Author Topic: มีค 52 เดือนแห่งการฟิตซ้อมและพัฒนาร่างกาย  (Read 16163 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
1 มีค 52
   อากาศดีแบบสุดยอด ไม่มีแดด ฟ้าครึ้มเหมือนฝนใกล้ตก เลยออกไปปั่นมา 30 กม วันนี้ไปเส้นทางรอบใหญ่ ผ่านสวน แถมเป็นวันหยุด เลยเจอนักจักรยานเยอะแยะเลย รู้สึกดีกว่าปั่นอยู่คนเดียวเหมือนวันอื่นๆ
   เจอผู้หญิงปั่นจักรยานราว 4 คน มีปั่นเสือหมอบ 2 คน ยอมรับเลยครับว่าผู้หญิงปั่นเสือหมอบนี้เธอดูเท่จริงๆ
   ตอนสายหน่อยฝนตกปรอย ไม่รู้พวกจักรยานเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ก็คงลุยไปแหละ ไม่มีใครกลับบ้านหรอก แต่ผมนั้นถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว พามิวกับเชอรี่ไป Siam Paragon พามิวไปดูปลาที่เขาชอบ พาเชอรี่ไปทานอาหารที่เขาชอบร้านกิ่งกัลปพฤกษ์
   ผมเลือกทานร้าน Mos Burger เป็นอาหารเช้า ส่วนมิวกับเชอรี่เขาทานที่ร้านประจำบนถนนสีลมคือร้าน Delifrance เป็นร้านอาหารเช้าสไตล์ฝรั่งเศษ
   Mos Burger เป็นร้านเบอร์เกอร์สไตล์ญี่ปุ่น เปิดสาขาแรกที่ Central World คนแน่นมากๆ พอมาเปิดที่ Paragon แล้วค่อยโอเคหน่อย ผมเลือกทานตอนเช้าอย่างนี้แหละ คนน้อยดี
   ผมสั่ง Spicy Mos Burger เป็นเบอร์เกอร์อย่างดีชิ้นละเกือบร้อยบาทแน่ะ เด่นตรงมะเขือเทศที่ชิ้นหนาใหญ่ และหอมหวาน ต่างจากเบอร์เกอร์รายอื่นในไทยที่มะเขือเทศข้างในจะชิ้นเล็กๆ บางๆ รสชาติก็จะมีกลิ่นฉุนแบบผักอยู่
   กลับบ้านช่วงบ่าย หาข้อมูลเกี่ยวกับเขาคิชกูฏที่ผมอยากจะไปปั่นจักรยานช่วงสงกรานต์ตอนเดินทางขากลับจากเกาะช้าง ผมต้องผ่านจันทบุรีพอดี

2 มีค 52
   ตื่นสาย ลืมตาตั้งแต่ 0530 ก็จริง แต่ไม่ยอมลุกจนกระทั่ง 0600 แม้ฟ้ายังไม่สว่าง แต่ถ้าไปปั่นจักรยานก็ได้แค่แป๊บเดียว มีเวลาแค่ชั่วโมงเดียวทำให้ผมไม่อยากเร่งออกแรง เลยยืดเส้นยืดสายบนดาดฟ้าของห้องบ้าน
   ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าร้อน แต่ก็ทำให้เกิดฝนตกได้บ้าง จำได้ว่าสงกรานต์ของทุกปีจะต้องมีฝนตกไม่วันใดก็วันหนึ่ง
   ตอนเย็นไปดูการแสดงของมิว เล่นรำวงอะไรก็ไม่รู้ ตลกดี ขากลับมิวขอกินฮอทดอกร้าน Dairy Queen ผมดูไม่เห็นน่ากินสักนิด เขาคงจะหิวและอยากลอง เพราะธรรมดาเขาชอบทานอาหารพวกข้าวมากกว่า
« Last Edit: March 20, 2009, 04:30:38 pm by O'Pern »
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มีค 52
« Reply #1 on: March 04, 2009, 03:38:16 pm »
3 มีค 52
   ฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตก เลยเอารถ GT ไปปั่นรอบเล็กมา 5 กม ตอนสายลังเลจะเอาจักรยานออกอีกรอบดีไหม ฟังพยากรณ์อากาศเขาบอกความชื้นวันนี้มี 84% เลยเปลี่ยนใจ แต่พอสายเข้าหน่อยแดดออกแรงมาก นี่คงใกล้หน้าร้อนอย่างเป็นทางการแล้วกระมัง
   กลางวันโทรคุยกับอากิ เพื่อนรุ่นน้องที่พบกันตอนทริปอัมพวา ให้เขาช่วยหาข้อมูลเรื่องการท่องเทียวด้วยจักรยานในประเทศญี่ปุ่นให้หน่อย ผมต้องพึ่งพาเขา เพราะเขาอ่านและพูดญี่ปุ่นได้ดีมากๆ
   อากิบอกว่าตอนนี้มีจักรยานเป็นของตัวเองแล้วนะ ยี่ห้อ Trek นี่แสดงว่าเขาคงจะชอบจักรยานอย่างจริงจังแล้วกระมัง เพราะคราวก่อนเขาขี่รถ MTB ของดนัยเพื่อนของเขา
   เย็นมิวแสดงละครงานปิดภาคประถม 1 เล่นเป็นตัวเด่นของเรื่องเสียด้วย น่าภูมิใจจริงๆ

4 มีค 52
   ช่วงนี้ย้ายมาปั่นเช้าแทน แต่ก็ปั่นไม่ได้ไกลนัก เพราะเริ่มสายรถยนต์ก็จะเริ่มเยอะตาม แถมมอเตอร์ไซค์ย้อนศรจะยิ่งเยอะมาก อยากปั่นกลางวันเพราะผมว่าง แต่แดดแรงแบบเหลือหลาย ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
   นี่กระมังที่ทำให้ผมค้นหาหนทางไปปั่นต่างจังหวัด ต่างประเทศ แหม หนีร้อนกันขนาดนี้เลยเชียวหรือ
   ผมเริ่มคุ้นเคยกับเบาะหนานุ่มนิ่มของรถ F 20-W แล้ว กลายเป็นว่าผมต้องมีการปรับ Preload กับเบาะตัวนี้เสียก่อนถึงจะลงตัว กลายเป็นว่าถ้าปั่นสั้นๆ ช่วงแรงจะรู้สึกว่าช่วงขายืดไปหน่อย แต่ทนไปสักพักมันจะลงตัวพอดี
   จากการที่ท่อนั่ง (Seat Tube) มันองศาเอนไปด้านหลังมากกว่ารถคันอื่น การเลื่อนเบาะสูงแต่ละครั้ง จึงทำให้ช่วงของรถยาวขึ้น ต้องเอื้อมแขนไปข้างหน้ามากยิ่งขึ้น
   วันนี้ได้ทานปลาเผาเป็นอาหารเช้า รู้สึกดีที่ได้ทานอาหารมีประโยชน์ น้ำหนักเริ่มลดลงอีกทีละนิด แม้ว่าช่วงหลังๆ นี้มันลดลงช้าเหลือเกิน แต่ก็ต้องอดทน ผมต้องตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะผอมลงเพื่ออะไร เพื่อที่จะปั่นขึ้นเขาคิชกูฏให้ได้ เขานี้แม้ระยะทางจะไม่มากเมื่อเทียบกับอินทนนท์ แต่เส้นทางเป็นแบบ Off Road นี้คือตัวแปรและท้าทายความสามารถเหลือเกิน
   ใจผมคงเอาคันเดิมที่เคยขึ้นอินทนนท์ไป แต่ยังลังเลไม่รู้จะเปลี่ยนยางดีไหม เพราะตอนนี้ใช้ยางแบบ On Road ธรรมดาอยู่ ถ้าฝนไม่ตก ทางไม่เละ ผมว่าผมพอผ่านไหวนะ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่หากมี่ยางขอบพับสำหรับ Off Road ขนาด 20 นิ้วให้เล่นก็น่าสนไม่น้อยนะนี่
   กลัวจะไม่คุ้มสินะ เพราะใช้แค่งานเดียว ปกติรถคันนี้เอาไว้ขี่ทางเรียบอยู่แล้ว ไหนจะต้องแบกของพะรุงพะรังเป็นประจำตอนออกเดินทางอีก
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มีค 52
« Reply #2 on: March 05, 2009, 03:49:43 pm »
5 กพ 52
   ฟิตจัด ตื่นตี 5 ออกไปปั่นจักรยาน วันนี้มีเวลาเยอะหน่อย เลยเข้าไปในสวน ผมไม่เคยปั่นเช้าตรู่ขนาดนี้เลย โชคดีใส่แว่นตาเลนส์ใสไปด้วย ไม่งั้นแย่แน่ เพราะแมลงเยอะมากๆ
   ไม่น่าเชื่อว่าออกมาปั่นเช้าขนาดนี้ ยังเจอคนปั่นจักรยานออกกำลังกายกันเยอะเลย ที่ผมปั่นสวนกันก็เจอ 6 คน บรรยากาศไม่ต่างจากตอนกลางคืนเท่าไหร่ พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น วันนี้ผมใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นไป ไม่ได้ใส่หมวก
   ปั่นไป 1 ชม กับ 15 นาที ได้มา 30 กม รู้สึกดีจริงๆ ดีกว่าปั่นกลางแดดตอนกลางวันเยอะเลย อย่างน้อยก็ไม่ร้อน แต่ก็มีข้อเสียคือมองข้างทางไม่ค่อยเห็น มี่ช่วงหนึ่งล้อลื่นไถล เพราะเจอกองทรายของบ้านที่เขากำลังก่อสร้าง กองทรายนี้ล้ำมาในผิวถนนด้านซ้าย รถผมคัน GT ใช้ยาง 1.25 เติมลมแข็งเต็มสเปค เลยลื่นไปนิดหน่อย ทำเอาตกใจเหมือนกัน
   ยาง 1.25 นั้นเขาวัดกันที่ส่วนที่กว้างสุดของยางนะครับ เพราะหากปั่นทางตรงเรียบๆ หน้ายางจะสัมผัสถนนเพียงแค่ 10 กว่ามิลลิเมตรเท่านั้นเอง มันมิได้สัมผัสถนน 1.25 นิ้วดังที่หลายคนเข้าใจ
   กลับมาบ้านรีบยืดกล้ามเนื้อทันที สักพักทานผัดผักจานใหญ่กับไข่เจียว และน้ำส้มคั้น
   กลางวันแดดแรงจัด คงไม่ได้ปั่นกลางวันอีกนานเลยล่ะคราวนี้
   ผมอ่านหนังสือ Lonely Bike ของคุณสว่าง ทองดี จบแล้ว คนนี้เขียนหนังสือดีใช้ได้ อาจเป็นเพราะเขาเคยเป็นครูมาก่อน ไม่รู้เกี่ยวกันไหม แต่เล่าเรื่องได้ดี ดีกว่าเล่มอื่นๆ ที่ผมเคยอ่าน
   คนปั่นเก่ง กับคนเขียนหนังสือเก่งนั้นคนละคนกันนะครับ ปั่นเก่งก็อีกเรื่อง ส่วนเรื่องงานเขียนก็อีกเรื่อง แต่หากนำมารวมกันในคนๆ เดียวกันได้ คนนั้นก็คือสุดยอดของนักเดินทางที่สามารถเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้ดี
   คุณสว่างไม่ได้เป็นนักปั่นจักรยาน หากแต่เป็นนักเดินทาง ส่วนตัวผมเองเป็นได้แค่คนปั่นจักรยานเฉยๆ แม้ใจอยากเดินทางกับเขาบ้าง แต่ยังไม่มีโอกาสเลย
   ผมมีแต่ความอยากเขียนหนังสือกับเขาบ้าง ตั้งแต่หยุดพักการผลิต Racing Club ผมก็ไม่ได้เขียนให้กับที่ไหนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลย มีหลายค่ายติดต่อมาบ้าง แต่ก็มักจะอยากให้เป็นพนักงานประจำ แต่ส่วนตัวผมแล้วชอบเป็นงานอิสระมากกว่า    
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มีค 52
« Reply #3 on: March 08, 2009, 02:09:12 pm »
6 มีค 52
   วันนี้ได้ใจอีก เลยออกปั่นตั้งแต่ 0530 – 0700 ปั่นไปนานทั้งๆ ที่ใช้เส้นทางเดิมก็เพราะว่าใช้รถคัน F20-W คันนี้ล้อเล็ก แถมบรรทุกของเป็นกระเป๋าหลัง กระเป๋าหน้า ติดรถไว้อย่างถาวร ข้างในใส่ของใช้และอุปกรณ์จักรยานขั้นพื้นฐาน รถคันนี้จะเตรียมพร้อมในการใช้งานมากที่สุดชนิดที่ว่ากระติกน้ำที่ล้างเสร็จแล้ว จะมาเสียบอยู่คอยท่าเลยทีเดียว
   วันนี้ใส่หมวกนิรภัยไปปั่นด้วย รู้สึกสบายดีกว่าหัวเปล่าๆ เยอะเลย มันคล่องตัวอย่างยังไงก็บอกไม่ถูก แต่แปลกที่วันนี้ไม่เจอชาวจักรยานเลยสักคัน
   แล้วผลจากการปั่นเยอะๆ ในตอนเช้าก็ออกฤทธิ์ ผมมีประชุมช่วงสาย เจอแอร์สบายๆ บรรยากาศเงียบๆ เล่นซะผมจะหลับเอาให้ได้ ต้องเอากระดาษมาคิดขีดเขียนโปรเจคต่างๆ ทำให้อาการง่วงทุเลาลงบ้าง
   บ่ายคึก ลองปั่นเล่นแถวบ้าน ไม่ไหวเลย แดดแรงเหลือเกิน แค่โดนแสงก็แสบผิวเหมือนจะละลาย อ้าว … แล้วที่บอกสงกรานต์จะไปเกาะช้าง จะเอาจักรยานไปด้วยน่ะ มันจะได้ปั่นกันบ้างหรือเปล่าหนอนี่เรา
   บ่ายอาร์ทโทรมาคุยเรื่องไปญี่ปุ่นกัน อาร์ทเขาไปเที่ยวที่โน่นเป็นประจำ ผมเลยดีใจได้โอกาสขอติดสอยห้อยตามในครั้งหน้า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผมยกมือยอมแพ้เรื่องภาษา เห็นอาร์ทเขาว่าสมัยนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว ป้ายข้างทางมีภาษาอังกฤษเขียนกำกับบ้างแล้ว
   ผมเองไม่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อน เป็นไม่กี่ประเทศที่ผมรู้สึกว่าอยากไป อยากไปดูความก้าวหน้า เทคโนโลยี และที่ผมชอบมากในทุกประเทศที่ไปเยือนก็คือแหล่งธรรมชาติอันเงียบสงบ แต่หากจะไปแหล่งพวกนี้ได้ก็มักจะต้องมีคนท้องถิ่นช่วยแนะนำ ลำพังไปกับทัวร์ก็มีแต่เที่ยวตะลอนๆ ไปในจุดที่มีชื่อเสียง บ้างก็เน้นแสงสี บันเทิง ฯลฯ    
   ที่สำคัญเลยคือไปแล้วต้องได้ปั่นจักรยาน นี่แหละ ไฮไลท์ของทริปตัวจริง

7 มีค 52
   ออกปั่นเช้ากว่าเดิมคือ 0500 เลยได้ระยะทางมากกว่าเดิม ผมว่าชุดปั่นจักรยานปกตินี้มันไม่ค่อยเข้ากันกับการปั่นรถพับเท่าไหร่เลย ชุดรถพับมันน่าจะดูลำลองมากกว่านั้นสักหน่อย คิดมานานแล้ว ยังหาชุดลงตัวไม่ค่อยได้ ปกติผมไม่ชอบใส่กางเกงขาสั้นปั่นจักรยาน เพราะโดนแดดแล้วจะออกมาสองสี เช่นเดียวกับเสื้อแขนสั้น
   เลยมาลงตัวที่กางเกงวอร์มแบบผ้าร่ม หากปั่นช่วงเช้ามืดแบบนี้ก็ใส่เสื้อยืดแขนสั้นธรรมดานี่แหละ เพราะไม่มีแดด แต่หากมีแดดก็จะใส่เสื้อยืดแขนยาว
   ไม่ค่อยมีใครใส่ชุดเหมือนผมกันหรอก เพราะจุดประสงค์ต่างกัน ผมเล่นกีฬากลางแดดมาตั้งแต่เด็กๆ ยุคแรกที่เล่นเรือใบ วินเซิร์ฟนั้น ไม่เคยทาครีมกันแดด ไม่ใส่เสื้อ ทุกวันนี้แผ่นหลัง ไหล่ เลยเป็นกระเต็มไปหมด ช่วงนี้ยั้งดีที่ฝ้าบนใบหน้าลดลงไปเยอะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันลดลงไปเอง ตอนหาซื้อครีมทาแพงๆ ก็ไม่เห็นมันจะลด อย่างเก่งได้แค่จางลงบางๆ แต่ช่วงนี้หายไปเยอะมากแล้ว ดีเหมือนกัน สงสัยมาจากการดูแลสุขภาพ อาหาร และออกกำลังกายกระมัง
   อุปกรณ์ติดรถช่วงปั่นเช้าตรู่แบบนี้ที่ขาดไม่ได้ก็คือไฟกระพริบ ผมซื้อไฟแบบยางยืดมาสองดวง ขาว 1 แดง 1 เป็นไฟรุ่นใหม่ มี LED 2 ดวง สว่างมากกว่าเดิมเท่าตัว แรงดีจริงๆ เพราะใช้แบตฯ 2 ชิ้นประกบกันช่วยเพิ่มแรงไฟ ตอนแรกเห็นเล็กๆ น่ารักดี ไม่รู้ว่าจะมาได้ใช้จริงจังทุกวันก็ช่วงนี้เอง
   อ้อ ยังมีไฟสุดสวย แต่หาที่ใส่ไม่ได้อยู่อีก 1 ชุด เป็นไฟติดปลายแฮนด์ ใส่แล้วสวยมากๆ สว่างมากด้วย มีไฟส่องด้านหลัง และไฟส่องด้านข้าง เท่มากๆ แต่ผมว่ามันเหมาะกับรถที่ไม่ได้ใส่ Bar End นะ ผมซื้อมาเพราะเห็นว่าสวยดี กลัวตอนอยากได้แล้วหาไม่เจอนี่แหละจะเซ็งเสียยิ่งกว่า เลยรีบซื้อมา
   หากออกปั่นเช้าๆ แบบนี้ ผมทำระยะทางได้ถึง 30 กม แต่พอช่วงหลังของการปั่นรู้สึกตึงๆ หัวเข่านิดๆ ไม่รู้ว่าวอร์มไม่ดี หรือออกแรงกดมากเกินไป ไว้ต้องลองปรับตัวดู
   ก้นผมเริ่มคุ้นเคยกับการนั่งเบาะหนานุ่มนิ่มแล้ว ตั้งแต่ปรับ Preload ก็นั่งได้ดีขึ้น แต่ยังเจอปัญหาก้นเลื่อนอยู่บ้าง ตอนเจอทางขรุขระแล้วลุกยืน พอจะมานั่งใหม่ มันรู้สึกเหมือนไม่ได้กดลงตรงตำแหน่งเดิม ไม่รู้สิ รู้สึกแปลกๆ แต่ก็โอเค เพราะจะว่าไปแล้วก็รู้สึกนุ่มสบายกว่าเบาะแข็งๆ
   ผมออกปั่นทุกวันจนผ้าคลุมหน้า (Balacava) มันเริ่มยืดจนเสียทรง ที่จริงผมมีสองผืน แม้อีกผืนจะยังคงดีอยู่ แต่หากผ้าของมันเป็นแบบไนลอน ต่างจากอันที่ใช้ประจำที่เป็นผ้ายืด ทำให้ซับเหงื่อได้ดีกว่า ไว้ต้องเข้าคลองถม ไปหามาใช้งานเพิ่มอีกผืนเสียแล้ว
   พอปั่นบ่อยๆ เข้ามันก็เริ่มเห็นข้อบกพร่องของสิ่งต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับผมที่เริ่มต้องการของใช้ที่ละเอียดอ่อนขึ้นเช่น ต้องการบันไดแบบใส่คลิปได้ และใส่รองเท้าธรรมดาปั่นได้ ต้องการลองเท้าใส่คลีทได้ และเดินเล่นทั้งวันได้อย่างสบายเท้า
   ผมมีลองเท้าลำลอง 1 คู่ มันใช้งานกับจักรยานได้ดีมาก แต่กับการเดินแล้วผมว่ายังไม่ค่อยเหมาะ แต่ก็ยังดีกว่ารองเท้า Sidi ที่เป็นแบบรองเท้าแข่ง อันนั้นยิ่งเดินลำบากเข้าไปใหญ่
   ผมอยากได้ลองเท้าลำลองสบายๆ เพราะเผื่อไปปั่นทางไกลแล้วต้องจอดเดิน จะได้สบายขาหน่อย ตอนไปอัมพวา ต้องมีการเดินเป็นร้อยเมตร รู้สึกได้เลยว่ามันไม่ค่อยคล่องตัวเหมือนกับคนที่ใส่รองเท้าธรรมดา
   ช่วงนี้เก็บแว่นกันแดดคู่ชีพที่ซื้อตั้งแต่ปี 94 ยี่ห้อ Briko ไปได้เลย และไปหยิบเอาแว่น Cateye ที่ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้มาใช้งานแทน แน่นอน ผมเลือกเลนส์ใส แทนที่จะเป็นเลนส์เหลืองตามที่คนอื่นเขานิยมกัน
   เลนส์เหลืองนั้นเด่นตรงตัดคอนทราส เช่นพวกนักกีฬายิงปืน ที่เขาจะต้องเล็งเป้าตรงกลางสีดำบนกระดาษขาว อันนี้แหละ เหมาะมากสำหรับเขาเลย แต่กับจักรยานก็ยังโอเคนะ ใส่เลนส์เหลืองแล้วจะดูสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่ผมไม่ชอบก็คือหากปั่นผ่านแสงไฟสว่างมากๆ มันจะรู้สึกมีแสงเข้าตาจ้ากว่าปกติ ช่วงแสงจ้านี่แหละทำให้รูม่านตาของเราหรี่เล็กลง และพอผ่านพ้นช่วงแสงไฟเข้าสู่ที่มืด ม่านตาของเราก็จะต้องขยายกว้างเพื่อเปิดรับแสง หากเจอสภาพแสงเช่นนี้บ่อยๆ เหมือนผมตอนปั่นบนท้องถนนผ่านใต้ไฟส่องสว่างเป็นช่วงๆ ก็จะทำให้สภาพตาเราล้าได้ง่ายกว่าปกติ ผมจึงเลือกเลนส์ใสครับ
   เลนส์เหลืองผมก็เคยใช้ แต่มักจะเป็นตอนกลางคืนที่ไม่ต้องเจอสภาพแสงที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เท่านั้นเอง
   เรื่องชุดก็จะเริ่มมาเป็นปัญหากับผม ปกติผมจะปั่นกลางวัน จะเลือกชุดดำล้วน ผมไม่ชอบลวดลายสีสัน ผมเลือกชุดดำก็เพราะจะกันรังษี UV ได้ดีกว่าผ้าสีอ่อน สีดำจะดูดความร้อนก็จริง ใส่แล้วร้อนกว่าชุดขาวเยอะ แต่ร้อนแล้วมันไม่ทะลุ ผมชอบตรงนี้แหละ
   แต่สีดำมืดๆ มันไม่เหมาะกับการปั่นช่วงเช้ามืดแบบนี้เลยแม้แต่น้อย สถานการณ์แบบนี้ควรใช้เสื้อผ้าสีอ่อน ยิ่งมีแถบสะท้อนแสงได้ยิ่งดี ไฟท้าย ไฟหน้า ยิ่งต้องมีให้เห็นเด่นชัด
   จึงไปเอาสายรัดข้อเท้าของ Zefal มารัดสองข้าง (ผมใส่กางเกงวอร์มขายาว) สายรัดนี้ซื้อมาจาก Pro Bike เป็นสายสีดำเรียบๆ มีแถบสะท้อนแสงสีเทา ยึดติดด้วยแถบ Velcro
   ที่จริงน่าจะมีไฟติดบนหมวกสักอันนะ แต่หาที่เข้ากับหมวกของผมได้ยากเหลือเกิน (จะติดน่ะติดได้ แต่ขอสวยๆ หน่อยน่า) อันนี้ต้องค่อยๆ มองหาไปเรื่อยๆ แต่ถ้าตอนซื้อไม่ได้เอาหมวกไปลองรัดลองติดดู ก็คงกะกันลำบากหน่อย
   กลายเป็นว่า ตั้งแต่เริ่มออกปั่นช่วงเช้า ก็ต้องมาหาเตรียมของใช้กันอีกระลอกแล้วหรือนี่ นี่ขนาดแค่เริ่มต้นปั่นเองนะ
   
8 มีค 52
   นัดกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าตอนเช้าจะไปปั่นจักรยานด้วยกัน ทั้งเชอรี่และมิว แต่พอตอนเช้ามิวกลับขอยกเลิก บอกขี้เกียจปั่น จึงเหลือแค่ผมกับเชอรี่ (ภรรยา)
   เชอรี่เคยปั่นกับผมมานานหลายปี แต่ไม่ได้ปั่นแบบต่อเนื่อง นานๆ ถึงจะออกไปปั่นสักหน เขาทำงานออฟฟิซ วันหยุดเลยอยากพักผ่อน เน้นหนักไปทางนวด สปา ทำผม ทำเล็บ ตามสไตล์ผู้หญิงเขา
   วันนี้ออกสายหน่อย แดดแรงตามสไตล์ เชอรี่ไม่คุ้นเคยอย่างมาก ปั่นได้พักเดียวก็หน้าแดง คุ้นๆ ว่าเคยเป็นแบบนี้ตอนผมพาไปปั่นที่เขาแถวชลบุรีกับกลุ่มเพื่อนๆ จาก Pro Bike นานหลายปีมากๆ แล้ว ตั้งแต่สมัยยังไม่มีลูกเลย
   วันนี้เลยปั่นไปกันแค่ 20 กม ขากลับซื้อโจ๊กมาฝากมิว ส่วนผมทานยำปลาดุกฟูแกล้มกับผักสดเยอะๆ รู้สึกดีจริงๆ
   แม่ผมไปตลาดน้ำวัดบางน้ำผึ้งย่านพระประแดงแต่เช้า ซื้อก๋วยเตี๋ยวลุยสวนมาฝาก ผมชอบทานอาหารที่ผ่านการปรุงน้อย หรือไม่ใช้วิธีทอด ก็เห็นจะมีแต่ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนนี่แหละที่พบเห็นได้บ่อยหน่อย นอกนั้นก็จะมีพวกเปาะเปี๋ยะสด
   ช่วงสายทานสตอเบอรี่สดคลุกเกลือน้ำตาล ไม่รู้แม่เอาสูตรมาจากไหน แต่ทานแล้วรู้สึกอร่อยดีกว่าแบบสดๆ มาก ผมเพิ่งกลับจากปั่นจักรยานก็เลยต้องการเกลือแร่เติมเข้าไปในร่างกายสักหน่อย พอเจอผลไม้แบบนี้แล้วถูกใจมาก
   ผลไม้ตระกูลเบอรี่นั้นมีประโยชน์มากอยู่แล้ว แต่บ้านเรามันไม่มีให้พบเจอกันบ่อยนัก ช่วงนี้ไปตลาดเห็นแต่สตอเบอรี่เยอะมาก แต่พวกบลูเบอรี่ แบล็คเบอรี่ แครนเบอรี่ และอีกหลายอย่าง ไม่เคยเห็นผลสดๆ ของมันเลย อย่างเก่งก็มีแค่ผลอบแห้งมาใส่ถุงวางขายตามห้างแพงๆ ใจกลางเมือง
   จะว่าไปมันก็คือข้อมูลที่เรารับมาจากฝรั่งเขา ทั้งๆ ที่แต่ละพื้นที่ แต่ละภูมิภาคในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีของดีมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยกันทั้งนั้น เช่น หากไปทางย่านสแกนดิเนเวียที่อากาศหนาวเย็นแบบสุดขั้ว เขาก็จะมีพวกการอบซาวน่า และปลาแซลมอน ลงมาทางอิตาลีเขาก็จะมีพวกโยเกิต น้ำมันมะกอก ทางเอเชียเรานี้ก็เด่นที่ประเทศญี่ปุ่น เน้นอาหารทะเลสด ชาเขียว เต้าหู้ ส่วนไทยเรานี้ยิ่งมีเพียบกว่าใคร แต่เราเองมันไม่ให้ความสำคัญ ได้แก่พืชสมุนไพรทุกชนิด ตำหรับตำราโบราณของไทยเรานั้นยังคงนำมาใช้งานกับคนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี ลองหาๆ อ่านดูแล้วประยุกต์เข้ากับอาหารการกินที่ตัวเองคุ้นเคย แล้วจะพบว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
   กลางวันภรรยาซื้อแหนมเนืองมาทานเป็นอาหารกลางวัน มีผักสดมาด้วยอีก 1 ตระกร้าใหญ่ อาหารเวียดนามนี้เด่นที่ทานคู่กับผักสด แต่ทำไมกลับไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก ต่างจากพวกอาหารหน้าตาแปลกๆ ของฝรั่งเศษ ที่มีก้อนเนื้อเล็กๆ วางอยู่ตรงกลาง ทับด้วยโน่นนี่นิดหน่อย ราดด้วยซ้อสอะไรก็ไม่รู้ไว้รอบๆ จาน จะกินทีต้องเลียจานหรืออย่างไรกันนี่
   ทำไมทีอาหารฝรั่งคุณค่าต่ำมากถึงได้ฮิต อาหารอิตาลีมีแต่เส้น มีแต่แป้ง กลับฮิตกันนักหนา หรือว่ามันฮิตกันตามความเจริญของบ้านเมืองเขากระมัง
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline Art

  • Full Member All Thailand Championship Racer
  • ***
  • Posts: 128
  • I'm a llama!
Re: มีค 52
« Reply #4 on: March 08, 2009, 09:10:48 pm »
   ที่จริงน่าจะมีไฟติดบนหมวกสักอันนะ แต่หาที่เข้ากับหมวกของผมได้ยากเหลือเกิน (จะติดน่ะติดได้ แต่ขอสวยๆ หน่อยน่า) อันนี้ต้องค่อยๆ มองหาไปเรื่อยๆ แต่ถ้าตอนซื้อไม่ได้เอาหมวกไปลองรัดลองติดดู ก็คงกะกันลำบากหน่อย
อันเนี้ยผมเจอใน Product Lists ของหมวกยี่ห้อ Bell ครับพี่ เป็นไฟที่ทำมาสำหรับติดที่ด้านหลังของหมวกของยี่ห้อเค้าเองได้เลย แต่ตอนไปญี่ปุ่นปีที่แล้ว ไปหาซื้อแล้วไม่มีหมวกรุ่นที่อยากได้ เลยไม่ได้ซื้อเจ้าไฟที่ว่ามาด้วย :-\ ของพวกนี้บางทีหาเจอบนเว็บ แต่พอไปหาหน้าร้านจริง ๆ ไม่มีขายซะงั้น ::)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มีค 52
« Reply #5 on: March 10, 2009, 02:38:09 pm »
9 มีค 52
   เช้านี้ตื่น 0445 กะจะปั่นให้เยอะสักหน่อย สามารถกลับบ้านสายหน่อยได้ มิวเขาปิดเทอมแล้ว วันนี้เลยปั่นไป 30 โล เอารถคันเดิมไป F20-W คันนี้ปั่นได้ดีจริงๆ แต่ตอนพับแล้วจะรู้ว่าละเหี่ยใจเป็นเช่นไร
   เช้านี้มีเวลาเยอะ เลยปั่นเข้าสวน เป็นเส้นทางยาว 12 กม สองข้างทางมีแต่สวน เส้นทางนี้จะไปออกวัดบัวผัน พวกกลุ่มสวนธนฯ กลุ่มพระราม 2 ก็มักจะใช้เส้นทางนี้กันอยู่บ่อยๆ ผมเคยเจอพวกเขาบ้าง แต่ไม่เคยออกปั่นร่วมกัน ไม่กล้าไป กลัวตามเขาไม่ทันแล้วหลงทาง เพราะมีทางแยกอีกหลายอันที่ไม่มีป้ายบอก เลยปั่นกับตัวเองคนเดียวบนเส้นทางเดิมๆ เบื่อเหมือนกันนะนี่
   ช่วงใกล้ 6 โมง ขอบฟ้าเริ่มสว่าง เจอลูกตะกวดตัวเล็กออกมาหากิน หยิบกล้องถ่ายรูปกดไว้ได้แต่คุณภาพของภาพแย่เหลือเกิน อีกแค่อึดใจเดียวก็เจอของจริง เจอตะกวด หรือเขาเรียกตัวเงินตัวทองก็ไม่รู้ ตัวโตมาก ยังกะจรเข้เลย จำได้ว่าเคยเจอแบบนี้ 3 ตัวยืนขวางถนนอยู่เมื่อหลายปีก่อนบนเส้นทางนี้แหละ มองหน้ากันอยู่สักพัก ผมเป็นฝ่ายยอมแพ้ กลับหลังหันปั่นไปทางเดิม
   ได้เจอตะกวดตัวโตแบบใกล้ชิดแล้วตกใจมากจริงๆ กลัวมันหันมากัด ไม่รู้ว่าน้ำลายของมันจะมีเชื้อโรคร้ายแบบมังกรโคโมโดของอินโดนีเซียไหม ตัวนั้นกัดแล้วแผลเน่าเลยล่ะ
   สักพักมีรถยนต์ขับมา ตะกวดเลยค่อยๆ เดินลงคูน้ำข้างทางไป ใจตื่นเต้นจนถ่ายรูปแบบกดผิดกดถูก กดไปหลายที แต่กดผิดปุ่ม เพิ่งรู้ว่าตอนคนตกใจมันทำอะไรมั่วๆ ไปได้เหมือนกัน
   ถึงบ้านเอาตอน 0715 วันนี้ปั่นไปได้ 0145 นาที ตำราเขาว่าปั่นต่อเนื่องกันอย่างน้อย 30 นาที แล้วร่างกายถึงจะเริ่มเผาผลาญไขมัน หวังว่าร่างกายผมมันคงเป็นไปตามที่ตำราเขาว่าไว้นะ
   มื้อเช้าทานผัดผักจานใหญ่กับไข่เจียว สายๆ นั่งเขียนหนังสือเรื่องจักรยานทัวริ่งต่อ ใจอยากรวมเล่มแล้วพิพม์จริงๆ อยากเผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเล่นจักรยานเขามีข้อมูลพื้นฐานกันบ้าง ไม่ใช่ว่าเอะอะอะไรหากเป็นรถทัวริ่งต้องใช้ล้อ 700 กับแฮนด์หมอบกันร่ำไป
   แฮนด์หมอบ (Drop Bar) กับ Bar End Shifter นี้เป็นสองสิ่งที่ผมใช้งานไม่สะดวกเอาเสียเลย
   แฮนด์หมอบเขาเอาไว้จับล่างตอนปั่นทวนลมครับพี่ ผมเคยอ่านเจอในเวปเขาว่าไว้แบบนี้
   แต่ถ้าเป็นผมหากต้องปั่นทวนลม ผมก็ปั่นมันแบบเดิมนี่แหละ อย่างเก่งก็ก้มๆ หน่อย ช้าลงบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร ทนๆ ไป ถือว่าเป็นรสชาติอีกอย่างหนึ่งของการปั่นจักรยานทางไกล
   Bar End Shifter เขาไว้ตรงนี้เพราะว่ารถทัวริ่งไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์กันบ่อย นานๆ เปลี่ยนที
   อ้าว นานๆ เปลี่ยนทีแล้วต้องทำให้มันใช้งานลำบากด้วยหรือนี่ จะเปลี่ยนเกียร์ไม่ว่าจะเป็น Up Shift หรือ Down Shift แต่ละครั้งก็ต้องละมือจากตำแหน่งเดิม ลงไปจับด้านล่างสุดของแฮนด์ แค่นั้นยังไม่พอ ตอนจะสับก้านชิฟนี้มันยังไม่ค่อยถนัดมืออีกด้วย มือใหม่อย่างผมจึงต้องใช้มือหนึ่งประคองแฮนด์ แล้วใช้มือที่เหลืออีกข้างขยับก้านชิฟเตอร์ กลายเป็นว่าขณะชิฟเกียร์ ผมจะมีมือประคองรถแค่ข้างเดียว หากเจอทางขรุขระ หรือเนินสูงชัน คงต้องชิฟเกียร์รอมาแต่ไกล
   โห พี่ลำบากสุดยอด เอาเป็นว่าหากมี 3 มือถึงจะใช้งานได้สะดวกหน่อย

10 มีค 52
   มิวปิดเทอมแล้ว ผมไม่ต้องไปส่งไปรับลูกอีกแล้ว แต่กลายเป็นว่าต้องหากิจกรรมเพื่อเสริมทักษะให้เขาทำแทน ก่อนที่การเรียนซัมเมอร์จะเปิดในเดือนเมษายน ไม่งั้นเด็กๆ เขาก็จะเล่นสนุกตามประสาไปวันๆ ผมอยากให้มิวเก่งภาษาอังกฤษ แต่การที่จะเก่งได้เด็กต้องชอบเสียก่อน และคลุกคลีกับการใช้ภาษาอย่างสม่ำเสมอ เช่นนี้มันถึงจะก้าวหน้าได้เร็ว ยิ่งถ้าได้เพื่อนคุยภาษาอังกฤษด้วยแล้ว นี่คือสุดยอดของการฝึกเลย
   ช่วงนี้ออกปั่นแต่เช้าทุกวัน แต่เข็ดกับการเจอตะกวดเมื่อวานยังไม่หาย เลยไม่กล้าเข้าไปในสวนตอนเช้ามืด แม้ว่าเส้นทางจะอากาศดี เงียบ แต่การที่ปั่นอยู่เพลินๆ แล้วเจอตะกวดตัวเบ้อเริ่มนอนขวางอยู่ข้างหน้าแบบทำนองว่า ข้าไม่กลัวเอ็ง นึกแล้วยังตกใจไม่หาย
   เพราะเขาเป็นสัตว์หากินกลางคืน สายตาเขาดีกว่าเราในขณะแสงน้อย อย่าคิดไปสู้หรือทำร้ายอะไรเขาเลย เจอเงาตะคุ่มๆ แล้วค่อยมาเห็นภาพชัดเจนตอนระยะสัก 3 เมตร ตัวโตยังกะจรเข้ หัวใจผมเต้นแทบจะเด้งออกมานอกร่างเลย
   เช้านี้ผมวางแผนใหม่ มีการทานถั่ว 1 ถุงเล็กระหว่างปั่นไปด้วย เพราะที่ผ่านมาตอนออกปั่นไปสักพักจะเริ่มรู้สึกหิว ได้แต่แก้ด้วยการดื่มน้ำแทน มาวันนี้มีถั่ว รู้สึกร่างกายดีขึ้น ไม่ได้ถึงกับมีแรงขึ้นหรอกนะ แต่รู้สึกว่ามันไม่ฝืนร่างกายไง กินไป ปั่นไป ก็เพลินดีเหมือนกัน จะกลัวอย่างเดียวก็รถล้มนี่แหละ ไอ้การกินนี่คือตัวทำให้เสียสมาธิอย่างดีเลย จะกินก็ต้องหมั่นคอยดูเส้นทางว่ามีคันกั้นรถไหม มีหลุมบ่อไหม ฯลฯ
   เริ่มออกหาเส้นทางใหม่ๆ ปั่น แต่ก็กลัวหลง นี่ถ้ามีแผนที่ดีๆ สักชุด ผมจะไม่สนใจ GPS เลยแม้แต่น้อย ผมมันเป็นคนโลวเทค ชอบของใช้แบบเรียบง่าย แผนที่ธรรมดาๆ นี่แหละ ที่ดูแล้วสบายตา พกพาก็ง่าย มองเห็นภาพรวมของเส้นทางได้ชัดเจนกว่าหน้าจอ GPS เยอะ แถมไม่ต้องพึ่งพาพลังงานจากแบตเตอรี่อีกด้วย
   ผมว่า GPS มันเหมาะจำเป็นเครื่องมือค้นหาสถานที่ และใช้ในการนำทางเสียมากกว่า เพราะหากเป็นเส้นทางที่เรารู้จักดีอยู่แล้วนั้น เครื่อง GPS ก็ไม่ได้ช่วยอะไรในเส้นทางหลักๆ เลย
   แต่ผมก็มองๆ GPS ไว้ใช้กับเขาอยู่เหมือนกันล่ะ แถมการใช้งานหลักของผมไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านเขาด้วย เลยยิ่งเลือกยากเข้าไปใหญ่
   ทุกวันนี้ผมปั่นประมาณ 30 กม ในช่วงเช้า ใช้เวลาประมาณ 1.45 ชม รวม Worm Up และ Cool Down แล้ว แต่ยังไม่รวมการยืดเส้น น้ำหนักผมลดลงต่ำสุดใสรอบ 10 ดี รู้สึกดีใจฉิบเป๋งเลยครับ อยากลดลงอีกเยอะๆ เอาให้หุ่นเหมือนตอนหนุ่มๆ สมัยที่ผมเล่นเรือใบไปเลย คุ้นๆ ว่าเคยมีกล้ามท้องแบบวัยรุ่นเขาเรียก Six Pack กับเขาบ้างเหมือนกันนะนี่ แม้จะเป็น Pack เล็กๆ ก็ตามที
   ลำพังปั่นจักรยานอย่างเดียวน้ำหนักมันไม่ลดลงง่ายนักหรอกนะครับ ต้องเน้นทางด้านโภชนาการเยอะๆ หน่อย คือลดพวกคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และเน้นผักสด ผลไม้ เสริมด้วยโปรตีนบ้าง
   คำว่าลด ไม่ได้คืองดนะครับ หากอยากทานจริงๆ ก็สามารถทานได้ แต่ขอเพียงเล็กพอ พอหายอยาก แต่ที่ควรลดก็คืออาหารมื้อเย็น ผมใช้วิธีชิงหลับก่อน ได้ผลดีมากๆ เลย ปกติผมเข้านอนพร้อมลูกมาตั้งแต่เขาเกิดแล้ว
   แต่มันก็มีบางวันที่รู้สึกหิว อยากกิน แน่นอน ผมไม่ฝืนธรรมชาติหรอก ร่างกายเรียกร้องก็สามารถหยิบอาหารทานได้บ้าง แต่ถ้าใจมันเรียกร้อง อันนี้ต้องคุยกันยาวหน่อย
   เออ เมื่อเช้าเกือบกลิ้งไป 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนปั่นผ่านถนนลาดยางที่มีทรายไหลมา รู้สึกล้อหน้าแฉลบไปนิดหนึ่ง แค่แว่บเดียว อีกครั้งตอนใกล้จะกลับบ้านแล้ว ต้องปั่นผ่านถนนใหญ่ ต้องปาดหลายเลนจากซ้ายสุดไปขวาสุด แล้วการจราจรก็เบรกกระทันหันกันหมด ผมก็ต้องเบรกอย่างแรงกับเขาด้วย แต่ตอนนั้นผมยืนโยกรถอยู่ การเบรกขณะยืนทำให้บาลานซ์ของรถด้านหลังไม่ดี ล้อหลังล็อค ท้ายปัด โชคดีที่ไม่ล้ม
   กลางวันอากาศร้อนจริงๆ จนบางวันต้องมีการอาบน้ำช่วย แต่พอออกจากห้องน้ำ  ยังไม่ทันแต่งตัวอะไรเลย เหงื่อก็ออกทันที ผุดออกมาเป็นเม็ดๆ โห ท่าจะร้อนจริงๆ นะนี่ นี่ขนาดโลกเราร้อนขึ้นแค่ 0.8 องศาเซลเซียสนะ ผมเคยดูสารครดีเขาว่า หากขึ้นเป็น 3 องศา ทะเลทรายก็มาเยือนไทยเราแล้ว และถ้าถึง 6 องศาล่ะก็
   คอยพบกับโลกาวินาศของแท้ได้เลย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มีค 52
« Reply #6 on: March 11, 2009, 12:58:51 pm »
11 มีค 52
   ผมเริ่มสนุกกับการปั่นช่วงเช้าเสียแล้วสิ กลัวเรื่องเดียวก็คืออันตรายจากความมืดนี่แหละ นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไรเลย ลมเย็นสบาย แถมไม่เปลืองครีมกันแดดราคาแพงๆ อีกด้วย
   ที่ว่าราคาแพงน่ะ ก็เพราะผมมักเอาครีมของภรรยามาใช้ สิบกว่าปีก่อนเป็นผ้า เธอก็หาครีมสูตรโน้นสูตรนี้มาให้ทดลอง อย่างเก่งก็ได้แค่จางลงนิดๆ หยุดใช้ หรือโดนแดด ฝ้าก็จะเข้มชัดขึ้นอีกเหมือนเดิม
   จนทุกวันนี้มันจางหายไปเกือบจะหมดละ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทายาทาครีมอะไรสักอย่าง จะมีบ้างก็ตอนเช้าที่ทาครีมกันแดดก่อนออกไปข้างนอก และทาแค่อย่างเดียวนี่แหละ
   แล้วฝ้ามันหายได้อย่างไร
   อืมมม น่าคิดนะ หากให้คิดมองหาเหตุผล ก็คงเป็นเรื่องอาหารการกินที่ผมดูแลตั้วเอง และจิตใจที่ไม่เคยพกพาความเครียดอะไรกับใครเขาเลย กระทั่งเมื่อก่อนที่ใจร้อน ขับรถยนต์แล้วบางทีโมโหง่าย ทุกวันนี้หายเกลี้ยงเป็นปลิดทิ้ง
   การที่จิตใจเราไม่คิดโกรธใครนั้นมาจากจักรยานทัวริ่งครับ อันนี้ขอติดไว้ก่อน วันหน้าค่อยเล่า ส่วนวันนี้ขอคุยเรือ่งฝ้ากระกันก่อน
   อาหารการกินที่ผมใช้กับตัวเองก็ไม่ใช่สูตรลับอะไร เป็นข้อมูลพื้นฐานทั่วๆ ไปที่ทุกคนมันรู้ดีกันอยู่แล้วว่าต้องทานผักสดเยอะๆ ผลไม้ตามฤดูกาลเยอะๆ หลีกเลี่ยงอาหารปิ้ง ย่าง ทอด อะไรทำนองนี้
   แต่ของผมเพิ่มสูตรของตัวเองให้อีกนิด ผมดื่มชาเขียวด้วยครับ เป็นชาเขียวแบบชงเองนะ ไม่ใช่แบบสำเร็จรูปใส่ขวดขาย อันนั้นน้ำตาลเยอะมาก ผมชงเอง ไม่ใส่น้ำตาล กินวันละ 1-2 แก้ว ก็เพื่อบำรุงสุขภาพ แต่ถ้าจะเอามาแก้โรคภัยก็ต้องกินมากกว่านั้นเป็นเท่าตัว
   ผมดื่มชาเขียวมาหลายปีมากแล้วครับ บางวันกินแทนน้ำเปล่าก็มี เพราะมีติดตัวไว้ตลอด ชงง่าย ดื่มง่าย หากชงเข้มก็จะออกรสชาติฝาดนิดๆ ลูกผมยังชอบกินเลย
   อีกอย่างที่ดื่มเป็นประจำทุกเช้าคือน้ำเต้าหู้ ผมเลือกซื้อจากร้านที่เขาใช้ถั่วเหลืองแก่ และสั่งเขาให้ใส่น้ำตาลนิดเดียว บางวันก็ไม่ใส่เลย แต่รสชาติจะแย่หน่อย
   ช่วงเดือนนี้ในตอนบ่ายจะเพิ่มโกโก้ร้อนขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง เป็นโกโก้ร้อนชงเองอีกนั่นแหละ แต่ผมโหดหน่อย เพราะไม่ใส่นม ไม่ใสน้ำตาล กลิ่นหอมครับ แต่กินแล้วไม่หวานลื่นคอเท่านั้นเอง
   นี้คือเครื่องดื่มที่ผมดื่มเป็นประจำทุกวัน (ไม่นับโกโก้ร้อน) ส่วนอาหารก็เน้นผักผลไม้หลากหลายสี หากเป็นข้าวก็จะใช้ข้าวกล้อง ลดอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต ยกเว้นคาร์โบไฮเดตรจากผักผลไม้ อันนี้พอได้บ้าง เช่น ข้าวโพด มันเทศ หากต้องไปอยู่ต่างถิ่นหลายวันก็จะมีเสริมวิตามินซี 1000 มก ผมอัดวันละ 3 เม็ดครับ ตามมื้ออาหาร เจออากาศเย็นสุดขั้ว ฝนตก หิมะโปรย ไม่เคยเป็นหวัด
   อาหารเป็นเรื่องเป็นราวนี้ผมไม่ค่อยได้กินนะ จะเน้นพวกผลไม้สดแทน ระยะนี้มีแตงโมเยอะ ก็กินมันเป็นกล่องเลย ส้ม กล้วย พวกนี้มีทั้งปี เมืองไทยเราเด่นมากในจุดนี้ แต่คนเรากลับไปมองเรื่องไกลตัวและคิดอยากมีอยากได้เหมือนคนอื่นเขา
   ฝรั่งเขาเจริญกว่าเราขนาดไหน มาไทยแป๊บเดียว ต่างติดใจกันทั้งนั้น เรื่องบ้านเมืองเราแพ้เขาก็จริงครับ แต่เรื่องพื้นฐาน อาหารการกิน น้ำใจของผู้คน เหล่านี้เรามีเยอะกว่าคนของเขามาก เรียกว่า แม้ไม่หรู แต่อยู่สบายก็แล้วกัน
   ตอนเย็นผมวัดลมยางคัน F20-W ดู จากเดิมผมเติมลมไป 100 psi ตามสเปคเมื่อวันแรกที่ได้รถมาคือวันที่ 30 มกราคม จนถึงวันนี้วัดลมยางแล้วเหลือแค่ 60 psi เท่านั้นเอง เอามือกดๆ ดูก็เห็นว่ายังแข็งดี (แต่อ่อนกว่าตอนเป็น 100 พอควร) รู้ว่าลมสามารถซึมออกได้บ้างตามผิวยางใน แต่ไม่รู้ว่ามันซึมออกไปได้เยอะขนาดนี้ 30 กว่าวันเท่านั้นเอง ซึมหายออกไปได้ถึง 40 psi !!!
   แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าหากทิ้งไว้อีก 1 เดือน จะหายไปอีก 40 psi หรอกนะ นั้นมันเว่อร์เกินไป อัตราการซึมออกของลมยางหากพลอทกราฟก็จะออกมาเป็นเส้นโค้ง คือยิ่งลมเยอะก็จะยิ่งดันออกเร็ว ยิ้งลมน้อย ก็จะยิ่งซึมออกช้า และการซึมออกของลมยางนั้น จะซึมกันที่ผิวของยางนะครับ ไม่ได้ซึมออกจากวาล์วแต่อย่างใด
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มีค 52
« Reply #7 on: March 12, 2009, 03:45:40 pm »
12 มีค 52
    เมื่อวานอ่านเวป ทราบข่าวว่ามีนักจักรยานท่านหนึ่งจะปั่นลงใต้ ระยะทางราว 900 กม ทาง Dtac จะให้เงิน กม ละ 20 บาท ต่อคน ต่อระยะทางหนึ่งกิโลเมตร นั่นคือหากนักปั่นคนเดียวปั่นระยะทาง 900 กม ก็จะเท่ากับ 900 X 20 X 1 = 18000 บาท นั่นคือจำนวนเงินต่อนักปั่น 1 ท่าน หากมีหลายท่านก็คูณจำนวนคนเข้าไปอีก แถมไม่จำเป็นว่านักปั่นจะต้องปั่นครบ 900 กม ถึงจะได้เงิน จะปั่นช่วงไหน ที่ทางกลุ่มผู้จัดเขาปั่นผ่านก็ย่อมได้
   ที่สำคัญคือเงินที่จะได้จากสปอนเซอร์คือ Dtac ครั้งนี้ ทางผู้จัดจะนำไปจัดซื้อจักรยานให้แก่เด็กๆ ที่จุดหมายปลายทาง น่าจะเป็น จ กระบี่นะ ถ้าจำไม่ผิด
   ผมอ่านแล้วจิตใจฮึกเหิมมาก อยากเข้าร่วมปั่นตั้งแต่วันแรกจนจบเลยด้วยซ้ำไป ติดที่ว่าเราไม่เคยรู้จักผู้จัดและกลุ่มพรรคพวกเขามาก่อนเลย เราไปแจมจะกลายเป็นเพิ่มภาระแก่เขาด้วยไหม ไหนจะเรื่องกิน เรื่องอยู่ เผลอๆ รถเราจะ เขาจะมาคอยเป็นห่วงต้องดูแลเรา สารพัดจะคิด ฯลฯ
   ไม่รู้ล่ะ ตามตารางเขาปั่นกันวันละประมาณ 100 กม ผมว่าผมรับไหว แต่ไม่รู้จะทนได้ถึง 9 วันหรือไม่เท่านั้นเอง
   เช้านี้เลยนำดัมเบลหนักประมาณ 4 กก ใส่กระเป๋าท้ายรถ เป็นการเพิ่มน้ำหนัก และออกปั่นเหมือนเช่นเดิม
   การวอร์มช่วงแรกรู้สึกหนักเท้าอย่างเห็นได้ชัด แต่พอปั่นๆ ไปก็รู้สึกชิน การแบกน้ำหนักเพิ่ม เป็นการบังคับให้ผมต้องออกแรงกดบันไดเพิ่มไปในตัว ยิ่งหากอยากได้อัตราเร่งแซงแบบพุ่ง ก็ต้องใช้วิธียืนโยกเอา
   แต่ไม่น่าเชื่อ ผมกลับทำเวลาและความเร็วได้พอๆ กับตอนปั่นรถเปล่าเลย แถมวันนี้เล่นไปซะ 40 กม ใช้เวลาไป 2 ชม ผมไม่เคยปั่น 40 กม ในช่วงเช้ามาก่อนเลย
   พอสายสิได้เรื่อง รู้สึกหิวมากๆ เจออะไรก็อยากหยิบใส่ปากกินไปหมด มองเห็นขนมวางอยู่เต็มบ้าน แต่ตัดใจไม่กิน เลี่ยงไปกินผลไม้แทน ซึ่งรู้สึกได้ทันทีครับว่าคำว่าร่างกายสดชื่นนั้นเป็นเช่นไร    
   ผมทานแตงโม กับสัปปะรด ตอนแรกไม่จิ้มพริกเกลือ เพราะไม่อยากเพิ่มน้ำตาลเข้าไปอีก (พริกเกลือนั้นมีน้ำตาลผสมอยู่เยอะมากนะครับ แถมบางร้านใส่ผงชูรสแถมเข้าไปอีกด้วย) แต่พอลองจิ้มๆ แตะลิ้นดูอีกที รู้สึกดีนะ หรือเป็นเพราะร่างกายเราขาดเกลือแร่ การได้แตะน้ำตาล เกลือ ความรู้สึกหวานๆ เค็มๆ คล้ายสดชื่นตอนดื่มพวกน้ำเกลือแร่สำเร็จรูปเลย
   เช้าผมทานแค่ผลไม้อย่างเดียว เที่ยงทางเยอะมาก ซื้อมาฝากภรรยาด้วย และเขาทานไม่หมด ผมเสียดายของ เลยเก็บเสียเรียบ โชคดีที่เป็นส้มตำ ลาบ พร้อมผักสดจานโต ผมเลยเหมาเสียเอง ไม่เคยรู้สึกอิ่มแน่นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว เย็นคงไม่ทานอะไรอีก อย่างเก่งก็น้ำผลไม้แบบเมื่อวานที่ผมทานน้ำมะเขือเทศไปครึ่งลิตร
   การที่เราเห็นตัวเลขบนตาชั่งค่อยๆ ลดลงๆ ทีละน้อยๆ มันรู้สึกภูมิใจยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกยิ่งอยากผอมลงๆ มากเข้าไปอีก อยากกลับไปใส่ชุดเก่าๆ ได้ ผมมีชุดเก่าๆ สวยๆ อีกเยอะเลย
   แต่ตกบ่ายรู้สึกอยากกินอะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ท้องอิ่มนะ แปลกดี หยิบคุกกี้กินไปหลายชิ้นเลย รู้สึกผิดเหมือนกันนะนี่ พรุ่งนี้ต้องปั่นชดเชยอีกสักหน่อย
   วันนี้ผมปั่นบนเส้นทางเดิม แต่จัดระเบียบทิศทางการปั่นใหม่ วนย้อนซ้ำในบางช่วง เลยทำให้ได้ระยะทางมากถึง 40 กม โดยที่ผ่านถนนใหญ่น้อยมาก
   ฟิตจัดขนาดนี้ เพราะเผื่อว่าตัวเองจะมีโอกาสร่วมปั่นกับใครเขาไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่แม้จะไม่ได้ออกปั่นกับใคร ผมก็อยากปั่นทางไกลของผมเองคนเดียว อยากไปทั้งในและนอกประเทศ ที่เล็งไว้ก็คือสิงคโปร์ และญี่ปุ่น สิงคโปร์ผมไปเองคนเดียวได้ แต่ญี่ปุ่นต้องรออาร์ทรุ่นน้องที่ไปญี่ปุ่นเป็นประจำทุกปีเขาแนะนำ เขาพูดญี่ปุ่นได้ ส่วนผมถ้าไปญี่ปุ่น คงได้แต่ภาษาใบ้
   ผมมีเพื่อนนักเรียนชื่อต่อ เขาทำอาชีพหาของใช้เก่าญี่ปุ่นมาขาย ถนัดด้านรถยนต์ เขาจะกลับไทยวันศุกร์ที่ 13 นี้ ส่วนสินค้าจะตามเข้ามาช่วงปลายเดือน
   “เออ เปิ้ล ล็อตนี้มีจักรยานติดมาด้วย”
   “เป็นพวกเมาเทนน่ะ ไว้ของเข้าแล้วมาดูที่บ้านผมละกัน”
   สิ้นเดือนนี้คงต้องไปเยี่ยมบ้านต่อเสียแล้วสิเรา
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มีค 52
« Reply #8 on: March 13, 2009, 04:39:16 pm »
13 มีค 52
   วันนี้เล่นของอีกแล้วครับ จากเดิมเมื่อวานเอาดัมเบลล์ถ่วงน้ำหนักด้านหลังไป 4 กก กลับมาบ้านเพิ่งคิดได้ โชคดีกระเป๋าหลังไม่เป็นอะไร เพราะหากตกหลุม หรือรถล้ม ดัมเบลล์ด้านในอาจแกว่งแรงดันจนกระเป๋าฉีกขาดเสียหายได้ง่ายๆ ไม่เอาล่ะ วันนี้เลยหาของแบบปลอดภัยมาใส่แทนดีกว่า
   เมื่อวานถ่วงแค่ด้านหลังครับ แต่วันนี้อยากลองถ่วงด้านหน้าด้วย ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันต้องขี่ยากกว่าเดิมแน่ๆ แต่ก็อยากลองของ เลยเอาข้าวสารถุงละ 5 กก ใส่ในกระเป๋าที่วางอยู่บนแร็คด้านละถุง เต็มกระเป๋าแน่นพอดี กระเป๋าหน้าใบเล็กกว่า จึงรูดซิปไม่ได้ แก้ด้วยการใช้สายรัดคาดเอาไว้ ส่วนกระเป๋าหลังปิดซิปได้สนิทพอดีเป๊ะ เพราะถุงข้าวสารมันอ่อน สามารถดันให้เข้าไปในซอกมุมของกระเป๋าได้ดีกว่าพวกของแข็ง
   หวังว่ากลับมาบ้านถุงข้าวคงไม่แตกล่ะ
   และแล้วผมก็ซํดไปเกือบ 50 กม ทั้งๆ ที่รถต้องแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากข้าวสารถุงละ 5 กก 2 ถุง แถมไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เพราะใช้เวลาปั่นนานกว่าเดิมแค่นิดเดียว ความเร็วเฉลี่ยกลับทำได้ดีกว่าเดิมเสียอีก จากเดิมเกือบๆ 20 วันนี้กลายเป็น 21 กว่าๆ
   เอ๊ะ หรือว่าพลังมาจากคุ๊กกี้ที่กินเมื่อวานตอนบ่าย
   ตอนปั่นผ่านผิวถนนที่ไม่เรียบนี้ ผมสงสารรถ สงสารแร็คจริงๆ ครับ แต่ก็อยากลองของนี่นา จะได้รู้จริงว่า หากจำเป็นต้องขนของ จะบรรทุกได้หนักเพียงใด และเราจะปั่นไหวไหม
   เป็นอันว่าผ่าน รถน่ะผ่าน แต่คนนั้นยัง ผมยังต้องฝึกฝนอีกเยอะ ถ่วงหน้า 5 กก ทำให้เลี้ยวลำบากอย่างเห็นได้ชัด ปล่อยมือขี่แล้วรถเอียงเป๋ไปเลย แต่ปกติผมก็ไม่ค่อยได้เลี้ยวรถด้วยแฮนด์อยู่แล้ว เลยไม่รู้สึกผิดปกติมากนัก จะมาหนักตอนเข็นเข้าจอดในบ้านนี่แหละ
   วันนี้ถ่วงหนักกว่าเดิม 5 กก แต่ผมกลัวรู้สึกว่ารถมันปั่นดีกว่าเดิมอีกนะ ไม่รู้ว่ามีแรงเหลือเฟือ หรือเพราะอะไรก็ตอบไม่ได้ แต่รู้สึกว่าวันนี้ปั่นได้สนุกมากๆ ทั้งๆ ที่อัตราเร่งก็แสนจะแย่ กดแล้วรถก็ไม่พุ่ง ปล่อยฟรีครั้งใดก็ค่อยๆ เห็นตัวเลขบนหน้าปัดมันลดฮวบๆ ขึ้นเนินนี้สุดยอดไปเลย ใช้ยืนโยกช่วยตลอดทาง
   หากจะมองหาเหตุผลข้อความดี ก็เป็นไปได้ว่าเป็นเรื่องของบาลานซ์ ชาวจักรยานเขายังไม่ค่อยคุ้นกับการบาลานซ์รถกัน แต่สำหรับผมการบาลานซ์ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในการเซ็ทรถเลย ไม่ว่ารถยนต์หรือจักรยาน หรือยานพาหนะใดๆ หากมีการเคลื่อนที่ ต้องใส่ใจกับเรื่องของบาลานซ์ให้มาก แล้วรถถึงจะวิ่งดี
   วันนี้ผมไม่ได้ทานอะไรขณะปั่นเลย ถั่วหมดครับ เตรียมเงินไว้กะซื้ออะไรกินกลางทางก็ยังขี้เกียจแวะจอด กลัวระดับการเต้นของหัวใจมันเปลี่ยน อ่านหนังสือมาเห็นโปรเขาว่าต้องให้หัวใจเต้นต่อเนื่องกันนานๆ ไง
   เช้านี้เจอนักจักรยาน 3 คน บางคนเจอกันสองรอบก็มี มีคนหนุ่มๆ สองคน และลุงสูงอายุหน่อยอีก 1 คน ทุกคนใช้ MTB กันหมด ซึ่งเขาทำถูกต้องแล้ว มีผมใช้รถพับคนเดียว
   หากใครไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ฟังชั่นการพับของจักรยาน โปรดอย่าซื้อรถพับมาใช้นะครับ เพราะมันปั่นไม่ได้ดีไปกว่ารถล้อใหญ่อย่าง MTB หรือเสือหมอบเลย แถมรถมันยังหนักกว่าเขาอีกด้วย ผมต้องให้ข้อมูลตรงนี้บ่อยๆ ในหลายเวปที่ผมผ่านไป เพราะไม่อยากให้คนอื่นเขาเสียเงินแล้วกลับได้ของไม่ตรงกับการใช้งานหลักของตัวเอง
   แต่ถ้าใครจำเป็นต้องใช้ฟังชั่นการพับของมันก็เชิญเลยนะ กลับจะยุส่งให้เล่นเสียด้วยซ็ำ รถพับมันขนไปได้ง่าย จงใช้มันให้บ่อย ผลตอบแทนจะดูได้จากสุขภาพร่างกายของคุณเอง
   อ้อ ถ้าใครจะพับบ่อยๆ ก็อย่าไปเลือกซื้อรถ KHS ล่ะ เพราะแทนที่จะสะดวกรวดเร็ว มันจะกลายเป็นรถแห่งภาระให้คุณตลอดชีวิตเลย
   อย่ามาเลือกรถตามผมครับ แต่ละคนมีจุดประสงค์และการใช้งานหลักไม่เหมือนกัน แม้มันจะพับได้ห่วยสุดยอด ผมก็ยังใช้มันปั่นออกกำลังกายทุกเช้า ผมไม่ถึงกับเกลียดมัน แต่ไม่อยากให้คนอื่นคิดว่ามันคือรถเทพ คิดว่าผมเลือกใช้แสดงว่าต้องเป็นรถที่ดี
   ผมเลือกก็เพราะว่ามันเหมาะกับผมเท่านั้นเองครับ รถที่เหมาะกับผม อาจไม่เหมาะกับคุณก็เป็นได้ เราสรีระต่างกัน เราใช้งานต่างกัน เราใช้รถในสภาพการณ์ที่ต่างกัน เหล่านี้คือปัจจัยในการเลือกใช้รถจักรยานครับ
   อาหารเช้าวันนี้คือถั่วต้ม น้ำเต้าหู้ สัปปะรด แตงโม
   กลางวันจัดห้องรื้อเอาเสื้อผ้าเก่าๆ มาเก็บใส่กล่อง ตอนนี้คัดแต่ชุดเบอร์ M และเสื้อตัวเล็กหน่อยมาใส่แทน เจอเสื้อผ้าสวยๆ เต็มไปหมด รู้งี้ผอมตั้งนานแล้ว
   บ่ายๆ ทานไก่ทอด (ลอกหนังและแป้งออกเกือบหมด) กับต้นหอมสดเกือบจะ 20 ต้น พร้อมผักชีอีกนิดหน่อย
   เย็นทานโกโก้ร้อน 1 แก้วใหญ่
   พรุ่งนี้วันเสาร์ คงจะได้พบนักจักรยานอีกมากเป็นแน่
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มีค 52
« Reply #9 on: March 15, 2009, 04:11:47 pm »
14 มีค 52
   วันนี้ปั่นตัวเปล่า ไม่ถ่วงน้ำหนักอะไรแล้ว (แต่ยังคงติดกระเป๋าครบทุกใบ ยกเว้น Pannier) ไม่ได้กลัวหนัก ไม่ได้กลัวออกแรงเยอะ แต่กลัวรถมันโทรม กลัวมันพังเร็วมากกว่า
   โห รถเบากว่าเดิมมากๆ ยังกะไปอัปเกรดชุดใหญ่มา ออกแรงกดนิดเดียว รถพุ่งปรี๊ด สุดยอดไปเลย
   เปล่าหรอก ไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย แค่เอาถุงข้าว 10 กก ที่เมื่อวานถ่วงไว้ออกเท่านั้นเอง
   แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น นั่นคือขับๆ ไปสักพัก ผมกลับทำความเร็วได้พอๆ กับเมื่อวานนี้ ทั้งๆ ที่วันนี้รถเบากว่าเดิมถึง 10 กก
   มันเกิดอะไรขึ้นกันนี่ ผมปั่นไปคิดไป ได้คำตอบมาสองข้อ แต่ไม่รู้ว่าอันไหนจะเป็นคำตอบที่ถูกบ้าง
1 เมื่อคืนนอนดึก (สี่ทุ่ม) นอนไม่พอ เลยไม่มีแรง
2 เมื่อเช้าวอร์มไม่ดี ออกรถแล้วก็เร่งปั่นตั้งแต่แรกเลย จากเดิมจะค่อยๆ ปั่น                                  ช้าๆ ไปก่อน
   หรืออาจเป็นได้ว่าถูกทั้งข้อ 1 และ 2
   ปั่นแล้วเบาเท้า เลยกดใหญ่ อัดใหญ่ ผลคือจบเร็ว ขณะปั่น ผมคิดแบบนี้มาตลอด จนถึงช่วงหลังๆ ของการปั่น ช่วงใกล้ กม ที่ 40 ผมกลับรู้สึกอีกแบบ
   ผมเริ่มรู้สึกว่ารถคันนี้มันมีอัตราทดแปลกๆ อยู่สักหน่อย ถึงแม้จะมีถึง 24 เกียร์ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นเกียร์ที่ออกแบบมาเพื่อการแบกรับน้ำหนัก เพื่อการไต่ทางลาดชัน มากกว่าจะเป็นรถ 24 เกียร์ที่เกิดมาเพื่อความเร็ว อย่างพวก Dahon Speed Pro
   ไม่รู้สินะ ผมรู้สึกเร่งไม่ขึ้นจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้บรรทุกอะไร มันรู้สึกเหมือนว่ารอบขาเราหมด พอขึ้นเกียร์ใหม่ก็กลับรู้สึกไม่สบายเท้า กดแล้วมันหนักเกินไป
   สารพัดจะคิดไป ทั้งๆ ที่หาข้อสรุปอะไรไม่ได้ กลับบ้านพร้อมกับความพิศวง เพราะเมื่อวานรถหนักกว่า 10 กก แต่ทำความเร็ว ทำเวลา และค่าเฉลี่ย เท่ากับวันนี้เป๊ะ    
   หรือว่าเมื่อคืนวานผมไปกินอะไรพิเศษมาหรือเปล่า รุ่งเช้าถึงได้มีพลัง ปั่นรถบรรทุกข้าวได้แรงดีมากๆ
   นั่งคิดอยู่หลายรอบ ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องของคำว่ารอบขานี่แหละ อาจมีเรื่องของอัตราทดเข้ามาเกี่ยวเนื่องบ้าง
   วันนี้อากาศดีมากๆ ช่วงเช้าลมแรง จนผมต้องปั่นทวนลมอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่น่าจะใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ผมช้าลงเลย ลมเย็นสบาย ไม่มีแดดทั้งวัน นี้คือสุดยอดใฝ่ฝันของนักจักรยานเลยนะครับนี่
   สายๆ และช่วงบ่ายรู้สึกง่วงครับ อ่อนเพลียนิดหน่อย จากเดิมปั่น 30-40 กม ไม่มีปัญหาอะไร พอขึ้น 50 กม ได้สองวันอาการเริ่มออก
   ง่วง ไม่มีสมาธิ ขี้เกียจ ไม่อยากคิด ฯลฯ นี่ถ้าได้นอนสักงีบคงจะดีขึ้นเยอะ แต่ผมก็ไม่ได้นอน
   มื้อเช้าวันนี้ทานหมี่กรอบ ไม่ใช่หมี่กรอบสีส้มๆ แดงๆ ที่ขายตามตลาดทั่วไปนะ อันนี้เป็นหมี่กรอบโบราณ สูตรเดียวกับยุครัชการที่ 5 ชื่อร้าน จิ้นหลี อยู่ตรงตลาดพลู แม่ผมซื้อมาฝาก กินตั้งแต่กล่องละ 50 บาท จนตอนนี้ 120 บาทละ ร้านไม่หรูหรา เป็นแบบชาวบ้านธรรมดา เป็นเส้นหมี่กรอบแบบไม่ฟู กรอบแข็งๆ สีน้ำตาลด้วยการปรุงรส ใส่กุ้ง กระเทียมดอง ถั่วงอกดิบ และใบกุยช่ายสด
   สายกินสัปปะรด แตงโม สงสัยช่วงนี้กินสัปปะรดเยอะเกินไป เริ่มรู้สึกเจ็บๆ ลิ้น กลืนอะไรลงคอก็จะติดขัดนิดหน่อย
   กลางวันเป็นน้ำเต้าหู้ บ่ายๆ ก็โกโก้ร้อน เออ การกินโกโก้ร้อนแล้วรู้สึกว่าร่างกายสดชื่นมากเลย ไม่รู้เป็นเพราะสารกระตุ้นในโกโก้หรือไม่ หรือเพราะมันมีคาเฟอีนก็ไม่รู้

15 มีค 52
   วันนี้วันอาทิตย์ ผมพาภรรยาออกปั่นด้วย ส่วนลูกไม่ยอมมา จะอยู่เล่นที่บ้าน ผมไม่ชอบบังคับ เลยปล่อยเขาไปตามสบาย
   ภรรยาผมเริ่มรู้ถึงความต่างของประเภทของจักรยานแล้ว คราวก่อนขี่ GT MTB วันนี้ให้ขี่ Dahon Vitesse D5 เขาบอกว่าคันรถพับนั่งสบาย แต่ปั่นไม่ค่อยออก แต่คัน MTB ขี่แล้วเร็วดี เขาชอบ MTB
   อืมม .. มีเหตุผล ผมเองก็ยังชอบ MTB มากกว่ารถพับเยอะเลย รถล้อใหญ่กว่า ก็จะทรงตัวดีกว่า เจอทางขรุขระหรือหลุมก็จะรู้สึกนุ่มนวลกว่า โครงสร้างตัวถังก็แข็งแรงกว่า ท่านั่งปั่นก็ส่งแรงกดบันไดได้ดีกว่า ตำแหน่งจับแฮนด์มั่นคงมากกว่า
   รถพับนั้นเหมาะสำหรับท่านที่ใช้ฟังชั่นการพับครับ ใครไม่ค่อยได้พับ ก็อย่าไปหาซื้อรถมาใช้ตามคนอื่นเขา ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
   เช้าพาภรรยาแวะทานบะหมี่แถวบ้าน ร้านนี้อร่อยมากๆ ทานแล้วก็ปั่นกลับบ้านทันที กลัวแดดแรง
   กลางวันไปเดอะมอลล์ท่าพระ ห้างนี้มีซูปเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่และใกล้บ้านที่สุด มีของดีๆ มากสุด โดยเฉพาะ Apple Cider (น้ำส้มสายชูหมักจากแอ๊ปเปิ้ล) และช็อคโกแลตดาร์ค
   วันนี้ผมได้ของกินมาเพียบ โดยมากจะเป็นของที่เตรียมไว้กินตอนเช้าขณะปั่นจักรยาน เริ่มจากสารพัดถั่ว ถั่วอบ อัลมอนด์ เฮเซล พีแคน บราซิล ลันเตา ไปจนถึงเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (อันหลังนี้เขาว่าคอเรสเตอร์รอลเยอะ) (แต่สารอาหารอื่นก็เยอะตาม) เมล็ดทานตะวันก็มีติดมาด้วย
   ที่จริงอยากซื้อแมคคาเดเมียด้วย แต่แพงฉิบเป๋งเลย ส่วนพิสตาชิโอผมมักจะฝากเพื่อนซื้อมาจากเมืองดูไบ ประเทศ UAE (คนทั่วไปชอบเข้าใจว่าดูไบ คือประเทศดูไบ)
   ผมเป็นคนชอบถั่วครับ ถั่วอะไรแบบไหนก็ชอบหมด ของไทยยิ่งชอบ ถั่วลิสงต้มนี่กินประจำ ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วดำ เอาหมด ขนาดถั่วงอกซึ่งไม่เกี่ยวอะไรด้วย (แต่มีประโยชน์มาก) ก็ยังชอบเลย ฮ่าๆ
   ช็อคโกแลตดาร์คนี้ขาดไม่ได้ ชอบมาก ต้องเลือกแบบโกโก้แมสเยอะๆ เข้าไว้ หากเกิน 60% ได้ยิ่งดี แบบที่ผมกินมีโกโก้แมสถึง 75%
   ชาเขียวในชั้นวางหมด หาไม่เจอ ไม่ได้ถามพนักงาน แต่กะจะไปซื้อตอนผ่านร้านเจ๊เล้ง (ดอนเมือง) แทน ร้านเจ๊เล้งได้ซองใหญ่กว่าเกือบเท่าตัว แต่ราคาแพงกว่ากันนิดเดียว อ้อ เจอชาเขียวอีกยี่ห้อ เขียนว่า Sweet พอหยิบมาอ่านแล้วตกใจมาก เขียนว่า น้ำตาล 90% ชาเขียวแท้ 10% กูรีบวางเลย
   กลางวันทานร้านฟูจิ ผมสั่งยำหมูย่าง (สไตล์ไทย) กับมันฝรั่งผัดกับเบคอนใส่เห็ด ผักเพียบทั้งสองจาน
   กลับมาบ้านเจอสตอเบอรี่สด ดีใจมาก หยิบกินใหญ่เลย แก้กระหาย ชุ่มคอดี
   เย็นไม่กินอะไรแล้ว นอกจากโกโก้ร้อนแก้วใหญ่ (250 cc) เติมพลังเก็บแรงไว้พรุ่งนี้เช้าครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มีค 52
« Reply #10 on: March 16, 2009, 03:12:15 pm »
15 มีค 52
   วันนี้วันอาทิตย์ ผมพาภรรยาออกปั่นด้วย ส่วนลูกไม่ยอมมา จะอยู่เล่นที่บ้าน ผมไม่ชอบบังคับ เลยปล่อยเขาไปตามสบาย
   ภรรยาผมเริ่มรู้ถึงความต่างของประเภทของจักรยานแล้ว คราวก่อนขี่ GT MTB วันนี้ให้ขี่ Dahon Vitesse D5 เขาบอกว่าคันรถพับนั่งสบาย แต่ปั่นไม่ค่อยออก แต่คัน MTB ขี่แล้วเร็วดี เขาชอบ MTB
   อืมม .. มีเหตุผล ผมเองก็ยังชอบ MTB มากกว่ารถพับเยอะเลย รถล้อใหญ่กว่า ก็จะทรงตัวดีกว่า เจอทางขรุขระหรือหลุมก็จะรู้สึกนุ่มนวลกว่า โครงสร้างตัวถังก็แข็งแรงกว่า ท่านั่งปั่นก็ส่งแรงกดบันไดได้ดีกว่า ตำแหน่งจับแฮนด์มั่นคงมากกว่า
   รถพับนั้นเหมาะสำหรับท่านที่ใช้ฟังชั่นการพับครับ ใครไม่ค่อยได้พับ ก็อย่าไปหาซื้อรถมาใช้ตามคนอื่นเขา ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
   เช้าพาภรรยาแวะทานบะหมี่แถวบ้าน ร้านนี้อร่อยมากๆ ทานแล้วก็ปั่นกลับบ้านทันที กลัวแดดแรง
   กลางวันไปเดอะมอลล์ท่าพระ ห้างนี้มีซูปเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่และใกล้บ้านที่สุด มีของดีๆ มากสุด โดยเฉพาะ Apple Cider (น้ำส้มสายชูหมักจากแอ๊ปเปิ้ล) และช็อคโกแลตดาร์ค
   วันนี้ผมได้ของกินมาเพียบ โดยมากจะเป็นของที่เตรียมไว้กินตอนเช้าขณะปั่นจักรยาน เริ่มจากสารพัดถั่ว ถั่วอบ อัลมอนด์ เฮเซล พีแคน บราซิล ลันเตา ไปจนถึงเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (อันหลังนี้เขาว่าคอเรสเตอร์รอลเยอะ) (แต่สารอาหารอื่นก็เยอะตาม) เมล็ดทานตะวันก็มีติดมาด้วย
   ที่จริงอยากซื้อแมคคาเดเมียด้วย แต่แพงฉิบเป๋งเลย ส่วนพิสตาชิโอผมมักจะฝากเพื่อนซื้อมาจากเมืองดูไบ ประเทศ UAE (คนทั่วไปชอบเข้าใจว่าดูไบ คือประเทศดูไบ)
   ผมเป็นคนชอบถั่วครับ ถั่วอะไรแบบไหนก็ชอบหมด ของไทยยิ่งชอบ ถั่วลิสงต้มนี่กินประจำ ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วดำ เอาหมด ขนาดถั่วงอกซึ่งไม่เกี่ยวอะไรด้วย (แต่มีประโยชน์มาก) ก็ยังชอบเลย ฮ่าๆ
   ช็อคโกแลตดาร์คนี้ขาดไม่ได้ ชอบมาก ต้องเลือกแบบโกโก้แมสเยอะๆ เข้าไว้ หากเกิน 60% ได้ยิ่งดี แบบที่ผมกินมีโกโก้แมสถึง 75%
   ชาเขียวในชั้นวางหมด หาไม่เจอ ไม่ได้ถามพนักงาน แต่กะจะไปซื้อตอนผ่านร้านเจ๊เล้ง (ดอนเมือง) แทน ร้านเจ๊เล้งได้ซองใหญ่กว่าเกือบเท่าตัว แต่ราคาแพงกว่ากันนิดเดียว อ้อ เจอชาเขียวอีกยี่ห้อ เขียนว่า Sweet พอหยิบมาอ่านแล้วตกใจมาก เขียนว่า น้ำตาล 90% ชาเขียวแท้ 10% กูรีบวางเลย
   กลางวันทานร้านฟูจิ ผมสั่งยำหมูย่าง (สไตล์ไทย) กับมันฝรั่งผัดกับเบคอนใส่เห็ด ผักเพียบทั้งสองจาน
   กลับมาบ้านเจอสตอเบอรี่สด ดีใจมาก หยิบกินใหญ่เลย แก้กระหาย ชุ่มคอดี
   เย็นไม่กินอะไรแล้ว เข้านอนพร้อมลูกตอน 0830

16 มีค 52
   ล้อหมุน 0500 เช่นเคย วันนี้ถ่วงน้ำหนัก 1 กก ไว้ที่หลักอาน ช่วงนี้ปั่นทางเดิมตลอด เพราะกำลังเริ่มเช็คเวลา อยากปั่นให้เวลาดีขึ้น และแล้วก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองอีกข้อหนึ่งว่า หากคิดจะปั่นเร็ว ปั่นเยอะ ก็ต้องมีการเตรียมพร้อมที่ดี
   วันนี้ผมปั่นได้ดีมากๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ติดถั่วหรือของขบเคี้ยวไประหว่างทางเลย แต่เมื่อวานตอนบ่ายทานถั่วไปเยอะมาก ทีว่าเยอะก็เพราะเป็นถั่วจากหลากหลายประเทศ ของไทย ของฝรั่ง ผมเอาหมด หากเป็นของดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย ผมทานแต่ถั่วกับน้ำเปล่าตอนบ่ายๆ แล้วไม่ได้ทานอะไรอีกเลยจนเข้านอน โกโก้ร้อนที่ปกติจะทานทุกวัน ก็ไม่ได้ทาน
   ถั่วมีโปรตีน มีไขมันด้วย แป้งด้วย ไฟเบอร์นี้เพียบ วิตามินก็หลายตัว มีสารอาหารเยอะมาก ผมเลยไม่ได้ทานอะไรเพิ่มอีก
   อาหารจากคืนก่อนทำให้ร่างกายสดชื่นมาก เจออากาศเย็นๆ ช่วงเช้ารู้สึกดีจริงๆ เสียอย่างเดียวคือผมปั่นแต่เช้ามืด ต้องให้ความระมัดระวังพวกรถเก๋งที่มักจะพุ่งออกจากซอย เพราะมองไม่เห็นลำแสงไฟ เลยคิดว่าถนนโล่ง ไฟจักรยานของผมมันทำได้แค่เปิดเพื่อให้คนอื่นมองเห็นเท่านั้นเอง
   ผมยังค่อนข้างสับสนกับระบบไมโครชิฟที่มีการปรับระยะของตัวสับจานหน้าได้ ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าประโยชน์ที่แท้จริงนั้นคืออะไร แต่ประโยชน์แฝงน่ะ ผมพอจะมองเห็นบ้าง แม้จะไม่ค่อยได้ใช้นักก็ตามที
   เมื่อวานอ่านเวปพวกออกกำลังกาย เขาว่า 15 นาทีแรกของการออกกำลัง ร่างกายจะเผาผลาญน้ำตาล อีก 15 นาทีต่อมาจะเผาผลาญแป้ง และหลังจากนั้นจึงจะเริ่มเผาผลาญไขมัน นี่เองที่เป็นเหตุให้ทำไมคนเราควรออกกำลังกายอย่างน้อย 45 นาที (ได้เผาผลาญไขมันแค่ 15 นาทีเอง)
   รถ F20-W นั้นไม่เหมาะที่จะเอามาทำความเร็วเลยครับ วันนี้ขนาด่ร่างกายสดๆ ผมทดลองอัดเต็มที่ ได้ความเร็วแค่ 35 กม/ชม สร้างอัตราเร่งได้ช้า ทำความเร็วปลายได้น้อย แต่มันมาเด่นตรงที่ตัวรถทรงตัวดีมากๆ ขนาดปล่อยมือขี่ได้เลย (หารถพับที่ปล่อยมือขี่ได้น้อยคันมากๆ ครับ) บรรทุกน้ำหนักเยอะเป็นสิบโลก็ปั่นไม่เหนื่อย ยิ่งตอนรถวิ่งด้วยแล้วจะทำความเร็วได้ต่อเนื่องดี
   หรือว่าผมไปเจอรถทัวริ่งตัวจริงเข้าเสียแล้วครับนี่ ถ้าใช่อย่างที่ผมคิดก็เลือกรถไม่ผิดคันจริงๆ เลยนะนี่   
   ผมมาชอบจักรยานเดินทางไกลเอาเมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะเริ่มจับแนวทางของตัวเองได้ว่าเราไม่ใช่นักแข่งขัน ไม่ชอบรถเบาหวิวราคาแพง เราชอบออกกำลังกายเน้นเรื่องสุขภาพร่างกายเป็นหลัก
   หากชอบแข่งขันก็จะต้องเล่นรถอีกแบบหนึ่ง ดูแลร่างกายอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าเป็นอย่างผมที่ชอบขี่จักยานเที่ยวเล่น แบบนี้ก็ต้องดูแลร่างกายเหมือนกันนะ ปล่อยปะละเลยไม่ได้เลย เผลอๆ มีทริปเจ๋งๆ เข้ามาแล้วเราเกิดเจ็บป่วยไมสบาย หรือไม่ฟิตนี้เสร็จเลยนะ ถึงขั้นอดไปเลยทีเดียว
   จะว่าไปทริปไปสิงคโปร์ของ TCC ปี้นี้ผมเล็งมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ผมทราบข่าวก่อนใครว่าจะมีทริปนี้ ได้ยินครั้งแรกอยากไปใจจะขาด แต่มาฝันสลายเพราะเขาจัดช่วงหยุดยาวสงกรานต์พอดี ผมพาภรรยาและลูกไปเที่ยว ก็เลยอดไปทริปสิงคโปร์
   จากการที่ไม่ได้ไป เราก็มามองหาข้อเสียของทริปเขากันดีกว่า ฮ่าๆ เริ่มจากการวางเส้นทางที่ยังไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่ คือไปถึงสิงคโปร์ แต่กลับปั่นอยู่ในประเทศเขาแค่วันเดียว (เผลอๆ ปั่นได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง เพราะรวมเวลานอนด้วย) และหลังจากนั้นก็ปั่นยาวตลอดจนทะลุประเทศมาเลเซีย สุดทางที่สงขลา หาดใหญ่ ประเทศไทย
   
สิ่งที่ผมไม่ชอบก็คือ

1 ปั่นวันละร้อยกว่า กม ไม่ใช่เพราะกลั้วเหนื่อย แต่การที่ปั่นยาวนานขนาดนี้ ทำให้เราไม่ได้แวะเทียวชมสถานที่สวยๆ ตามเมืองสำคัญ อย่างเก่งก็แวะพัก ถ้าวางเส้นทางดีหน่อยก็อาจได้แค่ค้างคืน ได้สัมผัสสิ่งสวยงามเพียงแค่ฉาบฉวย
2 มาเลเซียมีป่าดงดิบที่ผมอยากไปมากๆ ชื่อ คินาบาลู มีดอกไม้ใหญ่สุดในโลก เส้นผ่าศูนย์กลางเมตรกว่าๆ มั้ง ป่านี้ดังระดับโลกทั้งๆ ที่อยู่ใกล้ไทยแค่นิดเดียวเอง เส้นทางที่เขาปั่นคงไม่ผ่านเฉียดป่านี้แน่ และคงไม่แวะพักแน่นอน เพราะคนเยอะ ดูแลกันลำบากมาก
3 น่าจะปั่นเที่ยวในสิงคโปร์นานๆ หน่อย สองสามวันก็ยังดี สิงคโปร์มีอะไรให้เทียวชมอีกเยอะมากๆ (สำหรับคนชอบเที่ยวสไตล์แบบผม)

3 ข้อหลักๆ เห็นจะเพียงพอแล้วที่ผมยกมาอ้างว่าไม่น่าไป (ทั้งๆ ที่ตัวเองอยากไป แต่ไม่ว่างไปเอง)
   
   ว่าแล้วก็วางแผนจัดทริปเองเสียเลย ผมจะไปปั่นจักรยานที่สิงคโปร์ครับ แต่ผมอาจข้ามมาเลเซียไปเลย คือบินไปลงสิงคโปร์ และปั่นมันอยู่ในเกาะนั่นแหละ
   ทีเด็ดอยู่ที่การนอนเต้นท์ครับ ฟรีอีกด้วย !!!
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มีค 52
« Reply #11 on: March 19, 2009, 05:15:50 pm »
17 มีค 52
   ร่ายกายผมดูดีขึ้นมาก (วัดจากสายตาตัวเอง) น้ำหนักลดลงทีละน้อยๆ ทำ New Low อยู่หลายครั้งหลายหน ภูมิใจกับความอดทนของตัวเองอย่างมาก ที่ผมทำเช่นนี้เพราะผมมีเป้าหมายที่ชัดเจนครับ
   หลายคนอยากลดน้ำหนัก อยากออกกำลังกาย ต่างก็ทำกันไป แต่หากขาดเป้าหมายที่ชัดเจน จะทำให้เราขาดความมุ่งมั่น และถ้าหากกำลังใจไม่แข็งพอ จะทำให้เราขาดวินัยด้วย วินัยที่ว่านี้ไม่ได้เจาะจงถึงเรื่องการซ้อมปั่นอย่างเดียวนะ ต้องรวมถึงการดูแลตัวเอง การควบคุมอาหาร คุมน้ำหนัก และออกกำลังกาย
   ช่วงนี้ผมเพิ่มระยะทางเป็น 50 กม ใช้เวลาไป 2 ชม เศษ (รวมการปั่น Worm Up และ Cool Down) และหลังจากปั่นเสร็จก็จะยืดกล้ามเนื้ออีก 15 นาที
   เช้าทานกุยช่ายทอด กับน้ำเต้าหู้ กลางวันทานขนมปังกรอบแบบเค็ม ฝรั่งเรียก Pretzel แตงโมกล่องใหญ่ เย็นเป็นโกโก้ร้อน
   เดือนนี้ทั้งเดือนผมต้องทำให้ร่างกายแกร่งที่สุด เดือนหน้า เมษายน ผมต้องไปเกาะช้าง อยากปั่นขึ้นเขาคิชฌกูฏ (แต่ไม่รู้เจ้าหน้าที่จะเปิดให้ผมขึ้นด้วยจักรยานหรือไม่) และปลายเดือนเมษายนผมจะไปขึ้นเขา Japan Alpine หรือว่าเทือกเขาแอลป์ของญี่ปุ่น (คนละแอลป์ในยุโรป แต่คล้ายกัน) เขาสูง 3000 กว่าเมตร ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อินทนนท์ 2500 เมตร ผมไต่มาแล้ว (แม้จะนานหน่อยก็ตาม) แต่การไป Japan Alps นี้มันมีเรื่องของอุณหภูมิที่ร่างกายผมไม่คุ้นเคยมาเกี่ยวข้องด้วย เพราะเป็นเทือกเขาหิมะ (ลองนึกภาพเขา Everest ได้เลยครับ คล้ายกันมาก)
   ผมต้องไปที่เมือง Tateyama เมืองนี้เปิดรับนักท่องเที่ยว แค่ปีละเดือนกว่าๆ ไม่น่าเกิน 2 เดือน เป็นเมืองที่ปกติจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะเต็มไปหมดจนเข้าออกไม่ได้ เดือนเมษายนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิของเขา จึงไม่มีหิมะตกแล้ว เจ้าหน้าที่เปิดพื้นที่ให้เข้าไปด้วยการมาร์คจุดพิกัด GPS ให้เป็นรูปตามผิวถนน และใช้รถกวาดหิมะ 2 คัน ขับคู่กันไป พอไถหิมะออกหมดก็จะเห็นผิวถนนที่ถูกหิมะปกคลุมมาตลอดปี และภาพที่ได้ก็คือกำแพงหิมะสูงราว 20 ฟุตขนาบอยู่สองข้างของถนน
   นี่ถ้าสามารถเอาจักรยานไปปั่นได้ จะเป็นอีกหนึ่งความสุขยอดของผมเลยเชียว เมืองนี้อยู่สูงราว 3000 เมตร การจะเดินทางจากฝั่งหนึ่ง ไปยังอีกฝั่งของภูเขาจะต้องใช้เวลากันเกือบจะเต็มวัน
   ผมไม่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อนเลย รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนเด็กที่ได้นั่งเครื่องบินครั้งแรกยังไงพิกล เรียนตามตรงว่าตอนหนุ่มๆ ผมเคยอคติกับประเทศญี่ปุ่นเรื่องที่เขาไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษ ในช่วงปี 90 ยุคนั้นใครจะติดต่อการค้ากับญี่ปุ่น ต่างก็ต้องหาเจ้าหน้าที่ๆ มีความสามารถด้านภาษาญี่ปุ่นไว้ประจำบริษัทกันเลย ผมเองก็มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งเก่งภาษาญี่ปุ่น จนทุกวันนี้ได้ดิบได้ดีเพราะเขาเก่งภาษามากๆ เรียนมากเข้าๆ ซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่น จนใบหน้ากลายเป็นพวกญี่ปุ่นตัวจริงไปเสียแล้ว
   ผมชอบความเป็นอยู่แบบชาวบ้าน ชอบธรรมชาติ ไปญี่ปุ่นครั้งนี้จึงเน้นแต่เรื่องพวกนี้แทบทั้งสิ้น ต่างจากคนอื่นที่เขามักจะไปเมืองใหญ่ เน้นแสงสี ผมไปในแต่ละที่ล้วนแตกต่างจากใน Guide Book โดยสิ้นเชิง
   ผมเที่ยวสไตล์นี้แหละครับ นี่ไงถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ ผมอ่านหนังสือสุขภาพของจีน เขาแนะนำว่าการเดินคือการออกกำลังกายที่ดีที่สุดของคนมีอายุมาก ผมเห็นด้วยอย่างมาก เพราะจะให้คนมีอายุมากมาปั่นจักรยานได้อย่างไร ไอ้ปั่นเฉยๆ น่ะปั่นได้ ไม่มีปัญหา แต่หากปั่นเดินทางแล้วเกิดลื่นล้มขึ้นมาล่ะ จะเป็นเช่นไร คนมีอายุนี้ห้ามพลาดเลยนะครับ ล้มทีเดียว มีโอกาสพลิกชีวิตคุณได้เลย ใครมีผู้สูงอายุในบ้านช่วยดูแลจุดนี้ให้ดี
   พ่อผมอายุ 71 ปี สุขภาพแข็งแรงดี ปีนรั้วไปตัดเครือกล้วย รั้วสูง 2 เมตร เกิดพลัดตกลงมาในสวน ทุกคนในบ้านรู้ข่าวตกใจมาก พ่อยังมีแรงขับรถไปหาหมอเองได้ หมอตรวจแล้วไม่เป็นอะไรมาก มีกระดูกสันหลังบางข้อทรุด ให้ใส่แผ่นดามหลัง และเสริมแคลเซียม นอนนิ่งๆ พักผ่อน ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาล ไม่ต้องผ่าตัดอะไร
   สุดยอดมากพ่อผม นี่เป็นเพราะพ่อแข็งแรงอยู่เสมอไงครับ พ่อผมวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้บ้านทุกวัน เมื่อก่อนวิ่งวันละ 5 กม ใช้รองเท้าวิ่งปีละ 3 คู่ (ผมดูทรงรองเท้า หากมันเอียงๆ มากๆ สึกมากเข้าก็จะคอยเปลี่ยนใหม่ให้พ่อ)
   พ่อต้องพักผ่อนให้มากตามที่หมอบอก เพื่อนๆ พ่อทะยอยกันมาเยี่ยมเต็มไปหมด ของเยี่ยมเต็มบ้าน แต่ละคนกลัวว่าพ่อจะเดินไม่ได้อีก หลังจากนั้น 3 เดือน พ่อก็กลับไปสวนสาธารณะอีก ช่วงแรกแค่เดิน พอนานเข้าก็เริ่มเพิ่มความเร็ว
   ทุกวันนี้พ่อหายดีแล้ว ผมเองก็ดีใจ แม้เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว แต่การนึกถึงทุกครั้ง มันทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมเราจึงต้องแข็งแรงอยู่เสมอ

18 มีค 52
   สำรวจเส้นทางปั่นใหม่ๆ ดันไปเจอทางลูกรังยาวเกือบ 2 กม เซ็งสุดยอด เพราะรถผมใช้ยาง 1.50 แถมเป็นยางแบบ High Pressure อีกด้วย ผมอัดเข้าไป 100 psi ตามสเปค เจอขรุขระหน่อยก็ได้เรื่อง แฮนด์สั่นเป็นเจ้าเข้า มันยิ่งสั่นกว่ารถ MTB เพราะว่าท่อคอมันต่อสูงขึ้นมาทำให้แฮนด์ยิ่งสวิงเข้าไปใหญ่ ล้อก็แค่ 20 นิ้ว ได้แต่ทนๆ ให้มันผ่านไป จำไว้ว่าหากจะสำรวจให้เอารถคันใหญ่ไป และผลจากการที่ลุยทางลูกรังมานี้ ทำให้ผมค้นพบวิธีในการควบคุมรถแบบใหม่ อาจจะสวนทางกับผู้เชี่ยวชาญด้านจักรยานทั้งหลาย
   ลุยลูกรังแล้วแฮนด์มันสั่นสะท้าน ผมก็เลยไม่จับแฮนด์มันซะ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ไม่สะท้านมือเสียอีกด้วย แต่อย่าไปทำตามผมล่ะ เกิดล้มมาจะยิ่งแย่กันเข้าไปใหญ่
   เบาะนั่งมันสะเทือนก้น ผมก็ไม่นั่งมันสิ เห็นไหม ง่ายนิดเดียว
   แต่เรื่องบันไดสั่นสะท้านนี้ยังแก้ไม่ได้แฮะ ยังคงต้องใช้เท้าเหยียบบันไดปั่นต่อไป ยิ่งใช้บันไดแบบ Clipless อีกด้วย ดึงออกยากเข้าไปใหญ่
   มีเรื่องแย่กว่าทางขรุขะที่ผมเจออีกนั้นคือ การที่มีรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งนำหน้าเราอยู่ ล้อตะกุยฝุ่นดินขึ้นมาให้เราดมเคล้ากับกลิ่นไอเสียตั้งแต่ตอนฟ้าเพิ่งสว่าง สดชื่นจริงๆ เลย
   ผมไม่ค่อยอยากเข้าไปในสวนตอนเช้ามืดอีกแล้ว กลัวเจอตะกวดยักษ์อีก ได้แต่ปั่นทางข้างนอก รอจนฟ้าเริ่มสว่างนั่นแหละ ถึงจะเข้าไป แปลกที่ระยะหลังมานี้ไม่ค่อยเจอนักจักรยานคนอื่นๆ แล้ว หรือผมออกปั่นเช้ากว่าเดิมก็ไม่รู้ เมื่อก่อนออกจากบ้าน 0530 แต่ตอนนี้ 0500 ก็ออกปั่นแล้ว
   ชุดปั่นจักรยานผมมีแต่สีดำทั้งนั้นเลย เพราะเมื่อก่อนเล่นกลางวันล้วนๆ พอมาตอนนี้เริ่มอยากได้ชุดขาว เอาแล้วสิ หาเรื่องเสียเงินอีกแล้ว อีกทั้งไฟส่องสว่างแบบเจิดจ้าก็ยังหาไม่ได้เลย
   ผมได้ข้อสรุปอะไรบางอย่าง คือปั่นริมถนน ดมควันรถบ้าง หมาไม่ค่อยไล่เห่า แต่ถ้าปั่นในสวน เงียบสงบ อากาศดี แต่หมาชอบไล่ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะหวงเขตหวงถิ่นไปถึงไหนกัน แม้การปั่นช้าๆ จะทำให้มันเห่าไล่น้อยลง แต่แหม เรากำลังทำความเร็วมาอยู่ดีๆ จู่ๆ ให้ลดลงซะงั้น รถทัวริ่งอย่างผมลดแล้วเร่งขึ้นยากอีกด้วย ไม่เหมือนพวก MTB หรือเสือหมอบ พวกนั้นเขายืนกดบันไดสองรอบ ความเร็วพุ่งปรู๊ดเลย เห็นแล้วน่าอิจฉาจัง
   บางวันปั่นเจอคนขี่ MTB มาออกกำลังกาย เขาเร่งความเร็วหนี แต่ผมปั่นตามไม่ทัน โห เซ็งสุดยอด แรงเราออกจะมีเหลือๆ แต่กดแล้วรถไม่ค่อยยอมจะไปเล้ยยย หากอยากเร่งจริงๆ ต้องยืนโยกครับ แต่ไอ้คันนี้พอโยกบ่อยๆ แล้ว Stem คลายหลวมง่ายเหลือเกิน ดัง แก๊กๆ ๆ บ่อยเลย
   เอ หรือว่าที่รถมันเร่งไม่ค่อยออก กดแล้วไม่ค่อยจะไป มันเกิดจากผมปรับตั้งองศาของ Stem สูงเกินไป ตอนนี้หากมองด้านข้างตำแหน่งของแฮนด์จะสูงกว่าเบาะสัก 1 นิ้ว แต่ตอนผมขึ้นอินทนนท์นั้น ผมปรับลดองศาไปที่ -20 ตอนนั้นแฮนด์จะอยู่ระดับเดียวกับเบาะ และที่ตำแหน่งนี้จะทำให้น้ำหนักทิ้งไปที่ส่วนหน้ามากที่สุด ผมยังไม่เคยปรับระดับแบบนี้ในการปั่นทางเรียบเลย ไว้คงต้องลองดูสักวัน
   วันนี้ตอน 0630 มีฝนตกปรอยๆ ผมยังปั่นไม่เสร็จเลย ตกซะแล้ว แทนที่จะได้ Cool Down ร่างกายบ้าง กลายเป็นต้องรีบอัดกลับบ้าน แต่พอถึงบ้าน ฝนหายตก อืมม ให้มันได้อย่างนี้สิน่า
   มื้อเช้าทานน้ำเต้าหู้ ถั่วลิสงต้ม กลางวันเป็นมันเทศนึ่ง เแตงโม Pretzel กรอบๆ นิดหน่อย เย็นพามิวไปทานร้านฟูจิ เด็กคนนี้ไม่รู้เป็นอะไร ชอบจริงๆ กับไอ้ร้านอาหารญี่ปุ่น เขาชอบกุ้งเทมปุระ ชอบซูชิ ส่วนผมไม่ชอบสักอย่าง พาเขาไปกิน ผมก็นั่งดูเฉยๆ จะโดนบังคับให้กิน ก็จะเลือกพวกสลัด แต่วันนี้ผมไม่ได้สั่งอะไร เลยทานซุปมิโซะที่มิวเขากินเหลือ

19 มีค 52
   ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้มีฝนตกลงมาหรืออย่างไร ผมเห็นว่าถนนบางช่วงมีร่องรอยคราบน้ำ บ้างก็ค้างตามขอบข้างทางด้านซ้าย แต่ไม่เป็นไร ผมไม่ค่อยชิดซ้ายมากนักอยู่แล้ว (เฉพาะตอนมืด) ไฟหน้าแบบ LED ของจักรยานทำได้แค่ให้คนอื่นมองเห็นเรา มันไม่มีอานุภาพพอที่จะส่องเป็นลำไปบอกคนที่กำลังจะออกจากซอยว่ามีรถกำลังมานะ
   ออกปั่นช่วงเช้ามืดทุกวันๆ พบว่าจุดอ่อนของรถผมคือไฟส่องสว่าง ตอนผ่านบางช่วงของถนนที่มืดสนิทนี้มองทางแทบไม่เห็นเลย ต้องกะๆ เอาและหวังว่าคงไม่มีหลุมบ่อ หากไม่แน่ใจจริงๆ ก็ต้องปั่นให้ช้าลงอีกด้วย
เช้านี้เกือบจะชนรถเก๋งคันหนึ่ง เขาพุ่งออกมาจากซอยทันทีเลย ผมชิดซ้ายอยู่แล้วก็เลยยิ่งใกล้กันเข้าไปใหญ่ ผมเบรกหลบทัน ช่วงแรกรู้สึกโมโหว่าทำไมโผล่มาไม่ดูรถเลย แต่เขาไม่ผิดหรอกครับ เขาอาจดูแล้วแต่มองไม่เห็นก็เป็นได้ เพราะปกติหากมีรถผ่านมาก็จะเปิดไฟหน้าส่องเห็นเป็นลำบนท้องถนน เขาออกจากซอยเพราะไม่เห็นลำแสงที่พื้น จึงคิดว่าไม่มีรถยนต์
แต่ดันมีจักรยานผมแทนครับ มีไฟ LED กระพริบแว่บๆ แค่นั้นเองแหละ นี้เป็นอีกวันที่ทำให้ผมเริ่มอยากได้ไฟหน้าทรงพลังมาใช้ นี่ถ้าผมเอาเลเซอร์สีเขียวแบบ 200W ที่มันเปิดแล้วไฟพุ่งส่องออกมาเป็นลำแสงเลยไม่รู้จะเวิร์คไหม (กลัวเล่นแรงไป)
วันนี้ผมปรับ Stem ลดลง 20 องศา เป็นตำแหน่งเดียวกับตอนที่ผมปั่นขึ้นอินทนนท์ หลังจากพ้นช่วง Warm Up มาแล้ว พบว่ามือชาครับ แก้ไขง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนท่าจับแฮนด์ ไปจับ Bar End บ้าง จับปลายแฮนด์บ้าง
   อาการนิ้วมือชานี้มันมีที่มาที่ไปนะ คือหากชานิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง ถ้าเป็นสามนิ้วนี้ให้ไปดูที่ตำแหน่งของข้อมือ
   แต่ถ้าเป็นนิ้วนาง นิ้วก้อย สองนิ้วนี้จะต้องไปมองที่ข้อศอก
คือให้พิจารณาในเรื่องของการโน้มตัว การกดทับ องศา และการสั่นทะเทือน
   การเล่นจักรยานของผม ทำให้ต้องศึกษาเรื่องกายวิภาคเข้าไปอีกด้วยแล้วหรือนี่
   ปรับเปลี่ยนตำแหน่งในการจับแฮนด์ก็ช่วยได้ในเรื่องของจุดกดทับ จะว่าไปแล้วคือมันยังแก้ไม่ตรงจุดเสียทีเดียว
   รถ F 20-W คันนี้มี Seat Tube ที่เอนไปด้านหลังมากกว่ารถทั่วไป (แต่เป็นปกติของแบบ Touring) การปรับเบาะสูงขึ้น จึงทำให้ระยะห่างระหว่างเบาะกับคอแฮดน์ยิ่งยาวขึ้นไปพร้อมๆ กัน วันนี้ผมปรับ Stem ลดต่ำลง แขนผมจึงยืดไปข้างหน้ามากกว่าเดิม จึ้งต้องเลื่อนตำแหน่งของเบาะให้ไปข้างหน้าตามด้วย
   แต่พอเลื่อนเบาะแล้ว ก็ต้องมาเช็คตำแหน่งของหัวเข่าว่าตรงกับบันไดหรือไม่ ดูง่ายๆ ขณะเหยียบบันไดตำแหน่งขนานพื้นแล้ว หากลากลูกดิ่งลงตั้งฉากกับพื้น ขอให้ปลายหัวเข่าตรงกับนิ้วเท้า ตำแหน่งนี้แหละ ใช่เลย
   นาฬิกาชีวิตในร่างกายผมคงเริ่มปรับตัวแล้ว มีการตื่นเองตอนตี 4 บ้างก็เกือบๆ 0430 ที่ผมตื่นปกติ หากเราทำอะไรเป็นกิจวัตรประจำวัน ร่างกายเราจะจำเวลานี้ได้เองครับ อีกเรื่องคือเรื่องของสมาธิ ผมเคยใช้การนั่งสมาธิเป็นการกำหนดเวลานาฬิกาชีวิตนี้ด้วยนะ เช่น ก่อนนอนทำสมาธิให้ดี ตั้งใจว่าจะตื่นสักเวลาใดก็กำหนดเอา บอกตัวเองว่าตื่นแล้วฉันจะทำอะไรบ้าง เล่าไปเป็นฉากๆ อะไรทำนองนี้ แล้วตัวผมเองก็ตื่นตรงตามเวลานั้นเป๊ะเลย ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกเลย
   ตอนนี้เริ่มอยากได้ถุงมือแบบ Half Finger มาใช้งานเพิ่มอีกคู่ ปกติผมใช้ของ Fox แบบ Full Finger อยู่ แต่บางวันซักช้าก็เลยแห้งช้าตามไปด้วย ยิ่งช่วงนี้มีฝนตกไม่เลือกเวลาอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้เลือกยี่ห้ออะไรดีเหมือนกัน
   เมื่อปีก่อนตอนผมไปเมือง Oslo ประเทศ Norway เจอร้านจักรยานเขาขายถุงมือของ Shimano ซึ่งปกติผมไม่ชอบใช้ของยี่ห้อนี้เกี่ยวกับเครื่องแต่งกายเท่าไหร่นัก ไม่รู้สิ ไม่มีเหตุผล ดูมันเชยๆ ยังไงพิกล แต่ลองใส่ถุงมือคู่หนึ่งแล้วชอบมาก เป็นถุงมือแบบ Full Finger นะ แต่เฉพาะนิ้วนางกับนิ้วก้อย จะเป็นแบบ Half Finger ใส่แล้วถนัดมือดี แถมเด่นตรงที่ง่ามนิ้วแต่ละนิ้วจะมีห่วงเล็กๆ เพื่อใช้ดึงตอนถอดถุงมือ ไอ้ห่วงนี้แหละ เวิร์คสุดๆ เลย ที่โน่นขายคู่ละ 1500 บาท ผมคิดว่าแพง เลยกะจะมาหาในไทย ปรากฏว่าไม่เคยเห็นเลยสักร้าน เป็นอันว่าอดได้ของดีทั้งๆ ที่ได้สัมผัสตัวจริงๆ แล้วเสียด้วย ทุกวันนี้ยังเสียดายไม่หาย
ไม่ได้ออกทริปค้างคืนแล้วรู้สึกเหงาๆ มองเห็น Pannier ของ Ortlieb สีน้ำเงินที่วางไว้เฉยๆ แล้วรู้สึกเปลืองเงินอย่างไรก็ไม่รู้ ของแพงๆ ถ้าได้ใช้งานมันบ่อย ก็จะไม่ค่อยเสียดายเงิน แต่กับของที่ไม่ค่อยได้ใช้นี่สิ เฮ้ออ…
   ไม่รู้เป็นอะไรนะ ผมชอบพวกอุปกรณ์ใช้งานของพวกรถทัวริ่งเหลือเกิน แม้ว่าซื้อมาแล้วจะยังไม่ได้ใช้ หรือได้ใช่แค่นานๆ หน ผมก็ยังรู้สึกอยากได้อยู่อย่างนั้น เช่นกระเป๋าหลังรถ Pannier อะไรพวกนี้ ยังไม่นับพวกของใช้อย่างถุงมือ รองเท้า เสื้อผ้า ฯลฯ
   ที่บอกว่าชอบน่ะ คือคิดอยากได้เฉยๆ นะ แต่ยังไม่ได้จ่ายเงินซื้อไปล่ะ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: มีค 52
« Reply #12 on: March 20, 2009, 04:28:24 pm »
20 มีค 52
   สงสัยผมจะต้องปรับยก Stem ขึ้นสักหน่อยแล้วล่ะครับ อาการมือชายังเป็นอยู่เลย ต้องเปลี่ยนท่าจับบ่อยขึ้นกว่าทีเคย คงจะยกขึ้นสัก 10 องศาดูก่อน ถ้ายังไม่หาย คงต้องกลับไปเป็น 0 องศาเหมือนเดิม ที่ตำแหน่งนี้แหละ มือไม่ชาแน่ แต่มันก้มต่ำทำความเร็วได้ไม่ค่อยดีเลย
   วันนี้ออกปั่นแต่เช้า กะว่าถ้าไม่มีแดดเหมือนวันอื่นจะขอทำระยะทางเพิ่มอีกสัก 10 กม แต่ที่ไหนได้ พอสัก 0630 ฟ้าก็สว่างโร่แล้ว ไม่ทันไรแดดก็แรงจัดเลย จึงทำระยะทางได้ 50 กม เหมือนทุกๆ วัน
   มีช่วงหนึ่งที่ถนนขรุขระเป็นลอน บ้านหลังหนึ่งเขาออกมาฉีดน้ำรดหน้าบ้านตัวเองแต่เช้าทุกวัน วันนี้ผมปั่นเร็วหน่อย เลี้ยวหลบช่วงที่น้ำนองเยอะไปเจอลอนบนผิวถนนทำให้ท้ายรถลื่นไถล หากเป็นภาษาของรถยนต์คงเรียก Oversteer ผมไม่รู้ว่าภาษาของจักรยานเขาเรียกว่าอะไร แต่เล่นเอาผมหนาวเลย ลื่นจนเกือบจะล้ม จากที่ยืนอยู่ต้องกลับมานั่งบาลานซืบนเบาะดังเดิม จำขึ้นใจเลยว่าล้อเราลื่นไถลได้ง่ายมากๆ นี่ถ้าเป็นรถล้อใหญ่อย่าง MTB ไม่น่าเกิดอาการเช่นนี้แน่ๆ
    สองสามวันมานี้น้ำหนักของผมเริ่มจะไม่ค่อยลดแล้วครับ แต่ก็เป็นเรื่องปกติของระบบภายในร่างกาย จะให้มันลดลงไปเรื่อยๆ  ทุกครั้งที่ปั่นเชียวหรือ ปั่นหลายๆ ปีมันมิลดไปจนเหลือ 20-30 โล หรืออย่างไรกัน การลดของน้ำหนักมันก็มีกลไกของมันไปตามระบบ
   อย่างแรกที่ลดลงแน่ๆ คือน้ำครับ ร่างกายเราคายน้ำออกทางผิวหนัง ออกมาในรูปของเหงื่อ และเราก็เติมน้ำใหม่เข้าไปทางปาก แน่นอนว่าเราสูญเสียเกลือแร่ไปกับเหงื่อด้วย หากจะปั่นกันยาวนาน ก็ต้องมีการเติมเกลือแร่ จะเป็นพวกเครื่องดื่มเกลือแร่สำเร็จรูปก็ใช้ได้ แต่ผมชอบแบบซอง เพราะพกพาง่าย เล็ก เบา สะดวก หาซื้อตามร้านขายยา เขาขายซองละ 3 บาท แต่ถ้าใส่กระติกน้ำใบใหญ่ แนะนำผสม 2 ซอง
   นี่เราว่ากันเฉพาะในเรื่องของการปั่นทางไกลนะครับ เพราะลำพังผมปั่นทุกเช้าวันละ 2 ชั่วโมง หรือราว 50 กม ผมดื่มแต่น้ำเปล่าอย่างเดียว แถมขนมคบเคี้ยวที่เมื่อก่อนชอบติดไปด้วยก็งดหมดแล้ว จัดระเบียบกันใหม่ เพราะผมต้องการลดน้ำหนัก ผมไม่ค่อยเชื่อหนังสือที่อ่านมากนัก ฉะนั้น จึงต้องทดลองกับตัวเองดูทุกๆ วิธี จดทำบันทึกไว้อย่างนี้แหละ แล้วดูว่าวิธีไหนมันเหมาะกับร่างกายของเรา และวิธีไหนเหมาะกับการออกกำลังแบบเรา
   วิธีที่ดีกับผมอาจไม่ใช่วิธีที่ดีกับคุณก็เป็นได้ เพราะพื้นฐานเราแตกต่างกัน เราใช้แรงต่างกัน แต่ก็สามารถนำไปเป็นตัวอย่างอ้างอิงในการทดลองได้ครับ
   จะว่าไปแล้วผมกลับชอบเกลือแร่ที่ได้จากอาหารมากกว่าเครื่องดื่มนะ เช่นผลไม้นี่ตัวดีเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแตงโมครับ ลำพังหากเราปั่นเล่นกันมิได้แข่งขัน ผมแนะนำให้แวะกินผลไม้ข้างทางขณะพักขาไปด้วยจะดีกว่า ได้พักหลบร้อน ได้พักขา ได้เกลือแร่ ได้วิตามิน ได้เส้นใยไฟเบอร์ แถมยังอร่อยกว่าซดน้ำเกลือแร่ไม่รู้กี่เท่าต่อที่เท่า จริงไหมครับ
   อีกอย่างคือ อ่านข้างซองเกลือแร่เขาเขียนว่า ห้ามทานเกินวันละ 4 ซอง เอาล่ะสิ นี่คือมันอาจมีโทษต่อร่างกายหรืออย่างไรกัน แถมเกลือแร่บางยี่ห้อยังเขียนอีกว่า เจือสีและสารปรุงแต่ง เอ.. ตกลงเรากำลังเอาอะไรใส่ร่างกายเข้าไปกันแน่ครับนี่
   ผลไม้ครับ ชัวร์สุด อร่อยกว่าเห็นๆ แนะนำผลไม้สดนะ พวกน้ำผลไม้กระป๋องนี้ไปไกลๆ เลย น้ำตาลเพียบ
   ปกติทุกวันผมติดน้ำดื่มไป 2 กระติกใหญ่ โดยที่ตอนเช้าก่อนออกเดินทางจะซดน้ำไปเยอะแล้ว หากวันไหนแดดแรง เหงื่อออกเยอะ ก็จะกินน้ำบ่อยหน่อย ตรงกันข้าม หากวันไหนครึ้มๆ อากาศเย็นๆ เหงื่อจะออกช้าหน่อย ก็จะกินน้ำน้อย แถมมีปวดฉี่ระหว่างปั่นอีกด้วย
   การปวดฉี่คือการที่ร่างกายบอกว่าเรามีน้ำเพียงพอแล้ว เราควรดื่มน้ำจนรู้สึกปวดฉี่นั่นแหละครับ คือเติมจนเต็มแล้ว ปวดฉี่ก็หาที่จัดการเสีย อย่าอั้นไว้ มันเป็นอันตรายต่อกระเพาะปัสสาวะ แถมฉี่เสร็จแล้วเราจะปั่นได้สบายตัวกว่าเดิมอีกด้วย
   เช้านี้ทานต้มเลือดหมูเปล่าๆ ไม่มีข้าว และถั่วลิสงต้ม 1 ถุง กลางวันได้ผัดผักแขนงกับหมูกรอบ (กินเฉพาะเนื้อ คัดไขมันทิ้ง) บ่ายมีผลไม้เป็นแตงโม สัปปะรด ถั่วอัลมอนด์ 1 กำมือ  เย็นเป็นโกโก้ร้อน 1 ถ้วยใหญ่
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
21 มีค 52
   วันนี้วันเสาร์ผมออกปั่นเช้ากว่าปกติ กะจะปั่นให้ได้เยอะหน่อย เพราะช่วงเช้ารถยนต์น่าจะออกมาน้อย กะว่าถ้าแดดน้อยจะอัดให้ได้สัก 60 กม
   แต่เอาเข้าจริงแดดออกเร็ว แถมยังต้องปั่นตามรถสิบล้อบรรทุกดิน กำลังอัดเพลินๆ เลยได้ดมควันรถผสมกลิ้นดินลูกรัง สุดยอดเลยครับ ทำมาได้แค่ 55 กม
   ปรับ Stem ยกขึ้นมา 10 องศา มือหายชาแล้วครับ ไม่ชาเลยสักนิด เยี่ยมมากๆ ผมปรับองศาของ Bar End ให้ลาดลงอีกนิด จับหมอบแล้วข้อศอกสามารถชี้ไปด้านหลังได้พอดี เป็นท่าก้มที่ลู่ลมที่สุดสำหรับรถคันนี้ แต่ทำได้แป๊บเดียวครับ เมื่อยแขนฉิบเป๋งเลย
   เจอบ้านที่ชอบออกมาฉีดน้ำหน้าบ้านอีกแล้ว คราวนี้เข็ด เลยค่อยๆ ย่องผ่าน เห็นลอนคลื่นของถนนแล้วกลัวลื่นล้มจริงๆ
   ตอนนี้อยากได้ไฟหน้าและไฟท้ายแบบสุดๆ ต้องการแบบที่ยึดติดกับแร็คเลย ไม่รุ้หาได้ที่ไหน ไม่ชอบแบบติดแฮนด์ มันเกะกะ เพราะผมเผื่อจะใส่กระเป๋าหน้าแฮนด์ด้วย ผมคงใส่ไฟแบบถาวรทั้งหน้าและหลังกับเจ้ารถคันนี้เลย เพราะปั่นเช้าเป็นอาชีพแล้ว
   แหม นึกแล้วเสียดายไฟที่ติดปลายแฮนด์จริงๆ แสนจะสวย สุดจะชอบ แต่ใส่แล้วผมจับ Bar End ไม่ถนัดนี่สิ เฮ้ออ.. จะว่าไปเจ้าไฟอันนี้แหละที่เวิร์คมากๆ เพราะสามารถมองเห็นได้จากด้านข้างอย่างชัดเจน มีช่วงหนึ่งของเส้นทางที่ผมต้องขี่ผ่านทางเข้าหมู่บ้าน ไฟที่ปลอกแฮนด์นี้แหละครับ ที่จะทำให้รถยนต์เขามองเห็นจักรยานของเราได้ดีที่สุด
   ก็เพราะไฟหน้ามันส่องแต่ด้านหน้าไง ที่จะช่วยได้บ้างก็พวกไฟท้ายที่สามารถส่องแสงออกด้านข้างได้ด้วย แต่ตำแหน่งมันยังไม่ดี มันไม่สูงเหมือนตำแหน่งแฮนด์
   ปั่นมืดๆ นี้อันตรายมากๆ ครับ กลัวมองไม่เห็นทาง และกลัวคนรอบข้างเขาไม่เห็นเรา
มีอีกสิ่งที่น่ากลัวในความมืดก็คือหมาครับ ไม่ใช่หมาเห่าไล่ล่ะ แต่เป็นหมานอนหลับ ลำพังปกติหมาก็ชอบไล่พวกขี่จักรยานอยู่แล้ว แต่เช้าๆ แบบนี้จะมีพวกหมาหมอบ คือเขาจะนอนบนผิวถนนริมขอบทางเท้าเลย หากผมปั่นชิดซ้ายแล้วมองไม่เห็นก็จะชนแน่ๆ
   ถ้าหมาเจ็บ ผมก็เจ็บยิ่งกว่าครับ ผมอยู่บนรถต้องกลิ้งอยู่แล้ว หากใครปั่นเช้ามืดอย่างผม ต้องระมัดระวังเรื่องเหล่านี้ให้มาก
   เมื่อวานตอนบ่ายมีพัสดุมาส่งให้ผม เปิดออกมากลายเป็นอแดปเตอร์แป้นเหยียบสำหรับใส่บันไดแบบ Clipless เพื่อให้ใส่รองเท้าธรรมดาปั่นได้ เป็นของถูกๆ ราคาไม่แพง น้องคนหนึ่งในเวป Thaimtb ชื่อเจษฎาส่งมาให้ผม ขอขอบคุณในไมตรีครั้งนี้
   สืบเนื่องมาจากผมสอบถามในเวปว่าผมใช้บันได Shimano XT สามารถใส่อแดปเตอร์พลาสติคแบบนี้ได้หรือไม่ ผมกะเอาไว้เผื่อตอนไปต่างจังหวัด แล้วเกิดอยากใส่รองแตะปั่นเล่นแบบลำลองสบายๆ เพราะเราใส่รองเท้าผ้าใบจักรยานมาทั้งวันแล้วไง เลยอยากพักเท้าบ้าง
   อแดปเตอร์นี้ใช้งานได้ดีครับ น้ำหนักเบา แถมตอนเราใส่รองเท้า Clipless ก็ไม่ต้องถอดเจ้าอแดปเตอร์อันนี้ออกด้วย เพราะมันอยู่คนละหน้าของบันได แต่หากปั่นทางไกลก็ถอดออกก่อนจะสะดวกกว่า
   ดีตรงมีแถบสะท้อนแสงด้วย ผมปั่นเช้ามืดนี้ถือว่าจำเป็นเลย แต่ไอ้แถบแบบนี้สมัยเด็กๆ ตอนเล่น BMX ผมจับถอดออกหมดเลยนะ เพราะมันดูไม่ค่อยโปร ฮ่าๆ
   เช้านี้ทานหมี่กรอบ สูตรโบราณสมัยรัชกาลที่ 5 ร้านดังย่านตลาดพลู กลางวันซดน้ำเต้าหู้กับถั่วสารพัดแบบ เย็นเล่นโกโก้ร้อน และขนมปังกรอบ Pretzel นิดหน่อย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
22 มีค 52
   เช้าวันอาทิตย์สดชื่นสดใส เลยซัดขำขำไป 75 กม ใช้เวลาไป 3.30 ชม ออกปั่นตั้งแต่ 0430 ถึงบ้านเอา 0800 แต่วันนี้แดดแรงตั้งแต่ 0700 แล้วล่ะ โชคดีวันนี้มีเผื่อแว่นกันแดดไปด้วย ทุกทีมีแต่แว่นใสอันเดียว สู้แดดแรงๆ ไม่ค่อยไหว
   วันนี้เจอชาวจักรยานมากมายเลยครับ สิบกว่าคันเห็นจะได้ ผมใส่ผ้าคลุมหน้าสีดำปิดไว้มิดหมด ยิ้มส่งไปก็ไม่มีใครเห็น เลยทำได้แค่โบกมือทักทาย จะโบกตอบก็ได้ หรือไม่ตอบก็ไม่ว่าอะไร ผมก็ปั่นของผมต่อไปอย่างนี้แหละ
   วันนี้ปั่นวอร์มนานกว่าวันอื่น เพราะจะเอาให้ได้ 70 กม ขึ้นไป เลยต้องวอร์มให้ดีหน่อย และเมื่อปั่นกลับถึงบ้านก็ยังต้อง Stretch ยืดกล้ามเนื้อทั่วร่างกายอีก 15 นาที
   ตอนสายไปทำเลี้ยงพระเพลที่วัด เห็นพระฉันอาหารแล้วหิวชมัด เพราะมื้อเช้าผมยังไม่ได้ทานเลย ปั่นจักรยานเสร็จก็อาบน้ำไปวัดเลย แถมผมยังเป็นคนประเคนพระท่านอีกด้วย
   มาได้ทานก็ตอนใกล้เทียงครับ หิวจนหายหิวไปหลายรอบแล้ว ใช้น้ำเปล่าลูบท้องก็ไม่เห็นจะหาย เลยทานไก่ทอด แต่แปลกตรงที่ไม่เห็นมีน้ำมันเยิ้มๆ เลย เป็นไก่แห้งๆ แบบของทางภาคใต้ อร่อยดี ผมทานแต่เนื้อ ลอกหนังออก มีลาบหมู ผัดผัก และปลากระพงนึ่งมะนาว อันนี้ผมเล่นไปเยอะเลย อิอิ
   ของทานเยอะมาก มีของหวานขนมไทย ผมชอบจริงๆ อดใจไม่ไหว เลยขอทานไปอย่างละ 2 ชิ้น ฝอยทอง 1 คำ ทองหยอดอันเล็กๆ 2 ชิ้น ทองหยิบชอบสุด แถมหวานสุดด้วย เล่นไป 2 ชิ้น มีขนมชั้นเล็กๆ อีก 4 ชิ้น
   การทานของหวานนี้เราควรทานร่วมในมื้ออาหารนะครับ ไม่ควรทานนอกมื้อ เพราะการทานนอกมื้อจะเท่ากับเรากินคาร์โบไฮเดรตล้วนๆ เลย แต่หากเราทานในมื้ออาหาร ก็จะเป็นการแบ่งสัดส่วนของอาหาร
   ยกตัวอย่างมื้ออาหารนี้ผมไม่ทานข้าว ไม่ทานน้ำหวาน น้ำอัดลม แต่มากินขนมหวานตบท้ายแทน ก็เท่ากับผมเอาคาร์โบไฮเดรตจากขนมไปทดแทนสัดส่วนคาร์โบไฮเดรตจากข้าวและน้ำหวาน น้ำอัดลม
   ผลคือ เราจะไม่ทานสารอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตมากจนเกินไป (หากไม่ได้กินของหวานกันเป็นจานๆ ล่ะ)
   บ่ายวันนี้มีแอบหลับครับ กลางวันอากาศร้อนเหลือหลาย กลับบ้านมาเปิดแอร์เย็นฉ่ำสบายจริงๆ แถมเมื่อเช้าผมตื่น 0330 ไปส่งพ่อสนามบิน และกลับบ้านมาปั่นจักรยานต่ออีก 70 กม ปั่นต่อเนื่องไม่หยุด 3.30 ชม แต่ก็หลับไปแค่ไม่กี่นาทีหรอกครับ สักพักก็ตื่นมานั่งเขียนบันทึกนี้แล้ว
   ช่วงเย็นกินกล้วยน้ำว้า และโกโก้ร้อนแบบเดิมที่ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่นม หอมดี แต่ไม่ค่อยอร่อยนักหรอก แต่ผมกินได้สบายมาก
   การปั่นเมื่อเช้าช่วง 20 กม สุดท้าย ผมปั่นโดยไม่กินน้ำเลย น้ำหมดครับ ขี้เกียจแวะซื้อ เลยคิดเสียว่าเป็นการฝึกความอดทน จำลองสถานการณ์หากเกิดไปปั่นต่างถิ่นเราจะทนไหวไหม
   ก็โอเคนะครับ คอแห้งบ้าง แต่ก็ไม่มากจนทรมาน หรือว่าช่วงก่อนนั้นผมเติมน้ำในร่างกายจนเต็มแล้วก็ไม่รู้
   อย่าเลียนแบบผมนะครับ ปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำนั้นไม่ดีเลย โดยเฉพาะสมอง ในเมื่อร่างกายขาดน้ำ ก็จะระบายความร้อนได้ไม่ดี หากปั่นตอนกลางวันที่อุณหภูมิสูงมากๆ จะยิ่งทำให้เกิดอาการง่ายกว่าปกติ เบาะๆ ก็หน้ามืด ตาลาย ตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย เบอล ขาดสมาธิ หงุดหงิด เหนื่อยง่าย จิตใจไม่มั่นคง ฯลฯ

23 มีค 52
   ออกปั่นเช้าตามปกติ แต่ทำไมดูรถไม่ค่อยวิ่งก็ไม่รู้ ไม่ค่อยมีแรงกดบันได ทั้งๆ ที่ปั่นวอร์มมาราว 30 นาทีแล้ว ปั่นมาแบบงงๆ จนเกือบ 50 กม วันนี้กลับบ้านเร็วหน่อย เพราะราว 0540 ขอบฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว และจากนั้นอีกแค่ 10 นาที ผมก็มองเห็นถนนได้อย่างชัดเจอ สักพักไฟถนนก็ทะยอยปิดจนหมด นั้นคือสว่างแล้ว
   แดดแรงเหลือหลาย วันนี้ไม่ได้ติดแว่นกันแดดไปเสียด้วย ไม่มีผ้าคลุมหน้า ไม่มีครีมกันแดด แถมยังปั่นไม่ค่อยออกอีก รู้สึกร่างกายผิดปกตินิดหน่อย แต่ไม่ใช่อาการหนัก
   สายๆ หน่อยมีสาวคนหนึ่งจาก Thaimtb มาหาผมขอซื้อมาตรวัดที่ผมซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ ผมขายให้เธอไป อาทิตย์ที่แล้วก็มีหนุ่มคนหนึ่งติดต่อซื้อมา เป็นอันว่าผมมี 2 ตัว ขายต่อไปหมดแล้ว ตอนนี้ยังเหลือไฟติดปลายแฮนด์อีกชุด ไม่อยากขาย เพราะเสียดาย และชอบ แต่เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ เอาไงดีล่ะนี่
   ช่วงนี้ฮิตภูเขา คนอื่นเขาแค่อยากปีนเขา เดินป่า ส่วนผมไปไหนก็อยากเอาจักรยานไปด้วย หาข้อมูลภูเขาเด่นๆ รอบตัวใกล้ๆ บ้านก็มี kinabalu บนเกาะบอร์เนียว มาเลเซีย แต่ดูแล้วมันปั่นจักรยานไม่ได้ คือแม้จะไปได้ก็จริง แต่เป็นการไปแบบดันทุรัง ไม่รู้เรียกสุขหรือทุกข์ ที่นี่เป็นเขาหินแกรนิตที่สูงสุดในเอเชีย
   ภูเขาอีกอันที่น่าสนใจอยู่ในไทยเรานี่เอง ชื่อแปลกนะ ชื่อ “โมโกจู” ไม่รู้ภาษาอะไร ค่อยๆ หาข้อมูลไปเรื่อยๆ อยากได้เขาสวยๆ โหดๆ หน่อย ถ้าปั่นจักรยานได้ด้วยจะยิ่งสุดยอดมาก
   วันนี้ผมต้องขับรถคนงานไปขนสินค้าเต็มรถปิคอัพ รถที่ผมขับเป็นรถคันที่สภาพย่ำแย่สุด ไม่มีแอร์ ไม่มีพวงมาลัยเพาเวอร์ เบรกมีแค่ 3 ล้อ (เบรกแล้วรถเป๋ๆ ) คลัตช์ใกล้หมด รูเปิดกุญแจที่ประตูไม่มี (ล็อคไม่ได้) เข็มขัดนิรภัยล็อคไม่ได้ (เสียบแล้วเด้งออกมา)
   ไอ้คันนี้ไม่มีใครอยากขับหรอกครับ คนงานยังเกี่ยงกันเลย กลายเป็นว่าผมต้องมาขับเอง สภาพมันเป็นอย่างนี้นานแล้วล่ะ ไม่มีใครใส่ใจกับมันเลยไม่ได้ซ่อม ทำนองว่าเป็นรถสำรอง
   เมื่อก่อนผมขับแล้วจะหงุดหงิดมาก แต่วันนี้ขับแล้วกลับเฉยๆ คำตอบมันอยู่ที่ใจเราเองครับ ใจเรามันนิ่ง คิดว่าทุกอย่างคือเรื่องปกติธรรมดา มันก็ไม่ทุกข์อะไร หรือหากมีช่วงไหนในชีวิตที่ยากลำบาก ก็ลองนึกถึงวันที่เราปั่นจักรยานโหดๆ นั่งบนเบาะแคบๆ 7 ชั่วโมง (เหมือนตอนขึ้นอินทนนท์) แค่นึกเราก็รู้แล้วครับว่า ที่เรากำลังเจอนั้นมันเด็กๆ ไปเลย เราปั่นจักรยานกันโหดกว่านี้เยอะ
   ผมว่าการปั่นจักรยานแบบทัวริ่งนี้มันให้อะไรผมเยอะมากครับ ที่เด่นสุดคือเรื่องสุขภาพ รองลงมาก็คือเรื่องจิตใจ ผมว่าจิตใจผมนิ่งขึ้นเยอะมาก ใจเย็นแบบสุดๆ เลย โมโหยาก ไม่ค่อยเป็นทุกข์กับอะไรนัก ไม่ค่อยยึดติด เอ๊ะ ดูๆ ไปจะออกแนวคนแก่ไปซะแล้วหรือนี่
   ผมได้เรื่องสมาธิกับการปั่นจักรยานทัวริ่งมากครับ นี่เป็นอีกเหตุผลให้ผมเปิดเวปเพื่อคุยเรื่องจักยานทัวริ่งโดยเฉพาะ คืออยากให้คนมาลองปั่นทางไกลยาวๆ ดูกันบ้าง ความสุขที่ได้นอกจากการท่องเทียวแล้วยังมีเรื่องของการพัฒนาจิตใจแฝงอยู่อีกด้วย ยิ่งปั่น ใจยิ่งสงบ เชื่อไหมครับว่าบางช่วงที่ร้อนจัดๆ รอบกายมีแต่สิ่งเคลื่อนไหว แต่ผมกลับไม่ได้ยินอะไรสักนิด
   และบางครั้งที่อยู่บนถนนที่เงียบสงัด ผมเคยได้ยินเสียงของความเงียบ
   และบ่อยครั้งที่ได้ยินเสียงของหัวใจตัวเองเต้น
   ทัวริ่งคือการเดินทาง และระหว่างทางนี่แหละครับ ที่มันมีอะไรแอบแฝงไว้ อยู่ที่ว่าใครจะค้นหาอะไรเจอกันบ้าง คุณก็จะเป็นสุขอยู่กับสิ่งนั้น
   ผมหาเจอหลายอย่าง ผมเลยมีความสุขหลายด้าน และยิ่งปั่นก็ยิ้งค้นพบสิ่งใหม่ๆ ทุกวันนี้ผมมีความสุขเหลือเกินครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride