Author Topic: พฤษ 52 17 ดอนหวาย / 28-31 solo trip  (Read 14329 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
1 พฤษ 52
   วันแรงงานแห่งชาติ แต่สำหรับผมวันไหนๆ มันก็เหมือนๆ กัน ถ้าลูกหยุดก็มักจะอยู่กับลูก แต่ถ้าลูกไปเรียนก็ต้องรับส่งเขา ไม่รู้สึกเบื่อเลยสักวัน เป็นความเต็มใจของผมเองที่อยากดูแลเขาให้เต็มที่
   ตื่นเองตอนตี 4 แต่ไม่อยากลุกเล้ยย ขออิอออดนอนต่อจนถึงตี 5 กว่าจะเอารถออกได้ก็ปาไป 0530 ออกไปปั่นเส้นทางเดิม แต่พบว่าบางช่วงของเส้นทางมีร่องรอยน้ำท่วมขัง มีเศษดินเลนเลอะเทอะเต็มพื้นไปหมด ช่วงไหนแห้งหน่อยก็จะเป็นเศษดินทรายระเกะระกะ
   แบบนี้ปั่นไม่สนุกแน่ครับ แถมร่างกายผมยังไม่ฟื้นดี แปลกนะ รู้สึกเหมือนไม่ค่อยมีแรง ขี่ไม่ค่อยสนุกยังไงพิกล จึงเริ่มออกหาเส้นทางใหม่ วกวนจนไปทะลุแถวพระประแดง เห็นสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมวันนี้แล้วนึกอยากลองขึ้นไปปั่นดู ไม่รู้เขาให้จักรยานขึ้นไหม แต่มีมอเตอร์ไซค์เขาขี่ขึ้นกัน ตรงทางขึ้นก็ไม่เห็นมีป้ายห้ามรถจักรยาน หรือมอเตอร์ไซค์ ผมอนุมานเอาว่าจักรยานก็สามารถขึ้นได้ แต่วันนี้ร่างกายยังไม่พร้อมครับ เพลียๆ ล้าๆ บอกไม่ถูก แต่เล็งไว้แล้วว่าจะมาช่วงวันอาทิตย์เช้าๆ น่าจะเป็นอีกเส้นทางที่ท้าทายร่างกายอย่างมาก เพราะเนินชันดีเหลือเกิน
   สุดท้ายวันนี้ขี่ไปได้แค่ 30 กม กลับมาบ้านก็ยืดเส้นยืดสาย ภรรยาผมทำน้ำแค่รอทคั้นไว้ให้ดื่มบำรุงผิว ผมเคยบอกเขาว่าดื่มน้ำแครอทแล้วผิวพรรณของผมดูดีขึ้นอย่างมาก กระ ฝ้า บนใบหน้าเลือนลางลงเยอะ ดีกว่าทาครีมแพงๆ เสียอีก เขาคงจำได้ วันนี้เลยจัดมาให้ผม
   อาหารเช้าบำรุงสุขภาพเป็นผัดผักคะน้าจานใหญ่ กับไข่เจียวสูตรเดิม ช่วงสายมีกุ้งทะเลฝอยทอดกรอบ กินทั้งตัว ตามด้วยแตงโมหนึ่งชิ้น แถมด้วยน้ำเต้าหู้หนึ่งแก้ว
   กลางวันทานมะม่วงเขียวเสวย 2 ลูก ไม่จิ้มพริกเกลือ มีถั่วคั่ว มีอัลมอนด์ และขนมปังกรอบแบบ Pretzel (จะมาอ้วนก็ตรงขนมปังกรอบนี่แหละ)
   ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันนะ ตั้งแต่กลับมาก็รู้สึกขี้เกียจๆ ยังไงก็ไม่รู้ มันไม่ค่อยอยากทำอะไรเลย กระทั่งปั่นจักรยานเมื่อเช้าก็ยังไม่ค่อยรู้สึกสนุกเต็มที่เหมือนเมื่อก่อน
   แถมอยากกินโน่นกินนี่ เดินหยิบของกินเข้าปากบ่อยเลย
   รู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ แต่ไม่รู้สาเหตุ
   เอ.. หรือว่าจะเกิดจากความเครียด สาเหตุที่ไปเที่ยวแล้วกลับมาไม่สนุกดังใจคิด อืมม.. เป็นไปได้เหมือนกันนะนี่ การที่ไม่ได้ขึ้นเขา Tateyama เล่นเอาผมใจสลายไปเลย

2 พฤษ 52
   ไปญี่ปุ่นเที่ยวนี้ไม่สนุกสะใจดังคาดหมาย ผมมองหาสถานที่ใหม่ๆ มาทดแทน นึกได้ว่า “กบ” และ “กรม” เขาจะไปสิงคโปร์กัน แต่ช่วงนี้ทุกประเทศเข้มงวดกับนักเดินทางขาเข้า ใครมีไข้แม้เพียงเล็กน้อย ก็จะถูกหมายตา และหากมีไข้มากก็ต้องถูกเขากักตัวไว้ดูอาการอย่างน้อย 7 วัน
   แล้วผมจะมีไข้ไหววะนี่ ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ปกติแล้วร่างกายผมแข็งแรงดี ไม่ค่อยเจ็บป่วยง่าย แม้ไม่สบายก็มักจะไม่ทรุด และฟื้นตัวเร็ว
   เขาไปสิงคโปร์กันวันที่ 7 ผมจะไปก่อนหรือหลังก็ย่อมได้ ไปถึงแล้วค่อยโทรนัดกัน
   ผมกลัวโดนกักที่ด่านขาเข้าสิงคโปร์ว่ะ หน้าตาผมดูไม่ค่อยแจ่มใสเลย ผิวหนังก็หยาบแห้งจากการโดนหิมะกัด ผมว่าสักพักคงจะลอกออกมา หวังว่าคงจะไม่เจ็บแสบนะ
   เอาไงดี หรือว่ารอให้สถานการณ์โลก และสภาพตัวผมดีขึ้นกว่านี้แล้วค่อยไป
   คิดไม่ออก สรุปไม่ได้ เลยยังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบิน
   กลางวันผมอ่านเวปของ TCC มีทริปไปจีน ดูท่าทางน่าสนใจ ผมไม่เคยไป เลยเกิดอาการอยาก ทริปนี้ 10 วัน ปั่นกันโหดไม่เบา วันละราว 100 กม ผมว่าผมไหว ใจคิดอยากเอารถพับ KHS F20-W ไป แต่กลัวเจอทางแบบ Off Road เดี๋ยวผมจะหงายท้อง
   เรื่องของเรื่องก็คือผมไม่มีรถแบบ Full Size ที่พร้อมเดินทางเลย ผมมี KHS HT ก็จริง แต่ขนาดเฟรมของมันใหญ่กว่าตัวผมไป 1 เบอร์ หากจะให้แก้ไข ก็ต้องขอ Stem สั้นและยกมาแทน และถ้าได้แฮนด์แบบผีเสื้อร่วมด้วยก็คงจะดีขึ้นอย่างมาก
   เป็นอันว่าเริ่มมองหาแฮนด์ผีเสื้อได้ ณ บัดนี้ กระเป๋า Pannier ผมมีครบแล้ว ใช้ของ Ortlieb ชุดเดิม สิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ใช้ แต่ผมอยากได้ติดตัวก็คือชุดกันฝนครับ มีสองทางเลือกคือเอาแบบผ้าคลุมเฉพาะท่อนบนร่างกาย กับอีกแบบคือเป็นสองชิ้น เสื้อและกางเกงแยกชิ้นกัน แบบแรกสะดวก ง่าย แบบหลังใส่ปั่นจักรยานสะดวกกว่าอย่างมาก เพราะมันไม่พริ้วปลิว
   มีการบ้านเพิ่มอีกอย่างแล้วเรา
   ทริปไปจีนนี้ยังอีกยาวไกลครับ เขาไปกันช่วงปลายปี แต่ระหว่างนี้ผมจะเล่นทริปในประเทศไปพลางๆ ก่อน ค่าใช้จ่ายถูกกว่ากันเยอะมาก และอยากจะไปแบบนอนเต้นท์ด้วย ใจอยากลองสถานที่ใกล้ๆ ก่อน เช่น เกาะเสม็ด หรือ เจ็ดคต ที่สระบุรี เกาะสีชังก็น่าสนใจ ใกล้กว่าเสม็ดเสียอีก

2 พฤษ 52
   ผมเป็นโรคขี้เกียจเข้าแล้วครับ ตื่นเช้าแต่ไม่ยอมลุก สงสัยขาดแรงจูงใจ ทางแก้ง่ายๆ ก็คือหาแรงจูงให้เติมเข้าไปซะ
   แรงจูงใจง่ายๆ สำหรับผมก็คือการได้ไปปั่นจักรยานในสถานที่ต่างๆ ครับ ที่ผ่านมาแรงจูงใจเต็มเปี่ยมเพราะหวังจะปั่นขึ้นเขา Tateyama แต่พอผิดหวังเข้านี้เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย ไม่ได้เผื่อใจไว้สักนิดว่าจะมีเหตุไม่คาดฝัน
   แถมต้องรีบกลับเพราะไข้หวัดสายพันธุ์พิศดารระบาดหนัก เพราะถ้ากลับช้าและขณะเดินทางกลับเกิดมีไข้ขึ้นมาแม้เพียงสักเล็กน้อยล่ะก็ งานเข้าของแท้ จะต้องถูกกักตัวไว้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแน่นอน ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยล่ะ
   วันนี้ผิวหน้าผิวตัวผมดีขึ้นอย่างมาก ผิวที่แห้งสากเป็นขุยเริ่มลอกออกมา เผยผิวใหม่เนียนนุ่ม โห.. ยังกะโฆษณาหลอกหญิงในทีวีเลย
   ตกเย็นเริ่มวางแผนการชั่วร้าย กลางคืนเติมคาร์โบไฮเดรตเพียบ กิน Pretzel กับองุ่นสดเข้าไปเยอะเลย พรุ่งนี้เช้าเรามีนัดกัน 
« Last Edit: June 01, 2009, 02:57:01 pm by O'Pern »
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52
« Reply #1 on: May 04, 2009, 04:15:27 pm »
3 พฤษ 52
   ชีวิตมันเบื่อๆ ครับ เลยหาสิ่งท้าทาย เช้านี้ขอตัวตัวไม่ดี ออกปั่นในสถานที่ห้ามนำจักรยานเข้า
   ผมไปปั่นบนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวรพระประแดงครับ สะพานนี้ลักษณะเหมือนดาวสามแฉกของรถยนต์ Mercedes Benz ด้านหนึ่งอยู่บนถนนสุขสวัสดิ์ จังหวัดสมุทรปราการ อีกด้านจะเป็นถนนพระราม 3 กรุงเทพฯ ส่วนทิศสุดท้ายจะลงไปที่ถนนปู่เจ้าสมิงพราย จังหวัดสมุทรปราการ
   ผมเริ่มที่สุขสวัสดิ์ครับ ขึ้นปุ๊บก็ไต่ขึ้นเนินลาดยาวไปยังสะพานข้ามแม่น้ำ จากนั้นเลือกไปลงปู่เจ้าสมิงพราย พอลงปุ๊บก็กลับรถเลยครับ ขึ้นใหม่อีกรอบ ไต่เนินยาวๆ ข้ามแม่น้ำอีกครั้ง คราวนี้เลือกไปลงพระราม 3 พอลงถึงพื้นราบก็กลับรถทันที ย้อนกลับมายังสุขสวัสดิ์ เป็นอันเสร็จสิ้น
   ได้ไต่ขึ้น 3 เนิน ไหลลงอีก 3 เนิน สนุกดีนะ อากาศดีมาก วิวสวยสุดยอด เสียอย่างเดียวคือเขาห้ามจักรยานขึ้น
   สะพานแห่งนี้เขาห้ามมอเตอร์ไซค์ ห้ามจักรยาน ห้ามรถเข็น ห้ามคนเดิน รู้สึกตื่นเต้นดี วิวสวยงามมาก อากาศเย็นสบาย ผมออกปั่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เสียดายตรงที่เนินลาดขึ้นนั้นไม่ได้ชันเหมือนกับที่ตาเห็นเลย ผมปั่นขึ้นได้ด้วยจานหน้าใบกลางแบบสบายๆ เนินสูงจริงแต่ไม่ชันเลย เป็นการออกแบบได้ดีมากๆ เพราะถ้าชันเหมือนสะพานพระราม 9 ผมว่าจะต้องทำให้รถบรรทุกของหนักไต่ลำบากแน่ แถมจะเป็นปัญหาเรื่องการจราจรตามมาอีก
   มื้อเช้าวันนี้ของผมเป็นติ่มซำครับ มีซาลาเปา มีขนมจีบ ฮะเก๋า มีเกาลั้ดคั่วอีกด้วย บรรยากาศเหมือนอยู่ฮ่องกงเลย ขาดโจ๊กไป ไม่งั้นเหมือนเป๊ะ
   เออ จะว่าไปแล้วฮ่องกงนี้ก็มีทางจักรยานสวยๆ เหมือนกันนะ เขาทำทางอยู่นอกเมือง ปั่นเลาะเกาะไปจรดชายทะเลเลย คุ้นๆ ว่ายาวถึง 200 กม ชาวเสือหมอบเห็นแล้วคงน้ำลายไหล
   ผมคงหยุดทริปต่างประเทศไว้สักพัก (แต่ยังไงเรื่องงานนี้คงจะเลี่ยงลำบาก) ระยะนี้โลกป่วนด้วยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ อยู่บ้านเราจะดีที่สุด ตอนกลับจากญี่ปุ่นคิดว่าอาจจะไปต่อที่สิงคโปร์กับพวก “กบ”เก็บสถานที่สวยๆ ที่ยังไม่เคยไปอีกมาก เที่ยวไทยใช้เงินน้อยกว่า สบายใจกว่า สถานที่ๆ ผมเล็งไว้นาน แถมใกล้ แต่ยังไม่เคยไปคือเกาะเสม็ดและเกาะสีชัง
   กลางวันกินส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง อาหารคลาสสิคของชาวจักรยาน กินแป้งเยอะๆ แล้วง่วงนอนดีจัง ยิ่งตอนเช้าออกกำลังกายมาด้วย ทำเอาบ่ายนี้อยากหลับเสียให้ได้
   ช่วงเย็นตรวจเช็ครถ พบว่าล้อหน้าคลอนนิดๆ ไขดุมปลดไม่แน่น ไม่ใช่ความผิดของอุปกรณ์ แต่เป็นฝีมือผมเอง กลัวไขแน่นเกินไปแล้วมันจะบีบดุมล้อจนฝืด อาการคอหลวมยังมีอยู่บ่อยๆ ก่อนออกรถก็เอามือหมุนให้แน่นเข้าสักนิดก็ใช้ได้ แต่ถ้าจะแก้ให้ตรงจุดก็ต้องใช้เครื่องมือไข อย่างที่บอกแหละครับ ผมกลัวมันสีถลอก เลยยังไม่ได้ไข ชุดคอและนอคล็อคของผมสีดำครับ
   ตรวจเช็คลมยางดู พบกว่าลดลงมาเหลือที่ 60 อีกแล้ว เช็คทีไรเหลือ 60 ทุกที สรุปเอาเองว่า หากเติมเต็ม 100 มันจะค่อยๆ ลดลงเรื่อย ๆพอจนถึง 60 มันจะลดลงช้าแล้ว
   ผมอัดเข้าไปจนเต็ม 100 ตามสเปคสูงสุดที่ยางนอกรับได้ ดีนะที่อยู่ในบ้าน มี Floor Pump เพราะถ้าอยู่นอกบ้านก็คงต้องพึ่งบริการปั๊มน้ำมันแน่ๆ เพราะสูบมือคงทำได้แค่แรงดันระดับปานกลาง แค่พอขี่ได้ อัดด้วยมือเข้าไปไม่ถึง 100 psi แน่ๆ
   
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52
« Reply #2 on: May 04, 2009, 05:41:49 pm »
4 พฤษ 52
   ผมเกิดความผิดปกติในจิตใจครับ น่าจะเกิดจากความเครียด ทำให้ผมกินเยอะ อยากกินโน่นกินนี่ทั้งๆ ที่ไม่ได้หิวอะไรเลย หลายคนเป็นแบบผมครับ มีเรื่องไม่สบายใจแล้วมักจะกินๆ ๆ ผมวิเคราะห์สภาพร่างกายและจิตใจตัวเองเป็นประจำ หากเกิดเรื่องผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องรีบแก้ไข
   ในใจผมยังรู้สึกเสี่ยดายกับการที่ไม่ได้ขึ้นเขา Tateyama แม้จะกลับมาหลายวันแล้วแต่มันยังคิดถึงอยู่ดี เพราะเป็นความฝัน แถมปีหนึ่งเขาเปิดแค่ 2 เดือน พลาดแล้วก็ต้องรอปีหน้าโน่นเลย แต่จะได้ไปหรือเปล่าก็ยังไม่รู้
   ก็ต้องรู้จักปล่อยวางครับ คิดถึงภูเขาลูกอื่นๆ ที่มีอีกตั้งเยอะแยะที่เรายังไม่เคยขึ้น คิดถึงวันที่โดนพายุหิมะซัดถล่ม ได้เห็นได้เล่นหิมะทั้งๆ ที่อยู่นอกฤดูหนาวไปแล้วแทน คิดถึงแต่เรื่องดีๆ สนุกๆ แทน
   เช้านี้จึงเริ่มฟิตร่างกายจริงจังอีกครั้ง ประเดิมด้วยการวิ่ง 10 กม ทานอาหารอย่างดีคือผัดผักกับเห็ด ตั้งเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนักร่างกายลงมาให้ได้ตามที่คิดไว้ แต่ยังไม่รู้เหมือนกันครับว่าหากลดได้แล้วจะให้อะไรเป็นรางวัลตัวเองดี
   มันต้องมีรางวัลนะ ต้องมีแรงจูงใจ เล็กๆ น้อยๆ พวกนี้จะทำให้เราเกิดความมุ่งมั่น เหมือนบริษัทเขาให้โบนัสพนักงานอะไรทำนองนั้นแหละ
   ผมอยากได้รางวัลเป็นทริปยุโรป อเมริกา หรือนิวซีแลนด์สักทริปนะ ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ แต่หากมีใครมาชวนล่ะก็ เป็นได้เห็นดีกัน ยิ่งถ้าได้ที่พักฟรีหรือแบบนอนเต้นท์จะยิ่งสุดยอดมาก ของโปรดเลย
   เล่นไปเล่นมา กลายเป็นว่าค่าทริปแพงกว่าค่าจักรยานเสียอีก
   บ่ายมีออเดอร์จักรยาน 250 คัน มาแบบฟ้าผ่า รีบโยนไปทางญี่ปุ่นแบบฟ้าฝ่าเช่นกัน แต่แหม นึกถึงล็อตที่แล้วยังเซ็งไม่หาย มีมาแต่แม่บ้านล้วนๆ เล้ยย ไม่เข้าสเปคผมสักคัน โชคดีมีมาแค่ 48 คัน
   งวดนี้เลยมีการติว แต่อย่างว่าแหละ ฝากให้คนอื่นหาให้ มันคนละเรื่องกับเราไปหาเอง
   มื้อเย็นกินน้ำเต้าหู้ ถั่วอัลมอนอบราว 2 กำมือ มี่ขนมปังกรอบๆ เคี้ยวด้วยอีกนิดหน่อย
   ปกติช่วงเย็นผมตรวจเช็คจักรยาน แต่วันนี้ตรวจเช็ครองเท้าวิ่ง พบว่าพื้นเริ่มร่อน เดิมเป็นรองเท้าวิ่งคู่เก่าของพ่อ พ่อวิ่งทุกวันครับ ใช้รองเท้าวิ่งปีละ 3 คู่ คู่ไหนส้นสึกเริ่มเอียงก็จะเปลี่ยน ผมเห็นสภาพยังสวยก็เอามาใช้ต่อ
ปั่นจักรยานนั้นสนุกกว่าครับ แต่วิ่งมันลดน้ำหนักได้เร็วกว่าเช่นกัน เรียกว่าเหนื่อยมากกว่าในเวลาเท่ากัน อยากลดลงอีกสัก 5 กก แต่เป็น 5 ที่สุดแสนสาหัส
เพราะปัจจุบันนี้มันลดลงมาจากเดิมไปแล้ว 5 กก 
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52
« Reply #3 on: May 06, 2009, 05:43:09 pm »
5 พฤษ 52
   วันฉัตรมงคล เป็นวันหยุด ตามปกติผมจะเอาจักรยานออก เพราะรถยนต์น้อย ปั่นสะดวกดี แต่วันนี้ผมวิ่งแทน วิ่งไป 10 กม แปลกที่ตื่นมาแล้วไม่เจ็บขาเท่าไหร่ ปกติจะเจ็บต้นขาจนต้อนเดินกะเผลกๆ ช่วงหลังตื่นนอนใหม่ๆ
   สงสัยที่ไม่เจ็บเพราะผม Cool Down แบบใหม่ ด้วยการเดินถอยหลัง ตามปกติจะ Cool Down ด้วยการเดินธรรมดา บ้างก็ยืดเส้น แต่เมื่อวานเดินถอยหลังราว 200 เมตร ตื่นมาวันนี้รู้สึกดี เช้านี้พอวิ่งเสร็จเลยเดินถอยหลังไปอีก 500 เมตร ถ้าพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วไม่เจ็บขา คือมันเวิร์คชัวร์
   ตลอดวันผมรู้สึกอ่อนเพลีย สงสัยจะกินน้อย มื้อเช้าเป็นน้ำเต้าหู้ กลางวันเติมของหนักหน่อยเป็นเส้นหมี่ราดหน้า เส้นน้อยๆ ผักเพียบๆ
   วันนี้เบื่อๆ ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน สมองไม่ค่อยแล่น รู้สึกตัวเองเชื่องช้า

6 พฤษ 52
   วิ่งติดกันสองมาสองวัน เช้านี้โรคขี้เกียจกำเริบครับ นาฬิกาชีวิตปลุกตามเวลาเดิมทุกวันราวตี 4 กว่า แต่ร่างกายมันบอกขอนอนต่ออีกหน่อย มาตื่นอีกทีก็ฟ้าสว่างแล้วราวๆ 0530 เลยกลายเป็นว่าไม่ได้ทั้งวิ่งและปั่นจักรยาน มีข้ออ้างแบบเข้าข้างตัวเองว่าขอพักขาหน่อยนะ (แม้ว่าขาจะไม่เจ็บมากก็ตามที)
   มื้อเช้าวันนี้บำรุงร่างกายด้วยข้าวผัดข้าวกล้องใส่ผักเยอะๆ  ทานกับไข่เจียว 2 ฟอง แยกไข่แดงออก 1 ฟอง ใกล้เที่ยงมีน้ำเต้าหู้อีก 1 ถุง 
   ตอนสาย “กรม” โทรมาชวนไปสิงคโปร์อีกรอบ เล่นเอาผมเขวไปเยอะ ใจตะหงิดๆ จะไปกับเขาด้วยนะเนี่ยะ แต่เขาเดินทางกันพรุ่งนี้แล้ว เขามีตั๋วกันหมดแล้ว ผมสิยังไม่มีอะไรสักอย่าง จะไปหาซื้อหน้าเคาเตอร์แบบใน Amazing Race ไม่รู้จะต้องนั่งรอกันข้ามคืน หรือว่าได้บินทันทีก็ไม่รู้
   คงส่งใจไปแทนแหละครับ อิจฉาแต่ไม่ริษยา ขอให้เพื่อนทั้ง “กบ” และ “กรม” รวมถึงผู้ร่วมเดินทางทุกท่านเดินทางโดยปลอดภัยและท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานครับ
   แต่บอกได้เลยนะว่า งวดหน้าผมไม่พลาด ไอ้พวกบ้านฟรี พักฟรี แบบนี้หายาก
   แม้ไม่ได้ไปกับพวกเขา แต่ผมก็แอบวางแผนของตัวเองเอาไว้ครับ เผื่อได้ไปงวดหน้าจะขอปั่นตั้งแต่สนามบินชางฮีเข้าตัวเมืองมันซะเลย (สำหรับไฟล์ทกลางวันนะ) หากเจอไฟล์ทกลางคืนก็ต้องเป็นอีกแผน เพราะมืด ไม่คุ้นเส้นทาง หากไม่มีเจ้าถิ่นนำปั่นแล้วผมขอยอมแพ้ แต่ถ้าจะให้สบายก็นั่ง MRT เข้าตัวเมืองได้เลย สบายๆ
   ผมว่าหากจะให้สนุก ปั่นกันให้มันส์ระเบิด ต้องออกจากไทยแต่เช้าตรู่ครับ (ไม่รู้จะมีไฟล์ทไหม) ถึงโน่นก็ออกปั่นไล่จากนอกเมืองเข้ามาเลย ตรงไหนสวย ตรงไหนสบายก็จอดแวะกันตามสะดวก เข้าเมืองถึงที่พักก็เที่ยงๆ บ่ายๆ อากาศร้อนก็อาบน้ำกันพักผ่อนสบายๆ ช่วงเย็นเอาจักรยานออกตะลอนอีกรอบ โห แค่คิดก็สุขแล้ว
   ผมไม่รู้ว่าบ้านเพื่อนของกรมเขาอยู่เมืองไหน ถ้ารู้ก็จะยิ่งช่วยวางแผนปั่นเที่ยวได้ละเอียดยิ่งขึ้น แต่ถ้าให้ผมวางเส้นทาง ผมจะเน้นแต่นอกเมืองครับ ไปตามเกาะเล็กเกาะน้อยที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยได้ไปกัน ไหนๆ ใครว่าสิงคโปร์เล็กนิดเดียว เดินวันเดียวก็ทั่ว ผมจะเอารูปแบบ Unseen Singapore มาฝาก
   อาหารกลางวันของผมวันนี้เป็นสัปปะรด ถั่วต้ม สัปปะรดนี้ประโยชน์ของมันอยู่ที่แกนกลางนะครับ คนทั่วไปส่วนใหญ่เอาแกนทิ้ง เอาไปทำอาหารสัตว์ซะ กินแต่เนื้อหวานฉ่ำอร่อยดีก็จริง แต่ถ้าได้แกนกลางด้วยก็จะดีกว่ามาก
   เดินไปเดินมาหิว หาของกินเป็นขนมที่ซื้อกลับมาจากญี่ปุ่น ผมไม่ซื้อของแพงหรอกครับ ขนมนี้ซื้อจากร้าน 100 เยน ดูรูปร่างเหมือนกูลิโกะป๊อกกี้เป๊ะเลย ลองกินดูพบว่าช็อคโกแลตอร่อยกว่าป๊อกกี้นิดเดียวเอง แต่ราคาแพงกันป๊อกกี้ไทยหนึ่งเท่าตัว
   อ่านเวปเพลินๆ หยิบกินไปจนหมดกล่องเลย !!!
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52
« Reply #4 on: May 08, 2009, 05:48:56 pm »
7 พฤษ 52
   ปั่นขำๆ แถวบ้านไปแค่ 10 กม เหงื่อซึมนิดๆ ปั่นจักรยานเหนื่อยน้อยกว่าวิ่งมาก แถมไปได้ไกลกว่า ไปนอกสถานที่ได้มากกว่า แน่นอนว่าผมรู้สึกสนุกกว่าวิ่งอย่างมาก
   แต่เช้านี้ออกปั่นด้วยชุดอยู่บ้าน รองเท้าแตะ ไม่ใส่หมวก ปั่นช้าๆ แรกๆ ก็โอเค แต่พอถึงสักครึ่งทางหรือพอจะทำความเร็วผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยคล่องตัว ไม่กระฉับกระเฉง ผมคุ้นกับการแต่งตัวให้รัดกุมมากกว่า
   กลับมาบ้านได้อาหารเช้ามือใหญ่ ข้าวกล้องกับผัดกระเพราไก่ ไข่ดาว คลาสสิคสุดๆ แล้ว ช่วงนี้บางวันแดดไม่แรงมาก คิดอยากเอาจักรยานออกช่วงกลางวันเหมือนเมื่อก่อน
   เมื่อคืนผมโดนเรียกตัวให้เข้าประชุมด่วนในวันพรุ่งนี้ (ศุกร์) เล่นเอาตั้งตัวไม่ติด คิดไปพลางว่าหากผมไปสิงคโปร์กับกรมและกบ แล้วเข้าประชุมไม่ได้จะเป็นอย่างไรกันนี่ ผมเป็นที่ปรึกษาธุรกิจขององค์กรเอกชนด้วยน่ะครับ เข้าประชุมก็ไปนั่งฟังๆ ขีดๆ เขียนๆ ความคิดทรรศนะลงในกระดาษ พอประชุมเสร็จก็เล่าความคิดของผมให้เขาฟังนอกรอบ
   บางช่วงมีประชุมหลายบริษัทในเวลาไล่เลี่ยกันครับ มีมึนๆ บ้างเหมือนกัน บางบริษัทเน้นธุรกิจพวกค้าขาย ในขณะที่บางแห่งเน้นบันเทิงและขายสื่อ แต่ถ้าเป็นพวกบริษัทรถยนต์นี่จะสนุกมาก เพราะใจเรามันรักมันชอบอยู่ด้วยไง ระยะหลังมีพวกจักรยานมาเสริมอีกด้วย เลยยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่
   
8 พฤษ 52
   วันวิสาขบูชา แต่ผมเข้าประชุมตั้งแต่เช้าจรดเย็น มีพักทานอาหารกลางวัน พักเบรกดื่มชากาแฟและขนม เบรกเติมความอ้วนกันไปทำไมก็ไม่รู้ สำหรับผมการเบรกคือการได้ไปเข้าห้องน้ำต่างหาก
   อาหารกลางวันเป็นแบบบุฟเฟ่ คนต่อคิวตักทานกันอย่างมากมายตามระเบียบ ผมมันคนไม่ชอบรอนาน เลยเลือกของทานในอีกเคาเตอร์หนึ่งที่เป็นพวกสลัด ของหวาน ไอศกรีม เค้ก อ้อ มีเคาเตอร์แยกออกมาอีกสองอัน อันแรกเป็นก๋วยเตี๋ยว อีกอันเป็นบริการของข้าวแช่
   ผมรีบไปที่ข้าวแช่ก่อนเพื่อนเลย ผมชอบทานครับ พนักงานจัดมาให้แบบจานใหญ่มาก หน้าตาน่าทาน ข้าวและน้ำหอมมาก แต่พอชิมกับแล้วต้องเปลี่ยนใจ ไม่อร่อยเลยสักอย่างครับ ไล่ชิมกับไปทุกอย่าง ก็ไม่เห็นอร่อยสักอย่าง เสียดายจริงๆ นี่ถ้าต้องซื้อกินนี้คงจะโมโหน่าดู สุดท้ายก็ทำหน้าอายๆ และดันเลื่อนจานออกจากตัวไป
   สไตล์การทานอาหารบุฟเฟ่ของผมจะเลือกทานอาหารที่ตัวเองไม่ค่อยได้กิน อาหารที่แปลก มีผักที่แปลกใหม่ หรือหาทานยากครับ จานแรกผมจะตักอย่างละแค่ชิ้นเดียว หรืออันไหนน่าทานหน่อยก็สักสองชิ้น จานแรกของผมจะหลากหลาย แต่ไม่พูนจาน หลังจากจานแรกหมดนี่แหละ เริ่มเมนคอร์สได้ ชิมแล้วชอบก็ตักซ้ำได้เลย จากนั้นก็จะปิดท้ายด้วยของหวานครับ ปกติผมไม่ค่อยทานอาหารหวาน แต่กับบุฟเฟ่นอกสถานที่แล้วผมขอลองของแปลกๆ บ้าง อย่างวันนี้ผมทานทาร์ตไข่ (แต่รสชาติไม่เหมือนของร้านดังที่ฮ่องกงเลย) มีเจลลี่ลำไย และกล้วยราดช็อคโกแลตวางบนคุ๊กกี้ช็อคโกแลต (ชิ้นเล็กๆ )
   เนื้อหาการสัมนาบรรยายเกี่ยวกับการขาย ไม่ตรงกับสายวิชาที่ผมเรียนมาเลยแม้แต่น้อย แต่นี่แหละที่สนุก เพราะเราจะได้รับรู้สิ่งแปลกใหม่หยิบเอาความรู้สาขาวิชาอื่นๆ มาใส่สมองบ้าง
   กลายเป็นว่าวันนี้หมดวันไปอย่างเรียบง่าย แต่ยังดีที่มีวิชาการความรู้เพิ่มเติมเข้ามาในหัวสมอง กลับบ้านผมรีบอ่านทบทวนเนื้อหาแบบคร่าวๆ ต้องทำแบบนี้ จะได้ไม่ลืม
   นึกถึงเพื่อนสองคน กบ กับ กรม เขาเดินทางถึงประเทศสิงคโปร์กันเมื่อคืนนี้แล้ว ป่านนี้คงจะโลดแล่นกันอย่างสนุกนาน คิดแล้วน่าอิจฉาจริงๆ  ไม่เป็นไร ผมจะเก็บความรู้สึกครั้งนี้ไว้
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52
« Reply #5 on: May 10, 2009, 03:22:18 pm »
9 พฤษ 52
   ผมไม่ได้ไปออกกำลังกายอีกแล้ว ไม่รู้ทำไม ไม่มีข้อแก้ตัว ผมขี้เกียจ
   บ่ายดูรายการทีวีเป็นรายการท่องเที่ยว เขาพาไปจังหวัดอุบลราชธานี ไปชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่สุดในจังหวัดตอนนี้ นั่นคือ “สามพันโบก”
   ผู้จุดประกายให้แก่แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้คือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยครับ เล่นเอาพี่เบิร์ดมาโฆษณา จากเดิมที่แทบจะไม่มีคนรู้จัก แต่ทุกวันนี้มากันให้เพียบทั้งไทยและต่างชาติ
   ผมเคยเห็นแต่ในภาพถ่ายครับ มาวันนี้ได้ชมของจริงโดยละเอียด เกิดอยากไปเที่ยวอีกแล้วสิ แต่จำชื่ออำเภอไม่ได้ จำได้แค่ว่าห่างจากอำเภอเมือง 128 กม คงจะใช้เวลาปั่นจักรยานราว 1 วัน เอาเป็นว่าหากออกเดินทางจากตัวเมืองแต่เช้า ช่วงบ่ายๆ ก็จะถึงสามพันโบก ไฮไลท์อยู่ที่การชมพระอาทิตย์ตกดินที่หาดทรายใกล้ๆ กัน แต่ถ้าเรามาถึงเร็ว ยังไม่เย็นนัก ก็ให้นั่งเรือทวนน้ำขึ้นไปสัก 20 นาที ถึงสถานที่ชื่อว่า “ปากบ้อง” เป็นจุดที่แม่น้ำโขงแคบที่สุด (นับเฉพาะช่วงที่ไหลผ่านไทย) ช่องนี้แคบราว 50-60 เมตร ต่างจากช่วงที่ไหลผ่านจังหวัดหนองคายซึ่งกว้างหลายกิโลเมตรเลย
   เอาอีกแล้วๆ อยากไปโน่นนี่อีกแล้ว
   มัวแต่อยากแล้วได้แต่คิดๆ ๆ มันไม่เวิร์คหรอกนะ ผมเองจะว่าไปก็ยังไม่มีประสพการณ์ในการเดินทางไกลด้วยจักรยานมาก่อนเลย หากจะให้ทำผมคงเริ่มจากเล็กไปใหญ่ จากใกล้สู่ไกล ทำสิ่งต่างๆ ให้มันเรียบง่าย นอกจากรถจักรยานที่พร้อมสมบูรณ์แล้ว ผมยังอยากได้เครื่อง GPS และวิทยุสื่อสารติดตัวไปด้วย
   เครื่องวิทยุสื่อสารผมเล็งไว้แล้ว แต่เครื่อง GPS นี่สิ ตัวที่ผมอยากได้ ชอบในหน้าตามัน ยังไม่เข้ามาขายในไทยเลย จะให้ซื้อรุ่นอื่นแทนก็ยังไม่มีที่ตรงสเปคในใจ 
   บนโต๊ะทำงานผมมีลูกโลกจำลองตั้งไว้ มองๆ ไปทุกวันมันก็อยากไปประเทศโน้นประเทศนี้ มองข้ามประเทศไทยของเราไปอยู่นาน เห็นทีจะต้องหาภาพแผนที่ประเทศไทยแผ่นใหญ่ๆ มาติดไว้บ้างเสียแล้ว
   ดูลูกโลกนานๆ ก็อยากปั่นรอบโลก ดูรูปประเทศไทยสักหน่อย เผื่อจะอยากปั่นรอบประเทศไทยบ้าง

10 พฤษ 52
   เมื่อคืนนอนแต่หัวค่ำ วางแผนอย่างดีว่าจะออกปั่นจักรยานแต่เช้า ตกดึกฝนเทลงมาอย่างหนัก แม้น้ำจะไม่ถึงกับท่วมขัง แต่มันเซ็งตั้งแต่กลางคืนแล้ว แถมนอนสบาย เล่นเอาไม่อยากลุก
   เป็นอันว่าไม่ได้ออกปั่น แต่ก็ออกกำลังกายด้วยการทำความสะอาดดาดฟ้าแทน บ้านของผมเป็นสองชั้นเล็กๆ มีดาดฟ้าเอาไว้นั่งเล่น โชคดีที่อยู่แถบชานเมือง และเข้าซอยมานิดหน่อย จึงพอจะได้เดินขึ้นไปรับลมบ้าง
   ตอนเด็กๆ บ้านที่ผมเกิดและอาศัยอยู่เป็นตึกแถวไม้ 2 ชั้นแคบๆ ครับ ห้องเล็กนิดเดียวนอนอัดกัน 5 คน บนเตียง 2 บนพื้นมีอีก 3 ผมเป็นหนึ่งใน 3 และนอนโดนเบียดอยู่ริมขาเตียงอยู่หลายปี
   ทุกวันนี้บ้านหลังเก่าโดนเวนคืนตัดถนนไปนานมากแล้ว ย้ายมาอยู่พระราม 2 ราว 30 ปี ถนนพระราม 2 ยุคแรกนี้สนุกมากครับ เพราะทางขนานเป็นการเดินรถแบบ 2 way (เหมือนกับถนนบางนา-ตราด ยุคก่อนๆ น่ะครับ) ขับรถยนต์ย้อนสวนกันได้อย่างอิสระ แต่ยุคก่อนโน้นรถยนต์มันน้อยมากๆ ครับ ไฟถนนยังไม่มีเลย ตกกลางคืนรถยนต์จะแล่นผ่านราวนาทีละ 2 คัน
   ผมสนุกสนานกับการปั่นจักรยานหน้าบ้านอย่างมาก ยุคผมเป็นรถแบบ BMX ครับ ผมเพิ่งจะได้ปั่นจักรยานก็ตอนย้ายมาอยู่พระราม 2 บางมดนี่แหละ ผมว่าจักรยานคือเครื่องมือสานฝันของเด็กผู้ชายนะ ปั่นแล้วเราได้อิสระ รู้สึกปลอดโปร่ง อารมณ์ดี มีความสุข ตอนเด็กผมรู้สึกแบบนั้น และปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นเดิมมาตลอด
   ผมจะมาแปลกกว่าคนอื่นนิดหน่อยตรงที่ผมเล่น BMX พร้อมๆ กับเล่นรถยนต์ครับ พอเลิกเรียนกลับถึงบ้านตอนเย็นก็จะเอารถยนต์ของพ่อออกไปขับเล่น 1 รอบ ระยะทางไม่มากครับ ราว 2 กม ครั้งแรกเลยก็ตอน ม2 อายุสัก 14 ปี แรกๆ ก็ขับอย่างเดียว แค่พอไม่ชนก็ถือว่าประสพความสำเร็จแล้ว พอนานเข้าก็เริ่มคุ้นเคยกับรถ เริ่มเพิ่มความเร็ว ไปสักพักก็เจอปัญหา เราจะควบคุมรถที่ความเร็วสูงให้ดีได้อย่างไร
   หลังจากขับรถยนต์เล่นเสร็จก็รีบเอาจักรยานออกทันที ท่าเด็ดสุดของ BMX ยุคแรกคือท่ายกล้อครับ ยกล้อหน้าแล้วปั่นนะ ไม่ได้เอามือจับล้อแล้วยก (ผมบอกรายละเอียดไว้ เผือเจอศรีธนนชัย)
   ไอ้ท่าเรียบง่ายนี่แหละ หัดกันหลายปีเลย แต่ก็ยังไม่เก่ง ยกได้อย่างมากก็แค่ 1 เสาไฟฟ้า นี้สุดๆ ของผมแล้วนะ ส่วนเพื่อนๆ ที่ปั่นด้วยกันเขานับกันเป็นสะพานๆ  คือมันไปได้ไกลมากๆไม่ตำกว่า 4-5 กม ขึ้นสะพานก็ไปได้ เจอคันกั้นรถก็ยังผ่านได้ ทางโค้งนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย ไอ้นี่สุดยอดมาก แถมถ้าเป็นช่วงทางตรงจะมีการปล่อยมือข้างเดียว และเด็ดกว่านั้นคือการปล่อยแฮนด์สองมือเลย (แต่เอามือข้างหนึ่งจับเฟรมท่อนบนไว้แทน) เจ๋งไหมเล่า
   ช่วงพีคสุดของ BMX สำหรับผมก็คือการเล่นกระดานโค้ง ฝรั่งเรียก Quarter Pipe ตอนนั้นอายุ 15 ปี ผมต่อกระดานโค้งนี้เองในบ้าน ทำกับเพื่อนอีกคน อายุเท่ากัน ต่อกันตามตำรา อ่านภาษาอังกฤษไม่ค่อยออก ก็เปิดพจนานุกรมกันไปทีละคำ อาศัยดูภาพแล้วทำตามเขา
   เวิร์คว่ะ แต่โดดแล้วเสียวชมัด ไปแถววรจักรไปร้านหลานหลวงพานิช ผมสั่งทำหมวกกันกระแทกแบบ Full Face มา 1 ใบ ใส่แล้วหนักฉิบเป๋ง แต่ก็ทนใส่ไปนะ ดีกว่ารอให้ล้มแล้วค่อยมาหาหมวกใส่ทีหลัง
   เล่นท่าผาดโผนต่างๆ จะใช้ทักษะด้านการเคลื่อนไหวและการจัดระเบียบร่างกายอย่างมาก ร่างกายและรถต้องแข็งแกร่ง ผิดพลาดไปก็คือเจ็บอย่างเดียว
   แน่นอน มีบางช่วงที่ผมเจ็บ พักการปั่นจักรยาน และมาขับรถยนต์แทน เล่นโลดโผนกับจักรยาน ก็เกิดอยากเล่นโลดโผนกับรถยนต์บ้าง ถ้าท่าง่ายสุดของจักรยานคือยกล้อ ท่าง่ายสุดของรถยนต์คือการดึงเบรกมือครับ
   ผมหัดดึงเบรกมืออยู่ไม่นานเลย ดึงเบรกมือมันง่ายกว่าการปั่นยกล้อไกลๆ มาก ผมดึงเบรกมือจนชนิดที่เรียกว่าสั่งได้ จะเอาแค่ 90 องศาเพื่อเลี้ยวเข้าซอยก็ทำได้ หรือจะเอาแบบกลับรถ 180 องศา ผมทำได้หมด
   สมัยก่อนการแข่งขันรถยนต์ที่ผมเห็นในทีวีมีแต่แบบ Rally โชคดีรถยนต์ที่ผมขับสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นแบบขับเคลื่อนล้อหลัง จึงทำโดนัทเลียนแบบเขาได้ ผมฝึกของผมเอง ไม่ได้ไปทำอวดใครหรอกนะ ยังคงเล่นอยู่แถวทางขนานหน้าบ้านที่ถนนเป็นทางลูกรัง แรกๆ ก็สนุกดี แต่พอทำได้มันก็หมดความท้าทาย ไม่เห็นจะสนุกกับการทำโดนัทสักนิด ดึงเบรกมือในรูปแบบต่างๆ ยังสนุกเสียกว่า
   พอแผลจากร่างกายหายดีก็กลับไปขี่จักรยานผาดโผนแบบเดิม การแข่ง BMX ยุคแรกจะเป็นแบบแข่ง Racing สนใจจะลงแข่งกับเขาบ้าง เลยเดินทางไปชมการแข่งยังสนามคลองจั้น ไกลโครตนะครับกับบ้านผม นั่งรถเมล์กันไปตามประสาเด็กๆ ยืนดูกลางแดดร้อนๆ เขาแบ่งรุ่นกันเป็นอายุๆ ผมต้องอยู่ในรุ่นไม่เกิน 18 ปี แต่ดูหน้าคู่แข่งแต่ละคนหนวดมันเฟิ้มเลย ตัวผมยังสูงแค่ไหล่พวกเขาเอง
   รูปแบบสนามเขามักจะลอกของฝรั่งมากัน มีเนินกระโดดใหญ่ เนินเล็ก โค้งแบบเอียงรับ และทางขรุขระแบบลูกระนาด (ไอ้อันหลังนี้ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำมาเพื่ออะไร ไม่ค่อยได้สร้างทักษะในชีวิตจริงเลย)
   ดูแล้วสนุก ตื่นเต้น แต่มันจบเร็วไปหน่อยครับ แข่งแป๊บเดียวเอง หมดรุ่นเสียแล้ว ของรางวัลก็แบบขำขำนะ ได้ยางตราอูฐคล้องคอ อีกมือถือถ้วยรางวัลสีทองๆ เท่ฉิบเป๋ง
   นิตยสารจักรยานสมัยก่อนนี้ผมซื้ออ่านประจำครับ ศึกษาสิ่งใดก็ต้องอ่านหนังสือ แต่นอกจากหนังสือไทยแล้ว ผมอ่านหนังสือของฝรั่งเขาด้วย เช่น BMX Puls, BMX Action สมัยก่อนเล่มละ 70 บาท ผมขอเงินพอไปซื้อที่ห้างเซ็นทรัลสีลม ต้องนานๆ ขอที ไม่งั้นโดนดุ เล่มหนึ่งผมอ่านกันทุกตัวอักษร อ่านทุกหน้า ราว 3 เดือนถึงจะอ่านจบสักเล่ม
   นิตยสารจักรยานเป็นหนังสือภาษาอังกฤษเล่มแรกที่ผมอยากอ่านตอนอายุ 15 ปี และเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอ่านหนังสือภาษาอังกฤษอีกหลายเล่ม ใช่เลย หนังสือรถยนต์ด้วย
   อ่านหนังสือจากต้นตำหรับแล้วไม่อยากอ่านหนังสือไทยเลยนะ เพราะของไทยมันมั่วมากๆ เช่นภาพโดดเนินภาพหนึ่งสวยๆ ของฝรั่งเขามีคำบรรยายอย่างดีว่าคนขี่เป็นใคร ทีมอะไร โดดที่สนามไหน แต่ของไทยเราเล่นพากย์ง่ายๆ ใต้ภาพว่า “มันส”
   มีเบรกของญี่ปุ่น ชื่อ Dia-Compe ผมก็อ่านว่า ได อะ คอม แต่ขอโทษหนังสือไทยเขาอ่านกันว่า ได คอม พี อันนี้โครตจะสุดตีนเลย เล่นเอาคุยกันไม่รู้เรื่องไปนาน
   พอเล่นรถยนต์หนักๆ ก็อ่านหนังสือรถยนต์บ้าง อันนี้มันยังมีพวกเรื่องราวทางช่าง ทางเทคนิคให้เราเรียนรู้บ้าง แต่หากเจอพวกหนังสือสไตล์หลอกเด็ก คือเน้นตกแต่ง อันนี้ส่วนใหญ่จะมั่วครับ หากไม่มั่วตรงๆ มันก็เฉไฉไปเรื่อย ยังดีที่สมัยก่อนยังไม่มีอินเทอร์เนท มันเลยขายได้ขายดี
   นิตยสารรถยนต์ของไทยที่ผมอ่านเล่มแรกชื่อ “นักเลงรถ” เล่มละ 25 บาท อ่านสนุกดี เพราะมีเรื่องช่างให้เราเรียนรู้ด้วย มีภาพรถแต่งให้ดูบ้าง ปนๆ กันไป
   แต่ไม่มีนิตยสารใดที่ผมอ่านประจำหรอกนะ นิตยสารน่ะเอาไว้อ่านเพื่อความบันเทิง หากอยากได้ความรู้ใส่หัวต้องอ่านหนังสือครับ ก่อนเลือกหนังสือใดอ่านก็ต้องดูว่าใครเป็นผู้เขียน ผู้แต่ง หรือผู้แปล ถ้าเป็นหนังสือของฝรั่ง ผมยกให้ Caroll Smith คนนี้มีหลายเล่ม ออกแต่ละเล่มก็เด่นไปคนละแบบ แต่ถ้าเป็นหนังสือของไทย ผมแนะนำให้อ่านพวกหนังสือช่าง ข้อเสียมีอย่างเดียวคือเนื้อหาบางตอนไม่ค่อยอัปเดท
   โห นี่ผมเล่าเรื่องอะไรมามากมายครับนี่ ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับจักรยานเลย
   กลางวันไปห้างดังใกล้บ้านอีกแล้ว ช่วงนี้ไปบ่อย ลูกเรียนพิเศษคณิตศาสตร์ที่นี่ เขาบอกว่าเรียนสนุกดี เห็นเขาชอบก็พลอยดีใจไปด้วย
   ผมชอบเดินแผนกแคมปิ้งและกีฬาครับ ดูอุปกรณ์ใหม่ๆ อย่างวันนี้ผมสนใจเต้นท์ของ Karana รุ่น Ultralight I ชอบตรงความเล็กเพรียว มีป้ายเขียนว่า Sale อยู่ด้วย เข้าไปถามราคา ปรากฏว่าดันเป็นรุ่นแพงที่สุดของเขาเลย ราคาเต็มหมื่นกว่าบาท!!! เป็นเต้นท์ขนาดเล็ก นอนได้คนเดียวเองนะครับนี่
   ผมเป็นคนตาถึงครับ ไปหยิบจับอะไร มันก็มักจะเป็นของแพงที่สุดตลอด เห็นรองเท้าวางอยู่มากมาย หากผมหยิบดูคู่ไหนล่ะก็ มักจะแพงระดับต้นๆ เลยมักได้แต่ดู ไม่ค่อยได้ซื้ออะไรสักอย่าง
   ส่วนของที่ซื้อ ก็มักจะมีโจทย์ไว้อยู่ในใจแล้ว เช่นผมต้องการเสื้อกันลมกันฝนแบบบางเบา พกพาง่าย วันนี้ไปเจอเข้าแล้ว แถมเป็นของไทยอีกด้วย พิมพ์ Made in Thailand ตัวโตๆ ชอบ ชอบมาก ผมชอบของไทยไง สีสันถูกใจ สไตล์ถูกกับฟังชั่น แถมลดราคาอีกด้วย เลยได้เสื้อกันลมกันฝนไว้ติดในกระเป๋าจักรยานตอนเดินทางไกล
   เป็นอันว่าอุปกรณ์การเดินทางเกือบครบแล้ว ผมเหลือเต้นท์เพียงอย่างเดียว (หากไม่รวม GPS และวิทยุสื่อสาร)
   บ่ายพาภรรยาและลูกทานอาหารแถวบ้าน เป็นร้านอาหารจีนชื่อดัง “ครัวเจ๊ง้อ” ได้กินอาหารทะเลสดๆ ทั้งกุ้ง ปลา ลูกทานนิดเดียว ผมกับภรรยาทานเยอะ อิ่มจนแน่นท้อง มื้อเย็นผมปล่อยวางละ
   รู้จัก “ใบแม่ย่านาง” กันไหมครับ ผมไม่รู้จักมาก่อนเลย กลับมาบ้านพบว่าแม่ผมทำน้ำใบแม่ย่านางคั้นเก็บไว้ให้ในตู้เย็น บอกให้ผมดื่ม จำสรรพคุณไม่ได้ แต่เขาว่ากันว่ามันดีต่อสุขภาพ เอาครับ อันไหนดีต่อร่างกายผมเอาหมด เพราะผมต้องใช้ร่างกายสานฝันอีกเยอะ ต้องทำให้ร่างกายแข็งแรงที่สุด แกร่งที่สุด น้ำอัดลมนี้เลิกมาเป็นสิบปีแล้ว เหล้า บุหรี่ไม่เคยสัมผัสอยู่แล้ว นอนแต่หัวค่ำ ตื่นแต่เช้า ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารดีๆ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
   มีอย่างเดียวที่ผมยังทำไม่ได้ก็คือหาอากาศบริสุทธิ์มาสูด ผมยังอยู่ในเมืองครับ จะมาอิจฉาเพื่อนที่อยู่ต่างจังหวัดต่างประเทศก็อีตรงนี้แหละ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52
« Reply #6 on: May 13, 2009, 04:25:10 pm »
11 พฤษ 52
   ฝนตกอีกแล้วจ้า แถมผสมด้วยโรคขี้เกียจ เลยไม่ได้ออกปั่นจักรยาน นี่เหงื่อไม่ออกมานานมากแล้วนะนี่
   
   อ่านตารางอัตราแลกเปลี่ยนเงินแล้วละเหี่ยใจ พอผมซื้อเงินประเทศไหน มันมักจะเป็นจุดที่สูงสุดทุกทีเลย ล่าสุดนี้ก็คือเงินเยน ตอนซื้อก็แพงสุดยอด แต่พอช่วงนี้มันกลับค่อยๆ ลดต่ำลงๆ
   บ้านผมมีเงินต่างประเทศหลายสกุลเก็บไว้ เผื่อไปไหนก็หยิบฉวยใช้ได้ทันท่วงที เงินพื้นฐานมีเตรียมไว้หมด เช่น Euro, US Dollars, เงินประเทศเพื่อนบ้านนี้สำคัญครับ ต้องมีไว้เช่น เงินฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี ล่าสุดมีญี่ปุ่นแถมมาอีกอัน เพราะปีนี้จะมีทริปญี่ปุ่นอีกครั้ง
   เช็คลิสต์อุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินทางก็เต็มไปหมดเลยครับ มีทั้งของจำเป็นและของที่อยากได้ ต้องค่อยๆ คัดออก ไม่งั้นต้องแบกเยอะเกินไป จะหนักมากๆ เช่นวิทยุสื่อสารนี้หนักมากเลย แต่มันใช้ประโยชน์ตอนขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล ถามหาร้านอาหารอร่อยๆ นี้คือจุดเด่น
   GPS ก็ค่อยๆ มองอยู่ด้วยนะ รุ่นที่เล็งไว้ยังไม่มา ก็รอไปก่อน เหลือเต้นท์อย่างเดียว เพราะถุงนอนมีแล้ว เสื้อกันฝนก็เพิ่งได้มาเมื่อวาน จะขาดก็กระเป๋าสำหรับใส่อุปกรณ์เสริมพวกนี้แหละครับ เมียงมองถุงแบบ Ocean Pack ไว้ เพราะกันน้ำได้ดี และมีสีเข้ากันกับกระเป๋า Pannier ของผมอีกด้วย
   ลองซ้อมจัดกระเป๋าดู โห ไม่น่าเชื่อ ของเยอะมากๆ ล้นกระเป๋า ทำไงดีวะนี่ รถผมมีแร็คหน้าหลัง ด้านหลังแขวนด้วย Pannier และมีกระเป๋าหลังอีกหนึ่งใบ แร็คหน้าโล่งๆ มีกระเป๋าเล็กๆ ใบเดียว
   Ocean Pack ดีตรงกันน้ำ และใส่ของได้จุ แต่ก็มีข้อเสียคือหยิบของเข้าออกยาก ค้นหาของลำบาก ไม่มีกระเป๋าด้านนอก
   
12 พฤษ 52
   ฝนตกทั้งวันเลย ตื่นมาเช้าก็จริง แต่ไม่ได้ออกกำลังกายสักนิดเดียว
   บ่ายผมไปห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ไปดูเต้นท์ครับ เจอพนักงานขายที่บริการและให้ข้อมูลอย่างดีมาก หยิบ แกะ รื้อ แคะ ออกมาดูจนหมด นี่ถ้าได้ที่กว้างหน่อยจะขอเขาลองกางดูเลย ที่ต้องดูละเอียดเพราะเป็นเต้นท์ราคาแพงมากครับ แถมนอนได้คนเดียว เด่นตรงกันน้ำได้เยอะมาก และมีน้ำหนักเบา สองจิตสองใจว่าจะซื้อดีไหมหนอ เพราะตอนนี้เขาลดราคาอยู่ด้วย คิดอยู่นาน ยังสรุปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเพราะมันแพง แต่กลายเป็นว่าซื้อมาแล้วจะได้ใช้อย่างคุ้มค่าไหม
   คิดไปเดินไปเจอเป้ของ Deuter เอาอีกแล้ว ติดใจอีกแล้ว ชอบรุ่นสำหรับจักรยานครับ มีที่แขวนหมวกแบบซ่อนเก็บได้ด้วย ชอบตรงนี้ เพราะไม่เกะกะ ที่ผ่านมามักจะเห็นฟังชั่นเก็บหมวกแบบเปิดเผยเลย ไม่ได้ซ่อนกันมิดชิดขนาดนี้ แถมด้านหลังเป้เป็นแบบ Air Contact อีกด้วย ผมเคยใช้เป้ลักษณะนี้มาก่อน ชอบตรงเป้ไม่แนบติดหลัง ไม่ถึงกับไม่ร้อนหรอกนะ ร้อนน่ะร้อนอยู่แล้ว แต่มันร้อนน้อยกว่ารุ่นอื่น
   เป้ก็ชอบครับ แต่เราจะซื้อของที่เราชอบทั้งหมดนั้นไม่ได้หรอก เราต้องคัดกรองเลือกเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ ก่อน ของถ้าได้ใช้ ต่อให้มันแพงแต่ถ้าได้ใช้งานเต็มที่ แบบนี้ถือว่าใช้คุ้มค่า ในทางกลับกันหากได้ของถูกๆ มา แต่ซื้อมาเก็บ ไม่เคยหยิบออกมาใช้เลย แบบนี้ผมจะเสียดายเงินยิ่งกว่า
   บ่ายผมมีประชุม เสร็จเอาตอนเย็น รีบกลับบ้านมาหาลูก ลูกอยู่บ้านคนเดียว พอถึงบ้านเขาบอกว่า วันนี้เขารู้สึกเหงาที่สุดเลย
   กลางคืนมีเพื่อนจากเวป thaimtb.com โทรมาคุยหารือเรื่องจักรยาน เขาอยากได้จักรยานพับสักคันไว้ขี่เล่นใกล้ๆ บ้าน เขามองรถของ Yeah ไว้ ก็ถือว่าเป็นรถที่ใช้ได้เลย อุปกรณ์มาตรฐานเกรดปานกลาง เรียกได้ว่าสมราคา แต่ท่านนี้เขาลองปั่น Mu มาแล้วรู้สึกติดใจ ฮ่าๆ แหงล่ะ รถคนละเกรดกันครับ
   กลายเป็นว่าสุดท้ายผมแนะนำ Java Mini ให้แก่เขาไป เพราะทุกวันเขามีจักรยานแบบ Full Size ไว้ใช้งานอยู่แล้ว ต้องการรถพับเอาไว้ปั่นไปสระว่ายน้ำระยะทางสัก 3 กม ที่สำคัญคือเขาไม่เคยจะได้ใช้ฟังชั่นการพับของจักรยานเลย
   หากไม่ได้พับ โปรดอย่าซื้อรถพับครับ เพราะมันขี่ไม่ได้ดีไปกว่ารถใหญ่เลย แถมหนักกว่า แพงกว่า
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52
« Reply #7 on: May 15, 2009, 01:43:19 pm »
13 พฤษ 52
   ฝนตกหนักแบบสุดยอด เลยมีโอกาสทดสอบเสื้อกันฝนตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมา เออ ใส่สบายดีเหมือนกันแฮะ เพราะไม่ร้อนอบอ้าว แต่กันฝนได้ดี เสื้อกันฝนตัวนี้มีจุดเด่นหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่เนื้อผ้าเบาสบาย ซิบมีซีลยางกันน้ำตลอดแนว มีซิบระบายอากาศบริเวณข้างลำตัวด้วย ที่ชอบอีกอย่างคือมีลวดแข็งๆ ดามด้านบนของผ้าคลุมหัว (Hood) ตามปกติหากฝนตกหนักๆ ด้านหน้าของฮูดจะโดนกดลู่ลงมาแนบกับหน้าผาก ทำให้น้ำฝนไหลเข้าหน้าเข้าตา การที่มีของแข็งมาดาม ทำให้ด้านหน้าของฮูดแข็งเป็นทรงมากขึ้นคล้ายแก๊ปหมวก กันน้ำฝนได้ดีกว่าเดิม ไม่หยดเข้าหน้าเข้าตา
   ผมสงสัยในการทำงานของเนื้อผ้าเขานะ ทำได้อย่างไรที่กันน้ำเข้า แต่ให้ระบายอากาศจากด้านในได้ด้วย แปลกดี ชอบตรงใส่แล้วสบายตัว ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ผมเลยจับยัดใส่เป้พกติดตัวประจำ เป็นการซ้อมการใช้งานไปในตัว
   มีจุดไม่ชอบอย่างหนึ่งตรงที่เนื้อผ้าด้านในจับดูคล้ายๆ กับยางบางๆ ดูแล้วไม่น่าจะใส่สบาย เหงื่อออกน่าจะเหนียวเหนะหนะ (แต่เอาเข้าจริงใส่แล้วก็ไม่ร้อนนะ)
   บ่ายๆ “พี่ภูมิ” โทรมาคุยเรื่องการจัดงาน Car Free Day ของปี 09 นี้ งานจะจัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายนครับ ยังไม่สรุปเรื่องสถานที่ แต่เท่าที่ดูในลิสต์ หากเป็นไปตามแผน บอกได้เลยครับว่าทำเลสุดยอดเหลือเกิน
   งาน Car Free Day เป็นงานใหญ่ของชาวจักรยานครับ วันนี้จะมีผู้ใหญ่มากมายที่ทำตัวราวกับว่ารักจักรยานกันเหลือเกิน เห็นแล้วอยากจะอ๊วกในความเสแสร้ง แต่มันไม่เดือดร้อนใคร จะเสแสร้งสร้างภาพเท่าไหร่ก็ทำกันไปตามสะดวก
   คนจะรักจักรยานจริงนี้ดูไม่ยากเลยครับ ดูที่ผลงานของเขานั่นแหละ นี่คือภาพสะท้อนตัวตนของเขาที่แท้จริงออกมา
   ตกเย็นลูกบอกอยากกินพิซซ่าครับ วันนี้มันมาแนวหรู ปกติจะกินข้าวกันที่บ้าน มักจะเป็นผัก เป็นปลา บ้างก็น้ำแกง ทานกับข้าวกล้อง ก็เลยหยวนๆ เกิดมาเพิ่งจะร้องบอกอยากกินพิซ่านี่แหละ ก็เลยพาเขาไปสักหน่อย
   โทรหาภรรยา เขาเลิกงานพอดี เลยนัดไปเจอกันที่ร้านอาหาร ลูกกับภรรยากินกันสนุกครับ ส่วนผมไม่ค่อยคุ้นกับอาหารมื้อเย็น แถมเป็นอาหารแบบแป้งเยอะมากๆ อีกด้วย เล่นเอาทำใจลำบาก แต่ก็กินนะครับ อร่อยดีเหมือนกัน เน้นผักสลัดเยอะๆ หน่อย
   กลับมาบ้านแน่นท้องมากครับ ไม่เคยกินแบบแป้งเยอะๆ ล้วนๆ ขนาดนี้มาหลายปี คิดแล้วสยอง ตอนเราต้องมาวิ่ง ต้องปั่นจักรยาน เพื่อลดไขมันส่วนเกินทีมันเพิ่มพูนขึ้นมา ตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่นมาจนถึงวันนี้เพิ่งจะลดลงไปได้แค่กิโลเดียวเอง
   ตลอดบ่ายนี้ฝนไม่ตกแล้วนะ เริ่มเห็นมีแสงแดดส่องมาบ้าง ไม่รู้จะปล่อยให้ผมดีใจได้นานสักเท่าไร 

14 พฤษ 52
    มื้อเย็นเมื่อวานทานเยอะจัด แถมเป็นแป้งจำนวนมาก ไม่คุ้นเคยอย่างแรง ตกดึกผมฝันเลยครับ ตามปกติผมเป็นคนที่นอนแล้วแทบจะไม่เคยฝันเลย และถึงแม้จะมีฝันบ้าง แต่ก็เป็นแค่ฝันสั้นๆ ผิดกับเมื่อคืน ฝันยาวเป็นเรื่องเป็นราว ผมจะเล่าให้อ่าน
   ผมขับรถยนต์ไปแถวจรัลสนิทวงศ์ และต้องการทะลุทางลัดไปยังถนนพรานนก ตอนเลี้ยวเข้าทางลัดก็ดูคุ้นตาดี ขับไปสักพักถนนยิ่งแคบลงๆ จนกลายเป็นว่าผมขับอยู่บนทางปูนแคบๆ พอดีคันรถ และที่สุดทางปูนนั้นลักษณะเหมือนทางขาด เดินออกจากรถไปดู พบว่าถนนหักลงเป็นทางชั้นราว 80 องศา เฮ้ยย มันแทบจะตั้งฉากเลยนะนี่ แต่ระยะไม่สูงมากนักแค่ราวตึก 1 ชั้นกว่าๆ ที่ชั้นล่างเห็นรถคันหนึ่งเพิ่งไต่ลงไปถึงพื้น พื้นล่างเป็นลักษณะเหมือนตลาดสดในต่างจังหวัด ขายกันบนพื้นลูกรัง
   ผมยืนอยู่บนทางปูน แม้ค้าด้านล่างตะโกนบอกว่า ลงมาได้เลย ลงมาเลย อะไรทำนองนั้น ผมไม่เอา ลงไปได้ไง แค่หย่อนล้อหน้าลงไปก็ติดท้องแล้ว จอดรถคิดอยู่นาน ดีที่ด้านหลังไม่มีรถตามมาสักคัน
   เดินไปเดินมาอยู่นอกรถ แล้วผมก็เผลอหลับไปบนขอบราวทางปูน (ขอบราวยกตัวขึ้นคล้ายราวสะพาน) ตื่นมาอีกทีก็รีบมองหารถจักรยานตัวเองเป็นรถ MTB HT KHS (ซึ่งผมเอามาขี่ตอนไหนก็ไม่รู้) เดินไปจนเจอ พบว่ารถตัวเองยังอยู่แต่โดนถอดล้อหน้าหลังไป แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ เฮ้ย มันไม่ใช่รถผมนี่หว่า แค่เฟรมยี่ห้อเดียวกัน สีเดียวกันเฉยๆ ใกล้ๆ กันแถวนั้นก็มี MTB จอดอยู่หลายคัน ทุกคนล้วนไม่มีล้อกันหมด
   ไต่ลงทางปูนลงไปด้านล่างพบว่ามีบรรยากาศคล้ายตลาดอัมพวา มีข้าวของขายกันเยอะแยะมาก เจอกลุ่มชาวจักรยานกลุ่มใหญ่ มีคนหนึ่งพูดภาษามือ ผมถามเขาว่าเห็นจักรยานของผมไหม เขาบอกเห็นเฟรมตัวหนึ่งวางอยู่ใต้สะพาน เดินไปดูพบว่าเป็นเฟรมของผมเอง แต่โดนกระดาษทรายขัดเตรียมจะพ่นสีใหม่ทับ (เฟรมผมสีไทเทเนียม) หยิบออกมาดูน้ำตาซึม ตอนขี่ใช้งานอยู่ก็ไม่เคยแสดงความรักอะไรกับมัน แทบไม่เคยล้างทำความสะอาดเลย แต่พอตอนนี้รู้สึกเศร้าใจอย่างมาก
   เดินหิ้วเฟรมขึ้นรถยนต์ที่จอดสุดทางปูน ผมเร่งเครื่องถอยหลังรถอย่างเร็ว หมุนรถกลับหลัง 180 องศา (J Turn) ล้อหน้าตกลงไปจากขอบปูนทำให้รถหมุนสะบัดกลับอย่างแรง จนผมสามารถกลับตัวได้ และขับรถออกมาจากซอยนั้น    จบ
   โห เป็นไปได้นะคนเรา แค่กินอิ่ม กินเยอะ เล่นเอาฝันเป็นตุเป็นตะ แต่ก็ทำเอาผมต้องไปลูบๆ คลำๆ รถ KHS คันที่เข้าฝันอยู่นาน
   เช้าเปิดดูข่าวทีวี พบข่าวเศร้า เป็นนักเดินทาง Backpacker หญิงจากอังกฤษ เขาไปที่อยุธยา กำลังเดินหาห้องพัก เจอชายหญิงวัยเข้ามาคุยและพาหาที่พัก แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าพอนักท่องเที่ยวเผลอ สองคนนี้ใช้กุญแจผีไขเข้าไปขโมยข้าวของซะเกลี้ยง
   ที่เหี้ยกว่านั้นคือ เผาทำลายเอกสารของนักเดินทางคนนี้จนเหลือแต่ซาก ทั้งพาสปอร์ท และที่สุดๆ คือไดอารี
   สำหรับนักเดินทางแล้ว ผมถือว่าไดอารีนี้คือว่าเป็นของที่รักที่สุดเลยก็ว่าได้ ต้องเก็บอย่างดี เพราะใช้มันจดบันทึกความทรงจำ จดเรื่องราวต่างๆ ไดอารีของผมจะติดภาพลงไปด้วยซ้ำ ทำเป็นหนังสือเดินทางของทริปนั้นๆ
   ดูข่าวแล้วน้ำตาคลอเลย สงสารเขาอย่างมาก ผมอยากให้ที่พักแก่เขาหากเขาต้องการ อยากให้เขารู้ว่าแม้คุณต้องไปเจอคนไทยแย่ๆ แต่ก็มีคนไทยอีกจำนวนมากกว่าที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
   ผมมีบ้านพักในกรุงเทพฯ มีห้องพักให้เช่าใกล้สะพานพุทธ มีบ้านพักริมทะเลที่หาดแม่รำพึง จ ระยอง มีบ้านพักบนเนินเขาที่ มวกเหล็ก สระบุรี หากใครติดต่อนักท่องเที่ยวคนนี้ได้ ช่วยผมที ผมอยากบอกเขาว่า คุณสามารถพักที่บ้านผมหลังใดก็ได้ นานแค่ไหนก็ได้ จนกว่าคุณจะพอใจ จะไปๆ มาๆ กี่เที่ยวก็ยังได้ มาได้ฟรีตลอดชีวิตของคุณ
   แค่อยากไถ่บาปแทนคนไทยแย่ๆ แค่ไม่อยากให้นักท่องเที่ยวเสียแรงใจที่มาไทย
   ผมเองก็เป็นนักเดินทางครับ เราเข้าใจความรู้สึกเดียวกันนี้เป็นอย่างดี ใจแว๊บหนึ่งคิดจะขับรถไปอยุธยา ไปหานักท่องเทียวคนนี้ แต่ไม่รู้ว่าเขาไปแจ้งความที่ สน ไหน อำเภออะไร
   เมื่อคืนฝนตกหนักอีกแล้ว ดีที่ไม่มีพวกฟ้าร้องฟ้าผ่า เลยได้นอนเงียบๆ สบายๆ เย้ๆ เช้านี้ไม่ต้องไปออกกำลังกายอีกแล้ว ฮ่าๆ
   แต่กลายเป็นว่ามันคือมหกรรมลดน้ำหนักแทนครับ เราต้องรีบลดตอนมันเพิ่งขึ้น จะลดได้เร็ว ถ้าปล่อยไว้นานจะกลายเป็นอ้วนถาวร วันนี้ผมต้องไม่ทานคาร์โบไฮเดตรเลย แต่คงจะเลี่ยงคาร์โบไฮเดตรจากผลไม้ยากหน่อย ก็หยวนๆ ไป คือว่าได้ไฟเบอร์มาเป็นสารอาหารหลัก
   อีกวิธีหนึ่งที่เราสามารถลดพุงได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องขยับร่างกายเลยก็คือการแขม่วหน้าท้องครับ อันนี้สูตรของผมเอง แขม่วให้หน้าท้องแบนราบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้บ่อยเท่าที่นึกได้ แขม่วค้างไว้นานๆ ยิ่งดี (ไม่ทราบเหตุผลทางวิชาการนะ แต่ผมทำแล้วรู้สึกว่าร่างกายเพรียวขึ้นหน่อย)
   มื้อเช้าวันนี้ทานทอดมันปลาอินทรีย์ กับข้าวสวยราวครึ่งถ้วย (ข้าวของลูกที่กินเหลือ ผมเสียดายของ) มีน้ำเต้าหู้อีก 1 ถ้วย
   กลางวันเอาเสื้อกันฝนตัวเก่งที่เพิ่งซื้อมาไปเปลี่ยน เพราะพบว่าที่ตะเข็บซิปด้านในมีรอยปริแตก ลำพังแตกขาดนิดหน่อยผมรับได้ แต่อันนี้มันขาดแล้ววิ่งเป็นเส้นยาว เห็นท่าไม่ดี เลยไปเปลี่ยนตัวใหม่ดีกว่า ลักษณะของผ้าด้านในคล้ายสารยึดติดด้วยความร้อนครับ ถ้าเป็นแบบที่ผมคิด เสื้อตัวนี้จะมีคงคุณสมบัติเต็มที่ราว 8-10 ปี หลังจากนั้นสารเคลือบภายในจะหลุดร่อนออกมา แต่ไม่ถึงกับว่าเสื้อเสียนะ แค่มันกันลมกันฝนได้ลดน้อยลง ถ้าด้านในลอกออก ก็จะกันได้แค่ฝนและลมอ่อนๆ แต่ตอนสวมใส่ก็น่าจะเย็นสบายมากขึ้น (ผมเดาจากข้อมูล)
   เจ้าหน้าที่ในห้างบริการดีครับ สาขาเดอะมอลล์ท่าพระ ผมชอบซื้อของใกล้บ้านก็เพราะแบบนี้แหละ ส่งเคลมก็ง่าย สะดวก แถมยิ่งเป็นสินค้าผลิตในไทยยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ผมเลยฝากให้เขาดูเต้นท์รุ่นที่ผมชอบมาด้วย หากลดราคาพิเศษให้โทรมาบอก เผื่อจะได้ใช้บริการเพิ่มอีก อ้อ.. เต้นท์นี่ก็ทำในไทยครับ ส่งเคลม ส่งซ่อม ได้ง่ายอีกเช่นกัน
   เย็นตรวจเช็คจักรยานทุกคัน พบว่าลมอ่อนกันหมด ทะยอยเติมอัดเข้าไปตามสเปค และหมุนล้อเปลี่ยนตำแหน่งกดทับ พอสูบคันสุดท้ายยังไม่เสร็จดี ได้ยินเสียงฟู่ๆ ออกมาจากพื้นล่างของ Floor Pump ผมใช้สูบของ Zefal ครับ หมุนถอดออกมาตรวจดู ไม่เห็นร่องรอยความเสียหาย ใส่เข้าไปใหม่ก็สูบไม่เข้า ลมมันดันออกหมด แต่แปลกที่ซีลยางโอริงก็สภาพปกติดี หรือจะมีซีลอีกตัวที่ด้านในผมก็ไม่รู้ นึกถึงร้าน Pro Bike ขึ้นมาทันใด ผมซื้อของจากเขา ร้านนี้ดีตรงที่บริการหลังการขายแบบสุดยอด ผมเป็นคนที่ใช้บริการหลังการขายประจำเลยล่ะ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52
« Reply #8 on: May 17, 2009, 07:48:51 pm »
15 พฤษ 52
   มิวเปิดเทอมแล้วครับ วันนี้วันแรกของเขาในชั้นประถม 2 เช้าไปส่งตามระเบียบ แต่ค่อยๆ ปล่อยให้เดินเข้าไปโรงเรียนเองไกลขึ้นทีละน้อยๆ อันที่จริงผมสอนลูกให้เดินตั้งแต่อยู่ อนุบาล 1 แล้วครับ ผมปล่อยให้ลูกเดินเองคนเดียวไกลประมาณ 200 เมตร ส่วนตัวผมจะแอบดูอยู่บนสะพานลอย มีถ่ายวีดีโอเก็บเอาไว้ด้วย ย้อนดูแล้วตลกดี
   ครูและผู้ปกครองที่เห็นมิวเดินเข้าโรงเรียนมาคนเดียวต่างตกใจที่ผมปล่อยให้ลูกตัวเล็กๆ เดินเข้ามาเองจากถนนใหญ่ ผมบอกเขาว่าผมคอยแอบดูอยู่ เขาย้อนถามว่าหากมีคนจอดรถและอุ้มขึ้นรถจะทำอย่างไร ผมได้แต่ยิ้มๆ ในใจคิดว่าหากมีใครเอาไปจริงคงจะงานเข้า หลังๆ เลยไม่ได้ปล่อยให้เดินเองทุกวัน สลับกันบ้าง เดินใกล้บ้าง ไปส่งหน้าประตูบ้าง แล้วแต่ว่าฝนตกหรือไม่
   เช้านี้ฝนตกอย่างหนัก ที่จริงน่ะตกหนักต่อเนื่องมา 3-4 วันแล้วล่ะ ฝนตกเลยส่งลูกที่หน้าประตูโรงเรียน พอเลี้ยวเข้าไปก็นึกแปลกใจ เอ๊ะ ทำไมไม่เห็นมีรถจอดสักคัน ไปจนถึงหน้าประตูก็ไม่เห็นครูยืนเหมือนทุกที อ่านป้ายที่บอร์ด เขาบอกว่ามิวเปิดเทอมวันที่ 20 พฤษภาคม
   ฮ่าๆ มาเก้อว่ะ ผมจำไม่ได้ว่าลูกเปิดเทอมวันไหน พอถามมิวเขาก็บอกว่าวันที่ 15 ก็เลยคิดว่ามันเป็นไปตามนั้นจริงๆ 
   สุดท้ายก็พากันกลับบ้านครับ ฝนตกรถติดแบบสุดยอด ไม่คุ้นกับรถติดหนักๆ มานาน เลยหาทางเข้าซอยทางลัด แต่เจอของแรงกว่า คือน้ำท่วม ขับช่วงแรกๆ มันก็แค่ท่วมนิดๆ เข้าซอยไปลึกเข้าก็ยิ่งต่ำลงๆ จนสุดท้ายนี่น้ำอยู่ระดับใต้ท้องรถเลย
   ไม่คุ้นกับสภาพแบบนี้ครับ เลยปิดแอร๋วิ่งช่วงลุยน้ำ (เทคนิคสมัยเก่า ที่ต้องปิดแอร์เพราะว่าไม่ต้องการให้ใบพัดพัดลมแอร์หมุนตีน้ำจนกระจายเต็มห้องเครื่อง ส่งผลให้น้ำเข้าหัวเทียนและเครื่องยนต์ดับได้) แต่พอถึงบ้านมานึกได้ เอ เราจะไปปิดแอร์มันทำไมกันวะ รถเรายุคใหม่แล้ว ใช้ใบพัดเครื่องยนต์ตัวเดียว ไม่มีใบพัดของพัดลมแอร์แยกต่างๆ เหมือนพวกรถรุ่นเก่าๆ เขานี่หว่า เฮ้อ… คนรุ่นเก่าก็อย่างนี้แหละครับ
   บ่ายอ่านเวปของ TCC เห็นมี One Day Trip ปั่นไปตลาดน้ำดอนหวายกัน เขาไปกันวันที่ 17 พฤษ นี่แหละครับ อีกแค่ 2 วัน ผมเห็นกระทู้นี้ได้สักพัก แต่ไม่ได้สนใจอะไร เพราะแค่ปั่นไปกินแล้วก็กลับ ต่างจากทริปไปวิหารแดง สระบุรี ในวันที่ 13-14 มิย เพราะค้าง 1 คืน แถมนอนเต้นท์อีกด้วย ของชอบ เพราะชอบลุยๆ
   แต่กลับมาสนใจทริปดอนหวายครั้งนี้เพราะอาจได้ลุยฝนครับ อืม ใช่แล้ว ผมอยากไปเพราะได้ลุยฝนนี่แหละ แต่อ่านดูในเวปผมว่าทั้งร้อยไม่อยากให้ฝนตก ฮ่าๆ
   ผมอยากลุยฝนก็เพราะอยากทดสอบอุปกรณ์กันน้ำครับ เสียดายอย่างเดียวตรงเสื้อกันฝนที่ส่งเคลมไปยังไม่ได้กลับมาเลย แต่สำหรับฝนในไทยผมเฉยๆ นะ ตกแล้วก็เย็นสบายดี ผิดกับฝนที่ยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านสแกนดิเนเวีย อากาศหนาวๆ แล้วโดนฝนตกโดนตัวนี้คล้ายโดนเข็มเล็กๆ ทิ่มตำครับ ฝนบ้านเราโดนแล้วเย็น เปียก แต่ฝนของฝรั่งเขาโดนแล้วเปียก หนาว เจ็บ คนละฟีลกันเลย ยิ่งหนาวยิ่งเจ็บครับ
   กลายเป็นว่าผมอยากลองของ อยากลองปั่นตอนเปียก เหมือนเป็นการซ้อมใหญ่ของการเดินทาง ทั้งการแพ็คของ ทั้งชุดที่สวมใส่ และสไตล์การปั่น แน่นอน ผมต้องเลือกรถที่มีบังโคลนไปแน่ครับ เพราะมีโอกาศโดนฝนสูงมาก
   สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องของลมยางครับ หากจะให้ดีก็อยากได้ยางสำหรับที่เขาออกแบบมาสำหรับขี่ในฝนโดยเฉพาะ ผมไม่รู้ว่ายางแบบนี้ของจักรยานเขามีไหม แต่ถ้าเป็นรถยนต์ล่ะก็ มีแน่นอน มี่เยอะด้วย
   หากหายางไม่ได้ ผมก็ต้องมาเล่นที่ลมยางแทนครับ จากเดิมที่ผมมักจะเติมเต็มสเปค ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเราน่าจะต้องลดแรงดันลมยางลงบ้างไหม หรือว่าปล่อยไว้แบบเดิมน่ะดีแล้ว
   ทรรศนะส่วนตัวของผมชอบแรงดันลมยางเยอะๆ ครับ เพราะมันปั่นสบายดี ออกแรงน้อย จะด้อยก็ตรงสะเทือนมากหน่อย แข็งหน่อย ถ้าทนได้ รับได้ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
   สไตล์การปั่นตอนฝนตกก็คงต้องลดความเร็วลง รถผมเป็นแบบ V Brake มันยิ่งจะเบรกไม่ดีหากขอบล้อโดนน้ำ ทำเอางานนี้อยากได้เบรกแบบ Disc ขึ้นมาทันใด แต่ก็แค่คิดแหละนะ นอกจากลดความเร็วลงแล้ว เรื่องสำคัญกว่านั้นคือการวางตำแหน่งของรถเราขณะอยู่ในกลุ่มครับ อย่าไปตามหลังพวกชอบคุยโทรศัพท์ ชอบปั่นโฉบเปลี่ยนเลนไปมา หรือคนที่ปั่นแล้วรถส่ายไปมา เจอแบบนี้ต้องเว้นระยะห่างให้มากสักหน่อย ทริปก่อนโน้นไปอัมพวาผมตามหลังท่านหนึ่ง ปั่นๆ อยู่ ก็ถุยน้ำลายออกด้านข้างเฉยเลย ผมอยู่ข้างด้านหลังถึงกับต้องเบนรถและก้มหัวหลบ
   อ้อ ตามหลังรถที่ใช้ยางวิบากก็ต้องทำใจเอาหน่อยครับ เพราะดีดน้ำกระเด็นขึ้นมาเข้าปากเราได้สบายๆ แต่ถ้าใครใช้ยางแบบทางเรียบก็ดีหน่อย ถ้าเลือกรถที่มีบังโคลนด้วยจะดีมาก
   ใจนึกอยากได้ถุงคลุมรองเท้ามาใช้ เคยเห็นร้าน Decathlon เขาเอามาขาย ตอนแรกคิดว่าเป็นของพวกเสือหมอบ เลยไม่ได้เอามา ขายไม่แพงเสียด้วย น่าเสียดาย แต่ตอนนั้นผมโทรหาหมอเจเลยนะ (หมอ JFK คนดังในเวปบอร์ดอินเทอร์เนท) รู้สึกว่าหมอเจจะไม่เอาหรือมีแล้วอย่างไรนี่แหละ
   พี่หมอเจก็ปั่นจักรยานด้วยนะครับ เล่นรถยนต์ก็คุยกันกับผม ช่วงนี้พี่หมอฮิตมอเตอร์ไซค์ ต่างจากผมที่ไปทางจักรยานอย่างเดียว (มอเตอร์ไซค์ของผมจอดนิ่งๆ มาเป็นสิบๆ ปีแล้วครับ เป็นรถเก่า โบราณ เชยๆ )
   
16 พฤษ 52
   มัวแต่รอฟ้าฝนเห็นทีจะอดปั่นกันอีกเป็นเดือน หากให้มองข้อดีแล้ว ผมว่าฤดูนี้สิที่แดดไม่แรง ฝุ่นไม่มาก ไม่อบอ้าว ข้อเสียอย่างเดียว (แต่ใหญ่หน่อย) คือเปียก แฉะ เลอะเทอะ สำคัญอีกอย่างคือ ล้มง่ายด้วยครับ
   เสียดายที่ผมส่งเสื้อกันฝนตัวเก่งไปเคลม เลยปั่นแบบเปียกๆ ไปก่อน ต้องเลือกเสื้อแบบเปียกแล้วแห้งเร็ว การปั่นหน้าฝนต้องทำใจอย่างหนึ่งตรงเปียกครับ ลำพังเปียกฝนนี้เรารับได้ แต่มันมีเปียกจากรถยนต์สาดน้ำเข้ามาด้วย อันนี้แม้ทำใจไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับมันไปโดยดี อีกอย่างที่ผมไม่ชอบอย่างมากก็คือน้ำจากรถมอเตอร์ไซค์ครับ มักจะมาตอนเขาแซงแล้วปาดเข้าหน้าเรา กระเด็นเข้าหน้าเข้าตาเลอะเทอะไปหมด นึกโมโหไปก็เท่านั้นครับ ต้องคิดไปว่านี่คือเรื่องธรรมาดาหากเราปั่นตอนฝนตก ทำใจให้เป็นสุขกับมัน แล้วเราก็จะสุขใจไปเอง เรื่องพวกนี้มั้นอยู่ที่วิธีคิดครับ คิดดีจิตใจก็ดี ทำอะไรก็จะส่งผลดีไปหมด
   สายๆ คุณต้อม จากเวป thaimtb โทรมาหารือเรื่องรถพับ สงสัยจะไม่ชอบ Java ที่ผมแนะนำไป เอ้า ไม่เป็นไร อยากจะพับก็พับ ซื้อมาแล้วขี่ก็แล้วกัน ดีทุกคัน
เขาลังเลเรื่องรุ่นของรถ และจะซื้อจากที่ใดดี ตัวแทนนำเข้าอย่างเป็นทางการ หรือว่าผู้นำเข้ารายย่อย (แหม เรียกซะดูดี มันก็คือพวกพ่อค้ารถที่บินไปหิ้วมาเองนั่นแหละ)
โชคดีที่คุณต้อมเขาสูงราว 170 ซม เลยเลือกเล่นรถได้ทุกคัน โดยเฉพาะ Dahon ที่ไม่ค่อยเหมาะกับคนตัวไม่สูงมากนัก
   บ่ายพี่หน่อง simpleway จาก thaimtb โทรมาถามว่าพรุ่งนี้จะไปตลาดดอยหวายกับพี่คากิเขาด้วยไหม อ๊ะ ใจตรงกันนะครับนี่ ผมเล็งไว้แล้ว เป็นทริปที่ตัดสินใจเร็วมาก ตอนแรกไม่ได้สนใจ เพราะแค่ปั่นไปกินๆ ๆ แล้วก็กลับ แต่เอาเข้าจริงมันมีอะไรมากกว่านั้น ใช่แล้ว มีฝนให้ปั่นลุยเล่นอีกด้วย บรรยากาศเหมือนตอนวัยเด็กจะกลับมาเยือน สนุกดีออก แต่ต้องระวังล้ม ผมกลัวล้มอย่างเดียว เปียกไม่กลั้ว
สักพักมีรุ่นน้องชื่อยู เพิ่งกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังสนใจทำธุรกิจค้าขายสินค้าของประเทศเกาหลี เขามาหารือผมขอคำแนะนำ สุดท้ายกลายเป็นว่าชวนผมไปเกาหลี มีบ้านของพี่สาวเขาอยู่โน่น พีสาวและแฟนพี่สาวชอบกีฬา Outdoor ชอบผจญภัย ปีนเขา
   ฟังแล้วหูผึ่ง ไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกับเรา น่าจะไปกันได้ดี แถมได้พักฟรีอีกด้วย (ผมย้ำเสมอครับว่า การพักฟรีนี้มันคือโบนัสก้อนใหญ่สำหรับนักเดินทางเลย)
   ไปๆ ๆ ๆ ตอบแบบไม่คิดอะไรเลย ยังไม่ทันดูปฎิทินเลยว่าว่างหรือไม่ แต่ตกลงไปแล้ว ฮ่าๆ คนใจง่ายก็แบบนี้แหละ
   เออ ว่าแต่เขาชวนเราจริงๆ หรือเปล่าวะนี่ หรือพูดชวนแบบไปตามมารยาท
   ไอ้ผมก็จริงจังเสียทีเดียว เรื่องเดินทางนี่ชอบเหลือเกิน
   อ้าวพี่ ไหนว่าจะพักทริปต่างประเทศไง
   เย็นตรวจเช็ครถ KHS F20-W อีกครั้งก่อนเดินทาง แม้จะไม่ได้ค้างคืน แต่รถผมก็ติดกระเป๋าหน้า กลาง หลัง เอาไว้อยู่ตลอดเวลา ตอนแรกคิดว่าแค่ซ้อมแบกน้ำหนักเอาไว้เป็นประจำ จะได้มีพลังขาเยอะๆ แต่พอพกกระเป๋าไปนานๆ เข้าก็รู้สึกดี เพราะเรามีกระเป๋าเอาไว้เก็บของใช้ต่างๆ มากมาย เช่นสายล็อครถ กล้องถ่ายรูป ของขบเคี้ยว น้ำดื่มสำรอง แว่นตา ฯลฯ สำคัญคือไปไหนมาไหนก็ซื้อของได้
   ครั้งนี้ก็เช่นกันครับ ไปตลาดน้ำดอนหวาย ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกิน ผมเลยเอา Pannier ของ Ortlieb ติดไปอีก 1 คู่ อันนี้เผื่อใส่ของล้วนๆ เลยนะครับนี่
   นึกขึ้นได้ว่าเราต้องปั่นลุยฝนนี่หว่า เลยเอาพลาสติคใสบางๆ มาหุ้มห่อมาตรวัดความเร็ว แหม นี่ถ้าลืมก็แย่เลยนะครับ มันไม่ถึงกับกลัวน้ำหรอกนะ แต่กันไว้ดีกว่าแก้ ไม่ห่อก็ไม่เป็นไรหรอก Cateye อันเก่าของผมก็ลุยฝนมาหลายปีแล้ว แถมซื้อตั้งแต่ปี 94 ทุกวันนี้ยังโอเคอยู่เลย เป็นแบบ Wireless เหมือนกัน
   คุ้นในลังของเล่นลูก เลือกหาหุ่นตุ๊กตาสภาพดีๆ ที่ลูกเมินแล้ว หยิบมา 3-4 ตัว ใส่กระเป๋าติดรถไว้ เผื่อเจอเด็กๆ ชาวบ้านตามทางก็จะแจกให้เขาเล่น ธรรมดาผมจะให้ลูกเป็นคนคัดของ ทำความสะอาด และเป็นคนแจกเอง ทำเฉพาะตอนเราขับรถไปต่างจังหวัดกัน หวังว่าเขาคงเรียนรู้บางอย่างจากการกระทำสิ่งเหล่านี้โดยผมไม่ต้องบอกถึงวัตถุประสงค์
   เจ้าหน้าที่จาก Karana โทรมาบอกผมให้ไปรับเสื้อฝนที่ส่งเคลมได้วันจันทร์ แหม ช้าไปวันเดียว ไม่งั้นได้ใช้ออกลุยฝนทริปนี้เลย ผมสั่งเต้นท์รุ่น Ultra I เขาด้วย ได้ราคาพิเศษ ลดไปได้หลายพันบาท ค่อยยังชั่วหน่อย เขาบอกว่ารุ่นนี้ในไทยขายน้อย ปกติจะทำแล้วส่งออกเป็นส่วนใหญ่ คนไทยไม่ค่อยชอบสไตล์แบบนี้ ของคนไทยต้องหลังโตๆ ถูกๆ ถึงจะขายได้
   ตลอดวันนี้ยังคงมีฝนโปรยมาเป็นระยะ โชคดีมีแดดสลับบ้างเป็นบางช่วง แต่ตกเย็นก็มืดครึ้มตามสไตล์เขาล่ะ ขอให้พรุ่งนี้เช้าอย่ามีฝนเลยนะ แต่ถ้าออกเดินทางกันแล้วจะเทมาเท่าไหร่ก็ได้เลย เพราะกลับบ้านไม่ได้แล้ว มันเปียกไปหมดแล้วจ้าาาา

17 พฤษ 52 (ตลาดน้ำดอนหวาย One day trip)
   กลุ่ม TCC แกนนำโดยพี่ “คากิ” นัดกันที่สนามกีฬาแห่งชาติ สนามศุภัชลาศัย สนามกีฬาใหญ่ใจกลางเมืองเลยครับ ใครนำรถยนต์ไปสามารถจอดด้านในได้เลย ส่วนผมปั่นจักรยานไปเองจากบ้านครับ ไม่ได้กลัวปั่นไกล แต่กลับชอบด้วยซ้ำ หากเป็นการปั่นเช้าๆ อากาศเย็นสบาย
   ผมชอบปั่นเช้าๆ ครับ เลยออกจากบ้านแต่เช้า ไปถึงก่อนเวลานัดหมายแน่ๆ อยู่ที่ว่าผมจะแวะทานอาหารเช้าที่ไหนอย่างไร จะให้ดีต้องแอบกินก่อนเร็วๆ หน่อย เห็นเขาบอกว่าล้อหมุน 0730 หากผมกินเสร็จเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
   เอ… กินไรดีน้า โจ๊กสามย่านดีไหม อร่อยดี มาเช้าๆ แบบนี้คนน้อยอีกด้วย แต่มันจะไม่อยู่ท้องน่ะสิ ปั่นไป คิดไป สุดท้ายได้ปีกไก่ทอด 2 ชิ้น กับข้าวเหนียว 1 ถุง ไปเจอร้านนี้เขาทอดขายอยู่ในตลาดตรงข้ามวัดแขก ถนนสีลม เข้าซอยนี้แล้วจะทะลุถนนสุรงค์ได้ พอออกไปแล้วเขาจะบังคับเลี้ยวซ้าย แต่เราไปด้วยจักรยาน เลยแอบปั่นบนทางเท้า เลี้ยวขวาไปราว 100 เมตรก็จะพบสี่แยก เราเลือกเลี้ยวซ้ายและตรงตลอดก็จะไปทะลุถนนสามย่านพอดีเป๊ะ
   เออ วันนี้แปลกนะ แดดแรงดีมาก ต่างจากวันก่อนๆ ลิบลับเลย ไม่รู้ว่าตอนบ่ายจะเป็นอย่างไรเหมือนกัน
   พอผ่านหน้าร้านโจ๊กสามย่านพบว่าคนแน่นเต็มเลย ดีที่เราซื้อไก่ทอดตุนไว้แล้ว เลยปั่นไปจุดนัดพบที่สนามศุภฯ ไปถึงก็เจอเพื่อนๆ มากันเยอะมากเลยครับ หลายสิบคนเลย นี่ขนาดยังไม่ถึง 0700 เลยนะนี่
   ชาวจักรยานก็อย่างนี้แหละครับ นัดเช้าๆ ไม่เคยบ่น แถมมากันก่อนเวลา ผู้จัดก็ดีครับ ออกเดินทางตรงเวลาเช่นกัน สร้างวินัยให้เป็นระเบียบแบบนี้ สังคมจะค่อยๆ ดีขึ้น
   ไปถึงก็ไหว้รุ่นพี่ที่ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทยก่อนครับ เจอใครก็ไหว้ไปหมด เห็นคุ้นหน้าหน่อยผมก็ไหว้แล้ว แต่ถ้าใครหน้าตาหนุ่มๆ หน่อยก็จะใช้ส่งยิ้มและทักทายสวัสดีครับแทน
   เจอน้องที่ไม่คิดว่าจะเจอ ดนัย และ อากิ ครับ เจอกันครั้งแรกทริปตลาดน้ำอัมพวา นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอกันอีก ดีใจจริงๆ
   “ผมเห็นพี่โพสว่าจะมา เมื่อคืนอ่านเวป ผมเลยตามมา” ดนัยพูด แต่ผมทำหน้าสงสัยว่าเขาปล่อยมุขอะไรหรือเปล่า
   อากิคราวนี้มากับเสือหมอบตัวแรงเลยครับ แถมไปซ้อมกับกลุ่มพระราม 9 ประจำ ส่วนดนัยไม่ต้องพูดถึง หนุ่มคนนี้แรงได้ตลอด แรงได้อีก
   ผมมองหาพี่หน่องเท่าไรก็ไม่เจอ คิดไปว่าพี่เขาคงจะติดธุระด่วน เลยไม่ได้คิดอะไรต่อ แต่พอขบวนจักรยานออกเดินทางถึงย่านฝั่งธนฯ พี่หน่องขี่ตามหลังมาทักผม
   ผมมองหน้าแล้วย้อนมองรถ เห็นว่าเป็น Bike Friday สีแดง ถึงได้เชื่อว่าเป็นตัวจริง พี่หน่องเป็นคนชอบจักรยานเอามากๆ ครับ มีหนังสือจักรยานมากมาย (ปัจจุบันหนังสืออยู่บ้านผมเกือบหมด) มีรถจักรยานเด่นๆ อย่าง Brompton อีกคัน ล่าสุดคุ้นๆ ว่ามีเพิ่มมาอีกคันแล้วหรืออย่างไรนี่แหละ
   เพื่อนๆ กลุ่มรถพับอีกหลายคนที่ผมคุ้นหน้าแต่จำชื่อไม่ได้ก็มากันเยอะครับ แต่ละคนขี่เก่ง แข็งแรง ไปไหนไม่เคยบ่น ส่วนใหญ่ยังหนุ่มๆ กันอยู่ครับ ยังไม่มีครอบครัวกัน
   ขาไปเราปั่นแล้วหยุดรอกันเป็นช่วงๆ ครับ เพราะมีนักปั่นหลายท่านมาร่วมขบวนระหว่างทางด้วย พอถึงแถวพุทธมณฑลนั่นแหละครับถึงจะรวมตัวกันได้เยอะสุด เราแวะร้านจักรยานชื่อ SDL แถวศาลายา ขายเสื้อผ้าเยอะมาก มีจักรยานแซมบ้าง ประปราย สักพักก็เดินทางไปยังตลาดน้ำดอนหวาย
   พอถึงตลาดก็เหมือนผึ้งแตกรังครับ แต่ละคนล้วนหิวโหย พอจอดรถได้ ล็อครถเสร็จก็ไปกันคนละทิศละทาง ผมเองก็เช่นกัน แต่พอเสร็จธุระกับรถตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับความว่างเปล่า เขาไปกันหมดแล้ว
   ตลาดน้ำดอนหวาย ไม่มีชาวบ้านขายของกันในเรือเหมือนตลาดน้ำอื่นๆ นะครับ แต่เราสามารถซื้อของที่อยากกินเตรียมไว้ และซื้อตั๋วล่องเรือ 60 บาทต่อคนครับ เด็กฟรี ใช้เวลาล่องเรือ 1.45 ชม กินกันบนเรือนี่แหละ ท่าจะสนุกดีเหมือนกัน ถ้ามีเพื่อนฝรั่งมา ผมจะพาเขามาที่นี่ดู ส่วนเพื่อนคนไทยผมจะพาไปตลาดอื่นแทน ฮ่าๆ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งที่พระประแดงครับ ของถูกกว่าที่นี่เยอะมาก
   ผมมองหาใครที่หน้าตาคุ้นเคยก็ไม่เจอ เลยเดินมันคนเดียวนี่แหละ เดินสไตล์ผมคือจะไปให้ไกลสุดก่อน ตลอดทางก็เล็งไว้ว่าชอบอะไร ขากลับก็ค่อยเดินซื้อไล่มา
ผมพบว่าหากเราซื้อของมาแล้วมันไม่มีที่นั่งกินครับ นี่คือความแปลกของตลาดนี้ หรือเขาเน้นให้เราซื้อกลับบ้านหรืออย่างไร เลยซื้อเนื้อย่าง 2 ไม้เดินไปกินไป หิวน้ำก็ซื้อน้ำส้มคั้นกิน อ้อ มีขนมปั่นสิบชิ้นเล็กๆ อีก 6 ชิ้นด้วย เป็นอันว่ามื้อกลางวันผมกินเพียงเท่านี้
   เวลานัดหมายคือบ่ายโมง ผมซื้อของฝากไปหลายร้อยบาทเลยครับ ซื้อขนมโบราณพวกช่อม่วงไปฝากแม่ ขนมถั่วตุ๊บตั๊บฝากพ่อ มะพร้าวแก้วให้ภรรยา ส่วนลูกผมซื้อข้าวเหนียวปิ้ง และขนมปังไส้ครีมให้เขา สำหรับตัวผมเองมีหมี่กรอบ มันรังนก
ของอ้วนๆ อีกแล้ว
   ของเยอะก็แพ็คนานหน่อยครับ รถผมติด Pannier ไปด้วย ก็จับของเรียงใส่ลงไปได้สะดวกสบายมากๆ กระเป๋าเป็นแบบกันน้ำอีกด้วย งานนี้เลยได้ใช้ฟังชั่นนี้แน่ๆ
   ออกเดินทางกลับพร้อมกับฟ้ามืดครึ้มครับ ผมเอา Rain Cover มาคลุมกระเป๋าบนแร็คหน้าและหลัง ส่วน Pannier ไม่ต้องเพราะมันกันน้ำในตัวเองแล้ว ออกเดินทางช่วงแรก็โอเคครับ ครึ้มๆ เย็นๆ สบายดี แต่พอเข้าถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี มองไปข้างหน้าจุดหมายคือในเมือง ท้องฟ้ามืดมากๆ มีฟ้าแล่บเป็นระยะๆ
   ไม่รอดๆ ๆ ๆ แต่เตรียมใจไว้แล้ว พร้อมและยอมรับฝนอย่างเต็มใจ ผมอยากดูด้วยว่ารถผมคันนี้จะมีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่ การเกาะถนนของยางจะเปลี่ยนไปไหม การควบคุมรถจะดีดังเดิมไหม ฯลฯ
   ฟ้ามืดแบบนี้ หากให้ผมเดา คงจะเทลงมาอย่างหนักแน่ จะไม่เป็นแบบปรอยๆ บางๆ แบบนั้นต้องฟ้าออกใสๆ หน่อย มืดแบบนี้มักจะมีฟ้าร้อง ฟ้าผ่าอีกด้วย
   เอาครับ ยังไงก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว คิดได้แป๊บเดียวฝนก็เทลงมาอย่างหนัก แต่อย่างที่บอก ฝนในไทยฝนเมืองร้อนมันโดนตัวก็เย็นสบายดี หากเจอตอนเย็นอาจมีหนาวได้ แต่ถ้าเป็นฝนประเทศเมืองหนาวมันโดนตัวแล้วจะเจ็บ
   ชุดที่ผมใช้ปั่นจักรยานเป็นเนื้อผ้าแบบแห้งเร็วครับ โดนน้ำก็เปียกปกติ แต่โดนลมแล้วจะแห้งเร็วกว่าผ้าทั่วไป ผ้าของพวกชุดจักรยานก็จะเป็นลักษณะนี้ครับ แต่ของผมไม่ได้เป็นชุดสำหรับจักรยาน เป็นชุดออกกำลังกายทั่วไป
   ปั่นกลางฝนได้ไม่กี่นาที ก็พากันหลบในเพิงของมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เขาคงจะงงและทำตัวไม่ถูกที่จู่ๆ ก็มีชาวจักรยานเป็นสิบมาเบียดเสียดกันในเพิ่งเล็กๆ จอดรถก็คุยเล่นกันอย่างสนุกสนานครับ เพิ่งหลังคาทะลุ แถมพื่นเป็นดิน มันก็เละเทะไปหมด
   หลบฝนกันอยู่ราว 20 นาที ผมเห็นท่าไม่มีเลยตัดสินใจขอแยกตัวออกเดินทางกลับก่อน ผมอยากลุยฝนครับ แถมตัวเราเปียกอยู่แล้วด้วย มันไม่เปียกมากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่ทางกลุ่มผู้จัดต้องการให้หลบฝนคงจะเนื่องมาจากผู้ร่วมทริปมีมาก เกรงจะเกิดอันตรายมากกว่า
   ผมออกเดินทางได้แป๊บเดียว หันไปมองข้างหลัง มีคนตามผมมา และสักพักเพื่อนกลุ่มใหญ่ก็ทะยอยกันออกมากันหมด ฝนเริ่มซาลงพอดีครับ กลายเป็นว่าช่วงนี้ผมปั่นเดี่ยวเลย แถมฝนตกอีกด้วย ข้างทางมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขัง เราต้องวางตำแหน่งตัวเองให้ดีครับ ไม่งั้นจะโดนรถยนต์เขาสาดน้ำเอาได้
   สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรถก็คือ Shifter Index มีไอน้ำเกาะด้านใน แต่ขับไปสักพักกลางแดดก็หายเอง โซ่มีเสียงเอี๊ยดๆ ดังมากเลย (ไม่เคยล้างเลยตั้งแต่ซื้อมาสองเดือนครึ่ง)
   ปั่นจนมาถึงทางแยกกาญจนาภิเษก ผมรอเพื่อนๆ เพื่อโบกมือลา พบว่ามีคนถูกทิ้งห่างกันอีกหลายคนเลย คนสุดท้ายที่ผมเห็นห่างจากหัวแถวราว 15 นาที เขาปั่นอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าหลงกันขนาดนี้ได้ไง หรือว่าแอบไปเข้าห้องน้ำมาหว่า (เพราะเห็นคนเข้าห้องน้ำกันเยอะมาก ไม่รู้ว่าไปกินอะไรผิดปกติที่ตลาด)
   หลังจากนี้ผมปั่นเองคนเดียวโดดแล้วครับ พอขึ้นทางต่างระดับเพื่อเข้าถนนกาญจนาภิเษก ต่อไปยังถนนพระราม 2 และขับไปอีก 10 กม นั่นแหละจะถึงบ้าน ช่วงนี้ฝนหายสนิทแล้ว แดดแรงมากๆ ดูจากสภาพถนน ผมว่าแถวนี้ฝนยังไม่ตกเสียด้วยซ็ำไป
   เข้าถนนกาญจนาฯได้แป๊บเดียว รู้ว่ารถมันแปลกๆ ไป โอ งานเข้าๆ ยางแบน รีบนำรถจอดข้างทาง ผมตรวจสอบสภาพภายนอกก่อนดูว่ามีตะปูตำไหม มองอย่างไรก็ไม่เห็น จึงสูบลมอัดเข้าไป พบว่าเก็บลมได้ จึงออกปั่นต่อ
   แต่ไปได้ไม่ถึง 1 กม ยางก็แบนอีกแล้ว ทีนี้แบนเร็วเลยด้วย จะจอดข้างทางก็หาที่ร่มไม่เจอ ข้างทางมีแต่เต้นท์ขายรถตลอดทางเลย ลงเข็นไปจนถึงตึกออฟฟิซอาศัยร่มเงาไม้ ถอดล้อหน้าออกมาปะ
   โอ สุดยอด ถ้าเป็นรถคันอื่นก็ต้องนอนปะครับ แต่คันนี้ขึ้นขาตั้งกลางไว้ ถอดล้อหน้าออกด้วยดุมปลด รถก็ตั้งไว้อย่างนั้น แจ๋วดีว่ะ ชอบๆ
   ยางนอกของเขาเป็นแบบมีเคฟล่าห์ เขาว่าหน้ายางแข็งแกร่งกว่าเดิม แต่สิ่งที่มาทิ่มยางผมก็คือเศษแก้วครับ ขนาดประมาณ 3 มม ที่ผมชอบคือยางนอกแม้จะเป็นแบบขอบลวด แต่ถอดออกได้ง่ายมากๆ เลย งัดแค่แป๊บเดียวแถมออกแรงน้อยด้วย แบบนี้ดี ขอบล้อไม่ค่อยเป็นรอย
   ถอดมาปะตามปกติครับ รถคนเดินทางต้องมีอุปกรณ์ชุดปะ สูบ และยางในสำรองไว้ตลอดเวลา นี่ถ้าอยู่ในทริปผมคงเลือกวิธีเปลี่ยนยางใน แต่ตอนนี้ผมอยู่คนเดียวกลางแดดร้อนๆ ผมเลยเลือกวิธีปะ
   พอใส่ยางในเข้าที่ ผมพบความแปลกใจที่ว่าทำไมมันใส่ยางนอกเข้าไปง่ายเหลือเกิน ยังกะยางขอบพับแน่ะ สุดยอดจริงๆ เลย
   ซื้อสูบลมมานาน เพิ่งได้ใช้จริงจังก็วันนี้แหละครับ สูบยีห้อ Giyo Micro Floor Pump รหัสสินค้า GM07 Air Supply ใช้งานดีมากๆ ครับ สูบเบามือดี มีฐานกางออกมาเพื่อใช้เท้าเหยียบ สูบได้กับวาล์วลมทั้ง 2 แบบ (แบบไส้ไก่ไม่ได้นะ) สูบได้มากถึง 140 psi เป็นสูบที่กินแรงน้อยครับ ต่างจาก Zefal อันเก่าของผมลิบลับ (ของเก่าผมซื้อเมื่อปี 94) แต่สูบ Giyo นี้มีข้อเสียคือยาวและหนักกว่าพวกสูบแบบชักธรรมดา
   ตัวรถตั้งได้ ล้อถอดง่าย ยางถอดง่ายใส่ง่าย เหลือเรื่องยากที่สุดก็คือการปะยางแล้วล่ะครับ แต่ผมใช้เวลาไปถึง 15 นาทีในการปะครั้งนี้ (รวมเวลารอกาวแห้ง)
   ตอนรอกาวแห้งผมเช็คโทรศัพท์ โทรกลับคนที่ผมไม่ได้รับสาย กลายเป็นเจ้าหน้าที่จาก Karana เขาแจ้งว่าเสื้อกันฝนที่ผมส่งเคลม ได้ตัวใหม่มาแล้ว ตรวจเช็คเรียบร้อยแล้ว และนำเต้นท์ Ultra I มาให้ผมแล้วด้วย คิดราคาพิเศษให้
   สุดยอดๆ พรุ่งนี้ผมเข้าไปรับของครับ
   จากนั้นก็เอาล้อใส่รถ อัดลมเข้าไปไม่ถึง 100 psi หรอกครับ สูบมันไม่มีมาตรวัด เลยใช้กะๆ เอา กดสูบเข้าแรงๆ ต่อเนื่องนี่เล่นเอาหมดแรงเหมือนกันครับ ขี่ไปได้สักพักเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ไม่คิดมากเลย กลางวันก็กินนิดเดียวเอง เลี้ยวรถเข้าไปอย่างว่าง่าย สั่งบะหมี่ต้มยำมากิน แล้วต่อด้วยบะหมีแห้งต้มยำ
   กินเสร็จก็ออกปั่นเลยครับ แดดแรงจัด ทวนลมอีกด้วย สุดยอดไปเลย ความเร็วเหลือแค่ 12-15 หากจะฝืนให้ขึ้นถึง 20 ก็ต้องฝืนกดบันไดอย่างมาก ไม่เอา ผมไม่ทำเช่นนั้น ไม่อยากฝืนธรรมชาติ ไม่อยากทำร้ายกล้ามเนื้อตัวเอง
   รู้สึกเหมือนตัวเองหมดแรงยังไงก็ไม่รู้ครับ ทั้งๆ ที่เพิ่งกินก๋วยเตี๋ยวถึง 2 ชาม งง ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ไม่มีแรงกดบันได กดแล้วรถไม่วิ่งเลย หรือว่าเป็นเพราะเราปั่นทวนลมอยู่ นึกสงสัย ครุ่นคิด แต่ไม่มีคำตอบ
   ทนจนถึงใกล้ถนนพระราม 2 นั่นแหละครับ ลมถึงจะเปลี่ยนทิศ ที่จริงลมไม่ได้เปลี่ยนหรอก เราเองต่างหากที่เปลี่ยนทิศเพื่อไปรับลม
   อีก 10 กม จะถึงบ้านแล้วครับ ขากลับนี้ไม่ค่อยสนุกเลย แต่ดีตรงได้ประสพการณ์ปะยางข้างทาง ทำให้รู้ว่าเราต้องมีผ้าเช็ดมือติดรถไว้ด้วย
   ถึงบ้านแบบหมดสภาพเลยครับ ตอน 0500 ปั่นไป 100 กม ล้าจากแดด ล้าจากปั่นทวนลม ล้าจากการกดสูบปั๊มลม เป็นครั้งแรกที่ผมกลับถึงบ้านแล้วนอนแผ่ ทุกทีจะถึงบ้านแบบสดชื่อ ยิ้มแย้มแจ่มใส
   แต่อีกครู่เดียว พอเห็นหน้าลูกและภรรยา ทุกอย่างก็หายเป็นปลิดทิ้ง
   คืนนี้หลับสบายแน่ๆ เลย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52 17 ดอนหวาย
« Reply #9 on: May 18, 2009, 06:59:19 pm »
18 พฤษ 52
   เคยตื่นนอนแล้วแต่ลุกไม่ขึ้นบ้างไหมครับ นานๆ ผมถึงจะเป็นสักที และวันนี้คืออีกวันที่ผมเป็น แถมอากาศเช้าๆ แดดไม่แรง ยิ่งไม่อยากลุกเข้าไปใหญ่ ถ้าฝนตกด้วยล่ะก็ คงจะนอนกันต่ออีกงีบแน่
   ตื่นนอนลงมาก็ดูรถจักรยานก่อนเพื่อนเลย ยังดีที่เมื่อวานตอนถึงบ้านฝนหายตกนานแล้ว รถแห้งสนิทดี ยังไม่ได้ล้างรถครับ จอดทิ้งมันไว้อย่างนั้นแหละ มาเช้านี้เพิ่งจะทะยอยถอดกระเป๋าแต่ละใบออกจากรถ รถผมกระเป๋าเยอะครับ มี Pannier 2 ใบ กระเป๋าบนแร็คหน้า 1 ใบ กระเป๋าบนแร็คหลัง 1 ใบ กระเป๋ากลางรถ (ใบเล็ก) 2 ใบ ใส่กระเป๋าครบทุกใบแล้วรถดูคันใหญ่เทอะทะมาก แต่ปลดลงหมดแล้วก็เป็นแค่รถพับธรรมดาๆ คันหนึ่ง
   รถผมใช้ Pannier แบบกันน้ำ แต่กระเป๋าบนแร็คของ KHS ที่เขาแถมมาให้มันไม่กันน้ำครับ แต่มี Rain Cover สีเหลืองสดแอบซ่อนเอาไว้ในช่องซิปด้านล่าง งานนี้ได้ใช้บริการแบบเต็มๆ
   แค่รื้อกระเป๋าก้มๆ เงยๆ ก็เมื่อยขาแล้วครับ คิดจะล้างรถต่อก็เลยยกเลิก ขอผัดไปก่อน เปิดกระเป๋าเอาขนมออกมา โหห มดขึ้นๆ ๆ ๆ เลยหยิบอกมาทำพิธีไล่มด
   สายๆ ขับรถไปธุระข้างนอก สักพักรู้สึกได้ยินเสียงแปลกๆ ที่ล้อหน้าซ้าย ลักษระคล้ายกับเหยียบทับฝาจีบของน้ำอัดลม เสียงดังแต๊กๆ ตามความเร็วที่ล้อหมุน แต่ถ้าขับเร็วสัก 80 เสียงจะเงียบ (ที่จริงเสียงน่ะยังอยู่ แต่หูเราไม่ได้ยินแล้ว)
   มองหาร้านปะยางข้างถนนทันทีครับ สอบถามค่าบริการก่อนตามระเบียบ ป้องกันการโดนฟัน เจ้าของร้านเป็นหญิงครับ แปลกดี แต่ทำงานทะมัดทะแมง รีบลากแม่แรงมายกบริเวณด้านหลังของล้อหน้า
   “อย่าเพิ่งครับพี่” ผมร้องเสียงดัง
   เขาจะนำแม่แรงสอดบริเวณชายน้ำ ช่างส่วนใหญ่จะชอบขึ้นแม่แรงตรงนี้ มันง่ายครับ ไม่ต้องสอดลึก แต่ผลเสียคือชายด้านล่างมันจะบุบ พับ และเป็นสนิมในระยะยาว บริเวณนี้ขึ้นแม่แรงได้ก็จริง แต่ต้องเป็นแม่แรงของติดรถมาจากโรงงานเท่านั้น เพราะแป้นของมันมีร่องเว้าเชิงชายอันนี้อยู่
   สักพักช่างผู้ชายออกมาช่วยทำ บอกผมว่าบริเวณนี้ขึ้นแม่แรงได้ อย่ามาเถียงช่างสิครับ เดี๋ยวผมปะยางและจัดการให้อย่างเรียบร้อย
   เขาบอกผมด้วยน้ำเสียงดีนะครับ ไม่ได้ดุหรือโวยวายอะไร ผมเลยต้องอธิบายเขาไปว่าขึ้นแม่แรงได้ครับ แต่ต้องเป็นแม่แรงติดรถเท่านั้น แม่แรงแบบตะเข้ของพี่ต้องไปขึ้นตรงแชสซีส์รถครับ (โครงสร้างหลัก)
   เขาจัดให้ตามที่ผมร้องขอ โชคดีไป รถเรารอด แต่พอไปก้มมองดูมุมอื่น พบว่ามีร่องรอยโดนแม่แรงดัน เอาอีกแล้วๆ ใครเอารถผมไปขับแล้วยางแตกตอนผมไม่อยู่แน่ๆ แม้จะเป็นรถเก่า แต่ก็แอบเซ็งเล็กๆ
   พอจะประกอบล้อใส่รถ ผมยืนคุมอย่างใกล้ชิด ช่างผู้หญิงทำงานได้ดีครับ เขาใช้มือหมุนนอตล้อเข้าไปก่อน หากหมุนเข้าไปได้แล้ว ค่อยเอาปืนลมยิงตาม ทำแบบนี้ถูกวิธีครับ
   แต่ดันมีนอตล้อ 2 ตัวที่หมุนแล้วเข้าเกลียวได้ฝืดๆ หน่อย เขาเลยเอาปืนลมยิงอัดเข้าไป นี่ถ้าเกลียวมันล้ม (ซึ่งผมจะรู้อีกทีก็ตอนถอดล้อคราวหน้า) ผมจะเซ็งอีกรอบ
   แต่คิดอีกแง่ เกลียวมันอาจล้มอยู่ก่อนแล้วก็ได้ เพราะมีรอยขึ้นแม่แรงอยู่ใกล้ๆ ช่างทั่วไปมักจะเอาปืนลมใส่นอตแล้วจ่อยิงเข้าเกลียวล้อเลย เป็นวิธีที่ผิดนะครับ ผิดอย่างมาก เพราะหากเกิดการปีนเกลียวนิดเดียว เดือยนอตตัวนั้นก็จะเสียไปเลย เรื่องพวกนี้เราจะรู้ก็ตอนถอดล้อครั้งต่อไปแล้วใส่ใหม่เข้าไปไม่ได้ ผมขับรถแบบดริฟท์ผมเปลี่ยนยางรถอันใหญ่ ๆ ขึ้นแม่แรงบ่อยๆ ได้รวดเร็วมาก สถิติผมเปลี่ยนยางหลัง 2 เส้น ใช้เวลาไป 7 นาที (ขึ้นแม่แรงของเดิม 2 ครั้ง) เปลี่ยนยางรถยนต์ 2 เส้น ยังเร็วกว่าปะยางจักรยานเส้นเดียวเลย ฮ่าๆ
   เออ เมื่อวานปะยางจักรยาน วันนี้ปะยางรถยนต์ ดีนะที่ผมไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์
   กลางวันผมไปรับเสื้อกันฝนที่เดอะมอลล์ท่าพระ แต่ไปถึงแล้วพนักงานคนที่รับของเขาไม่อยู่ สอบถามแล้วกลายเป็นว่านี่คือวันหยุดของเขา อ้าว.. แล้วเมื่อวานโทรคุยกันผมบอกจะเข้าไปรับของวันจันทร์เที่ยง เขาบอกตกลง ยังไงกันแน่นี่
   กลายเป็นว่าเสียเที่ยว แต่ยังดีที่เป็นห้างไม่ไกลจากบ้านนัก และเป็นทางผ่าน นี่คือประโยชน์อีกข้อของการซื้อของใกล้บ้านครับ
   กลับมาบ้านก็ล้างจักรยานครับ ล้างๆ เช็ดๆ แค่ภายนอกแหละ ไม่ได้ถึงกับรื้อถอดอะไรออกมาหรอก เครื่องมือผมไม่ครบ และทำไม่ค่อยเป็นอีกด้วย เห็นอุปกรณ์จักรยานแต่ละรุ่นแล้วสงสัยว่ามันต้องใช้เครื่องมือพิเศษอะไรกับบ้างไหมหนอ
   ล้างรถน่ะปกติ แต่เบื่อสุดคือการล้างโซ่ครับ ผมว่านักจักรยานทุกคนเบื่อนะ มันเลอะเทอะ แถมโดนมือแล้วล้างออกยาก ติดซอกเล็บยิ่งใช้เวลาหลายวันกว่าจะออกหมด แต่จากประสพการณ์นะ สระผมสิครับ แป๊บเดียวเล็บสะอาดเลย ฮ่าๆ ๆ ๆ  อันนี้ไม่รู้ว่าจะแนะนำกันดีไหม สิ่งสกปรกจากเล็บจะไปอยู่บนหัวท่านแทน
   ไม่น่าเชื่อ วันนี้ผมใช้เวลาล้างรถจักยานไปถึง 2 ชม (ยังไม่ได้ล้างโซ่) แต่กินเวลานานก็เพราะไล่ล้างเช็ดกระเป๋าต่างๆ ที่ติดรถอยู่ด้วย มีโอกาศถอดกระเป๋าออก เลยได้ฤกษ์กวดขันนอทคอเสียที หลวมมานานแล้ว ผมใช้ผ้าเนื้อหนารองประแจและไขเข้าไปให้แน่นอีกนิด ออกแรงไม่เยอะ นอตสีดำเลยไม่เป็นรอย เย้ๆ
   ผ้าคลุมแบบ Rain Cover ของกระเป๋า KHS ยังไม่เวิร์คครับ คลุมแล้วมีละอองน้ำเข้ามาโดนกระเป๋า กระเป๋าหน้าด้านบนเป็นแผ่นใส เอาไว้ใส่แผนที่ น้ำเข้าจนไอฝ้าเกาะ โชคดีผมเอารูปภาพที่พกไปออกก่อน ไม่งั้นภาพเละแน่ ส่วนกระเป๋าหลังโดนฝนน้อยกว่า เพราะลำตัวของผมบังฝนไว้ส่วนหนึ่ง ไม่เห็นร่องรอยการโดนละอองของน้ำฝน ส่วน Pannier ของ Ortlieb นี้เล่นง่ายมากครับ เอาผ้าชุบน้ำเช็ดออกได้ง่ายสบายๆ ที่จริงนะ พอมันแห้ง เราแค่เอาไม้ปัดขนไก่ลูบเบาๆ ฝุ่นทรายก็หลุดออกหมดแล้วล่ะ สุดยอดมาก
   เช็ดรถล้างล้อก็ตรวจสภาพชินส่วนต่างๆ ไปด้วยในตัว ที่ล้อหน้ายางนอกมีรอยฉีกปรินิดๆ จากการตำของเศษแก้ว คาดว่าการสูบลมเยอะทำให้ยางในดันออกมาเยอะ รอยฉีกขาดถึงเห็นได้ชัด อืมมม.. มันปริออกมาขนาดนี้แล้วใช้ไปนานๆ มันจะฉีกขาดเพิ่มขึ้นไหมหว่า เอ้า… เป็นอันว่าต้องตรวจเช็คจุดนี้ให้บ่อยขึ้นกว่าปกติ ถ้ารอยใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก็เตรียมหายางใหม่สำรองได้เลย
   อ่านข่าวพบว่าไข้หวัด 09 ระบาดอย่างหนักในญี่ปุ่น แม้ผมจะกลับมาได้สองอาทิตย์กว่าแล้วแต่คิดแล้วยังไม่หายกลัว และรู้สึกดีใจที่พวกเราตัดสินใจถูกที่กลับมากันก่อน
   ต่างประเทศโดยเฉพาะทางยุโรปและญี่ปุ่นเขาเข้มงวดเรื่องพวกนี้กันมากครับ ตอนอยู่ที่โน่นก็เห็นคนสวมผ้าปิดหน้ากันเยอะ แต่เขาต่างกับเรานะ คนไม่สบายจะเป็นคนสวม ป้องกันตัวเองแพร่เชื้อโรค ผิดกับของไทยเราที่คนปกติต้องป้องกันตนเอง ฮ่าๆ
   ผมกลับมาไทยก่อนเพราะผิวหน้าและแขนผมเป็นผื่นแดง โดนหิมะกัดบนยอดเขาโน่น ลงไมได้ ไม่รู้มันจะหายเมื่อไหร่ กลัวมันเป็นนานเข้า หากกลับไทยมาผมก็คงต้องโดนกักตัวอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง 7 วันแน่ๆ โชคดีที่มาก่อนไข้หวัด 09 มันฮิตหนัก
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52 17 ดอนหวาย
« Reply #10 on: May 20, 2009, 06:09:12 pm »
19 พฤษ 52
   วันนี้ผมไป Pro Bike เอา Floor Pump ของ Zefal ไปส่งซ่อม ติดเอาหมี่กรอบมันกุ้งที่ซื้อมาจากตลาดน้ำดอนหวายไปฝากเจ้าหน้าที่เขาด้วย ที่จริงผมรู้จักไม่กี่คนในนั้นหรอกนะ แต่ก็โอเค แค่มีความรู้สึกดีๆ ก็ใช้ได้แล้ว
   เจอพี่หวานพอดี เลยเอาหมี่กรอบฝากเขา พร้อมกับส่งสูบและบอกอาการแก่เขา พี่หวานยื่นส่งต่อให้แผนกช่าง พี่นกเป็นคนมารับไปทำ ไม่น่าเชื่อว่าปล้ำอยู่กับสูบของผมอยู่เกือบ 2 ชม รื้อมันออกจนเป็นชิ้นๆ สุดท้ายเจอตัวต้นเหตุ เป็นชิ้นยางรูปท่อขนาดราวสักนิ้วก้อยเด็ก ยาวนิ้วกว่าๆ ยางชิ้นนี้มันขาดครับ เขาไม่มีอะไหล่ และบอกว่าไม่เคยเจออาการเสียแบบนี้มาก่อน โดยมากจะเสียแค่สกปรก บ้างก็แค่โอริง
   หนักกว่านั้นคือสูบของผมมันเก่ามาก เขาไม่มีขายแล้ว (ปกติหากเป็นของที่เขามีวางอยู่หน้าร้าน ก็จะถอดออกจากตัวที่วางอยู่มาใส่ให้ลูกค้าทันที และจะเก็บของชิ้นนั้นเข้าสต็อค)
   ทำไงดี เขาไม่มีอะไหล่ ผมเองก็ไม่อยากซื้อใหม่ เพราะสภาพมันยังสวยอยู่เลย ใช้งานก็ถนัดมือดีด้วย
   เลยฝากเขาเอาไว้ ว่างๆ ให้ช่วยดูสูบ Zefal รุ่นเก่าๆ ที่ยังคงเหลือในสต็อคหน่อย เผื่อกลไกด้านในมันจะเหมือนกัน หรือใช้กันได้ ฝากเขาไว้แล้วเดินออกมาพร้อมกับความหวังแบบ 50-50
   เออ วันนี้ผมได้ปั่นจักรยานเล่นที่ Pro Bike ด้วยนะ เป็น Bike Simulator ย่อมๆ ที่จริงคือเทรนเนอร์นั่นแหละ แต่มีหน้าจอเป็นวิวทิวทัศน์ในอิตาลี ในเมือง นอกเมือง มีขึ้นเขา ลงเขา ช่วงขึ้นเทรนเนอร์ก็จะหนักๆ หน่อย ช่วงลงนี้เบาไหลสบายเลย
   ปั่นเล่นอยู่แค่ 15 นาทีเหงื่อก็ออกครับ ร้านเขาเปิดแอร์เย็นผมยังร้อนเหงื่อหยด สนุกดีเหมือนกันครับ ชุดนี้ติดราคาไว้สองหมื่นกว่าบาท สามารถอัปเกรดแผนที่เส้นทางได้เรื่อยๆ จากเวปผู้ผลิต
   เจอเฟรม Trek 520 ขายด้วยครับ แต่ขนาด 25 นิ้วแน่ะ นึกไม่ออกว่าผู้สูงจะตัวสูงใหญ่ขนาดไหน ลำพังแค่ 190 ก็ยังไม่พอ
   เจอของเด็ดที่ผมเล็งหามานาน คือแร็คหน้าครับ มีทั้งตระแกรงหน้าอันเล็กๆ คล้ายของที่ติดรถญี่ปุ่นมาจากเชียงกง มีตัวเหน็บ Pannier หน้าด้วย อันนี้ใช้ยึดกับตะเกียบ ไม่รู้ว่าใช้กับรถมีช้อคฯได้หรือไม่ ไว้ต้องเอารถไปลองเทียบดู อันนี้ผมเอาแน่
   อีกชิ้นที่ชอบคือแร็คหลังแบบ 2 ชั้นครับ ยี่ห้อ Mass Load ของไต้หวัน แต่โทษที งานเนี๊ยบดีมากๆ น้ำหนักเบาดีเหลือเกิน ทำด้วยอลูมิเนียม สเปคก็ใช่ย่อย บรรทุกได้สูงสุด 25 กก (สเปคสูงสุดของแร็คคุณภาพดีของทางยุโรปจะบรรทุกได้ราว 40 กก)
   เจอรถพับ Dahon Eco ด้วยครับ ได้สัมผัสตัวจริงดูแล้วพอใช้ได้เลยนะ เด่นตรงช่วงรถจะสั้นกว่า Dahon รุ่นอื่นๆ คนสูงสัก 160 ขี่ได้สบาย แถมท่อแฮนด์ยังปรับสูงต่ำได้อีกด้วย
   ดูกระเป๋าหน้าแฮนด์ของ Ortlieb อีกครั้ง อยากได้แบบครบชุด แต่กระเป๋าหน้าแฮนด์เขาไม่ค่อยสวยเลย หน้าตาเชยมาก ดูเหมือนพวกของไม่มีราคาเลย แต่พอดูพวกกลไกแล้วก็โอเคนะ ทำเนี๊ยบดีใช้ได้ แต่ยังไม่ซื้อน่ะ เพราะไม่ค่อยสวย แถมด้านบนของกระเป๋าไม่มีซองใส่แผนที่ ถ้าอยากได้ต้องซื้อเพิ่ม เป็นออปชั่นเสริม เฮ้ออ ของจำเป็นใช้แท้ๆ ยังจะมาขายแยกกันอีกนะคนเรา
   ตอนบ่ายเพื่อนผมโทรมาบอกว่า Pannier ของ Deuter ที่สั่งไว้มาถึงแล้ว จะเอาเข้ามาให้ผมดูวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย ได้เลย จะได้เตรียมรถเอาไว้ทดลองแขวน
   Pannier ของ Deuter นี้ใช้กลไกล็อคเกี่ยวลิขสิทธิ์จาก Ortlieb ครับ แต่จะเด่นที่มีกระเป๋าเล็ก มีช่องย่อยๆ อยู่ด้านนอก Pannier ต่างจากของ Ortlieb ที่ทำเป็นแบบ Dry Pack เรียบๆ โล้นๆ เกลี้ยงๆ หมดเลย
   แบบเรียบก็มีจุดเด่นตรงไม่ต้องห่วงเรื่องกระเป๋าเปิดหรือลืมรูดซิบ ไม่ต้องห่วงเรื่องคนจะมาแอบเปิดหยิบของในกระเป๋าเล็กหรือช่องตาข่าย แต่ก็ด้อยตรงจะหยิบของอะไรสักอย่างก็ต้องมาเปิดช่องใหญ่จากด้านบนลูกเดียว
   แบบของ Deuter ก็จะเด่นตรงมีพังชั่นด้านนอกเพียบครับ มีช่องตาข่าย มีกระเป๋าเล็ก มีซิบ หยิบของจุกจิกก็ไม่ต้องเปิดช่องใหญ่ด้านบน
   ดีไปคนละแบบครับ แต่ผ้ากระเป๋าของ Ortlieb จะคล้ายผ้าใบกันน้ำในตัว แต่ของ Deuter จะเป็นแบบผ้าที่เขาใช้ทำเป้ หากจะกันฝนก็ต้องมี Rain Cover มาปิดทับอีกที (เขาแถมมาให้)
   Pannier Deuter มีสีเดียว คือเทาสลับดำ แต่ของ Ortlieb นี้มีแต่สีเจ็บๆ แดง ส้ม เหลือง น้ำเงิน ขาว ดำ สดใสดีเหลือเกิน
   จะดียังไงก็ต้องลองชมตัวจริงกันก่อนครับ พรุ่งนี้ได้เห็นได้สัมผัส ถ้าใส่แล้วปั่นไม่ชนเท้าก็ค่อยมาว่ากัน ผมอยากได้ Pannier อีก 1 คู่ครับ ของเดิมมีอยู่แล้ว แต่ถ้าไปหลายๆ วันในฤดูฝน ฤดูหนาว มันใส่ของไม่พอครับ เพราะต้องมีเสื้อฝน เสื้อหนาว ลำพังแค่รองเท้าผ้าใบคู่เดียวก็กินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของ Pannier แล้ว (ผมซื้อ Ortlieb รุ่นเล็ก สำหรับใส่ด้านหน้ามาใช้ครับ)
   ตอนนี้เลยอยากได้ Pannier แบบถุงใหญ่หน่อยมาไว้ด้านหลัง ส่วนถุงเล็กจะได้แขวนด้านหน้า แต่ใส่ครบชุด 4 ใบแล้วผมจะรู้สึกว่าตัวเองเว่อร์มากไปหน่อย แต่ก็หยวนๆ ใช้เฉพาะตอนเดินทางน่ะ ลำพังปกติไม่แขวนให้มันเป็นภาระหรอก
   หรือผมจะใช้ของ Deuter ครบชุด 4 ใบเลยดี ถ้าใช้ของ Deuter ก็ต้องเอาของ Ortlieb ออกขายต่อ ซื้อมาแพงเสียด้วย ขายต่อจะมีคนซื้อไหมล่ะนี่
   ผมอ่านดวงในนิตยสารเขาว่าช่วงนี้ผมใช้เงินเยอะ เห็นจะจริง เริ่มวันแรกก็เสื้อกันลมกันฝน ตามมาด้วยเต้นท์ และนี่จะเอา Pannier อันใหญ่อีกคู่แล้ว ยังไม่นับแร็คหน้าหลังของรถ Full Size (จะเอาไปใส่คัน KHS HT) ปิดท้ายด้วยแฮนด์แบบผีเสื้อ (อันนี้หาในเวป thaimtb พอมี)
   เห็นลิสต์แล้วแทบเป็นลม ไม่ต้องคิดเป็นตัวเลข เพราะจะยิ่งเป็นลมเข้าไปใหญ่
   ต้นเหตุมาจากว่าผมอยากได้ของดีๆ แบบครบชุดน่ะครับ ปกติไม่ได้ใช้เงินมากมายขนาดนี้หรอก บางทีไม่ได้ซื้ออะไรสักอย่างนานถึง 6 เดือนก็ยังมี เสื้อผ้านี่ผมใช้ยาวเลย ไม่ได้ซื้อกันบ่อย
   แต่ผมจะออกเดินทางอย่างจริงจังแล้วครับ เลยอยากได้อุปกรณ์ที่ไว้วางใจได้ แบกไปแล้วใช้งานได้ทนทาน ไม่ต้องมาเป็นภาระภายหลัง มีบริการหลังการขายที่ดี เผื่อของพังกลางทาง ผมสามารถส่งซ่อมได้ ไม่ใช่เสียแล้วทิ้งกันท่าเดียว
   คิดหาเหตุผลแบบมีตรรกะเข้าข้างตัวเองนิดๆ ก็พอจะยอมรับได้บ้าง
   วันนี้ผมถอดสร้อยคอที่สวมติดตัวมา 20 กว่าปีออก ให้ภรรยาเก็บดูแลให้ นักเดินทางต้องไม่มีสิ่งใดที่ดึงดูดโจร ลำพังแค่ตัวรถก็ดูแลกันแย่แล้ว หากใส่เครื่องประดับเข้าไปอีกจะยิ่งดึงดูดเข้าไปใหญ่ ทั้งตัวผมมีสร้อยเส้นเดียวครับ เป็นสร้อยที่แม่ให้มา นาฬิกาไม่ใส่ เพราะขับรถยนต์แล้วมันเกะกะข้อมือ ส่วนแหวนนี้ไม่เคยใส่เลย ตอนใส่ถุงมือขับรถแล้วมันถอดเข้าออกลำบาก
   นั่งอ่านหนังสือบนโต๊ะทำงาน หยิบเอาลูกโลกมาพลิกดู พร้อมกับวางแผนเดินทางครั้งใหญ่ในปีหน้า ถึงเมษายนปี 53 มิวก็จะอายุ 8.5 ปี ถ้าเป็นไปได้ ถ้าลูกผมแกร่งพอ เราจะเดินทางไปด้วยกัน 

20 พฤษ 52
   วันนี้มิวเปิดเทอมของจริงแล้ว ไปส่งแต่เช้าตามระเบียบ ยังดีที่เลือกเรียนใกล้บ้าน เลยไม่ต้องผจญรถติดมากนัก แต่ก็นั่นแหละ บ้านผมอยู่ขอบชานเมือง ยังคงมีรถจากนอกเมืองไหลทะลักเข้ากรุงเทพฯไม่ขาดสายในช่วงเช้าๆ บนถนนพระราม 2
กลางวันไปเดอะมอลล์ท่าพระไปรับเสื้อกันลมกันฝนที่ส่งเคลม ได้เต้นท์ Ultralight I ติดมือมาอีกอัน เต้นท์อันนี้แหละที่ผมใฝ่หามานาน อยากได้แผ่นปูรองนอนด้วย กำลังหยิบค้นเลือกพลิกดู เจ้าหน้าที่ก็มาบอกผมว่ามีอีกรุ่นหนึ่ง เป็นรุ่นท๊อป ไม่ได้เอามาโชว์ เป็นแบบลมนะ กางแล้วหนา นอนสบาย แต่พับแล้วเล็ก เออ สเปคแบบนี้เข้าท่าๆ เลยให้เขาเอามาให้ผมดูวันหลัง
ลองกางเต้นท์ดูพร้อมกับเช็คอุปกรณ์ต่างๆ ชอบใจสมอบกมาก เล็ก บาง เบา หน้าจาแปลก ไม่เป็นท่อกลมเหมือนสมอบกทั่วไป “เอาไว้ปักในที่ร่วนหรือหิมะครับพี่” เจ้าหน้าที่บอกผม เออ แล้วเกิดผมปักมันบนพื้นดินจะเสียบอยู่ไหมหว่า ฮ่าๆ ต้องลองๆ
กำลังจะจ่ายเงิน เขาบอกว่าผมมีอุปกรณ์หม้อสนามหรือยัง ผมไม่ได้ใช้หรอก ผมเดินทางด้วยจักรยาน แบกอุปกรณ์ครัวแบกอาหารด้วยไม่ไหวแน่ เขาเลยแถมถุงนอนให้ผมแทน แต่ผมมีถุงนอนที่ใช้ประจำอยู่แล้ว เลยให้เขาเลือกอันที่ดีที่สุดมาให้ผมสักอัน
เขาบอกของแถมมันไม่ค่อยดีหรอก จะให้ดีต้องเป็นรุ่นนี้ ว่าแล้วก็หยิบถุงนอนอีกแบบออกมา ราคาเกือบพัน แล้วจะเอาอันนี้แถมให้ผมได้หรือ ผมชักสงสัย เขาคิดสักแป๊บแล้วบอกว่าผมแถมให้พี่ได้ครับ เมื่อวานมีลูกค้าซื้อถุงนอนรุ่นที่เป็นของแถมไป เดี๋ยวผมจะสลับยอดขายกัน ราคาที่ต่างกันผมคิดเป็นส่วนลดเพิ่มให้พี่ก็แล้วกัน
เออ .. มีแบบนี้ด้วยวุ้ย ท่าทางดูเขาจะดีใจมากที่ขายเต้นท์รุ่นแพงสุดของ Equinox ให้ผมได้ อาจดีใจที่ได้ค่าคอมฯ มันเป็นระบบของเขา งานของเขา เขาบริการดี ก็สมควรแล้วที่ได้ไป
กลับมาบ้านตอนบ่ายรีบทดลองซ้อมกางด้วยตนเองคนเดียว ครั้งแรกใช้เวลาไป 5 นาทีครับ หากรวมเวลาคลุมฟลายชีทด้วยก็เพิ่มอีกสัก 2 นาที
   ตัวเต้นท์มีประตูเดียวครับ มีช่องลม 2 ด้าน อยู่หัวและท้าย แต่ถ้าคลุมฟลายชีทแล้วมันจะปิดช่องลมเกือบหมด เหลื่อช่องแง้มๆ อยู่นิดเดียวเอง ชักหวั่นใจว่าจะนอนแล้วจะร้อนไหมล่ะนี่
   กำลังคิดหาทางโมดิฟายช่องลมเข้าออก
   ผมเปลี่ยนใจยกเลิกเรื่องดู Pannier ของ Deuter กระทันหันครับ เพราะของเดิมเราก็มีอยู่แล้ว ช่วงนี้ใช้เงินไปเยอะมากๆ แล้วด้วย จะเอา Pannier มาอีกทำไมกัน หากจะซื้อจริง สู้ไปซื้อของ Ortlieb ให้มันเข้าชุดกันกับของเก่าที่มีอยู่ไม่ดีกว่าหรือ 
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52 17 ดอนหวาย
« Reply #11 on: May 21, 2009, 03:46:54 pm »
21 เมษ 52
   เหลือเวลาอีก 7 วันจะถึงวันที่ผมออกเดินทาง เป็นทริป 4 วันอีกอันที่น่าจดจำของผม ส่วนจะไปไหนผมยังไม่สรุปแน่ชัด เพราะมีหลายทางเลือก
-   ไปทางภาคตะวันออก ตามที่เคยวางแผน ปั่นมันจากบ้าน กทม นี่แหละ แรงดี
-   นั่งเครื่องบินไปปั่นเล่นทางภาคเหนือ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน
-   ปั่นไปอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ขากลับก็แวะตลาดอัมพวาอีกหนึ่งคืน ปั่นไปจากบ้าน กทม
ที่จริงมีอีกทางเลือกคือไปสิงคโปร์ แต่ไม่เอา ช่วงนี้เบื่อเดินทางต่างประเทศมาก
รอให้พวกเรื่องไข้หวัด 09 เงียบลงสักหน่อยก่อน เดี๋ยวเขาเห็นผมหน้าตาประหลาด จะกักกันไว้ที่ด่านเสียอีก
   วันนี้กะจะปั่นไป Pro Bike เอารถ KHS HT ไปทดลองใส่แร็ค แต่เปลี่ยนใจ แดดแรงเหลือเกิน เอาใจยากเน๊อะ ฝนก็บ่น แดดก็บ่น ฮ่าๆ แต่คงอีกไม่นานแหละ ต้องเอาไปลองเทียบดูแน่ ถ้าใส่ได้ ก็จะเอาใส่ติดรถกลับมาบ้านเลย จะได้มีรถทัวริ่งแบบ Full Size กับเขาบ้าง ไม่ต้องเป็นทัวริ่งตั้งแต่เกิดก็ใช้ปั่นเดินทางได้สบายมากๆ ครับ ขอแค่รถถูกสัดส่วนกับสรีระ และสามารถนั่งปั่นนานๆ เป็นชั่วโมงได้โดยไม่เมื่อยล้า กฏของรถทัวริ่งในแบบฉบับของผมมีเท่านี้ ไม่ต้องเป็นรถระดับเทพฯ ไม่ต้องหรูแบบหลายหมื่นบาท
   เล่าเรื่องเต้นท์ดีกว่า ผมกางแล้วทิ้งไว้ในห้อง มองดูหลายๆ มุมพบว่าเต้นท์เล็กๆ อันนี้มันนอนได้ 2 ทิศทางคือเอาด้านหัวและเท้าสลับกันได้ แล้วแต่ชอบได้เลย ด้านในเต้นท์กว้างพอที่จะเอาเป้หรือ Pannier สัก 2 ใบวางได้แบบสบายๆ การวางเป้ด้านในเต้นท์นอกจากจะปลอดภัย และหยิบของง่ายแล้ว น้ำหนักของเป้ยังกดทับเต้นท์ไว้ ช่วยไม่ให้ลมพัดปลิวไปได้อีกด้วย เคยเห็นคาตาเลยครับ นักท่องเที่ยวกลางไว้ริมทะเล แล้วไปเล่นน้ำกัน พอเจอลมแรงๆ เข้าให้ ลมหอบเต้นท์กลิ้งหลุนๆ ไปไกลเลย รีบวิ่งตามเต้นท์กันจ้าละหวั่น
   พวกเต้นท์ทรงสูงมักจะแพ้ลมแรงๆ ครับ ส่วนของผมเป็นเต้นท์แบบรูปสระอิ มันไม่เป็นโดมครึ่งวงกลมครอบเหมือนของคนอืนเขา ทรงของผมลู่ลมกว่า แน่นอนว่ามันเล็กกว่ามาก แคบกว่าด้วย เตี้ยวกว่าอีกเช่นกัน ใส่เสื้อผ้าในเต้นท์ไม่สะดวกครับ สู้พวกเต้นท์ใหญ่ไม่ได้
   “เต้นท์ Everest” คือชื่อเล่นของเต้นท์อันนี้ พนักงานขายบอกผม นักท่องเที่ยวที่ไปลุยถึง Everest เขาจะใช้เต้นท์อันนี้ เพราะมันกันพายุได้ เต้นท์ตัวนิดเดียวแต่มีจุดปักสมอบกถึง 12 จุด รูปทรงลู่ลม มีฟลายชีทคลุมปิดมิดชิดรอบเต้นท์
   เอ.. ตกลงผมเลือกผิดหรือเลือกถูกกันแน่วะนี่ ผมชอบแค่เพราะมันเล็ก เบา กางเร็ว เก็บเร็ว ไอ้ถึงกับกันพายุหิมะนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเลย
   เอาวะ ลองดู ให้มันนอนสบายก็โอเคแล้วล่ะ เรื่องอะไรก็ไม่กลัวหรอก ผมกลัวร้อนอย่างเดียว นอนแล้วเหงื่อตกเหงื่อซึมนี้ไม่สนุกเลยนะครับ มันจะนอนไม่ได้เอา แบบนี้ต่อให้เต้นท์เทพอย่างไรก็ไม่เอาแล้วครับ
   อ้อ ผมต้องเตรียมผ้าปูรองพื้นก่อนตั้งเต้นท์ด้วยครับ ป้องกันเลอะเทอะ ตอนแพ็คเก็บจะได้รวดเร็วหน่อย ถ้ามารอล้าง รอเช็ด รอแห้ง ก็ต้องใช้เวลาอีกนาน เอ เอาผ้าอะไรดี เพราะใช้แค่ปูรองกันเลอะ มองไปมองหาเห็นผ้าคลุมจักรยานซื้อจาก Daiso 60 บาท โหงวเฮ้งใช้ได้ ใหญ่ บาง เบา แต่กลัวปูทีเดียวแล้วมันขาดจังเลย เอาไงดีวะ
   ช่วงนี้แม้จะไม่มีฝนหนักๆ แล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้ปั่นจักรยานครับ ลูกเปิดเทอมแล้ว ตอนเช้าต้องเร่งรีบหน่อย ดีนะที่เรียนใกล้บ้าน ไม่ต้องผ่ารถติดเข้าไปในเมืองเหมือนสมัยผมวัยเด็ก
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52 17 ดอนหวาย
« Reply #12 on: May 22, 2009, 06:38:44 pm »
22 พฤษ 52
   อยู่บ้านว่างๆ มุดเข้ามุดออกเต้นท์ ทำยังกะเด็กเล่นของเล่น เหมือนจริงๆ เลยครับ เหมือนเด็กเล่นบ้านตุ๊กตาอะไรราวๆ นั้นเลย จะว่าบ้าเห่อก็ใช่เลย ลองซ้อมกาง ซ้อมพับ ซ้อมเช็ดล้างทำความสะอาด เผื่อตอนออกทริปจริงๆ จะได้ทำอย่างคล่องแคล่ว การซ้อมอยู่กับบ้านแบบนี้จะทำให้เราคุ้นเคยมือ และทราบว่าในสถานการณ์จริงแล้วเราต้องการอะไรอีกบ้าง
   ตะเกียงครับ ผมต้องการตะเกียง สเปคของที่ผมต้องการคือ เล็ก เบา และสว่าง หากหาไม่ได้ ก็คงใช้ไฟฉายแทน หรือหมดสิ้นปัญญาจริงๆ ก็เอาไฟหน้าจักรยานนี่แหละวะ พอจะแทนกันได้บ้าง
   อ้อ ยังขาดหมอนครับ แม้จะใช้เสื้อรองหนุนนอนแทนได้ แต่มันให้ความสบายผิดกัน อันนี้เล่นไม่ยาก เขามีหมอนนักเดินทางขายหลายแบบ ราคาร้อยกว่าบาท เล็งไว้แล้วล่ะ อาจไปเอาพร้อมกับแผ่นรองนอนหลังวันที่ 25 พฤษ ตามที่เจ้าหน้าที่ขายเต้นท์เขาบอกไว้
กลายเป็นว่าหากผมจะแบกเต้นท์และเครื่องนอนแบบครบชุดไปด้วยนี่ต้องใช้กระเป๋าเสริมอีกอันครับ Pannier ของเดิมไม่พอใส่ เอาล่ะสิ แม้ผมจะใช้ของ Ortlieb อยู่ถึง 2 ใบแล้ว แต่มันเป็น Pannier อันเล็กครับ เขาจะใช้กระเป๋าเล็กแขวนกับแร็คหน้า ส่วนผมเลือกซื้ออันเล็กมาก็เพราะตอนแรกคิดแค่ว่าเดินทางเล่นๆ ขำขำ ใส่ของคงพอ
กลางวันไป Pro Bike เอารถ KHS HT ไปจอดเทียบวัดดูว่าสามารถใส่แร็คหลัง ปรากฏว่าใส่ได้พอดีเป๊ะ อ๊ะ แจ๋ว เป็นแร็คสองชั้นเสียด้วย เลยสอยมาซะ อ้อ แร็ครุ่นนี้รถที่ใช้ Disc Brake ใช้ไม่ได้ครับ
แร็คหลังมีตัวยึดสูบมาด้วยครับ แต่ผมว่าคงไม่ได้ใช้หรอก เพราะไม่ค่อยมีสูบที่มันยึดด้านบนล่างขายเท่าไหร่เลย แบบยึดตรงรูกระติกน้ำสิจะมีเยอะมากกว่า
เห็นมีแร็คหน้าอันเล็กๆ ด้วย ใส่ของอะไรไม่ได้มากนักหรอก แต่มันน่ารักดี ใส่แล้วรถดุขึ้นอีกเล็กน้อย เลยเอามาด้วยอีกอัน ยี่ห้อ Mass Load เข้าชุดกันกับแร็คหลัง
ใจจริงอยากได้ที่แขวน Pannier หน้าด้วยนะ แต่มันทำมาสำหรับตะเกียบที่มีรูยึดตรงกลางตะเกียบด้วย รถผมใช้ช้อคฯหน้า เลยอดใส่
ลูบๆ คล่ำๆ กระเป๋าหน้าแฮนด์ แต่ทำใจไม่ได้ครับ ออกแบบมาไม่สวย
ไปเอาขากระติกน้ำของ Zefal มาเพิ่มอีกอันครับ รถคันนี้ดั้งเดิมผมใส่กระติกแค่ใบเดียว ช่วงนี้ใช้รถจริงจังละ ใส่มันสองใบซะเลย (หากมีจุดยึดอีก ผมก็จะใส่เพิ่มเป็น 3 หรือ 4 ก็เอาวะ)
ใส่แร็คติดตั้งเสร็คก็ขอยืม Pannier Ortlieb ใบใหญ่แขวนออกปั่น ขายึดของ Ortlieb ใช้งานได้ดีมากๆ ครับ ยึดติดกับแร็คได้มั่นคงมากๆ หากแขวนชั้นบนก็จะแน่นมากๆ แต่ถ้าแขวนชั้นล่างที่โครงแร็คจะก้านเล็กกว่า ต้องใช้อแดปเตอร์เสริม แต่แขวนด้านล่างแล้วจะวางของใหญ่ด้านบนได้เยอะกว่า โดยเฉพาะการวางแบบขวาง
สองจิตสองใจครับ จะเอาใบใหญ่ด้วยดีไหม ใจหนึ่งอยากได้ แต่อีกใจคิดถึงเหตุผล ก็เลยยั้งไว้ก่อน
มีลูกค้าผู้หญิงอายุสัก 35 กว่าๆ มาซื้อ Dahon Mu เขาดูรถแป๊บเดียวไม่ถึง 5 นาที สอบถามโน่นนี่นิดหน่อยก็จ่ายเงินซื้อเลย พร้อมกับซื้ออุปกรณ์เสริมพวก กระจกข้าง กระติกน้ำ ไฟหน้า ได้ลูกค้าแบบนี้เยอะๆ ก็ดีสินะ
ร้าน Pro Bike ลูกค้าเยอะมากๆ ครับ มีคนสิงคโปร์ขี่รถเข้ามาในร้านมองหาเจ้าหน้าที่ ผมเห็นกระเป๋าใต้เบาะเขาเปิดค้างไว้เลยเรียกเตือน เขาหันมาทำหน้างงและส่งภาษาจีน สอบถามเขาจึงรู้ว่าเพิ่งมาอยู่ไทย เพิ่งซื้อ Trek ไป วันนี้มาหา Bar End เพิ่ม เพิ่งจะไปทริป 100 กม กับ Pro Bike มา ทริปแรกของเขาเลย ซัดไปซะ 150 กม ดูท่าทางแกจะชอบ ติดตั้ง Bar End เสร็จก็รีบออกไปลองโยกในสวนลุมฯ
วันนี้เจ้าหน้าที่ชื่อ พี่เหน่ง เป็นคนบริการผมครับ บริการดีมากๆ ผมไม่เคยเห็นใครในร้านเขาหน้าหงิกหน้างอใส่ลูกค้าสักคน แต่ช่วงหลังมีเจ้าหน้าที่ตรงเคาเตอร์เก็บเงินมาใหม่กันหลายคน เป็นหญิงล้วน ผมไม่ค่อยคุ้นเคย เพราะคุยกันตอนจ่ายเงินอย่างเดียว
เย็นผมโทรเช็คพ่อค้าขายของในเวป สอบถามราคา Pannier ของ Ortlibe ใบใหญ่ พบว่าราคาเท่ากับ Pro Bike เป๊ะเลย
ฝนตกลงมาอย่างหนักมาก อยากลองของเอาเต้นท์ออกไปกางรับน้ำฝนดู แต่คิดแล้วไม่เอา ขี้เกียจเช็ด เช็ดเต้นท์นี้ยากกว่าเช็ดรถอีกนะ เพราะมันดิ้นไปมา เอาเข้าจริงก็คงปล่อยมันแห้งเองนั่นแหละ
คืนนี้ทางทางจะนอนสบายอีกแล้ว
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52 17 ดอนหวาย
« Reply #13 on: May 24, 2009, 11:08:56 am »
23 พฤษ 52
   เมื่อคืนไม่ได้หลับสบายอะไรเลยสักนิด หากเป็นฝรั่งเขาจะเรียกว่าฝันร้ายเลยก็ว่าได้
   ดาดฟ้าบ้านผมรั่วครับ ไม่ใช่บ้านที่เป็นห้องทำงานของผมนะ แต่เป็นบ้านเก่าที่สร้างมา 30 กว่าปีแล้ว น้ำรั่วจากด้านบนลงมาตามท่อร้อยสายไฟ แถมห้องนั้นเป็นห้องเก็บของที่อยู่ในตัวบ้าน เลยไม่ค่อยมีใครเปิดเข้าไปดู มาวันนี้พบว่าน้ำเจิ่งนองเต็มไปหมด
   ทะยอยรื้อของกันออกมาจ้าละหวั่น รีบเช็ดทำความสะอาดพื้น เป็นพื้นไม้ปาร์เก้ อีกหน่อยคงจะปูดบวมเป็นแน่ วิดน้ำ ซับพื้น เช็ดอยู่นาน ตักน้ำออกไปราว 2 ถัง ก่อนนอนลงมาดู เฮ้ยย น้ำเข้ามาอีกแล้ว เหมือนเดิมเป๊ะเลย แต่น้อยกว่านิดหน่อย
   วิดน้ำกันอีกรอบ ข้าวของก็เกะกะ ทำงานยาก เดินหาต้นเหตุพบว่ารั่วมาจากเบรกเกอร์ของแอร์ที่มีสายไฟร้อยท่ออยู่ แอร์ไม่มีนานแล้ว ถอดออกไปแล้ว เหลือแต่ตัวเบรกเกอร์
   ทำได้แค่เอาผ้าขนหนูหนาๆ มารองน้ำไว้ กว่าจะได้นอนก็เกือบเที่ยงคืน
   อ้อ ตกดึกประตูรั่วรีโมทเสียอีกด้วย ภรรยาเอารถเข้าบ้านไม่ได้ ต้องจอดด้านนอก
   ตื่นเช้ามาลุ้นระทึก ดีที่ผมเอาผ้าขนหนูอุดชายล่างประตูห้องไว้ ไม่งั้นน้ำทะลักออกมานอกห้องแน่ๆ จะยิ่งเละกว่าเก่า เปิดมาเจอน้ำเจิ่งนอง รีบวิดน้ำอีกรอบ ซับพื้น เช็ดแห้ง ถึงได้มีเวลาว่างเดินไล่หาต้นเหตุ
   หลังคาห้องเก็บของเป็นดาดฟ้าเล็กๆ ครับ มีไม้เลื้อยชื่อการะเวกปลูกให้มันเดินไปกันแดดตามชายหลังคา การะเวกจะมีดอกร่วงมาก ใบก็มีบ้าง แต่ไม่มากเท่าดอก ต้นเหตุคือใบไม้ดอกไม้ร่วงและไปอุดตันท่อน้ำทิ้งของดาดฟ้า ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นๆ ระดับน้ำสูงราว 5-6 นิ้ว ทำให้ไปเจอกับตำแหน่งของท่อร้อยสาย จากนั้น ท่อเดินสายไฟก็กลายเป็นท่อส่งน้ำไหลลงมายังด้านล่าง
   ทำความสะอาดดาดฟ้าเสร็จ ก็มาซ่อมประตูรีโมทต่อ ตัวล็อคตัวหยุดมันค้าง กดแล้วมอเตอร์ทำงาน แต่เฟืองไม่หมุน ต้องยกรางที่ขบกับฟันเฟืองออก ตัวหยุดมันถึงจะคลาย จากนั้นประตูก็ทำงานได้ตามปกติ
   ทำอยู่จนถึงเที่ยงครับ พักกินข้าวเช้าไปหน่อยเดียว น้ำก็ยังไม่ได้อาบ ฮ่าๆ
   กลางวันบ้าเห่อต่อ ได้แร็คใหม่มาก็ปรับตัวยึดของ Pannier ให้เข้ากับแร็คใหม่ โครงของแร็ค Mass Load จะใหญ่กว่าโครงแร็คของ KHS F20-W แต่ไม่ใช่ปัญหา Ortlieb รู้ว่าเราต้องเจอแบบนี้ เขาให้อแดปเตอร์มา 2 ชุด สวมแล้วพอดีเป๊ะ ถ้าแขวนที่แร็คชั้นบนที่เฟรมมันอ้วนมากราวนิ้วก้อยก็ไม่ต้องใช้อแดปเตอร์ แต่ถ้าแขวนที่ชั้นล่างก็ใช้อแดปเตอร์ตัวกลาง และถ้าแขวนบนแร็คโบราณๆ เฟรมเล็กๆ ก็ใช้อแดปเตอร์อันใหญ่สุด
   ผมเลือกแขวนไว้ชั้นล่างของแร็คครับ ทำให้ด้านบนว่าง สามารถวางกระเป๋าบนได้ หรือมีสัมภาระใหญ่ๆ จะวางขวางก็สามารถทำได้เช่นกัน
   ส่วนแร็คหน้าที่บอกเล็กๆ ซื้อมาเพราะน่ารักดี ใส่แล้วรถดูดุนิดหน่อยนั้น เอาเข้าจริงสามารถนำ Pannier ไปแขวนได้เช่นกันครับ พอดีเป๊ะเลย ดูแปลกตาตรงตำแหน่งของ Pannier มันสูงๆ ไม่ได้เหมือนพวกที่เขาแขวนกับแร็คด้านข้างตะเกียบ
แต่ใส่ Pannier หน้าแล้วจะวางกระเป๋าด้านบนไม่ได้ครับ เพราะแร็คหน้าเป็นแร็คแบบชั้นเดียว มิได้เป็นแบบสองชั้นเหมือนแร็คหลัง
   วุ่นกับรถเสร็คก็หันไปวุ่นกับเต้นท์ต่อ กางทิงไว้แต่ตัวเต้นท์ตั้งแต่วันแรกที่ได้มา วันนี้นำฟลายชีทมาคลุมทับ ดูโหงวเฮ้งแล้วไม่น่ารอด มันต้องร้อนแน่ๆ เลย เพราะมันเล่นคลุมมิดปิดหน้าต่างช่องลมไปหมด
   เอาไงดีวะนี่ หรือจะนอนแบบเปิดฟลายชีท คนเดินผ่านไปผ่านมามองเข้ามาก็เห็นเราชัดเจนเลย (เต้นท์โปร่ง มีช่องลม 3 ช่องใหญ๋) แต่มันก็ดีกว่าร้อนล่ะน่า ปิดมิดแล้วร้อนจะไปปิดทำไมกัน ไม่ได้กันหิมะสักหน่อย ไม่ได้อยู่บน Everest ใครจะมองก็ช่างเขาล่ะวะ เอาตัวเรานอนสบายไว้ก่อน   
   ใกล้จะถึงวันที่ผมจะออกเดินทางแล้ว แต่ยังไม่รู้จะไปไหนดีเลย อยากได้แบบเส้นทางสวยและนอนเต้นท์แบบวิวดี ใจคิดสะเปะสะปะไปหมด ไปทางภาคตะวันออกจนถึงตราดบ้างล่ะ แต่อีกใจก็คิดอยากปั่นไปเที่ยวเล่นบนเขาใหญ่ ทำไมการออกเดินทางครั้งนี้ผมดูไม่พร้อมยังไงพิกล หรือเป็นเพราะว่าเราห่วงเรืองการนอนเต้นท์ อยากได้ทำเลที่กางดีๆ วิวดี ๆ เงียบสงบ ผมไม่เคยปั่นแล้วนอนเต้นท์มาก่อนเลย ทุกทริปก็ไม่เคยห่วง เพราะได้นอนห้องสบายๆ แต่พอนอนเต้นท์แล้วต้องเป็นห่วงเยอะ เริ่มจากเรื่องความปลอดภัย ทั้งของตัวเองและของจักรยาน อีกเรื่องคือฝน แม้จะไม่เปียก แต่ถ้าคลุมกันปิดเต้นท์มันก็ร้อนอบอ้าว จะพาให้นอนไม่ได้เอา ส่งผลให้วันรุ่งขึ้นปั่นไม่ไหว ทำระยะทางไม่ได้ตามเป้า
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พฤษ 52 17 ดอนหวาย
« Reply #14 on: June 01, 2009, 02:48:39 pm »
24 พฤษ 52
   เช้านี้มีทริปปั่นเขาใหญ่ครับ กลุ่มไหนจัดก็ไม่รู้ ไม่เคยไปกับเขาหรอก แต่ดนัยกับอากิชวนผมไว้ เป็น one day trip แบบสุดสัปดาห์ทั่วไป แต่จังหวะนี้ผมชอบแบบนอนเต้นท์ สงสัยเพราะบ้าเห่อ เพิ่งได้มีเต้นท์
   เป็นอันว่าวันนี้ไม่ได้ไปปั่นครับ ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะผมไม่ค่อยได้อยู่บ้านวันอาทิตย์เลย อีกทั้งวันอาทิตย์หน้าอีก 3 ครั้งล้วนๆ ผมก็จะไม่อยู่ เป็นทริปจักรยาน 28- 31 นี้ผมไปลุยเองคนเดียว 6-7 ไปอยุธยา 13-14 ไปสระบุรี ไปกับกลุ่มเดิมครับ พวกผู้ใหญ่ใจดีจาก TCC เช่นเคย
   ใกล้จะได้นอนเต้นท์อย่างสมใจเสียที ลำพังเรื่องแค่นอนเต้นท์มันไม่ใช่ประเด็นหรอกครับ เนื้อหามันอยู่ที่บรรยากาศยามเย็นและค่ำคืนต่างหาก อยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ และผู้มีสไตล์เดียวกัน มีปัญหาอะไรก็ช่วยเหลือกันหมด สนุกดีออก ผมเองก็คอยช่วยเหลือคนอื่นยามเขามีปัญหาเหมือนกัน ไปร่วมทริปกับเขาก็ขอทำตัวมีประโยชน์สักหน่อย แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
   กลางวันฝนเทลงมา มองออกไปนอกหน้าต่างนึกถึงดนัยกับอากิสองนักปั่นคนนี้เสียจริง จะโดนฝนกันบ้างไหมหนอ สองคนนี้เขาปั่นเสือหมอบกันครับ ไปได้เฉพาะทริปทางเรียบ แต่ผมว่าหากออกทริปบ่อยๆ เจอลูกรังเข้าให้บ้าง อีกหน่อยคงมี MTB อีกคัน
   ผมเองสมัยก่อนก็ใช้แต่ MTB ครับ มาช่วงปี 05 ที่ Pro Bike นำ Dahon เข้ามาขาย ถึงได้ใช้รถพับอย่างจริงจัง พบว่าสะดวกมากตอนขนย้ายใส่รถตอนนำไปต่างจังหวัด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็เลยได้ปั่นอย่างจริงจังมากขึ้น ผลสืบเนื่องทำให้ได้หยิบเอา MTB คันเก่าๆ ออกมาใช้งานอีกขณะเดินทางไกล
   จิตใจร้อนรนเหลือเกิน เพราะอีกแค่ 4 วันก็จะออกเดินทางปั่นแล้ว แต่ยังไม่รู้จะไปไหนดี เออ.. เอากับเขาสิ แปลกดีไหมล่ะ เพราะมันไปคนเดียวน่ะครับ เลยอิสระไปหมด ไม่มีกรอบอะไรสักนิด มุมมองมันกว้างไปหมด แต่ถ้าไปกับพรรคพวกที่ตีกรอบให้แคบลงมาหน่อย อย่างน้อยระบุจุดหมายปลายทางมาให้ แค่นี้ก็พอจะวางเส้นทางได้บ้าง แต่นี่จะสอบถามใครก็อายเขา ถามไปก็ดูเลื่อนลอย ตอบแล้วมันจะไปจริงหรือเปล่าวะนั่น
   หยิบเอาแผนที่ประเทศไทยออกมากางดู พบที่ๆ อยากไปมากมาย แต่งานนี้ผมอยากปั่นเยอะๆ ครับ คิดจะปั่นจากบ้านไปเลย แถมใจถึงจะปั่นกลับอีกด้วย จุดหมายปลายทางจึงต้องยอมย่นให้สั้นลงมาหน่อย จะมาหาความสนุกระหว่างเส้นทางแทน
   ทะเล หรือภูเขา ตอนนี้มีแค่ 2 ทางเลือก ทะเลผมกลัวร้อนนะ เลยเลือกภูเขาแทนละกัน หวังว่าคงจะมีลมเย็นพัดสบายช่วงกลางคืน เขาไหนใกล้ๆ เมืองหน่อย คำตอบคือ เขาใหญ่นั่นไง ไม่รู้ผมคิดผิดหรือถูก ไม่เคยไปเหมือนกัน
   เอ๊ะ หรือจะไปเกาะเสม็ดดี มองเห็นเกาะนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยข้ามไปสักที อยู่แต่ชายฝั่งระยอง หาดแม่รำพึง บ้างก็อ่าวมะขามป้อม
   ไม่รู้โว๊ย ยังสรุปไม่ได้
   เย็นผมพับเก็บผ้าปูนอนเล่นที่กางไว้กับพื้น เท้าไปเหยียบเอาต่างหูของภรรยาที่ถอดไว้ อูยยย เสียบเข้าเท้าผมครับ ดีที่ตกใจไม่ลงน้ำหนักเต็มตัว เลยเข้าไปไม่ค่อยลึก เจ็บครับ เจ็บมาก เลือดพุ่งเลย รีบเอามือกดปากแผลไว้อยู่นาน กดจนเลือดหยุด เดินกระเผลกๆ ไปอาบน้ำ รีบเข้านอน
   จิตใจคิดถึงแต่เรื่องเท้า ห่วงว่าจะปั่นจักรยานไม่ได้

25 พฤษ 52
    ช่วงนี้ฝนตกยังไม่ขาด แรกๆ เป็นห่วงว่าเราจะปั่นได้หรือนี่ มัวแต่กังวลก็จะปั่นไม่สนุก ผมเองก็รู้ในข้อนี้ดี คิดจะปั่น ก็ออกปั่นกันเลยครับ ไม่หวั่นอะไรแล้วครับ ไปคิดหาวิธีสนุกกับสายฝนจะดีกว่า
   เท้าผมเริ่มเจ็บน้อยลงครับ โชคดีไม่บวม ไม่อักเสบ ไม่งั้นงานเข้าอีกแน่
   รถ KHS HT ของผมเก่าแก่มากครับ เป็น MTB คันแรกของผมราวปี 93- 94 ชุดกระโหลกหลวมมานานมาก จากเริ่มโยกได้นิดๆ ก็คลอนมากขึ้น ผมทนใช้ไป เพราะมันยังไม่ถึงกับน่ารำคาญ แถมผมใช้รถคันนี้ไม่บ่อยนัก เลยทิ้งไว้อยู่เป็นปีๆ
   มาวันนี้เริ่มอยากทำรถให้สมบูรณ์ครับ เผื่อจะหยิบออกใช้งานได้ทันท่วงที นึกถึงร้านจักรยานแถวบ้าน ชื่อร้านทองเอก เห็นคนในเวปชมกันเยอะ ไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ เลยลองไปใช้บริการดู ห่างจากบ้านผมสัก 3.5 กม
   เป็นร้านห้องแถวสองห้องครับ ขายจักรยานเด็กและแม่บ้านห้องหนึ่ง อีกห้องติดแอร์ขายของแพงพวก MTB มีรถพับ Dahon Mu ด้วย สีขาวสวยดี
   เข้าไปสอบถามว่าชุดกระโหลกของผมสามารถปรับตั้งได้หรือไม่ ผมคิดไปว่ามันจะเหมือนของพวก BMX ที่เคยขี่สมัยหนุ่มๆ แต่มันคนละเรื่อง ปรับตั้งไม่ได้ หลวมแล้วก็ต้องเปลี่ยนกันใหม่ยกชุด ผมเป็นคนไม่ชอบแต่งรถครับ จะใช้จนมันพัง และหากจะเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ก็มักจะเลือกใช้ของที่ค่อนข้างดี ผมเรียกหาชุดกระโหลกของ Shimano XT แต่เขาบอกว่ามันเก่ามาแล้ว หายาก มีแต่ของ VP ก็เลยหยวนๆ เขาคิด 380 บาท ไม่รู้แพงไหม
   พอเปลี่ยนเสร็จก็ตรวจเช็คระบบเกียร์ให้ผมด้วย เขาเห็นว่ามันฝืด เลยถอดสายทั้งหมดออกมา และใส่จารบีสีขาวให้ ไขชุดคอให้แน่นอีกนิด คันนี้คอหลวมมานานแล้วเหมือนกัน คิดค่าแรงพวกนี 60 บาท
   ปั่นออกมาแล้วรู้สึกลื่นกว่าเดิมมากๆ นี่ของเดิมมันฝืดขนาดผมปั่นไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือนี่ ปั่นไปอมยิ้มไป ใจคิดอยากเอาคันนี้ไปลุยทางไกลแล้วนะนี่ ติดที่ยางหลังเป็นสลิค และถอดเข้าออกยากเหลือเกิน กลัวจะเป็นภาระตอนปะยาง อีกอย่างคือคันนี้ไม่มีบังโคลน แต่มันเป็นรถล้อใหญ่ 26 นิ้ว ปั่นทางไกลดีกว่ารถล้อเล็กอย่าง 20 นิ้วแน่นอน
   เส้นทางก็ยังสรุปไม่ได้ รถก็ยังสรุปไม่ได้อีก
   กลางคืนเพื่อนในเวป thaimtb โทรมาบอกว่าพรุ่งนี้จะเอา Pannier ของ Deuter มาให้ดู ผมเกรงใจเขา บอกไปตามตรงว่าจะไม่ซื้อ เขาว่าไม่เป็นไร เขาผ่านหน้าบ้านผมประจำ อยากรู้จักกันไว้เป็นเพื่อนกัน ผมโอเคเลย ไม่มีปัญหา

26 พฤษ 52
   กลางคืนฝนตก เช้าก็ยังตกปรอยๆ เท้าเจ็บน้อยลงกว่าเดิม เป็นนิมิตรหมายดีจริงๆ
   เช้านี้ทานอาหารดีครับ เป็นเต้าหู้สามรส เอาเต้าหู้ขาวมาทอดข้างนอกพอเหลือง แล้วทำหมูสับปรุงรสคล้ายผัดกระเพราราดลงไป ทานกับข้าวสวยข้าวกล้อง มีผัดผักจานใหญ่อีกจาน อิ่มแบบมีคุณภาพ
   กลางวันผมลองซ้อมจัดกระเป๋าดู พบว่าของเยอะจนไม่พอใส่ครับ เอาไงดีล่ะนี่ ใจคิดมองหา Pannier เพิ่มอีกหนึ่งคู่ หากจะซื้อก็คงใช้ของ Ortlieb แบบเดิมแหละครับ จะได้เข้าชุดกัน
   ของที่เตรียมไปมันเยอะขึ้นเนื่องจากหน้าฝนด้วยน่ะครับ เลยมีเสื้อกันฝนอีกตัว แม้มันจะบาง แต่ผมไม่อยากม้วนให้มันแน่น เลยใส่แบบหลวมๆ สบายๆ ไว้ด้านบนสุด เพราะจะได้หยิบใช้ได้ทันท่วงที
   การจัดเตรียมของครั้งนี้ผมแบ่งเป็นหมวดหมู่ก่อนครับ เช่น

อุปกรณ์ของรถ ได้แก่ ยางใน สูบ ชุดปะ เครื่องมือ กระติกน้ำ สายรัดอเนกประสงค์
อุปกรณ์ของคน ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้าแตะ แว่น หมวก ของใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ
อุปกรณ์แคมปิ้ง ได้แก่ เต้นท์ ผ้ารองเต้นท์ ผ้ารองซับไอน้ำด้านใน ผ้ารองนอน หมอน เสบียง              ได้แก่ อาหาร น้ำดื่ม (ด้านท้ายเกาะเสม็ดไม่มีน้ำ ไฟ ร้านค้า)
ชุดปฐมพยาบาล ได้แก่ ยาแก้ไข พลาสเตอร์ ผ้าพันแผล ยาใส่แผลสด เกลือแร่
เบ็ดเตล็ด           ได้แก่ กล้องถ่ายรูป สมุดบันทึก หีบเพลง ดินสอวาดรูป ฯลฯ
   
   นี่ยังดีนะที่ผมไม่ได้ทำอาหารด้วย ไม่งั้นต้องมีพกเครื่องครัวไปอีก เอารถยนต์ไปดีกว่ามั้งพี่ ฮ่าๆ
   ช่วงบ่ายเพื่อนนักเรียนผมวัยเด็กชื่อ เปา โทรมาคุย เปากับผมตอนเด็กเราข้ามเรือไปเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญด้วยกันทุกวัน เจอกันประจำ แยกย้ายกันตอนมัธยม 3 และไม่เคยเจอกันอีกเลยถึง 18 ปี เจอกันตอนงานเลี้ยงรุ่น และมาเจอล่าสุดปีที่แล้ว ตอนไปซื้อคอนโดอยู่ที่เดียวกัน ผมอยากได้ห้องริมน้ำ แต่มันเต็มหมดแล้ว คนจองกันหมด เปาใจดีมาก ยกใบจองให้ผมเฉยเลย
   เปาไป USA เพิ่งกลับมา เป็นทริปพักผ่อน เขาไปรัฐ Oregon ถิ่นเก่าผมอีกแล้ว ตอนหนุ่มๆ ผมอยู่ที่รัฐ Washington เมือง Seattle อยู่เหนือ Oregon และอยู่ใต้ของประเทศ Canada
   คุยกันอยู่นานอย่างออกรส คุยเรื่องสุขภาพกัน เปาเป็นเบาหวานครับ ทุกวันนี้หนักราว 100 กก สูงสัก 170 เศษ ผมรีบบอกให้เปาลดน้ำหนักโดยด่วน ไม่ลดวันนี้วันหน้าก็ต้องลดครับ แต่ลดวันหน้ามันจะยิ่งยากขึ้นไปเรื่อยๆ
   ลดน้ำหนักแล้วดีต่อร่างกายตัวเอง เพราะเป็นการลดโรคภัยได้ไปในตัว คนผอมโรคน้อยกว่าคนอ้วนเยอะมากครับ เอาแค่ดูภายนอกก็รู้แล้วว่าคนไหนจะสุขภาพดีกว่ากัน
   คนเราเกิดมาก็ต้องตาย ต้องแก่ แต่ขอให้มันเป็นไปแบบมีคุณภาพ ไม่ได้แก่แล้วแก่เลย กลายเป็นภาระคนอื่น แก่แบบพึ่งยา ต้องมีคนคอยดูแลตลอด แบบนี้ผมไม่เอา
   ช่วงหนึ่งในชีวิตผมรู้สึกคิดถึงเรื่องความตาย ไม่รู้ว่าตายแล้วไปไหน กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ มีแต่พวกคำบอกเล่า ไม่รู้ว่าจริงไหม อย่างไร แต่กลับไม่ค่อยกลัวอะไรแล้ว เพราะการตายมันคือการปิดฉากของชีวิต มันคือขั้นตอนสุดท้ายที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์
   การใช้ชีวิตผมแทบไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ผมมีอิสระมากมาย และใช้เวลาหมดไปกับการดูแลสุขภาพ มีนอกลู่นอกทางบ้างแหละ เช่นแอบกินของหวาน แอบกินขนม หรืออาหารไขมัน แต่ก็รู้ตัวตลอด และดึงกลับมาให้อยู่ในวิถีเดิมได้ไม่ยาก
   การออกปั่นจักรยานครั้งนี้ก็เช่นกันครับ ผมตั้งเป้าไว้ว่าอยากลดลงให้ได้อีกสัก 2 กก ขอเป็น 2 กก แบบถาวรนะ แบบพวกปั่นมาเหงื่อซ่กชั่งแล้วลดไปโลกว่า แต่พอกินน้ำเข้าไปก็ขึ้นมาเท่าเดิมแบบนี้ไม่เอา
   ฟ้ายังครึ้มไม่เลิก ฝนตกๆ หยุดๆ ฟ้าร้องโครมคราม หากอยู่บ้านก็ไม่มีปัญหาอะไร อ่านหนังสือ ฟังเพลง เขียนหนังสือ ทำงานไปเรื่อย แต่ถ้าผมอยู่บนเกาะเสม็ดล่ะ ที่หลบฝนอันเดียวคือเต้นท์เล็กๆ แคบๆ แถมคลุมผ้าแล้วร้อนอีกด้วย
   มันต้องหาอะไรทำสักอย่างแล้ว ตั้งแต่เด็กตอนผมเล่นเรือใบอยู่พัทยา ระยอง ยามเช้าว่างๆ ตื่นมาต้องเดินเก็บขยะริมชายหาดไปเรื่อย ไม่รู้สิ ผมแค่อยากให้หน้าบ้านตัวเองสะอาด ไม่ได้ทำให้ใครดูใครเห็น เพราะเช้าๆ ริมทะเลตอนสัก 6- 7 โมงนี้ไม่มีคนหรอก ผมยังเอารถยนต์ไปขับเล่นริมชายหาดอยู่บ่อยไป
   สไตล์ในการทัวริ่งของผมจะไม่ทิ้งขยะลงพื้นแม้แต่ชิ้นเดียวครับ กินอะไรก็จะทิ้งเปลือกเอาไว้ในกระเป๋าตัวเอง พอจอดพัก หรือเข้าห้องน้ำนั่นแหละ ถึงได้หยิบเอาทิ้งถังขยะ เปลือกซองลูกอมเล็กๆ ก็เก็บครับ จะชิ้นเล็กหรือใหญ่มันก็คือขยะเหมือนกัน เราอุตส่าห์ขนมากินได้ ก็ต้องขนไปทิ้งได้ด้วยสิครับ
   ว่าแต่ จะปั่นไปไหนดี  ยังสรุปไม่ได้อีกหรือ
   อยากปั่นไป ปั่นกลับ นอนบรรยากาศดี ผมมีตัวเลือกคัดเหลือ 2 ตัว คือเกาะเสม็ด และเขาใหญ่
   ทั้งสองที่ดีไปคนละอย่าง เขาใหญ่ผมได้ปั่นสะใจแน่ เพราะต้องแบกของปั่นขึ้นเนินชันเป็นว่าเล่น ยามว่างระหว่างวันคงได้ปั่นกันหลายรอบ เล่นกันให้เบื่อไปข้างหนึ่งเลย
   เกาะเสม็ดเด่นที่บรรยากาศทะเล ที่ปั่นน้อยกว่าเขาใหญ่ แต่จะได้บรรยากาศแบบดิบสะใจ เพราะผมจะพักที่ท้ายเกาะ มันไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ไม่มีบ้านพัก ไม่มีอะไรเลย มันคือป่าเล็กๆ ริมทะเล ไม่มีหาด แต่เป็นแหลมหินยื่นไปในทะเล คล้ายแหลมพรหมเทพฯที่ภูเก็ต ณ จุดนี้ ผมสามารถดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกในจุดเดียว สุดยอด
   แต่กลางวันผมจะทำอะไรดีล่ะ ฝนไม่ตกก็แดดร้อน ทะเลมันมีอยู่แค่นี้ ต้องเตรียมแป้งเย็นไปให้เพียงพอ ปะๆ ให้ทั่ว จะได้ไม่เหนียวตัว จะมีน้ำจืดให้ผมอาบหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย แต่ถ้าเขาใหญ่ก็จะสบายตรงห้องน้ำสะดวกสบาย
   ไม่เป็นไรหรอก ความสนุกมันอยู่ตรงที่ทุกอย่างมักไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เราต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตลอด
แผนของผมคือไม่มีการวางแผนครับ

27 พฤษ 52
   วันสุดท้ายก่อนการออกเดินทาง วันนี้ต้องจัดของให้เรียบร้อยเสร็จสิ้นก่อนตกเย็น เพราะผมจะเข้านอนแต่หัวค่ำ และออกปั่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เลย
   ผมโพสชวนปั่นไว้ในเวป ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีใครไปปั่นกับผมหรอก ทริปแบบนี้มันออกไปหาความลำบากโดยแท้ ลำบากเรื่องการปั่นน่ะไม่เท่าไหร่ คนชอบกันเยอะ พวกทางโหด เนินชัน แบบนี้ชอบกันมาก แต่ไอ้ลำบากในการใช้ชีวิตนี่สิ คนปกติเขาไม่ชอบกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่มีน้ำ ไม่มีไฟให้ใช้
   สงสัยผมจะผิดปกติ การที่เราใช้ชีวิตแบบนี้มันทำให้เราคิดได้ครับ ใครมีเรื่องค้างคาอะไรในใจก็จะมาได้คำตอบกันตอนนี้แหละ ความลำบากมันทำให้เรารักในแผ่นดิน เราเดินทางกับจักรยาน พอถึงจุดหมายเราจะรักจักรยานของเราอย่างมาก
   ผมจะไปเกาะเสม็ดครับ โจทย์คือปั่นไป ปั่นกลับ ไม่นั่งรถ นอนเต้นท์ โจทย์รองคือทำความดีระหว่างทาง เจอใครต้องการความช่วยเหลือก็จะช่วยเขา โดยมากที่เจอก็มักจะเป็นรถยนต์ยางแตก อย่างที่เคยบอกแหละ ผมเปลี่ยนยางรถยนต์หนักๆ ได้เร็วกว่าปะยางจักรยานเสียอีก

โปรแกรมทริป
28 พฤษ
   ออกเดินทางจากบ้านพระราม 2 ไปบางนา (ถนนสาย 3) วิ่งเข้าเมืองชลบุรี พอถึงสี่แยกที่ 2 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 344 อัดยาวขำขำ 112 กม เพื่อเข้าอำเภอแกลง และต้องวิ่งย้อนลงมาอีกสัก 25 กม เข้าถนนเบอร์ 3 อีกครั้ง เพื่อไปท่าเรือบ้านเพ หวังว่าคงจะถึงจุดนี้ก่อนเรือเที่ยวสุดท้าย (ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรือเที่ยวสุดท้ายเขาออกกันกี่โมง แต่ถ้าตกกลางคืนคงไม่มีเรือไหนวิ่งแน่)
   วันแรกนี้เล่นไปราว 280 กม หากเป็นยอดมนุษย์คงจะปั่นได้ ที่เหลือก็จะใช้เวลาตะลอนๆ อยู่ตามหาดต่างๆ ผมไม่รู้ว่าระยะทางจากด้านหน้าเกาะไปท้ายเกาะจะใช้เวลาสักเท่าไหร่ คืนแรกอาจนอนแถวทีทำการอุทยานแห่งชาติด้านหน้าเกาะ
   แผน 2 หากผมไปถึงมืดค่ำ ข้ามเกาะไม่ได้ ก็จะนอนแถวอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า ใกล้ๆ กับท่าเรือ
อ้อ ผมต้องซื้อน้ำและเสบียงก่อนข้ามเรืออีกด้วย    
29 พฤษ
   หากข้ามเกาะไปได้ ก็เก็บเต้นท์เก็บข้าวของ ออกปั่นตระเวณหาของกิน ระหว่างทางก็แวะดูหาดสวยงาม
   หากยังอยู่บนฝั่ง ก็รีบตื่น รีบเก็บข้าวของหาอาหารกิน ซื้อน้ำดื่ม และเสบียง อาหารแห้ง (เอา Pannier ไปเยอะก็เพื่อใส่น้ำใส่อาหารแบกข้ามเกาะนี่แหละครับ) รีบไปจองตั๋วเรือ
   จากนั้นก็อิสระเสรีแล้วครับ อยากไปไหนก็เอาเลย ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน แต่คงจะไปท้ายเกาะก่อน ไปดูที่ๆ เราอยากตั้งเต้นท์
30 พฤษ
   อิสระๆ ๆ ๆ ๆ  แต่ถ้าเบื่อ ก็ออกจากเกาะเสม็ด วิ่งย้อนกลับเข้าถนนสาย 36 วิ่งขึ้นเหนือเพื่อไปที่เกาะสีชังต่อ ราว 100 กม เศษ หรือเบื่อเกาะแล้วก็ปั่นต่อไปอีกนิด จะเป็นบางแสน แต่ไม่รู้จะกางเต้นท์ตรงไหนของบางแสนดี
31 พฤษ
   ปั่นหฤโหดกลับบ้านอย่างสนุกสนาน หากยังอยู่บนเกาะก็ต้องภาวนาให้เรือเที่ยวแรกออกจากเกาะเร็วๆ ไม่งั้นถึงบ้านจะเป็นตอนเช้าของอีกวันหนึ่ง ฮ่าๆ

   เย็นแล้วผมยังจัดของไม่เสร็จเลย มีงานด่วนเข้ามา ผมจัดเตรียมเวลาไม่ดีเอามากๆ ทำให้ต้องจัดของอย่างร้อนรนช่วงหัวค่ำ กลัวจะลืมโน่นลืมนี่ เตรียมของไปเยอะมากๆ ใส่ Pannier แล้วยังล้น ของบางอย่างผมไม่อยากอัดมันแน่นๆ ลงไป เช่น เสื้อกันฝน
   มาเสร็จสิ้นเอาตอน 3 ทุ่มครับ ตกลงผมเอา Pannier ไป 4 ใบเลย เผื่อใส่ของตอนซื้อข้ามเข้าไปในเกาะด้วย
   ไม่น่าเชื่อว่าการรีบเร่งจัดของอย่างไม่เป็นระบบ จะมาส่งผลกับผมขณะปั่นในวันรุ่งขึ้น
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride