Author Topic: มิย 52 13-14 อช น้ำตกสามหลั่น สระบุรี  (Read 11040 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
1 มิย 52
   เจ็บก้น เจ็บหลังยังไม่หายดี แต่ก้นผมตอนนี้มันสากๆ เริ่มจะด้านแล้ว อีกสักพักคงจะลอกออกมาเป็นแผ่น
   ใช่แล้วครับ ผิวหนังมันเสียดสีจนไหม้ แห้ง และลอก เหมือนผิวหน้าผิวกายที่ถูกแดดเผาแรงๆ แล้วลอกเป็นขุยเป็นแผ่นนั่นแหละครับ แบบเดียวกันเลย แต่ของผมเป็นที่ก้น จุดที่สัมผัสกับอานจักรยาน คิดดูก็แล้วกัน
   อาการเจ็บก้นครั้งแรกของผมเกิดขึ้นเมื่อตอนไปทริปบางไทรอยุธยาครับ งานนั้นเล่นไป 160 กว่าโลมั้ง (ไป-กลับ) หลังจากงานนั่นทำให้ต้องไปซื้อบันไดคลีทและรองเท้า
   เช่นกัน หลังจากงานหฤโหดที่ผมลุยเดี่ยวเองครั้งนี้ ทำให้ต้องรีบแจ้นไปหาซื้อกางเกงและแฮนด์ทัวริ่ง (บางคนเรียนแฮนด์ผีเสื้อ บางคนเรียกแฮนด์เลขแปด บางเวปของฝรั่งเรียกแฮนด์รูปหนวด)
   ชุดจักรยานของผมสีดำครับ เลยเลือกกางเกงสีดำล้วน มีแต่ของ Briko ผมเองก็ชอบยี่ห้อนี้ แต่เขาดังที่แว่นตานี่หว่า กางเกงเขาทำในจีน เป้าจะออกหนาๆ หน่อย ที่แรกผมเรียกหาแบบเป้าหนังชามัวร์ เคยใช้ของ Nalini ยุคบุกเบิกเลย ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้ว เป้าเขาบางครับ แต่บางแล้วนุ่ม ไอ้พวกหนานุ่มผมไม่ชอบ ใส่แล้วดูไม่สวย ไม่แนบ โดยเฉพาะคนใส่กางเกงหลวมหรือไม่ดึงขึ้นมาให้สูงๆ
   ของที่ดีสุดในร้านแสงเพชรวันนี้คือของยี่ห้อ Giessegi แพงกว่าของ Briko 100 บาท แต่เป้าบางกว่านิดหน่อย ด้านในบุดีกว่าของ Briko เยอะ เลยเลือกมา 1 ตัว made in Italy เสียด้วย ใจยังไม่ค่อยชอบนัก เพราะมันใช้ด้ายสีขาวเย็บตะเข็บ แต่คิดแล้วไม่ซีเรียส ยังไงผมก็ใส่กางเกงขายาวทับอยู่แล้ว
   ถามหาแฮนด์ทัวริ่ง เขานึกสักครู่แล้วไปหยิบมาให้ดู โอโห ใช่เลย ขายเท่าในเวปเลย แถมยังได้ฟองน้ำหุ้มแฮนด์มาครบชุดอีกด้วย
   หมดไป 1450 บาท ขับรถกลับบ้านอย่างสบายใจ
   อ้อ ผมเห็นเบาะของ Velo Plush Gel วางขายด้วย ราคาสัก 500 บาท หนักประมาณ 450 กรัมมั้ง ชั่งแล้วลืม ใจคิดจะเอามาด้วย แต่ดูแล้วยังดีกว่า เรามีกางเกงอย่างดีแล้ว ให้มันทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่เสียก่อน
   วันนี้อาการเจ็บหลังยังมีแปล๊บๆ อยู่บ้างบางจังหวะที่เอื้อมแขนซ้ายไปจับไหล่ขวา แปลกดี เพิ่งเอื้อมท่านี้ก็เลยเพิ่งรู้ ลองยืดแขนท่าจับแฮนด์ปกติไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าออกปั่นนานหน่อย ออกแรงมากหน่อยจะเจ็บ ไม่รู้เขาเรียกกล้ามเนื้ออักเสบไหม เดี๋ยวถ้าว่างจะลองโทรคุยหารือกับพี่หมอเจดู (หมอ JFK ผู้โด่งดังในหลายเวปไซต์)
   ส่วนก้นผมค่อยๆ ดีขึ้นครับ ไม่ค่อยห่วงมากนัก หากไม่นั่งกดทับบนอาจเล็กๆ แคบๆ ก็ไม่เจ็บอะไร นั่งเก้าอี้ได้ นั่งขับรถยนต์ได้ตามปกติ
   กลับมาถึงบ้านก็ยังไม่ได้ลองเปลี่ยนแฮนด์ครับ เพราะกลัวอดใจไว้ไม่ไหว เปลี่ยนแล้วอยากลองปั่นแน่ กลัวหลังจะยังไม่หายดี เลยได้แต่เอาแฮนด์มาทาบ ดูตำแหน่งแล้วดีกว่าเดิมแน่นอน แต่รถเราจะดูเทอะทะขึ้นอีกมากเลย หน้าตาออกไปทางรถคนแก่หน่อยๆ ฮ่าๆ
   บ่ายๆ ผมโทรหาพี่หมอเจ บอกเล่าอาการทั้งหมด พี่หมอบอกว่ายังดีที่เป็นแค่นี้ ระยะทางมันยาวเว่อร์เกินไป มันเกินที่กล้ามเนื้อเราจะรับได้ ดีที่ไม่น็อคหมดสติขณะปั่นไปกลางทาง คราวหน้าอย่าทำอีก อันตรายมาก
                พี่หมอสั่งยาให้ผมเสร็จสรรพ เป็นยาแก้อักเสบ และยาคลายกล้ามเนื้อ สั่งให้กินหลังอาหาร ห้ามกินตอนท้องว่าง จัดไปสัก 5 วัน
                นี่ผมไม่ได้บอกพี่หมอนะว่าเสาร์หน้าผมจะออกปั่นอีกแล้ว
« Last Edit: June 16, 2009, 03:28:17 pm by O'Pern »
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มิย 52
« Reply #1 on: June 03, 2009, 02:30:38 pm »
2 มิย 52
   เมื่อวานเย็นแวะซื้อยาตามที่พี่หมอเจสั่งอย่างเคร่งครัด ก็อยากหายเร็วๆ นี่นา จัดยามา 5 วัน กินจันทร์ – ศุกร์ เสาร์ปั่นต่อ ฮ่าๆ พี่หมอรู้จะดุผมไหมครับนี่
   หยิบแฮนด์ทัวริ่งออกมาทาบกับรถดู มุมของมือจับน่าจะดีขึ้น แถมมีตำแหน่งให้วางมือหลายที่ แบบนี้จะดีมากสำหรับนักปั่นที่ชอบเดินทางไกล
   แต่มันใส่กับคอรถผมไม่ได้ครับ ตรงจุดยึดแฮนด์ของผมไม่ได้เป็นฝาปิด แต่เป็นแบบต้องใช้แฮนด์ร้อยเข้าไป ถ้าเป็นแฮนด์ตรงก็ไม่มีปัญหา สอดเข้าไปได้เลย แต่กับแฮนด์ทัวริ่งมันยัดไม่ได้ แบบนี้ทำให้ผมต้องเปลี่ยนคอแฮนด์
   แต่ก็ยังมีทางเลือก 2 ทางครับ
1 เปลี่ยนคอแฮนด์เป็นรุ่นแบบใช้ฝาประกับปิดล็อคแฮนด์
2 ใส่อแดปเตอร์แปลงจากคอนิ้ว แล้วหาซื้อ Stem แบบของพวก MTB รุ่นใหม่ๆ มาใส่
   มีเหตุต้องเสียเงินอีกแล้วว่ะ ผมว่า Stem นี่แหละครับ คือสิ่งที่เลือกยากที่สุดในจักรยานทั้งคัน แถมเป็นอุปกรณ์ที่ส่งผลต่อท่านั่งปั่นมากที่สุดอีกด้วย ถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าจะใช้ Stem ยาวและยกเท่าไหร่ดี หรือจะซื้อ Stem แบบปรับได้มาใช้ก็ยังไม่รู้
   อยู่นอกบ้านคุมอาหารการกินยากครับ วันนี้มื้อเช้าเลยเป็นข้าวผัดปู ใช้ข้าวกล้อง ทานกับไข่ดาวทอดในน้ำมันมะกอก ตอนสายมีน้ำเต้าหู้ 1 ถ้วย กลางวันเป็นส้มตำไทย พร้อมผักสด 1 จาน และไก่ทอด 1 ชิ้น (ลอกหนังออก) ได้กินผักพื้นบ้านคู่กับส้มตำแล้วรู้สึกดีครับ อย่างใบบัวบกนี้ไม่แพง แต่หากเข้าร้านอาหารแล้วไม่ค่อยได้กินกันแน่
   ก้นผมดีขึ้นมากแล้วครับ ไม่ค่อยเจ็บแล้ว แต่ผิวที่ก้นนั้นเริ่มไหม้ จับดูแล้วสากๆ อีกสักพักคงจะลอก ส่วนหลังยังคงเจ็บอยู่ครับ เริ่มกินยามื้อแรกตอนเย็นเมื่อวาน หวังว่าคงจะหายในเร็ววัน ไม่งั้นไปปั่นไม่ได้แน่เลย
   ปกติผมไม่ทานมื้อเย็น หรือถ้าจะทานก็มักเป็นพวกผลไม้ แต่วันนี้ต้องกินยาหลังอาหาร แถมที่บ้านผมฝนตกและไฟดับเป็นเวลานาน เลยหาที่ถ่วงเวลา ไปรับลูกเสร็จก็ชวนกันไปกินร้าน MK ผมสั่งผัดผักคะน้าน้ำมันหอยและกุ้งสด ส่วนมิวเขาชอบบะหมี่และเกี๊ยวกุ้ง
   ช่วงเย็นฝนตกหนักและลมพัดแรงมาก มองฝนตกขณะนั่งอยู่ในบ้าน แล้วพลางนึกสภาพตัวเองที่ปั่นท่ามกลางสายฝนและลมแรงจัดตอนไประยอง
   เหมือนกันเปี๊ยบเลย ฮ่าๆ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มิย 52
« Reply #2 on: June 04, 2009, 07:19:56 pm »
3 มิย 52
   ตอนเช้าขับรถไปส่งมิวเรียนหนังสือ ปรับคลื่นวิทยุไปเจอช่องหนึ่งเพลงเพราะมากๆ เป็นเพลงฝรั่งเก่าๆ และเน้นไปทางเพลงบรรเลง ฟังแล้วถูกใจจริงๆ เหมือนกับว่านี่แหละ ใช่เลยที่เราค้นหามานาน ช่อง 89.5 ครับ ไม่รู้เขาจัดถึงกี่โมง เพราะผมฟังแค่ตอนขับรถไปส่งลูกและขากลับแค่นั้นเอง
   อ้อ มีไม่ชอบอย่างหนึ่งคือผู้จัดชอบพูดเชียร์คนซื้อโฆษณามากไปหน่อย ถ้าตัดออกไปได้ จะสมบูรณ์แบบมาก เพราะเพลงแนวนี้หาคนเปิดได้ยากเหลือเกิน ทุกวันนี้มีแต่เพลงวัยรุ่น
    หลังผมเจ็บยังไม่หายดีเลยครับ งานเข้าแล้วล่ะสิ เพราะเสาร์นี้มีงานปั่นไปอยุธยา ไปหาปรมาจารย์ทัวริ่งเลย อาจารย์ปรีชาครับ ปั่นรอบโลกคนแรกของไทย เด็ดขาดตรงปั่นไปสหรัฐอเมริกาเพื่อไปเรียนหนังสือ สุดยอดไหมเล่า
   คนนี้แหละครับ แรงบันดาลใจต้นแบบของผมเลย ส่วนคนที่ปั่นรอบโลกระยะหลังๆ นี้ผมรู้สึกเฉยๆ มาก เพราะส่วนใหญ่จะปั่นเอามันส์ เอาสะใจ บ้างก็มีสปอนเซอร์เยอะแยะ
   การออกปั่นแบบหลุดโลกมันต้องมี Theme ของการเดินทางครับ จู่ๆ จะมาปั่นก็พอได้อยู่หรอก แต่มันเหมือนล่องลอย บางคนคิดอยากจะปั่นเอง แต่ไม่รู้จะหา Theme อะไรดี ก็มาเล่นมุขเก่า “ปั่นเฉลิมพระเกียรติ” เอะอะอะไรก็เฉลิมพระเกียรติท่านท่าเดียว มิได้ลบหลู่นะครับ แต่อย่าดึงสถาบันชั้นสูงมาเลยครับ จะปั่นก็ปั่นกันไปเถิดครับ ขาของท่าน แรงของท่าน แถมเงินก็ยังของท่านอีก
   แล้วตกลงหลังผมจะหายทันหรือไม่ล่ะนี่ ต่อให้หายทัน การออกไปปั่นซ้ำมันจะเจ็บกำเริบกลางทางหรือไม่ จะยิ่งอันตรายไหม กล้ามเนื้อจะยิ่งบาดเจ็บมากขึ้นไหม จะยิ่งหายช้าลงไปอีกหรือเปล่า ฯลฯ
   แถมอาทิตย์ถัดไปก็มีทริปไปสระบุรีต่ออีก เป็น Overnight Trip ค้าง 1 คืน ไปกับน้าเป็ดจากกลุ่ม TCC เช่นเคยครับ
   
4 มิย 52
   วันนี้ไปร้านแสงเพชร ไปดู Stem แบบปรับระดับได้ เอามาใช้กับ KHS HT รถคันนี้เป็นคอแบบนิ้วครับ รุ่นเก่าบุกเบิกเลย ตัว Stem เป็นแบบล็อคด้วยลูกหมากแบบรถโบราณ มันใช้งานได้ดีครับ แต่ว่ามันยาวและยกน้อยไปหน่อย ลำพังปั่นไม่ต่อเนื่องนานนักก็โอเค ระยะแค่สัก 100 กม แล้วมีพักบ้าง อย่างนี้พอไหว
   แต่งานล่าสุดผมซัดไป 260 กม นั่งอยุ่บนอาน 17 ชั่วโมง ส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังผมอักเสบ กินยามา 3 วันแล้ว ยังไม่หายสนิทเลย ยังมีเจ็บอยู่นิดๆ
   วันก่อนไปเอาแฮนด์ทัวริ่งมา วันนี้ไปเอา Stem มาอีกแล้ว มาพร้อมกับตัวแปลงคอจาก 1 นิ้ว เป็น 1 1/8 นิ้ว (หากจำไม่ผิดนะ)
   กลับมาบ้านรีบลงมือทำ บ้าเห่อ อยากลองแฮนด์ใหม่ แต่ติดตั้งแล้วไม่สำเร็จครับ สายเบรกของผมสั้นเกินไป เลยไปร้านทองเอก ร้านจักรยานแถวบ้าน ให้ช่างเขาเปลี่ยนสายเบรกหน้าให้ยาวขึ้นกว่าเดิมหน่อย ลองปั่นดูแล้วถูกใจมาก ชอบมาก วางมือสบายดีเหลือเกิน ตำแหน่งมือจับจะร่นเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้น ไม่ต้องเอื้อมอีกต่อไปแล้ว แต่มีข้อเสียคือรถจะหนักขึ้น แฮนด์มันใหญ่กว่าเดิม จะต้องต้านลมมากกว่าเดิม
   ได้แฮนด์ใหม่ ทำให้บุคลิกของรถเปลี่ยนไปอย่างมากครับ มันดูเทอะทะ เกะกะ แลกกับการวางมืออย่างสบายดีมาก ดูไปดูมาเหมือนรถคนแก่เลย ฮ่าๆ
   ใจยังแอบมองเบาะนุ่มนิ่มอย่าง Velo Plush Gel อีกแล้ว ถ้าคราวหน้าปั่นแล้วเจ็บก้นอีก จะรีบไปเอาเบาะนี้มาใช้แน่นอน
   วันเสาร์จะไปทริปอยุธยากันแล้ว หลังผมยังไม่หายดีเลย ทำไงดีล่ะครับนี่ อยากไปพบอาจารย์ทวีอย่างมาก หากเป็นไปได้จะของถ่ายภาพคู่กับอาจารย์ด้วย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มิย 52
« Reply #3 on: June 06, 2009, 06:26:19 pm »
5 มิย 52
   วันศุกร์แล้ว วันสุดท้ายแล้ว หากผมจะไปอยุธยากับ TCC เขา ผมต้องไปชำระเงินในวันนี้
   เอารถทัวริ่งที่เพิ่งเปลี่ยนแฮนด์ใหม่ไปลองเล่นตอนเช้า ปั่นแบบไม่เป็นทางการ ปั่นเพื่อหาเซ็ทติ้งรถ ดูมุมองศาของแฮนด์ว่าควรเป็นตำแหน่งใด หรือปรับองศายกของ Stem เป็นเท่าไรดี ตอนนี้ผมปรับไว้ให้ยก 30 องศา
   แฮนด์จับสบายมือดี แต่ผมไม่คุ้นกับปลอกแฮนด์แบบฟองน้ำที่หุ้มยาวตลอดแฮนด์ กลับมาถึงบ้านปรับให้มันยกเพิ่มขึ้นไปอีกเป็น 50 องศา พร้อมปรับมุมของแฮนด์ตามด้วย รู้สึกว่าดีขึ้นกว่าอีก แต่ปรับยกสูงๆ แบบนี้ Stem จะดูไม่ค่อยสวยนัก ไม่เป็นไร เอาสบายมือสบายตัวไว้ก่อนดีกว่า รถผมมันไม่ค่อยจะสวยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
   เป็นอันว่าผมไม่ได้ไปชะระเงินค่าทริปที่ชมรมฯ นั่นคือผมไม่ได้ไปทริปอยุธยากับเขา แสนจะเสียดาย ผมพลาดเองที่ไปปั่นเดี่ยวซะหักโหม จนกล้ามเนื้อหลังอักเสบ แม้ทุกวันนี้จะดีขึ้นบ้าง แต่ยังไม่หายขาด ผมไม่อยากซ้ำเติมมัน เพราะสัปดาห์ต่อไปมีทริปสระบุรีอีก
   รถใส่แฮนด์ทัวริ่งแล้วดูเทอะทะอย่างมากครับ จะว่าไปแล้วมันไม่ค่อยสวย แค่ดูแปลกตา มองนานๆ แล้วเหมือนพวกจักรยานใน Fitness เลย พวกจักรยานปั่นอยู่กับที่น่ะครับ
   
6 มิย 52
   ผมเอาจักรยานออกลองปั่นเล่นๆ ช้าๆ ยังไม่คุ้นกับแฮนด์ทัวริ่งแบบนี้เลยครับ มันเก้งก้าง เทอะทะ ดูแล้วไม่คล่องตัวเอาเสียเลย นี่ได้แต่ลองแบบช้าๆ เบาๆ นะ ยังไม่ได้ออกปั่นจริงจังที่ต้องพก Pannier ไปด้วย
   วันนี้ผมมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับแฮนด์ทัวริ่งครับ คือมันมีหลากหลายรูปแบบครับ ผมเหมาเรียกมันรวมๆ ว่าแฮนด์ทัวริ่ง แท้จริงแล้วมันมีชื่อเฉพาะของแต่ละแบบกันเลย ที่พบเห็นกันบ่อยๆ จะเป็นแบบแฮนด์ผีเสื้อ และที่คล้ายกันก็คือแฮนด์คล้ายรูปเลข 8 ส่วนแฮนด์รูปหนวด (รูปทรงคล้ายตัว M) นี้จะเด่นตรงมือจับโค้งเข้าหาตัวผู้ขี่ ขอบคุณพี่เจี๊ยบที่คอยช่วยแนะนำผมอยู่เสมอด้วยครับ
   ยาที่ผมซื้อมานั้นหมดแล้ว แต่หลังผมยังไม่หายสนิทดีเลย กลัวออกไปปั่นแล้วมันเกิดเจ็บขึ้นมากลางทางจะยุ่งกันใหญ่ เอาไงดีหนอ อยากปั่นจักรยานใจจะขาด อุปกรณ์ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมแล้วเสียด้วย
   วันนี้ก็พลาดทริปอยุธยา เกิดสัปดาห์หน้าผมพลาดทริปสระบุรีอีกล่ะ จะทำอย่างไร แม้ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่ก็ต้องเตรียมตัวรับมือเอาไว้ คิดแล้วเศร้าใจจริงๆ
   หากพลาด ผมก็คงต้องออกเดินทางคนเดียวอีกนั่นแหละครับ ยังคงคอนเสปเดิมคือนอนเต้นท์ อาบลม ห่มตะวัน ชมจันทรา ไปไหนมาไหนคนเดียวแม้จะดูเงียบเหงาไปบ้าง แต่ก็หามิตรภาพได้ตลอดสองข้างทางครับ รถผมพะรุงพะรัง จอดกินข้าวแกง ก็จะมีคนมาถามไถ่เสมอ ปั่นมาจากไหนหรือ จะไปไหนหรือ อะไรทำนองนี้ ก็ได้แต่ตอบแบบยิ้มๆ ไป ส่วนใหญ่จะตกใจ โอ้โห ปั่นไหวหรือนี่ อะไรทำนองนี้
   ตอนปั่นน่ะเหนื่อยครับ หมดแรงเลยแหละ แต่พอถึงจุดหมายแล้วมันรู้สึกสะใจแบบบอกไม่ถูก แม้ไม่ได้แข่งอะไรกับใครก็เถอะ มันรู้สึกเหมือนเราชนะอะไรสักอย่าง อย่างน้อยก็ชนะใจตัวเอง ใจในอีกด้านที่มันคอยค้านว่าจะปั่นไหวหรอ ไกลนะ ร้อนนะ ฝนตกนะ ฯลฯ
   แต่หากใจอีกด้านมันจะไปเสียอย่าง จะเกิดอะไรก็ต้องไปครับ แต่อย่างที่บอกว่าการเดินทางแต่ละครั้งมันต้องมี Theme ของการเดินทางถึงจะมันส์ ลำพังแค่ปั่นเที่ยวเล่นก็โอเค แต่ผมต้องการอะไรมากกว่านั้น แค่ปั่นได้ แค่ไปถึงนั้นยังไม่เพียงพอ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มิย 52
« Reply #4 on: June 10, 2009, 04:05:11 pm »
7 มิย 52
   เช้าปั่นเล่นขำขำแถวบ้าน ได้ระยะทางไม่กี่กิโล ไม่อยากไปไกล อยากให้หลังหายเร็วๆ อาศัยช่วงนี้ปรับเซ็ทติ้งแฮนด์ไปเรื่อยๆ พบว่า Stem ยิ่งยกสูง ยิ่งจะนั่งสบาย แต่ถ้าอยากไปเร็วๆ ก็ต้องอย่าไปยกมันสูงมากนัก เอาแค่ระดับเดียวกับเบาะนั่งบวกลบนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว
   ปั่นมาหลายวัน วันละนิด ยังไม่คุ้นกับแฮนด์แบบนี้เลย มันชักจะดูเกะกะไปหน่อย ส่วนเรื่องมีตำแหน่งจับได้หลายจุดนั่นโอเคเลยนะ ผมตัดสินใจเปลี่ยนแฮนด์ก็เพราะสิ่งนี้
   ยาผมหมดแล้ว หมอเจสั่งบอกให้กิน 5 วัน มันก็ดีขึ้นมาเยอะแล้วล่ะนะ แต่รู้สึกว่ายังไม่หายสนิทเต็มร้อย เลยออกไปซื้ออีกชุดเอามากินอีกสัก 5 วัน หวังว่ายาชุดนี้หมดน่าจะหายสนิทได้แล้วนะ

8 มิย 52
   ได้ยาชุดใหม่มาแล้ว แถมเพิ่มด้วยการทายาคลายกล้ามเนื้อ แต่ทำไมรู้สึกมันหายช้าจังก็ไม่รู้ ผมไม่เคยเจ็บนานๆ แบบนี้มาก่อนเลย ส่วนก้นที่เจ็บนั้นมันลอกไปนานแล้ว ตอนนี้ก้นผมกลับมานุ่มดังเดิม
   ช่วงนี้หมกตัวอยู่แต่บ้าน ใจอยากให้หลังหายเจ็บเร็วๆ

9 มิย 52
   เช้านี้ออกปั่นเบาๆ แค่ 10 กม ใช้เวลาไปสัก 30 นาทีเห็นจะได้ ลองจับแฮนด์หลายๆ ตำแหน่งดู ทั้งจับใกล้ จับไกล จับข้าง ตอนขึ้นสะพานก็ลองยืนโยกรถดู เออ มันก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ แค่เรายังไม่ค่อยคุ้นเคยเท่านั้นเอง
   ผมเป็นกังวลเรื่องหลังที่ยังไม่หายเจ็บเหลือเกินครับ เพราะเสาร์นี้ก็จะมีทริปสระบุรี ไปนอนเต้นท์กันแบบที่ผมชอบเสียด้วย อาทิตย์ที่แล้วก็พลาดทริปอยุธยาไปแล้ว
   เช้านี้ผมเอาพริกหวานหลายๆ สีทั้งแดง ส้ม เหลือง เขียว ตามด้วยหอมหัวใหญ่ และเห็ดหูหนู เอามาผัดรวมกันใส่เนื้อไก่นิดหน่อย ทานกับไข่เจียวสองฟอง แยกไข่แดงออกเสียหนึ่งฟอง ทอดในน้ำมันมะกอก ทานแค่นี้แหละครับ ไม่ทานข้าว สายๆ มีน้ำเต้าหู้ใส่น้ำตาลนิดเดียวอีกหนึ่งถุง
   บ่ายผมมีประชุมจนถึงเย็น กลับมาบ้านหิวมาก ไม่รู้เป็นอะไร เลยแอบกินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าไป 1 จานใหญ่ เน้นผักเยอะๆ
   
10 มิย 52
   ฝนหายตกไปได้ไม่กี่วัน มาระยะนี้เริ่มตกทุกวันอีกแล้ว เน้นเฉพาะบ่ายๆ เย็นๆ ผมว่าหน้าฝนปีนี้คงจะตกหนักและยาวนานเป็นแน่
   ฝนตกจะเลอะเทอะเฉอะแฉะก็จริง แต่ผมว่ามันยังสบายกว่าหน้าร้อนนะ จะลำบากก็แค่คนที่ต้องทำงานนอกบ้าน ต้องเดินทาง โดยเฉพาะยิ่ง พวกเด็กนักเรียน
   เช้านี้ไม่ได้ปั่นจักรยานครับ แต่ตัดแต่งต้นไม้แทน ผมชอบพวกไม้ใบ ไม่ได้ศึกษาจริงจังอะไรหรอกนะ ชอบพวกพลูด่าง เพราะเลี้ยงง่าย โตไว ตายช้า ใครเลี้ยงพลูด่างแล้วมันตายนี้พิจารณาตัวเองได้แล้ว
   มื้อเช้าวันนี้ผมทานไก่ผัดขิงกับข้าวกล้อง ไม่ค่อยได้กินข้าวมาหลายวัน ที่ผ่านมากินแต่กับข้าวอย่างเดียว สายๆ มีน้ำเต้าหู้เหมือนเดิม
   บ่ายผมไปประชุมต่อจากเมื่อวาน เย็นไปรับลูก หมดไปแล้วอีกหนึ่งวัน หลังที่เจ็บก็ยังทรงๆ ไม่เจ็บมากขึ้น แต่ก็ยังไม่หายขาด เอาไงดีวะนี่ 
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มิย 52
« Reply #5 on: June 12, 2009, 07:02:20 pm »
11 มิย 52
   วันนี้ประชุมทั้งวัน พรุ่งนี้ก็อีกเช่นกัน ออกนอกบ้านบ่อยๆ กินอาหารตามร้านตลอด แถมไม่ได้ออกกำลังกายอะไรนัก ทำเอาผมน้ำหนักขึ้นมาจากเดิมเกือบ 2 กก นี่ขนาดเลือกแบบแป้งน้อย ไขมันน้อยๆ แล้วนะ แต่ผมมันแพ้ของหวานไปหน่อย เจอของหวานหน้าตาแปลกๆ ก็ชอบลองไปเรื่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนมไทยโบราณ 
   นี่ผมห่างหายจากวงการรถยนต์ไปนานมาก แต่ก็ยังมีบริษัทรถยนต์เรียกผมไปร่วมงานด้วยเสมอ ว่างผมก็ไปบ้าง ไม่ว่างก็ปฏิเสธกันไป
   วันเสาร์เขาก็จะไปทริปสระบุรีกันแล้ว หลังผมยังไม่หายดีเลย เซ็งสุดยอดเลยนะครับนี่ สงสัยความเครียดเล่นงาน ทำเอาผมกินบ่อย กินเยอะ เฮ้อออ

12 มิย 52
   วันสุดท้ายที่ผมจะต้องตัดสินใจแล้ว พรุ่งจะทริปสระบุรีจะออกเดินทางกันแล้ว หลังผมยังไม่หายขาดเลย หรือผมจะพลาดอีกทริปแล้วหรือครับนี่
   อุตส่าห์เตรียมรถ เตรียมอุปกรณ์การนอน ทุกอย่างผมพร้อมหมดแล้ว ถ้าพลาดนี่น่าเสียดายมากๆ เพราะงานนี้ได้นอนเต้นท์สมใจปรารถนาแน่นอน
   เย็นฝนเทลงมาอย่างหนัก แต่แค่สัก 30 นาทีก็หาย เป็นนิมิตรหมายอันดี หากฝนตกตอนผมนอนเต้นท์ก็ขอให้เทลงมาหนักๆ แล้วหยุดอากาศจะสบายแบบสุดยอดเหลือเกิน
   ไม่รู้จะ ไปหรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ผมสูบลมรถเตรียมไว้ อ้อ สูบแบบ Floor Pump ของผมส่งซ่อมที่ Pro Bike ยังไม่ได้เสร็จ เลยหยิบเอาสูบมือมาใช้งานแทน มันก็สามารถอัดลมเข้าไปได้ล่ะนะ แต่ว่ามันไม่มีมาตรวัดน่ะสิ ผมเลยไม่รู้ว่าตัวเองเติมไปเท่าไหร่แล้ว และของเดิมมันเหลือเท่าไหร่ก็ไม่รู้ด้วย
   ผมใช้ยางชุดเดิมครับ ล้อหลังเป็นสลิค ล้อหน้ามีดอกนิดหน่อย เป็นยางขนาด 1.5 เหมือนกัน เราควรใช้ยางขนาดเดียวกันนะ เพราะสะดวกตอนพกยางในสำรองไงครับ
   ผมเอา Pannier ของ Ortlieb ใบใหญ่ไป ไม่อยากถ่วงด้านหน้าแล้ว ขี่ลำบากมาก เมื่อยแขนอีกด้วย เข็ดเลย แต่ทริปนี้นอนแค่คืนเดียว ผมจัดของยังลงกระเป๋าแล้วมันโหรงเหรงมากๆ แต่ด้านบนแร็คกลับมีเต้นท์และผ้ารองนอนวางเกะกะอยู่ แหม นี่ถ้ายัดสองสิ่งนี้ลงใน Pannier ได้จะเวิร์คมากๆ เลย
   ผมจัดของแป๊บเดียวเสร็จแล้ว ต่างจากทริปก่อนๆ ที่จัดอยู่นาน เลือกคัดของที่จะเอาไปอยู่นาน กระทั่งไปลุยมาเองคนเดียว ปั่นเดี่ยว 260 กม นั่นแหละ ถึงได้รู้ซึ้งแล้วว่า ไม่ควรเอาของที่ไม่ได้ใช้ไป เอาแค่ของจำเป็นจริงๆ และจะดีมากหากของนั้นสามารถประยุกต์ใช้งานด้านอื่นได้ด้วย เช่น ไฟหน้าติดรถ ใช้เป็นไฟฉายตอนกลางคืน ใช้ส่องหาของในเป้ตอนมืด
   รถพร้อมแล้ว แต่คนยังเจ็บหลังไม่หายเลย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มิย 52
« Reply #6 on: June 16, 2009, 03:25:33 pm »
13 มิย 52
   เป็นอันว่าผมไปทริปสระบุรี อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่นกับกลุ่มของน้าเป็ดเขาด้วยครับ ตอนจัดของก็ยังสองจิตสองใจ เพราะหลังเรายังไม่หายเจ็บดีไง แต่ก็เอาวะ จัดของแล้วนี่นา
   เขานัดกันที่สวนรถไฟ และออกเดินทางตอน 0800 ผมเลยออกจากบ้าน 0530 เวลามันมีเหลือเฟือ ผมต้องไปแต่เช้าก็เพราะจะได้รีบทานอาหารแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรีบกิน รีบปั่น มันไม่ดีต่อร่างกายเราเลย
   จากบ้านผมไปสวนรถไฟระยะทางประมาณ 25 กม พอใกล้ถึงจุดนัดพบก็เกิดรู้สึกตึงๆ บริเวณหลังที่เจ็บนิดหน่อย ไปถึงก็รีบมองหาพรรคพวกเลย แล้วก็เป็นดังที่คิดครับ คือไม่เจอคนรู้จักเลยแม้แต่คนเดียว มีคุ้นหน้าบ้างก็ไหว้ทักทายเขา แต่พวกที่แบบเคยร่วมปั่นเคียงข้างกันนั้นไม่มีสักคน มองไม่เห็นใครจึงรีบไปทานอาหารเช้า ขณะออกจากสวนพบลุงเนตร คนนี้ผมรู้จักเขา แต่เขาคงไม่รู้จักผม ไม่เป็นไรหรอก ลุงเนตรเป็นรุ่นอาวุโสมากแล้ว เด็กๆ ควรให้ความเคารพ ไม่ว่าจะรู้จักกันส่วนตัวหรือไม่ก็ตาม
   ผมทานแกงเขียวหวานเนื้อกับไข่ต้ม ร้านข้าวแกงร้านเดิม กินมาหลายปี รสชาติดีไม่เปลี่ยน ขอแม่ค้าให้ตักใส่มะเขือเยอะๆ เพราะไม่เคยกินมะเขือจากอาหารอื่นใดเลย นอกจากแกง และพะแนง
   ทานเสร็จก็รีบไปจุดนัดพบ มองหาใครก็ไม่เจอคนสนิทสักคน ดนัยกับอากิ สองคนนี้ผมเจอบ่อย งานนี้ก็ไม่ได้มา แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก มิตรภาพนั้นมีอยู่สองข้างทางและในระหว่างกลุ่มพวกเราเสมอ
   TITV มาถ่ายทำสารคดีด้วยครับ เอากล้องมาส่องเราก็เขินๆ เหมือนกัน แต่ถ้าส่องเราตอนปั่นก็จะโบกมือให้ เราออกปั่นกันตอน 0800 ใช้เส้นทางวิภาวดีฯไปจนถึงสระบุรี ปั่นง่ายๆ แบบนี้แหละ แต่ขอโทษ รถยนต์เยอะจริงๆ
   ปั่นกันตามผู้นำกลุ่มกันไปครับ แต่แปลกที่เขานำเราปั่นในช่องทางด่วนตลอดทางขาออกเลย ไปจนถึงแยกรังสิตก็ยังอยู่ในช่องทางด่วน แปลกใจมาก หรือว่าช่องซ้ายรถโดยสารเยอะ รถใหญ่เยอะ แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ จะมาใช้ความรู้สึกส่วนตัวไม่ได้ รถเล็ก รถช้า ยังไงก็ต้องไปอยู่ในช่องทางคู่ขนานผมว่านะ
   แรกๆ ก็เกาะกลุ่มกันมาโดยดี พอถึงรังสิตนี่แหละ กลุ่มเริ่มแตกกระจาย ใครพลังเยอะ ชอบปั่นเร็วก็พุ่งนำหน้าไป ใครไปเรื่อยๆ ก็เกาะกลุ่มกันไว้ มีหลายแบบ หลายรส ผมเองเจ็บหลัง ไม่อยากปั่นเร็ว เลือกอยู่กลุ่มกลางๆ แต่เจอคุณลุงท่านหนึ่งแซงขวาขึ้นมาแล้วปาดเข้าซ้าย ล้อหลังแกมาตบเอาล้อหน้าผม !!!
   ดอกยางสีกันดังครึดดดดด แกตกใจ ผมสิยิ่งตกใจ เหมือนโดนแกล้งกันเลยนะนั่น หากเกร็งข้อมือสู้ไม่ทันมีหวังผมได้กลิ้งอย่างแรง เพราะเท้าใส่คลีทยึดติดกับบันไดไว้
   เป็นอันว่ารอด ผ่านมาได้ แต่จำซึ้งใจเลย ไม่มีคำขอโทษใดๆ ก็ไม่ถือสา คงไม่มีใครจะมาแกล้งกันเองหรอก
   แต่มันทำให้ผมแยกออกมาปั่นเดี่ยวหลังจากนั้น
   ขาไปผมทำความเร็วได้ดีมากๆ 30 นี้เป็นเรื่องหมูๆ เลย อัดไปถึง 35 และแช่อยู่นานก็มีบ่อย ทั้งๆ ที่รถผมบรรทุกของไปราว 10 กก มี Pannier สองใบใหญ่ห้อยด้านหลัง บนตระแกรงหลังมีเต้นท์อีกอัน
   ปั่นได้เร็วก็เอาใหญ่เลยครับ เร่งใหญ่เลย จนไปทันเอากลุ่มแรกสุดที่อยู่ด้านหน้า แต่ก็ได้แค่เกาะๆ เขาไปนะ เข้ากลุ่มเขาไม่ได้ ปั่นไม่ทันจริงๆ มองเห็นหลังของคนสุดท้ายอยู่สัก 200 เมตร
   เร่งตามไปเรื่อยๆ สักพักก็เจอท้ายแถว แต่กลายเป็นว่ากลุ่มนี้เองที่แตกออกมาจากกลุ่มแรก เรียกกว่ากลุ่ม 1.5 ก็แล้วกัน ฮ่าๆ ผมปั่นไปกับกลุ่มนี้อยู่หลายสิบ กม เลย
   และแล้วก็ถึงเวลาลาจาก ในที่สุดเขาก็นำจนทิ้งผมไปจนได้ แรงผมหมดครับ เริ่มเจ็บหลังแล้วด้วย แรกๆ ก็แค่ตึงๆ นานเข้ามันเจ็บแปลบๆ เหมือนมีเข็มทิ่ม รู้สึกไม่ดีเลย พอหลังเจ็บนี่มันไม่สนุกแล้ว อยากให้มันถึงเร็วๆ จะได้จอด จะได้พัก
   ตอนนี้กลุ่ม 1.5 นำหน้าผมจนหายไปแล้ว ผมกลายเป็นหัวแถวของกลุ่ม 2 แต่ก็ไม่เชิง เพราะผมปั่นอยู่คนเดียวโดดๆ กลุ่ม 2 ของจริงอยู่หลังผมอีกสัก 15 นาทีเห็นจะได้
   ไม่เป็นไรหรอกครับ เรามีจุดหมายเดียวกันอยู่แล้ว แค่ถึงก่อนหรือถึงหลังเท่านั้นเอง
   แต่สักพักมันมาเจอเอาทางแยกครับ นี่สิงานเข้า จะไปทางไหนดีล่ะ ตามแผนที่เราต้องเลือกทางเบี่ยง แต่ผมกลับไม่มั่นใจเลย อาจเป็นเพราะอยู่คนเดียวด้วย ร้อนด้วย เจ็บหลังด้วย เลยทำให้เกิดความไม่มั่นใจขึ้น จึงจอดรอในปั๊มน้ำมัน จอดไปราว 15 นาทีแหละครับ ถึงเจอกลุ่ม 2 ปั่นมา
   กลุ่ม 2 มีไม่กี่คนครับ สัก 5 คนมั้ง รวมผมเป็น 6 แกเล่นทางลัด (เขาว่า) ไม่ได้ไปทางเบี่ยง แต่ใช้วิธีตรงไปแล้วกลับรถเอาข้างหน้า ผมไม่รู้หรอกครับว่าใครจะเร็วกว่ากัน และก็ไม่สนด้วย ขอแค่ให้ถึงเร็วๆ ผมจะได้รีบๆ พัก ผมเจ็บหลัง
   ใกล้ถึงจุดหมายแล้วครับ เป็นวัดชื่อวิหารแดง วัดสร้างบนหน้าผาหิน สวยงามดี แต่ผม่ไม่ได้ขึ้นไปไหว้ หมดแรงแล้ว ระหว่างทางก็มีร้านค้าชาวบ้าน ร้านอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านสเต็คก็ยังดี ได้แต่มองๆ และปั่นตามเพื่อนๆ กันไป
   ถึงวิหารแดงก็พบกลุ่ม 1 นั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน บางคนนอนพักก็มี คงจะเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวกัน เขาบอกให้พวกเราทานอาหารกันที่นี่ แต่มองรอบตัวแล้วเห็นแต่เพิงขายของ ดูอาหารไม่น่าทานเลยสักอย่าง ร้านขายข้าวแต่มีแค่ผักเหี่ยวๆ แขวนไว้ในตู้ ร้านก๋วยเตี๋ยวก็ใช้แต่เส้นบะหมี่สำเร็จรูปอย่างซอง ร้านส้มตำก็แบบลาวของแท้เลย แมลงวันบินเต็มหน้าร้าน โหแต่ละอย่างสุดยอดเหลือเกิน มิน่า ไม่มีใครมากินสักคน (มีแต่พวกจักรยานนี่แหละ สั่งมากิน)
   เพื่อนๆ หลายคนคงคิดแบบผม และด้วยความเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายของชาวจักรยานเลยไม่มีใครบ่นอะไร มีอะไรก็กินแบบนั้น
   ผมเองก็เป็นแบบนั้นครับ แต่คือในกรณีที่มันหมดหนทางแล้วเท่านั้น สำหรับผมชอบปั่นไกล ปั่นโหด แต่ก็ขอกินดี อยู่ดีครับ กินดีอยู่ดีไม่ได้แปลว่ากินหรูๆ อยู่หรูหรานะ ของดีคือของที่เราพอใจ
   พรรคพวกสั่งของกินกันเสร็จผมก็ขอปลีกตัวปั่นย้อนกลับออกไปสัก 1 กม ตรงนั้นผมจำได้ว่ามีร้านอาหารเยอะ และเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาด้วย
   ผมเคยเล่าให้อ่านตอนไประยองแล้วครับว่าวิธีหาร้านอาหารอร่อยนี้เราต้องกินตามคนท้องที่เขากิน ร้านนี้มีรถทะเบียนสระบุรีจอดอยู่ 2 คัน และมีชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์มาซื้อใส่ถุงกันอีก 3 คน มีคิวเสียด้วย แบบนี้ไม่ผิดหวังแน่ๆ
   ตอนออกปั่นจักรยานผมชอบกินก๋วยเตี๋ยวครับ มีเหตุผลดังนี้
1 ได้ของร้อนๆ ใหม่ๆ ทำสดๆ
2 ชามเล็กๆ หากไม่อร่อยก็ไม่ต้องฝืนกินมากนัก แต่หากอร่อยก็สั่งซ้ำอีกได้ ต่างจากข้าวที่เรามักกินกันจานเดียว
3 สะดวกรวดเร็ว ง่าย ราคาไม่แพง
   งานนี้เจอร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ก็เลยใช้บริการเขาหน่อย ลองแล้วรสชาติปานกลาง ดีตรงให้ผั่กดิบมา 1 กระจาดใหญ่ๆ เห็นมีคนสั่งก๋วยเตี๋ยวหมูแบบน้ำใสด้วย เลยเอาบ้าง สั่งบะหมี่ต้มยำมาลอง รสชาติดีกว่าก๋วยเตี๋ยวเรือเสียอีก
   เชื่อไหมครับว่าตั้งแต่ผมถึงวิหารแดง และปั่นย้อนมาร้านอาหาร จนกระทั่งกินเสร็จ 2 ชาม ยังไม่เห็นใครปั่นเข้ามาจุดนัดพบสักคน
   นี่พวกกลุ่มแรกทิ้งกลุ่มหลังกันเป็นชั่วโมงเลยหรือนี่
   กินไปก็มองพรรคพวกไป ไม่เห็นมีใครมาสักคน เพราะถ้าเห็นผมจะโบกเรียกให้กินร้านนี้กันเถอะ ข้างในนั้นอย่างห่วยเลยเพื่อนเอ๋ย
   ตาเหลือบไปเห็นกระติกน้ำ จึงขอแม่ค้าเติม เขาบอกเต็มที่เลยลูก
   เป้าหมายของเราคืออุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น อยู่ห่างจากวิหารแดงสัก 5 กม แต่น้าเป็ดบอกให้พวกเรารอกันที่วัด ซึ่งบรรยากาศมันไม่ค่อยจะสวยงามเท่าไหร่เลย มีแต่ลานจอดรถ และเพิงขายของสังกะสี มีม้านั่งไม่กี่ตัว
   ผมได้ยินคนคุยกันว่ามีบางคนหลงเข้าไปในอุทยานแห่งชาติแล้ว คือไม่ได้จอดแวะพักที่วัดเหมือนแบบเรา หูผึ่งครับ เพราะไม่อยากรอตรงนี้ รีบปรี่ไปขี่จักรยานตรงไปทางเข้าอุทยานแห่งชาติทันที
   ที่อยากเข้าไปก่อนก็เพราะว่าอีกนานมากๆ กว่ากลุ่มหลังๆ จะมากันครบ เพราะกลุ่มแรกนำกลุ่มหลังหลายชั่วโมงเลย กว่าจะครบก็ต้องสัก 4 โมงเย็น (ตอนนี้ราว 2 โมง)
   จ่ายเงินค่าเข้าคนละ 20 บาท ค่าจักรยาน 10 บาท สอบถามเจ้าหน้าที่เขาว่าผมเป็นคนแรกที่เข้ามา
   อ้าว เฮ้ย ผมได้ยินว่ามีคนเข้ามาแล้ว ผมจึงตามมา
   “อ้อ เขามาถึงแล้วก็ปั่นย้อนกลับลงไปนานแล้ว” เจ้าหน้าที่บอก
   ฮ่าๆ จ่ายเงินแล้วนี่หว่า ก็ต้องปั่นเข้าไปสิ แล้วก็ไม่ผิดหวัง บรรยากาศดีสุดยอดกว่าหน้าวัดเป็นร้อยเป็นพันเท่า ต้นไม้เขียวครึ้ม บึงน้ำขนาดใหญ่ เสียอย่างเดียวคือมีมนุษย์คนหนึ่งมาเปิดเพลงในรถกระบะเสียดังลั่น นี่อุทยานแห่งชาตินะครับนี่ ไม่ได้ลานจอดรถ ทั้งๆ ที่มีป้ายบอกห้ามส่งเสียงดังแท้ๆ เจ้าหน้าที่ก็ไม่มาตักเตือนกัน ประเทศไทยก้าวตามคนอื่นช้าก็ไม่ต้องไปโทษอะไรใครเขาหรอกครับ
   อุทยานฯนี้ไม่ใหญ่มากครับ มีถนนหลักเส้นเดียว แต่ครอบคลุมอาณาเขตเยอะ จะเที่ยวให้สนุกต้องเป็นจักรยานแบบ Off Road ครับ จะ Full Suspension หรือไม่นั้นผมเฉยๆ ใจลึกๆ ผมชอบ Hard Tail มากกว่า มันใช้ฝีมือมากกว่ากันเยอะ คนใช้ Full Sus จะบอกว่าของเขาสบายกว่า เร็วกว่าก็ช่างประไร ผมไม่ได้มาแข่งกับใคร ผมมาเที่ยว
   มาแล้วก็ลองปั่นดูครับ รถผมเป็น Hard Tail ก็จริง แต่ดันใส่ยางแบบ Street กว้างแค่ 1.50 แถมเป็นยางสลิคอีกด้วย ลื่นครับ เจอทรายล้อหน้าก็จมจนเลี้ยวไม่ได้ บางทีเจอหินก้อนโตๆ ชนแล้วรถหยุดเลย เกือบล้มหลายที กลัวจะเจ็บตัวมากกว่านี้ เลยยอมแพ้ เข็นกลับออกมา
   สำรวจพื้นที่พบห้องน้ำรวม จุดกางเต้นท์ โถงอาคารสำหรับทำกิจกรรม ฯลฯ ใจผมอยากกางเต้นท์ให้เสร็จก่อนเย็น เพราะคืนนี้จะมีคนกางเต้นท์กันอีกเยอะมากๆ หากผมเลือกทำเลได้ก่อน จองก่อนก็จะดี ไม่ต้องมากางเต้นท์เบียดๆ กัน
   มีพื้นที่กางเต้นท์หลายจุดครับ แต่ผมเลือกเอาจุดที่ใกล้บ้านพักของพวกเรา เผือจะขอใช้บริการห้องน้ำ ใจคิดแค่นี้แหละ
   พอผมเข้าอุทยานฯมาได้สักพัก ก็มีหลายคนทะยอยตามกันเข้ามา ไม่รู้ว่าเป็นพวกกลุ่มแรกหรือกลุ่มหลัง จำกันไม่ได้แล้ว
   บริเวณนั้นมีลานกางเต้นท์สองชั้น ชั้นบนอยู่บนขอบยอดเนินคล้ายหน้าผา วิวดี อยู่สูง ตอนแรกผมก็กางบริเวณนี้แหละ แต่มันมีมดมาก ผมย้ายตำแหน่งมา 2 ครั้งก็ยังหนีมดไม่พ้น
   มองไปด้านล่างที่ต่ำกว่าสัก 5 เมตร ต้องลงบันไดชันๆ ไป ดูแล้วเหมือนจะรับลมน้อยกว่า (เพราะอยู่ต่ำกว่า) แต่ผมมองที่บึงน้ำแล้วมีริ้วๆ คลื่นตลอดเวลา
   ริ้วคลื่นน้ำแบบนี้เกิดจากลมพัดครับ ดูแล้วไม่ต้องคิดเลย ข้างล่างมีลมแน่ๆ ผมหอบเอาเต้นท์ที่กางแล้วปีนลงทางชัน เอาไปวางริมน้ำทันที
   เต้นท์ของผมเล็ก และเบาครับ ต่อให้กางแล้วก็ยังสามารถยกเคลื่อนย้ายได้สบายๆ พบว่าริมน้ำเป็นผืนหญ้าขึ้นอย่างหนาแน่น พื้นแบบนี้ดีครับ นอนก็นุ่ม ฝนมากซับน้ำฝนได้ดี ผมเลือกตรงนี้แหละ ไม่รีรอ แม้มีคนอื่นมากางเต้นท์ใกล้ๆ อยู่สัก 4 หลังแล้ว แต่ไม่มีใครเลือกกางริมน้ำสักคน หรือว่าพื้นมันลาดเอียง หรือเขากลัวน้ำขึ้น
   ผมสิครับ ชอบบรรยากาศริมน้ำ ทีแรกวางเต้นท์เสียชิดริมน้ำเลย แต่ลองนอนแล้วมันเอียงครับ นอนไม่สบายเท่าไหร่ ผมไม่ได้นำแผ่นรองนอนมาด้วย มีแต่ถุงนอนอันเล็กๆ อันเดียว ใช้เจ้านี่แหละครับ ทั้งปู ทั้งห่ม
   ปรับมุมทิศทางเต้นท์ใหม่ ให้รับลมด้วย และให้ได้ระดับมากขึ้นด้วย วางเต้นท์แล้วต้องลองนอนดูก่อนครับ ถ้าไม่เวิร์คก็ยกย้ายกันใหม่ นี่คือข้อดีของเต้นแบบเล็กเบา พวกเต้นท์ใหญ่นี่มักจะกางแล้วกางเลย
   ผมต้องยกย้ายกันถึง 3 ที กว่าจะได้ที่ดีที่สุด เลือกแบบหญ้าหนานุ่ม ไม่มีหิน ไม่มีมด และลมพัดผ่านสะดวก
   ขณะที่ผมกางเสร็จ คนอื่นก็ทะยอยกันเข้ามาครับ ผมรีบไปอาบน้ำก่อนเลย เอาข้าวของเก็บไว้ในเต้นท์นั่นแหละ
   ได้เข้าอุทยานฯคนแรก ได้อาบน้ำคนแรก เย้ๆ ๆ ๆ ไม่ได้ดีใจอะไรนักหรอก แค่ดีตรงไม่ต้องต่อคิวเข้าคิวรอเท่านั้นแหละ
   เสร็จแล้วก็มานั่งชื่นชมบรรยากาศริมน้ำ บางคนโดดลงว่ายน้ำเลยก็มี ผมเองก็อยากลงเหมือนกัน แต่เขาเขียนป้ายว่าห้ามเล่นน้ำ เลยยั้งๆ ไว้ก่อน คงไม่ได้ห้ามจริง แค่กลัวคนลงไปแล้วเจ้าหน้าที่เขาจะดูแลไม่ทั่วถึงกระมัง
   ช่วยเย็นฟ้ามืดครึ้ม แต่มีลมพัดตลอด บางคนว่าฝนไม่น่าตก บางคนบอกตกแน่ๆ ใจผมก็ต้องคิดว่าฝนตกไว้ก่อน เพราะเต้นท์ผมกันฝนได้ก็จริง แต่พอคลุมผ้าแล้วมันจะร้อนเอา นอนร้อนๆ ในเต้นท์อบอ้าวนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่เราเหนื่อยมามากขนาดนี้
   แต่มันเลี่ยงไม่ได้แล้วครับ จะได้เป็นการทดสอบเต้นท์ครั้งใหญ่อีกด้วย ถ้าตกก็ขอให้ลงมาอย่างหนักเลยนะ จะได้รู้กันไป
   เต้นท์ผมเล็กครับ เอาของใส่ไว้ด้านในไม่ได้มาก แต่ตัวเต้นท์ก็มุมที่ออกแบบมาให้ไว้เก็บของเหมือนกัน แต่เป็นด้านนอก ผมเอา Pannier สองใบของ Ortlieb มัดและปิดถุงอย่างดี ยี่ห้อนี้ดีตรงด้านกันน้ำครับ เลยไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวของข้างในจะเปียกฝน
   จากนั้นก็พากันไปทานอาหารเย็นที่อาคารอีกฟากหนึ่งของบึงน้ำ มีแกงเขียวหวานไก่ และเนื้อปลาผัด ผมได้กินมะเขืออีกแล้ว วันนี้ได้กินสองมื้อเลย ฮ่าๆ แกงรสชาติดีครับ ปลาก็โอเค แต่ก้างเยอะชมัด อาหารต่อให้ดีขนาดไหน แต่ถ้ามันกินไม่สะดวก กินยาก คนเขาก็เบื่อเหมือนกันนะ
   ผมกินไป 1 จาน บางคนตักมาพูนจานเลย กินหมดก็โอเค แต่กินเหลือก็มีเยอะ บางคนกินแล้วเดินลุกหนีไปเลย ไม่ยอมเก็บจาน ทำยังกะอยู่บ้านมีคนรับใช้มาคอยเก็บกวาดให้ท่าน
   กินเสร็จก็นั่งคุยกันข้างนอก ในอาคารมีที่นั่งน้อย เราต้องรีบลุกให้เพื่อนที่ยังไม่ได้มากินเขานั่งด้วย เอาสบายส่วนตัวอย่างเดียวไม่ได้
   ข้างนอกอาคารเราคุยกันเรื่องจักรยานนี่แหละ ใครสนใจแฮนด์หน้าตาประหลาดอย่างผมก็มาลองขี่กันได้ ขนาดรถยนต์คันละหลายๆ ล้าน ตอนผมไปสนามแข่งก็ยังลองขับกันหน้าตาเฉย นับประสาอะไรกับจักรยาน
   ผมคะยั้นคะยอให้พวกพี่ๆ เขามาลองกัน คือลองแล้วเราก็จะรู้ไงครับว่าเราชอบจริงหรือไม่ ลองแล้วชอบก็โอเค แต่ถ้าไม่ชอบก็ลืมมันไปซะ ดีกว่าไปเสียเงินซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ พวกผู้ใหญ่อาจไม่ค่อยคุ้นเคย หรือเกรงใจกัน แต่พวกกลุ่มรถยนต์รุ่นน้องๆ ผมการแลกรถกันขับถือว่าเป็นเรื่องปกติ (ลองในสนามแข่ง และคนลองต้องสนิทสนมกันพอควร)
   พอเริ่มเย็นเราย้ายที่คุยมานั่งบริเวณที่พัก บรรยากาศดีมากครับ ลมเย็น ป่าไม้โอบล้อม มองไปทางไหนก็เขียวสด กระทั่งพื้นที่เรายืนยังเป็นหญ้านุ่มสบาย
   หัวข้อที่คุยก็ไม่พ้นเรื่องจักรยานครับ ทริปสิงคโปร์ที่เขาผ่านกันมาบ้าง ทริปเวียตนาม ลาว ที่กำลังจะไปกันบ้าง ส่วนผมได้แต่นั่งฟัง ไม่ได้ไปไกลๆ อะไรกับใครเขา จะมีก็พวกทริปหฤโหดที่ไม่อยากเล่าให้เขาเสียบรรยากาศ
   ช่วงหัวค่ำมีกาแฟแจกกันด้วย ปกติผมไม่กินกาแฟครับ แต่บรรยากาศแบบนี้ก็ขอสักแก้ว บางคนกลัวว่ากินแล้วนอนไม่หลับ ส่วนผมกินแล้วหลับได้ตามปกติดี
   คุยกันไปเรื่อย ฟ้าเริ่มมืดเจ้าหน้าที่ก็นำไฟมาแขวนไว้ให้พวกเรา ใจจริงผมไม่อยากให้มีหลอดไฟ ผมชอบมองผ่านแสงจันทร์นี่แหละ แต่ถ้าคิดถึงแง่ความสะดวกและปลอดภัยแล้วการมีไฟฟ้าย่อมดีกว่าไม่มี คงจะเผื่อคนเดิน กลัวจะเตะสายเต้นท์ เตะสมอบก
   ใครอยุ่กลุ่มไหน ย่านไหนก็รวมตัวคุยกันครับ ผมเป็นกลุ่มริมน้ำก็นั่งคุยกันที่หน้าบ้านพักหลังหนึ่ง ส่วนพวกกลุ่มที่อยู่บนยอดเนินด้านบนก็รวมตัวกันคุยอีกที่หนึ่ง บางคนเดินไปเดินมาหาเพื่อนคุยระหว่างสองกลุ่มก็มี ยุงเยอะครับ เพราะเราอยู่ใกล้แหล่งน้ำนิ่งด้วย แต่ผมฉีดสเปรย์ไล่ยุงไว้แล้ว เลยผ่านตลอด แถมเอาสเปรย์นี้ฉีดตามซิบ ตามตะเข็บเต้นท์ที่ผมต้องเปิดเข้าปิดออกอีกด้วย เพราะยุงเข้าเต้นท์นี่เรื่องใหญ่เลยล่ะ นอนไม่เป็นสุขแน่ๆ
   คุยไปจิบกาแฟกันไปได้บรรยากาศดีแท้ๆ ลมพัดโชยเย็นสบายตลอด อากาศโปร่งเย็น ราวสองทุ่มครึ่งก็มีเม็ดฝนโปรยลงมา ว่าแล้ว ฝนตกแน่ๆ ผมรีบไปปิดช่องลมของเต้นท์ เต้นท์ผมมีช่องลมขนาดใหญ่ด้านหัวและท้าย นอนหงายมองท้องฟ้าได้เลย แต่พอปิดคลุมฟลายชีทกันฝนแล้วมันจะต้องร้อนแน่ๆ แต่ทำไงได้ ถ้าไม่คลุมก็เปียก
   นี้เป็นการทดสอบเต้นท์ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ เพราะผมกางเต้นท์โดยไม่ใช้ผ้ารองพื้น และไม่ใช้ผ้ารองนอนด้านใน ใช้แค่ถุงนอนใบเดียวปูนอน และห่มได้ (ถ้าหนาว)
   สาเหตุที่ไม่ใช้ผ้ารองพื้นก็เพราะ ช่วงนี้เป็นหน้าฝน หากใช้ผ้าปูรองน้ำฝนจะขังอยู่ในผ้าและหากแช่อยู่นานๆ ทั้งคิน อาจเกิดเหงื่อซึมเข้ามาในเต้นท์ได้ ถ้าจะให้ดี หากกางเต้นท์ในฤดูฝน ผ้าปูรองด้านในเราควรใช้แบบผ้าที่ซับน้ำได้ เอาไว้ซับเหงื่อของไอน้ำที่มันซึมเข้ามาจากด้านใต้เต้นท์
   ผมเลือกกางเต้นท์บนพื้นหญ้านุ่มๆ ก็เพราะช่วงที่ต้นหญ้าขึ้นหนาแน่นจะนอนนุ่มสบายหลัง และต้นหญ้าจะดูดซึมน้ำได้ดี แต่ข้อเสียของทำเลที่ผมเลือกก็คือมันอยู่ชิดติดริมน้ำ อาจมียุงและแมลงเยอะ หรือหากฝนตกหนักมากๆ ทำเลของผมอาจเป็นทางน้ำไหลจากฝั่งสู่บึงน้ำได้
   พิจารณาข้อเสียแล้วผมยอมรับได้ แลกกับความนุ่มสบายของผืนหญ้าและทำเลที่ลมพัดผ่านมาก
   ฝนตกหนักปานกลาง วงสนทนาแตกกระจายโดยไม่มีคำร่ำลา คนนอนเต้นท์นี่รีบมุดเข้าเต้นท์ตัวใครตัวมันกันเลย เหลือแต่พวกคนที่นอนบ้าน พวกนี้สบายหน่อย มีทีวีดู มีพัดลมใช้ มีห้องน้ำสะดวก แถมไม่เปียกฝน ไม่ต้องห่วงเรื่องแมลง
   เต้นท์ผมคลุมมิดแล้วร้อนครับ แต่ถ้ามีลมพัดผ่านก็ค่อยเย็นหน่อย เพราะเต้นท์ออกแบบให้มีช่องลมเข้าด้านหน้า มีช่องระบายความร้อนออกที่ด้านบน แต่มันยังไม่เย็นสบาย นอนยาก ผมเลยแง้มซิบของฟลายชีทไว้ราว 1 คืบ ได้ช่องลมนี้ช่วยค่อยโอเคหน่อย
   ฝนตกแล้วจะเฉอะแฉะก็จริง แต่แลกกับพวกมดแมลงนี้หายไปหมดเกลี้ยง ผมว่าดีเหมือนกันนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรยากาศหลังฝนตกนี้จะสดชื่นอย่างมาก ได้กลิ่นป่าชนิดที่ว่าบรรยายลำบาก ไม่ใช่กลิ่นดินนะ เป็นกลิ่นของธรรมชาติ ผมบอกไม่ถูก
   ฝนตกอย่างแรงราว 30 นาที จากนั้นก็ค่อยๆ ปรอยๆ อีกสัก 2 ชม ถึงจะหายสนิท ช่วงฝนตกนี้นอนไม่หลับครับ เสียงฝนกระทบเต้นท์ดังตลอด ผมกลัวน้ำซึมเข้าเต้นท์ด้วยไง เห็นมีหลายคนโหวกเหวก และวิ่งออกจากเต้นท์ไปนอนชายคาบ้านพักก็มี ขอไปซุกนอนด้านในบ้านก็มี
   ผมไม่ไปครับ ผมอยากลุย อยากทดสอบอุปกรณ์ นอนบนผืนหญ้านี้นุ่มสบายดีจริง แถมเย็นมากๆ แม้จะอากาศร้อน แต่พื้นนี้เย็นเฉียบเหมือนนอนบนแผ่นหินอ่อนและเด่นตรงนุ่มเหลือเกิน คิดไม่ผิดจริงๆ
   พอฝนหายสนิทดีนี่แหละถึงจะพบสวรรค์ของจริง ผมเปิดผ้าคลุมฟลายชีทด้านหัวท้ายออก เท่านั้นแหละ อากาศเย็นก็วูบเข้ามา ใช้ถุงนอนปูรองชั้นเดียวก็ใช้ได้ ไม่มีหมอนครับ ผมใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาพับ และใช้ถุงนอนหนุนรองอีกที หลับยากหน่อยเพราะไม่คุ้น แต่ก็สบายดีเหมือนกัน สนุกดีอีกด้วย
   ฝนหายสนิทผมนอนมองท้องฟ้าจนหลับไป เห็นหิ่งห้อยบินไปมาระหว่างต้นไม้ มองแล้วเพลินตาดีจริงๆ
   ช่วงเช้ามืดอากาศเริ่มหนาวเย็น ผมแปลงถุงนอนที่ใช้ปูกลายเป็นผ้าห่ม นอนบนพื้นหญ้าเย็นมากเลยขดตัวในถุงนอนแทน หลับสบายดีเหลือเกิน
   ผมรู้สักรักชีวิตแบบนี้มากขึ้นเสียแล้ว
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
14 มิย 52
ช่วงเช้ามืดนี้ผมหลับๆ ตื่นๆ เป็นคนตื่นง่ายครับ ได้ยินเสียงอะไรนิดหน่อยก็ตื่นแล้ว บางคนตื่นตั้งแต่ตี 3 ก็มี ผมมาลุกขึ้นเอาตอนตี 4 กว่าๆ ทั้งๆ ที่เวลาปลุกอย่างเป็นทางการที่กำหนดไว้คือตี 5
   ตื่นมาแล้วทำอะไรไม่ถูกเลยครับ คือไม่รู้จะจัดการกับอะไรก่อนดี กับตัวเราร่างกายเรา หรือจัดการกับเต้นท์ หรือจัดการกับอุปกรณ์ หรือจักรยาน ฯลฯ
   ปกติผมจะถ่ายทุกเช้า วันนี้เลยงดไปหนึ่งวัน เลือกเช็ดเก็บเต้นท์ก่อน พบว่าเวลาเก็บของที่เปียกลงกระเป๋าท่ามกลางความมืดนี้มันช่างยากเย็น กลัวเก็บไม่ครบ กลัวของหายเหลือเกิน แถมเป็นพื้นหญ้าอีกด้วย ของหล่นแล้วไม่มีเสียง มองก็ไม่เห็น
   เช็ดฟลายชีทท่ามกลางความมืด ได้แค่เช็ดน้ำที่เกาะออก แต่มันไม่แห้งหรอกครับ เช็ดแล้วก็ต้องรีบม้วนเก็บ จากนั้นก็ถอนสมอบกที่ปักไว้ อันนี้สำคัญ ต้องนับให้ครบว่าเราปักไว้กี่ตัว เพราะตามลานกางเต้นท์มักจะมีสมอบกหลงเหลือไว้อยู่เสมอ สงสัยคนกางกับคนเก็บเต้นท์จะเป็นคนละคนกัน
   ม้วนเต้นท์ลงถุงอย่างทุลักทุเล เพราะมันไม่แห้ง แถมพื้นหญ้าก็เปียกอีกด้วย ดีที่ไม่มีน้ำท่วมขังเหมือนลานกางเต้นท์ด้านบนที่ผมเลือกไว้ตอนแรก คิดถูกนะนี่ที่ย้ายลงมากางที่ริมน้ำ
   ขากลับเก็บของลง Pannier แบบไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่เลย รีบๆ ยัดๆ ลงไป แต่ต้องถ่วงน้ำหนักให้สองข้างมันเท่ากัน
   เก็บข้าวของเสร็จก็เกือบ 6 โมง เป็นอันว่าเช้านี้ไม่ได้ถ่าย ไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้แปรงฟันอีกด้วย ฮ่าๆ ใกล้ 7 โมงไปยังเดินไปยังจุดนัดพบเพื่อรับอาหารเช้า เป็นข้าวเหนียวไก่ทอดครับ รสชาติดีมากๆ ทอดไก่ได้ดี คือกรอบนุ่ม แถมเลาะเนื้อออกมาให้เราบ้างแล้วด้วย ทำให้กินง่ายมาก ไม่ต้องใช้ปากกัดฉีดเลย ข้าวเหนียวก็เยี่ยม คือเหนียวนุ่ม หอม ในกรุงเทพฯยังหารสชาติแบบนี้กินได้ยากเลย นี่เราอยู่ในป่าอุทยานแห่งชาติ มีแบบนี้กิน สุดยอดเหลือเกิน
   ออกเดินทางกันตอน 7 โมงครับ ยังไม่ได้เดินทางกลับนะ เขาพาไปดูอุโมงค์รถไฟ มันก็คือทางรถไฟที่เจาะทะลุภูเขาน่ะครับ มีแค่นี้เองแหละ แต่หนทางที่จะไปนี่สิ มันเป็นทางวิบากแบบ Off Road ครับ รถผมใช้ยางสลิคก็ลำบากมากแล้ว ยังมีพวกเสือหมอบตามไปด้วย ยังไม่นับรถอีกหลายคันที่ใช้ล้อขนาด 700 ดูแล้วเขาลำบากกว่าผมอีก
   ลำบากยังไงก็ต้องไปครับ ผมถือว่าเป็นการทดสอบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ติดรถของผม เริ่มจากยางสลิค แฮนด์ และแร็ค ของพวกนี้ใช้งานบนพื้นเรียบไม่รู้เรื่องอะไรหรอกครับ ต้องเอามาลุย หากของไม่ดีมันจะออกอาการ ผมเห็นกระเป๋าหลังบางคนแกว่งไปมา บางคนก็หูยึดหลุด ส่วนอุปกรณ์ของผมนั้นใช้งานได้ดีทุกอย่าง โชคดีไป
   อ้อ มีการหลงทางกันด้วยนะ ผู้นำเขาพาไปผิดทางครับ คือสภาพเส้นทางมันคล้ายๆ กันมาก เลี้ยวผิดนิดเดียวก็ไปคนละทิศ กว่าจะมาถึงอุโมงค์รถไฟกันได้ก็ใช้เวลาไปราว 2 ชั่วโมง เรานั่งพักกันที่นี่อยู่สัก 30 นาที
   ขากลับเราต้องผ่านทางวิบากแบบสุดยอด คือขึ้นเขาชันแบบ Off Road และลงเขาคดเคี้ยวบนทางที่มีร่องน้ำ และหินลอยอันโตๆ ผมอยู่กลุ่มหน้าครับ เราเว้นระยะกันไว้บ้าง ไม่ได้จี้กันติด เจอคันไหนล้มเราก็เลี้ยวหลบได้ รถผมสิแย่ ใช้ยางสลิคกดบันไดแล้วมันลื่นครับ พอมันลื่นเท้าก็เสียรอบไป บาลานซ์รถก็เสียไป ต้องโยกตัวเพื่อปรับสมดุลย์ ไม่งั้นก็ล้ม ยากครับ แต่มันสนุกดี ผมชอบนะ ท้าทายสุดยอดเลย ขึ้นก็ต้องใช้พลังและทักษะ รถผมแบกน้ำหนักเกือบ 10 กก ด้านหลังด้วย
   ขึ้นได้แล้วก็ดีใจ แต่ที่ยากกว่าคือทางลงครับ เพราะทางวิบากเหลือเกิน มีร่องน้ำคดเคี้ยว บางร่องใหญ่มากชนิดที่ว่าลงไปแล้วตีลังกาแน่นอน
   กดเบรกสองข้างไว้ตลอดทางเลยครับ แถมโน้มตัวไปนั่งบนตะแกรงหลังอีกด้วย บนตะแกรงของผมมีเต้นท์มัดไว้เลยนั่งนุ่มสบายมากเลย ถ่วงน้ำหนักไปด้านหลังเพื่อให้รถไหลลงมาช้าๆ แต่ถ้าถ่วงมากไปหน้าก็จะลอย ต้องเดินทางกลาง
   ตอนขึ้นก็กลัวล้ม ตอนลงก็กลัวล้ม ล้มทางขึ้นนั้นไม่เจ็บมาก แต่ล้มทางลงนี้อาจตายได้ มีคนตายตรงทางลงเขานี้มาแล้วเยอะมากครับ
   ตอนไหลลงนี้เราต้องดูไลน์ ดูรถคันหน้าด้วย หากเขาผ่านได้ เราก็ตามเขาไป หากเขาไปแล้วติดขัด เราต้องหาไลน์ใหม่โดยเร็ว สมองต้องคิดคำณวนอย่างไว ตัดสินใจต้องเฉียบขาดและแม่นยำ
   ในที่สุดก็ผ่านมาได้ ไม่ล้มทั้งขาขึ้นและขาลง รู้สึกภูมิใจในตัวเองเล็กน้อย ไม่รู้คนอื่นจะเป็นอย่างผมไหม
   ผมพ้นมาเป็นกลุ่มแรกก็จอดรอเพื่อนๆ บางคนเข็นลง บางคนเข็นขึ้น ผมไม่ถือว่าเป็นการเสียฟอร์มแต่อย่างใด ดีเสียอีกที่เลือกความปลอดภัยไว้ก่อน ขี่จักรยานทางไกล การรักษาตัวไว้ให้ดี อย่าให้บาดเจ็บ อย่าให้ได้แผล นั่นคือสิ่งที่ชาวจักรยานควรทำ
   พ้นช่วงนี้เราก็หมดเส้นทางแบบ Off Road แล้วครับ ต่อไปเป็นทางเรียบตลอดจนถึงกรุงเทพฯ
   พอออกจากป่าก็เจอแดดแรงเปรี้ยงเผากลางหลังเรา ปั่นกันไปสักพักจนถึงอำเภอวิหารแดง อ้าว เรายังไม่ออกจากสระบุรีกันเลยหรือครับนี่
   ถึงตรงนี้เขาแบ่งกันเป็น 2 กลุ่ม ใครอยู่ฝั่งธนฯก็จะแยกกันไปกลับทางหนึ่ง แต่ถ้าใครจะกลับทางรามอินทราก็ไปอีกกลุ่มหนึ่ง ผมเลือกไปกับทางฝั่งธนฯ ไม่รู้หรอกว่าใกล้ไกลแค่ไหน แต่กลุ่มเรามีแค่ 6 คนเอง
   ผู้นำกลุ่มนี้คือพี่โต้ง ตัวสูงใหญ่ ขี่เร็วมากครับ ผมตามไม่ทัน ได้แต่เกาะหลังห่างๆ ไป ตามไปเรื่อยๆ จนเขาทิ้งห่างมากขึ้นๆ แต่ยังดีที่เขาจอดรอกันตามทางแยก
ปั่นกันมาสัก 30 กม เราก็จอดทานอาหารกลางวันกันครับ สั่งผัดกระเพราไข่ดาว แต่แม่ค้าบอกข้าวหมด คนหนึ่งในกลุ่มเลยเสนอให้เอาบะหมี่สำเร็จรูปมาลวก แล้วเอาผัดกระเพราราด ทุกคนเห็นด้วย แม่ค้าเลยได้ขายของ เราสั่งอาหารแบบเดียวกันนี้ 5 จาน (มีคนหนึ่งในกลุ่มไม่กิน เพราะอิ่มน้ำ)
   แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันครับ ผมกินยังไม่เสร็จดี ก็เจอนักจักรยานกลุ่มใหญ่ปั่นเข้ามาสมทบ สอบถามแล้วสรุปว่าเขาพากันหลงทางอีกแล้ว กลายเป็นว่าทุกคนต่างมากลับเส้นทางเดียวกัน ฮ่าๆ พวกเรากลุ่มแรกที่แยกตัวกันมาต่างหัวเราะกันร่วน
   เรากลุ่มแรกขอแยกตัวออกเดินทางกันก่อน เพราะเพื่อนๆ ที่ตามาจะได้มีที่พักนั่งเหยียดแข้งเหยียดขา มีบางคนบอกเขากินข้าวมาแล้วก็ออกปั่นตามเรามาก็มี
   จุดนี้แหละครับที่เป็นการเริ่มต้นความทุกข์ของผม เพราะอัดมาแรงๆ ตามกลุ่มผู้นำมาตลอด ขนาดพักกินข้าวแล้วผมยังไม่ฟื้นครับ แรงหมดจริงๆ ยิ่งแดดแรงๆ ยิ่งเจ็บหลังมากขึ้น แถมต้องปั่นทวนลมตลอดทางอีกด้วย
   ไม่ไหวก็ไม่ฝืนแล้วครับ สภาพแต่ละคนสดไม่เหมือนกัน ทักษะต่างกัน แรงก็ต่างกัน เป็นอันว่าผมโดนทิ้งครับ เห็นเพื่อนคนสุดท้ายค่อยๆ ห่างไปทีละนิดๆ สัก 100 เมตรก็ยังพอมองเห็น พออัดไล่ทัน แต่เขาค่อยๆ ทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ๆ ๆ จนหายลับตาไปทั้งๆ ที่ผมมองเขาอยู่ แบบคาตาเลย มองข้างหลังก็ไม่มีใครตามมาสักคน
   แรงหมด เร่งไม่ขึ้น ทวนลม เจ็บหลัง หลากหลายอาการรวมๆ กัน แต่มาแสดงผลพร้อมๆ กัน ช่วงนี้ความเร็วของผมเหลือแค่ 15 – 18  กม/ชม แต่กลุ่มผู้นำเขาปั่นกันราว 30 – 35 !!!
   ถนนเส้นนี้คือถนนเลียบคลอง 10 รังสิตครับ เป็นทางตรงตลอดราว 20 กว่า กม ด้านหนึ่งเป็นคลอง อีกด้านเป็นบ้านคน ด้านคลองมีต้นไม้ขึ้นตลอดแนว ผมจึงย้ายไปปั่นด้านริมคลอง แม้มันจะย้อนศรก็เถอะ แต่ขอร่มเงาผมสักนิดก็ยังดีกว่าโดนแดดเผาสดๆ อีกเป็นชั่วโมง
   ปั่นทวนลมคนเดียวมาจนถึงทางแยกคลอง 10 ก็เจอกลุ่มผู้นำนั่งรออยู่ เขาไม่ได้ทิ้งผมหรอก เห็นไหม เขาแค่เร่งฝีเท้าเพื่อมานั่งพักกันเท่านั้นเอง ที่จุดนี้บางคนแยกย้ายกันกลับ ส่วนผมอีกยาวไกลครับ ผมอยู่พระราม 2 ฝั่งธนฯ อีกไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านแน่ๆ
   เอาเฉพาะแค่คลอง 10 ถึงแยกรังสิตก็ 20 กว่า กม แล้ว แถมช่วงนี้รถยนต์เยอะมากๆ เลนซ้ายสุดก็มีแต่เศษแก้วเต็มไปหมด นี่คือช่วงที่ปั่นทรมานที่สุด และผมไม่ชอบมากที่สุดเลย
   ท้อครับ หมดแรงแล้วด้วย คิดอยากจะโบกรถกลับบ้าน แต่ด้านซ้ายมือมีแต่คลองตลอดทาง โบกไปก็ไม่มีใครจอดแน่ จะให้ดีต้องไปขอที่ปั๊มน้ำมัน แต่แถวนี้ไม่มีปั๊มน้ำมันสักอัน
   จอดรถหยิบเอารูปภรรยาและลูกมาใส่ไว้หน้าแฮนด์ พร้อมกับเปิดโทรศัพท์ (ธรรมดาผมจะปิดไว้ เพราะไม่สะดวกคุย) ไม่น่าเชื่อ เปิดเครื่องแป๊บเดียว ลูกผมโทรมาหาครับ ถามว่าพ่ออยู่ไหนแล้ว จะกลับเมื่อไหร่
   “พ่ออยุ่รังสิตครับลูก ถึงบ้านตอนหัวค่ำ ไม่ต้องเป็นห่วง”
   จากนั้นก็ปั่นแบบเหงาๆ ไปเรื่อยๆ มีลุงคนหนึ่งตามผมมาห่างๆ แต่อีกไม่นานลุงก็แซงผมหายไปอีกคน นั่นคือผมปั่นช้าลงๆ เรื่อยๆ
   พอถึงถนนวิภาวดีภรรยาผมก็โทรมา บอกว่าจะให้มารับไหม ผมบอกไม่ต้อง ผมจะปั่นกลับเอง แต่ภรรยาอยากให้ผมกลับบ้านเร็วๆ เลยบอกจะมารอที่สวนรถไฟ ผมเกรงใจเขา เพราะต้องขับรถมาจากฝั่งธนฯ มันไกล แต่สุดท้ายก็ตกลงตามนั้น
   ที่ว่าผมโดนทิ้งนั้นไม่จริงหรอกครับ เพื่อนๆ ต่างรอผมกันอยู่ เขารอที่พักริมทาง ผมมองไม่เห็นเขาเอง ปั่นเลยเขามามากแล้ว พอผมหยุดพักขา พวกเขาจึงปั่นแซงหน้าผมขึ้นไป
   มาได้คุยกับพี่โต้งผู้นำกลุ่มอีกทีตอนพักซื้อน้ำบนถนน Local Road เพิ่งรู้ว่าพี่โต้งอยู่ไม่ห่างจากบ้านผมเท่าไรนัก เลยชวนเขากลับด้วยกัน แต่ผมไม่รู้ว่าภรรยาเอารถอะไรมารับ ถ้าเป็นรถกระบะก็ใส่ได้สบาย แต่ถ้าเป็นรถแวนก็จะใส่รถผมได้คันเดียว
   “ถ้าภรรยาผมเอารถกระบะมา ผมจะรอพี่ที่สวนรถไฟ จุดที่เราเริ่มออกตัวกันนะครับ” ผมบอกพี่โต้งแบบนั้น
   พี่โต้งพยักหน้ารับทราบ ผมขอตัวออกปั่นกลับมาก่อน ช่วงนี้แหละครับ ผมปั่นเดี่ยวของจริง แถมเป็นคนแรกของกลุ่มที่กลับถึงกรุงเทพฯอีกด้วย
   ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ลมพักกระโชกแรง ยังไม่ทันคิดอะไร ก็ได้กลิ่นฝน อีกสักพักมีละอองน้ำมาโดนตัว แล้วก็เหมือนมีใครเปิดฝักบัวใส่โครมเลย
   ผมรีบจอดรถใต้สะพานลอย เก็บกล้อง (เอากล้องไปแต่ไม่มีอารมณ์ถ่าย เหนื่อยจัด) เก็บโทรศัพท์ เก็บรูปลูก ที่ต้องเก็บเพราะกระเป๋าหน้าแฮนด์ของ KHS (ของแถมมากับรถ KHS F20-W) มันไม่มีระบบกันน้ำครับ มี Rain Cover แบบห่วยๆ หลอกเด็กมาให้คลุมเล่น มันใช้งานจริงไม่ได้หรอกครับ เจอแค่ละอองฝนกระเป๋าด้านในก็เปียกโชกแล้ว
   นึกขึ้นได้เลยโทรหาภรรยา ถามว่าออกจากบ้านหรือยัง จะให้เอารถกระบะมา เพราะจะได้รับพี่โต้งกลับไปด้วย แต่เขาออกเดินทางมาแล้ว เอารถแวนมา ผมเลยให้ภรรยาขับรถมารับที่บริเวณแยกเกษตรฯ เพราะจะได้ดักรอพี่โต้ง เขาจะได้ไม่ต้องปั่นเข้าไปถึงสวนรถไฟ
   บ๊ะ ผมกะเวลาได้พอดีเป๊ะ ภรรยาขับรถมารับ ขณะผมเอารถขึ้นก็เจอพี่โต้งปั่นมาถึงพอดี เลยได้ร่ำลากัน ขอโทษที่ไม่ได้รับเขาไปด้วย เขาว่าโอเค ไม่เป็นไร
   ฝนมาเทกระหน่ำกันตอนเราใกล้ถึงที่พัก ผมน่ะไม่เปียกมาก แต่สงสารเพื่อนๆ คนอื่นที่ยังปั่นกันมาไม่ถึงเลย คงจะเปียกชุ่มกันทั่วหน้าแน่ๆ
   อีกสัก 30 นาทีผมก็มาถึงบ้านแล้วครับ ขับรถขึ้นทางด่วนเจอฝนตกหนักตลอดทาง แต่พอเข้าเขตฝั่งธนฯ ฝนก็ค่อยๆ จางหาย
   พี่โต้งโทรมาหาผม บอกว่าตอนนี้ลูกเขามารับแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ค่อยโล่งใจหน่อย เพราะตอนแรกพี่เขาบอกว่าจะขึ้นรถไฟฟ้าที่จตุจักร สภาพแบบนั้น รถเลอะเทอะ แบก Pannier 2 ใบ ผมว่า BTS งานเข้าแน่ๆ เพราะพี่โต้งไม่ได้ขึ้นรถไฟนั้นคนเดียว มีคนตามกลับรถไฟฟ้ากันอีกเยอะเลย สภาพแต่ละคนมอมแมมสุดยอด ผมว่ามันเอิกเกริกไปหน่อย
   รีบอาบน้ำ และทายานวดหลัง ตอนหัวค่ำลูกมานอนที่แขนผม ลูบหัวเขาแล้วพูดว่า
   “มิว พ่อรักลูกนะ”
   “มิวก็รักพ่อครับ”
   ผมจูบหน้าผากเขา รู้สึกขอบคุณที่เขาสอนให้ผมรู้จักคำว่ารักได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
15 มิย 52
   ตื่นแล้วไม่อยากลุกเลยครับ แสนจะเมื่อยล้า แต่ดีที่หลังไม่ค่อยเจ็บ ตอนเช้ารีบไปซื้อยามากิน เป็นยาตัวเดิมแบบที่พี่หมอเจเขาสั่งให้ผมนั่นแหละ ถามคนขายยาว่าทำไมเจ็บกล้ามเนื้อมันหายช้าหรือ เขาว่าต้องพักผ่อนเยอะๆ อย่าไปใช้แรงกล้ามเนื้อนั้น
   เอาแล้วไง ผมดันไปปั่นมันเพิ่มเสียอีกนี่ เฮ้ออ รู้ทั้งรู้ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเจ็บมากนี่นา นี่ผมคงต้องพักการปั่นไปสักระยะ แต่ต้นเดือนหน้าผมมีอีกทริป เอาไงดี
   รถเลอะเทอะก็จอดทิ้งไว้ Pannier ของ Ortlieb นั้นกันน้ำได้ดี น้ำไม่เข้า ข้างนอกจะเลอะเทอะก็เช็ดออกง่าย เพราะเป็นผิวคล้ายผ้าใบ แต่ก็ยังไม่ได้ไปทำความสะอาดมันเลย กลับมาแล้วเมื่อยล้า เห็นอะไรก็ขี้เกียจทำไปหมด
   จัดการของแพงก่อนครับ เอาเต้นท์ออกมากางขึงเพื่อไล่น้ำ ไล่ความชื้น กางทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ เอาฟลายชีทมาคลุมอีกด้วย เป็นการผึ่งให้แห้งไปในตัว และจะได้แพ็คเก็บอย่างเป็นทางการเสียที
   เอาถุงนอนมาคลี่กางออก แม้ว่ามันจะไม่เปียก แต่อาจชื้นได้ เลยผึ่งๆ ไว้หน่อย ตากลมในร่ม ไม่ได้ตากแดด
   ช่วงบ่ายเริ่มพิมพ์บันทึก นึกแล้วก็สนุกปนทุกข์ ทุกข์ตอนปั่นครับ แต่สุขตอนไปถึงจุดหมาย ผมชอบนอนท่ามกลางธรรมชาติมาก รู้สึกสนุก และผ่อนคลาย อยากพาลูกไปบ้าง แต่ไม่รู้เขาจะชอบไหม เคยพาไปเดินป่าขึ้นน้ำตกที่เกาะช้างครั้งหนึ่ง เขาบอกชอบ
   เย็นไปรับลูก เขาขอทานอาหาร้านฟูจิ ผมทำตามด้วยความยินดี เขาเลือกกุ้งเทมปุระของโปรด ส่วนผมเลือกสลัด
   กลับมาทำการบ้านกับลูก เขาเริ่มอ่านหนังสือได้แล้ว เขาชอบเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องบินโดยสาร เลยซื้อนิตยสาร Aerospace มาให้เขาอ่าน อ่านออกบ้างไม่ออกบ้างผมก็ช่วยๆ เขาไป โดยมากจะเป็นชื่อภาษาอังกฤษที่เขาออกเสียงลำบาก
   ลูกผมเขาฝันอยากเป็นกับตันขับเครื่องบินครับ ผมเองก็ได้แต่ช่วยลุ้นให้ฝันของเขาเป็นจริง

16 มิย 52
   ผมตื่นมาพิมพ์บันทึกแต่เช้า คิดทบทวนย้อนบรรยากาศแล้วยังรู้สึกสนุกไม่หาย ช่วงวางท่อนแขนบนแป้นพิมพ์บางครั้งรู้สึกเจ็บแปล็บๆ ที่หลัง เอ๊ะ ยังไงกันนี่ ไม่ได้ออกแรงกดที่แขนเลย แค่วางบนแป้นพิมพ์แท้ๆ หรือว่ามุมองศามันได้กันถึงได้เจ็บขึ้นมา
   เอื้อมจับหลังดู รู้สึกผิวหนังบริเวณนั้นจะชาๆ ไม่ค่อยมีความรู้สึก อืมม มาแนวไหนแล้วล่ะนี่ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แถมเอามือซ้ายเอื้อมจับไหล่ขวา จะรู้สึกเจ็บแปล็บขึ้นมาทันที แต่เป็นแค่บางจังหวะบางมุม
   อยู่บ้านแล้วขอกินของดีๆ หน่อยครับ เช้าเป็นข้าวผัดกุ้งข้าวกล้อง ใส่บรอคโคลี่ แครอท หอมใหญ่ มะเขือเทศ กับไข่ดาวทอดในน้ำมันมะกอก กลางวันเป็นส้มตำไทย กับผัดสด สะโพกไก่ 1 ชิ้น ไม่มีข้าวเหนียว เย็นเป็นสลัดแขก โหห วันนี้บำรุงร่างกายได้ดีสุดยอดเลย
   นึกขึ้นได้เลยเอาถุงนอนมากางผึ่งตากลม แม้มันไม่เปียก แต่อาจชื้นได้ เพราะนอนแล้วรู้สึกเย็นสบายแผ่นหลังดี นอนบนพื้นหญ้านุ่มๆ แถมมีน้ำฝนโปรยปราย คนไม่ได้ไปเที่ยวนอกบ้านคงหาบรรยากาศแบบนี้ลำบาก
   ช่วงเย็นลุงสมพงษ์ (นักจักรยานที่รู้จักกันที่ทริปสระบุรี) โทรมานัด จะเข้ามาดู Pannier ของ Deuter ที่บ้านผม ช่วงเช้าก็มีอาสรัญ คนนี้พบกันสองสามหนแล้ว แต่เพิ่งคุยกันมากๆ ที่ทริปสระบุรีนี้เอง ช่วงนี้เขาสนใจจักรยานทัวริ่ง เลยได้คุยกับผมเยอะหน่อย เจอกันครั้งแรกเขาขี่รถ Full Suspension แต่มางวดนี้ใช้ Cannodale แล้ว อืมม เลือกรถได้เฉียบขาดมากเลย เขาไปร่วมทริปสิงคโปร์กับ TCC มาด้วย ถือว่าฝีมือไม่เบาเหมือนกัน เพราะต้องปั่นวันละร้อยกว่า กม ต่อเนื่องกันถึง 9 วัน
   หัวค่ำผมอาบน้ำแล้วรู้สึกคันๆ ต้นขา พบว่าบริเวณขอบขากางเกงจักรยานมีรอยแดงเป็นแถบ หรือว่าผมแพ้ซิลิโคนที่ยางขอบขากางเกง? ทำได้แค่ทายาบัวหิมะ ยานี้ทาแล้วเย็น ผมเลยเอามาทาหลังที่เจ็บมานานอีกด้วย
   
17 มิย 52
   ผมยังเป็นกังวลกับหลังตัวเองไม่หาย ได้แต่กินยาตามมื้ออาหารให้ครบ และไม่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวออกแรง แต่ลองนั่งบนจักรยานดูแล้วก็ไม่เห็นจะออกแรงด้านหลังตรงไหน จะมีแค่ใช้แขนท้าวยันแฮนด์เท่านั้นเอง
   ตื่นเช้ามาก็เก็บเต้นท์ที่กางผึ่งไว้หลายวันละ เอาให้มันแห้งสนิทจริง ปัดฝุ่นสักหน่อยแล้วค่อยม้วนใส่ถุงเก็บไว้
   เช้านี้ผมกินไก่ผัดขิงกับข้าวกล้อง กลางวันเป็นส้มซันคิส (ส้มเปลือกหนาสีส้มเข้ม) เราปอกแค่เปลือกสีส้มหนาๆ ออกไปนะครับ เส้นใยสีขาวๆ หรือเปลือกขาวๆ นั้นคือประโยชน์อย่างมากของส้มเลย อย่าไปฉีกทิ้ง มันคือไบโอฟลาโวนอยด์จากธรรมชาติ ไม่ต้องผ่านกรรมวิธีสกัด ไม่ต้องหาซื้อ แต่คนส่วนใหญ่มันโยนของดีทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย ทานแค่ส้มและฝรั่งเป็นอาหารกลางวันครับ ช่วงสายๆ ก่อนมื้อเที่ยงผมมีน้ำเต้าหู้และถั่วอบเกลือ แต่พอบ่ายมากเข้ากลับหิว หยิบถั่วถุงๆ ออกมากินอีก 2 ถุง
   กลางวันอากาศอบอ้าว ฟ้ามืดครึ้ม เหมือนจะมีฝน แต่ก็ตกเปาะแปะแล้วหยุด ไม่มีลม หากกางเต้นท์แล้วเจออากาศแบบนี้จะเซ็งมาก
   หลังเจ็บเลยไปหยิบเอารถ Giant Revive ออกมาปั่นเล่น รถคันนี้แหละครับ ที่ผมใช้แสนจะน้อย มักจะใช้ปั่นตอนร่างกายไม่แข็งแรง รถมันนั่งสบายมากเลยนะ แต่คันใหญ่และหนัก อัตราเร่งเลยช้า
   ไม่ได้ขี่นานลมยางอ่อนเป็นเรื่องธรรมดา มองหาสูบลม อ้อ สูบเราพังนี่หว่า ฝากไว้ที่ Pro Bike ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาเสียที หรือว่าซ่อมไม่ได้เสียแล้ว เซ็งนะครับนี่ แค่ตัวลูกสูบยางเล็กๆ ขาดแค่นี้เอง
   ช่วงเย็นเตรียมเอกสาร ผมมีประชุม 2 วัน คือพฤหัสฯกับศุกร์ ต้องค้าง 1 คืน
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
18 มิย 52
    18 – 19 ผมมีประชุมสัมนาครับ ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก อยู่ในกรุงเทพฯนี่แหละ แต่ว่าค้างคืนที่โรงแรมหนึ่งคืน เพราะประชุมเช้าจรดเย็น
   จัดของลงกระเป่าตั้งแต่เมื่อคืน จัดง่าย เพราะมีแค่ชุดเรียบร้อย ชุดลำลอง และชุดนอน ไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริมใดๆ ต่างจากพวกทริปจักรยานที่มักจะต้องมีอุปกรณ์ของรถ อุปกรณ์ของคน และหากจะนอนเต้นท์ก็ต้องมีอุปกรณ์การนอนด้วย แน่นอน หากเข้าป่าทำอาหารเอง อันนี้ยิ้งต้องมีเครื่องประกอบอาหารอีก
   วันแรกนี้ประชุมบ่ายครับ เช้าส่งลูกเสร็จก็ว่าง หาอาหารเช้าทานในปั๊ม ตอนจอดรถอยู่มีคนมาด้อมๆ มองๆ รถผม สักพักเขาก็เขียนเบอร์โทรเหน็บรถผมไว้ ใจความว่า หากจะขายรถขอให้โทรบอกเขาด้วย
   นี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผมและรถคันนี้ครับ มันไม่ได้เลิศหรูอะไรหรอกนะ แต่มันเป็นรถยนต์นำเข้าที่สั่งเข้ามาใช้เอง หน้าตาก็เหมือนกับรถในไทยนี่แหละ แต่ข้างใน เครื่องยนต์ ช่วงล่าง มันคนละแบบกัน เป็นรถ Nissan 180SX Type X ครับ ได้เครื่องยนต์ SR20DET มาจากโรงงานเลย พิเศษสุดตรงมีระบบเลี้ยว 4 ล้อ แบบ Super Hicas ระบบเดียวกันกับ Nissan Skyline GT-R น่ะครับ
   มันคงเป็นรถสีขาวด้วยกระมัง เลยยิ่งเด่น ยุคนี้เห็นรถค่ายไหนก็ต้องมีสีขาวกันหมด แต่ของผมมันสีขาวมาสิบกว่าปีแล้ว รถผมปี 98 ครับ เก่ามากแล้วล่ะ แต่ผมยังรักมันอยู่ มันเป็นรถที่มีดีไซน์ มีไฟป๊อบอัพ (ปัจจุบันไม่มีใครทำไฟป๊อบออกมาแล้ว เพราะชนคนแล้วอันตรายมาก คนโดนชนจะยิ่งเจ็บหนัก)
   ดีไซน์ของรถยนต์ยุคใหม่ๆ จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น มีการทดสอบชนคน (หุ่น) หลายค่ายใช้ฝากระโปรงหน้าทำด้วยอลูมิเนียม เพราะหากชนคนแล้วมันจะยุบตัวลงไป ซับแรงกระแทก คนไม่เจ็บหนักมากเท่ารถที่ใช้ฝากระโปรงเหล็ก ผลดีอีกอย่างคือเป็นการลดน้ำหนักรถยนต์ไปในตัว
    ผมเข็คอินเข้าโรงแรมตอนสายๆ ได้ห้องพักชั้น 7 ห้องเรียบร้อยดีครับ ไม่หรูหรามาก แต่สะอาดดี อยู่สบาย ผมลงไปทานอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ต์ สไตล์เดิมของผมแหละครับ คือตักของทีชอบอย่างละชิ้น เอาไปลองชิมก่อน ดูว่าชอบจริงไหม ถ้าใช่ก็อาจตักเพิ่มอีก ถ้าไม่ใช่ก็ลืมันซะ และต้องเน้นของแปลกๆ ที่ไม่ค่อยได้กิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผักต่างๆ
   ขณะนั่งกินอยู่คนเดียวก็มีสาวมานั่งตรงข้าม (โต๊ะกลม) เธอมาคนเดียวเหมือนผม เลยได้คุยกันอยู่นาน เป็นแอร์โฮสเตรสเสียด้วย ผมเลยมีเรื่องราวคุยกับเธออีกเยอะมากเลย
   บ่ายเข้าประชุมต่อเนื่องจนถึงเย็น อาหารเย็นก็เป็นบุฟเฟ่ต์ ผมกินไปเยอะมาก สงสัยเก็บกดมาหลายวัน สาวคนนั้นก็ใช่ย่อย นั่งกับผมเลยชวนกันกินโน่นกินนี่กันใหญ่ ปกติเธอเองก็กินแค่มื้อละจานเช่นกัน
   เสร็จแล้วก็ชวนกันไปเดินเล่นริมน้ำ นั่งคุยกันอยู่นาน ลมพัดเย็นสบายดีเหลือเกิน ผมสนใจเรื่องราวของการเดินทางมาก เธอเองก็มีประสพการณ์การเดินทางเยอะ แถมพูดจีนได้อีกด้วย เจ๋งดีว่ะ
   กลางคืนแยกย้ายกันพักผ่อน แต่ก็อยู่ห้องใกล้ๆ กันนั่นแหละ

19 มิย 52
   แอร์ในห้องนอนหนาวมากๆ ขนาดเปิดเบอร์ 1 อ่อนสุด ยังหนาวมาก ผมลองปิดแอร์ และเปิดหน้าต่างดู พบว่าลมภายนอกแรงดี ลองนอนเล่น เออ มันก็โอเคดีนะ ผมเองชอบชีวิตแบบ Outdoor นอนเต้นท์ เจออากาศแบบนี้ก็สวยสิ ได้นอนนุ่มๆ ลมพัดเย็น เลยตัดสินใจเปิดหน้าต่างนอนครับ คิดไม่ผิดเลย ลมพัดจนนาฬิกาข้อมือผมบอกว่าเย็นถึง 25 องศา สุดยอดไหมเล่า ขนาดนอนยังต้องห่มผ้าเลยครับ นี่ขนาดแค่ชั้น 7 นะนี่ หากได้สูงๆ กว่านี้คงจะไม่ต้องพึ่งพาแอร์เลย
   ผมตื่นตี 5 ครับ ตื่นเองตามปกติ นั่งเล่นนอนเล่นจนถึง 7 โมงถึงได้ลงไปทานอาหารเช้า วันนี้ประชุมกันเต็มวันเลยครับ ประชุมสัมนาผมชอบนั่งหน้าครับ คราวนี้มีสาวหน้าใสมานั่งด้วย บางคนคิดว่าเป็นภรรยาผม เลยต้องรีบแก้ข่าวกันใหญ่ ผมทำอะไรเปิดเผยครับ ไม่ชอบทำตัวมีปัญหา เมื่อวานยังหยิบเอารูปภาพภรรยาและลูกมาให้สาวนั้นดูเลย
   มีช่วงหนึ่งของการประชุม วิยากรเปิดหนังสั้น เป็นภาพที่เห็นบ่อยทั่วไปคือ สิงโตไล่ล่าม้าลายที่กำลังก้มกินน้ำ ผมก็ดูไปงั้นๆ ยังไงสิงโตสัตว์ใหญ่ก็ไล่ล่าสั้ตว์เล็ก เป็นธรรมดาของสัวต์โลก มีฉากหนึ่งสิงโตกัดเข้าที่คอม้าลาย กล้องซูมเข้าไปใกล้ๆ สิงโตกัดแช่อยู่นาน ผมดูแล้วรู้สึกไม่สบายใจ สงสารม้าลายอย่างมาก
   ใจก็พลางคิดไปถึงเรื่องธุรกิจ ที่เรามักโดนเจ้าใหญ่ในตลาดบีบต่างๆ นานา สงสารม้าลายจนผมก้มหน้าไม่อยากมอง แล้วพอกลับไปชำเลืองดูใหม่อีกที มองภาพสิงโตกันคอม้าลายแล้วชักแปลกๆ เพราะสิงโตมันเอาม้าลายไม่ลงเสียที กัดคาปากอยู่ท่านั้นนานมาก ไม่รู้กัดไม่ถูกตำแหน่งหรือกัดไม่ลึกก็ไม่ทราบ ม้าลายก็ยืนขาแข็งอยู่อย่างนั้น
   แล้วก็เกิดสิ่งไม่คาดฝัน เจ้าม้าลายเกร็งคอที่ถูกสิงโตกัดอยู่นั้น มันกดสิงโตลงกับพื้นน้ำ ลำตัวน่ะจมอยู่ในน้ำแล้ว ตอนนี้มันกดลงกระทั่งหัวสิงโตทั้งหัวจมลงไปในน้ำ !!! ผมไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน รู้สึกทึ่งและตื่นเต้นมาก แถมเป็นภาพธรรมชาติอีกด้วย ไม่ได้เป็นภาพจากในหนังที่คนสร้าง
   สิงโตก็กัดแน่นจมเขี้ยวเหมือนกัน แต่พอน้ำมิดหัวหายใจไม่ได้ก็ต้องปล่อยปากที่กัดอยู่ เจ้าม้าลายสะบัดคอแรงแล้ววิ่งสุดขีด สิงโตออกวิ่งได้สัก 2-3 เก้า ก็อ่อนแรง ไปหยุดพักอยู่ใต้เงาไม้ นอนแผ่อย่างหมดแรง ส่วนม้าลายนั้นวิ่งหายไปลิบนานแล้ว
   สุดยอดเลยครับ ภาพแบบนี้มันสอนให้เราสู้จนหยดสุดท้าย อย่าไปยอมแพ้ง่ายๆ ล้มแล้วก็ต้องรีบลุก เราสามารถพลิกวิกฤตได้
   ประชุมจนถึงเที่ยงก็พักทานอาหารเที่ยง และมาหยุดเอาตอนเย็น ผมรีบขับรถกลับบ้านมาหาลูก แต่ผมกลับมาถึงก่อน อีกพักเดียวลูกก็กลับมา เห็นรถผมจอดอยู่เลย ตะโกนดังลั่นบ้านว่า
   “พ่อคร้าบๆ ๆ ๆ”
   แหม ได้ยินเสียงสดใสของลูกแล้วมันชื่นใจดีจริงๆ เลย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
20 มิย 52
   กางเต้นท์และผึ่งถุงนอนไว้หลายวัน ได้ฤกษ์เอาเก็บใส่ถุงแล้วครับ คงจะอีกสักพักใหญ่ถึงจะได้ใช้อีก แต่ก็ไม่แน่ ถ้าหลังผมหายเร็วก็จะไปลุยอีก หรือถ้าหลังยังไม่หาย ผมก็จะเอารถยนต์ไปแทน ฮ่าๆ คราวนี้แหละ จะยิ่งได้ขนของเยอะสุดๆ ไปเลย
   สมั้ยหนุ่มๆ ตอนผมไปทะเลก็จะเอาวินเซิร์ฟไปด้วย ใส่บนแร็คหลังคานี่แหละ เคยครั้งหนึ่งไปบ้านระยองตั้งแต่วันศุกร์เย็น แถมกลับมาเรียนจันทร์เช้า มาถึงมหาวิทยาลัยแบบยังไม่ได้อาบน้ำเลย ใส่กางเกงชาวเลขับรถมา แบกวินเซิร์ฟบนหลังคา หน้าตามอมแมม
   ชีวิตผมอยู่คนเดียวตั้งแต่เด็กๆ ครับ เลยเล่นกีฬาที่มันเล่นคนเดียวซะ เล่นหนักก็พวกเรือใบกับจักรยานนี่แหละ คนไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ไม่เที่ยวกลางคืนมักจะมีเพื่อนน้อยครับ ผมรู้สึกเฉยๆ กับเรื่องพวกนี้
   วันก่อนล้างจักรยานครับ จอดไว้เสียหลายวันเลย ล้างแล้วพบว่ามีซี่ลวดที่ล้อหน้างอนิดๆ สงสัยจะโดนตอนลุยออฟโรด แต่ไม่รู้ว่าเป็นช่วงปั่นเข้าไปในน้ำตก หรือว่าเป็นช่วงลงเขา
   แต่หมุนล้อดูแล้วมันไม่คดนะ เลยคิดดูก่อนว่าจะซ่อมดีไหม แต่ที่แน่ๆ คือต้องรีบหาสูบ Floor Pump มาใช้โดยด่วน จักรยานผมมีหลายคัน ต้องไล่สูบกันหมด
   ช่วงหลังเจ็บผมปั่นได้แต่ Giant Revive ครับ คันใหญ่และหนัก  แต่ปั่นสบายกว่าใคร ข้อเสียก็มีคือไปไม่ได้ไกลนัก ปีก่อนเคยเอาไปทริปพระประแดงยังเหนื่อย เลย
   
21 มิย 52
   เจ็บหลังคราวนี้หายช้าครับ กินยามาอย่างต่อเนื่อง ทำได้แค่ทุเลา แถมยังไม่หายดันปั่นไปสระบุรีอีก เล่นเอางอมเลยครับ ยังเจ็บไม่หาย
   เช้านี้เอาจักรยานออกปั่นเล่นช้าๆ สัก 30 นาที ปั่นในบ้านนี่แหละ วนไปวนมา เหงื่อแทบไม่ออกเลย
   
22 มิย 52
   เช้าวันจันทร์ไม่รู้ว่าเป็นอะไรนะ รถถึงได้ติดหนักกว่าวันอื่น ทั้งๆ ที่นักเรียนก็ไปเรียนตามปกติ คนทำงานก็ทำปกติ ราชการก็เปิดปกติ พอวันอังคารหรือวันอื่นนี้กลับวิ่งฉิวเลย ต่างจากเย็นวันศุกร์ที่มักจะติดแบบมีเหตุผล นั่นคือคนออกเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันศุกร์ปลายเดือนที่เงินเดือนออก
   
23 มิย 52
   เริ่มเป็นกังวลเรื่องหลัง ยังไม่หายเจ็บเลย ออกแรงยันหรือดึงประตูก็ยังเจ็บ ไม่ได้เจ็บกล้ามเนื้อด้วยนะ เพราะมันเจ็บแปล็บขึ้นมาแล้วแทบหมดแรง น่าจะเกี่ยวเนื่องกับพวกระบบเส้นประสาท
   กินยาจนเบื่อแล้วครับ พักนี้เริ่มหาพืชผักสีสดๆ กินเพิ่ม ผมว่าน่าจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น อาจส่งผลให้หลังผมหายเร็วขึ้นอีกนิด
   วันนี้เลยทำไข่เจียวใส่มะเขือเทศทอดในน้ำมันมะกอกอีกเช่นเคย มีใบแม่ย่านางคั้นน้ำดื่มกินสดๆ อีกด้วย
   กลางวันเพื่อนแม่มาหาที่บ้าน นำพวกเมล็ดธัญพืชแกะเปลือกแล้วมาฝาก แม่ไม่ค่อยกินหรอก มีแต่ผมสิที่ชอบหยิบเคี้ยวกิน เป็นพวกเมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ลูกเกด อัลมอนด์ อะไรทำนองนี้ ดูไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ เพราะเป็นเมล็ดสดๆ ไม่ได้คั่วหรืออบเกลือ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
24 มิย 52
   ไม่ได้ออกกำลังกายแล้วรู้สึกแปลกๆ เหมือนร่างกายมันเฉื่อยชายังไงไม่รู้ ตอนนี้ทำได้แค่ออกปั่นเล่นช้าๆ ไปกับ Giant Revive เพราะยังเจ็บหลังอยู่ เจ้ารถคันนี้ตอนแรกซื้อมาก็เพราะจะให้พ่อขี่ แต่พ่อไม่ขี่ก็เลยเก็บไว้อยู่นาน กลายเป็นผมมาได้ใช้อย่างจริงจังก็ช่วงนี้เอง รถคันนี้เหมาะกับน้ำหนักมาก ก้นใหญ่ เพราะเบาะนั่งกว้างใหญ่ นั่งสบายดีเหลือเกิน ให้ความรู้สึกว่านั่งจริงๆ ไม่ได้เป็นแบบขี่เหมือนจักรยานทั่วไป แต่จะไม่ค่อยชอบมันก็เพราะมันหนักและเชื่องช้านี่แหละ ถ้ามองแง่ดีด้านความสบายล่ะก็ใช่เลย สบายกว่าจักรยานใดๆ ที่ผมเคยขี่มาเสียอีก
 
25 มิย 52
   วันนี้ผมมีประชุมในเมือง เรียกว่าในเมือง เพราะบ้านผมอยู่ชานเมือง นานๆ ได้เข้าเมืองกับเขาเสียที ปกติจะไปด้วยจักรยาน ต่อรถไฟฟ้า BTS บ้าง MRT บ้าง ลงแถวๆ สุขุมวิทนั่นแหละ BTS นั้นโอเคดี รถใหญ่แบบ Full Size ก็ให้ขึ้นได้ แต่กับ MRT จะลงได้เฉพาะรถพับ
   ผมจะมาเบื่อ MRT ก็ตรงต้องผ่านด่านตรวจสัมภาระนี่แหละครับ ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะหากตรวจเพื่อความปลอดภัยก็โอเค แต่นี่มันตรวจมั่วๆ ผมใส่เป้หลังก็ต้องปลดเป้ออกมาเปิดให้เขาดู เขาก็ดูไปงั้นๆ มองหาอะไรก็ไม่รู้ คือตัวเองมองเพื่อหาอะไรตัวเขาเองก็ยังตอบไม่ได้เลย
   ว่าคนตรวจเขาไม่ได้หรอกครับ เพราะเขาทำตามหน้าที่ ถ้าไม่ตรวจก็โดนหัวหน้าดุเอา ถ้าจะว่า ก็ต้องว่าไอ้คนต้นคิด คนให้นโยบาย ผมไม่รู้ว่ามันคือใคร แต่มันช่างโง่สิ้นดี
   นักท่องเที่ยว Backpacker แบกเป้ใหญ่ขนาดไน มันให้เขาปลดเป้และเปิดให้มันดูของข้างใน นี่มันแกล้งกันหรืออย่างไร การแพ็คของลงเป้ก็ลำบากแล้ว มันให้เขามารื้อของออก ทุเรศฉิบหาย
   โอเค เขาอาจไม่ได้บอกให้รื้อของโดยตรง แต่นักท่องเที่ยวอาจรื้อออกเอง นั่นก็เพราะการสื้อสารมันไม่เข้าใจกัน เขาก็กลัวเจ้าหน้าที่เราจะค้น เลยแสดงเจตนาบริสุทธิ์
   ประชุมเสร็จรีบกลับบ้านไปรับลูกที่โรงเรียน อากาศช่วงนี้แดดแรงไม่แพ้หน้าร้อนตอนเดือนเมษายนเลย เอ๊ะ นี่มันฤดูฝนหรือเปล่าครับนี่ เห็นมีฝนตกบ้างบางวัน
   ช่วงนี้ผมเลยไม่ได้ออกกำลังกายอย่างจริงจังเหมือนเมื่อก่อน มันเหมือนขาดแรงจูงใจยังไงก็ไม่รู้นะ อย่างตอนจะไปทริปญี่ปุ่นเดือนเมษายน ช่วงเดือนมีนาคมผมฟิตจัดสุดยอดจริงๆ ปั่นวันละ 50 กม ทุกวันแบบสบายๆ เลย ไม่เจ็บก้น ไม่เจ็บหลังอะไรสักอย่าง
   ต้องหาแรงจูงใจอะไรสักอย่างแล้วกระมัง
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
26 มิย 52
   ตื่นแต่เช้าเหมือนเคย จ้างให้ตื่นสายก็ทำไม่เป็น เดินไปลูบๆ คลำๆ จักรยานเล่น ได้แต่ดู ขี่ไม่ได้ กลัวจะเจ็บหลัง บางคันยางแบน แต่ก็ไม่ได้สูบ เพราะ Floor Pump อันเก่าพัง อันใหม่ก็ยังไม่ได้ซื้อมา ยังเซ็งที่ซื้อของดีๆ มาดันมาพังเสียได้ ขนาดเล่นของมียี่ห้ออย่าง Zefal แล้วนะนี่ ต่อไปจะใช้อะไรกันดีล่ะ
   โกเฮียบจากลำปางโพสตอบผมในเวป thaimtb ว่าเขาใช้ของ Giyo แล้วโอเคดี ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าผมมีสูบมือของ Giyo อยู่นี่หว่า ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา แถมออกแรงสูบเบามืออีกด้วย
   
27 มิย 52
   วันนี้ผมและลูกมาที่ทำงานภรรยาและอยู่กันจนถึงเย็น มิวได้เล่นกับเพื่อนอีกกลุ่มที่เขาไม่ค่อยคุ้นเคย แต่เด็กๆ ก็มักจะปรับตัวเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว
   วันนี้ผมให้มิวเขาได้ทำทุกอย่างโดยอิสระ เช่นเรื่องอาหาร วันนี้เขาอยากเล่น เจอเพื่อนก็อยากเล่น ไม่อยากกินข้าว ผมก็ไม่ว่าอะไรเขา ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน สบายๆ
   สุดท้ายสัก 1000 มิวมาบอกผมว่าหิวข้าว เลยไปซื้อต้มเลือดหมูให้เขา เสร็จแล้วก็วิ่งเล่นอีกทั้งวันจนเย็น อ๊ะ ไม่ได้กินข้าวกลางวันหรือนี่ หรือไปกินที่บ้านเพื่อนคนใดคนหนึ่งเสียแล้ว
   อยู่ว่างๆ นั่งคิดวางแผนว่าพรุ่งนี้จะไปปั่นจักรยานที่ไหนดี แว๊บไอเดียประหลาดคือทัวริ่งในกรุงเทพฯมันนี่แหละ แต่ต้องวางเส้นทางให้ดี ถ้าเช้าหรือเที่ยงแวะตามตลาดใหญ่ๆ ได้ก็จะมีของกินดีๆ ให้เลือก
   คิดๆ อยู่ดีๆ ฝนดันเทลงมาเสียนี่ เลยไม่ได้คิดต่อกันเลย

28 มิย 52
   ใครเป็นแบบผมบ้างยกมือขึ้น วันหยุดชอบตื่นเช้า ไม่ใช่แค่ผมที่เป็นหรอกนะ ภรรยาและลูกก็เป็นไปด้วย พากันตื่นตั้งแต่ 0530 แต่ท้องฟ้ามันสว่างแล้วล่ะ ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมานั่งมองหน้ากัน
   สุดท้ายเลยไปตลาดยามเช้ากัน แถวบ้านผมมีตลาดใหญ่คือตลาดสินทวี อยู่ในหมู่บ้านสินทวีใกล้ๆ บ้านนี่แหละ ขับรถยนต์ไปสัก 2 นาทีก็ถึงแล้ว ที่เอารถยนต์ไปเพราะต้องขนของกลับเยอะมาก
   ออกจากบ้านได้แป๊บเดียวก็เจอนักจักรยานหลายท่านเลย ขากลับก็ยังเจออีก พระราม 2 วันอาทิตย์นี้คนออกมาปั่นจักรยานกันเยอะดีจริงๆ นี่ถ้ามีทางจักรยานแบบสวยเนียนผมว่าไม่รอดแน่ (ไม่รอดพวกมอเตอร์ไซค์เอาไปเป็นถนนซิ่ง)
   วันนี้ครบรอบ 1 เดือนที่ผมเจ็บหลัง ทุกวันนี้ยังไม่หายสนิท แต่ก็ถือว่าดีขึ้นเยอะ ยังออกแรงมากๆ ไม่ได้ ว่างๆ ก็ได้แต่ยืดเส้นยืดสาย จักรยานที่พอจะปั่นแล้วไม่เจ็บตัวมีอยู่คันเดียวคือ Giant Revive คันที่ผมเกือบจะขายไปหลายหนแล้ว เพราะยามปกตินี่แทบไม่ได้แตะเลย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
29 มิย 52
   อยู่แบบนี้อีกหน่อยผมอ้วนแน่ นี่เหงื่อไม่ได้ออกอย่างเป็นทางการมานานมากแล้ว จะปล่อยให้ชีวิตเงียบเหงาอยู่อย่างนี้เห็นทีจะแย่
   เจ็บหลัง ไม่ค่อยได้ปั่น ไม่ค่อยได้ไปไหน ก็เลยไม่ค่อยมีเรื่องมาเล่าครับ ทั้งๆ ที่ปกติผมไปไหนมาไหนมักจะมีเรื่องราวมาฝากอยู่เสมอ
   วันนี้มีประชุมในเมืองอีกแล้ว แถวสุขุมวิทเหมือนเดิม ได้ใช้บริการของรถไฟฟ้า เสียอย่างเดียวที่ขึ้นจากต้นทางสถานีวงเวียนใหญ่ไม่ได้ เพราะเพียงแค่ไม่มีที่จอดรถยนต์ ก็เลยหันไปใช้รถไฟใต้ดิน MRT แทน
   ถ้าหลังผมไม่เจ็บก็คงจะไปกับจักรยานแล้วล่ะครับ แต่นี่ต้องมีการยกด้วย หลังผมจะเจ็บตอนออกแรงเกร็งแขนดึงรถยกขึ้นมานี่แหละ
   เมื่อคืนฝนตกอย่างแรงและนานมาก สงสัยจะอัดอั้นมานาน เพราะไม่ได้ตกมาหลายวันมากๆ เช้านี้ก็ยังมีเมฆมาก ดูครึ้มๆ ทั้งวัน เลยได้ข้ออ้างอีกข้อที่ไม่เอาจักรยานออกปั่น
   ผมล่ะเบื่อการตรวจค้นสัมภาระของเจ้าหน้าที่ MRT อย่างมาก จะต้องให้เปิดเป้ดู ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มองไปงั้นๆ วันนี้ได้โอกาสเลยสอบถาม
   “พี่ตรวจหาอะไรหรือครับ”
   “หาของต้องห้ามนำเข้ารถไฟฟ้าค่ะ” วันนี้เป็นพนักงานหญิง
   ผมเดินตามหลังนักศึกษาหญิงสองคน มือหนึ่งถือกระเป๋าแบบสุภาพสตรี อีกมือถือแฟ้มพลาสติค ขณะตรวจค้นกระเป๋า มีโทรศัพท์ดังขึ้น เจ้าตัวรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา ทำให้แฟ้มที่หนีบไว้ในอีกมือหล่นพื้น เอกสารกระจาย
   ไอ้คนสั่งให้ตรวจค้นมันจะรู้ไหมวะนี่ว่าทำความลำบาก ทำความวุ่นวายให้กับผู้ใช้บริการอย่างมาก แต่ก็เถอะนะ เขาเองก็อ้างเรื่องความปลอดภัย เลยเถียงกันไม่ออก ได้แต่บ่นในใจ
   ถึงคิวผมตรวจแล้ว ได้ถามต่อแล้ว
   “พี่ตรวจนี่เจอพวกอะไรบ้างหรือครับ”
   “ก็ตรวจหาสิ่งของต้องห้ามค่ะ” เฮ้ย มันตอบแบบเดิมเลยว่ะ
   “แล้วพี่เจออะไรบ้างหรือครับ”
   “ส่วนมากมักจะเป็นพวกวัสถุไวไฟ” โห แล้วนักเรียนที่ถือกระดาษเข้ามานี่ถือว่าไม่ไวไฟหรือ ยังไม่นับไอ้พวกที่สูบบุหรี่ พวกนี้มีไฟแช็คจุดไฟได้เลยนะนี่
   “แล้วพวกไฟแช็คล่ะครับ” ผมถามต่อ
   “ไฟแช็คถ้าเก็บมิดชิดก็ไม่เป็นไรค่ะ” อ้าว เฮ้ย แล้วมึงจะตรวจทำพ่อมึงหรอ ตรวจเจอแล้วก็บอกไม่ว่าอะไร
   ใจจริงอยากถามต่ออีกเยอะ แต่เกรงใจคนข้างหลังที่ทะยอยกันลงมาต่อคิว
   คราาวหน้าๆ ๆ ๆ คราวหน้าผมจะนำซองจดหมายเปล่าๆ ใส่เป้ และเขียนตัวโตๆ ภาษาไทยหน้าซองว่า
   “ระเบิดปรมาณู ขีปนาวุธ” อะไรทำนองนี้แหละ อยากดูว่าเขาเจอซองเขียนแบบนี้แล้วจะว่ายังไง จะเอาผมไปตรวจสอบสืบค้นก็ยิ่งดี จะได้บ่นดังๆ ออกสื่อกันเสียที
   กันพลาดอีกหน่อย เอาเป็นฝากให้ลูกผมเขียนก็แล้วกันวะ ฮ่าๆ เผื่อจะหาว่าผมกวนตีนหนัก
   ประชุมเสร็จออกมาช่วงบ่าย เจออีกแล้วที่สถานีสุขุมวิท มีให้เดินผ่านเครื่องสแกนด้วย แต่มันไม่ดัง ผมแสดงความจริงใจ หยิบกระเป๋าเป้วางบนโต๊ะเตรียมเปิด แต่เจ้าหน้าที่โบกมือให้เดินผ่านไปได้เลย
   อ้าว ทีสถานทีลุมพีนี ผมเดินผ่านเครื่องยังโดนตรวจเลย แถมตรวจหนักอีกด้วย ให้เปิดช่องโน้นช่องนี้ สงสัยไปถามมันเยอะ มันเลยรู้ว่าผมกวนตีนมัน   
   เฮ้ย งง มันมีหลายมาตรฐาน หรือว่าผ่านเครื่องตรวจแล้ว แต่ต้องมีการตรวจโหงวเฮ้งอีกรอบ หน้าตาผมอาจผิดระเบียบ เลยถูกตรวจค้นไป
   เอ้า ไม่เป็นไร ทำกันแบบไทยๆ เออ เดี๋ยวนี้จะค่อนขอดใครว่าเห่ย ว่าแย่ เขาไม่พูดว่าลาวกันแล้วนะ จะให้ถูกต้องพูดว่า “ไอ้ไทย”
   ลาวกำลังพัฒนาก็จริงครับ พัฒนาช้ากว่าเราก็จริง แต่เขาพัฒนาอย่างมีรูปแบบ และมีแนวทางที่ชัดเจน คือเรียกว่าสามารถมองภาพรวมของเขาออกได้ในระยะยาว
   แต่กับไทยมันไม่ใช่เลย
   ยกตัวอย่างเมืองหลวงพระบาง เมืองมีมาอยู่นานมากแล้ว แต่เพิ่งดัง ก็รัฐบาลเขาเพิ่งจะทำตลาดเรื่องการท่องเที่ยวไง (เหมือนตอนไทยเราทำเรื่อง Amazing Thailand)
   หลวงพระบางดังมากจนนักท่องเที่ยวแน่นไปหมด แน่นอน ความเจริญย่อมพาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เข้าไปด้วย มีการสร้างโรงแรม เกสเฮ้าส์ ร้านอาหาร สถานบันเทิง ฯลฯ คงจะนึกภาพกันออก
   แต่หลวงพระบางเขาเจ๋งครับ เขาบอกห้ามปลูกสิ่งก่อสร้างสูงเกินยอดมะพร้าว
   เออ เจ๋งไหมครับท่าน จะมาสร้างอะไรพิศดารในบ้านเมืองเขาไม่ได้
   ไทยเราล่ะเป็นไง ความเจริญไปที่ไหน ก็ต้องมีร้านค้าบาร์เบียร์ ตบท้ายด้วยการขายบริการทางเพศ มีทุกที่ครับ ขอท้า ในเกาะอย่างพีพียังมีบาร์เบียร์กันบนชายหาดเลย (กินแล้วทิ้งกันตรงไหนโปรดเก็บไว้ในใจ)
   คนท้องถิ่นเองแท้ๆ ยังไม่รู้จักอนุรักษ์ เอะอะอะไรก็บอกว่าเป็นการกระจายรายได้ ให้คนท้องถิ่นมีงานทำ ฯลฯ
   ยกตัวอย่างอีกอัน ไม่ไกล อยุธยานี่เอง เมืองเก่ามรดกโลก แต่เราจัดการกับสิ่งที่เรียกว่ามรดกโลกนี้อย่างไร
   เรามีรถเข็นขายเป๊บซี่ติดอยู่กับรั่วอิฐโบราณ เรามีเพิงขายไก่ย่างตั้งอยู่หน้าพระเจดีย์ เรายังมีอะไรอีกมาก ที่คนทั่วโลกเขาดูแล้วอึ้ง ทึ่ง
   ต่อไปนี้จะว่าอะไรใครก็ต้องบอกว่า “ไอ้ไทยเอ๊ย” แปลได้ใจความทำนองว่า “ไอ้ควายเอ๊ย” ครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
30 มิย 52
   ต่อดีไหมครับ เมื่อวานพิมพ์ยังไม่ทันจบ ก็ต้องไปรับลูก จากนั้นผมจะอยู่เล่นกับเขา สอนในสิง่ต่างๆ รอบตัวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เด็กเขาจะซึมซับทุกสิ่งทุกอย่าง บางทีผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ใช้สรรพนามไม่เพราะ (ไม่ไพเราะ)  ลูกผมเขายังคอยเตือนเลย ผมเองก็ต้องอธิบายกันไปว่า มันไม่เพราะก็จริง แต่ภาษาไทยเราสลับซับซ้อน หากเราพูดคุยด้วยเสียงอ่อนนุ่มกับคนสนิท คำว่ากูมึงก็จะแปรเปลี่ยนเป็นอีกความหมาย แต่เราใช้คำแบบนี่กับคนอื่นที่ไม่สนิทสนมกันไม่ได้ ใช้กับผู้ใหญ่ไม่ได้ มันไม่สุภาพ
   วันนี้ขอเล่าเรื่องที่เกาะล้าน พัทยา จ ชลบุรี ละกัน เกาะล้านมีเรือดำน้ำด้วยนะครับ ให้นั่กท่องเที่ยวนั่งชมได้ เขาพาเราดำลงไปในน้ำจริงๆ แหม แค่คิดก็สนุกแล้ว แต่เรือมันลำเล็กๆ เองนะ อย่าไปฝันว่ามันจะสวยหรู มันได้แค่ดำจริงๆ
   ดำเฉยๆ ไม่เท่าไหร่ แต่นี่ด้านนอกเรือยังมีคนใส่ชุดดำน้ำคอยหยิบเอาประการังบ้าง กัลปังหาบ้าง หอยบ้าง หยิบยกมันขึ้นมาจากพื้นท้องทะเลแล้วแนบกับกระจกให้คนในเรือได้ดูอย่างชัดๆ
   โหห มึงคิดได้ไงวะ ไอ้ไทยเอ๊ย แค่ไปแตะต้องธรรมชาติใต้ทะเลก็ผิดแล้ว นี่มึงยังหยิบออกมาจากที่ของเขาอีก คิดว่าคนเขาอยากมาดูประการังแบบชัดๆ หรือไง ไม่คิดหรือว่าเขาอยากดูความเป็นธรรมชาติใต้ท้องทะเลแบบเงียบสงบโดยไม่มีพวกมึงมาคอยทำร้ายธรรมชาติ
   “แม่งไทยว่ะ ไทยได้ใจจริงๆ” ขอโทษที่ต้องว่าคนประเทศตัวเอง เพราะคนประเทศอื่นผมว่าน้อยนักที่เขาจะทำเช่นนี้ อ่านแล้วไม่สบายใจผมขออภัย ขนาดผมพิมพท์เอง ผมยังหดหู่ใจเลยครับ
    ทริปล่าสุดของผมที่ออกทัวร์จักรยาน ครั้งนี่ไปกับกลุ่มของน้าเป็ด (เป็นกลุ่มย่อยอของกลุ่ม TCC) เราไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่นกัน คำว่าอุทยานแห่งชาติมันก็ต้องเป็นธรรมชาติเงียบสงบ มีพันธ์ไม้ป่า แน่นอนมีสัตว์ป่าอยู่ด้วย แต่ก็แล้วแต่ว่าขนาดของป่าใหญ่เพียงใดนะ ป่าเล็กๆ คงจะไม่มีพวกช้าง กระทิง อย่างเก่งก็เก้ง กวาง หมูป่า
   ปั่นเล่นอยู่ริมบึง ก็เจอไอ้ไทยตนหนึ่ง เปิดเพลงในรถกระบะอย่างดังลั่นทุ่ง ตัวเองนั่งห่างรถอยู่ไกลๆ นั่งกินเหล้ากับเพื่อน
   ไทยดีไหมครับ
   ใกล้ๆ กันก็มีกลุ่มของนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ฝรั่ง) นั่งปิคนิคกันเหมือนในหนังเปี๊ยบ คุณคงไม่อยากรู้ว่าในใจของฝรั่งเขาจะคิดอย่างไรแน่ๆ เลย
   ประเทศไทยมันพัฒนาไปไหนได้ไม่ไกลก็ไม่ต้องไปมองอะไรให้ซับซ้อนหรอกครับ
   ช่วงเย็นพี่โต้ง (รุ่นพี่ที่พบกันตอนทริปสระบุรี) จะมาบ้านผม มาดู Pannier ของ Deuter ที่รุ่นน้องผมมาฝากขาย ผมไม่อยากโพสลงในเวป thaimtb กลัวคนซื้อไปขายต่อแพงๆ ของพวกนี้ผมอยากให้นักเดินทางตัวจริงเขาได้เอาไว้ใช้
   พี่โต้งบอกจะไปนครวัด ผมเองไม่เคยไป แน่นอน ฟังแล้วหูผึ่งเลย แม้หลังที่เจ็บเริ่มดีขึ้น แต่ผมปั่นกับพี่โต้งไม่ไหวแน่ๆ ครับ เขาขี่เร็วมากๆ ความเร็วราว 30 – 35 ตลอดทาง เขาทำได้ แต่ผมไม่ไหว กัดฟันปั่นตามไปก็เหมือนการทำร้ายตัวเองทางอ้อม (เคยทำมาแล้ว)
   ฝนเทลงมาหนัก พี่โต้งไม่โทรมา หมายถึงเป็นการบอกเลื่อนโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride