Author Topic: กรก 52  (Read 14902 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
กรก 52
« on: July 02, 2009, 01:38:10 pm »
1 กรก 52
   ออกจากบ้านไปส่งลูก พบความประหลาดใจบนท้องถนน รถโล่งมากผิดปกติ จนได้กลับถึงบ้านนั่นแหละ จึงได้รู้ว่าวันนี้วันหยุดกลางปีของธนาคาร
   เออ ธนาคารหยุด แล้วทำไมรถโล่งได้ ยังมีอีกปัจจัย
   วันนี้หวยออก
   ถูกต้องครับ เช้าของวันนี้ชาวบ้านที่เล่นหวยส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันทำอะไรกันเลย เขียนหวย ส่งหวย ทำธุรกิจธุรกรรมเกี่ยวกับหวย จนถึงช่วงบ่าย หวยออก นั่นแหละ ถึงได้เริ่มทำธุรกิจกันอย่างเป็นทางการ เรื่องจริงนี้เพื่อนผมบอกเล่ามา ผมไม่ได้เล่นหวย ไม่มีประสพการณ์ บ้านเพื่อนเป็นอู่ซ่อมรถ เขาว่าวันนี้แหละ เหงาสุดๆ ลูกค้ายังไม่เอารถมาซ่อมกันเลย
   เจ็บหลังมาเดือนกว่า นี่เพิ่งจะเริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว ที่ผ่านมามันแค่หายเจ็บ แต่พอยกของหรือออกแรงบางจังหวะก็มีเจ็บแปล็บๆ มันเหมือนเป็นที่เส้นประสาทนะ ไม่ใช่เจ็บกล้ามเนื้อ
   กินยาแก้อักเสบ กินยาคลายกล้ามเนื้ออยู่นาน ดีขึ้นหน่อยเดียว นี่ผมหยุดยามาสักระยะแล้ว แต่มาเน้นกินพวกพืชผักสีสันสดใสแทน เช่น มะเขือเทศ พริกหวานสีเขียว แดง เหลือง ส้ม หน่อไม้ฝรั่ง หอมใหญ่ บรอคโคลี่ คะน้า ฯลฯ จับไอ้พวกนี้มาทำผัดผักซะ ใส่เห็ดสารพัดอย่าง ใส่เนื้อไก่บ้าง หมูบ้าง นิดหน่อย ให้พอหอมๆ ได้รสชาตินิดๆ
   พืชผักสีสดๆ จะช่วยแก้อักเสบได้ อ่านหนังสือเจอ ก็เลยกินตามนั้น ไม่รู้หายเพราะกาลเวลา หรือหายเพราะกินผัก จะอย่างไรก็ช่าง ถึงอย่างไรผมก็ต้องกินผักต่อไป วันนี้มื้อกลางวันยังกินส้มตำเลย มีผัดสดอย่างใบบัวบก โหระพา ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง ผักกาดหอม ฯลฯ กินกับไก่ทอด 1 ชิ้น ผมเลาะหนังไก่ออก
   เด็กๆ นี่ผมไม่กินผักเลยนะ เนื้อสัตว์ต่างๆ ก็ไม่ค่อยกิน แต่ชอบกินถั่ว โตมาได้เพราะถั่ว พอโตขึ้นเริ่มคิดเองได้ ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่าต้องกินอะไร ดูแลตัวเองอย่างไร ผมมีฝันอีกยาวไกล มันต้องใช้เวลานานในการทำ การที่ผมมีชีวิตยืนยาวก็จะเป็นอีกหนทางที่ทำให้ฝันนั้นเป็นจริง
   ผมมีฝันเยอะและยาวไกลครับ ไม่กล้าบอกว่าฝันอะไร ผมอาย ขอให้มันเป็นฝันของผมคนเดียวก็แล้วกัน
   ช่วงนี้ฝนตกบ่อยอีกแล้ว สงสารคนทำงานคนค้าขายน่ะครับ แต่ทำไงได้ สุดท้ายก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ จักรยานผมทะยอยยางแบนทีละคัน ผมได้แต่เอาสูบมือค่อยๆ อัดเข้าไป จนลูกผมเข้ามาทักบอกว่าให้เอาปั๊มลมเติมแบบรถยนต์สิครับพ่อ ก็ได้แต่บอกเขาครับว่าหากเป็นปั๊มลมตัวเล็กๆ น่ะเติมได้ เพราะลมมันค่อยๆ เข้า แต่ถ้าเป็นแบบปั๊มลมตัวโตๆ ลมแรงๆ หากอัดพรวดเข้าไปจะทำให้ยางในรับแรงดันเกินขนาด ถึงแม้จะปล่อยออกให้ได้ตามสเปคก็เถอะ แต่ยางในมันก็ยืดไปแล้ว ลำพังแค่ตัวยางน่ะไม่เท่าไหร่ ผมกลัวตรงวาล์วลมมันจะอายุสั้นมากกว่า
   จักรยานมันละเอียดอ่อนกว่ารถยนต์เยอะครับ รถยนต์นี่เราเติมลมยางกันแบบหยาบมากๆ ไม่ค่อยพิถีพิถันกันเลย แต่ดีตรงที่ผมจะเปลี่ยนวาล์วลมเป็นประจำ อย่างน้อยก็ต้อง 2 ปีต่อครั้ง แนะนำให้ทำนะครับ บางทียางเราดีอยู่ แต่วาล์วลมมันเสื่อมแล้ว วาล์วลมนี้คนทั่วไปเรียกว่า “จุ๊บ” สงสัยมาจากคำว่า Tube ซึ่งมันแปลว่ายางใน เรียกว่าจุ๊บผมว่าผิด เลยเรียกวาล์วลมแทน
   สมัยก่อนวาล์วลมทำด้วยโลหะครับ สวยเลยแหละ ผมยังชอบเลย แต่ก็มักจะมีโคนหุ้มด้วยยาง ลำพังตัววาล์วน่ะสภาพดีครับ แต่จะมาเสื่อมเอาตรงยางหุ้มนี่และ เล่นเอาเซ็งเลย เพราะวาล์วลมสวยๆ ทำด้วยโลหะทุกวันนี้หาแทบไม่เจอแล้วครับ มีแต่แบบทำด้วยยาง ดูแล้วไม่ปราณีตเหมือนสมัยก่อนเลย
   ผมเป็นคนที่ซีเรียสกับเรื่องล้อและยางมากครับ ทั้งรถยนต์และรถจักรยาน นี่ถ้าเล่นมอเตอร์ไซค์ด้วยก็คงไม่รอด ส่วนเรือนี่ไม่มีล้อ เลยปล่อยผ่านไป
   สมัยขับรถยนต์ทดสอบหนักๆ ผมถึงกับขนาดซื้อตะกั่วถ่วงล้อขนาด 5 กรัมไว้ใช้ส่วนตัวครับ เพราะตะกั่วถ่วงล้อตามร้านมักจะมีขนาด 10 กรัมเป็นขนาดเล็กสุด ที่นี้หากเครื่องเขาบอกให้ใช้ 5 กรัม ช่างก็จะหยิบเอาตะกั่วขนาด 10 กรัม เอามาตัดครึ่ง คะเนว่ามันคงจะเหลือ 5 กรัม
   วันว่างหรือก่อนลงแข่ง (เคยแข่งรถด้วยนะนี่) ก็จะตรวจดูยาง และงัดเอาเศษหินเล็กๆ ออกจากร่องดอกยางให้หมด เจอเศษแก้วตำคายางแต่ไม่ทะลุอยู่บ่อยเลย นี่ถ้าเป็นคนที่ไม่ค่อยดูยางจะเป็นอย่างไรล่ะนี่
   ล่าสุดผมใช้ยางถึง 7 ปีครับ เกินสเปคไปมาก แต่หากเราดูแลอย่างดี และขับอย่างระมัดระวัง ก็จะใช้ของได้ยาวนานกว่าค่ากำหนดครับ แต่ช่วงปีหลังๆ นี้ยางเริ่มจะเกาะไม่ดีแล้วนะ ขับก็ต้องระวังกันมากขึ้นกว่าเดิม ใช้น่ะใช้ได้ แต่กริปของมันเหลือน้อยลงทุกทีๆ ตามอายุ สู้ยางใหม่ๆ สดๆ ไม่ได้แน่ครับ เนื้อยางนุ่มนิ่มดีมาก
   หรืออย่างแบตเตอรี่ก็เช่นกัน ชาวบ้านใช้กันได้สัก 2 ปี แต่แบตฯผมเคยใช้ได้นานถึง 4 ปี แปลกดีเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ก็เป็นรถเหมือนๆ กัน มีวิทยุ มีแอร์ เปิดไฟหน้าใช้งานปกติเหมือนกับรถคันอื่นๆ เขา
   คุยเรื่องรถยนต์แล้วเพลินครับ ตัวตนของผมจะอยู่กับรถยนต์มาตลอด ตั้งแต่ตอนเด็กก็เล่นรถยนต์มาพร้อมๆ กับจักรยาน ตอนเรียนก็ยังอยู่กับรถยนต์แต่ก็ขี่จักรยานเป็นการออกกำลังกายคู่ไปด้วย แต่ตอนเด็กๆ หันเหไปเล่นสเกตบอร์ดอยู่หลายปี ช่วงนั้นยอมรับครับว่าไม่ได้แตะจักรยานเลยแม้แต่น้อย หายใจเข้าออกเป็นสเกตบอร์ดตลอดเลย
   กลับมาจับจักรยานครั้งนี้คงจะไม่มีการทิ้งกันอีกต่อไปแล้ว เมื่อก่อนแค่ชอบ ตอนนี้กลายเป็นรักเสียแล้ว แปลก ที่ไม่ได้รักจะซิ่ง จะแข่ง หรือ Down Hill เหมือนคนอื่นเขา
   กลายเป็นหลงรักการทัวริ่ง จักรนยานเพื่อการท่องเที่ยวและเดินทางไกลเสียนี่
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #1 on: July 03, 2009, 12:36:03 pm »
2 กรก 52
   โรงเรียนลูกผมเขาประกาศหยุดวันที่ 4-8 กรกฎาคม ซัดไปซะ 5 วันแบบขำขำ ผมสิไม่ค่อยขำ เพราะอยากพาลูกไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ นอกบ้าน อยากพาเขาไปตลุยต่างจังหวัด ต่างประเทศ หากเขาแกร่งพอ แต่ช่วงนี้ไข้หวัด 09 ระบาดหนัก หากจะให้ดีก็อยู่แค่แถบเอเชียบ้านเรานี่แหละ พอแล้ว
   เอาไงดีล่ะ หาตั๋วก็ไม่ทันแล้ว ถึงหาตั๋วทันก็ไม่แน่ใจว่าจะหาที่พักทันหรือไม่ ลำพังหากไปเองคนเดียวน่ะสบายมาก ผมพักเกสเฮ้าส์ได้สบายๆ แต่หากนำลูกไปด้วย ผมอยากให้เขาอยู่แบบสบายขึ้นสักนิดหน่อย ไม่ต้องหรูหรอกนะ แค่ไม่ต้องนอนห้องรวมโอเคแล้ว
   การนอนรวมไม่ใช่ปัญหา แต่ผมเกรงใจคนอื่น กลัวลูกจะส่งเสียงดัง เล่นรบกวนผู้ร่วมห้องท่านอื่นต่างหาก
   เลยยังไม่รู้จะไปไหนกันดี
   กลับมาบ้านดูข่าวทีวีตอนกลางวัน พบข่าวดี๋ ดอกมะดัน เสียชีวิต เมื่อวานพ่อของคนงานผมก็เสียชีวิต อันที่จริงก็มีคนเสียชีวิตกันตลอดทุกนาทีแหละ เพียงแค่ว่าเราจะรับรู้ข่าวเขาหรือเปล่า และเขามีชื่อเสียงพอที่เราจะรู้จักเหมือนไมเคิล แจ๊สสันไหม
   ผมเองก็เคยคิดถึงการตายของตัวเองเหมือนกันครับ คิดไปต่างๆ นานาแล้วนึกกลัว ไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนที่เขายังอยู่นั้นลำบาก และคิดสงสัยว่าตายแล้วเราจะไปไหน เป็นวิญญาณล่องลอยในโลกนี้แบบเป็นเงาจางๆ เหมือนในหนังหรือเปล่า หรือว่าจะไปเกิดใหม่อีกรอบ หรือจะไปแนวอื่นเลยคือพวกนรก สวรรค์ คิดแล้วสรุปไม่ได้ ไม่รู้จะหาข้อมูลจากไหน สุดท้ายเลยเลิกคิดแล้ว มันเหมือนฟุ้งซ่าน
   คนเรานั้นตายแต่ตัวครับ สิ่งที่จะยังคงอยู่คือความทรงจำ ความดี ความชั่ว คนยิ่งมีชื่อเสียงก็จะยิ่งมีคนจำกันเยอะ ตัวผมนั้นโนเนม หากตายไปคงจะมีแต่ครอบครัว คนใกล้ชิดที่ยังคงนึกถึง
   ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะบางช่วงของชีวิตของผมมันสุดกู่ไปมาก ช่วงที่ยังขับรถแบบดริฟท์นี้ผมเล่นนอกสนามล้วนๆ แต่ไม่ได้ออกไปซิ่งแบบรบกวนคนอื่นนะ ผมจะขับรถออกไปนอกเมือง ไปตามหมู่บ้านร้าง (สมัยก่อนมีเยอะ ตอนเศรษฐกิจไม่ดี) ตามชานเมือง ไม่ได้อัดรถซิ่งบนถนนหลวง แต่เป็นการขับรถแบบสไลด์เข้าโค้งแรงๆ เล่นได้ไม่นานหรอกครับ เสียงมันดังมาก แม้จะอยู่กลางทุ่ง แต่ผมก็ยังเกรงใจสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่รอบตัวอยู่ดี
   ช่วงที่อยู่ USA ผมมีเพื่อนอยู่ในกลุ่มมาเฟียค้ายา เหมือนในหนังแหละครับ จับกลุ่มรวมตัวกันตามสถานบันเทิงกลางคืน ใน China Town นี้กลุ่มผู้มีอิทธิพลเยอะครับ หากคนอเมริกันผิวขาวไม่ตาย จะไม่ค่อยได้เห็นตำรวจเข้ามาสักเท่าไหร่ นั่นหมายถึงว่า ใครจะตายก็ไม่มีใครสนใจกัน เมือง Los Angeles มันใหญ่เกินกว่าคนทั่วไปจะมาสนใจกัน
   ผมทำงานร้านอาหารไทยครับ ชื่อร้านว่า Queen’s Café เป็นร้านอาหารไทยที่ใหญ่ที่สุดบนถนน Melrose ถนนนี้ชื่อเสียงดังมากๆ เป็นแหล่งรวมดารา นักร้อง วัยรุ่น และผู้ที่ยังมีใจเป็นวัยรุ่น
   ถนนถัดไปชื่อ Sunset Blvd ถนนนี้มีจุดเด่นคือมีชื่อดาราบนตราดาว และมีรอยประทับมือ และเท้าของคนมีชื่อเสียง คงพอจะนึกภาพกันออก
   แถวย่านนี้คือใจกลางเมือง อาชญากรรมเยอะมากครับ เดินๆ กันอยู่ริมถนนก็ได้ยินเสียงปืนดัง ปัง คนที่อยู่นอกร้านก็จะวิ่งเข้าร้านที่ใกล้ที่สุด เจ้าของร้านก็จะปิดประตูล็อคไว้ แต่ไม่นานนักหรอกครับ แค่ราว 10 – 15 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจมา พอจับคนร้ายได้ เจ้าของร้านก็เปิดประตู ผู้คนก็ช็อปปิ้งกันต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อ 10 นาทีที่ผ่านมา ไม่มีชาวบ้านมาซุบซิบกัน ไม่มีใครมาจับกลุ่มกัน หากอยากรู้ข่าวก็ติดตามหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นกันเอาเอง
   ผมเลือกไปอยู่เมืองใหญ่นี้ด้วยตนเอง แทนที่จะไปเมืองสวยหรูหรา เมืองธรรมชาติเงียบสงบ ก็แค่เพียงเพราะว่าโรงเรียนที่ผมเลือกเขาอยู่ย่านนี้แค่นั้นเอง
   ช่วงหลังมาปั่นจักรยานทางไกลอีก อันนี้จะว่าไปก็อันตรายพอควร ไม่ได้เกิดจากตัวเราหรอกนะ เพราะหากกำลังปั่นของเราเพลินๆ อยู่ แล้วมีรถมาสอยเราจากด้านหลังล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น
   ชีวิตของเรานั้นขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้อื่นด้วยเสียแล้ว คิดแล้วแปลกจริงหนอ
   อ้าว วันนี้โม้เพลิน ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับจักรยานมาเล่าเลย แหม ก็มันไม่ได้ออกปั่นเลยสักนิดนี่นา
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #2 on: July 04, 2009, 08:29:25 pm »
3 กรก 52
   เรื่องราวของผมในแง่มุมอื่นนอกเหนือจากจักรยานยังมีอีกมากครับ โดยเฉพาะเรื่องมุมมองของการพัฒนาบ้านเมือง ตอนเรียนจบผมตั้งใจไว้ว่าจะกลับมาพัฒนาประเทศไทยเรา ไม่ได้ขอเกาะกระแสเรารักในหลวงอะไรกับเขาหรอก แต่ตอนอยู่ต่างประเทศผมคิดถึงครอบครัว และนึกถึงภาระกิจของพระองค์ท่านก็เท่านั้นเอง
   สมัยผมอยู่ตอนโน้นยังไม่มีอินเทอร์เนทนะครับ จะสื่อสารกันก็ต้องเขียนจดหมายอย่างเดียว โทรศัพท์ไม่ต้องพูดถึง เพราะแพงมาก ผมแทบไม่เคยโทรหาที่บ้านเลย นอกจากเสียดายเงินแล้ว พอได้ยินเสียงพ่อแม่แล้วคิดถึงแทบจะร้องไห้ แต่อาย ไม่อยากให้เขารู้ กลัวเขาจะได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น
   ผมเช่าห้องพักอยู่นอกเมือง LA ครับ ลงไปทางใต้โน่นเลย อยู่ในเขตเมือง Orange County เมืองแห่งรถซิ่ง รถแต่ง รถแข่งตัวแรง ทั้ง Rod Millen, Racing Beat อะไรพวกนี้อยู่แถวบ้านผมหมดเลย ยังไม่นับพวกมอเตอร์ไซค์ และ BMX (ยุคนั้น MTB ยังไม่เกิดเลยครับ)
   ส่วนตัวผมใช้รถเก่าๆ คือโฟล์คเต่าครับ แต่ถ้าคุยกันในกลุ่มเล่นรถยนต์เขาจะเรียก VW Bug คนไทยเรียกเต่า จะคิดไปถึงเต่าที่มีกระดอง ขับช้ายังกับเต่า แต่คำว่าเต่าของฝรั่งเขาใช้คำว่า Bug มันคือเต่าทอง แมลงที่มีเปลือกแข็ง มีปีกในกระดอง กลมๆ น่ารักๆ สีสันสดใส เออ พูดถึงแล้วคิดได้ นี่ผมไม่ได้เห็นเต่าทองในธรรมชาติมากี่ปีแล้ววะนี่
   ซื้อรถมาถูกๆ ครับ ราคา 1200 USD หาตามคนที่เขาลงโฆษณาขายในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เลือกคนที่อยู่นอกๆ เมืองหน่อย คนที่ผมไปซื้อนี้เขาอยู่ในหุบเขาเลย ที่เลือกไกลๆ ก็เพราะว่าจะได้ลองรถได้อย่างถนัด และต่อรองราคาเขาได้เยอะ ทำนองว่าจะไม่ค่อยมีใครมาดูรถเขาน่ะครับ
   ได้รถโฟล์คเต่ามาในสภาพแต่งซิ่ง แต่ซิ่งของเขาแต่งได้ถูกใจผมมาก คือภายนอกแต่งไม่เลอะเทอะ ใช้ล้อกระทะเหล็กของเดิม ใส่ยางหน้าแคบๆ เล็กๆ ยางหลังขนาดเดิม ด้านหน้าจะต่ำกว่าด้านหลังนิดๆ (หน้าจะทิ่มๆ หน่อย) ตัวรถเป็นสีเขียวอ่อนแบบทูโทน ด้านในเดิมๆ ไม่มีแอร์ ไม่มีวิทยุ เครื่องยนต์เดิม มีท่อไอเสียแต่งมาให้ เสียงดุดันดี ผมใช้ไปในสภาพนี้และขายไปตอนกลับไทยในราคา 1200 USD เท่าเดิม เย้ๆ กำไรใช้
   เล่าเรื่องราวสมัยหนุ่มๆ ให้อ่านกัน แต่หากใครไปเรียนต่างประเทศสมัยนี้มันไม่เหงาเหมือนยุคผมอีกต่อไปแล้ว อย่างน้อยมีอินเทอร์เนทไว้ให้ส่งข่าวกัน ได้พูดคุย ได้สอบถาม มันเหมือนอยู่ไม่ไกลกันเลยสักนิด
   เมื่อวานเพื่อนคนไทยผมไปเกาหลี ไปหิ้วของมาขาย แต่หาแหล่งไม่เจอ คุยกันผ่าน msn ยังไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหน เพิ่งมาบอกทีหลังว่าอยู่ในตัวเมืองโซล เกาหลีใต้ ผมนึกถึงตลาดค้าส่งแห่งหนึ่งได้ เลยบอกเขาไปว่าลองไปเดินหาของดู มีของแปลกๆ เยอะ คล้ายสำเพ็ง คล้ายจตุจักร บรรยากาศแปลกๆ บางมุมเหมือนพวกคลองถม เดินกันเป็นวันๆ เลย
   อันที่จริงช่วงวันหยุดนี้ผมกะไว้แต่แรกว่าจะไปทริปต่างประเทศ เล็งเกาหลีและญี่ปุ่นไว้ แต่หลังผมเจ็บยังไม่หายขาด เลยไม่อยากไปซ้ำ เสียดายโอกาสเหมือนกัน แต่ก็อยากรักษาสุขภาพหลังของผมมากกว่า แม้ช่วงนี้จะไม่เจ็บแล้ว แต่อยากพักให้หายขาดจริงๆ เพราะจะมีทริปมันๆ ตามมาอีกเยอะ หากหลังเจ็บไม่หาย เดี๋ยวจะมีปัญหากลางทาง
   ช่วงหยุด 5 วันนี้คนออกเที่ยวกันเยอะมากเลยครับ อ่านทริปจักรยานแต่ละอันแล้วน่าสนใจทุกอันเลย ทริปในประเทศผมไม่ค่อยถนัด เพราะไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน สู้คนท้องถิ่นเขาไม่ได้ แต่ถ้าเป็นต่างประเทศก็จะออกปั่นแบบอิสระเลย ขอแผนที่เจ๋งๆ อันเดียวพอ ที่เหลือลุยแหลก รับรอง มันส์สุดยอด
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #3 on: July 05, 2009, 02:32:23 pm »
4 กรก 52
   เช้านี้นักจักรยานหลายท่านคงจะเริ่มออกทริปทางไกลกัน สั้นบ้าง ยาวบ้างแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละท่าน ผมเองยอมสละทริปนี้ เพราะต้องการให้หลังของตัวเองที่เจ็บมานานนั้นหายสนิทดีเสียก่อน ได้แต่ส่งใจไปขอให้ทุกท่านเดินทางด้วยความปลอดภัยครับ
   ผมเล็งทริปของน้าเป็ดที่จะพากันไปเกาะกงไว้นานแล้ว เสียดายโอาสเหมือนกันนะครับนี่
   ช่วงกลางวันผมต้องขับรถกระบะไปทำธุระ อืม ของชอบเลยนะครับนี่ เพราะทุกวันนี้ได้แต่ขับรถแบบเกียร์ออโต (AT)  มาวันไหนได้ขับรถเกียร์ธรรมดา (MT) ผมถึงจะได้ฝึกฝนฝีมือสักหน่อย ฝีมือที่ว่านี้มิได้หมายความว่าจะต้องขับเร็วๆ นะครับ แต่เป็นการฝึกจังหวะการเหยียบคลัตช์ การกดคันเร่ง การชิฟเกียร์ การถอนคันเร่ง การปรับบาลานซ์ของรถ ฯลฯ
   ไม่ได้ขับรถยนต์ทดสอบมานาน ผมยอมรับครับว่ากลัวฝีมือหาย เพราะอย่างไรแล้วสักวันผมต้องกลับไปในโลกของรถยนต์อีกครั้งแน่ๆ
   ผมชอบรถกระบะครับ มันเป็นรถที่ชอบฟ้อง ถนนไม่ดีมันก็ฟ้องออกมา ยางไม่ดี ช่วงล่างไม่ดีหรือผิดปกติมันก็จะแสดงอาการของมันออกมา อันที่จริงรถทุกคันหากมีสิ่งผิดปกติก็ล้วนแล้วแต่แสดงอาการออกมาทั้งนั้นแหละครับ เพียงแต่รถกระบะมันโลวเทค มันไม่เก็บอาการของรถ มันเปิดเผยออกมาแบบตรงๆ เลยจับอาการง่าย ยิ่งรถที่เราคุ้นมือแบบนี้ยิ่งหมูครับ
   แต่หากเป็นรถเก๋งเกรดสูงๆ แบบนี้ยิ่งจะจับอาการยาก เอาเป็นรถใหญ่ๆ อย่าง  Mercedes Benz S Calss ที่คุ้นตาก็แล้วกัน ผมว่าหากลมยางอ่อนไปสัก 5 ปอนด์ ก็ยังจับอาการกันยาก 
   เรื่องราวของผมกับรถยนต์นี้หากให้เล่าไปแล้ว มันจะยืดยาวกว่าเรื่องของจักรยานเสียอีก ผมหัดขับรถยนต์ด้วยตนเองอีกด้วย เลยได้เทคนิคแปลกๆ ใหม่ๆ มาหลายอย่าง โดยมากมักจะค้นพบเจอเอง แต่พอโตขึ้นหน่อยได้อ่านหนังสือมากเข้า ก็น่าแปลกใจที่มันตรงกันหลายอย่าง
   ผมมักจะศึกษาสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเป็นหลักครับ ครั้นพอเข้าใจอะไรบ้างแล้ว พอติดขับตรงไหนก็จะหาหนังสืออ่านเพิ่มเติม บางครั้งได้ความรู้ใหม่ๆ และบางครั้งก็อ่านเรื่องที่เรารู้มาก่อนแล้ว หากอ่านเจอเรื่องที่เรารู้มาก่อนแล้วนี่ผมจะดีใจมาก เหมือนกับว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว เราสามารถวิเคราะห์ได้ตรงกับผู้เชี่ยวชาญในหนังสือเลย รู้สึกภูมิใจตัวเองนิดๆ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #4 on: July 05, 2009, 07:31:40 pm »
5 กรก 52
   วันนี้มีทริปของชาวรถพับที่พี่คากิจัด ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 พี่คากิก็เป็นคนในกลุ่ม TCC เช่นเดียวกับกลุ่มของน้าเป็ด กำหนดการเดิมผมจะต้องไปร่วมงานด้วย ไปกับรถพับ KHS F20-W แต่แล้วก็พลาดอีกจนได้ สาเหตุเดิมๆ แหละครับ หลังผมยังไม่หายเจ็บดี
   ฟ้าฝนก็เป็นใจมากเลยนะ อากาศครึ้ม แต่ฝนไม่ตก มีปรอยๆ บ้างเป็นละอองพอให้อากาศชื้นๆ หน่อย ลดความร้อนไปได้เยอะมาก ชาวจักรยานชอบอากาศแบบนี้แหละครับ นั่นคือไม่มีแดด ไม่มีฝน เจอแบบนี้ ปั่นได้เป็นหลายชั่วโมงโดยไม่หยุดพักกันเลยก็มี
   แหม กำลังอินกับอากาศอยู่ดีๆ  0330 เท่านั้นแหละ ฝนเทลงมาอย่างหนัก ลมแรงมากด้วย ผมว่าเวลานี้ชาวจักรยานกำลังปั่นกลับกันอยู่แน่ๆ คนภายนอกที่ไม่ได้ใช้จักรยานอาจจะดูว่าลำบาก แต่ผมเคยปั่นกลางสายฝนจนเปียกและแห้งไป 3 รอบภายในวันเดียวมาแล้ว บอกได้เลยครับว่า ขณะที่เราร้อนๆ เหนื่อยๆ อยู่นั้น หากได้ฝนมาชโลมกายจะยิ่งรู้สึกสนุกยิ่งขึ้น สิ่งเดียวที่เป็นทุกข์คือปั่นริมถนนแล้วรถใหญ่ขับผ่านจนน้ำจากพื้นกระเด็นใส่ตัวและข้าวของ ส่วนฝนจากฟ้านั้นไม่ใช่ปัญหา เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว
   ปั่นกลางฝนจะมีข้อเสีย 2 อย่าง
1 มองทางไม่ชัดเจน โดยเฉพาะพวกหลุมบ่อ และรถที่จอดเสี่ยข้างทาง ตลอดจนถึงวัสดุต่างๆ ที่อยู่ข้างหน้า
2 เบรกไม่ดี เบรกไม่ค่อยอยู่ งานนี้ใครใช้เบรกแบบดิสค์ก็จะรู้สึกคุ้มค่าขึ้นมาหน่อย
   หากเจอลมแรงแบบพายุด้วยนี้ยิ่งลำบากเลยนะ เพราะรถทัวริ่งนี้มันจะต้านลมมากกว่ารถอื่นใดเลย มีกระเป๋าเยอะ มี Pannier 2 ข้าง บางคนเล่นพกไป 4 ใบ (แบบผม) เจอลมถึงกับอิ่มไปเลย กระเป๋าหน้าแฮนด์ก็ตั้วต้านลมอย่างดีเลยครับ
   เทคนิคของผมก็คือออกแรงเท่าเดิม อย่าไปเร่ง อย่าไปเค้นหรือพยายามทำความเร็วให้ได้เท่าเดิม มันต้องออกแรงเยอะขึ้น เหนื่อยเร็วขึ้น หากใครไม่แข็งแกร่ง ก็จะออกอาการเร็วขึ้น คำว่าออกอาการนั้นหมายความว่า ใครด้อยตรงจุดไหน ร่างกายก็จะแสดงอาการออกมาในจุดนั้นก่อน เช่น ไม่ค่อยได้ซ้อม ก็จะหมดแรงเร็ว กินน้ำไม่ถูกต้อง ก็จะหมดแรง เป็นตระคริว อะไรทำนองนี้
   การปั่นทัวริ่งให้อะไรกับผมเยอะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการทำสมาธิ และจะยิ่งชัดมากหากเราออกเดินทางคนเดียว เรียกได้ว่าลองทริปเดียวถึงกับติดใจเลย ใช่แล้ว ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ อะไรราวๆ นั้นแหละ
   ช่วงเย็นผมดูข่าวทีวีเห็นมีการแพร่ระบาดของหวัด 09 มากขึ้น อันที่จริงน่ะไข้หวัดธรรมดาก็มีคนเป็นกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว พอมีข่าวหวัด 09 ก็เลยยิ่งไปกันใหญ่ เหมือนกับข่าวคนตายน่ะครับ ลำพังปกติก็มีคนตายคนเกิดกันอยู่ทุกวัน แต่อยากจะมานับยอดคนตายตอนสงกรานต์ซะ ถ้าให้ดีต้องนับยอดคนเกิดควบคู่กันไปด้วย ถึงจะทราบจำนวนประชากรแบบองค์รวม
   ผมมีผ้าปิดปากส่วนตัวใช้อยู่ครับ แต่มันใช้สำหรับตอนผมไปเมืองหนาวๆ ผมจะปิดปากปิดจมูกไว้ กันแดดได้ด้วย กันไอเย็นได้ดี กันลมได้ดีมากๆ ผมว่ามันออกแบบมาสำหรับเมืองหนาวมากกว่านะ แต่จะประยุกต์ให้เข้ากับแฟชั่นหน้ากากอนามัยก็โอเคดี คงไม่กล้าใส่ออกจากบ้าน มันสีดำ แถมมียี่ห้อ Nike เสียอีกด้วย ฮ่าๆ
   นอกจากผ้าคลุมหน้าของ Nike แล้ว ยังมี Hood คลุมหัวของ Adidas อีกนะ ใส่พร้อมกันนี่ออกปล้นธนาคารได้เลย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #5 on: July 06, 2009, 07:25:34 pm »
6 กรก 52
   ตื่นแต่เช้ามาปั่นรถ Giant Revive เล่นแถวบ้าน ไอ้รถคันนี้มันไปไหนได้ไม่ค่อยไกล มันหนัก อัตราเร่งช้ามาก แต่ดีตรงปั่นสบายเหลือเกิน แม้จะใช้แรงเยอะสักหน่อย แต่เราออกมาปั่นจักรยานเพื่อออกำลังกายมิใช่หรือ
   เห็นนักจักรยานหน้าใหม่หลายท่านชอบอัปเกรดจักรยานกัน ทั้งๆ ที่เขาใช้รถแค่การออกกำลังกายเท่านั้น การแต่งรถให้เบาๆ ลื่นๆ นั้นเป็นสิ่งดีอยู่แล้วล่ะ แต่ว่าการที่เราเสียเงินไปซื้อของมาเปลี่ยนโดยที่ของเก่ายังไม่เสีย ยังดีอยู่ แถมเปลี่ยนแล้วก็มีของที่ไม่ได้ใช้เหลือเก็บไว้เป็นขยะราคาแพงในบ้าน
   สำหรับคนที่ใช้รถเพื่อการออกกำลังกาย ผมแนะนำให้ทำเพียงแค่ถอดระบบลูกปืนของเก่าออกมาล้างทำความสะอาด ใส่จารบีใหม่ ปรับตั้งใหม่ แม้มันจะไม่ลื่นเท่าของเกรดสูงราคาแพง แต่มันช่วยเราประหยัดเงินได้มากเหลือเกิน
   แต่ก็อย่างว่าแหละนะ ความสุขของใครก็ของมัน บางคนเงินมันเหลือเสียอย่าง ไล่ทะยอยเปลี่ยนมันไปซะโดยไม่ลืมหูลืมตา เห็นผู้ใหญ่บางคนแต่งรถยังกะเด็กวัยรุ่นเล่นรถซิ่งเลย (รถยนต์) คือแต่งสะเปะสะปะไปหมด มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอก แต่เห็นแล้วตลกน่ะครับ ลองนึกภาพเด็กซิ่งแล้วแต่งรถยนต์แบบเจออะไรก็จับยัดไปหมดน่ะ ยุคนี้ต้องมีมิเตอร์หลายๆ ตัวมาวางเรียงกัน นัยว่าเพิ่มความดุดัน (แต่ดูใช้งานเป็นหรือเปล่า) มีสปอยเลอร์เต็มยศ (แต่เป็นรถซิตี้คาร์) อะไรทำนองนี้แหละ ที่ผมมองว่ามันเลอะเทอะ
   แต่งรถยนต์เลอะเทอะนี้พบเห็นกันเยอะมากครับ แต่กับจักรยานนั้นพบน้อย จักรยานมันชิ้นส่วนเล็กๆ ด้วยกระมัง เลยดูไม่ค่อยเลอะเท่าไหร่ ยกเว้นพวกโทนสีแบบสะบัดช่อ แบบแฟนซี ภาษาคนรุ่นผมเขาเรียก “ลิเก”
   พรุ่งนี้ผมจะพาครอบครัวไปหาดแม่รำพึง จ ระยองครับ ไปค้างสัก 1 คืน ผมจะพาลูกไปเดินป่าริมทะเล สถานที่ๆ ไปเจอและเล็งเอาไว้ตั้งแต่ตอนออกปั่นคนเดียวคราวก่อน เส้นทางไม่ไกลนัก แค่ 1 กม กว่าๆ แต่บรรยากาศและวิวนี่สุดยอด ป่าริมทะเลน่ะครับ แถมอยู่บนหน้าผาอีกด้วย
   คงจะไปนอนพักที่บ้านหลังเก่า แต่อีกใจก็อยากเอาเต้นท์ไปนอนด้วย ผมมีเต้นท์อีกหลัง นอนได้ 4 คน แต่เป็นเต้นท์ยุคเก่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซื้อมาแล้วไม่เคยกางเลย ฮ่าๆ ซื้อกลับมาจากต่างประเทศ ส่งกลับมาทางเรือ แบกไม่ไหว หนักจัด มาพร้อมกับอุปกรณ์แคมปิ้งหายาก และชิ้นใหญ่ เช่นฝักบัวแขวนแบบอุ่นน้ำด้วยพลังแสงอาทิตย์ และห้องอาบน้ำเคลื่อนที่ ฯลฯ
   ผมชอบสไตล์แคมปิ้งท่องเที่ยวมานานแล้วล่ะครับ ติดที่สมัยก่อนไม่มีโอกาส มาตอนนี้พอว่างเป็นไม่ได้เลย เดือนหน้าผมว่าง 10 วัน อยากหาที่ลุยมันๆ ยังคิดอยู่ว่าจะเอาจักรยานไปดีไหม
   ตอนหนุ่มๆ หากเลือกใช้รถยนต์มักจะมองพวกรถสปอร์ทเสมอ แต่ตอนนี้อยากได้รถใหญ่ๆ ที่ใส่จักรยานได้ จะเอามาแต่งเป็นรถแคมปิ้ง เห็นพวกรถบ้าน พวก Motor Home นี้ผมชอบมากๆ เห็นแล้วอยากได้ แต่ไม่อยากขับนะ ฮ่าๆ มันใหญ่เว่อร์ๆ เลย
   ช่วงบ่ายฝนตกอย่างหนักอีกแล้ว เอ๊ะ มันมีมรสุมเข้ามาหรืออย่างไรกันนี่ ไม่รู้ล่ะ ยังไงพรุ่งนี้ก็จะไประยอง ขับรถยนต์ไปจะกลัวอะไร จักรยานเก่าๆ แบกสัมภาระ 15 กก ก็ยังปั่นไปถึงมาแล้ว
   ฝนตกตลอดจนถึงช่วงค่ำ นึกถึงคนกำลังปั่นทัวริ่งเดินทางไกลแล้วนึกสงสารจับใจ เรื่องเปียกน่ะทำใจอยู่แล้ว เลอะเทอะก็ต้องจำทน ใครไม่มีบังโคลนก็เละกันหน่อย แต่เรื่องใหญ่คือพื้นผิวถนนครับ มองทางไม่เห็นหลุมบ่อเลยสักนิด เส้นทางก็ไม่ค่อยจะคุ้นเคยอีกด้วย อยากให้ระวังกันตรงจุดนี้ให้มากครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #6 on: July 09, 2009, 03:56:59 pm »
7 มิย 52
   ผมพาภรรยาและลูกไประยองครับ ครั้งนี้ออกจากบ้านสายหน่อย อยากให้ถึงกลางวันที่พัทยา ภรรยาอยากไปเที่ยวชมตลาดน้ำ 4 ภาค กะเวลาพอดีเป๊ะ ถึงพัทยาราว 1130 รถนักท่องเที่ยวมาชมสถานที่กันเยอะมากๆ จอดรถกันระเกะระกะเลยครับ แบบว่างตรงไหนก็เสียบกันได้เลย มั่วดีเหลือหลาย เจอ Lamborghini Gallardo สีเหลืองอ๋อยจอดซ้อนคันแถวประตูทางเข้าที่คนเดินผ่านเสียอย่างนั้นแหละ อยากรู้ว่าหากผมขอเอารถเก่าๆ ของผมจอดบ้าง ยามจะไล่ตะเพิดออกมาอย่างไร
   “คนรวยทำอะไรก็ไม่ผิด” ผมเคยได้ยินคำพูดทำนองนี้ตั้งแต่เด็ก เล็กๆ เราก็ไม่เข้าใจหรอก แต่พอโตขึ้น เห็นโลกมากขึ้น มันก็รู้เอง เข้าใจได้เอง
   แดดร้อนเหลือเกิน บรรยากาศโดยรวมผมว่าคล้ายกับตลาดน้ำอัมพวาครับ คือปลูกบ้านเรือนเป็นไม้ และมีคูคลองล้อมรอบ ขายอาหาร ขายขนมกันในเรือ นั่งกินกับริมน้ำ แต่แดดร้อนแบบนี้ร้านไหนไม่มีร่มไม้ให้หลบก็ขายไมได้หรอกครับ ร้านค้าแบบมีเก้าอี้นั่ง และมีร่มให้หลบดูจะขายดีที่สุด
   อาหารขนมก็เหมือนที่ตลาดน้ำทัวไปเลยครับ จะว่าเหมือนกันเป๊ะก็ไม่ผิด ก๋วยเตี๋ยว ขนมน้ำแข็งไส ไอติมโบราณ กาแฟโบราณ ขนมและอาหารพื้นบ้านมีเกือบหมด หากเป็นอาหารที่ใช้พื้นที่ในการกินเยอะ เช่น ส้มตำ ก็มักจะอยู่แบบเป็นร้านค้า เช่นเดียวกับต้มเลือดหมู
   ผมว่าจะมาเที่ยวชมให้ดีต้องมาตอนเย็นครับ เขาปิด 3 ทุ่ม มาเดินเล่นกลางคืนจะได้บรรยากาศที่ดีกว่า มีบริการพายเรือให้นั่งชมตลาดเล่นอีกด้วย แทบไม่น่าเชื่อว่ามีคนใช้บริการเรือมันตอนเที่ยงวันกลางแดดอย่างนี้ ไม่รู้ว่าเป็นพวกทัวร์แบบเหมาหัวมาหรือเปล่า คือเขาจ่ายเงินจองไปแล้วไง บอกลูกทัวร์ไปแล้วด้วยว่าจะนั่งเรือพายเล่น อะไรทำนองนี้
   ภรรยาขอเลือกร้านส้มตำครับ ร้านดูโล่งโปร่ง จัดร้านเป็นเหมือนห้องเรียนสมัยเก่า ใช้โต๊ะนั่งของนักเรียนมาเป็นโต๊ะทานข้าว มีกระดานดำเขียนรายการอาหารไว้ มีระฆังที่เคยใช้ตีตอนเข้าเรียนหรือตอนพัก
   รสชาติก็พอใช้ได้ครับ (แถวบ้านผมอร่อยกว่า) รีบกิน รีบกลับ เพราะร้อนจัด ไม่อยากเดินเที่ยวแล้ว พื้นที่ของเขากว้างใหญ่เลยนะ เดินได้นาน หากแวะชมกันทุกร้านผมว่าต้องใช้เวลาเกิน 1 ชม แน่ๆ
   แต่ถ้าใครเคยไปตลาดอัมพวามาแล้วล่ะก็ อย่าเสียเวลาแวะไปเลยครับ หรือถ้าไม่ได้ไปพัทยาจริงๆ ก็อย่าไปเลย แต่ถ้าอยู่พัทยาและอยากได้บรรยากาศแปลกใหม่ยามค่ำคืนก็โอเคครับ ท่าทางจะเย็นสบายดี เพราะพื้นที่เปิดโล่งมากๆ อ้อ.. หากฝนตกก็ตัวใครตัวมันครับ หลบฝนได้ตามร้านค้านั่นแหละ
   จากนั้นก็เดินทางไปหาดแม่รำพึง จ ระยอง พอขึ้นรถได้แป๊บเดียว ภรรยาและลูกต่างคนต่างหลับกันเสียแล้ว ผมอยากหลับบ้าง เพราะสายตาเพลียจากแสงแดดเหลือเกิน
   ผมไประยองบ่อยแบบนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยขับไปทางสัตหีบเลย นี่เป็นครั้งแรก รู้สึกแปลกดีที่ผ่านในเส้นทางที่เราไม่เคยผ่าน
   ช่วงใกล้ อ เมือง ของ จ ระยอง ผมมองหาปั๊มแก๊ส แต่ไม่พบเลย แปลกใจมาก แก๊สยังไม่หมดหรอกครับ แต่อยากเผื่อเอาไว้ เพราะแถวบ้านผมหาดแม่รำพึงนั้นไม่มีแก๊สให้เติม
   ขับไล่ไปเรื่อยในที่สุดก็ถึงหาดแม่รำพึง กลายเป็นไม่พบปั๊มแก๊สสักร้าน แต่ไม่เป็นไร รถผมวิ่งด้วยน้ำมันได้ เคยเห็นเพื่อนๆ ในเวปหลายคนพบปัญหาไม่มีแก๊สเติม ถึงกับสร้างระบบถ่ายเทแก๊สกันเอง บ้างก็เลี่ยงหรือเปลี่ยนเส้นทางกันไปเลย
   โถ ทำยังกะว่ารถเขาตัดระบบน้ำมันทิ้งอย่างนั้นแหละ แก๊สมันเป็นทางเลือกของคนอยากประหยัด แต่หากสถานการณ์บังคับ รถเรายังวิ่งด้วยน้ำมันได้อยู่นะ วิ่งได้ดีด้วยนะ ลืมไปแล้วหรือว่าที่ผ่านมาเป็นสิบๆ ปีนี้รถเราวิ่งด้วยอะไรกันมาก่อน
   ถึงบ้านเอาตอนบ่าย ขนข้าวของลง ดีใจได้ยืดเส้นยืดสาย ลูกอยากเล่นน้ำทะเลแต่แดดร้อนจัด ผมต่อรองขอเป็นตอนเย็น เขาตกลง
   ผมพบสถานที่แห่งหนึ่งตอนออก Solo Trip ไประยองเมื่อตอนปลายเดือนพฤษภาคม พบว่ามีทางเดินป่า ต้องเดินไต่เลียบโขดหินริมทะเล มีที่กางเต้นท์สวยงาม เงียบสงบ
   ครั้งนี้เลยพาภรรยาและลูกไปเดินป่า เส้นทางไม่ไกลนักครับ แค่ราว 1 กม แต่เส้นทางต้องเดินขึ้นเขา ลงเขา แต่ที่ยากสุดคือเดินเลาะไต่โขดหินริมทะเล เฉพาะริมทะเลนี่เดินกันราว 500 เมตรครับ ยากครับ เพราะหินแหลมคม บางช่วงลื่น บางจังหวะต้องเดินเหมือนไต่หน้าผาของจริงเลย โชคดีที่ไม่ชันและไม่สูงมาก ไม่งั้นต้องมีการเจ็บตัวกันแน่ เพราะหล่นลงไปก็เจอหินแหลมๆ
   มิวลูกผมเขาสนุกสนานกับกิจกรรมแบบนี้มาก ส่วนภรรยาแม้ไม่คุ้นเคยแต่ก็รู้สึกเขาผ่อนคลายดี ผมน่ะชอบอยู่แล้วไอ้พวกชีวิตกลางแจ้งแบบนี้ ใจอยากได้เรือใบอีกลำเอาไว้ล่องเรือเล่น เห็นลมแรงๆ แล้วนึกถึงสมัยหนุ่มๆ ที่ผมเล่นวินเซิร์ฟ ช่วงนั้นอายุแค่ 15 ออกทะเลไม่เคยกลัวแดดกลัวดำ ผิวหนังลอกกี่ครั้งก็ไม่เคยจำ
   เดินป่าออกมาเสร็จก็เย็นพอดี ให้ลูกเล่นน้ำทะเล ผมนั่งบนผืนทรายริมชายหาด ปล่อยความคิดให้ล่องลอย พยายามจะไม่คิดเรื่องใดสักเรื่อง แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเห็นเกาะเสม็ดอยู่ตรงหน้าแล้วมันอยากเล่นเรือใบไปให้ได้ หรือหากมีเรือคายัคให้สักลำ ผมคงออกพายไปตอนนี้เป็นแน่
   กลายเป็นว่าหากมีรถบ้านและจะมาเที่ยวทะเล นอกจากจักรยานแล้ว รถบ้านของผมยังต้องมีเรือคายัคที่บรรทุกสัมภาระแคมปิ้งได้อีกด้วย
   เย็นผมพาครอบครัวไปทานอาหารทะเลร้าน “ป้าจ๋วย” ร้านนี้เก่าแก่มากๆ นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ๆ ไม่รู้จักกันแน่ๆ เพราะร้านค้ายุคใหม่จะทำเลดีกว่า ร้านป้าจ๋วยยังคงฝีมือดีเหมือนเดิม ราคาก็ถือว่าคุ้มค่า ไม่ได้ถูกสุดๆ แต่ไปกินแล้วรู้สึกคุ้มค่าเงิน ไม่รู้สึกเสียดายตังเหมือนตอนกินที่ร้านสวยๆ แต่อาหารห่วยสุดยอด
   ภรรยาสั่งปูม้านึ่ง ลูกปลากระพงทอดราดน้ำปลา  และกุ้งเผา ส่วนผมชอบผัดผัก ร้านดูโทรมๆ จนภรรยาพูดว่า หากมาคนเดียวและเห็นบรรยากาศร้านแบบนี้คงไม่กล้าเข้า นั่งกินกันบนชายหาด ขาอยู่บนพื้นทราย ลมทะเลพัดแรงมากๆ แถมยังมีกลุ่มเด็กๆ เล่นเตะฟุตบอลกันอยู่ข้างหน้าห่างไปแค่ไม่กี่เมตร
   เฮ้ยๆ มันจะมีแบบ 4 มิติไหมวะนี่ แค่ 3 มิตินั้นไม่พอเสียแล้ว ฮ่าๆ 
   พวกเรานอนกันหัวค่ำครับ เพราะมีนัดเล่นน้ำทะเลกันตอนเช้า ริมทะเลนี้แดดออกเร็วครับ ราว 0500 ก็เริ่มเห็นแสงตามขอบฟ้าแล้ว 0530 ฟ้าสว่างมองเห็นทางอย่างชัดเจน สำหรับผม หากตื่นสัก 0600 ถือว่าเริ้มจะสายแล้วครับ
   หาดแม่รำพึง จ ระยองนี้มีจุดเด่นที่ผมชอบอย่างมากสองอย่าง เป็นจุดเด่นที่หาดอื่นไม่ค่อยมี นั่นคือ
1 เป็นหาดทรายที่ยาวมากถึง 12 กม
2 มีต้นสนขึ้นบนผืนทรายเป็นแนวยาวตลอด
   สองสิ่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกว่าโล่ง โปร่ง สบาย และไม่ร้อนเหมือนหาดอื่นๆ  ทิวสนให้ร่มเงาแก่ผู้นั่งพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ผมอยู่แถวนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้วล่ะครับ ตอนเด็กๆ คนอื่นว่างก็เที่ยวกินเหล้ากัน ส่วนผมก็จะเอาวินเซิฟร์ฟแบกขึ้นหลังคารถ และรีบบึ่งมาระยองนี่แหละ

8 มิย 52
   ผมตื่นก่อนใครเป็นประจำ วันนี้ผมตื่นตั้งแต่ยังไม่ตี 5 ออกมาเดินเล่นนอกบ้าน  สูดอากาศ ลูกตืนปุ๊บก็รีบวิ่งลงทะเลหน้าบ้านทันที ภรรยาลงไปเล่นกับลูกด้วย ส่วนผมเปลี่ยนใจไม่เล่น เพราะเป็นช่วงน้ำลง หาดจะลาดไปยาวมากๆ คือเดินไปไกลๆ น้ำยังลึกแค่เอวเอง ไม่มีเหตุผลอะไรครับ แค่ผมชอบเล่นน้ำตอนน้ำขึ้นสูงมากกว่า ผมไม่ได้นำนาฬิกาข้อมือมาด้วย เรือนนั้นสามารถบอกเวลาน้ำขึ้นน้ำลงได้ด้วย สุดยอดจริงๆ
   เล่นน้ำแล้วก็เล่นทรายวิ่งเล่นไปมาไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แถมเรียกก็๋ไม่ยอมขึ้น อยากเล่นแบบไม่มีวันเลิก ผมว่าเด็กทุกคนต้องผ่านช่วงเวลาแบบนี้มาก่อน
   ต้องออกอุบายว่าจะพาไปดูพิพิทธภัณฑ์ปลาเขาถึงยอมขึ้น ลูกผมเขาชอบดูปลามากๆ ครับ ชอบตั้งแต่เด็กแล้ว ยืนดูได้นานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มีเจ้าหน้าที่ให้อาหารปลา และจะชอบมากหากใส่ชุดดำน้ำลงไปให้กับมือ เลยไม่แน่ใจว่าชอบปลาจริงๆ หรือว่าชอบนักดำน้ำกันแน่ เพราะเห็นสนใจนักดำน้ำเป็นพิเศษ
   ผมให้เขาเลือกว่าจะกินร้านข้าวแกงหรือกินโจ๊ก ผมรู้จักสองร้านอร่อยนี้ตอน Solo Trip นั้นแหละครับ ร้านโจ๊กนี้ใจดีขนาดจะให้ผมกินฟรีเลยเมื่อรู้ว่าผมปั่นมาจากกรุงเทพฯ ตอนจะออกจากร้านรีบเอาน้ำมาเติมให้เต็มเสียสองกระติก ส่วนร้านข้าวแกงนั้นอยู่แถวท่าเรือข้ามเกาะเสม็ด ร้านสะอาดมาก นั่งทานบนม้าหิน รสชาติเข้มข้น คนท้องถิ่นขี่มอเตอร์ไซค์มาซื้อใส่ถุงกันเยอะเลย
   มิวเลือกโจ๊ก ทำให้ทุกคนเออออตาม กินเสร็จก็พากันไปดูปลา แต่เขายังไม่เปิด ตอนนี้เพิ่งจะ 0830 พิพิทธภัณฑ์เขาเปิดตอน 1000 เลยกลับบ้านกันก่อน เดี๋ยวมาใหม่
   แต่พอถึงบ้านภรรยาและลูกคงจะเพลียจากการเล่นน้ำมาก ขึ้นไปนอนหลับกันทั้งคู่ แถมหลับยาวนานไปจนถึงบ่าย !!!
   ผมได้แต่นั่งดูทีวีรอ รอไปก็กินขนมไปเรื่อย เพลินดี
   งัวเงียกันลงมาก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับ ผมพาลูกไปพิพิทธภัณฑ์ปลาตามสัญญา แดดยังคงร้อนจัด แต่บางช่วงมีฝนโปรย อากาศแบบมืดๆ สว่างๆ สลับกันไป
   พากันแวะกินข้าวร้านป้าจ๋วยร้านเดิมเป็นมื้อกลางวันอีกแล้ว ร้านป้าดูเงียบเหงาจนผมอดคิดไม่ได้ว่า อีกหน่อยป้าจะปิดตัวไปเหมือนแบบพวกร้านที่ขายไม่ดีหรือเปล่าหรอ อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย ร้านอร่อย ฝีมือดี อาหารสด ราคายุติธรรม พบเห็นได้ไม่เยอะแล้วนะ
   พิพิทธภัณฑ์เปิดแล้ว รถจอดกันเต็มลานเลย มีรถนักท่องเที่ยวคันโตๆ อยู่ 2 คัน แต่แปลก ตัวเองบ่นอยากดู แต่กลับเดินดูอยู่แป๊บเดียวเอง ไม่รู้เป็นอะไรของเขา หรือว่าคนเยอะก็ไม่รู้
   จากนั้นก็เดินทางกลับบ้านกรุงเทพฯครับ มิวปีนไปเบาะหลังสุด พับเบาะลงเอาหมอนมาวางนอนดูเอกสารในแผ่นพับที่เขาหยิบมา เออ เห็นเขาหยิบตอนแรกผมก็แปลกใจนะ เพราะไม่เคยเห็นเขาสนใจพวกเอกสารอย่างนี้มาก่อน ไม่ใช่อะไรหรอก เขาทำเหมือนผมเป๊ะเลย ไปที่ไหนก็ต้องมีแผนที่ มีเอกสารติดมือมาเสมอ เผื่อไปคราวหน้าจะได้มีรายละเอียดครบๆ ไงครับ
   นอนเล่นไปมาหลับกันหมดอีกแล้ว เหลือผมคนเดียวเป็นคนขับมันหลับไม่ได้ แต่ผมไม่ค่อยหลับในรถเท่าไหร่นะ แม้จะเป็นผู้โดยสารก็ตาม ผมชอบจะนั่งด้านหน้าและชวนคนขับเขาคุย ไม่ให้เขาเบื่อ และแก้ง่วง
   ขากลับนี้ผมใช้เส้นทางสาย 36 ขับผ่านสนามแข่งรถพีระฯ ได้สักพักก็เข้าถนนสาย 7 จากนั้นก็เข้าสู่ถนนสุขุมวิท และใช้ทางยกระดับรวดเดียวถึงบางนา ต่อด้วยทางด่วนจนถึงบ้านพระราม 2
   ก่อนเข้าบ้านแวะทานอาหารเย็นในห้างคาร์ฟู ห้างเล็กๆ แถวบ้าน มิวเลือกร้าน Bar B Q Plaza บอกว่า อยากกิน บาร์บีกอน เพื่อนรัก เออ เอาเข้าไป
   ลูกผมเขาไม่ค่อยกินขนมหวานๆ ครับ หากเป็นอาหารอะไรที่เขาเลือก ผมมักจะไม่ขัดใจเขา แต่ถ้าบ่อยไปก็จะเตือนๆ กัน และอาหารทุกมื้อจะต้องมีผักและปลา ถ้าโอเคก็ผ่าน
   ธรรมดาผมจะไม่ชอบร้านนี้เลย เพราะเมนูไม่ค่อยมีผัก แต่ครั้งนี้เขาปรับปรุงแล้ว มีผักเพิ่มมาให้เลือกหลายอย่าง เมื่อก่อนเห็นมีแต่กะหล่ำปีซอยฝอยๆ อย่างเดียว
   ได้ทีเลยสั่งหน่อไม้ฝรั่ง ปลาแซลมอน กินจนอิ่ม กลับบ้านนอนหลับอย่างสบาย เพราะเพลียจากแสงแดด และการขับรถมาตลอดทั่งวัน
   ก่อนนอนชั่งน้ำหนักพบกว่าขึ้นมา 2 กก โอ สุดยอดเหลือเกิน เซ็งจัดจริงๆ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #7 on: July 09, 2009, 06:40:18 pm »
9 มิย 52
   เตรียมตัวพบกับปรกฏการณ์รถติดระดับสุดยอดได้ในเช้านี้ครับ
   หยุดยาวต่อเนื่องกันมาถึง 5 วัน หาไม่ได้ง่ายๆ นะนี่ นอกจากสงกรานต์แล้วแทบจะไม่มีโอกาสอีกเลยในรอบปี อ้อ จะมีลุ้นก็ช่วงปีใหม่อีกที
   น้ำหนักขึ้น ผมต้องรีบลด เช้านี้ตื่นขึ้นมาก็ซดน้ำใบแม่ย่านางคั้น ผสมกับน้ำมะนาว และ ACV – Apple Cider Vinegar ปกติจะใส่น้ำผึ้งอีกด้วย แต่วันนี้น้ำผึ้งหมด    ผมไม่รู้สรรพคุณอะไรของน้ำใบแม่ย่านางหรอกครับ แม่เห็นผมสนใจเรื่องสุขภาพ ก็เลยจัดมาให้
   กลางวันจัดการพิมพ์ Dairy เล่าเรื่องย้อนหลัง 2 วัน เย็นฝนตกตามระเบียบ ตกแป๊บเดียวพอทำให้ต้นไม้สดชื่น ไม่ต้องรดน้ำเพิ่มให้อีก
   ผมเห็นโฆษณา AXE สเปรย์ระงับกลิ่นกาย เป็นเรื่องผู้ชายฉีดสเปรย์แล้วไปซื้อแซนวิช พนักงานขายได้กลิ่นถึงกับตะลึง บีบซ๊อสเป็นตัวเลขเบอร์โทรให้ เรื่องมันไม่สำคัญอะไรหรอก แค่พนักงานขายผู้หญิงคนนั้นหน้าตาคล้ายแฟนเก่าผมมากๆ ดูแล้วคิดถึงเธอขึ้นมาเหมือนกัน เธอคนนี้ชื่อปุ๋ยครับ
   ผมพบกับปุ๋ยครั้งแรกที่บึงตะโก้ ตอน ม6 ปุ๋ยเขาเล่นวินเซิร์ฟเก่งกว่าผมมาก แล่นได้คล่องแคล่ว ส่วนผมแค่พอไปได้ แต่ถ้าเจอลมแรงๆ แล้วบางทีถึงกับเอาไม่อยู่
   เจอกันครั้งแรกก็เฉยๆ ครับ ผมเป็นคนไม่ค่อยสนใจใครนัก แต่นี่มันเจอกันทุกอาทิตย์นี่สิครับ แถมมีการแล่นเรือไปชนกันอีก ชนกันเบาๆ น่ะ ตอนนั้นไม่รู้เป็นไร เหมือนจะมีแม่เหล็กกับเรือของเธอทุกที นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะนี่
   ผมไปกับอา ปุ๋ยไปกับครอบครัว พ่อนี่หน้าตาดุมาก มีน้องชายตัวโตอีกคน ช่วงแรกๆ ยังได้แต่เมียงมอง อยากคุย แต่ไม่รู้คุยไร จีบไม่เป็นโว๊ยย รู้สึกอึดอัดใจแบบบอกไม่ถูก
   เจอกันอยู่เป็นเดือนๆ เลยนะ ผมก็ไปของผมทุกสัปดาห์ มีลมหรือไม่มีลมก็จะไป นั่งเล่นก็ยังดีวะ ฮ่าๆ มองคอแทบเคล็ด แต่ก็ไม่ผิดหวัง เจอเขาทุกสัปดาห์เช่นกัน สุดท้ายวางแผนชั่วร้ายหลังจากแอบคุยเล็กคุยน้อยตอนเรือชนกัน เจอกันก็มีส่งยิ้ม หลังๆ แอบคุยตอนเขาไปซื้ออาหารครับ แทบไม่น่าเชื่อ ได้เบอร์โทรมาครั้งแรก รู้สึกดีใจฉิบหายเลยครับ เหมือนประสพความสำเร็จในชีวิตแล้ว
   โทรไปอย่างไม่ลังเล เจ้าตัวรับบ้าง คนอื่นรับบ้าง หลังๆ มีโดดกีดกันนิดหน่อย พ่อเขาดุ เลยต้องมีการนัดแนะช่วงเวลาโทร (เห็นไหม สมัยก่อนน่ะไม่มีมือถือใช้ การได้คุยกันแต่ละครั้งมันไม่ง่ายเหมือนแค่การกดๆ ๆ ๆ นะ คุยโทรศัพท์บ้านมันทำให้เกิดความผูกพันธ์ต่อกันมากกว่าเยอะ)
   โทรไปก็ไม่รู้คุยอะไรอยู่ดี คุยไม่เก่ง ตัวเองก็ไม่มีเรื่องอะไรจะคุย หากเป็นพวก BMX หรือ Skateboard หรือรถยนต์นี่พอคุยได้ เรียนก็ยังไม่ค่อยจะเก่งอีก สุดท้ายงัดมุขเด็ดถามเรื่องพวกวินเซิร์ฟเขานั้นแหละ ตามด้วยเรื่องเรียน จนรู้ภายหลังว่าเขาเรียนเก่งมากๆ ระดับเกียรตินิยมเลย
   เริ่มสนิทสนมมากขึ้นๆ แต่ยังไม่เคยไปเที่ยวไหนมาไหนด้วยกันเลยนะ พอปีถัดมาปุ๋ยเขาเรียนหนัก เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย เราไม่ได้คุยกันเป็นเดือนๆ ห่างนานๆ เข้าผมเองก็ติดงานส่วนตัวเหมือนกัน (ช่วงนั้นผมเป็นนักเขียนให้กับหนังสือพิมพ์บันเทิงชื่อ Inside TV ปัจจุบันปิดไปแล้ว หรือเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรสักอย่างนี่แหละ)
   ผมทำงานหาเงินได้ตั้งแต่อายุ 17 ครับ ครั้งแรกเป็นการตัดสติกเกอร์ติดรถยนต์ แต่จะมาเป็นเรื่องเป็นราวก็ตอนเขียนหนังสือพิมพ์บันเทิงนี่แหละ หน้าตาหนังสือพิมพ์บันเทิงสมัยก่อนนี้เป็นข่าวอย่างจริงจังครับ แม้จะข่าวเบาๆ แต่ก็เขียนเป็นพิธีการ ไม่ได้เป็นข่าวแซวมั่วๆ เหมือนหนังสือพิมพ์บันเทิงแบบทุกวันนี้
   แทบไม่น่าเชื่อ ห่างกันนานจนลืม ผมเรียนและทำงานหนัก ปุ๋ยเองก็สอบเข้าจุฬาฯได้ มาเจอกันอีกทีตอนเขาเรียนจบปี 4 เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ ส่วนผมเองก็ไปก่อนหน้าเขานานแล้ว มาคลาดกันครั้งใหญ่ เพราะผมไปเรียนที่เมือง Orange County รัฐ California ส่วนปุ๋ยเขาอยู่เมือง Aanheim พอรู้แล้วแทบจะเขกกบาลตัวเอง เพราะเมืองอยู่ติดกันเลย ขับรถแค่ 5 นาทีเอง
   คนมันไม่ได้เป็นคู่กัน พรหมลิขิตจึงไม่ได้กำหนดมาเช่นนั้น มารู้ตอนผมกลับมาไทยแล้ว ปุ๋ยเองก็กลับมาแล้ว ทำงานบริษัทไฟแนนซ์ชื่อดัง เป็นนักวิเคราะห์การเงิน
   กลับมาไทยแต่ผมกลับมีงานติดมาเยอะมากๆ ทั้งๆ ที่ผมน่าจะอยู่ทำงานที่ต่างประเทศ ผมเลือกกลับมาไทยซะ ตอนนั้นคิดถึงบ้านจริงๆ คิดถึงบ้านที่ระยองนี่ด้วยแหละ เพราะบรรยากาศสุดยอดจริงๆ
   อยู่โน่นผมทำงาน 7 วัน จันทร์ – ศุกร์ ทำงานร้าน Photo Fast บริการล้างอัดรูป 4 โมงเย็น – 4 ทุ่ม วันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ขับรถเข้าเมือง LA ทำงานเสิร์ฟอาหารร้าน Queen Café ถนน Melrose ย่าน Hollywood ตั้งแต่บ่าย 3 ถึงเที่ยงคืน
   ทำงานเก็บเงิน ไม่เคยเที่ยวไหนเลยสักแห่ง วันอาทิตย์ว่างวันเดียวก็เที่ยวแต่ Garage Sale คือการเปิดบ้านขายของใช้แล้ว บ้างก็เป็นงาน Swap Meet ของพวกรถยนโบราณ รถมอเตอร์ไซค์โบราณ เป็นงานพบปะสังสรรค์ของชาวรถโบราณ มีขายของด้วย
   การใช้ชีวิตแบบนี้มันโหดเกินไป ผมสูญเสียโอกาสขณะที่อยู่ต่างประเทศหลายอย่าง
   งานตามผมเข้ามาขณะอยู่ไทย ผมทำเสร็จก็ส่งงานไปต่างประเทศ ช่วงนั้นทำให้ผมใช้คอมพิวเตอร์เป็นกลุ่มแรกๆ เด็กรุ่นใหม่นี้อาจยังไม่รู้ว่าคอมพิวเตอร์ 486DX ยุคนั้นเครื่องละ 1 แสนบาท (4 เมก)  หากต้องการอัปเกรด Ram เมกละ 1000 บาท หากใช้ Ram 64 เมก ก็ใช้เงิน 64000 บาท (เฉพาะค่าแรม) ใช้แผ่นดิสเก็ตขนาดใหญ่เบ้อเริ่ม แต่จุได้นิดเดียว ใช้โปรแกรม DOS หรูหน่อยก็ Window 3.1 อ้อ สมัยนั้นยังไม่มีไวรัสครับ เริ่มมีโปรแกรมสนุกๆ ให้เล่น แต่ลงแล้วเครื่องเต็มก็ต้องทะยอยลบออกกันบ้าง Hard Disk ยุคก่อนมีอยู่ไม่กี่เมกเองครับ
   ผมเป็นมนุษย์ไซเบอร์กลุ่มแรกๆ ใช้โมเดมความเร็ว 1.4 k ไล่มาเป็น 28 k และ 56 k ไปพันทิพย์แต่ละครั้งก็จะมีของใหม่ๆ กลับมาใช้ เขาให้กลุ่มผมเป็นตัวทดสอบผลิตภัณฑ์ IT จำได้ว่าเคยทดสอบโมเดมตัวหนึ่งด้วยการ Connect และใช้งานติดต่อกันนานกว่า 30 วัน โดยไม่ได้ตัดสายเลย
   ใช้งานเวปไซต์ Pantip.com ยุคแรกมีไม่กี่ห้อง นัดมีทติ้งแต่ละครั้งคุณ วันฉัตร เจ้าของเวปก็จะมาร่วมด้วยเสมอ
   เฮ้ยย แก่แล้วโว๊ยย คนแก่ชอบเล่าเรื่องอดีต ฮ่าๆ เห็นจะจริงนะ อยากเล่าให้คนรุ่นใหม่มองเห็นภาพน่ะครับ คนไซเบอร์ยุคก่อนๆ จะสนิทสนมกันมาก คุยเรื่องเดียวกัน คบหากันจนถึงทุกวันนี้ก็มีหลายคน
   เล่าเรื่องปุ๋ยต่อ เธอทำงานจนถึงวิกฤตเศรษฐกิจ 52 ไฟแนนซ์ล้ม รู้สึกว่าจะแต่งงานและมีลูกช่วงนี่แหละ จากนั้นผมก็ไม่ได้ข่าวของเธออีกเลย
   แต่ช่วงนี้ดูโฆษณา AXE แล้วนึกถึงจริงๆ ครับ เพราะหน้าตาเหมือนกันมากๆ หุ่นก็ผอมบางแบบนี้แหละ เป็นความรักแบบเด็กๆ ใสๆ นะ ยังรู้สึกดีต่อกันอยู่เสมอ
   นี่ขณะพิมพ์เล่าเรื่องก็เห็นโฆษณาแว๊ปขึ้นมาถึง 3 ครั้ง
   ฮ่าๆ วันนี้ไม่มีเรื่องราวของจักรยานอีกแล้วว่ะ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #8 on: July 11, 2009, 06:56:37 pm »
10 กรก 52
   ตอนเช้าอากาศดีเหลือเกิน มีลมเย็นๆ โชยมา เลยเอาจักรยานออกปั่นซะ กลัวเจ็บหลัง เลยจัดไปแค่ 12 กม ไปกับรถ KHS HT ที่จริงอยากเอารถพับออกปั่น แต่ต้องมาใส่บันได และสูบลมเพิ่ม เพราะจอดมานาน ส่วนคัน HT ที่แปลงร่างเป็นทัวริ่งเต็มตัวแล้วนั้นลมยางยังแน่นหนาดีอยู่
   เริ่มวอร์มช้าๆ ตามระเบียบ พอสัก 10 นาทีแล้วค่อยเร่ง และรักษาความเร็วไว้ ไม่เอาแบบเร่งเร็วจัดสุดๆ อีกแล้ว มีแค่อัดเร่งบ้างนิดหน่อยแก้เบื่อ
   รถคันนี้ใช้แฮนด์แบบผีเสื้อ ผมว่ารถผมยังเซ็ทระดับแฮนด์ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่เลย เอาไว้ว่างๆ คงต้องปรับแต่งอย่างละเอียดกันอีกครั้ง ที่ผ่านมาพอได้ของก็รีบๆ จับยัดประกอบ รีบเร่งออกเดินทางก็อย่างนี้แหละ
   
11 กรก 52
   เช้านี้เหมือนเมื่อวานเป๊ะ ลมแรง อากาศดี วันนี้เลยเอา Giant  Revive ออกปั่น ผ่านปั๊มน้ำมันเลยเอาเข้าไปอัดลมให้เต็มตามสเปค (สูบแบบ Floor Pump ของผมพัง ยี่ห้อ Zefal ซื้อที่ Pro Bike แต่เขาบอกไม่มีอะไหล่ เลยเซ็ง) ที่ผ่านมาผมใช้สูบมืออัดเข้าไปแทน เอาแค่พอปั่นได้ก็เหนื่อยแล้วครับ สูบลมนี่เหนื่อยกว่าปั่นอีกนะ
   เติมลมยาง 65 psi แล้วปั่นดีกว่าเดิมมากๆ รถตอบสนองดีขึ้น ไวขึ้น แต่ก็สะเทือนขึ้นตามมาด้วยเป็นธรรมดา ปั่นวนเล่นแถวบ้าน วันนี้เล่นไป 15 กม ใช้เวลาไป 30 นาที ปั่นไอ้รถคันนี้แสนจะใช้พลังเยอะ เรียกได้ว่าหากมีเวลาน้อย และอยากออกแรงเยอะ แนะนำให้เอารถหนักๆ ออกปั่น จะได้ใช้พลังสมใจ
   บ่ายลงสมพงษ์มาเอา Pannier ของ Deuter รุ่น Rack Pack ที่บ้านผม คุณลุงอายุ 67 ปีแล้ว แต่หุ่นดีมาก ไม่อ้วน แข็งแรง หน้าตายังดูสดใส ลุงบอกเดือนหน้าจะไป New Zealand โหห ได้ยินแล้วอิจฉาไปเลย ประเทศนี้เหมาะแก่การปั่นจักรยานอย่างมาก อากาศดีเหลือหลาย บ้านเราข้างทางมีแต่หมา ของเขามีแต่แกะแทน ฮ่าๆ
   ผมรู้จักลุงสมพงษ์ก็ตอนไปทริปอุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น จ สระบุรี ครับ ลุงมายืนดูเต้นท์ผมอยู่สักพัก และได้คุยกันในช่วงเย็น คุยกันไปมา ทราบว่าผมมี Pannier ของ Deuter เหลืออยู่ ลุงแกเลยสนใจ
   พรุ่งนี้มีทริปของ TCC ไปเกาะเกร็ด เป็นทริปมือใหม่ คือจะมีการอบรมพื้นฐานของการใช้จักรยานและระบบเกียร์กันก่อน จะออกเดินทางจากสวนรถไฟก็ราว 1000 กลับเอาตอนบ่ายๆ
   อยากไปเหมือนกัน ผมไม่เคยไปเกาะเกร็ด ไปกับ TCC สนุกมากครับ ผมชอบพวกผู้ใหญ่ใจดีกลุ่มนี้มากๆ อารมณ์ดีกันเสมอ
   แต่ไปแล้วกลัวกลับมาจะเจ็บหลังอีก มันน่าสนใจตรงระยะทางไม่ไกลมาก สองจิตสองใจ อยากไปแต่กลัวไม่หายเจ็บ เอาไงดีวะ
   เกาะเกร็ดขนมเยอะ ของกินเพียบ หากไปควรนำกระเป๋าใส่ของไปด้วย ผมชอบซื้อมาฝากคนที่บ้าน แม้จะต้องแบกมาก็ตาม มันดูได้ใจดี อย่างคราวก่อนไปตลาดน้ำอัมพวา ผมก็นำหมี่กรอบไปฝากพนักงานร้าน Pro Bike เขาด้วย เขาอาจจะจำผมไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นลูกค้ารายใหญ่ แถมไปร้านก็ไม่บ่อย ช่างเถอะ ความสุขมันอยู่ที่ใจผมได้ให้เขาต่างหาก ให้แล้วก็จบกันไป ก็เท่านั้นแหละ แค่อยากให้เฉยๆ
   ว่าแล้วก็จัดเตรียมรถ KHS F20-W ที่จอดมานาน จัดการเอาบันไดคลิปใส่ พร้อมแขวน Pannier ไป 4 ใบ
   โห เกะกะจริงๆ เลย รถคันเล็กแต่ใส่ Pannier รอบคันมันดูเทอะทะจริงๆ เลย เอ๊ะ หรือเอาไปแค่ 2 ใบพอ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #9 on: July 13, 2009, 02:12:30 pm »
12 กรก 52
   เป็นอันว่าวันนี้ไม่ได้ไปเกาะเกร็ดครับ ช่วงบ่ายมีงานเลี้ยงกันเองในครอบครัวผมและของพี่สาว
   เอารถ KHS F20-W ออกไปเติมลมที่ปั๊ม ปตท ที่ไปซื้อ Jet มา ผมชอบปั๊มแบบนี้ มีที่เติมลมแสนสะดวก เมื่อวานเติมรถ Giant Revieve อัดไป 65 psi แต่วันนีขอ 100 psi ครับ เพราะรถคันนี้ใช้ยางแบบ High Pressuer สเปคคล้ายพวกเสือหมอบ
   แต่เติมตั้งนานเครื่องก็ฟ้องว่า Error 1 / Error 2 เหมือนกับว่าลมหมด ผมรอสักพักอัดเข้าใหม่ ก็ได้แค่ 60 กว่าๆ ขึ้นเกินนี้ก็จะฟ้อง Error ทุกที ผมเติมแต่เช้านั่งปล้ำกับรถอยู่คนเดียว ไม่มีใครมารอคิว ถ้าพวกคนขับรถยนต์เขาเห็นค่าตัวเลขแรงดันที่ผมใช้ เขาตกใจกันแน่
   เติมได้แค่ไหนก็แค่นั้นวะ ขี้เกียจรอ ปั่นต่อไปอีกนิดไปยังตลาดสินทวี ตอนเช้าขายของเยอะมากๆ วันนี้เอารถทัวริ่งมีกระเป๋าเยอะมาด้วย อยากได้อะไรก็ซื้อใส่ หยิบใส่ ต่างจากตอนที่ไปกับรถคันอื่น จะซื้ออะไรใหญ่ๆ หนักๆ นี้คิดกันเยอะเลย
ซื้อขนมมาฝากลูก ฝากภรรยา ขากลับบ้านผ่านปั๊มเดิม เห็นคนหนึ่งขี่เสือหมอบ Bianchi สีเขียว ผมปั๊มเข้าห้องน้ำ เห็นเขาขี่วนไปวนมาหลายรอบ จึงออกมานั่งคุยด้วย ทราบว่าเขามาคนเดียว มารอกลุ่มพระราม 2 กันที่ปั๊มนี้    
ผมนั่งคุยเป็นเพื่อนเขา แต่ก็ไม่เห็นมีใครปั่นมาสมทบเสียที รอจน 0730 ตามเวลานัดหมายของกลุ่มพระราม 2 ก็ยังไม่เห็นมีจักรยานเข้ามาสักคัน จึงบอกให้เขาออกปั่นเถอะ เดี๋ยวแดดจะยิ่งร้อน จากนั้นเราก็แยกย้ายกัน ไม่รู้ว่าเขาจะไปไหน แต่ผมน่ะกลับบ้าน    
ตอนสายไปเดอะมอล์ท่าพระ แผนกแคมปิ้งมีลดราคาสินค้า ผมชอบหมวกปีกกว้างใบหนึ่ง ราคาเต็มราว 500 บาท ตอนนี้ลดเหลือ 250 บาท แต่คิดๆ แล้วก็ยังไม่ได้ซื้อ ชอบใจกางเกงอีกตัวหนึ่ง เป็นกางเกงของพวกนักเดินทาง ผ้าแบบแห้งเร็ว ขากางเกงสามารถปลดออกกลายเป็นกางเกงขาสั้นได้ อันนี้ลดเหลือ 990 ราคาเต็มสัก 1900 มั้ง (โห มันขายของกำไรกันแบบเหลือเชื่อจริงๆ )
อยู่ที่ร้านก็ลังเล ไอ้หมวกนี้เล็งมานานแล้วเหมือนกัน เอาไว้ใส่ตอนออกเดินป่าท่าจะดี แต่เราเองก็เดินไม่เห็นจะบ่อยตรงไหน ซื้อไปทำไม่ให้เปลืองเงิน แหม เอาไว้ใส่ปั่นจักรยานกลางแดดก็ได้นะ ปั่นแถวบ้านใกล้ๆ ผมไม่ได้สวมหมวกนิรภัยหรอก เออ เน๊อะ ลืมคิด พอกลับมาบ้านก็อยากได้หมวก ฮ่าๆ
อ้อ อยู่หน้าร้านเขาก็เมียงมองดูเต้นท์นะ ตอนนี้อยากได้แบบนอน 2-3 คน เผื่อไว้ไปกับลูก จากประสพการณ์ตอนไปน้ำตกสามหลั่นแล้วเจอฝน ทำให้ผมมองพื้นเต้นท์ก่อนเพื่อน พบว่าเต้นท์ที่โชว์ทุกอันใช้พื้นเต้นท์แบบเดียวกันหมดเลย มันกันน้ำได้ในระดับหนึ่งครับ แต่หากฝนลงนานๆ เจอน้ำไหลผ่านนานๆ หรือบริเวณกางเต้นท์ของเราเป็นแอ่งน้ำ แบบนี้งานเข้าครับ เพราะแช่น้ำนานๆ แล้วไอความเย็นมันจะซึมผ่านเข้าด้านในที่อุ่นกว่า และก่อตัวทำให้เกิดเป็นหยดน้ำได้ อารมณ์เดียวกันกับตอนเราเอาน้ำแข็งใส่แก้วแล้ววางไว้ แป๊บเดียวภายนอกแก้วก็มีหยดน้ำเกาะ แบบนั้นเลยแหละ
ผมเองก็เพิ่งรู้ว่ามีแบบนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะเต้นท์ผมน้ำไม่เข้า ตอนเช้าเพื่อนๆ มาสอบถามผมกันใหญ่ว่าน้ำเข้าไหม ๆ ผมก็งงๆ เต้นท์มันก็ต้องกันน้ำอยู่แล้วนี่นา มาทราบภายหลังว่าเต้นท์หลายหลังของพวกเรากลายเป็นอ่างเลี้ยงปลากันเลย
ช่วงนี้ผมจะพักการปั่นรถใหญ่อย่าง KHS HT ครับ แต่จะมาปั่นรถคันอื่นแทน เพราะว่าไม่อยากให้หลังเกิดแรงกดในตำแหน่งเดียวกันกับตอนขับรถคันใหญ่ หากผมมาใช้รถพับ หรือรถ Semi Recumbent ที่ช่วงของรถมันแตกต่างกันออกไป อาจทำให้ผมเจ็บหลังน้อยลง ทฤษฎีนี้ผมคิดเอง ไม่รู้ผิดหรือถูก เพราะยังไม่ได้ออกลองปั่นไกลๆ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #10 on: July 13, 2009, 06:59:16 pm »
13 กรก 52
   เช้านี้เอารถ KHS F20-W ออกปั่นครับ ระยะนี้คงจะใช้คันนี้บ่อยหน่อย ออกปั่นเล่นแถวบ้านครับ ไปแค่ 15 กม พอให้หัวใจ ปอด ได้สูบฉีดแรงๆ บ้าง ไม่ได้ถึงกับเอากล้าม
   ถึงบ้านก็ทานมื้อเช้าเป็นผัดผักบร็อคโคลี่ คะน้า กับไข่เจียว ใส่มะเขือเทศ ทอดในน้ำมันมะกอก ทานแบบเดิมๆ อย่างนี้นานเข้าก็เริ่มเบื่อเหมือนกันนะนี่
   วันไหนผมปั่นจักรยานก็จะมีเรื่องมาเล่านะครับ ปั่นเยอะก็เล่าเยอะ ปั่นไกลยิ่งเล่านาน แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ออกปั่นก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาเล่า จนบางวันเล่าเรื่องอดีต มีน้องๆ จากเวป thaimtb ส่ง pm มาแซวกันหลายคนเลย ฮ่าๆ
   ใครสนใจคุยอะไรกับผมได้ในหลายแง่มุมนะ โดยเฉพาะเรื่องของมุมมองในการพัฒนาประเทศ ผมเองอยากทำงานการเมืองครับ อยากพัฒนาบ้านเมือง แต่ผมไม่อยากลงเลือกตั้งอะไรนะ คือแค่อยากทำงาน อยากเห็นประเทศไทยพัฒนาเสียที
   บ้านเรามีอะไรหลายอย่างที่เด่นและน่าสนใจนะครับ เพียงแค่เราบริหารจัดการไม่ถูกทางกันเอง คอยขัดแข้งขัดขากันเอง ผมจะยกตัวอย่างในหลายๆ เรื่อง
ไทยเราเด่นมากๆ เรื่องการท่องเที่ยวครับ อันนี้ใครๆ ก็รู้ แต่การกระทำมันถูกทางหรือไม่ ลองนึกภาพดูที่ไหนมีความเจริญปุ๊บ แป๊บเดียวรับรองว่าต้องมีพวกบาร์เบียร์ ขายเหล้าขายเบียร์มันง่ายครับ เพราะแค่แช่เย็นและเปิดฝาให้ลูกค้า เก็บไว้ก็ไม่เน่าไม่เสี่ย ลูกค้าไม่เข้าร้านก็ไม่มีอะไรเสีย (นอกจากค่าจ้างลูกจ้าง) แต่เชื่อเถอะครับว่านักท่องเที่ยวฝรั่งน่ะ เขาไม่ได้ชอบร้านแบบนี้หรอก ที่เห็นนั่งกินนั่นน่ะ ส่วนใหญ่เป็นพวกฝรั่งขี้เมาครับ เปรียบเทียบก็เหมือนคนไทยขี้เมานั่นแหละ ที่นั่งกินได้ตามร้านกาแฟ
   หลายปีก่อนเราทำประชาสัมพันธ์ประเทศด้วยโครงการ Amazing Thailand โหห สุดยอด ประสพความสำเร็จอย่างมาก เมืองไทยดังมากๆ เลยนะครับในตลาดโลก ใครๆ ก็อยากมาไทย อาหารไทย ศิลปะไทยก็พลอยดังไปด้วย มวยไทยที่ดังอยู่แล้วนี่ยิ่งเป็นสุดยอดศิลปะป้องกันตัวเลย
   แต่เราขาดแผนพัฒนาในระยะยาวครับ ปีถัดมาเราทำ Unseen Thailand แทน เฮ้ยๆ งงสิครับท่าน แผ่นพับใบปลิวต่างๆ ที่เพิ่งอ่านกันมายังเป็น Amazing Thailand อยู่เลย ยังอ่านสดๆ ร้อนๆ กำลังวางแผนไปไทย พอมาเจอ Unseen Thailand ก็เลยสับสน เพราะมันมีสถานที่ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาอีก เรียกว่าสินค้าเดียวกันแต่เปลี่ยนแนวการทำตลาด เปลี่ยน position ของสิ้นค้าตัวเองไป ลูกค้างง ลูกค้าสับสน
   ไทยเราจุดพลุเรื่องการท่องเที่ยวนี้มาก่อนใครในเอเชียเลยนะครับ ประเทศอื่นเขายังนิ่งๆ กันหมด ไทยเรานี้ดังเปรี๊ยงขึ้นมากลางวงเลย ประเทศในเอเชียต่างตกใจกันใหญ่ จนเกาหลีเริ่มก๊อปเราครับ เริ่มจากมาเยี่ยมเยียนเมืองไทย และสิ่งที่เขาสนใจคือตลาดน้ำ บ้านเมืองเขาหนาว ไม่ค่อยมีเรือพายแบบพื้นบ้านอย่างไทย แต่อีกไม่นานก็จะมีแล้วล่ะครับ
   และแล้วเกาหลีก็เปิดประเทศด้วยคำว่า Sparkling Korea ดังระเบิดครับ เพราะเขามีแผนต่อเนื่องและแผนระยะยาว มาเลเซียเองก็เอาบ้าง ทำ  Malaysia Truly Asia ทางด้านอินเดียก็มี Increadible India มีอีกประเทศหนึ่ง ผมจำไม่ได้ ใช้คำว่า Uniquely (แล้วตามด้วยชื่อประเทศ) และจะมีตามมาอีกเพียบ รับรองได้
   ทุกประเทศล้วนเลียนแบบการเปิดประเทศด้วยแคมเปญท่องเที่ยวเหมือนไทย ใช่แล้ว เขาก๊อปไทยเราครับ แต่ไทยเรามักไม่ชอบของไทย คนไทยทำอะไรแล้วมันไม่เท่ แต่พอฝรั่งเขาทำ โอโห เจ๋ง เท่ โธ่ ไอ้ไทยเอ๊ย มีของดีๆ ในประเทศอยู่เพียบ กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง คนโบราณเขาว่าลิงได้แก้ว
   แต่มีประเทศหนึ่งที่เดิมมีแต่ทะเลทราย โชคดีที่มีรายได้จากการสูบน้ำมันขาย เขาพัฒนาประเทศไปไกลเกินกว่าที่ใครจะจิตนาการทัน ผมกำลังหมายถึงประเทศ UAE – Unuted Arab Emirate เมืองหลวงคือ อาบูดาบี เมืองท่าคือดูไบ ไม่ได้ชื่อประเทศดูไบนะครับ
   ประเทศนี้สุดยอดครับ ดังทุกอย่าง ดังแบบไม่ต้องโฆษณาเองด้วย เริ่มจากโรงแรม Burj อะไรสักอย่าง ที่เป็นรูปเรือใบ เจ๋งตรงสร้างอยู่บนผืนทราย ริมทะเล ตามมาด้วยโครงการยักษ์ชื่อ The Palm ทุกวันนี้เสร็จบ้างแล้ว ส่วน The World ก็กำลังสร้าง ยังไม่นับตึกสูงที่แต่ละชั้นหมุนได้รอบตัวเอง !!! เอาแค่คิดก็ยังตามไม่ทันเลย มันเป็นการโฆษณาให้กับประเทศตัวเองฟรีๆ เลยนะครับ ทุกวันนี้หากเปิด Google Earth ก็จะมองเห็นโครงการ The Palm ได้อย่างชัดเจน ชัดกว่ากำแพงเมืองจีนเสียอีก
   กลับมาที่ไทยเราดีกว่า อะไรในไทยที่ว่าดีบ้างหรือ อย่างแรกก็คือเรื่องของการท่องเที่ยว เรามีแหล่งท่องเที่ยวเจ๋งๆ ทั่วประเทศ ทะเลก็เจ๋ง อุทยานแห่งชาติก็เจ๋ง ภูเขา ถ้ำ น้ำตก เรามีเจ๋งๆ เพียบ แต่ไทยเราไม่ชอบของไทยเท่าไหร่ครับ คือเที่ยวไทยมันไม่เท่ไง ไปคุยกับใครก็ดูเฉยๆ งั้นๆ แต่พอไปแค่ฮ่องกง โอโห เท่ฉิบเป๋ง ยิ่งไปไกลถึงยุโรปได้นี่ยิ่งเก๋า ต้องไปคุยบอกเพื่อน บ้างก็รับฝากซื้อของ (คือไปบอกเขาไงว่าเราจะไป เขาก็เลยฝากซื้อของ)
   แต่พอเที่ยวไทย บอกจะไปเชียงใหม่ ไปดอยต่างๆ ไม่เห็นจะมีใครอยากจะฟัง ผมไประยองมา เล่นน้ำทะเลหาดแม่รำพึง อ่านดูแล้วรู้สึกธรรมดา รู้สึกเฉยๆ ไหมครับ ทั้งๆ ที่เป็นหาดที่สวยงามมาก ยาวถึง 12 กม มีทิวสนอยุ่ตลอดแนวผืนทรายบนชายฝั่ง ลองหาสักหาดของฝรั่งมาเทียบสิครับ หาได้ไหม
   ผู้คนในประเทศไทยส่วนใหญ่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นครับ คนต่างจังหวัดพอเห็นฝรั่งก็มักจะโบกมือทักทายให้ อันนี้ถือว่าเจ๋งนะ ไปประเทศอื่นไม่เห็นมีใครโบกมือให้ผมสักคน
   สถานที่เจ๋งๆ ในไทย ผมขอยกตัวอย่างสถานที่ง่ายๆ เช่นตลาดอัมพวา ฝรั่งชอบกันมากครับ เราจะทำอะไรให้ดึงดูดเงินจากนักท่องเที่ยวน่ะ เราต้องทำในสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น ไม่ได้มาทำห้างใหญ่โต ไม่ต้องสร้างตึกหรูหรา ถ้าเขาอยากหรูหราน่ะ เขาไม่มาเที่ยวไทยหรอก ฮ่องกง สิงคโปร์เจ๋งกว่าเราเยอะ เราต้องทำในสิ่งที่ฮ่องกง สิงคโปร์ เขาไม่มี และทำไม่ได้ กุญแจมันอยู่ตรงนี้ครับ
   ตลาดเก่าแก่ ของโบราณในไทยยังมีอีกเยอะมากๆ ผมว่ามีกันเกือบจะทุกจังหวัด อยู่ที่ผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัดเขาจะจัดการทำประชาสัมพันธ์จังหวัดของท่านเองหรือไม่ นี่ถ้าผมเป็นเจ้ากระทรวงการท่องเที่ยว จะออกคำสั่งให้ผู้ว่าแต่ละจังหวัดไปค้นหาสถานที่ๆ น่าสนใจในจังหวัดของตัวเองแล้วมาพรีเซนต์ผมและคณะเป็นรายๆ ไป จะจัดทำแผนการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน มีทั้งแผนระยะสั้นเอาไว้โจมตี เปิดตัวแรง ได้ผลเร็ว มีแผนระยะกลาง เอาไว้ตรวจสอบผล และแผนระยะยาวที่จะทำให้ลูกหลานในชุมชนนั้นๆ ช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองเกิดของท่านให้คงสภาพสืบไป โอออ เล่าแล้วอยากเป็นรัฐมนตรีจริงๆ เล้ยยย
   จุดเด่นของไทยมีอีกหลายอย่าง เราอาจมองข้ามกันไปเอง ไว้ผมทะยอยเล่าวันละเรื่องท่าจะดีไม่น้อย
   ช่วงกลางวัน อาศรัญ (หากพิพม์ชื่อผิดขออภัย) โทรมาหา จะเข้ามาดู Pannier ของ Deuter แต่ของที่บ้านผมหมดแล้ว นัดให้เขามาดูวันมะรืน คุณอาท่านนี้ผมเห็นหน้าหลายหน แต่เพิ่งได้คุยกันอย่างจริงจังก็ตอนไปทริปน้ำตกสามหลั่น จ สระบุรี ทริปค้างคืนก็จะได้นั่งคุยกันนานหน่อยครับ
   ระยะนี้มีฝนตกชุกอีกแล้ว แถมหวัด 09 ก็ยังระบาดไม่เลิก ผมว่าเรามาไม่ถูกทางนะ กระทรวงสาธารณสุขต้องคิดใหม่ทำใหม่ได้แล้ว ลำพังแค่ใส่ผ้าปิดปากนั้นยังไม่เพียงพอ แต่ล้างมือนั้นดีนะ ผมเห็นด้วย เราควรล้างเป็นประจำให้เป็นนิสัยอยู่แล้ว
   สัปดาห์ก่อนเห็นสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชา เขาว่านักเรียนมารวมตัวกันมาก แต่หารู้ไม่ว่าไอ้ที่มากกว่านั่นก็คือโรงภาพยนต์ และห้างสรรพสินค้า ทำไมไม่ใช้จังหวะนี้มารนณรงค์ให้เที่ยวตามป่าเขา น้ำตก ทะเล ในประเทศไทยเรากันเองล่ะครับ นาทีทองเลยนะครับนี่
   ประกาศปิดโรงเรียนไปก็เท่านั้นครับ เด็กๆ เขาก็ยิ่งแห่กันไปตามห้าง เขาว่าง เขาก็หาที่เที่ยวกัน
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #11 on: July 15, 2009, 07:30:12 pm »
14 กรก 52
   โทรศัพท์มือถือของผมเริ่มรวน เดิมทีมันทำอะไรได้หลายอย่าง แต่ทุกวันนี้ทำได้แค่โทรเข้าออก และ SMS อ้อ ยังฟัง FM ได้อยู่ด้วย แต่ฟังชั่นที่ผมใช้งานอีกอย่างคือฟังเพลง แม้ฟังไม่บ่อย แต่ฟังตอนปั่นจักรยานแล้วเพลินดีมาก ผมจะใส่หูฟังไว้ หากมีโทรศัพท์เข้า เครื่องจะตัดเพลงออกอัตโนมัติ ผมคุยได้ทันที และหากวางสาย เพลงก็จะเปิดต่อจากจุดเดิมที่หยุดไว้ ไม่ได้เป็นฟังชั่นพิเศษอะไรหรอก แต่มันสะดวกสำหรับผมแค่นั้นเอง
   มองหาเครื่องใหม่ไว้ใช้งาน ที่ไม่ได้ส่งซ่อมเพราะศูนย์เขาปิดตัวไปแล้ว ผมใช้โทรศัพท์ของ Motorola ครับ ชอบยี่ห้อนี้มานาน ชอบดีไซน์ แต่น่าเสียดายที่จะเลิกขายในไทยแล้ว เลยไม่รู้จะใช้เครื่องของอะไรดี มองไปรอบตัวมีถูกใจในดีไซน์แค่ของ HTC แต่รุ่นใหม่ๆ มันแพงเหลือเกิน เลยจะซื้อเครื่องตกรุ่น อยากได้ถูกเงินสักหน่อย แต่กลายเป็นว่าหลายร้านเขาบอกหมดแล้ว เฮ้ออ
   จุดเด่นของไทยที่ผมค้างไว้วันก่อนอีกอย่างคือบุคลิกลักษณะและจิตใจของคนไทย คนไทยเป็นคนง่ายๆ สบายๆ อะไรก็ได้ เรื่อยๆ ยิ่มแย้มแจ่มใส ไม่เคร่งเครียด ใจดี แต่ก็มีข้อเสียนะ คือมันสบายเกินไปจนออกแนวขี้เกียจ ไม่มีระเบียบวินัย มักง่าย ไม่รู้จักเคารพสิทธิคนอื่น เอาแต่ตัวเองสะดวก ฯลฯ
   แต่ข้อดีมันเด่นกว่าข้อด้อยครับ จิตใจคนไทยเราดีกว่าคนทางยุโรปหรือทางฝั่งอเมริกาเยอะมาก เราเป็นเมืองพุทธ เราเชื่อในกฏแห่งกรรม เอาล่ะ อาจมีคนไม่ดีอยู่บ้าง แต่ผมว่าคนดีเยอะกว่าแน่ๆ ครับ
   ผลดีของจิตใจคนในประเทศดีมันส่งผลถึงความสดใส สดชื่น แสดงออกบนใบหน้าของหน้าตาคนในท้องถิ่นนั้นๆ เรื่องนี้คนกรุงเทพฯอาจมองไม่ชัด แต่ถ้าไปเดินตามตลาดต่างจังหวัดยามเช้าจะชัดเจนกว่า
   จุดนี้สำคัญนะครับ ตลาดต้องเป็นตลาดมีชีวิต คือมีวิถีจริงของคนในท้องถิ่น ตลาดในบ้านเราเป็นตลาดมีชีวิตครับ แต่ถ้าเป็นเมืองอย่างเวนิช อิตาลี ชื่อดังกระฉ่อนทั่วโลก มันเป็นตลาดจัดฉากครับ คนท้องถิ่นน่ะไม่เหลือแล้ว มีแต่นายทุนมาทำธุรกิจ หากเปรียบเป็นไทยก็คงจะเป็นเมืองปาย ของแม่ฮ่องสอน ที่คนภายนอกเริ่มรุกเข้าไปประกอบธุรกิจแทนคนท้องถิ่น ทางญี่ปุ่นก็มีเมืองชื่อ Shirakawa-go  เป็นหมู่บ้านโบราณ มรดกโลกด้วยนะ สวยมากๆ สร้างด้วยไม้ ประกอบด้วยมือ มุงหลังคาด้วยฟางหญ้า สวยจริงๆ ครับ แต่ขาดวิญญาณ เพราะเป็นเมืองจัดฉากอีกเช่นกัน คนท้องถิ่นย้ายออกไปทำงานที่อื่นหมดแล้ว เหลือแต่นายทุนเข้ามาบริหารจัดการ เช่นเดียวกับเมือง Vanice ประเทศ Italy อันโด่งดังแหละครับ ตรอกซอกซอยเล็กๆ น้อยๆ ก็จะมีร้านค้าเปิดเต็มไปหมด ล้วนเป็นนักลงทุนจากถิ่นอื่นครับ คนท้องถิ่นของ Vanice แทบไม่เหลือแล้ว ร้านค้าของท้องถิ่นเองจริงๆ มองไม่ค่อยเห็น
   ผมไม่รู้เหมือนกันว่านักท่องเที่ยวคนอื่นๆ จะมองออกไหม จะชอบเมืองที่มีวิญญาณอย่างผมไหม เมืองจัดฉากมันสวยก็จริงอยู่ แต่วิญญาณล่ะ ลองไปดูตลาดอัมพวาก็แล้วกัน แล้วจะรู้ว่าวิญญาณที่ผมว่านั้นคืออะไร
   พอละ คุยเรื่องพวกนี้เดี๋ยวยาว เข้าเรื่องจักยานดีกว่า
   เดือนสิงหาคมกลุ่มของน้าเป็ด (กลุ่มย่อยของ TCC) เขาจะจัดปั่นไปนครปฐมกัน ไปชมตลาดเก่าโบราณชื่อ…. ผมน่ะชอบวิถีชาวบ้านแบบนี้อยู่แล้ว แถมเลือกที่จะนอนเต้นท์ด้วย ใจอยากไปนะ แต่กลัวปั่นทางไกลแล้วเจ็บหลังนี่สิ จะเอารถคันอื่นไปก็ใช่ที่ เพราะงานนี้ปั่นยาว น่าจะใช้รถแบบ Full Size ก็ไอ้คันเดิมที่ทำให้ผมปวดหลังยังไม่หายดีจนถึงทุกวันนี้นั่นแหละ
   หลังของผมที่ปวดนานนักผมคิดว่ามันคงไปโดนเส้นประสาทครับ เพราะไม่ได้เจ็บกล้ามเนื้อแต่อย่างใด แต่จะเจ็บแปล็บๆ หากไปยกของหนักบางมุม บางจังหวะ ทุกวันนี้ถือว่าเจ็บน้อยลงแล้วนะ แต่ยังไม่หายสนิทดี เหลืออีกสัก 10 – 15%
    เอาวะ อยากไปก็ต้องเร่งให้มันหายสนิทแล้วล่ะคราวนี้ คงต้องวางแผนฟิตซ้อมร่างกาย เพราะปลายปีมีทริปวังน้ำเขียวอีกอัน นอนเต้นท์เหมือนเดิม แถมชอบแบกของไปเอง ไม่ยอมฝากกับรถเซอร์วิส ไม่มีเหตุผลอะไร แค่ไม่อยากฝาก ของๆ เราเองเราก็ต้องแบกไปเอง แต่คนอื่นเขาฝาก ผมก็ไม่ได้ไปว่าอะไรเขาล่ะ คนเรามีเหตุผลแตกต่างกัน สำหรับผม ทุกทริปคือการฝึกซ้อม ผมมีทริปส่วนตัวอีกมาก การซ้อมบ่อยๆ จะทำให้ผมคุ้นเคยกับการปั่นรถหนักๆ เจอสถานการณ์จริงตอนไปคนเดียวก็รับมือได้สบายๆ
   เดือนหน้ามีทริปเล็กๆ แบบ One Day Trip ไปตลาดน้ำวัดบางน้ำผึ้งกับพี่คากิ (กลุ่มย่อยของ TCC) ทริปนี้สั้นมาก เพราะใกล้บ้านผม ยั้งไม่รู้จะเอารถคันไหนไปดี แต่อยากใส่ Pannier ไปด้วย เพราะจะได้ใส่ขนมเอากลับมาฝากเด็กๆ ฝากเพื่อนๆ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #12 on: July 16, 2009, 03:53:18 pm »
15 กรก 52
   เห็นเขาฮิตแพนด้ากันแล้วเอียนครับ มันมากเกินไปหน่อย  ตอนคลอดเป็นข่าวก็โอเค เพราะไทยสามารถผสมเทียมได้เป็นประเทศแรกในโลก แต่หลังๆ นี้ลืมตาก็เป็นข่าว อีกหน่อยหากลุกยืนได้ก็ต้องเป็นข่าว นี่ถ้าอีกหน่อยพูดคุยได้เหมือนคนด้วยรับรองจะยิ่งเป็นข่าวใหญ่โตเลย
   นักข่าวครับ บรรณาธิการข่าวครับ ทำข่าวกันแบบสร้างสรรค์กันหน่อยสิครับ อย่าเอาแต่พายเรือในอ่าง เห็นใครมีอะไรเราก็ต้องไปหามาบ้าง เขาลงข่าวอะไร เราก็เอาบ้าง หันมามองช้างไทยของเราบ้างสิครับ ของๆ ไทยเราเองนี่แหละ มองเห็นได้ตามแหล่งชุมชนยามค่ำคืน ควาญช้างพามันเข้าเมืองมาด้วยเหตุผลว่าที่บ้านต่างจังหวัดไม่มีงานทำ ไม่มีเงินซื้ออาหารเลี้ยงช้าง เชื่อเขาไหมครับ ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อ
   มองของใกล้ตัวสิครับ อย่าไปมองของไกลตัวแล้วพยายามเอื้อมไขว่คว้าหามา จัดการเรื่องราวของเราให้มันเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ก่อน เริ่มจากบ้าน จากชุมชน จากท้องถิ่น หากวันนี้เรายังจัดการเรื่องรอบตัวของเราไม่ได้ดี ก็อย่าเพิ่งไปมองอะไรไกลตัวมากนักครับ มองเพื่อให้เป็นแนวทางน่ะได้ แต่มองแล้วจ้องจะลอกแนวทางเหล่านั้นโดยไม่พินิจพิเคราะห์นี่สิน่าคิด
   ตอนกลางวัน อาสรัญ (รู้จักกันในทริปไปสระบุรี) มาที่บ้าน มาดู Pannier ของ Deuter และนั่งคุยกันติดลมจนถึงบ่ายสามโมงกว่า อาท่านนี้ชอบรถทัวริ่งเหมือนผม แถมใช้รถอย่างดีเช่น Canondale แถมมี Salsa อีกคัน ตอนไปทริปสระบุรีเขาใช้ Pannier ของ Vicita และแร็คเหล็กแบบเก่าโบราณเลย พอกลับถึงกรุงเทพฯ ก็ขายทิ้งทันที กะจะมามาแร็คแบบเดียวกับผม ส่วน Pannier ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็น Deuter หรือ Ortlieb ดีไม่ดีจะซื้อทั้งสองอันเอา
   หากชอบและรักการเดินทางด้วยจักรยานจริงๆ แล้ว ของใช้พวกนี้ผมแนะนำให้ใช้ของดีๆ และซื้อทีเดียวจบครับ แต่ถ้าไม่ได้ออกทริปบ่อย ไม่ได้ไปค้างคืนก็ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อล่ะ ใช้ไม่คุ้มก็อย่าเพิ่งไปใช้มันครับ
   แร็คก็่เช่นเดียวกัน ของพวกนี้เราไม่ได้เปลี่ยนกันบ่อยๆ ซื้อดีๆ แล้วทีเดียวจบ จะใช้งานได้อย่างสบายใจ
   เข้าเรื่องของดีของไทยอีกสักหน่อย ใกล้ๆ ตัวเรานี้เอง ยางพาราครับ
   ประเทศที่โด่งดังเรื่องยางพาราในโลกนี้มี 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และอินโนนีเซีย ประเทศอื่นก็มียางบ้าง แต่ส่งออกน้อย และยังไม่เป็นจุดเด่น
   ผมอยากให้ 3 ประเทศนี้รวมพลังกันครับ กลุ่มโอเปคมีเป็นสิบประเทศเขายังรวมกันได้ กำหนดราคาขายน้ำมันได้เองอย่างอิสระเลย หากตลาดโลกราคาน้ำมันต่ำ เขาก็ลดการผลิตเฉยๆ มันอย่างนั้นแหละ ราคามันก็จะเด้งขึ้นมา
   ตลาดยางพารามันไม่ผันผวนเร็วเหมือนน้ำมันหรอกครับ  เพราะฟิลิปปินส์เขาเล่นซื้อขายกันแบบล่วงหน้าเป็นปี กำหนดราคาล่วงหน้ากันเลย (เพราะเขาอยากขายแข่งไง) แม้จะบอกว่าเทียบกับน้ำมันไม่ได้ แต่ถามคำเดียว รถนนต์สุดหรูคันละเป็นล้านๆ หากไม่มียาง จะเอาอะไรวิ่งครับ
   ประเทศต่างๆ ในโลกนี้ที่โด่งดังเรื่องการผลิตยาง เช่น Yokohama ของญี่ปุ่น Continental ของเยอรมันนี Dunlop ของอังกฤษ หรือ Mickey Thopmson ของ อเมริกา ล้วนไม่มีประเทศใดที่มียางเป็นวัตถุดิบของตัวเองครับ นี้คือจุดอ่อนของเขา จุดนี้ใหญ่นะ แต่เรามองไม่ออกเอง เหมือนเป็นนักมวยที่ขาอ่อน เราเตะเข้าน่องหน่อยเดียว ยักษ์ตัวโตๆ ก็ล้มซะง่ายๆ อย่างนั้นแหละ ปัญหาคือเรามองเห็นจุดอ่อนของเขาไหม
   ในกลยุทธการสู้รบ ก็ยังต้องรู้เขารู้เรา ธุรกิจการค้าก็เช่นเดียวกันครับ ต้องมีการวางหมาก วางกลยุทธ มีเทคนิค แทคติค มีลูกเล่น รู้จักผ่อน รู้จักคลาย รู้จักรุก ฯลฯ
   มองดูรอบๆ ตัวดูว่าสิ่งใดทำจากยางบ้างครับ เห็นแล้วอาจจะตึง ของหรูไฮเทคบางชิ้นยังต้องมีซีล มีโอริง ไอ้นี้แหละตัวดีเลย จากยางซีลธรรมดาจะกลายเป็นการอัปเกรดยางธรรมดาให้มีราคาแพงขึ้นได้ไม่ยาก ยกตัวอย่างเช่นซีลยางของนาฬิการาคาแพงๆ ยานพาหนะทุกอย่างบนบกและมีล้อ ต่างต้องใช้ยางครับ
   ไทยเรายังมีของดีๆ เจ๋งๆ อีกเยอะมากๆ ทะยอยเล่าวันละอย่างพอ เดี๋ยวหมดมุข
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #13 on: July 17, 2009, 02:55:54 pm »
16 กรก 52
   ของดีของไทย (ที่คนไทยเมิน) ประจำวันนี้ ขอเสนอ ผลไม้ไทยครับ
   วันๆ เสพแต่ข้อมูลฝรั่ง เขาบอกให้กินพวกตระกูลเบอรี่ จะบำรุงสุขภาพ อ่านแล้วอยากให้แพทย์ไทยออกผลวิจัยมาบ้างว่าผลไม้ไทยเจ๋งๆ แบบฝรั่งอายก็มีอีกเยอะ เอาแค่เบาะๆ พื้นๆ บ้านๆ ก็คือมะพร้าวครับ ไม่ได้มีแค่เนื้อ แต่มีน้ำเป็นพระเอก กินดีอย่างไรผมไม่เล่าให้ยืดยาว แต่เอาเป็นว่าหากฝรั่งได้อ่านสรรพคุณ ผมว่ามะพร้าวขายดีเทน้ำเทท่า ไม่ต้องคิดอะไรมาก กล้าพันธ์ของมะพร้าวน้ำหอมของไทยเป็นสินค้าต้องห้ามในการส่งออกก็แล้วกัน (อันนี้ผมเองก็เพิ่งรู้จากข่าวทีวี)
   อ้อ อีกเรื่องที่ฝรั่งเองยังตามเราไม่ทันเกี่ยวกับมะพร้าวก็คือเรื่องของไขมันจากมะพร้าวครับ ของไทยเราสกัดออกมาเป็นน้ำมันบำรุงร่างกายได้
   รัฐบาลประกาศปิดเรียน 3 วัน รวมเสาร์ อาทิตย์ ด้วย กลายเป็นเด็กที่เรียนโรงเรียนของ กทม ได้หยุดต่อเนื่องกัน 5 วัน โหห สมัยเด็กๆ ผมไม่เห็นเคยมีแบบนี้เลย ความสุขของเด็กนอกจากได้ของเล่นแล้วก็คือได้วันหยุดครับ แค่ไม่ต้องไปโรงเรียนนี้รู้สึกดีใจอย่างมาก ฮ่าๆ
   แต่มันแปลกๆ หน่อยตรงที่ หากเป็นโรงเรียนอื่นเขายังเปิดเรียนกันอยู่ครับ เหมือนพายเรือกันคนละฝั่ง พายไม่พร้อมกัน ปิดแค่โรงเรียนสังกัด กทม แต่ถ้าโรงเรียนเอกชนก็เปิดเรียนต่อไป
   อ้าว .. แล้วแบบนี้มันจะป้องกันไข้หวัดได้หรือ หรือว่ากะแค่ป้องกันสัก 50% (เอาเฉพาะในโรงเรียน) รู้สึกแปลกๆ ในนโยบายจริงๆ
   ไอ้เรื่องหน้ากากอนามัยนี้อีกอย่าง ทำกันเสียเป็นเรื่องราวใหญ่โตเกินเหตุ ทำยังกะว่าใส่หน้ากากแล้วมันสามารถป้องกันหวัด 09 ได้ มันทำได้แค่ลดความเสี่ยง โอเค มีผ้าย่อมดีกว่าไม่มี แค่ให้ข้อมูลก็พอ ไม่ต้องถึงขึ้นลุกขึ้นมาใส่หน้ากากกันทั้งประเทศ เห็นประชุมรัฐมนตรีก็ใส่โชว์ออกข่าวกัน ส่วนข่าวเช้าของสรยุทธ์ทางช่อง 3 นี้ยิ่งไปกันใหญ่เลย ขานรับนโยบายเต็มตัว ใส่หน้ากากอ่านข่าวอีกด้วย เอา เอาเข้าไป
   มาดูความคิดของผมบ้าง เริ่มจากควรรนณรงค์ทำความสะอาดบ้านและห้องนอนให้สะอาด ผลโดยตรงคือลดฝุ่น ไรฝุ่น ห้องไหนปิดทึบก็เปิดให้ลมพัดผ่านซะ ถ้าได้แสงแดดส่องถึงยิ่งดี ถ้ามีงบพอ ให้เลือกใช้เครื่องฟอกอากาศ ส่วนสเปคไหนจะฆ่าเชื้อหวัด 09 ได้นี้ ตัวเองก็ควรยิงแคมเปญโฆษณาออกมาทันทีเลยครับ นี่คือนาทีทองของท่านแล้ว ไม่เห็นมีสักค่ายเปิดตัวว่าฆ่าเชื้อหวัด 09 ได้สักที ทั้งๆ ที่เชื้อมันไม่ได้รุนแรงอะไรตรงไหนเลย
   เชื้อหวัดก็คือไวรัสชนิดหนึ่งครับ ในตัวเราก็มีเชื้อไวรัสอยู่มากมาย หากเราแข็งแรงดี เม็ดเลือดขาวในร่างกายเราก็กำจัดเชื้อหวัดไปได้เอง กลไกของร่างกายเราสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เองด้วยนะ คือเชื้อตัวไหนเคยฆ่าแล้ว ก็จะจำได้ และสร้างเกราะมาป้องกันเชื้อตัวนั้นๆ จึงสังเกตุได้ว่าพอเราโตขึ้น เราจะแข็งแรงขึ้นกว่าตอนเด็กๆ เพราะตอนเด็กเรายังไม่มีภูมิไงครับ
   ส่วนคนที่ตายเพราะหวัด 09 นั้น ส่วนใหญ่ตัวเองจะมีโรคพื้นฐานประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว ไปตรวจสอบให้ดีก่อนลงข่าวครับ คนแข็งแรงดี แล้วเป็นหวัด 09 ตาย ยังไม่เคยเห็นครับ
   ฉะนั้น เราต้องแก้ที่ต้นเหตุที่เราทำได้ นั้นคือทำให้ร่างกายแข็งแรง สสส ควรออกโฆษณาตอนนี้ทันทีครับว่า ยิ่งดื่มเหล้า จะยิ่งติดหวัดได้ง่าย หรือ ยิ่งสูบบุหรี่จะยิ่งเป็นการเรียกเชื้อหวัด 09 ให้เข้าร่างกายเร็วขึ้น อะไรทำนองนี้ แม้อาจจะเห็นผลไม่ชัด แต่มันก็ต้องมีคนคล้อยตามบ้างล่ะน่า
   แนวความคิดของผมจะสนใจในเรื่องพื้นฐานก่อนครับ หากรากฐานเราดี ร่างกายเราแกร่ง บ้านเราสะอาด ไม่ได้บ้านอมโรค กินอาหารดี นอนดี ไม่ดื่ม ไม่สูบ แบบนี้หวัดหรือโรคอะไรก็มาเล่นงานเรายากครับ
   สาธารณสุขต้องให้ข้อมูลด้วยว่า พื้นพรม ม่านผ้า คือตัวสะสมฝุ่น และสะสมไวรัสหวัด โรงภาพยนต์ทุกที่ล้วนปูพรมครับ กำแพงก็กำมะหยี่ ม่านผ้าหนาๆ สำคัญคือ ทุกอย่างไม่เคยโดนแดดเลยแม้แต่น้อย ห้องปิดทึบ อากาศระบายได้แย่ ผมว่าไอ้นี่แหละที่จะแพร่เชื้อหวัดได้ดีกว่าในโรงเรียนเสียอีก ไปคิดดูให้ดีๆ เพราะมีการรับทานของว่างในนี้ด้วย มีเครื่องดื่มด้วย แน่นอนว่าต้องมีน้ำหกเปียกชุ่มบนพื้นพรม แล้วเมื่อไหร่มันจะแห้งกันล่ะครับนี่
   เย็นผมไปทำฟันที่ตึกชาญอิสระ แถวพระราม 4 ผมทำร้านนี้มาตั้งแต่เด็ก ทำกับหมอคนเดิมตั้งแต่หมอเพิ่งจบ จนตอนนี้หมอมีลูกตัวโตมากแล้ว ด้านล่างของตึกมีของขาย ผมเห็นชาเขียวขวดหนึ่ง เกิดอยากได้ เพราะเคยกินแล้ว สอบถามราคาแล้วตกใจ เขาขายขวดละ 380 บาท ผมสอบถามเขาว่าผิดราคาหรือเปล่า เขาทำหน้างง ผมบอกผมซื้อขวดละ 200 บาท เขาโต้ว่าอ้อ อันนั้นเป็นแบบอ่อน ของเขาเป็นแบบเข้มข้น
   ฮ่าๆ ๆ ๆ หัวเราะในใจนะ แล้วก็วางขวดลงที่เดิม แหม พี่เล่นหลอกกันง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือครับนี่ เจ๊เล้งครับ ขายขวดละ 200 บาท
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กรก 52
« Reply #14 on: July 19, 2009, 02:42:41 pm »
18 กรก 52
   ผมเข้าเวป thaimtb อยู่เสมอ แต่ช่วงนี้ผมไม่ตอบกระทู้เกี่ยวกับรถทัวริ่งเสียหลายอัน ทั้งๆ ที่เป็นงานถนัดของผมเลย ไม่ใช่อะไรหรอกครับ แค่ไม่อยากประทะคารมทางหน้าเวปกับเพื่อนๆ บางท่านก็เป็นผู้ใหญ่กว่าผมมาก มีประสพการณ์มามาก ผมไม่อยากโต้เถียง ภาษาวัยรุ่นสมัยผมเขาเรียกปีนเกลียว
   แนวความคิดของผมมักจะมาจากตัวผมเอง มาจากประสพการณ์ คิด และวิเคราะห์ ไม่ได้มาจากหนังสือหรือเวปฝรั่ง หลายไอเดีย หลายแง่มุม หลายทรรศนะ ของผมมักจะต่างจากคนอื่นครับ
   จนกระทั่งมี pm – Personal Message ส่งมาหาผม ถามเรื่องเดียวกับในกระทู้นั่นแหละ ผมถึงจะได้ตอบส่งแบบส่วนตัวไป
   ผมก็ตอบตามภูมิของผมแหละครับ จะดูท่าทีของผู้ถามด้วย เช่นมาแนวซิ่ง เต็มเหนี่ยว ก็ตอบไปแนวหนึ่ง บางคนชอบแต่งรถ ไม่ได้ขี่อะไรโหดเล้ยย แกชอบแต่ง ส่วนผมไม่ถนัดของแต่ง ฮ่าๆ ตอบได้แค่ดีไซน์ แนวทาง การคุมโทนสี ฯลฯ
   แต่ถ้าคุยเรื่องการใช้งาน การปั่น การเดินทาง แบบนี้คุยกันได้นานเลยครับ เพราะความสนุกของทัวริ่งที่นอกเหนือการปั่นแล้ว มันอยู่ที่การวางแผน การเตรียมการ
   อย่างเช่น ผมรู้ว่าตัวเองจะไปขึ้นอินทนนท์อีกรอบ และต้องการทำเวลาให้ได้ดีกว่าเดิม ผมก็ต้องดูแลสุขภาพ เริ่มจากลดน้ำหนัก สร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมัน ทำร่างกายให้แกร่ง พอดูแลร่างกายเสร็จก็ต้องมาเซ็ทติ้งรถใหม่ งานนี้ขอลมยางแข็งๆ จะได้กินแรงน้อย ยางหน้าแคบๆ หน่อยก็ดี ทำรถให้เบาๆ เข้าไว้ หากเบาแล้วแพง ก็ทำให้มันลื่นซะ ล้างอัดจารบีที่ดุม และชุดกระโหลก (ถ้าทำได้) อะไรทำนองนี้แหละครับ
   การทำรถของผมไม่ค่อยเสียเงินไปกับการอัปเกรดเลย หากไม่พัง ผมไม่เปลี่ยน ยกเว้นแต่ว่าเป็นการปรับแต่งเพื่อการเซ็๋ทติ้ง เช่นจากเดิมแฮนด์ตรง เปลี่ยนเป็นแฮนด์ผีเสื้อ แบบนี้พอได้ แต่ถ้าเป็นการอัปเกรดเพื่อให้น้ำหนักเบาขึ้น อย่างนี้ไม่ใช่สไตล์ผมเลย
   กลางวันผมปั่นรถพับเข้าเมืองเล่น ข้ามสะพานพุทธ ผ่านปากคลองตลาด ท่าเตียน วัดโพธิ์ เลาะแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนถึงศิลปากร ท่าพระจันทร์ เข้าธรรมศาสตร์ แวะพักริมน้ำเล่น ทะลุออกไปที่ท่าพระอาทิตย์ แวะสวนสันติชัยปราการ วนมาออกบางลำพู เข้าถนนข้าวสาร ผ่านหนึ่งรอบมาออกที่สี่แยกคอกวัว ตรงเข้าไปถนนสามแพร่ง วกกลับออกมาด้านหลังกระทรวง ปั่นเลียบคลองหลอดมาจนถึงบ้านหม้อ และวกขึ้นสะพานพุทธกลับบ้าน
   เกิดอาการเบื่อจัดครับ ถึงได้ปั่นเข้าเมืองตอนกลางวันอย่างนี้ แม้ฝนไม่ตก แต่ก็ติดอุปกรณ์กันฝนไปเรียบร้อย
   เส้นทางเก่าแก่พวกนี้ผมไม่ได้ผ่านมานานมาก มาเห็นอีกทีรู้สึกอารมณ์ดี ย่านนี้เป็นย่านเมืองเก่า หากเป็นฝรั่งก็จะเรียก Old Town แต่ยังขาดการบริหารจัดการจากเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้เกิดความไม่เป็นระเบียบอย่างมาก
   กรุงเทพฯเรามีย่านเมืองเก่าที่สวยงามอีกหลายจุดครับ และสวยมากๆ ด้วย แต่แทนที่จะอนุรักษ์ไว้ให้ฝรั่งนักท่องเที่ยวเขาเดินชม กลายเป็นว่ามาติดกันสาดผ้าใบสีแปร๋นๆ มีแบนเนอร์โฆษณา มีผ้าใบหลากสีขึงกันแดด ฯลฯ
   Old Town นี้คือจุดเด่นของเมืองในแต่ละประเทศเลยครับ ผมไปที่ไหนก็จะชอบไปดู Old Town ตามต่างจังหวัดนี้ยิ่งสวย ภาคเหนือก็สวย ภาคใต้ก็สวย เราผู้ใหญ่ในประเทศเรายังไม่รู้จักวิธีจัดการกับของสวยๆ งามๆ เหล่านี้ให้คงอยู่สืบไป น่าเสียดายจริงๆ
   เกาะรัตนโกสินทร์คือแหล่งรวม Old Town ที่ใหญ่สุดในกรุงเทพฯครับ ผู้ว่ากทม คนก่อน ตีเส้นทางจักรยานไว้เยอะ แต่เป็นการสร้างทางจักรยานแบบคิดไปเอง คืออยากทำทางจักรยาน ก็ตีเส้นมันขึ้นมาซะ แล้วออกข่าวว่าทำทางจักรยานให้แล้ว
   เออ ง่ายดีไหมล่ะครับ แต่ที่ผมพบเห็นมาก็คือมีรถจอดทับทางจักยานตลอดทั้งสายตั้งแต่สนามหลวงไปจนถึงท่าพระอาทิตย์ สุดที่บางลำพู
   อยากชมวิสัยทัศน์ของผมเรื่องทางจักรยานไหมครับ มา ผมจะเล่าให้อ่าน
   ผมขอแบ่งเส้นทางจักรยานออกเป็น 3 แบบ
   1 ในเมือง
   2 นอกเมือง
   3 แหล่งท่องเที่ยว
   ที่ผมแบ่งเป็น 3 แบบเพราะต้องการจะให้มีการใช้จักรยานกันอย่างถาวรกันเลย คือคุณสามารถปั่นเข้าเมืองมาได้เลย ไม่ได้มีแค่ให้คนในเมืองเขาปั่นกัน (คนในเมืองส่วนใหญ่ เขาไม่ปั่นจักรยานกันเท่าไหร่หรอกครับ เหตุผลเดียวคือ กลัวร้อน และแอบคิดว่ากลัวรถจะชนเอา)

ในเมือง
   ต้องทำทางจักรยานแบบเป็นไปได้ อย่างเลียบทางด่วนรามอินทราผมถือว่าดีนะ แม้จะมีคนใช้น้อยก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ขี่จักยานมันไม่ได้แค่หยิบรถแล้วออกปั่น หากจะไปทำงานก็ต้องมีการเตียมของใส่เป้ ใส่ตระกร้า หากเปียกฝนจะทำอย่างไร ยางแตกจะทำอย่างไร จักรยานดีๆ แพงๆ จะจอดตรงไหน อย่างไร
   หากรัฐอยากทำทางจักรยาน ก็ต้องมาขอความเห็นของคนปั่นจักรยานเขาครับ ให้เขาโวตเส้นทางที่พอจะเป็นไปได้ ให้เขามีส่วนในการออกแบบทางจักรยานของเขาเอง ที่ซึ่งจะเป็นทางจักรยานอย่างยั่งยืน มิใช่แค่เอาสีมาทา แล้วบอกนี่ไง สร้างให้แล้ว ไม่เห็นมาปั่นกันเลย

นอกเมือง
   บังคับให้หมู่บ้านทุกแห่งที่จะสร้างใหม่ในปี 53 (หรือปีใดก็กำหนดเอา) บังคับให้ต้องมีทางจักยานในหมู่บ้าน (กำหนดสเปคออกมาให้เขาด้วย) ทุกหมู่บ้านมีทางจักรยาน อันนี้คนในนั้นเขาปั่นกันแน่ อย่างน้อยก็ขี่เข้าออกไปซื้อของใกล้ๆ บ้าน ทาง กทม ก็จัดทำทางจักรยานมาเชื่อมต่อระหว่างหมูบ้านของเขากับชุมชน กับตลาด กับป้ายรถเมล์ ฯลฯ
   ส่วนทางจะเป็นแบบไหน อย่างไรค่อยมาว่ากัน แต่ละพื้นที่มันไม่เหมือนกัน อย่างรังสิตคลองเยอะมาก ผมว่าหากมีทางปั่นจักรยานเลียบคลองคงบรรยากาศดีไม่น้อย

แหล่งท่องเที่ยว
   อันนี้ผมว่าคือไฮไลท์เลยครับ พัทยาคนเยอะนักใช่ไหม รถติดแน่นตลอดคืนที่ถนนหน้าหาดเลย
   สร้างทางจักรยานมันซะ รถจะติดก็ให้มันติดไป อย่าไปเอาใจคนใช้รถ พวกนี้เอาใจไปก็ไม่เคยพอ คือสร้างถนนตามจำนวนรถน่ะ มันเป็นการคิดที่ผิดวิธี เพราะคนมีรถหลายคันก็จริง แต่เขาขับได้ทีละคันเท่านั้น จะมาเอาจำนวนรถที่ขายมาคิดคำนวณกับความยาวถนนมันไม่ได้
   ต้องให้เขามีวินัยในการใช้รถ อันนี้ต้องเริ่มตั้งแต่เด็ก ขอติดไว้ก่อนว่าจะทำอย่างไร แต่ทำได้แน่ๆ เกริ่นๆ ให้คือ มีวิชาบังคับตอน ม6 เรื่องการขับรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์
   หากเป็นในกทม ผมอยากได้ทางจักรยานเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา และเลียบคลองใหญ่ๆ ครับ แม้จะเป็นไปได้ยาก แต่ทำได้ หากจะทำ ประโยชน์ของเส้นทางแบบนี้นอกจากความสวยงามแล้ว ยังป้องกันบ้านเรือนริมคลองรุกล้ำที่สาธารณะอีกด้วย
   แต่ทำทางแล้วยังไม่พอ ต้องให้เจ้าหน้าที่เขตฯ คอยปั่นตรวจสอบสภาพเส้นทางในเขตฯ ตัวเองอีกด้วย เจอบ้านไหนเอาของมาวางระเกะระกะก็ตักเตือนซะ พูดคุยกันก่อน หากไม่เชื่อฟังก็ออกกฏให้สามารถปรับเป็นเงินได้ คนไทยกลัวเสียเงินครับ ต้องขู่เข้าไว้
   หากทำได้ จะพบว่าปั่นจักรยานนี้มันช่างเร็วกว่าเรือเสียเหลือเกิน
   แต่ผมไม่ได้ลืมเรือหรอกนะ แค่ไม่ชอบเสียงดัง และการทิ้งสิ่งของลงในแม่น้ำ ผมอยากได้เรือไฟฟ้าครับ กทม บังคับให้เรือข้ามฟาก เรือด่วน หรือเรือเล็กๆ ให้เป็นเรือไฟฟ้าได้ไหม ผมว่าได้นะ แต่คุณยังไม่เคยคิดจะทำกัน

   ชุดแรกขอคร่าวๆ เท่านี้ก่อนครับ หากอยากทำจริง ผมจะลงแบบชุดใหญ่ให้
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride