจ เพราะรถคัน KHS F20-W ยางหน้าแบนแบบลมหายเกลี้ยง ทั้งๆ ที่เมื่อวานเพิ่งจะเติมลมเข้าไปเองแท้ๆ
   เลยหยิบรถอีกคันที่เตรียมไว้ คือ KHS HT ไปแทน คันนี้มี Pannier ของ Ortlieb แขวนไว้ 4 ใบ แขวนไว้แบบนี้ตลอดเวลาเลย จะปลดออกก็ขี้เกียจ เลยไปมันทั้งกระเป๋าทั้ง 4 นี่แหละวะ ผู้คนคงจะมองและคิดสงสัย ไอ้หมอนี่มันจะไปไหนของมันกันนะ
   แปลกดีไหม เมื่อวานเย็นยังลังเล ไม่รู้จะเอารถคันไหนไปดี มาเช้าวันนี้รถพับยางแบน เหลือรถเพียงคันเดียวให้ขี่ ใจกลับดันอยากจะขี่รถพับไปเสียนี่ ไอ้เวร
   กลุ่มของพี่คากิเขาจะปั่นผ่านใต้สะพานแขวนราว 0930 ตัวผมเองตื่นแต่เช้า ชอบปั่นเช้าๆ เลยเปลี่ยนแผนครับ แทนที่จะรอใต้สะพานที่จุดนัดพบ ผมกลับปั่นไปจุดเริ่มต้นที่สนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวันโน่นเลย ออกจากบ้านพระราม 2 ก็ปั่นย้อนเส้นทางที่เขาจะมาตลาดน้ำกันนี่แหละ ไม่ได้จะดักเจอหรอกนะ เพราะผมออกเดินทางตั้งแต่ฟ้าเพิ่งจะสว่าง ชอบปั่นเช้าๆ แบบนี้แหละครับ อากาศดีหน่อย (หน่อยเดียวจริงๆ )
   พอออกปั่นมาได้สักพัก นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้วอร์ม ก็ช่างมันแหละ ออกมาแล้วนี่หว่า เลยปั่นช้าๆ ไม่เร่งช่วง 15 นาทีแรก หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มความเร็วทีละนิดๆ
   ผ่านสะพานกรุงเทพฯ เหลือบมองเห็นสะพานพระราม 3 ที่อยู่ติดๆ กัน สูงปรี๊ด ชันมากๆ ชนิดที่รถสิบล้อยังต้องขึ้นด้วยเกียร์ 1 นึกแล้วอยากลองพลังขาของเราดูบ้าง สะพานนี้เขาห้ามจักรยานขึ้นครับ ใช่แล้ว ผมจะไปลองสักวัน แต่ไม่ใช่วันนี้ เพราะนี่มันราว 0630 แล้ว ถือว่าสาย และรถอาจเริ่มเยอะ หากจะปั่นขึ้นจริง ผมน่าจะออกจากบ้านสัก 0530 กำลังดี กะไปให้ฟ้าสว่างด้านบนยอดสะพาน จะได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น
   ผมใช้สะพานกรุงเทพฯข้ามไปฝั่งพระนคร เห็นเจ้าหน้าที่ปิดถนน มีรถกำลังถ่ายทำโฆษณา ใช้รถ Isuzu ล่าสุดนี่แหละ สงสัยจะทำอะไรสักอย่างออกมาแข่งกับ Toyota Vigo Turbo ใหม่ที่เพิ่งลงโฆษณา
   เขาปิดถนนห้ามรถผ่าน ผมจึงยกจักรยานขึ้นบนทางเท้า และปั่นต่อไป วินาทีนั้นจักรยานของผมเป็นที่อิจฉาของเหล่ารถยนต์ และมอเตอร์ไซค์อย่างมากแน่ๆ
   ปั่นเรื่อยๆ ตามทางจนมาถึงจุดนัดพบ โอโห แค่ราว 0700 ผู้คนก็มาอย่างล้นหลามแล้ว นี่แหละครับ นิสัยชาวจักรยาน ส่วนใหญ่จะตื่นเช้า และชอบปั่นกันตอนเช้าๆ
   เช้านี้ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย และไม่ได้นำอะไรติดตัวมาทานระหว่างทางด้วย เวลาก็เหลือไม่มากนัก อีกสักพักเขาก็จะออกเดินทางกันแล้ว นี้เป็นครั้งแรกที่ผมออกปั่นทริปโดยไม่ทานอาหารเช้า
   ออกเดินทางตอน 0740 ครับ สตาร์ทกันจากในใจกลางเมือง ชาวจักรยานมากันเป็นร้อยคัน เจอไฟแดงแต่ละครั้ง ทำให้ขบวนของเรายืดออกไปเรื่อยๆ จนมารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่อีกทีก็โน่นเลย ใต้สะพานแขวนโน่นครับ
   ถึงตรงนี้ผมพบพี่ๆ อีกหลายท่านเลย เมื่อเช้าพบกันแค่ไม่กี่คน บางคนเห็นหน้าก็รู้จัก แต่ไม่รู้ชื่อเขา ได้แต่ยกมือสวัสดี อ้อ เจอท่านหนึ่งพิการทางหู คนนี้เจอครั้งแรกที่อุทยานแหงชาติสามหลั่นสระบุรี ผมกางเต้นท์ติดกับเขา เลือกทำเลตรงนี้แหละ คงจะไม่มีเสียงดังหนวกหู
   วันนี้พบกันอีกครั้ง ผมเดินเข้าไปสวัสดีเขา ผมใช้ภาษามือไม่เป็น เลยใช้ยกมือไหว้แทน เขาไหว้ตอบ และบอกกับเพื่อนเขาเป็นภาษามือว่า “นี่ไง คนนี้ไง เจอกันที่ทริปสระบุรี หลังมันเจ็บ ต้องให้กูนี่แหละที่ทายาให้มันเอง”
   ทริปวันเดียว ปั่นสั้นๆ มักจะมีคนมาร่วมแจมกันมาก นี้เป็นอีกวันหนึ่งที่มีมือใหม่มากันเยอะเลยทีเดียว มีนักจักรยานหลายท่านมาดักรอตามรายทาง แต่ที่เยอะสุดก็เห็นจะเป็นใต้สะพานแขวนี่แหละครับ เพราะจอดรถยนต์ได้สะดวกดีมากๆ
   ทริปสั้นและปั่นใกล้ ทำให้ผมไม่ต้องวางแผนการปั่น เรียกว่าอยู่ตรงไหนของขบวนก็ได้ สบายๆ แต่ไอ้การไม่วางแผนนี่แหละ ที่มันทำให้เสียแผนภายหลัง
   ออกปั่นตามกลุ่มเข้าเขตพระประแดง เข้าไปในชุมชนชาวบ้านที่เชื่อมต่อกันด้วยทางปูนแคบๆ จักยานต้องปั่นเรียงเดี่ยวกัน ผมปั่นตามหลังกลุ่มจักรยานโบราณที่มากัน 4 คัน สุดท้ายกลายเป็นว่ามาโผล่ออกตลาดน้ำบางน้ำผึ้งเลย แต่ส่วนคนอื่นอีกเป็นร้อยคันเขาไปแวะจุดอื่นก่อน อ้าว คลาดกันแล้วสินี่ จากกำหนดการที่จะต้องถึงตลาดน้ำตอนบ่าย นี่กลายเป็นผมมาถึงเอาตอน 1000 เอง
   จอดรถไว้หน้าบ้านของชาวบ้าน ล็อครถไว้ แต่ก็เดินเที่ยวเล่นอย่างไม่สบายใจเอาเสียเลย กลัวของหายครับ รีบเดิน รีบซื้อของและกลับมาที่รถ ไม่ได้นั่งกินแบบคนอื่นเขา นี่ถ้าจอดรถเรียบร้อยจะไม่พลาดก๋วยเตี๋ยวต้มยำแน่ๆ
   แม้ไม่ได้นั่งกิน แต่ก็ซื้อของมาเพียบ ข้าวมันส้มตำมาพร้อมกับผักพื้นบ้านหน้าตาแปลก ไม่เคยกิน เห็นผักนี่แหละ ถึงได้ซื้อส้มตำมา มีข้าวตังหน้าตั้ง ขนมไทยพื้นบ้านพวกถั่วกวน เผือกกวน ข้าวตู ขนมหม้อแกง ขนมตาล ขนมน้ำดอกไม้ ซื้อปลาแนมไส้กรอกมาฝากแม่ มีขนมไทยชิ้นเล็กๆ น้อยๆ มาฝากภรรยา ส่วนลูกผมเขาไม่ชอบทานขนม ไม่ชอบของหวานมากๆ แต่ชอบทานโรตีนมใส่ไข่
   เจอของกินแปลกอย่างหนึ่งคือ ข้าวแกงทอด เขาเอาข้าวราดแกงมาคลุกและปั่นเป็นก้อนกลม และนำไปชุปแป้งทอดจนข้างนอกเหลืองกรอบ ขายชิ้นละ 5 บาท มีสารพัดแกงเลย ผมเลือกซื้อมาสัก 4 ชิ้น อยากลองชิมดู
   รีบซื้อของรีบเดินกลับมาที่รถ นั่งคุยกับพี่ๆ กลุ่มจักรยานโบราณอยู่นาน จนกลุ่มของ TCC ตามมาถึง คนเริ่มแน่นกันมาก เรานั่งคุยกันที่ร้านกาแฟริมน้ำ แต่ผมไม่กินกาแฟ ใช้จิบน้ำเปล่าของตัวเองแทน
   จนถึง 1200 จึงแยกย้ายกันกลับ ผมเองก็ขอกลับด้วย เพราหิวมาก แม้มีของกินมากมาย แต่อยากนั่งกินแบบสบายๆ อารมณ์ กลุ่ม TCC เขาจะไปปั่นต่อในสวนนครเขื่อนขันธ์ ตอนแรกอยากไป แต่ตอนนี้อยากกลับบ้านไปนั่งกินเสียจริงๆ นี่ถ้าผมทานมื้อเช้ามาอะไรๆ คงจะดีกว่านี้แน่ๆ
   บทเรียนที่ 1 ของวันนี้คือ อย่าละเลยเรื่องอาหารเช้า
   บทเรียนที่ 2 ก็คือ อย่าปั่นแซงผู้นำทริป
   กลับมาถึงบ้านตอน 0100 อาบน้ำอย่างเร่งรีบ เพราะหิวจัด รีบเลือกดูอาหารอันไหนว่าเก็บไม่ได้ เก็บแล้วไม่อร่อย ต้องรีบกินโดยเร็ว เริ่มจากข้าวมันส้มตำ ทานแกล้มกับผักใบใหญ่ๆ ที่ไม่รู้ชื่อ อร่อยดีนะ ผักใบแข็งกรอบๆ แต่ไม่ฝาด กลื่นได้ลื่นคอ คราวหน้าไปอีกจะซื้อมาอีก
   ไหนๆ ลองหน่อยซิ ข้าวแกงทอด รสชาติจะเป็นอย่างไร
   อืมม ก็เหมือนกินข้าวแหละ แต่ไม่ดีตรงนำไปทอด เด็กๆ อาจชอบนะ แต่ไม่เหมาะกับผมเป็นแน่ อาหารแบบนี้ผมไม่ชอบ ถือว่าเป็นการปรุงซ้ำซาก อาหารแนว Fusion ยุคใหม่ๆ ที่เขาขายกันในร้านหรูๆ นี้ผมว่าไม่เข้าท่าเอาเสียเลยนะ เช่นพวก ส้มตำทอด อะไรทำนองนี้ คือนำอาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว นำมาผสม ประยุกต์ และมักจะตบท้ายด้วยการทอด
   หากอายุมากแล้ว ต้องห่างไกลของทอด เขาใช้น้ำมันอะไรก็ไม่รู้มาทอด ไม่ใช่น้ำมันมะกอกแบบที่บ้านผมเป็นแน่
   ไล่กินไปทีละอย่าง พุงเริ่มแน่นครับ พอละ อิ่มมากแล้วง่วงจริงๆ ปกติผมไม่นอนกลางวัน แต่วันนี้ขอนอนพักสายตาสักนิด หมดแรงจริงๆ เหนื่อยด้วย อิ่มอีกด้วย
   แต่รู้สึกร่างกายผิดปกติ ท้องอิ่มนะ แต่คอแห้ง เลยไปหยิบแตงโมออกมากินเล่น รู้สึกดีขึ้น อ้อ หรือว่าร่างกายเราขาดเกลือแร่นะนี่ แต่เอ๊ะ ไอ้ส้มตำที่เราเพิ่งกินเข้าไปน่ะ มันเกลือแร่เพียบเชียวนะ
   ไม่มีบทสรุป ผมยังคงกินแตงโมต่อไปเรื่อยๆ กินไปก็พิมพ์เล่าเรื่องไปด้วยนี่แหละ วันนี้ผมคงจะยังไม่ทำอะไรกับจักรยาน ผมเหนื่อย ไว้วันพรุ่งนี้บ่ายๆ เย็นๆ ค่อยมาว่ากันอีกที
   อีกสักพักแตงโมหมดกล่อง ผมนึกขึ้นได้ถึงสาเหตุที่คอแห้ง
   ส้มตำที่ซื้อมา หรือไม่ก็ไอ้ข้าวแกงทอด อาหาร Fusion ที่ไม่น่าคบหา ไม่ก็ข้าวตังหน้าตั้ง สงสัยบางอย่างจะใส่ผงชูรสแน่ๆ เลย
   ที่หนักกว่านั้น อาจถูกทั้งข้อ ก ข และ ค
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride