Author Topic: มีค 52 เดือนแห่งการฟิตซ้อมและพัฒนาร่างกาย  (Read 16162 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
24 มีค 52
   วันนี้หยุดพักปั่น 1 วัน แต่ยังคงตื่นเช้าเหมือนเดิม ตื่นไปส่งแม่ทีสวนสาธารณะแถวบ้าน ชื่อสวนธนบุรีรมย์ พ่อแม่ผมไปออกกำลังกายทุกเช้า วันนี้พ่อไม่อยู่ไปต่างจังหวัด ผมเลยไปส่งแม่แทน ขากลับแวะซื้อโจ๊กฝากลูกและภรรยา ส่วนผมทานลูกชิ้นปลากรายผัดเผ็ดกับไข่เจียว
   กลางวันไปงาน Motorshow ที่ไบเทค วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดงาน เป็นวันของแขก VIP วันนี้มีแต่ลูกค้าไฮโซเต็มไปหมด มีผมโลโซคนเดียว อ้อ ไม่ใช่สิ มีลูกผมเป็นโลโซอีกคน
   ปกติแล้วผมมักจะไปงานวันนักข่าว (Press) มากกว่า ได้พบเพื่อนๆ นักข่าวมากมาย ผมได้เจอเพื่อนๆ ในสายรถยนต์ในไทยนี้ก็ปีละ 1-2 ครั้งนี่แหละครับ เดือนมีนาคมก็มีงาน Motorshow ส่วนเดือนธันวาคมก็จะมีงาน Motor Expo ช่วงไม่มีงานอะไรก็เจอกันตามงานทดสอบรถยนต์ งานเปิดตัวรถยนต์ อะไรประมาณนี้
   การที่เราเล่นรถยนต์มาตลอดแล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนมาเล่นจักรยาน มันทำให้เพื่อนๆ มองผมแปลกๆ ไป เพราะคนอื่นเขาก็ยังคงขับรถยนต์สปอร์ทเท่อยู่ บ้างก็หันมาขี่มอเตอร์ไซค์ใหญ่ๆ พวก BMW Ducati พวก Harley-Davidson นี้ยิ่งเยอะเลย
   “เฮ้ย เปิ้ล ช่วงนี้ขับรถอะไรอยู่หรือ”
   “ผมขี่จักรยานครับ”
   คนถามเขามักจะงงกันครับ ว่าทำไมถึงหันมาปั่นจักรยาน คนที่เข้าใจว่ามันคือกีฬา คือการออกกำลังกายก็มีเยอะครับ แต่ก็มีบ้างบางคนที่มองผมแปลกๆ ไป เหมือนกับจะบอกว่า คนเล่นจักรยานมันคนละคลาสกับคนเล่นรถยนต์
   ถ้าจะคิดในแง่ตัวเงิน เรื่องความสะดวกสบาย ความหรูหรา มันแพ้รถยนต์อยู่แล้วล่ะครับ ผมขับรถยนต์ไปงานโรงแรม ที่จอดรถเต็มไปหมด ขับเข้าไปด้านหน้าทางเข้าเลย มีป้ายจองวางขวางไว้ ยามยังเลื่อนให้ผมจอดเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากใครขับรถสปอร์ทหรูๆ นี่จะได้จอดด้านหน้าประตูโรงแรมเลยด้วยซ้ำ
   ลองคิดดู หากผมปั่นจักรยานไปล่ะ ดูซิ ยามเขาจะทำอย่างไร
   จะเลื่อนป้ายเขียนว่า VIP , Reserve ออกให้ผมเอาจักรยานจอดไหม
   อาจจะบอกว่า “น้องๆ จักรยานไปจอดหลังตึกโน่น”
   คนที่คิดเช่นนั้นคือเขามองว่าจักรยานเป็นยานพาหนะไงครับ ไม่ผิดอะไรหรอก  แต่สำหรับผมแล้ว จักรยานมันคือเครื่องออกกำลังกาย แถมเป็นยานพาหนะไร้มลพิษได้อีกด้วย นี่สิ มันเจ๋งตรงนี้
   ขับรถยนต์แล้วสุขภาพแข็งแรงขึ้นหรือเปล่า ตอบผมหน่อย…
   คนเราน่ะ อายุ 30 ขึ้นไปร่างกายก็เริ่มเสื่อมถอยแล้วนะครับ พวกที่เพิ่งมาดูแลสุขภาพกันตอน 50 – 60 น่ะ ก็ทำได้แค่รักษาสภาพตอน 50-60 นั้นไว้ให้ได้นานที่สุด ไม่สามารถทำให้ร่างกายย้อนไปเป็นแบบตอน 30-40 ได้นะครับ อันนี้สำคัญมาก โปรดอย่าลืมเด็ดขาด
   คนป่วยก็เช่นกัน การรักษาโรคแต่ละอย่างล้วนเป็นการหยุดโรคร้ายมิให้กำเริบ ให้มันหายไป ส่วนจะหายขาดได้แค่ไหนก็ค่อยมาว่ากันอีกที หากเป็นโรคตับและรักษาหายแล้ว นั้นมิได้หมายความว่าตับของคุณจะดี 100% ดังเดิมนะ มั้นยังคงสภาพโทรมเหมือนเดิมตอนก่อนป่วยนั่นแหละ เพียงแต่โรคร้ายมันมิได้แสดงออกมาเท่านั้นเอง
   การออกกำลังกายและดูแลสุขภาพจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดที่เราควรทำให้แก่ตัวเองครับ จะว่าไปแล้วมันเปรียบได้เหมือนเราเติมอาหารเสริม เติมวิตามินให้แก่ร่างกายเข้าไปทุกวัน ภูมิคุ้มกันเราก็สูงขึ้นไปเรื่อยๆ คนออกกำลังกายจะไม่เจ็บป่วยง่ายครับ และต่อให้ป่วย เขาก็มักจะหายได้เอง และฟื้นตัวเร็วอีกด้วย
   แต่กับคนไม่ออกกำลังกายนี้มักจะทรุดทันที บ้างโทรมงอมไปเลย แถมยังมีโรคแทรกง่ายอีกด้วย บางคนไม่สบายนิดเดียว แต่เจ็บอยู่นานเลย อันนี้พบเห็นได้บ่อยในวิถีคนเมือง
   ผมเองก็คนเมืองครับ แต่ไม่ชอบเมืองเสียเท่าไหร่ โชคดีบ้านอยู่ชานเมือง พระราม 2 เลยพอจะมีที่ปั่นจักรยานแบบฝุ่นควันน้อยอยู่บ้าง นี่ถ้าหากผมอยู่ในเมือง คงจะต้องออกกำลังกายในฟิตเนสแทนเป็นแน่ หรือไม่ก็อาจเล่นทริปยาวๆ ต่างจังหวัดกันไปเลย
   คนชอบปั่นจักรยานมีเยอะนะครับ แต่ติดที่เวลาของเขามีน้อย ทำให้ปั่นได้ไม่บ่อยเท่ากับผม แบบนี้ก็ต้องใช้เวลาในการปั่นให้ได้คุ้มค่ามากที่สุดครับถึงจะดี เลือกทริปสนุกๆ ไปกับเพื่อนหรือกลุ่มที่เราชอบ
   ผมเองก็ว่าจะจัดทริปเดินทางอยู่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่ากลัวคนอื่นเขาจะไม่สนุกกับผมด้วย กลัวไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน ก็เลยไปไหนมาไหนคนเดียวตลอดเลย
   แต่กับคนอื่นผมไม่ค่อยแนะนำให้เดินทางคนเดียว เพราะกลัวเขาจะเบื่อกัน กลัวเหงา กลัวไม่มีเพื่อน กลัวปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดแล้วไม่มีคนช่วยแก้ คือผมคิดเผื่อเขาไง แต่พอกับตัวเอง ผมรู้สึกเฉยๆ กับเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาระหว่างทาง
   เพราะมันคืออีกหนึ่งรสชาติของชีวิตของวิถีชาวทัวริ่งเท่านั้นเอง
   วันนี้ตบะแตกไปหน่อย งานมอเตอร์โชว์ในบูธของ Mercedes Benz เขามีอาหารเลี้ยง ตัวผมนี้คุมอาหารอย่างอดๆ อยากๆ มาเป็นเดือน เจออาหารหรูเข้านี้หงายท้องยอมแพ้เลยครับ แม้จะเป็นงานเลี้ยงแบบคอกเทลก็ตามที แต่อาหารมันมากมายเหลือเกิน สไตล์ยุโรปก็มีซี่โครงแกะย่างราดซอสมิ้น กินกับขนมปังกรอบเค็ม (Pretzel) กุ้งอบซอสเชอรี่ อาหารญี่ปุ่นนี้ยกครัวซูชิมาปั้นกันสดๆ เลย อาหารไทยก็มีพวกหมี่กรอบ ถุงทอง ส้มตำ ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ของหวานมีทั้งขนมไทยหลากชนิด แต่ที่ชอบสุดคือช็อคโกแลตดาร์ค มีตราของ Mercedes Benz ทุกชิ้นอีกด้วย
   ผมทานไปอย่างละชิ้นสองชิ้นก็อิ่มแน่น รู้สึกผิดวินัยในการกินอย่างมาก แต่ก็คิดปลอบใจตัวเองว่ามางานเลี้ยงปีละหนเท่านั้น และเป็นการเติมพลังงานให้แก่การปั่นจักรยานวันพรุ่งนี้
   ในงานมีรถสวยๆ เยอะมาก ตอนหนุ่มๆ จะชอบรถสปอร์ทเปิดประทุน พอมีครอบครัวแล้วใจหนึ่งก็ยังคงชอบรถแบบเดิมอยู่ แต่อีกใจกลับคิดไปเผื่อคนรอบข้าง จึงมองพวกรถตู้นั่งสบายบ้าง รถลุยๆ บ้าง แบบเอาไว้ทำรถแคมปิ้งบ้าง ขนจักรยานได้สะดวกบ้าง
   อ้อ ในบูธของ Dirt Shop มีผลิตภัณฑ์ของ Fox มาลดราคา ส่วนใหญ่เป็นของมอเตอร์ไซค์นะ แต่ก็มีถุงมือและหมวกกันกระแทกของจักรยานมาแซมอยู่ด้วย ราคาลดแล้วก็ยังไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ มีกระเป๋าใต้เบาะใบละ 600 บาท ไม่รู้ถูกไหม แต่ผมไม่ค่อยชอบใส่กระเป๋าตำแหน่งนี้
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
25 มีค 52
   ปรับองศาของ Bar End ให้มันเชิดขึ้นอีกนิด พร้อมกับปรับมุมองศาของปลอกมือแบบ Palm Rest ให้มันเอียงรับกัน วางมือแล้วข้อมือ ข้อศอก และหัวไหล่อยู่ในท่าสบายๆ แต่กลายเป็นว่าช่วงปั่นวอร์มตอนเช้ากลับมีอาการมือชา ผมใจแข็งปรับเปลี่ยนมุมของข้อมือและศอก ทำให้ช่วงกลางจนถึงจบการซ้อม มือไม่ชาอีกเลย
   ข้อศอก และหัวเข่า สำคัญในเรื่องเป็นเครื่องรับแรงสะเทือนก่อนจะส่งแรงไปสู่ร่างกาย เจอหลุมบ่อ เราก็จะยืนขึ้น ย่อเข่า งอข้อศอก ก้มตัวไปด้านหน้าเพื่อรักษาสมดุลย์
   จักรยานต่างจากรถยนต์อย่างเด่นชัดก็เรื่องสมดุลย์ครับ จักรยานเราใช้น้ำหนักตัวโน้มเพื่อเป็นการถ่วงน้ำหนัก แต่รถยนต์นั้นไม่ใช่เลย คนละเรื่องเลย การปรับสมดุลย์ของรถยนต์ทำได้โดยใช้เทคนิคการขับเป็นส่วนใหญ่ เซ็ทติ้งรถนั้นช่วยได้แค่นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง
   วันนี้ปั่นไปอีก 50 กม เช่นเคย แดดช่วงเช้าเริ่มแรงเร็วขึ้นจนผมต้องเร่งฝีเท้า บอกกับตัวเองว่าให้รีบปั่นรีบกลับ ต่างจากวันอื่นๆ ที่มักจะเป็นการปั่นแบบเรื่อยๆ สบายๆ
   การเร่งความเร็วอย่างหนักและต่อเนื่องนานๆ ทำให้ผมมองเห็นข้อผิดพลาดของการเซ็ทรถของตัวเอง ตำแหน่งของเท้าผมอยู่เยื้องหน้าไปนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับตำแหน่งหัวเข่า นั่นคือผมต้องปรับเบาะเลื่อนหน้าเข้าไปอีก หรือไม่ก็เลือกใช้ขาจานที่สั่นลงกว่าเดิมอีกนิดหนึ่ง สรีระร่างกายของผมเหมาะกับขาจานที่ยาว 165 ครับ แต่มันหายากเหลือเกิน ส่วนใหญ่ที่เจอก็จะเป็นพวก 170 หรือ 175 ก็ยังพอมีเห็น
   ปั่นที่เดิมๆ นานๆ ก็เริ่มเบื่อครับ ไว้ว่างๆ คงต้องเอารถ MTB ออกสำรวจเส้นทางดูบ้าง วันก่อนโน้นเอารถพับยาง High Pressure 100 psi ไปเจอทางลูกรังมา เข็ดเลย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามี KHS MTB จอดทิ้งยางแก้มปริไว้ตั้งแต่ทริปอัมพวาเดือนกุมภาพันธ์โน่นแน่ จอดคลุมผ้าไว้จนลืมทั้งๆ ที่เดินผ่านมันทุกวัน แต่จะว่าลืมก็ไม่เชิง ยังไม่ได้ใส่ใจกับมันอย่างเต็มที่มากกว่า เพราะมัวแต่ห่วงจะเซ็ทรถ F20-W ให้ลงตัวมากที่สุด เผื่อหอบหิ้วไปไหนจะได้ไปอย่างมั่นใจ
   วันนี้เป็นวัน Press (วันสำหรับนักข่าว) ในงาน Motor Show ปกติผมจะต้องไปงานในวันนี้เสมอ วันนี้จะมีเพื่อนๆ ผมเต็มไปหมด (วัน VIP ก็มีบ้าง แต่มักจะเป็นพวกคนทำงานบริษัทรถยนต์ แต่วันนี้จะเป็นพวกทำงานสายนักข่าว และนิตยสารต่างๆ ) ทุกวันนี้ฝีมือผมตกไปเยอะพอควร รู้สึกเสียดายเหมือนกันนะ แต่มันเป็นสิ่งที่ผมเลือกเอง ผมเลือกที่จะให้เวลาดูแลลูกอย่างเต็มที่นั้นเอง
   แต่ผมก็ต้องแลกกับการสูญเสียโอกาสด้านธุรกิจ แลกกับความอิสระความเป็นส่วนตัวที่หายไปเกือบหมด จะเสียเท่าไหรก็ยอม เพราะผลตอบแทนของลูกนั้นมันสูงกว่ามากๆ
   ตอนนี้มิว 7 ขวบกว่าแล้ว โชคดีเหลือเกินที่เขาไม่ชอบรถยนต์ โดยปกติเพื่อนๆ ผมมักจะส่งเสริมให้ลูกตัวเองชอบรถยนต์กันแทบทุกคน นี่ถ้าใครมีลูกชายก็ไม่มีพลาดเลยสักคน แต่ผิดกับผม ผมไม่ส่งเสริมเรื่องรถยนต์ให้แก่ลูกเลยแม้แต่น้อย และหวังว่าอนาคตเขาคงไม่มาสนใจกับมันดังที่ผมเป็น
   อยากให้เขาเล่นกีฬาที่พัฒนาส่งเสริมบุคลิกภาพมากกว่าครับ จักรยานนี่ดีเลย ส่วนพวกเรือ (อย่างที่ผมเคยเล่น) นี่ก็ไม่เท่าไหร่ เพราะมันต้องใช้สถานที่เฉพาะ นี่ถ้าบ้านพั่ทยายังอยู่ก็คงได้ไปเล่นเรือกันบ่อยกว่านี้
   
26 มีค 52
   เหลือเวลาอีกราว 1 เดือน ก่อนที่ผมจะไปขึ้นเขา Japan Alpine ที่เมือง Tateyama อยากลดน้ำหนักให้ลงกว่านี้อีกสัก 2 กก แต่ไอ้โลหลังๆ นี้มันช่างลงยากเหลือเกิน ผมไม่ชอบกินยาลด อย่างเก่งก็ใช้พวกอาหารมาช่วยเรื่องสุขภาพ และมักจะได้พวกลดความอ้วนมาเป็นตัวแถม โดยมากจะเป็นอาหารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่กินหลักๆ ประจำก็คือ
-   ชาเขียว (แต่ช่วงนี้เว้นมาหลายสัปดาห์แล้ว เพราะของหมด) ชงเอง ไม่ใส่น้ำตาล
-   โกโก้ร้อน (ชงเอง ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่นม)
-   น้ำแครอท (คั้นแยกกาก ทำเองที่บ้าน)
-   น้ำกระชาย (คั้นแยกกาก)
-   มะนาว ผสม น้ำผึ้ง (กินเฉพาะตอนเช้า)
-   น้ำ Apple Cider (ผสมกับน้ำกระชาย และน้ำผึ้งมะนาว) กินเช้าเย็น
กลางวันก็จะมีพวกผลไม้พื้นบ้าน กล้วย ส้ม แตงโม สัปปะรด ขนมขบเคี้ยวก็จะไปเป็นพวกถั่วต่างๆ แทน ถ้าจะซื้ออาหารตามตลาดก็จะเป็นพวกผ่านการปรุงน้อย และมีผักสดเยอะ เช่น เปาะเปี้ยะสด ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน เมี่ยงก๋วยเตี๋ยว ข้าวเกรียบปากหม้อ สลัดแขก (ขณะพิมพ์เล่าอยู่นี้ เริ่มหิวแล้วนะครับนี่ ฮ่าๆ )
หากไปร้านอาหารก็จะสั่งพวกปลา โชคดีที่ลูกผมชอบปลาและผักด้วย เลยไม่ต้องคะยั้นคะยอกันมาก มิวเป็นเด็กที่ไม่ชอบกินรสหวาน ไม่ดื่มน้ำอัดลม ขนมที่มิวเขาชอบก็คือมันฝรั่งทอดแบบเลย์ ส่วนน้ำดื่มเขาชอบชาเขียวสำเร็จรูปของฟูจิ (เพราะมันหวานน้อย และเข้มข้นกว่า) ข้อเสียของมิวเรื่องอาหารการกินก็คือเขาดื่มน้ำน้อย อันนี้ต้องคอยเตือนบ่อยๆ
ที่เล่ามาเหมือนจะดูดี แต่ถ้าผมไปอยู่ต่างถิ่นนี้มันหาของบำรุงสุขภาพกินได้ยากมากเลยนะ เพราะไปพักบ้านเพื่อน เขาก็อยากดูแลเราอย่างดี เลี้ยงเราดีๆ กลายเป็นกินแต่อาหารแพง (แต่ไร้ประโยชน์) ไปอิตาลีนี้พวกเส้นพาสต้าคลุกกับน้ำมันเยิ้มๆ ราดซ้อสอะไรก็ไม่รู้ รสชาติงั้นๆ แต่รู้ว่าอ้วนฉิบเป๋งเลย อาหารเช้าของพวกสแกนดิเนเวียนี้ยิ่งสุดยอดใหญ่ กินแฮมเย็นๆ กับชีส และขนมปังกรอบ โอโห สุดยอดๆ ๆ ผมไม่เอาด้วยล่ะ แต่ย่านนี้มีเด่นที่เนื้อปลาแซลมอน ขายกันเกลื่อนแบบปลาทูในตลาดบ้านเราเลย
ผมชอบของไทยเรามากกว่าครับ อย่าว่าแต่ผมเลย ฝรั่งเองหลายคนมาแล้วก็ติดใจรสชาติอาหารไทย ตอนหนุ่มๆ ผมเคยเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร Queen’s Café บนถนน Melrose เมือง Hollywood รัฐ California ทำงานร้านอาหารนี้สนุกมากๆ เจ้าของเป็นคนไทย แต่ให้พวกเราบริหารร้านกันเอง ให้ทำงานกันแบบอิสระ ร้านเราขายอาหารไทย เป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดบนถนนสายนี้
ผมแนะนำสรรพคุณอาหารไทยให้แก่ฝรั่ง ดูเขาทึ้งเรื่องสมุนไพรกันมาก จากปกติที่ฝรั่งมักจะกินแต่ ผัดไทย แกงไก่ ต้มข่าไก่ ทอดมัน หมูสะเต๊ะ กลายเป็นว่าผมสอนฝรั่งกินผัดกระเพรา ไข่เจียว ข้าวผัด ผัดผักรวม ฯลฯ อาหารพื้นๆ ทำง่ายๆ ทั้งนั้นเลย
ผมจะมาร้าน Queen’s Café นี้เฉพาะวันหยุดครับ ส่วนวันธรรมดาผมทำงานอยู่ร้านถ่ายรูป รับจ้างถ่ายรูป อัดรูป ร้านนี้ชื่อ Color Key Photo อยู่ถนน Orangethorpe เมือง fullterton รัฐ California
เมือง California เหมือนกัน แต่ร้านถ่ายรูปกับร้านอาหารอยู่ห่างกันชั่วโมงกว่าทางรถยนต์ รัฐ California นี้ใหญ่กว่าประเทศไทยอีกนะครับ อยู่ไทยผมยังไปไม่กี่ที่เอง อยู่นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย แถมเป็นนักเรียนต้องเก็บเงินหาเงินเองอีกด้วย
ร้านถ่ายรูปนี้อยู่ใกล้กับสวนสนุก Disneyland ครับ ทุกวันเวลา 0930 pm จะมีจุดพลุสว่างไสวไปหมด ได้ดูพลุไฟทุกคืน แก้เหงาได้เป็นอย่างดี ได้เที่ยววันเดียวก็คือวันอาทิตย์ วันนี้ผมมักไปเดินเล่นตลาดขายของมือสอง บ้างก็ไปงานโชว์รถ เปิดหูเปิดตา ไม่ค่อยได้เที่ยวแพงๆ หรอกครับ
ผมอยู่อย่างประหยัดเงินมากๆ ไม่เคยใช้จ่ายของแพงๆ เลย ทีวียังไม่ซื้อเลย เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ต้องทำงานตลอด มีแค่วิทยุเล็กๆ ไว้ตรงหัวนอน ไม่มีเตียง ผมใช้ถุงนอนปูนอน มีหมอน 1 ใบ
มีวันหนึ่งเจอคนเอาเก้าอี้นั่งมาทิ้งขยะ มันหักไปขาหนึ่ง ผมรีบปีนหยิบออกมา พลิกๆ ดู สภาพที่นั่งยังดี เลยหักขาอีก 3 อันทิ้งซะ กลายเป็นเบาะรองนั่ง ลองนั่งแล้วผมชอบมากๆ วางมันกับพื้นนั่นแหละ
อยู่ที่นี่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ครับ ผมตัดสินใจเลือกรถที่ซ่อมได้เองง่ายๆ เผื่อเสียจะได้ไม่ต้องส่งเข้าอู่ให้เปลืองเงิน จึงเลือกรถโฟล์คเต่าครับ ซื้อมา 1200$ ขากลับขายต่อไปก็ได้ 1200$ อันนี้ถือว่าตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ
อีกหน่อยมิวเขาก็ต้องไปเรียนต่างประเทศ แต่จะเป็นช่วงไหน ประเทศใด ผมจะให้เขาเลือกเอง แต่หากให้ผมวางแผน ผมจะเลือกสิงคโปร์เป็นประเทศแรกที่จะไป ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือใกล้ สะดวก ไม่ต้องใช่วีซ่า ความปลอดภัยสูง หวังว่าเขาคงจะไปอยู่ได้ และชอบนะ
ตอนอยู่ USA ผมไม่ได้ใช้จักรยานครับ มันหนาวมากๆ ขี่ไม่ไหว และก็ไม่ได้สนใจรถยนต์แต่งซิ่งนักด้วย แต่รู้ตัวว่าชอบรถยนต์มาตั้งแต่เด็ก แม่บอกว่าตอนเริ่มพูดได้ สัก 2 ขวบ ผมสามารถบอกยี่ห้อและรุ่นรถที่อยู่บนถนนได้หมด แถมสมัยผมเกิดนั้น รถยนต์ยีห้อแปลกๆ มีอยู่เยอะมาก เช่น Daimler Triumph Continental International Studebaker Packard Sinclair Hillman Singer Dodge Ford Jaguar MG Fiat Alfa Romeo Audi VW รถญี่ปุ่นมีแค่ Toyopet Datsun Mitsubishi อะไรราวๆ นี้ ตอนยุคผมเด็ก Honda ยังไม่ได้แจ้งเกิดเลยครับ และรถในฝันของแม่ผมก็คือ Mercedes Benz ครับ
นี่กระมังที่ทำให้เรื่องรถยนต์อยู่ในสายเลือดผมมาตั้งแต่เด็ก และการเล่นรถยนต์ของผมนั้นยิ่งแตกต่างจากคนอื่น เพราะผมไม่ชอบตกแต่งแบบรถซิ่งรถแข่ง ไม่ชอบทำให้รถมันแรงๆ ผมชอบตัวตนความเป็นรถเดิมๆ ของมัน และจะขับมันอย่างเต็มที่ให้ถึงพิกัด จากนั้นค่อยจะมาโมดิฟายในจุดที่รถคันนั้นบกพร่อง
ผมเล่นรถจักรยานเช่นเดียวกับรถยนต์ครับ คือจะปั่นให้มันถึงพิกัด เล่นจนรู้ทุกซอกทุกมุม จากนั้น ค่อยมาว่ากันว่าจะอัปเกรดอย่างไรต่อไป เช่นนี้จะทำให้เรารู้ว่าของแต่งบางอย่างนั้นมันมิได้ดีไปกว่าของเดิมติดรถเท่าไหร่เลย
   
27 มีค 52
   ตื่นเช้ามาปั่นๆ ๆ แบบเดิม ตอนตื่นแรกๆ รู้สึกง่วงๆ แต่พอได้นั่งบนอานเท่านั้นแหละ หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง มีแต่ความสนุกสดใส ช่วงนี้ต้องปั่นแข่งกับตะวัน เพราะแดดแรงมาก ตีห้าครึ่งขอบฟ้าก็เริ่มสว่างบ้างแล้ว หกโมงเช้านี้กำลังดีเลย แต่อีกแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ สักหกโมงครึ่งแดดก็เริ่มเข้มแล้ว พอเจ็ดโมงนี่สิ หึหึ ต้องรีบหนีกลับบ้าน
   เช้านี้รู้สึกผิดอย่างมากที่ไปกินเต้าหู้ทอด เผือกทอด กินเยอะเสียด้วยสิ ปั่นจักยานไปตลาด กำลังหิวตาลายว่าจะกินอะไรดี ดันมาเจอรถเข็นมาตัดหน้า เลยจัดการซะ
   กลางวันไปคลองถม ไปเดินเล่น ไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไรหรอก แต่ก็ได้ของกลับมาเต็มเป้ อย่างแรกก็คือ DVD ดนตรีแสดงสด ผมชอบแผ่นพวกนี้ เพราะฟังได้บ่อย ไม่มีเบื่อเลย และภาพยนต์ดีๆ ที่ผมชอบทั้งไทยและต่างประเทศ ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นแผ่นก๊อป หากจะเอาของแท้ต้องเข้าร้านใหญ่ หรือไม่ก็ร้านที่ขายของถูกต้อง ซึ่งมักจะเป็นห้องแถว ต่างจากพวกขายของก๊อป มักจะเป็นแผงลอย
   สิ่งที่หาได้ง่าย และมีเยอะสุดในคลองถมวันนี้ (27 มีค 52) คือหนังโป๊ครับ ทุเรศตรงที่วางขายกันริมทางคนเดินนั่นแหละ (สมัยก่อนมีขาย แต่จะเรียกลูกค้าเข้าไปดูในร้าน) ผมว่ามันเกินไปหน่อย รู้สึกไม่ค่อยดี เด็ดสุดคือเห็นคนขายเป็นวัยรุ่นหญิงอีกด้วย กลายเป็นว่าใครจะพาเด็กไปเดินหาซื้อของที่คลองถมก็ระวังๆ กันหน่อย
   ผมได้ผ้าคลุมหัวแบบไอ้โม่งอันใหม่มา ใส่แล้วชอบมาก เพราะผ้าเบาสบายอุ้มน้ำดีด้วย ผมใช้ประโยชน์จากผ้านี้ด้วยการกันแดด และซับเหงื่อครับ ผ้ารุ่นใหม่นี้สามารถเลือกได้ว่าจะใส่แบบเปิดหน้า หรือปิดหน้าได้ด้วย ชอบ ๆ ๆ ๆ
   ได้ไฟท้ายแบบไม่ค่อยสวยแต่เวิร์คมาอีก ซื้อมาสองอันเลย เพราะชอบตรงสว่างสะใจ ทุกวันนี้ผมปั่นแบบไฟกระพริบเล็กๆ ยังกะหิ่งห้อย ไว้ดูพรุ่งนี้ล่ะมึง จะเอาให้สว่างจ้าไปเลย
   มีถุงมือ Fox ของปลอมขายด้วย แบบเต็มนิ้วปลอมไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย ส่วนแบบครึ่งนิ้วใช้วัสดุดีกว่า ใส่สบายกว่า ด้านบนของนิ้วโป้งมีบุผ้าขนหนูเอาไว้ซับเหงื่ออีกด้วย แบบเต็มนิ้วเขาขาย 100 บาท ส่วนแบบครึ่งนิ้วขาย 300 บาท
   มีไฟฉายขายเพียบเลย เลือกไม่ถูก ตาลาย ดูไม่เป็นอีกด้วย ไฟสว่างมากน้อยตามราคา ดูแล้วไม่ค่อยแพง แต่มันหนัก ผมเลยไม่เอามาสักอัน
   ไปหาพี่คนหนึ่งในเวป Trekkingthai เขาเปิดร้านขายของอยู่ ผมเข้าไปทักสวัสดี เขาคุยกับเพื่อนที่นั่งอยู่ในร้านอย่างออกรส ยกมือข้างหนี่งมารับไหว้ และหันไปคุยกับเพื่อนต่อ ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ยืนได้แค่แป๊บเดียวก็ เดินออกโดยไม่หันไปมองหน้าเขาอีกเลย
   รู้สึกไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
   ผมซื้อ DVD เพลงและภาพยนต์มาให้ลูกอย่างละแผ่น เพลงเป็นคอนเสิร์ทออเครสต้านิทานหิ่งห้อย ส่วนภาพยนต์เป็นหนังญี่ปุ่นเรื่อง Dive เป็นชีวิตของเด็ก 3 คนเกี่ยวกับการแข่งกีฬาดำน้ำ สอนถึงเรื่องการซ้อม วินัย และทรรศนคติในการใช้ชีวิต
   คลองถมวันนี้หรือวันไหนๆ ก็คนแน่นตลอด จะคนน้อยก็เฉพาะตอนฝนตกอย่างเดียว ร้านค้าริมแผงในซอยตรงคนแน่นๆ มักจะขายแพง หากอยากได้ของถูกต้องเข้าไปในตรอกซอกซอย ของเหมือนกัน ขายถูกกว่ากันอย่างน้อย 10 บาท (สำหรับสินค้าราคาไม่เกิน 100 บาท) ผมซื้อถ่านรีโมทมา 1 แผง ร้านทั่วไปขาย 70 พอเข้าไปในตรอกเขาขายกัน 60 บาท ยังไม่ได้ต่อสักคำ
   BB Gun เป็นของอีกอย่างที่ฮิตมาพอควรในคลองถม มีร้านระดับโปรเปิดเยอะเลย บางช่วงมี 3 ร้านติดๆ กัน ส่วนพวกเป็นแผงนี้มีเพียบ ขายกันตั้งแต่ปืนถูกๆ กันของแพงๆ ระดับเป็นหมื่นบาท ลูกค้ามักเป็นชายวัยสัก 30 กว่า
   เจอแว่นตาแบบ Goggle อันหนึ่งสวยถูกใจ คิดจะเอามาใส่ตอนปั่นจักรยานไม่รู้มันจะเข้ากับหมวกของผมไหม ดูแล้วน่าจะพอไปกันได้ แต่ไม่อยากเสี่ยง กลัวเดี๋ยวเสียเงินซื้อมาแล้วกลับไม่ได้ใช้ เลยปล่อยให้มันคาใจไว้อย่างนั้น
   ที่คิดหาแว่นใหม่ก็เพราะแว่นเก่าของผมมันมีอาการกดดั้งจมูก หากใส่นานๆ ต้องมีการขยับเพื่อเปลี่ยนจุดกด แต่โดยรวมถือว่าเป็นแว่นที่ดี เลยยังใช้งานอยู่ทุกวันตอนเช้า
   มีลูกโลกจำลองติดมือมาอีกอันตอนขากลับ ขายไม่แพงเลยซื้อมาดูเล่น เผื่อวางเส้นทางปั่นรอบโลกกับเขาบ้าง แต่อย่างผมรอบโลกคงไม่ไหว ขอแค่ครึ่งเดียวพอ แล้วค่อยวนกลับ ผมว่าการปั่นรอบโลกแบบแวะพักสบายๆ ตามที่สวยๆ 2-3 วัน น่าจะใช้เวลาสัก 1 ปีครับ มีอาจารย์ปรีชา (จำนามสกุลไม่ได้) คนนี้อยู่อยุธยา น่าจะเป็นคนไทยคนแรกที่ปั่นรอบโลก แถมใช้จักรยานเหล็กโบราณ แต่แปลกตรงที่ไม่เห็นดัง หรือนี่กระมังที่เป็นอิทธิพลของสื่อ
   ถ้าผมจำไม่ผิด อาจารย์ปรีชาท่านปั่นรอบโลกถึงสองครั้งเสียด้วย (ยังไม่คอนเฟิร์มนะครับ แต่แว่วๆ มาหลายปีมากแล้ว) ทุกวันนี้อาจารย์ก็ยังอยู่ที่อยุธา เก็บจักรยานคู่ชีพไว้ในสภาพเดิมอีกด้วย (คนแบบนี้ทำไมสื่อมันไม่ไปคุ้ยข่าวมาว้าาา)
   ขากลับซื้อของติดมือสุดท้ายคือของกิน เจอบ๊วยแบบไม่มีเมล็ดที่ผมเอาไปกินบนอินทนนท์ด้วย ถูกใจเลยซื้อมา 2 ถุง มีคุ๊กกี้เกาลัดมาฝากพ่อ 1 ถุง เห็นมันแปลกดี หากพ่อไม่ชอบ ผมคงกินเอง ฮ่าๆ
   เดินผ่านร้านเปาะเปี๊ยะสดขาหมู ร้านนี้กินตั้งแต่เด็ก ผ่านไปกี่สิบปีก็เหมือนเดิม รสชาติอร่อยดีนะ แต่กลัวอ้วน เลยมองหาข้อเสียของเขาซะ คือร้านออกจะสกปรกๆ หน่อย ยิ่งพวกภาชนะ และสุขอนามัยคนขายนี้ บอกได้เลยครับว่าไม่ผ่าน
   มาตายตรงร้านขายของทอด ซื้อลูกชิ้นไก่ ลูกชิ้นปลา อย่างละไม้ เดินไปกินไปในขากลับบ้าน
   ตกเย็นเพลียครับ เดินนานจัดหลายชั่วโมง เลยอยากกินโน่นกินนี่ไปหมด เอาวะ กินก็กิน ร่างกายมันเรียกร้อยก็กินนิดหน่อยละกัน พรุ่งนี้เช้ามาปั่นคืนก็ได้วะ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
28 มีค 52
   ตื่นแล้วไม่อยากลุกเลย เมื่อคืนนอนดึก มิวเขาไม่ยอมเข้านอน เอาแต่เล่น ผมเลยได้นอนน้อย ทำเอาไม่อยากลุก แต่เมื่อเดินมาเปิดไฟจักรยานเล่น โห สว่างไม่เบาแฮะ วันนี้แหละ ที่ข้าจะสว่างแบบสุดๆ
   ได้เห็นไฟสว่างสะใจ เลยทำเอาลืมง่วงไปได้
   ตื่นสาย ออกสาย กว่าจะปั่นจบก็ต้องใส่แว่นกันแดดตั้งแต่ 20 กม แรก วันนี้ติดแว่นกันแดดไปอีกอันครับ เพราะรู้ว่าต้องใช้ชัวร์ พรุ่งนี้ก็ต้องใช้อีกนั่นแหละ (ถ้าออกปั่น)
   วันนี้วันเสาร์ครับ ได้พบนักปั่นจักรยานหลายท่าน โดยมากจะทักทายแค่นิดหน่อย เพราะแค่ปั่นสวนทางกัน อ้อ เจอเพื่อนเก่าผมด้วย ชื่อเซท เพื่อนแถวบ้านสมัยเด็กๆ เล่น BMX มาด้วยกัน ทุกวันนี้เขาก็ยังปั่นจักรยานอยู่เลย ผมเองก็ด้วย ส่วนเพื่อนสมัยเด็กคนอื่นหายไปกันหมดแล้ว
   กลับมาบ้านหยิบเอาขนมที่เมื่อวานซื้อจากคลองถมมาลองกิน ถ้าจะกินขนม ผมมักจะกินตอนช่วงเช้าถึงบ่ายครับ ตกเย็นหรือกลางคืนนี้ไม่กินแล้ว ชิมขนมคุกกี้รสเกาลัดที่ซื้อมาฝากพ่อว่าเป็นอย่างไร โห รสชาติไม่มีเกาลัดเล้ยย เอาไปให้มีหวังโดนด่ากลับมา มันคล้ายคุ๊กกี้ถั่วเสียมากกว่า มาดีตรงเนื้อของคุ๊กกี้เป็นแบบกรอบนุ่ม อมแล้วจะค่อยๆ ละลายเปื่อยยุ่ยออกมา ฝรั่งเรียกเนื้อแบบนี้ว่า Easy Digestive แปลเป็นไทยคงทำนองว่า “ย่อยง่าย”
   ผมซื้อมะเขือเทศแช่อิ่มมาด้วย ชิมแล้วก็งั้นๆ ดีตรงได้กินมะเขือเทศ เพราะปกติไม่ค่อยได้กินเลย ส่วนสตอเบอรี่แช่อิ่มไม่ค่อยอร่อย เพราะแห้ง แข็ง ไม่นุ่ม ชุ่มฉ่ำเหมือนตอนให้เราชิมเลย เฮ้ย ..  โดนหลอกนี่หว่า
   ไอ้เรื่องแบบนี้มีหลอกกินกันมานมนานแล้วครับ ผมมีบ้านพักอยู่มวกเหล็ก สระบุรี ของดังย่านนี้คือกะหรี่ปั๊บ
   เขาหลอกกันแบบนี้ครับ ไอ้ตอนให้ชิมน่ะ เอาของใหม่ๆ ร้อนๆ ให้เราชิม พอเราตัดสินใจสั่งซื้อ เขาจะหยิบเอาของเก่าๆ บ้างก็แบบหลายวันแล้วก็มี เอาของเก่ามาใส่ให้เรา แล้วบอกว่า 10 แถม 1 บ้าง หรือ 12 แถม 1 บ้าง แหม มันแถมให้เยอะ ก็เพราะมันเอาของเก่าขายไม่ออกมาหยิบใส่ให้เรานี่หว่า ลองคิดดู ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็จะซื้อกันวันอาทิตย์ ซึ่งถ้าเป็นของเก่าก็มักจะได้ของที่ทอดแล้วของวันเสาร์ บ้างก็วันศุกร์
   แล้วเกิดเป็นคนที่เขามาซื้อเอาวันพฤหัสบดีล่ะครับ ลองคิดดูว่าเขาจะได้กะหรี่ปั๊บที่ทอดแล้วเมื่อวันไหนดี
   ใครจะซื้อของพวกนี้ ผมแนะนำให้ทำใจครับ เพราะหลังตู้เขาจะหยิบอันไหนให้เราก็ไม่รู้ ยิ่งพวกซื้อไปฝากผู้ใหญ่นะ โหหห ไม่อยากนึกภาพคนรับเล้ยย ไอ้เราหวังดี หาของอร่อยๆ ไปฝาก แต่ดันไปได้ของเก่า นิ่ม หืนก็ยังมีครับ ผมเข็ดแล้ว ไม่ซื้อของพวกนี้แล้ว ไทยหลอกไทยนี้แสบน่าดู ทำเงินหล่นหายยังไม่เสียดายเท่าโดนหลอกเลย
   ไอ้สตอเบอรี่แช่อิ่มจากคลองถมนี้ผมคงโดนมาแนวเดียวกัน มันไม่แพงนักหรอก แต่มันเซ็งว่ะ
   มีขนมปั้นสิบด้วย อันนี้เลือกแบบไส้ปลาเผื่อมาฝากแม่ แม่ผมชอบขนมไทยๆ แต่ลองชิมแล้วไม่ผ่านเช่นกัน ฝีมือยังไม่ถึงขั้นเอาไปเป็นของฝากใครได้ สุดท้ายคงเก็บไว้กินเองตอนหิวจัดๆ ฮ่าๆ
   เลยได้ข้อสรุปว่า จะไม่ซื้อของแห้งมาอีกแล้วล่ะ เอาเงินไปซื้อลูกชิ้นทอดที่ผมเดินกินตอนขากลับดีกว่าเยอะ ทอดร้อนๆ อร่อยมาก ไม้ละ 10 บาท
   กลางวันขับรถกลับบ้าน แดดแรงจัดจริงๆ พลางคิดถึงตอนเมื่อก่อนที่ผมมักจะปั่นตอนกลางวัน โหห ทำไปได้อย่างไรครับนี่ ไม่น่าเชื่อตัวเอง แต่เป็นไปแล้ว
   เออ เมื่อวานไปคลองถม เดินทะลุไปวรจักรด้วย ผมอยากได้ยางนอกสักเส้นเอาไปใส่รถ KHS HT เพราะตั้งแต่ทริปอัมพวาแล้ว ไม่ได้ขี่เลย เพราะยางนอกแก้มแตก แต่กลายเป็นว่าขี้เกียจถือกลับบ้านครับ ผมไม่ได้ขับรถยนต์ไปวรจักร เลยกะจะไปซื้อเอาที่ร้านแสงเพชร จรัลสนิทวงศ์คงสะดวกกว่า
   ช่วงบ่ายผมค้นหาข้อมูลเรื่องภูเขาคินาบาลูที่ประเทศมาเลเซีย ปรากฏว่ามันอยุ่บนเกาะบอร์เนียวครับ ไปทางอินโดนีเซียโน่นเลย ไม่ได้อยู่ดินแดนทางใต้ที่ติดกับไทย แหม ไอ้ผมก็ดันทึกทักไปเองว่ามันอยู่ใต้ไทยเราลงไปนี่แหละ ยังสงสัยว่าทริปของ TCC ที่เขาจะไปปั่นตอนสงกรานต์กันนั้น ทำไมเขาไม่แวะที่เขาแห่งนี้
   อยากปั่นจักรยานขึ้นครับ แต่ดูแล้วมันขึ้นไม่ได้ หากจะขึ้นให้ได้ก็ต้องเป็นแบบดันทุรังขึ้น คือแบกมันขึ้นไป หึหึ ไม่เอาล่ะ ผมชอบปั่นขึ้นมากกว่า หากขึ้นไม่ได้ ก็ขอเดินขึ้นแทนก็แล้วกัน
   ดูภาพจากเวปที่เสือออยโพสแล้วสะใจใช้ได้เลย เสือออยเป็นนักเดินทางอีกท่านที่ผมชื่นชมครับ แกร่งไม่เบาเลยล่ะ ใจสู้เอามากๆ ผมชอบสไตล์ของเขาคือลุยได้หมด ไม่เน้นเรื่องการตกแต่งรถอะไรมากนัก สนใจเพียงแค่เป้าหมายอย่างเดียว อีกหน่อยหากผมเริ่มเดินทางจริงจัง คงได้พึ่งพาบริการด้านข้อมูลของเสือออยเธอบ้าง
   อ้อ สุดเขตชายแดนภาคตะวันออกที่ผมคิดอยากไปปั่น เสือออยก็ไปมาเรียบร้อยแล้วเช่นกันครับ ประเทศเพื่อนบ้านไม่ต้องพูดถึง เธอเก็บเสียเรียบหมด
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
29 มีค 52
   เช้าวันอาทิตย์นี้ภรรยาผมออกมาปั่นด้วย เลยเลือกรถคันที่เบาสุดให้ ใช้รถ GT HT ครับ ยางแค่ 1.25 เอง กดเป็นพุ่ง ด้วยเฟรมอลูมินั่ม ผมเคยชินกับการปั่นคนเดียว พอมีคนอื่นมาด้วยก็้ต้องดูแล จะเร่งเร็วๆ ก็ต้องมองว่าเขาจะตามมาทันไหม มีหลุมบ่อบางช่วง เขาจะมองเห็นไหม หมาไล่กวดล่ะ เขาจะตกใจปั่นหนีหรือเปล่า กลัวแทนเขาไปหมด
   วันนี้ผมปรับตำแหน่งคลีทที่รองเท้าใหม่ครับ เลื่อนขึ้นหน้าไปสัก 10 มม ปั่นแล้วยังไม่ค่อยคุ้นเคย รู้สึกเหมือนกดไม่ค่อยเต็มเท้า คล้ายๆ กับว่ารถจะไปได้ดีกว่าเดิมนิดๆ แต่ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นะ ไว้พรุ่งนี้จะลองแบบเต็มๆ สัก 50 กม ดูคงจะเห็นอะไรชัดเจนขึ้น วันนี้ไม่ได้อัดทำความเร็วอะไรเลย
   ปั่นตามรถภรรยา มองดูไฟท้าย แหม ช่างสว่างสะใจดีจริงๆ ผมว่าสว่างไม่แพ้ของ Cat Eye รุ่นแพงสุดราคาพันกว่าบาทเลยครับ เพียงแต่ของผมมันไม่สวยเท่าแค่นั้นเอง อ้อ จะมาแพ้ Cat Eye ก็ตรงที่ไม่มีไฟส่องออกด้านข้างเหมือนของเขา ของผมทำได้แค่มีไฟล้นกระจายออกมาด้านข้างบ้างเท่านั้นเอง
   วันนี้เลยปั่นไม่ได้มากนัก เพราะภรรยาไม่เคยชินกับการปั่นยาวๆ เอาแค่ 35 กม พอ แดดเริ่มออกสัก 0700 ก็กลับบ้านแล้ว มาถึงบ้านก็ 0730 ยืดกล้ามเนื้อ 15 นาที แล้วค่อยทานอาหารเช้าเอาตอน 0800
   เช้านี้ทานข้าวในรอบเดือน ฮ่าๆ ไม่ได้ทานข้าวสวยร้อนๆ นานมากแล้วครับ ภรรยาผมตักมาให้ คือเขาคิดว่าผมทานข้าวเฉพาะมื้อเช้าไง ตักมาให้ก็กินครับ กินจนเกลี้ยงเลย ซื้อลูกชิ้นปลากรายผัดเผ็ดติดรถกลับมา และทำไข่เจียวมาเพิ่มอีก ส่วนภรรยาและลูกทานโจ๊กครับ
   กลางวันไปซื้อของที่เดอะมอลล์ท่าพระ ซูปเปอร์มาเก็ตใหญ่และใกล้บ้านมากสุด ได้ของกินมาเพียบ มีพวกถั่วอีกตามเคย กินอาหารในฟูดเซนเตอร์ ผมเลือกก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เพราะเน้นผักเยอะ แต่เอาเข้าจริงเขาให้มาหยิบมือเดียว แต่แถมหนังหมูมาเพียบ เลยคัดแยกกองไว้ต่างหาก ไม่กิน
   ไปซื้อของในซูปเปอร์ชื่อ Home Fresh Mart อย่างเดียวแล้วก็กลับบ้านครับ ครอบครัวผมไม่ชอบเดินเที่ยวเรื่อยเปื่อย หากจะดูของอะไรก็จะมุ่งตรงดิ่งไปดูสิ่งนั้น เสร็จแล้วก็กลับ ซึ่งโดยมากมักจะเป็นร้านหนังสือ ส่วนผมมักจะดูอุปกรณ์แคมปิ้ง หรือเกี่ยวกับการเดินทาง ภรรยาชอบพวกเครื่องสำอางค์ มิวชอบดูหนังสือ เขาชอบเรื่องเครื่องบินเป็นพิเศษ หากอยู่บ้านเห็นผมออนไลน์เมื่อไร เป็นของขอเข้าเวป Google เสิร์ชดูภาพเครื่องบินเป็นประจำ แปลกตรงที่ชอบเครื่องบินโดยสารมากกว่าเครื่องบินรบ
   ตอนบ่ายมีเวลาว่างเลยหยิบแผ่น DVD ที่ซื้อจากคลองถมมาเปิดดู ลองเปิดแผ่นก๊อปแล้วภาพดูไม่ดีเลย เป็นแผ่นการแสดงสดดนตรีที่หาซื้อแผ่นแท้ลำบาก เห็นเข้าชอบใจเลยหยิบติดมือมา ต่อไปไม่เอาแผ่นก๊อปอีกแล้ว
   แต่เปิดภาพยนต์แผ่นแท้แล้วดูดีมากๆ แผ่นแท้มักจะต้องซื้อในร้านใหญ่ๆ หน่อย แต่ถ้าเป็นพวกแผงลอยนั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นแผ่นก๊อป จะโชว์เฉพาะซองไว้ แต่ถ้าจ่ายเงินแล้ว สักพักจะมีคนวิ่งเอาแผ่นมาให้
   จะว่าไปแล้วผมชอบแผ่นพวกดนตรีมากกว่าภาพยนต์ครับ เพราะเปิดดูเปิดฟังได้บ่อยครั้งกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพวกดนตรีแบบ Acoustic ไม่ก็พวก Orchestra พวกเครื่องสายอย่าง Violin Viola Cello และตบท้ายด้วยดนตรีแบบ Classic โบราณไปเลย
   พวกตูมตามไฮไฟหรือมีเสียงร้องแบบโหยหวนหอน แบบของวัยรุ่นสมัยนี้ผมไม่ถนัดครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงของนักร้องชื่อลิเดีย หอนจัดจริงๆ จนฟังไม่ออกว่าเป็นเพลง คล้ายพวกเพลงแหล่แต่ใส่ทำนองสมัยใหม่
   วันนี้ผมกินอย่างเยอะเลย จนทำให้น้ำหนักขึ้นมาถึง 1 กก เริ่มจากเช้าผมกินลูกชิ้นปลากรายผัดเผ็ด ไข่เจียว 2 ฟอง (เอาไข่แดงออก 1 ฟอง) พร้อมขาวสวย กลางวันกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เป็นบะหมี่ต้มยำ บ่ายกินถั่ว และขนมจุกจิกอีก ตกเย็นเล่นเปาะเปี๊ยะสด ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ตบท้ายด้วยของหวานฟักทองแกงบวช (ทานครึ่งถ้วยเล็ก)
   กลางคืนชั่งน้ำหนักแล้วตกใจ โถ เวลาน้ำหนักจะลง ช่างลงยากเย็น แต่พอขึ้นนี้แป๊บเดียวเอง
   เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องลุกขึ้นมาปั่นชดเชย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
30 มีค 52
   วันนี้ออกปั่นแก้บาป เพราะเมื่อวานดันไปกินเสียเยอะ วันนี้จึงชดเชยด้วยการอัดแรงๆ พร้อมกับทดสอบการปรับตำแหน่งของคลีท วันนี้ทำระยะทางไป 55 กม
   การเลื่อนคลีทใต้รองเท้าไปด้านหน้าทำให้ตำแหน่งเท้าร่นถอยหลัง ผมรู้สึกว่าเหยียบแล้วมันไม่ค่อยเต็มเท้า ไม่รู้ว่าเพราะมันเคยชินกับตำแหน่งเก่าหรือเปล่า แต่ใส่คลีทตำแหน่งนี้แล้วรู้สึกว่าจะปั่นเร็วขึ้นนิดๆ
   กลับมาบ้านชั่งน้ำหนักดู แทบเป็นลม เพราะมันเท่าเดิมเป๊ะเลย เฮ้ยย ทำไมไม่ลดลงบ้างเลยหรอ ปั่นอยู่ 2.30 ชม กินน้ำไป 2 ลิตรกว่า มันก็ทำเหมือนทุกวันที่ผ่านมานี่นา
   เช้าเลยทานน้ำเต้าหู้กับขนมปั่นสิบ และ Pretzel กลางวันเป็นผลไม้หลากหลาย เริ่มจากแอปเปิ้ล ชมพู่ ส้ม ฝรั่งสุก ตกบ่ายมีสารพัดถั่วเสริมอีก เย็นนี้ผมไม่กินอะไรแล้ว
   แทบไม่น่าเชื่อ ตอนเย็นผมนั่งเล่นคีย์บอร์ด (เล่นดนตรีนะ ไม่ใช่คีย์บอดร์ของคอมพิวเตอร์) ตั้งแต่ 0500 – 0900 ผมนั่งอยู่ 4 ชม ติดต่อกัน จำได้ว่าเคยนั่งเล่นติดต่อกันนานสุดถึง 6 ชม ก็คือวันแรกที่ซื้อมา บ้าเห่ออย่างแรง วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร นั่งเล่นได้นานจริงๆ
   กว่าจะเข้านอนได้ก็ปาไป 1000 เห็นนาฬิกาแล้วตกใจ เพราะทุกทีผมนอนแค่สองทุ่มกว่าเท่านั้นเอง
   
31 มีค 52
   เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยราว 1000 เห็นจะได้ ทำให้ตืนแล้วไม่อยากลุกเลย อิดออดสักครู่แล้วก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแปรงฟัน พอโดนน้ำเท่านั้นแหละ ก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
   วันนี้อัดตั้งแต่เริ่มต้นเลย วอร์มแป๊บเดียว เจอถนนขรุขระผมยกล้อหน้าขึ้นเพื่อลดแรงกระแทกเหมือนเช่นทุกที แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ทำเอาไฟหน้าหล่นกระจายเป็นชิ้นเกลื่อนถนน โชคดีเป็นถ่าน AAA จึงมองเห็นง่าย หากเป็นถ่านกระดุมเล็กๆ อาจจะไม่หลุด หรือไม่ก็หลุดแล้วก็หาไม่เจอแน่ๆ หาทุกชิ้นส่วนเจอครบหมดทั้งฝาปิดแบตฯ ประกอบคืนร่างก็เปิดแล้วทำงานได้ปกติ เย้ๆ ไม่ต้องเสียตัง
   วันนี้ออกแรงปั่นทำความเร็วมากกว่าทุกวัน แต่กลับทำความเร็วได้ไม่ดีนัก สู้วันก่อนไม่ได้ ผมคาดว่าเป็นเพราะสารอาหารชื่อคาร์โบไฮเดรตเป็นแน่ เมื่อวานทานคาร์บโบไฮเดรตน้อย ต่างจากวันอาทิตย์ที่ผมทานเยอะมากๆ พลังจึงออกมาผิดกัน
   ร่างกายเราจะแปรสภาพคาร์โบไฮเดรตเป็นไกลโคเจนเก็บไว้ในมัดกล้ามเนื้อ ไอ้ไกลโคเจนนี้แหละคือตัวพลังงานเลย หากอยากมีพลังก็ต้องสะสมไกลโคเจนเอาไว้เยอะๆ สำหรับนักกีฬาที่ใช้พลังอย่างจักรยาน เขาจะทานคาร์โบไฮเดรตกันเยอะๆ ก่อนแข่งสัก 2-3 วัน
   แต่ผมไม่ได้เป็นนักกีฬานะ ผมแค่อยากแข็งแรง อยากสุขภาพดี และอยากลดน้ำหนักด้วย การกินคาร์โบไฮเดรตเยอะๆ มันมีแรงก็จริง แต่มันทำให้น้ำหนักผมลดลงช้า เผลอๆ อาจแทบไม่ลดเลย ฉะนั้น ผมจึงต้องหาสูตรลดน้ำหนักที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง
   เรื่องพื้นฐานของการลดน้ำหนักง่ายๆ ก็คือ “ใช้ให้มากกว่ากิน” ง่ายๆ แค่นี้เองแหละ แต่เชื่อไหมว่าทำยากฉิบเป๋ง
   เพราะคนเราพออายุมากเข้าก็ออกแรงน้อยลง ประสิทธิภาพการเผาผลาญอาหารก็้ด้อยลงไปจากช่วงวัยรุ่นเยอะ น้ำหนักขึ้นง่าย แต่ลงยาก ความแข็งแกร่งของร่างกายก็น้อยลง
   หากอยากลดน้ำหนัก ต้องรีบทำวันนี้และเดี๋ยวนี้ครับ เพราะยิ่งอายุมากจะยิ่งลดยากเป็นเท่าตัว สมัยก่อนตัวผมหากอยากลดสัก 2-3 กก ก็แค่ออกกำลังกายหนักๆ แป๊บเดียวไม่กี่วันก็ลงแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ผมปั่นจักรยานวันละ 50 กม แถมปั่นติดต่อกันทุกวันเป็นเดือน เพิ่งจะลงมาได้ 5 กก เอง ใจผมอยากเอาลงให้มากกว่านี้อีก แม้มันจะลงยากมากแล้ว แต่ก็ต้องพยายามต่อไปครับ ไม่มีอะไรจะมาสู้พลังใจของเราได้ ตอนปั่นขึ้นอินทนนท์ที่ชันและยาวสุดขีด ผมก็ไม่ย่อท้อ ผมมีพลังใจเต็มเปี่ยม ใจเราสู้เสียอย่าง ยังไงก็ปั่นถึงได้ครับ ผมเชื่อเช่นนั้น
   การปรับเลื่อนคลีทใหม่ครั้งนี้ส่งผลให้ทำความเร็วได้ดีกว่าเดิมครับ และยิ่งผมโน้มตัวไปด้านหน้ามากๆ ก็จะยิ่งมีแรงกดบันไดเพิ่มมากขึ้นไปอีก ช่วงที่โน้มตัวไปหน้าและแขนต้องงอเพราะแฮนด์มันสูง วันนี้จึงเข้าใจความสำคัญของแฮนด์แบบ Drop Bar อย่างพวกเสือหมอบเขาแล้ว (แต่ผมยังไม่ชอบหน้าตาของแฮนด์เขาอยู่ดี)
   กลางวันฝนตกอย่างแรงมากในย่านฝั่งธนฯช่วงใกล้สะพานพุทธ และวงเวียนใหญ่ ผมขับรถคนงานคันที่ไม่มีแอร์ ทำให้เกิดฝ้าขึ้นเต็มกระจกไปหมด มองทางไม่เห็น เช็ดถูก็ออก แต่อีกแป๊บเดียว ฝ้าก็มาเกาะอีกแล้ว นั่งเหงื่อออกอยู่ในรถ ลมหายใจออกจากตัวเราก็ยิ่งร้อน มันยิ่งเกิดฝ้าเยอะเข้าไปใหญ่ เลยตัดใจเปิดกระจกลงหมดสองข้างเลยครับ หยิบเสื้อกันฝนมาใส่ รถรอบข้างมองกันใหญ่ แต่ทำไงได้ นี่คือวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
   ฝ้ามันเกิดเพราะอุณหภูมิต่างกันระหว่างภายนอกและภายในครับ การเปิดกระจกลง ทำให้อากาศภายในเย็นเท่ากับภายนอก (ขณะฝนตก) มันจึงไม่เกิดฝ้า ส่วนพวกรถที่เปิดแอร์แรงๆ หรือปรับอุณหภูมิให้ลดต่ำลงมากๆ ก็สามารถเกิดฝ้าขึ้นได้ในขณะฝนตกเช่นกันครับ ดังจะเห็นจากพวกที่ปัดช่องลมแอร์ให้ไปส่องกระจกข้าง เช่นนี้จะเกิดฝ้าแบบเฉพาะที่
   แปลกใจมากที่ทั้งวันนี้ผมไม่ถ่ายเลย ปกติจะถ่ายทุกวันตอนเช้า หากวันไหนทานผักเยอะๆ ก็จะมีตอนบ่าย หรือไม่ก็เย็นด้วย มันเกิดอะไรขึ้นหรือนี่ ทั้งๆ ที่เมื่อวานทานผลไม้เยอะมากๆ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride