racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on August 02, 2009, 07:13:33 pm

Title: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on August 02, 2009, 07:13:33 pm
1 สค 52
   เสาร์นี้กลุ่ม TCC เขาไปนครนายกกัน ผมไม่ได้ไปด้วย เพราะวันอาทิตย์จะพาลูกไปงานสัปดาห์หนังสือของอมรินท์พริ้นติ้งที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ ต้องเสียสละอีกแล้วนะครับนี่ ฮ่าๆ เต็มใจเสียด้วยน่ะครับ
   วันนี้เป็นวันแรกที่กฏหมายบังคับใช้เรื่องการข้ามทางม้าลาย คือไม่ข้ามทางม้าลายจะโดนปรับ และคนที่ไม่หยุดรถให้คนข้ามก็โดนปรับเช่นกัน ลองดูกันต่อไปว่าจะทำได้จริงจังแค่ไหน เพราะกฏหมายบ้านเรามันมีไว้ให้ผู้มีอำนาจไว้เลือกปฏิบัติกับเฉพาะบางคน
   ตัวอย่างกฏหมายที่ผลบังคับใช้มานานนับปี แต่เจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวดได้แก่ การควบคุมความเร็วในเขตเมือง และล่าสุดก็คือโทรศัพท์แบบใช้มือถือเครื่องขณะขับรถ
   อยากรู้เหมือนกันว่าคนจะข้ามม้าลายกันไหม (โดยเฉพาะในละแวก 100 เมตรจากสัญญลักษณ์ม้าลาย) ส่วนรถยนต์น่ะ ผมว่าเขาไม่หยุดให้คนข้ามกันหรอก จะหยุดก็ต่อเมื่อมันไปไม่ได้ คือคนแห่กันเดินข้ามเป็นกลุ่ม หรืออาจจะมีหยุดให้คนข้ามบ้าง ถ้าเป็นคนแก่ ผู้หญิงท้อง ไม่ก็เด็ก นอกเหนือจากนี้ คนขับรถยนต์ในไทยส่วนใหญ่เขาจะไม่จอดให้กันหรอกครับ นี่คือเรื่องจริง
   บ่ายไปเดินคลองถม เดินไปจากบ้านสะพานพุธระยะทางสัก 2 กม มั้ง ผมเดา สะดวกกว่าขับรถยนต์ไปเยอะ ถึงเร็วกว่าอีกด้วย แค่ทนร้อนหน่อย แต่ไม่ต้องจ่ายค่าจอดชั่วโมงละ 30 บาท ถ้าจะซื้อของชิ้นใหญ่จริงๆ ก็เคยขับรถยนต์ไปเหมือนกันนะ 
   ไปซื้อของใช้ครับ เช่นพวกแบตเตอรี่อันเล็กๆ ของจักรยาน ของไฟฉาย ของรีโมท ฯลฯ เจอไปฉายคาดหน้าผากอันหนึ่งถูกใจ แต่ขากลับไม่ได้ซื้อมา รู้สึกลังเลยังไงก็ไม่รู้ เลยยั้งๆ ไว้ก่อน แต่พอกลับมาบ้านดันอยากได้ เฮ้ออ ไอ้เวร
   
2 สค 52
   เช้าออกปั่นกับรถพับไป 30 กม จากบ้านพระราม 2 วนไปออกวงแหวนโน่นเลย แล้วค่อยวกกลับมาบ้านอีกครั้ง ไม่ได้ปั่นยาวแบบนี้มานานมาก ปกติจะไปแค่แถวบ้านใกล้ๆ วันนี้ได้เหงื่อเยอะหน่อย สบายตัวดี
   ผมผ่านเต้นท์รถมือสองริมสองข้างทาง เห็นรถตู้มือสองจากญี่ปุ่นจอดขายกันเยอะเลย รถเล็กๆ น่ารักแบบนี้ผมชอบมานานแล้ว แต่แปลกใจว่าเขาให้จดทะเบียนได้ด้วยหรือนี่ เจอเต้นท์หนึ่งมีรถสวยถูกใจมากๆ คือ Nissan Figaro ผมชอบรถหน้าตาเก่าๆ แบบนี้มากๆ แต่ราคามันแรงโดดไปจากรถตู้ที่จอดข้างๆ กันไปราวหนึ่งเท่าตัว เลยถอยออกมาก่อน เพราะสภาพรถค่อนข้างย่ำแย่เหลือเกิน บูรณะเองก็คงยาก หาอะไหล่ก็ไม่ง่าย
   ขี่รถใหญ่มานาน วันนี้เอารถพับออกปั่น ผมว่ารถพับผมนั่งสบายกว่านะ ไม่รู้เพราะเบาะมันเป็นแบบหนานุ่มหรือไม่ แต่ช่วงของรถนั้นช่างจะแสนสบาย จะด้อยจุดเดียวก็คือล้อมันเล็ก ปั่นทำความเร็วได้ไม่ดีเท่าพวกล้อใหญ่แค่นั้นเอง
   กลางวันพาลูกไปงานสัปดาห์หนังสือของอัมรินทร์พรินติ้ง เขาจัดงานรวมกันงานท่องเที่ยวไทย มีการขายที่พัก ขายตั๋วเครื่องบิน ขายทัวร์ จากที่คิดว่าคนจะน้อยจึงไม่เป็นไปอย่างที่คิด
   ซื้อไม้แบตมินตั้นมาให้ลูกเล่น 1 ชุด ตกเย็นเขาตีเล่นกับแม่เขาอย่างสนุกสนาน ตีขึ้นต้นไม้บ้าง หลังคาบ้าง เป็นหน้าที่ผมคอยปีนเก็บ เออ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ ฮ่าๆ
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 03, 2009, 07:17:56 pm
3 สค 52
   เอารถพับออกปั่นวนเล่นแถวบ้านสัก 15 กม แวะตลาดซื้อโจ๊กมาฝากลูกและภรรยาด้วย รถแบบทัวริ่งนี้ดีเหมือนกัน ซื้อของแล้วใส่กระเป๋าเก็บได้สะดวกดีมากๆ ยังไม่นับเรื่องการพกพาชุดปะและยางในสำรอง
   เช้าวันจันทร์ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารถติดหนัก วันนี้มีธุระจะต้องขับรถกระบะไปขนของ จึงได้โอกาสที่จะฝึกฝีมือและทักษะในการขับรถแบบเกียร์ธรรมดาบ้าง เพราะทุกวั้นนี้มีแต่ขับรถเกียร์ออโตล้วนๆ เลย เป็นการขับที่น่าเบื่อมากๆ แต่คนทั่วไปคงชอบ เพราะมันช่างจะแสนสบาย
   ทักษะที่ผมใช้ฝึกก็ขั้นพื้นฐานก็คือเทคนิคที่เรียกว่า Heel & Toe เป็นการลดเกียร์ลง 1 จังหวะ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้เท้ากดคันเร่งเลี้ยงรอบเครื่องยนต์เอาไว้ด้วย แต่ไมใช่แค่สักแต่กดนะ ต้องกดเร่งรอบให้ถูกกับรอบเครื่องในแต่ละเกียร์ด้วย นี่แหละครับ มันยากตรงนี้ เพราะรถแต่ละคันรอบเครื่องและอัตราทดเกียร์มันไม่เหมือนกัน
   จะว่าไปมันก็คล้ายกับจักรยานเหมือนกันนะ รอบขาก็คือรอบเครื่องยนต์ จานหน้าสามใบก็คือชุดเกียร์ ส่วนเฟืองหลัง 9 ใบ ก็เสมือนชุดเฟืองท้าย จุดนี้ต่างกันเพราะรถยนต์ทั่วไปจะมีเฟืองท้ายชุดเดียว แต่จักรยานเรามีชุดเฟืองท้ายให้เปลี่ยนใช้ได้ถึง 9 บ้างก็มีถึง 10 หากเป็นรถจักรยานแบบเสือหมอบ
   ผมนำเอาไอเดียเรื่องชุดเฟืองท้ายนี้ไปใช้กับงานรถยนต์บ้างเหมือนกันครับ คือบางครั้งเราต้องการจะแรง แต่ไม่อยากทำอะไรเพิ่ม ผมก็แค่เพิ่มชุดเฟืองท้ายอีกอันเข้าไป รถยนต์จากเดิมมีชุดเฟืองท้ายอันเดียว แต่พอเจอคันพิเศษนี้ที่มีถึง 2 ชุด ทำให้มันแรงได้อย่างง่ายๆ ไม่ต้องทำอะไรกับเครื่องยนต์เลยสักนิด แจ๋วไหมครับ
   รถที่ว่าก็คือรถในค่าย BMW ชื่อ mini ตัว Cooper S รหัสตัวถัง R53 คันที่ใช้ระบบอัดอากาศแบบ Supercharge นั่นแหละครับ (แต่ mini ตัวล่าสุดเขาใช้ Turbocharge อัดอากาศแทน)
   ตอนเย็นลูกชายชวนเล่นตีแบดฯ เขาตีไม่ค่อยโดนลูกหรอก แต่ก็ต้องเล่นด้วย เพราะเขาจะได้ยิ่งตีเป็นเร็วขึ้น เล่นไปแค่ 30 นาทีก็เหงื่อชุ่ม วิ่งเก็บลูกเหนื่อยครับ
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 04, 2009, 03:49:15 pm
4 สค 52
   ตื่นแต่เช้ามาตีแบดกับลูก เล่นไปได้แค่ 30 นาทีก็เหงื่อชุ่ม ปั่นจักรยานสักชั่วโมงสนุกกว่าเยอะเลย เพราะผมเดินเก็บลูกตลอด ได้ก้มได้เงย ได้ลุกๆ นั่งๆ คิดบวกน่ะครับ ต้องขยันฝึกเขา ผมจะได้ไม่ต้องเก็บลูกอีก
   เข้าไปอ่านเวปจักรยาน บางกระทู้คุยกันเรื่องของอัตราทดเกียร์ (ที่จริงน่าจะเรียกว่าเฟืองท้ายนะ)
   ยังมีหลายคนเข้าใจว่าเกียร์ยิ่งเยอะ ยิ่งดี อ้าว แล้วไม่จริงหรอกหรือ ยิ่งเยอะ แล้วมันไม่ดีตรงไหน
   จะว่าไปมันก็ดีอยู่หรอกครับ ถ้าได้ใช้นะ แต่ถ้าไม่ได้ใช้มันก็คือเราแบกน้ำหนักไปเสียเปล่าๆ ยกตัวอย่างจักรยานแบบ Down Hill เขาแทบจะไม่ได้ใช้จานหน้าใบเล็กกันเลย เช่นนี้ก็สมควรถอดออกไป หรืออย่างพวกเสือหมอบที่รถแสนจะเบา กดนิดเดียวรถก็พุ่งปรู๊ด เขาก็ทำจานหน้าออกมาแค่ 2 ใบ (แต่เสือหมอบระยะหลังบางรุ่นมีแบบจานหน้า 3 ใบให้เลือกใช้แล้ว เขาว่าเอาไว้ปีนภูเขา)
   กับรถยนต์ก็เช่นกันครับ รถรุ่นใหม่ๆ รุ่นท๊อปมักจะมี 6 เกียร์ แต่เกียร์เยอะไปก็เท่านั้น หากขับในเมืองมันแทบไม่ได้ใช้อะไรเลย ดีตอนขับทางไกล เพราะอัตราทดเกียร์สุดท้ายมันช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้นิดหน่อย
   แต่กับรถแข่งทางตรงแบบ Drag เขามีกันแค่ 3 เกียร์ครับ รถพวกนี้แรงมหาศาล ขับกันไม่กี่วินาทีก็จบแล้ว นอกจากเกียร์น้อยแล้วยังต้องแข็งแกร่งอีกด้วย
   อ่านบันทึกของผมแล้วเห็นผมเอ่ยเกี่ยวกับรถยนต์บ่อยก็อย่าแปลกใจไป สำหรับผมสองสิ่งนี้มันไปด้วยกัน ผมขับรถยนต์และศึกษามันพร้อมๆ กับจักรยาน
   ช่วงนี้ผมชอบจักรยานทัวริ่ง ทำให้ผมสนใจจะทำรถยนต์แบบทัวริ่งขึ้นมาใช้งานบ้าง แรกๆ สนใจเล่นๆ แต่คิดนานๆ แล้วชักจะสนใจจริง เพราะจะได้เดินทางท่องเทียวได้ไกลขึ้น
   จากเดิมนี้มองแต่รถสปอร์ท ทุกวันนี้มองพวกรถตู้ รถ SUV ผมจะเอามาทำเป็นรถบ้านน่ะครับ ไม่ต้องถึงกับมีห้องน้ำอะไรหรอก เมืองไทยหาห้องน้ำง่ายมากๆ ไม่เหมือนทางเมืองนอกเขา แต่อยากทำที่กางเต้นท์บนหลังคารถ เพราะบางครั้งไปแล้วจุดกางเต้นท์ไม่ค่อยเวิร์ค แต่มันเย็นมากแล้ว ขี้เกียจหาโรงแรม
   ช่วงนี้วันๆ ผมแทบไม่ได้ออกไปไหน ตามปกติจะมีเพื่อนมาจากต่างประเทศบ้าง แต่ระยะนี้ผมบอกให้เขางดไปก่อน กลัวจะมาติดหวัด 09 ในไทยกลับไป เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง เพราะไทยเรานี้เป็นที่ 1 ในเอเชียและเป็นอันดับ 4 ของโลกที่มีอัตราการแพร่ขยายของไข้หวัดมากสุดครับ
   แหม ช่างน่าภูมิใจดีจัง
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 06, 2009, 01:07:39 pm
5 สค 52
   เมื่อวานเครื่องบินของสายการบิน Bangkok Airways ลื่นไถลจากรันเวย์ และไปชนเอาหอควบคุม ผลคือกับตันเสียชีวิต และผู้โดยสารบาดเจ็บ เครื่องที่ขับคือATR72 ของประเทศฝรั่งเศษ
   ผมฟังข่าวแล้วคุ้นกับรหัส ATR72 ครับ เพราะเคยชมสารคดีเกี่ยวกับอุบัติเหตุการบินที่เกิดกับ ATR72 เช่นกัน เครื่องบินมันลำไม่ใหญ่มากครับ จุผู้โดยสารได้ 72 ที่นั่ง (สเปคจริงๆ อาจยืดหยุ่นได้อีกนิดหน่อย) ที่ผมทราบคือมันบินสูงมากไม่ได้เหมือนพวกเครื่องลำใหญ่ๆ ที่จุได้เป็นร้อยๆ คน ในสารคดีเครื่องนี้มีปัญหาขณะบินเข้ากลุ่มเมฆเป็นระยะเวลานาน จนกระทั่งน้ำแข็งเกาะบนผิวปีก และบินวนเพื่อรอลงจอดอยู่นานกว่า 30 นาที จนทำให้น้ำแข็งหนามากขึ้น สุดท้ายก็ไม่สามารถขยับ Flap เปิดปิดขึ้นลงได้ ส่งผลให้เสียการควบคุม และพุ่งดิ่งลงสู่พื้นดิน
   ลูกผมสนใจเรื่องเครื่องบินเป็นอย่างมาก จึงดูสารดีพวกนี้อยู่หลายครั้ง นึกแล้วน่าสงสารนักบินเสียจริงๆ
   ช่วงนี้ชักสนใจรถยนต์นำเข้าครับ ผมเห็นรถมือสองจากญี่ปุ่นเข้ามาวิ่งกันเยอะเลย โดยมากจะเห็นเป็นรถตู้คันเล็กๆ เหมาะแก่การเอามาขับเล่นอย่างมาก รูปทรงน่ารัก และใส่จักรยานได้ด้วย แต่ชักเอะใจ เอ๊ะ เขาทำทะเบียนกันได้ด้วยหรือครับนี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีบางคนโพสขายรถสปอร์ตมือสองจากญี่ปุ่นอีกด้วย !!!
   ได้ข่าวแล้วหูผึ้ง รีบโทรไปคุยกับคนขาย จับใจความได้ว่าผมกำลังคุยกับนายหน้าแทน แถมนายหน้าเป็นเด็ก (น่าจะอายุราว 30 กว่า) ผมสอบถามอะไรก็ตอบไม่ตรงคำถาม บ่ายเบี่ยงไปมา ถามเรื่องเอกสารก็ตอบไม่ได้ ยังเลี่ยงประเด็นไปว่ารถเขาถูกต้อง 100% ย้ำคำนี้อยู่บ่อยมากๆ
   คุยได้สัก 2 นาที ก็ขอตัววางสายครับ คือสรุปได้เลยครับว่าหมอนี้ไม่ใช่ของจริง คือทำไม่ได้จริง และถึงแม้ว่าจะทำทะเบียนได้จริงก็ไม่ถูกต้อง 100% เหมือนที่เขาคุยไว้ ดีไม่ดีผมจะโดนพวกลวงโลกโกงเอา
   ตัวผมเองเคยทำธุรกิจพวกนี้อยู่พักหนึ่งครับ เกือบจะเปิดบริษัทนำเข้ารถกับเขาแล้วนะนี่ แต่ดีที่ยอดขายไม่มาก เลยขายแบบใต้ดิน คือขายส่ง กำไรไม่เยอะหรอกครับ แต่จะมาเหนื่อยตอนประสานงานเอกสาร และต้องมีชิปปิ้งฝีมือดีคอยช่วย
   ระยะหลังคนนำเข้ารถมาขายกันเยอะมากๆ ตัดราคากันเละ ทำเอาผมเละไปด้วย ดีที่ไม่ได้ลงทุนอะไรไปมาก แต่ก็ยังมีพรรคพวกทำธุรกิจแนวนี้อยู่บ้าง หากผมขัดสนต้องการชิ้นส่วนอะไรแบบไหน หากไม่หายากเกินไปนัก ก็พอจะหามาให้ผมใช้ได้บ้าง
   ผมโทรไปถามเพื่อนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ เขาทราบเรื่องก็หัวเราะลั่น บอกว่า “มันกล้าให้ตำรวจจับไหม ถ้าจับแล้วผ่าน กูให้มัน 1 แสนบาทฟรีๆ แต่ถ้าไม่ผ่าน ตำรวจยึดรถและปรับก็ให้มันรับผิดชอบเอง”
   เจอคำท้าแบบนี้เล่นเอาผมไม่กล้าเลยครับ ยกเลิกความคิดโดยทันใด
   คุยเรื่องจักรยานบ้างดีกว่า มาตรวัดความเร็วของรถคัน KHS HT ของผมมันไม่แสดงผลอะไรมาสองสามวันแล้ว ลองเอามาตรวัดเลื่อนไปใกล้ๆ กับเซนเซอร์ที่จับตะเกียบตัวเลขความเร็วก็ยังไม่ขึ้น นั่นคือแบตฯที่ตัวเซนเซอร์หมดครับ แต่ถ้ามาตรวัดแสดงผลเลือนลาง นั่นคือแบตฯที่ตัวเครื่องหมด นี่ผมคุยถึงมาตรวัดแบบไร้สายนะครับ ผมชอบแบบนี้ มันไม่รกรุงรังดี กันน้ำได้ดีอีกด้วย ใช้ Cateye ตัวเก่าโบราณจนชอบ ตัวใหม่ที่ใส่กับรถพับ KHS F20-W ก็ยังใช้ยี่ห้อเดิม และมีออปชั่นพิเศษคือเปิดไฟส่องสว่างหน้าจอได้อีกด้วย
   จัดแจงเปลี่ยนแบตฯที่เซนเซอร์ พอหมุนล้อ มาตรวัดหน้าจอก็แสดงผลทันที แบตแบบ CR2032 นี้ผมซื้อมายกแผงครับ ยี่ห้อ Maxell แผงละ 5 ชิ้นราคา 50 บาทมั้งซื้อที่คลองถม หาซื้อร้านที่อยู่ในซอกซอยและขายเฉพาะแบตฯอย่างเดียวนะครับ นั่นแหละคือร้านขายส่ง ราคาถูกกว่าร้านที่อยู่ริมถนน หรือริมซอยที่คนเดินผ่านเยอะๆ
   มีคนโทรมาขอซื้อ Pannier ของ Deuter เขาอยู่ศรีราชา อยากให้ผมส่งของไปให้ ผมเองไม่เคยค้าขายในเวปมาก่อน จะส่งของก็ยังทำไม่เป็นเลย ไม่รู้ว่าต้องมีกล่องใส่ก่อนหรือไม่ จะส่งแบบไหนก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด
แต่ Pannier อันนี้มันใช้กลไกการล็อคแบบเดียวกับของ Ortlieb มันพิศษตรงที่มีอแดปเตอร์ยึดแร็คมาให้ 2 ขนาด หากคนไม่รู้เรื่องอะไรก็จะจับมันแขวนไว้เฉยๆ โอเค มันแขวนได้ก็จริง แต่ถ้าใส่อแดปเตอร์ให้พอดีกับขนาดของแร็ค จุดยึดจะมันคงแข็งแรงยิ่งกว่าเดิมอีกเยอะครับ แถมลดการแกว่งของกระเป๋าได้อีกด้วย ผมอยากสอนผู้ใช้ในจุดนี้ เพราะหากไม่เคยใช้กระเป๋าแบบนี้มาก่อน คุณจะไม่รู้ว่ามันยึดอย่างไร ล็อคอย่างไร ถอดใส่อแดปเตอร์อย่างไร ฯลฯ
อืม แล้วผมจะสอนเขาอย่างไรดีล่ะครับนี่ คู่มือก็ไม่มีมาให้ มีมาแต่ Tag ที่ติดมากับกระเป๋า ต่างจากของ Ortlieb ที่มีคู่มือการใช้อย่างละเอียดมาให้ด้วย
จะว่าไปแล้วผมก็ผ่านทางศรีราชาบ้างเหมือนกันตอนไปบ้านที่ระยอง แต่ก็ไม่ได้ไปบ่อยนัก เอาไงดีวะ ใจแค่อยากสอนเขาใช้และถอดใส่อแดปเตอร์เท่านั้นเองแหละครับ
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 07, 2009, 01:27:43 pm
6 สค 52
   เช้านี้ขณะปั่นจักรยานเล่น เจอรถตู้จอดเสีย ไม่ใช่พวกรถตู้โดยสารล่ะ เป็นรถส่วนตัว ยี่ห้อ VW Caravelle ผมเข้าไปสอบถามแสดงความช่วยเหลือ เจ้าของรถเขาเพิ่งจะกดโทรศัพท์คุยมั้ง เลยหันมามองผมแบบงงๆ คงไม่เคยเจอคนมาช่วยเหลือ หรืออาจจะยังสับสนกับเรื่องรถที่เสีย เลยมองผมหัวจรดยาง ผมใส่กางเกงคล้ายกางเกงชาวเล ขา 3 ส่วน เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว และหมวกปีกกว้างสีเขียวมะกอก
   ผมยังยืนดูเขาต่ออีกสักพัก เผื่อเขาจะต้องการความช่วยเหลือ คือผมพอจะเป็นเรื่องรถยนต์อยู่บ้าง เผื่อแค่ปัญหาง่ายๆ เช่นหม้อน้ำรั่ว แบตฯหมด อะไรพวกนี้ ผมจะได้ช่วยเขาได้
   แต่คิดดูแล้วผมคงเป็นส่วนเกิน เจ้าของรถท่านไม่สนใจผมเลยแม้แต่น้อย เลยปลีกตัวออกมา ไม่ได้โกรธอะไร เขาคงคิดหาทางออกได้แล้ว ผมหวังว่าเป็นเช่นนั้น
   ผมชอบช่วยเหลือคนนะครับ ตอนปั่นจักรยานนี้จะพบรถยนต์จอดเสียอยู่มาก ที่บ่อยสุดที่ผมเคยช่วยก็คือหม้อน้ำรั่ว และยางแตก มีเยอะเลยนะครับที่เปลี่ยนยางรถตัวเองไม่เป็น ยังดีที่มียางอะไหล่และเครื่องมือ ไม่งั้นต้องใช้บริการรถลากกันอย่างเดียวเลย
   ขี่จักรยานต้องปะยางเป็น ขับรถยนต์ก็ควรเปลี่ยนยางเป็น พื้นฐานง่ายๆ แค่พอเอาตัวรอดได้ หากทำไม่เป็นก็ต้องพึ่งคนอื่น เสียเงินไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับผู้ชายขับรถแล้วเปลี่ยนยางไม่เป็นผมว่าเสียฟอร์มสุดๆ ดูความเป็นแมนลดลงฮวบอย่างน่าใจหาย
   หากยางแตก ก็ถอดแล้วเปลี่ยนซะ ที่พบความผิดพลาดบ่อยก็คือมักจะขึ้นแม่แรงมันไม่เป็น คือขึ้นน่ะขึ้นเป็น แต่มันขึ้นไม่ถูกจุด ทำให้รถเกิดความเสียหายบริเวณชายน้ำด้านล่าง อย่าว่าอะไรเลยนะ กระทั่งช่างข้างถนนยังขึ้นกันไม่ถูกเลย ฉะนั้นจึงพบเห็นรถดีๆ โดยช่างไร้ฝีมือทำรถมีตำหนิกันบ่อยมากๆ หนำซ้ำคือเขาเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าทำผิดมาตลอด
   ส่วนหม้อน้ำรั่วก็ให้รีบจอดรถ เปิดฝากระโปรงไว้ ยังไม่ต้องเปิดฝาหม้อน้ำ ทิ้งไว้ให้เครื่องเย็น ใช้เวลาราว 1 ชม จากนั้นก็่ค่อยเปิดฝาหม้อน้ำ จะให้ปลอดภัยก็ต้องมีผ้าขนหนูหนาๆ รองมือไว้ก่อนบิดเปิดฝา ป้องกันมือร้อน และน้ำพุ่งทะลัก ลองบิดกุญแจดูหน้าปัดว่าเข็มความร้อนขึ้นสูงเพียงใด (อย่าสตาร์ทเครื่อง) หากพบว่าขึ้นสูงอยู่ก็ต้องจอดคอยจนมันเย็น แต่ถ้าพบกว่าเข็มความร้อนแทบไม่กระดิก นั่นคือเครื่องเย็นแล้ว ให้เอาน้ำสะอาดเติมเข้าไปให้เต็มหม้อน้ำ ปิดฝาและวิ่งต่อไปได้เลย แต่หลังจากนี้ให้มองเข็มความร้อนบ่อยๆ หากขึ้นผิดสังเกตุให้รีบเข้าร้านหม้อน้ำจัดการซ่อมแซมรูรั่วทันที
   แต่ถ้าเป็นพวกรถเก่าๆ โทรมๆ แบบเน่าๆ เลยนะ ถ้าขับๆ แล้วเครื่องดับไปโดยไม่ได้มีปัญหาเรื่องหม้อน้ำ ก็มักจะเป็นเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง รถพวกนี้ไม่ค่อยได้เปลี่ยนไส้กรองเบนซิน เคยเจอคันหนึ่งผมแค่จับตัวไส้กรองเขย่าๆ สองทีรถก็สตาร์ทติดโดยง่าย เจ้าของรถคงคิดว่าผมมีเวทย์มนต์ เพราะเขาสตาร์ทอยู่นานก็ไม่ติดสักที
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 08, 2009, 05:17:53 pm
7 สค 52
   ผมปั่นจักรยานเล่นตอนเช้า เจอกรุ๊ปทัวร์จักรยานของฝรั่งขี่สวนมา ที่จริงเราพบกันบ่อย คุ้นหน้าคุ้นตากันกับคนทำทริปบางคน แต่ไม่เคยคุยกันหรอก ได้แค่ส่งยิ้ม แต่ผมจะทักทายนักท่องเที่ยวพวกนี้เสมอ พูดว่า สวัสดีครับบ้าง Good Morning บาง หรือ Hello บ้าง คำพูดง่ายๆ แต่ทำให้นักท่องเที่ยวเขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก พูดพร้อมกับส่งยิ่มไปด้วย ส่วนใหญ่ก็จะทักทายตอบกลับมา บ้างก็ส่งยิ้มให้ คนไหนอายุมากหน่อยผมก็จะพูดต่อว่า “Ride Carefully”
   เช้านี้ก็เจออีก ขี่มาเป็นขบวนยาวมากเลย ทุกทีมีแค่ไม่กี่คัน แต่วันนี้มีเกือบ 20 คัน ผมจอดให้ทางเขาไปก่อน ด้านข้างผมเป็นรถสามล้อมีแม่ค้านั่งบ่นด้านหลัง
   “โอย อะไรมันจะมากันเยอะขนาดนั้น”
   “แหม นี่พวกฝรั่ง คนไทยไม่ต้องทำมาหากินกันหรืออย่างไร”
   ก็คนเขาจะบ่นน่ะครับ นี่ขนาดจอดให้ทางแค่ราว 15 วินาทีเองนะ แม่ค้ายังบ่นขนาดนี้ ผมเลยพูดกับแม่ค้าว่า
   “นานๆ เขามากันทีครับป้า”
   “เออ นั่นแหละ ก็ต้องเห็นใจเรา เราต้องทำมาหากิน” ป้าตอบผม
   “เขาเอาเงินเข้ามาให้ประเทศไทยเรานะครับป้า”
   ป้ามองหน้า “เออ ฉันก็ต้องทำมาค้าขายเหมือนกัน”
   บทสนทนาสั้นจบลงห้วนๆ พร้อมกับขบวนจักรยานนักท่องเที่ยวฝรั่งขี่ผ่านไป ทิ้งคำถามคาใจไว้ให้ผม เอ แล้วตอนรถติดบนท้องถนนนี่ ป้าแกจะบ่นกันขนาดไหนเชียวล่ะครับนี่
   อ้อ ยังไม่นับพวกตำรวจถ่อยที่เอาใจเจ้านายด้วยการสั่งปิดถนน สั่งปิดทางด่วน ตอนหัวหน้ามันจะนั่งรถผ่านอีกล่ะ เคยติดอยู่บนทางด่วนโดยการปิดถนนแบบนี้แหละ ช่วงมุ่งหน้าไปดอนเมือง ข้างๆ รถผมเป็นรถพยาบาล จอดเปิดไซเรน ตำรวจมันยังทำเป็นไม่ได้ยินเลย
   เลว…
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 09, 2009, 06:06:08 pm
8 สค 52
   ผมเอารถดริฟท์ที่จอดทิ้งไว้หลายปี เอามาบูรณะปัดฝุ่นใหม่ ไม่ได้จะไปแข่งขันอะไรกับใครเขาหรอกครับ คิดแค่จะเอามาขับใช้งานบ้างสักหน่อยเท่านั้นเอง เพราะที่ผ่านมาหลายปีได้แต่ต่อทะเบียนแล้วก็แทบจะไม่ได้ขับไปไหนเลย
   ที่ไม่ได้นำออกมาใช้เพราะเสียงท่อไอเสียมันดังมาก แอร์ก็ไม่ค่อยเย็น (รถที่ไม่ค่อยได้ใช้ น้ำยาแอร์จะหายไปเร็ว) รถก็สะเทือนมาก ช้อคฯ สปริงแข็งมากๆ แถมผมยังไปใส่ Roll Cage และดามตัวถังให้มันยิ่งแข็งขึ้นไปอีก ก็แหม ตอนนั้นมันเอาไว้แข่งนี่นา
   รถจอดทิ้งไว้นนานเป็นปีๆ จะเอามาใช้งานก็ต้องเริ่มไล่กันใหม่ทุกจุดครับ พวกเรื่องพื้นฐานอย่างพวกน้ำมันของเหลวอะไรพวกนี้ต้องเปลี่ยนถ่ายแน่ๆ ไล่กันจนหมด รถผมยังวิ่งไม่ดี สตาร์ทยาก สุดท้ายพบอาการมีลมดันออกทางหม้อน้ำ ใช่เลย อาการคลาสสิคของรถแรง ฝาสูบโก่งครับ
   ไม่ใช่ปัญหา ผมให้ช่างไปไสฝาสูบ โรงกลึงที่รับทำกลับบอกว่า เอ๊ะ นี่มันฝาเครื่อง SR นี่ บางทีมันอาจร้าวนะ เอาล่ะสิ พูดจริงหรือขู่ก็ไม่รู้ แต่ลองไสดูก่อน
   วันนี้ผมรีบไปดูรถที่อู่ ช่างยิ้มๆ ผมนึกว่าข่าวดี รถเสร็จแล้ว แต่ดันกลายเป็นว่า ฝาสูบร้าว แบบที่โรงกลึงเขาบอกเลย เซ็งสุดยอด เพราะฝาสูบนี้แพงมาก ไม่รู้มันพังมาตั้งแต่ตอนไหน หรือจะเริ่มพังตอนช่วงที่ผมยังแข่งอยู่ก็ไม่รู้ มันเป็นเครื่องแต่งมาจากต่างประเทศ ใช้อุปกรณ์ของแต่งอย่างแรงมาด้วย เช่น Turbo และ กล่อง ECU ของ HKS
   สองจิตสองใจว่าจะเปลี่ยนเครื่องทั้วตัวเลยดี หรือว่าเปลี่ยนแค่เฉพาะฝาสูบที่มันเสียดี คิดสักพักแล้วสรุปเอาที่ว่าเปลี่ยนเฉพาะฝาสูบดีกว่า ใช้เงินน้อยกว่า เพราะรถผมคันนี้ไม่ค่อยได้ขับเท่าไหร่นัก
   กลางวันเปิดโทรทัศน์ดูเห็นมีแข่งศิลปะป้องตัวตัวมือเปล่า เรียกว่า Martial Arts ผมชอบครับ แต่ชอบแค่ Kick Boxing อย่างเดียว มีกีฬาประจำชาติอื่นๆ อีกเยอะ แต่มักจะเน้นทุ่ม เน้นปล้ำ ผมไม่ชอบ ผมซาดิสม์ ชอบรุนแรง เตะต่อยกันเลือดสาด แบบนี้ชอบมาก ฮ่าๆ ในเคเบิลทีวีก็มีครับ แต่เป็นชื่องานแข่งว่า K1 เคยเปิดดูตอนดึกๆ
   ผมชอบศิลปะป้องกันตัวมือเปล่าครับ ชอบสุดๆ ก็มวยไทยนี่แหละ ตัวผมเองก็เคยชกมวยมาบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ได้จริงจัง ชกตอนหนุ่มๆ แบบขึ้นเวทีด้วยนะ เวทีของจริงเลยด้วย
   ตอนเรียนอยู่ต่างประเทศก็ดันไปมีเพื่อนอยู่ในกลุ่มมาเฟียอีก เลยได้โชว์มวยไทย (แต่เขาเรียกกันว่า Kick Boxing) ไม่ได้เตะต่อยใครหรอก แค่เตะสูงโชว์บ้าง ฝรั่งเขาเตะไม่ค่อยเป็นครับ เขาไม่ค่อยได้ฝึก แต่ระยะหลังมานี้มวยไทยฮิตมาก จนมันแยกประเภทออกมาจาก Kick Boxing แล้ว มวยไทยเราเจ๋งกว่าเยอะครับ สารคดีฝรั่งเขาจัดอันดับความรุนแรงของกีฬาแนวนี้ปรากฎว่ามวยไทยเราเป็นอันดับ 2 ส่วนอันดับ 1 คือ คาราเต้ ครับ
   
9 สค 52
   เอารถพับออกปั่นไป 20 กม ปั่นช้าๆ ไม่ได้เร่งอะไรมากนัก ใช้เวลาไปราว 60 นาที รวม Worm Up และ Cool Down
   วันอาทิตย์ไปห้าง ไม่ได้ไปเดินเล่นอะไรกับเขาหรอก พาลูกไปเรียนพิเศษ และก็ไม่ได้เรียนเพื่อแข่งขันกับใคร เรียนคณิตศาสตร์ที่เขาเลือกเอง
   เดินผ่านพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า ผมเห็นหูฟังแบบครอบหู นึกอยากได้เอาไว้ใช้กับคีย์บอร์ด (เครื่องดนตรี) เห็นวางขายกันเกลื่อน ดูจนตาลาย ผมเลือกไม่เป็น เลยสอบถามพนักงานขายถึงวิธีการเลือกใช้หูฟัง เขาว่าใช้วิธีดูเสียง ผมทำหน้าสงสัย คิดไปว่าเราเองคงจะฟังผิด เขาอธิบายสรรพคุณของรุ่นต่างๆ ในตู้โชว์ ดูตั้งใจดีนะ แต่ผมต้องรีบถอยห่างออกมาให้ไกล ปากมันเหม็นมากครับ ได้กลิ่นแล้วหมดอารมณ์จะเลือกซื้อของเลย
   ในโลกเราทุกวันนี้มีคนปากเหม็นเยอะนะ บ้างก็รู้ตัว บ้างก็ไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ที่เกิดเหตุมันอยู่ห่างจมูกตัวเองแค่ 1 นิ้วเท่านั้นเอง
   สัปดาห์ก่อนผมไปผ่อนค่างวดที่คอนโด ปกติจะเป็นพนักงานหญิงรับเรื่อง พวกนี้ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนใหญ่หน้าตาจะสะสวย สะอาด แต่วันนี้ไปเจอพนักงานชาย ได้เรื่องเลยครับ คุยกันแป๊บเดียวต้องรีบหนีออกไปเดินเล่นชมวิวสูดอากาศบริสุทธิ์แทน
   กลิ่นปากนี้เสียบุคคลิกมากนะครับ แต่ร้ายกว่านั้นคือมันบอกถึงโรคภัยไข้เจ็บของเจ้าตัวอีกด้วย เริ่มจากโรคเหงือกอักเสบ คอฟันอักเสบ โรคปริทนต์ มีหินปูนมาก มีพลัคเกาะมาก และหากปล่อยทิ้งไว้ ไม่ดูแลปาก อาการอักเสบก็จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แบคทีเรียจะเข้าสู่กระแสเลือด ถ้าคนแข็งแรงก็จะมีเม็ดเลือดขาวคอยป้องกันฆ่าแบคทีเรียนี้ แต่หลังจากฆ่าเสร็จมันจะปล่อยสารตัวหนึ่งออกมา ผมลืมชื่อไปแล้ว เจ้าสารตัวนี้จะเข้าไปฝังตัวอยู่ในเกล็ดเลือด หากมีมากเข้า จะทำให้เลือดเกาะตัวกันเป็นลิ่มเลือด ใช่แล้ว หากใครมีปัญหาเรื่องหลอดเลือดร่วมด้วยล่ะก็ ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันก็อาจมาเยือนท่านได้ง่ายๆ
   ทั้งหมดนี้แค่สาเหตุมาจากโรคปากเองนะครับ ดูแลรักษาสุขภาพกายและต้องรักษาสุขภาพปากและฟันให้ดีอีกด้วย ใครดื่มเหล้าสูบบุหรี่ก็ยิ่งเพิ่มอัตราเสี่ยงมากยิ่งขึ้นจากคนปกติเป็นเท่าตัวครับ
   อาการที่พบเห็นได้ด้วยตนเองก็คือมีเลือดออกขณะแปรงฟันครับ ถ้านิดๆ หน่อยๆ ก็อาจเป็นไปได้ว่าแปรงแรงเกินไป แต่เราก็ต้องตรวจสอบเองด้วยว่ามีอาการเหงือกร่น เหงือกอักเสบ และมีกลิ่นปากร่วมด้วยหรือไม่ หากมีก็ต้องให้หมอฟันช่วยจัดการด่วน สำหรับใครที่หาหมอฟันทุก 6 เดือนก็รอดไป แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะก็… เสร็จ
   ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายกันให้ดีนะครับ ด้วยความปรารถนาดี
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 10, 2009, 03:58:13 pm
10 สค 52
   ฝนปรอยบางๆ เบาๆ  แต่เช้า ฝนแบบนี้หากอยู่ที่เมืองหนาว บนยอดเขาสูงๆ  มันจะกลายเป็นปุยหิมะนุ่มๆ ดูแล้วสวย โรแมนติค เหมือนในหนัง แต่ฝนในเมืองร้อนมันก็เป็นเหมือนละอองน้ำ โดนนานๆ ก็จะเปียก ถ้าโดนนิดหน่อยแค่ละออง ก็จะได้ความสดชื่น ฝนแบบนี้ชาวจักรยานชอบกันมาก เพราะตกแล้วเย็นสบาย แดดก็ไม่มีอีกด้วย
   เช้านี้รับโทรศัพท์จากลูกค้าที่ผมไปโพสขาย Pannier ของ Deuter เอาไว้ เขาอยู่แถวราชดำเนิน นัดดูของกันพรุ่งนี้ ส่วนอีกท่านอยู่ศรีราชา คนนี้เคยโทรมาคุยกันแล้ว เขาโทรมาตามเรื่อง ผมเองที่ล่าช้า เพราะไม่เคยค้าขายในเวป ไม่รู้ค่าจัดส่ง ว่าเขาคิดกันแค่ไหน อย่างไร รู้สึกอายเหมือนกันที่ทำอะไรไม่เป็น แต่สัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะส่งภายในสัปดาห์นี้
   พายุชื่อมรกตขึ้นที่ไต้หวันครับ รุนแรงมาก ขนาดตึก 6 ชั้นนั้นค่อยๆ เอียงๆ แล้วก็ถล่มลงมาในที่สุด ดูข่าวแล้วน่าตกใจครับ นี่เหตุมันเกิดไกลตัวเรา จึงรับฟังแล้วเฉยๆ แต่ถ้าลองคิดว่าเป็นคนใกล้ตัวเราสิ เป็นญาติเราสิ จะรู้คำตอบ
   โลกเรานี้มันไม่กว้างใหญ่นักหรอกครับ เด็ดดอกไม้ก็สะเทือนถึงดวงดาว วันนี้และพรุ่งนี้หรือวันต่อไปบ้านเราก็ยังคงครึ้มฟ้าครึ้มฝน แต่บ้านเรานั้นเป็นแค่ฝน เรายังไม่เคยโดนพายุแบบแรงๆ  อ้อ จะมีบ้างก็พายุเกย์ที่ชุมพร หลายปีก่อนแล้วล่ะ แต่เสียหายเพราะดินโคลนถล่มและท่อนซุงจากป่าไหลตามน้ำมาฆ่าคนเสียมากกว่า
   ดินโคลนถล่มนี้เป็นเรื่องธรรมชาติครับ แต่การถางป่า เปิดป่า บุกรุกป่า ก็จะทำให้ปัญหานั้นรุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลกับคนที่อยู่รอบๆ ป่านั้นเอง
   ใช่แล้ว ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงนั้นเองแหละครับ
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 11, 2009, 04:03:48 pm
11 สค 52   
   เช้านี้มีพี่ท่านหนึ่งมารับ Pannier ของ Deuter ที่บ้าน ดูแกรีบๆ ยังไงพิกล ผมสอนถอดใส่อแดปเตอร์ก็ไม่ค่อยสนใจ สงสัยจะรีบกลับไปทำงานต่อ ไม่ก็แอบหนีงานมา ฮ่าๆ 
เพื่อนผมส่งข้อความมาคุย ถามว่าเมื่อไหร่ประเทศเอ็งจะเปิด ผมงงกับคำถาม มันไม่ได้ปิดนี่หว่า คุยได้ไปสักพักก็เข้าใจ สถานทูตเขาออกคำเตือนเรื่องเมืองไทยมีไว้หวัด 09 ระบาดหนัก และการเมืองยังมีความวุ่นวาย
   แต่พอคุยกันส่วนตัว เขาว่าไม่เห็นจะมีนักท่องเที่ยวคนไหนกลัวเมืองไทยเลย ยังแห่กันมาไทยกันให้เพียบ คนยุโรปก็จะหนีหนาวมาหาร้อนในไทย คนตะวันออกไกลก็จะหนีร้อนจัดมาอยู่ไทย
   ไทยเราคือสุดยอดของประเทศที่น่าเที่ยวในเอเชียแล้วครับ อันนี้มองในสายตาของนักท่องเที่ยวด้วยนะ โอเค เราไม่ได้เจ๋งไปกว่าญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ แต่เราเด่นกว่าตรงค่าครองชีพถูกกว่าเขาหลายเท่าตัว เอาเป็นว่ามีเงินสัก 1000 บาท อยู่กรุงเทพฯได้เกิน 1 วันแบบสบายๆ แต่ถ้าไปอยู่ต่างจังหวัดก็จะอยู่ได้เกือบสัปดาห์ (กินนอนแบบประหยัด)
   หากเป็นประเทศเจริญและไฮโซมากๆ อย่างญี่ปุ่น เกาหลีแล้วล่ะก็ เงิน 1000 บาท ยังไม่พอค่าที่นอนสักคืนเลย ไหนจะอาหารการกินอีก ค่าน้ำดื่มอีก นับเฉพาะแค่ค่ากินอยู่ก็เกินวันละ 1000 บาทแล้วล่ะครับ
   ส่วนที่ค่าครองชีพถูกกว่าเราก็มีอีกเยอะครับ ลาว พม่า เวียดนาม แต่ประเทศรอบข้างเรานี้ยังไม่เปิดกว้างนัก และการเดินทางยังไม่สะดวกเท่าไทย และแหล่งท่องเที่ยวยังไม่หลากหลายเท่าไทยเรา เอาเป็นว่าย่านนี้ เราเจ๋งสุด
   น่าเสียดายที่เราไม่รู้ถึงความเจ๋งของตัวเราเอง
   เรามัวแต่ประโคมข่าวไข้หวัด 09 ระบาด ประโคมข่าวการเมืองตีกัน จนคนไทยเองต่างหากที่หวั่นวิตก แต่ชาวโลกเขาเฉยๆ ครับ โรคระบาดมีกันทั่วโลกมาเป็นศตวรรษแล้ว มันอยู่ที่การบริหารจัดการของรัฐ และสาธารณสุขประเทศนั้นๆ การเมืองเขาเราไม่นิ่ง มาตีกันเอง ก็เลยมีการออกข่าวขัดแข้งขัดขา คนซวยก็คือชาวไทยนี่แหละ
   การเมืองไม่นิ่งก็ยังเป็นเรื่องธรรมดา หลายประเทศเขาก็ไม่นิ่ง แต่ก็ต้องรู้วิธีจัดการไม่ให้มันกระทบกระเทือนการท่องเที่ยว ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ต่างหาก คือต้องแยกสองเรื่องออกจากกัน ต่อสู้ทางการเมืองก็สู้กันไป คนท้องถิ่นก็ต้อนรับนักท่องเที่ยวกันไป มันควรเดินคนละทาง
   ในความคิดของผมแล้ว ประเทศไทยไม่น่าจะมีคำว่า Low Season ด้วยซ็ำไป บ้านเราเหมาะสมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดปี เราคิดไปเองว่ามัน Low ใจมันคิดไปแล้ว การกระทำก็เลยทำแบบ Low Low ตามไปด้วย ลองคิดว่ามัน High สิครับ ให้มัน High ตลอดเวลาเลย จัดโปรโมชั่น จัดอีเวนท์ จัดกิจกรรมต่างๆ ยกตัวอย่างงาน Full Moon Party ที่เกาะพงัน (เอ๊ะ หรือสมุย ผมชักไม่แน่ใจ)   ผมถือว่าเจ๋งเอามากๆ ไม่รู้ใครคิดวะ ยกนิ้วให้แม่งเลย เดือนหนึ่งมี Full Moon สองครั้ง สุดยอดของอีเวนท์แล้ว เพราะเป็นอีเวนท์แบบจัดกันถาวรเลย ไม่ต้องประชาสัมพันธ์อะไรอีกต่อไปแล้ว คนเขาดูปฎิทินก็จะรู้กันเองว่ามีงานกันวันไหน อย่างไร บ๊ะ แม่งแจ๋วว่ะ
   ผมไม่เคยไปหรอกนะ แค่ได้ข่าว แต่ผมคิดและวิเคราะห์ต่อเนื่องไปเองว่ามันคงทำเงินให้กับชาวท้องถิ่นได้อย่างมาก นี่ขนาดเป็นเกาะนะ แถมไกลอีกด้วย นั่งเรือกันนาน รอคิวเรือกันก็หลายชั่วโมง แต่ระยะไม่กี่ปีมานี้มีเครื่องบินๆ ตรงแล้ว สบายหน่อย
   เรื่องการท่องเที่ยวนี่ผมถือว่าน่าจะเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทยครับ เรามีของดีอยู่กับตัว แต่ก็มักจะมองไม่เห็น ดีที่คนอื่นเขายังมองเห็น เขาเลยเอาเงินเข้ามาให้เราถึงหน้าประตูบ้าน ขอแค่เราปัดกวาดหน้าบ้านให้มันสะอาดสะอ้านหน่อย ดูแลคนเดินผ่านไปมาหน้าบ้านสักนิด อย่าทำหน้าบ้านสกปรกเลอะเทอะ มีน้ำดื่มบริการฟรีหน้าบ้านยิ่งแจ๋ว ทำกันได้ไหมล่ะครับพี่น้อง
   เริ่มจากต้องมองนักท่องเที่ยวเป็นเหมือนเพื่อนก่อนครับ เห็นเขาเดินผ่านก็ไม่ต้องอะไรมาก แค่ส่งยิ้มทักทาย เขาไม่ยิ้มตอบก็ไม่ต้องไปโมโหโกรธาอะไร เรายิ้มส่งด้วยใจ ส่งความปรารถนาดีให้ หรือหากใครอยากฝึกภาษาก็ทักทาย Hello บ้าง หากเห็นเขากำลังดูแผนที่ก็ควรเสนอตัวช่วยเหลือ รับรองว่าได้ช่วยทุกครั้งครับ ตอนผมว่างๆ จะเอาจักรยานปั่นเล่นข้ามไปทางปากคลองตลาด เห็นฝรั่งเยอะมากๆ ครั้งหนึ่งๆ ได้ช่วยคนดูแผนที่ไม่ต่ำกว่า 5 กลุ่ม ไม่ต้องกลัวว่าพูดกับเขาไม่เป็นหรอกครับ ใช้แค่ชี้ๆ ในแผนที่ก็ใช้ได้แล้ว โดยมากเขาก็จะเดินทางไปในย่านนั้นๆ แหละครับ เช่น ไปวัดโพธิ์ ไปวัดพระแก้ว ไปชมแม่น้ำเจ้าพระยา เออ ผมเคยเจอคำถามหนึ่งที่ตอบยาก เขาถามผมว่ากินอาหารที่ไหนดี คิดไม่ออกครับ เพราะผมไม่ใช่พวกนักชิม แถมร้านดีร้านเด่นจริงๆ มันก็ไม่ได้อยู่ย่านนี้ เลยชี้เขาไปร้านอาหารตามสั่งแบบใหญ่หน่อยแทน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะสั่งกันรู้เรื่องไหม นี่ถ้าร้านไหนเมนูมีภาพประกอบก็จะรองรับฝรั่งนักท่องเที่ยวได้อีกเยอะเลย
   จะค้าขายกับฝรั่งก็ต้องรู้จักปรับตัวครับ เขาเอาเงินมาให้เราถึงหน้าบ้าน แถมไม่ค่อยต่อราคาสักคำ บริการเขาดีๆ หน่อยครับ เขาจะได้ประทับใจ เชื่อได้เลยว่าอีกหลายคนต้องติดใจเมืองไทยเป็นแน่
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 12, 2009, 02:33:35 pm
12 สค 52
   วันนี้เป็นวันแม่ วันเกิดของพระราชินี เมื่อก่อนไม่ได้เรียกวันแม่ ยังไม่มีกระแสยกย่องความเป็นแม่ จนกระทั่งสมเด็จย่าป่วย นั่นแหละ ถึงได้มีกระแสฮิตความรักแม่เกิดขึ้นมา
   แม่ใครๆ ก็รักทั้งนั้น แต่แสดงออกไม่เหมือนกัน แล้วแต่ความใกล้ชิดสนิทสนม และการเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก
   ที่ต้องจำไว้เป็นปรกฎการณ์ก็คือ เย็นวันนี้ร้านอาหารทุกร้านจะแน่นขนัดไปหมด เขาพาแม่ไปทานข้าวกันครับ อดสงสัยไม่ได้ว่าลำพังวันอื่นเขาไม่ได้ทานข้าวกับแม่กันหรอกหรือ เอาล่ะมีบ้างบางคนที่อยู่ห่างจากแม่ แต่ก็มีอีกเยอะที่อยู่กับแม่ทุกวันอยู่แล้ว เอ้า ช่างมัน อย่าไปคิดอะไรมาก เรื่องของความรักก็ปล่อยให้มันเป็นไป มันเป็นเรื่องดีที่สร้างความผูกพันธ์ในครอบครัว ขอให้รักกันทุกคนและทุกวันก็แล้วกัน
   ตอนกลางวันรุ่นน้องที่เล่นจักรยานโทรมาคุย เขาเพิ่งกลับจากทริปลาว เล่าถึงความสาหัส ผมฟังแล้วรู้สึกว่าสภาพเส้นทางของมันน่าจะเหมาะกับเมาเทนไบค์เสียมากกว่าที่จะเป็นทัวริ่งไบค์ และถ้าเป็นไปได้ก็ขนของไปให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เส้นทางมีแต่ขรุขระกับขึ้นเขา ฮ่าๆ
   ฟังแล้วอยากลองโหดๆ เหมือนกัน ที่ผ่านมาผมได้แต่เจอแค่ทางไกล ทางชัน รุ้สึกว่าทางขรุขระนี้จะไม่ค่อยมีนักจักรยานท่านใดพิศมัยเอาเสียเลย ก็แหงล่ะ เส้นทางแบบนี้มันทรมานรถ ทรมานคน ยิ่งขนของเยอะก็จะยิ่งพังเร็ว กระเป๋าหรือ Pannier ห่วยๆ ก็จะมาออกอาการเอาตอนนี้แหละครับ เริ่มจากหูยึดขาดบ้าง ตะเข็บปริแตกบ้าง ซึ่งบ้างก็เกิดจากตัวคุณภาพของกระเป๋าเอง และอีกปัญหาก็คือผู้ใช้เองที่ใส่ของลงไปอย่างไม่ถูกวิธี
   ยกตัวอย่างนักถ่ายภาพที่พกขาตั้งกล้องไปด้วย เอาขาตั้งเสียบลงวางตั้งฉากกับพื้น เพราะหยิบเข้าหยิบออกได้ง่าย พอรถเจอหลุมบ่อหรือทางขรุขระมากเข้า ขาตั้งกล้องที่มีขาแหลมๆ ก็ค่อยๆ เจาะทะลุกระเป๋าตัวเองทีละน้อยๆ แล้วพอมันทะลุ มันขาด จะมาบอกคนอื่นว่าอย่างไรดี
   “ผมโง่เองครับ ที่ใส่ของไม่ถูกต้อง เอาของแหลมๆ มาวางแบบนี้”
   “กระเป๋ายี่ห้อนี้ห่วยมาก ใช้แป๊บเดียวทะลุแล้ว พื้นไม่แข็งแรงเลย”
   ปากคนน่ะครับ จะพูดอย่างไรก็พูดได้ กระเป๋ามันไม่มีปาก เลยพูดไม่ได้ หรืออีกตัวอย่างนักเดินทางแคมปิ้งขนของไปมากมาย มีน้ำปลาติดไปด้วย พอถึงจุดหมายจะหยิบของออกมาใช้งาน พบน้ำปลาหกกระจายเต็มเป้ กลิ่นกระจายไปอีกหลายวัน และน่าจะเป็นตลอดทริปเลยด้วยซ้ำไป โทษใครดีครับ
   “ผมผิดเองครับที่น้ำน้ำปลาไป”
   “ผมปิดฝาขวดไม่ดีเองครับ”
   “ขวดนี้แม่งฝาห่วยมาก ไม่น่าใช้เลย”
   ปากคนนี่จะพูดไปในทิศทางใดก็ได้น่ะครับ เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เราไม่รู้หรอกว่าเหตุมันเกิดจากอะไร แต่ที่แน่ๆ คือ น้ำปลา และขาตั้งกล้องมันเดินเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเองไม่ได้
   เปิดเวป thaimtb เจอกระทู้หนึ่งคุยเรื่องนอตขาจานหลุด ก็เรื่องธรรมดาแหละ แต่ไม่ธรรมดาสำหรับผมก็คือทุกคนในกระทู้ต่างโทษช่างประกอบรถว่าทำงานไม่ดี ชุ่ย ซึ่งผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ผมมองในมุมของนักปั่นจักรยานทัวริ่งที่เราจะต้องช่วยเหลือตัวเองอยู่ตลอดเวลา ผมเกิดคำถามในใจว่า “ทำไมไม่ดูแลรถให้ดีก่อนออกเดินทางล่ะครับ” เพราะขนาดนอตตัวนี้หลวมจนหลุดออกมาได้นี่มันไม่ง่ายเลย ช่างประกอบห่วยขนาดขันไม่แน่นก็เป็นไปได้ แต่หากมันหลวมมาก เราขี่รถอยู่ก็ต้องจับอาการรถได้อยู่แล้ว
   นอตมันไม่มีปากไงครับ มันเลยตะโกนบอกคนขี่ไม่ได้ว่า เฮ้ย หยุดๆ รีบมาขันข้าก่อนที่ข้าจะจากไป
   นักจักรยานทุกท่านควรต้องตรวจเช็คนอตทุกตัวก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะจุดที่มีการเคลื่อนไหวครับ วิธีตรวจเช็คก็คือใช้ประแจถูกเบอร์ขันนอตคลายออก แล้วค่อยขันเข้าไปใหม่ให้แน่น หากมีคู่มือระบุค่าความตึงของนอตได้จะเยี่ยมมากครับ
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 13, 2009, 06:11:11 pm
13 สค 52
   ระยะหลังมานี้ผมดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดีมาก ทั้งๆ ที่ปกติก็อยู่ในเกณฑ์ดีอยู่แล้ว มีเหตุผลครับ ผมมีงานใหญ่ๆ รออยู่ปลายปี
   การดูแลสุขภาพกายนั้นยังไม่พอ ต้องดูแลสุขภาพจิตใจ และสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่อีกด้วย ยากครับ แต่ก็ต้องทำ ทำเท่าที่เราทำได้นี่แหละ
   การขี่จักรยานแบบทัวริ่งช่วยผมอย่างมากในเรื่องของการทำสมาธิ ผมจึงชอบเดินทางมาก เพราะได้ฝึกทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน แถมยังมีโอกาสทำความดีได้มากกว่าขณะเราอยู่บนรถยนต์อีกด้วย เช่นคนจะข้ามถนน รถยนต์มักไม่ค่อยจอดให้อย่างเต็มใจหรอก ที่เห็นเบรกกันน่ะเป็นเพราะมันจะเฉียดชนคนอยู่แล้วมันเลยเบรก เราปั่นจักรยานมาก็ใช้วิธีลงเข็นข้ามถนนเลยครับ เอาจักรยานเรากันด้านข้างไว้ แค่นี้ก็สามารถพาคนข้ามถนนได้แล้ว อ้อ มีเทคนิคนิดหน่อย คือต้องใจแข็งเข็นเลื่อนหน้าทีละนิดๆ ครับ รถยนต์มันจะค่อยๆ หยุดกันให้เอง (เพราะมันไปไม่ได้แล้ว) ผมทำแบบนี้บ่อยตอนพาฝรั่งข้ามถนนแถวย่านปากคลองตลาด ฝรั่งเขาไม่รู้จังหวะของรถยนต์ที่ขับผ่านเหมือนคนไทยเราหรอกครับ
   ผมเรียกวิธีข้ามถนนแบบนี้ว่า “วิธีข้ามแบบอิตาลี” เพราะตอนผมไปอิตาลี รถราเยอะมากๆ ไม่แพ้บ้านเรา ยืนอยู่บนทางเท้าเราก็ไม่กล้าข้าม ขนาดยืนหน้าทางม้าลายแล้วนะ ยังไม่กล้าเดินลงไปเลย คือเราเป็นคนต่างถิ่น เราไม่รู้จังหวะและวัฒนธรรมของเขาไง แต่ถ้าเป็นที่สหรัฐอเมริกาล่ะก็ เอาแค่ยืนริมทางเท้านะ รถเขาก็หยุดให้คนข้ามกันทั้งสองฝั่งถนนเลย นี่ขนาดยังไม่ได้ก้าวลงไปเหยียบบนทางม้าลายเลยนะนี่ มารยาทสุดยอดจริงๆ
   กลับมาที่โรม อิตาลี ยืนอยู่นาน รถไม่ยอมหยุดครับ วิ่งกันฉิวๆ แต่พอเราก้าวเท้าลงแตะพื้นถนนเท่านั้นแหละ ทางม้าลายแปรสภาพเสมือนทางเท้าขึ้นมาทันทีทันใด ราวกับว่าพื้นมันยกสูงขึ้นมาคนละระดับกับถนนอย่างนั้นแหละ รถยนต์ต่างหยุดให้คนข้ามอย่างเป็นระเบียบ แต่พอคนเดินผ่านไป รถก็แล่นต่อไปอย่างเดิม
   ในไทยเราก็ต้องข้ามแบบอิตาลีนี่แหละครับ ก็เพราะยืนบนทางม้าลายแล้วรถก็ยังไม่หยุดให้เลย ขนาดลงไปยืนบนถนนแล้วนะ รถก็ยังแล่นต่อกันแถมยังมีเร่งส่ง กลัวเราจะมีช่องว่าง เดี๋ยวกลัวคนมันจะเดิน เราเร่งเครื่องให้ชิดคันหน้าหน่อยดีกว่า อะไรทำนองนี้
   ยังมีอีกกรณีคือทางม้าลายแล้วมีสัญญาณไฟ ตามปกติรถก็จะต้องหยุดให้คนข้ามทางม้าลายอยู่แล้ว แต่มีบางคนข้ามโดยไม่กดขอไฟไง ไฟมันก็ยังคงเขียวอยู่ ทีนี้แหละมึงเอ๋ย อย่าหวังว่ารถยนต์มันจะหยุดให้มึงเลยเพื่อน ไฟเขียวนี้คือไฟเทพเจ้า ต้องรีบเร่งส่งกัน
   ทุกอย่างมันแก้ไขได้ด้วยคำว่าวินัยครับ ใช้รถใช้ถนนก็ต้องมีวินัย มีระเบียบ อย่าคิดว่าเรื่องพวกนี้คือเรื่องเล็กน้อย เพราะมันสั่งสมมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว หากไม่แก้วันนี้ จะให้แก้กันวันใดหรือ
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 14, 2009, 03:44:39 pm
14 สค 52
   วันนี้ผมได้ข่าวว่าทางภาครัฐจะกระตุ้นเศรฐกิจด้วยการรวมกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนทำอะไรกันสักอย่าง จับใจความได้ว่าจะดูตัวอย่างของประเทศอังกฤษ ญีปุ่น เกาหลี
   ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ ครับ เพราะพื้นฐานของไทยเรานั้นต่างจากประเทศที่เอ่ยมาแล้วอย่างสิ้นเชิง ประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว เขาจะเริ่มด้วยการพัฒนาคนเป็นหลักครับ  และหากศึกษาประวัติศาสตร์ของเขา มักจะพบว่าเขาเผชิญความยากลำบากอย่างแสนสาหัสมาก่อนแทบทั้งสิ้น มาดูแต่ละประเทศกัน นี่ผมเล่าเฉพาะที่ผมรู้ๆ มานะ ไม่ได้เปิดหนังสือมาเล่า เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น จะยิ่งได้รายละเอียดเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะมากๆ
   เริ่มจากอังกฤษ ชาตินี้กว่าจะยิ่งใหญ่ก็ต้องรบรากันเองมาเป็นร้อยๆ ปี มีฝ่ายเหนือฝ่ายใต้รบกันไม่หยุดหย่อน ชาวบ้านไม่ต้องทำอะไรกันล่ะ วันๆ มีแต่สงคราม
   เกาหลี ก็ตีกันเองมาก่อน ฝ่ายเหนือฝ่ายใต้เช่นกัน ทุกวันนี้แม้จะเลิกรบกันแล้ว แต่ก็ยังแยกประเทศกันอยู่ บอกได้เลยครับว่าหากเขารวมกันได้เหมือนเยอรมันล่ะก็ จะเห็นความยิ่งใหญ่แบบอลังการได้เลย
   ส่วนญี่ปุ่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาสาหัสกว่าใครในโลก เขาโดนระเบิดปรมณูไป 2 ลูก คนตายเป็นแสน และโดนฝุ่นกำมันตรังสีแผ่ขยายไปเป็นบริเวณกว้าง เกิดการสะสมโรคต่างๆ หลังจากนั้นอีกเป็นสิบปี
   ต่างจากไทยเราอย่างสิ้นเชิงครับ ไทยเราไม่เคยลำบากอะไรสักอย่าง ประเทศที่เขาพัฒนาทางอุตสาหกรรมมักจะไม่มีทรัพย์ในดินสินในน้ำเหมือนไทยเราครับ ของเราในน้ำมีปลา ในนามีข้าว อันที่จริงพื้นฐานของไทยเราถือว่ามีทุนหนามากๆ แถมมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานมากกว่าพระองค์ใดในโลก น่าเสียดายที่เรามองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง แต่มองเห็นสิ่งไร้ค่ารอบกายว่าเป็นของดี ของเด่น แท้ที่จริงก็เพียงแค่ตนเองไม่รู้จักคิดวิเคราะห์ เรียกว่ามองไม่ออก กลายเป็นเทิดทูนคนมีเงิน เห็นฝรั่งนี้ขาสั่นเลย กลัวมัน เชื่อมัน มันพูดอะไรก็ต้องคอยฟัง คอยเคารพ สิ่งที่มันพูดจะต้องถูกไปหมด มันต้องเก่งกว่าเรา อะไรทำนองนี้
   ที่บอกมานี้ทั้งหมดคือจุดอ่อนของคนไทยเราครับ เช่นนี้ประไร เราจึงโดนเขาหลอกมาตลอด และหากยังไม่ปรับตัวก็จะโดนเขาหลอกต่อไปเรื่อยๆ และโดนไปอีกนาน หากโง่มากนักก็จะโดนหลายเด้ง
   อะไรบ้างหรือที่ฝรั่งเขาหลอกเรา เรื่องแรกผมยกให้เป็น Joke of the world เลยก็คือเรื่องปรากฎการณ์ Y2K ที่บอกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าทุกเครื่องไม่ได้ออกแบบมารองรับ คศ 2000 มันจะวิ่งได้ถึงแค่ 1999 พอขึ้น 2000 ปุ๊บ เครื่องจะเกิดโกลาหล ข้อมูลหายบ้าง บูทไม่ขึ้นบ้าง เอาเป็นว่าเกิดการเสียหายครั้งใหญ่ เอาล่ะสิ ทุกหน่วยงานล้วนแล้วแต่มีคอมพิวเตอร์ ต่างพากันเปลี่ยนชิ้นส่วนกันใหญ่ บางคนงบถึงก็เล่นเปลี่ยนเครื่องยกระบบกันเลยก็มี แล้วเป็นไงล่ะ เครื่องเก่าๆ ทุกวันนีก็ยังรันได้ตามปกติ ผมยังเห็นคนใช้ win 98 กันอยู่เลย จะมีปัญหาก็เพียงแต่ window ตัวใหม่มันกินพื้นที่มาก กินแรมมาก จนเครื่องรุ่นเก่าลง OS ไม่ได้แค่นั้นเอง
   ส่วน Joke of the Thai ผมยกให้เรื่อง IMF ครับ อันนี้โดนหลอกแบบเต็มใจให้หลอก เขาเอาเงินมาให้เรายืม เขากดราคาทรัพย์สินอสังหาในไทย ตึกของไฟแนนซ์ทั้ง 52 แห่งที่ปิดตัวไป ล้วนถูกขายทอดตลาดในราคาเพียงแค่ราว 20% ของมูลค่าจริง ขอโทษ คนไทยไม่ได้ซื้อ คนซื้อกลายเป็นคนสิงคโปร์ครับ บอกได้เลยว่าทุกวันนี้มีตึกใหญ่ๆ บนถนนสาทรถึง 9 แห่งที่มีเจ้าของเป็นคนสิงคโปร์
   IMF เอาเงินมาให้เรา แล้วก็บัญชาการใช้เงินของเราด้วย บอกเราว่าต้องทำอะไรบ้าง ต้องมีการลดค่าเงินบาทด้วยนะ (อันนี้ฉิบหายถาวรจนถึงวันนี้) ต้องมีการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ แล้วก็จัดระเบียบการใช้เงินมาแบบเบ็ดเสร็จ ให้เงินยังไม่พอ ยังครอบงำบงการอีกด้วย (แต่ถ้าให้มองแง่ดีก็คือเขากลัวเราใช้เงินไม่เป็นน่ะ)
   คุยเรื่องการพัฒนาบ้านเมืองแล้วเบื่อว่ะ ผมอยากบริหารประเทศนี้จริงๆ แต่คงยากน่ะ แนวทางของผมผู้คนคงจะไม่เห็นด้วยเป็นแน่ เพราะผมจะแจ้งเกิดประเทศไทยด้วยการเกษตรครับ ผมว่าเกษตรกรรมนี่แหละ คือธุรกิจที่ยั่งยืน คือความเป็นไทยโดยแท้ เรามีของดีอยู่ในมือ มีกษัตริย์ที่ทรงปราชเปรื่องทางด้านนี้อย่างมาก ทำไมคนไทยไม่สนใจของดีที่เรามีอยู่ในมือ
   ผมถามเองก็ได้คำตอบกลับมาจากอีกฟากหนึ่งของสมองครับ คือคนไทยเรายังคิดเองไม่เป็นไง เรายังงอมืองอเท้ารอคนมาช่วย ประกอบกับที่บอกไว้ข้างต้น คนไทยเรายังไม่เคยเจอวิกฤตหนักๆ เลย อย่างเก่งก็แค่รบกับพม่า เราชนะเขาบ้าง เขาชนะเราบ้าง ก็เหมือนเด็กชกกันน่ะ ผลคือเจ็บทั้งคู่ ไม่ได้น่าภูมิใจอะไรสักนิด เรายังไม่เคยเสียประเทศ ไม่เคยเสียเอกราช คิดแล้วก็น่าภูมิใจเหมือนกันนะ แต่มันต้องต่อยอดอะไรจากความภูมิใจนี้ด้วยสิ ไม่ได้คิดภูมิอกภูมิใจเฉยๆ มันไม่เกิดประโยชน์หรอก
   การเฉือนดินแดนสยามในอดีตให้แก่ฝรั่งเศษ ให้อังกฤษ ไปตั้งเยอะแยะ มันไม่ได้คืนกลับมาสักนิด อันนี้ไม่อยากเล่าให้อ่าน กลัวคนคิดว่าผมเนรคุณประเทศ เอาไว้เจอกันแล้วจะเล่าปากเปล่าให้ฟัง
   พอละ บ่นมากเบื่อเหมือนกัน บอกย้ำอีกครั้งครับว่า หากไทยจะพัฒนาแจ้งเกิดในโลกใบนี้ได้ จะต้องมาจากภาคเกษตรเท่านั้น
   วันนี้ฝนตกหนักแต่เช้า ราวตี 3-4 มั้ง เมื่อคืนก่อนก็ตก เวลาเดียวกันเป๊ะเลย ผมสบายเลยสิ ไม่ต้องมารดต้นไม้ เออ แต่แปลกดีนะ พอฝนตกๆ นี้มันคิดอยากปั่นจักรยานขึ้นมาเฉยเลย
   “ว้า วันนี้อยากปั่นจัง แต่ฝนตก ก็อดต่อไป” เปล่าหรอก ในใจน่ะขี้เกียจเหมือนเดิม หาข้ออ้างมาหลอกตัวเองต่างหาก ฮ่าๆ ๆ
   เออ ไข่ปลอมจากจีนมันเข้ามาถึงลาวแล้วนะ เมื่อเช้าดูข่าว ผมอดทึ่งกับความสามารถของเขาไม่ได้จริงๆ เอาแค่คิดก็ยากแล้วนะ คนคิดจะปลอมไข่น่ะ หรือว่ามันง่ายวะ ผมงง ยอมรับเลยว่าตามเขาไม่ทันจริงๆ
   จีนเขาทำของปลอมออกมาเยอะ ไอ้ไข่ไก่นีคือสุดยอดนวัตกรรมล่าสุดเลย
Title: Re: สค 52
Post by: mono on August 14, 2009, 09:28:48 pm
น่าเสียดายที่เรามองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง แต่มองเห็นสิ่งไร้ค่ารอบกาย  :)
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 16, 2009, 04:09:20 pm
15 สค 52
   รู้จักภาษาเส็งเคร็งกันไหมครับ บางคนเรียกภาษาอินเทอร์เนท เด็กไทยเราสร้างสรรค์ครับ คิดได้ ไอ้เรื่องปัญญาอ่อนอย่างนี่ดันเก่ง
   ปัยดีก่า ได้คัฟ หัวจัย มายหรอ มะบอก ม่ายอาว ฯลฯ ------- ไอ้ควาย
   อังกฤษก็พูดไม่ได้ แถมไทยยังไม่เป็นอีก
   ผมจะรู้สึกรำคาญและหงุดหงิดกับไอ้คนที่ใช้ภาษาแนวนี้มาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรตอบโต้เขาไปหรอกนะ ก็แค่ไม่อ่าน ไม่ตอบคำถาม ผมทำแค่นี้แหละ
   วันนี้นึกขึ้นได้ เลยขอต่อยอดของดีของไทยที่คนไทยเมิน วันนี้ O’Pern ขอนำเสนอ
   “หุ่นยนต์” ครับ
   หากถามผมเมื่อก่อน ผมยกให้ไทยเราเจ๋งเรื่องการเกษตร แต่ไม่กี่ปีมานี้ เรามีของเจ๋งๆ อีกอย่างที่เราพัฒนาขึ้นมาเองจากพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม นั่นคือการสร้างหุ่นยนต์ครับ
   แต่อย่างที่บอก คนไทยมักไม่ชอบของไทยครับ พอคนไทยเป็นแชมป์ ก็มีคนบอกว่า “เฮ้ย ฟลุ๊คเปล่าวะ” พอเป็นแชมป์ซ้ำอีกทีให้เห็นจะจะ แม่งบอก “โห โชคดีฉิบเป๋ง”
   คือใจมันไม่ยอมจะเปิดรับความสามารถของเด็กไทยกันเลยน่ะ หารู้ไม่ว่าไอ้เด็กไทยกลุ่มนี้แหละ ต่างชาติพากันจ้องจะคว้าตัวไปอยู่กับเขากันหมดแล้ว เริ่มจากญี่ปุ่น อันดับหนึ่งของการผลิตหุ่นยนต์ เขายังทึ่งกับความคิดเด็กไทยที่สามารถตีโจทย์ยากๆ ในการแข่งขัน กลับกลายเป็นว่าทำออกมาแบบง่ายๆ ก็ผ่านด่านได้สบายบรื่อ ญี่ปุ่นงงครับ เอ้ย ตัวเราประกอบรถยนต์ มีหุ่น Asimo วิ่งได้ เดินได้ เล่นดนตรีได้ แม่งใกล้จะคิดและพูดได้แล้วล่ะ แต่ทำไมเรามาแพ้ไอ้พวกเด็กไทยที่ประเทศมันไม่มีอะไรสักอย่างวะนี่
   ญี่ปุ่นสนใจในตัวเด็กไทยอย่างมาก ทางยุโรปเขาก็มาเมียงมองไว้เหมือนกันครับ ทางอเมริกาก็สนใจ ระยะหลังใน NASA มีคนเอเชียเข้าไปทำงานเยอะมากแล้ว พิสูจน์ได้ว่าหัวคนเอเชีย ไอ้หัวดำๆ นีแหละ ไม่ได้แพ้ฝรั่งเลยแม้แต่น้อย ออกจะเจ๋งกว่าด้วยซ้ำ
   ฝรั่งและทั่วโลกเขายอมรับความสามารถของคนไทยกันหมดแล้ว จะมีก็แค่คนไทยเราด้วยกันเองนี่แหละครับ ที่ยังดูถูกตัวเองกันอยู่ น่าอนาถใจเน๊อะ ประเทศเราพัฒนาช้าก็อย่าไปว่าอะไรใครเขาเลย ดูความคิดและการกระทำของเราเองก่อนดีกว่า
   อ่านแล้วดูเหมือนผมชอบต่อว่าคนไทยก็จริง แต่ผมแค่ติงให้เห็นข้อผิดพลาด ข้อบกพร่องของคนรุ่นเก่าครับ เราเป็นคนรุ่นใหม่แล้ว เราพัฒนาแล้ว เรามาปรับเปลี่ยนความคิดตอนนี้ยังทัน
   อย่างแรกเลยก็คือต้องพัฒนาคนครับ พัฒนากันทุกด้านนี่แหละ เริ่มจากเรื่องระเบียบวินัย เลี้ยงเด็กด้วยนมแม่มันทำให้เด็กฉลาดตั้งแต่แรกแล้วโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรมากเลย อยู่ในสังคมก็อย่าเอาเปรียบกัน รู้จักเรือ่งการต่อคิว รักษาความสะอาด ฯลฯ พื้นฐานง่ายๆ นี่แหละครับ ที่มันจะส่งผลให้ตัวเราเองมีระเบียบวินัยตอนเป็นผู้ใหญ่
   ตอนเรียนก็้ต้องมีครูที่ดี หมายถึงครูที่มีความสามารถที่จะดึงความเก่งของเด็กแต่ละคนออกมาได้ ตรงนี้ยากครับ แต่ครูเจ๋งๆ เขาทำกันได้ เด็กแต่ละคนมีความเก่งและถนัดไม่เหมือนกัน หากครูทำได้ จะเป็นสุดยอดครู และเด็กก็จะเป็นอัจฉริยะ
   น่าภูมิใจทั้งครูและลูกศิษย์ ตัวสถาบันเองก็พลอยได้ชื่อเสี่ยงโด่งดังไปด้วย
   ภาครัฐมีส่วนอย่างมากในการพัฒนาในสิ่งเหล่านี้ครับ ต้องมีการเขียนแผนแม่บทในการพัฒนาบุคลากรทุกระดับ เขียนออกมาแล้วก็นำมาใช้เลยครับ ไม่ต้องรอให้เฟอร์เฟคก่อนหรอก เพราะมันต้องปรับแผนไปเรื่อยๆ เอาแค่พอมีแนวทางก็ใช้ได้แล้ว
   ยากนะ แต่ทำได้ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำกันไปครับ เริ่มช้า ดีกว่ายังไม่เริ่มนะ
   ช่วงเย็นผมเตรียมจักรยานสองคัน เอาไว้ปั่นไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งวันพรุ่งนี้ ยังไม่รู้จะเอาคันไหนไปดีระหว่าง KHS HT หรือ KHS F20-W เลยสูบลมมันไว้ทั้งสองคัน ผมปั่นรถสองคันนี้บ่อยที่สุด เพราะมันเพียบพร้อมมากทีสุด ใส่ของได้เยอะ เก็บของได้เป็นระเบียบ ยิ่งไปตลาดน้ำด้วยแล้ว ผมชอบซื้อขนมมาฝากเด็กๆ โดยเฉพาะขนมพื้นบ้านท้องถิ่น อย่างมิวลูกผมนี่เขาชอบขนมจาก ไม่ชอบกินขนมกรุปกรอบถุงสำเร็จรูป ภรรยาผมไม่ชอบกินจุบจิบ ถ้าเลือกได้ก็ชอบขนมไทยๆ ผมเองกินเยอะกว่าใครเพื่อน ชอบลองไปหมด บางทีลองจนอ้วน สงสัยลองเยอะไปหน่อย
Title: Re: สค 52
Post by: O'Pern on August 16, 2009, 05:30:28 pm
16 สค 52
   ตื่นตี 5 ตื่นเอง ไม่รู้เป็นไร วันหยุดยิ่งจะตื่นเช้ากว่าวันธรรมดาเสียอีก อาบน้ำเตรียมตัวจัดของเสร็จก็ราว 0600 พอจะเดินไปเลือกจักรยานก็ตกใจ เพราะรถคัน KHS F20-W ยางหน้าแบนแบบลมหายเกลี้ยง ทั้งๆ ที่เมื่อวานเพิ่งจะเติมลมเข้าไปเองแท้ๆ
   เลยหยิบรถอีกคันที่เตรียมไว้ คือ KHS HT ไปแทน คันนี้มี Pannier ของ Ortlieb แขวนไว้ 4 ใบ แขวนไว้แบบนี้ตลอดเวลาเลย จะปลดออกก็ขี้เกียจ เลยไปมันทั้งกระเป๋าทั้ง 4 นี่แหละวะ ผู้คนคงจะมองและคิดสงสัย ไอ้หมอนี่มันจะไปไหนของมันกันนะ
   แปลกดีไหม เมื่อวานเย็นยังลังเล ไม่รู้จะเอารถคันไหนไปดี มาเช้าวันนี้รถพับยางแบน เหลือรถเพียงคันเดียวให้ขี่ ใจกลับดันอยากจะขี่รถพับไปเสียนี่ ไอ้เวร
   กลุ่มของพี่คากิเขาจะปั่นผ่านใต้สะพานแขวนราว 0930 ตัวผมเองตื่นแต่เช้า ชอบปั่นเช้าๆ เลยเปลี่ยนแผนครับ แทนที่จะรอใต้สะพานที่จุดนัดพบ ผมกลับปั่นไปจุดเริ่มต้นที่สนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวันโน่นเลย ออกจากบ้านพระราม 2 ก็ปั่นย้อนเส้นทางที่เขาจะมาตลาดน้ำกันนี่แหละ ไม่ได้จะดักเจอหรอกนะ เพราะผมออกเดินทางตั้งแต่ฟ้าเพิ่งจะสว่าง ชอบปั่นเช้าๆ แบบนี้แหละครับ อากาศดีหน่อย (หน่อยเดียวจริงๆ )
   พอออกปั่นมาได้สักพัก นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้วอร์ม ก็ช่างมันแหละ ออกมาแล้วนี่หว่า เลยปั่นช้าๆ ไม่เร่งช่วง 15 นาทีแรก หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มความเร็วทีละนิดๆ
   ผ่านสะพานกรุงเทพฯ เหลือบมองเห็นสะพานพระราม 3 ที่อยู่ติดๆ กัน สูงปรี๊ด ชันมากๆ ชนิดที่รถสิบล้อยังต้องขึ้นด้วยเกียร์ 1 นึกแล้วอยากลองพลังขาของเราดูบ้าง สะพานนี้เขาห้ามจักรยานขึ้นครับ ใช่แล้ว ผมจะไปลองสักวัน แต่ไม่ใช่วันนี้ เพราะนี่มันราว 0630 แล้ว ถือว่าสาย และรถอาจเริ่มเยอะ หากจะปั่นขึ้นจริง ผมน่าจะออกจากบ้านสัก 0530 กำลังดี กะไปให้ฟ้าสว่างด้านบนยอดสะพาน จะได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น
   ผมใช้สะพานกรุงเทพฯข้ามไปฝั่งพระนคร เห็นเจ้าหน้าที่ปิดถนน มีรถกำลังถ่ายทำโฆษณา ใช้รถ Isuzu ล่าสุดนี่แหละ สงสัยจะทำอะไรสักอย่างออกมาแข่งกับ Toyota Vigo Turbo ใหม่ที่เพิ่งลงโฆษณา
   เขาปิดถนนห้ามรถผ่าน ผมจึงยกจักรยานขึ้นบนทางเท้า และปั่นต่อไป วินาทีนั้นจักรยานของผมเป็นที่อิจฉาของเหล่ารถยนต์ และมอเตอร์ไซค์อย่างมากแน่ๆ
   ปั่นเรื่อยๆ ตามทางจนมาถึงจุดนัดพบ โอโห แค่ราว 0700 ผู้คนก็มาอย่างล้นหลามแล้ว นี่แหละครับ นิสัยชาวจักรยาน ส่วนใหญ่จะตื่นเช้า และชอบปั่นกันตอนเช้าๆ
   เช้านี้ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย และไม่ได้นำอะไรติดตัวมาทานระหว่างทางด้วย เวลาก็เหลือไม่มากนัก อีกสักพักเขาก็จะออกเดินทางกันแล้ว นี้เป็นครั้งแรกที่ผมออกปั่นทริปโดยไม่ทานอาหารเช้า
   ออกเดินทางตอน 0740 ครับ สตาร์ทกันจากในใจกลางเมือง ชาวจักรยานมากันเป็นร้อยคัน เจอไฟแดงแต่ละครั้ง ทำให้ขบวนของเรายืดออกไปเรื่อยๆ จนมารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่อีกทีก็โน่นเลย ใต้สะพานแขวนโน่นครับ
   ถึงตรงนี้ผมพบพี่ๆ อีกหลายท่านเลย เมื่อเช้าพบกันแค่ไม่กี่คน บางคนเห็นหน้าก็รู้จัก แต่ไม่รู้ชื่อเขา ได้แต่ยกมือสวัสดี อ้อ เจอท่านหนึ่งพิการทางหู คนนี้เจอครั้งแรกที่อุทยานแหงชาติสามหลั่นสระบุรี ผมกางเต้นท์ติดกับเขา เลือกทำเลตรงนี้แหละ คงจะไม่มีเสียงดังหนวกหู
   วันนี้พบกันอีกครั้ง ผมเดินเข้าไปสวัสดีเขา ผมใช้ภาษามือไม่เป็น เลยใช้ยกมือไหว้แทน เขาไหว้ตอบ และบอกกับเพื่อนเขาเป็นภาษามือว่า “นี่ไง คนนี้ไง เจอกันที่ทริปสระบุรี หลังมันเจ็บ ต้องให้กูนี่แหละที่ทายาให้มันเอง”
   ทริปวันเดียว ปั่นสั้นๆ มักจะมีคนมาร่วมแจมกันมาก นี้เป็นอีกวันหนึ่งที่มีมือใหม่มากันเยอะเลยทีเดียว มีนักจักรยานหลายท่านมาดักรอตามรายทาง แต่ที่เยอะสุดก็เห็นจะเป็นใต้สะพานแขวนี่แหละครับ เพราะจอดรถยนต์ได้สะดวกดีมากๆ
   ทริปสั้นและปั่นใกล้ ทำให้ผมไม่ต้องวางแผนการปั่น เรียกว่าอยู่ตรงไหนของขบวนก็ได้ สบายๆ แต่ไอ้การไม่วางแผนนี่แหละ ที่มันทำให้เสียแผนภายหลัง
   ออกปั่นตามกลุ่มเข้าเขตพระประแดง เข้าไปในชุมชนชาวบ้านที่เชื่อมต่อกันด้วยทางปูนแคบๆ จักยานต้องปั่นเรียงเดี่ยวกัน ผมปั่นตามหลังกลุ่มจักรยานโบราณที่มากัน 4 คัน สุดท้ายกลายเป็นว่ามาโผล่ออกตลาดน้ำบางน้ำผึ้งเลย แต่ส่วนคนอื่นอีกเป็นร้อยคันเขาไปแวะจุดอื่นก่อน อ้าว คลาดกันแล้วสินี่ จากกำหนดการที่จะต้องถึงตลาดน้ำตอนบ่าย นี่กลายเป็นผมมาถึงเอาตอน 1000 เอง
   จอดรถไว้หน้าบ้านของชาวบ้าน ล็อครถไว้ แต่ก็เดินเที่ยวเล่นอย่างไม่สบายใจเอาเสียเลย กลัวของหายครับ รีบเดิน รีบซื้อของและกลับมาที่รถ ไม่ได้นั่งกินแบบคนอื่นเขา นี่ถ้าจอดรถเรียบร้อยจะไม่พลาดก๋วยเตี๋ยวต้มยำแน่ๆ
   แม้ไม่ได้นั่งกิน แต่ก็ซื้อของมาเพียบ ข้าวมันส้มตำมาพร้อมกับผักพื้นบ้านหน้าตาแปลก ไม่เคยกิน เห็นผักนี่แหละ ถึงได้ซื้อส้มตำมา มีข้าวตังหน้าตั้ง ขนมไทยพื้นบ้านพวกถั่วกวน เผือกกวน ข้าวตู ขนมหม้อแกง ขนมตาล ขนมน้ำดอกไม้ ซื้อปลาแนมไส้กรอกมาฝากแม่ มีขนมไทยชิ้นเล็กๆ น้อยๆ มาฝากภรรยา ส่วนลูกผมเขาไม่ชอบทานขนม ไม่ชอบของหวานมากๆ แต่ชอบทานโรตีนมใส่ไข่
   เจอของกินแปลกอย่างหนึ่งคือ ข้าวแกงทอด เขาเอาข้าวราดแกงมาคลุกและปั่นเป็นก้อนกลม และนำไปชุปแป้งทอดจนข้างนอกเหลืองกรอบ ขายชิ้นละ 5 บาท มีสารพัดแกงเลย ผมเลือกซื้อมาสัก 4 ชิ้น อยากลองชิมดู
   รีบซื้อของรีบเดินกลับมาที่รถ นั่งคุยกับพี่ๆ กลุ่มจักรยานโบราณอยู่นาน จนกลุ่มของ TCC ตามมาถึง คนเริ่มแน่นกันมาก เรานั่งคุยกันที่ร้านกาแฟริมน้ำ แต่ผมไม่กินกาแฟ ใช้จิบน้ำเปล่าของตัวเองแทน
   จนถึง 1200 จึงแยกย้ายกันกลับ ผมเองก็ขอกลับด้วย เพราหิวมาก แม้มีของกินมากมาย แต่อยากนั่งกินแบบสบายๆ อารมณ์ กลุ่ม TCC เขาจะไปปั่นต่อในสวนนครเขื่อนขันธ์ ตอนแรกอยากไป แต่ตอนนี้อยากกลับบ้านไปนั่งกินเสียจริงๆ นี่ถ้าผมทานมื้อเช้ามาอะไรๆ คงจะดีกว่านี้แน่ๆ
   บทเรียนที่ 1 ของวันนี้คือ อย่าละเลยเรื่องอาหารเช้า
   บทเรียนที่ 2 ก็คือ อย่าปั่นแซงผู้นำทริป
   กลับมาถึงบ้านตอน 0100 อาบน้ำอย่างเร่งรีบ เพราะหิวจัด รีบเลือกดูอาหารอันไหนว่าเก็บไม่ได้ เก็บแล้วไม่อร่อย ต้องรีบกินโดยเร็ว เริ่มจากข้าวมันส้มตำ ทานแกล้มกับผักใบใหญ่ๆ ที่ไม่รู้ชื่อ อร่อยดีนะ ผักใบแข็งกรอบๆ แต่ไม่ฝาด กลื่นได้ลื่นคอ คราวหน้าไปอีกจะซื้อมาอีก
   ไหนๆ ลองหน่อยซิ ข้าวแกงทอด รสชาติจะเป็นอย่างไร
   อืมม ก็เหมือนกินข้าวแหละ แต่ไม่ดีตรงนำไปทอด เด็กๆ อาจชอบนะ แต่ไม่เหมาะกับผมเป็นแน่ อาหารแบบนี้ผมไม่ชอบ ถือว่าเป็นการปรุงซ้ำซาก อาหารแนว Fusion ยุคใหม่ๆ ที่เขาขายกันในร้านหรูๆ นี้ผมว่าไม่เข้าท่าเอาเสียเลยนะ เช่นพวก ส้มตำทอด อะไรทำนองนี้ คือนำอาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว นำมาผสม ประยุกต์ และมักจะตบท้ายด้วยการทอด
   หากอายุมากแล้ว ต้องห่างไกลของทอด เขาใช้น้ำมันอะไรก็ไม่รู้มาทอด ไม่ใช่น้ำมันมะกอกแบบที่บ้านผมเป็นแน่
   ไล่กินไปทีละอย่าง พุงเริ่มแน่นครับ พอละ อิ่มมากแล้วง่วงจริงๆ ปกติผมไม่นอนกลางวัน แต่วันนี้ขอนอนพักสายตาสักนิด หมดแรงจริงๆ เหนื่อยด้วย อิ่มอีกด้วย
   แต่รู้สึกร่างกายผิดปกติ ท้องอิ่มนะ แต่คอแห้ง เลยไปหยิบแตงโมออกมากินเล่น รู้สึกดีขึ้น อ้อ หรือว่าร่างกายเราขาดเกลือแร่นะนี่ แต่เอ๊ะ ไอ้ส้มตำที่เราเพิ่งกินเข้าไปน่ะ มันเกลือแร่เพียบเชียวนะ
   ไม่มีบทสรุป ผมยังคงกินแตงโมต่อไปเรื่อยๆ กินไปก็พิมพ์เล่าเรื่องไปด้วยนี่แหละ วันนี้ผมคงจะยังไม่ทำอะไรกับจักรยาน ผมเหนื่อย ไว้วันพรุ่งนี้บ่ายๆ เย็นๆ ค่อยมาว่ากันอีกที
   อีกสักพักแตงโมหมดกล่อง ผมนึกขึ้นได้ถึงสาเหตุที่คอแห้ง
   ส้มตำที่ซื้อมา หรือไม่ก็ไอ้ข้าวแกงทอด อาหาร Fusion ที่ไม่น่าคบหา ไม่ก็ข้าวตังหน้าตั้ง สงสัยบางอย่างจะใส่ผงชูรสแน่ๆ เลย
   ที่หนักกว่านั้น อาจถูกทั้งข้อ ก ข และ ค
Title: Re: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on August 17, 2009, 02:44:48 pm
17 สค 52
   ตรวจสอบยางจักรยานของรถพับ สงสัยว่าลมมันรั่วออกไปได้อย่างไร ลองสูบเข้าไปใหม่ก็พบคำตอบ มันรั่วออกทางวาล์วลมครับ
   วาล์วแบบของรถยนต์ จะมีลูกศรแบบทิศทางเดียวคอยกักลมเอาไว้ ผมกลัวเจ้าลูกศรตัวนี้มันจะหลวมหรือคลายตัวเสียจริง เมือก่อนผมมีตัวถอดลูกศรนี้ด้วย แต่ทุกวั้นนี้ไม่รู้มันไปอยู่ไหนแล้ว
   รู้ปัญหาก็โอเคแล้วล่ะ ทีแรกคิดไปว่ามันจะรั่วออกทางรูเก่าที่เคยปะเสียอีก ผมไม่เคยเล่นกับยางในแบบ High Pressuer เสียด้วย สูบไปตั้ง 100 psi ไม่รู้ว่ากาวของยางปะหรือแผลที่ปะไว้มันจะทนได้นานแค่ไหน อย่างไร
   กลับมาบ้านตอนบ่าย ถอดล้อออกมาดูวาล์วลม ทีแรกกะจะเอาไปร้านปะยางแถวบ้าน คือกลัวว่าหัวลูกศรมันจะหลวมไง หากไขแน่นคงจะหาย แต่พอถอดยางออกจากล้อมาก็พบปัญหาจริงๆ แล้วล่ะ
   คอของวาล์วลมมันเสื่อมครับ รอบๆ ฐานของแกนวาล์วลมมีรอยเปื่อยยุ่ย ลองออกแรงดึงหน่อยก็ฉีกขาดเลย อาการแบบนี้ผมเคยเจอมาแล้วในรถ Giant Revive ครับ สันนิษฐานว่าเกิดจากยางในเก่า ไม่ก็เก็บรักษารถไม่ดี หรือหากไม่โทษใคร จะโยนความผิดให้รถมัน ก็ต้องบอกว่ายางในหมดอายุ
   ยางมันไม่มีปาก มันไม่มาเถียงเราหรอก โทษมันได้เต็มที่ คนนี้ไม่เคยผิดเลย
   พอรู้อาการที่แท้จริงก็สบายใจครับ รู้สึกโชคดีมากๆ ที่ยางมันมาเสียก่อนผมนำไปออกทริป แม้ผมจะมียางในสำรองไปด้วย แต่ไม่มีใครชอบนั่งเปลี่ยนยางข้างถนนกันหรอกครับ
   ตอนเช้าผมเอารถพ่อไปเข้าศูนย์ ไม่ได้ตรวจเช็คอะไรหรอก ปัญหาติงต๊อง คือปิดฝาถังน้ำมันไม่ได้ เฮ้ย จริงๆ นะ ไม่ต้องมาขำผม พ่อกลับมาบ้านทำหน้าตาเหรอหรา เรียกผมมาจัดการ ผมเดินเข้าไปไข แต่มันไขไม่ได้ ลักษณะเหมือนกับเกลียวมันไม่เข้า คล้ายๆ กับปีนเกลียวนะ แต่ไม่ใช่ จนปัญญาเหมือนกัน ไม่อยากออกแรงงัด เพราะมันน่าจะผิดปกติในระบบกลไก แถมของแพงเสียด้วย ไม่อยากเสี่ยง
   พอรถไปถึงศูนย์ ช่างมารับรถตั้งแต่ผมยังจอดไม่เข้าที่ดี พอบอกอาการ และเปิดฝาให้เขาดู เขาร้องอ๋อ บอกว่าเด็กปั๊มเขาบิดปิดฝาแรงเกินไป แรงจนมันเกินล็อค ตัวล็อคมันเลยตกร่อง
   ปกติรถญี่ปุ่น รถกระบะทั่วๆ ไปจะใช้ฝาปิดถังแบบพอปิดสุดแล้วหมุนจะดังแกร๊กๆ ๆ ๆ แต่ไอ้รถคันนี้มันจะดังกรึ๊บเบาๆ แค่ทีเดียวแล้วก็จะหยุด ใช้มาตั้งหลายปีไม่เคยมีปัญหา มาเจอเจ้าเด็กปั๊มคนนี้มันคงบิดเสียเต็มแรง แล้วก็มาบอกพ่อผมว่าฝาปิดไม่ได้
   เจ้าหน้าที่จัดการเขี่ยตัวล็อคใช้เวลาสัก 2 วินาที ผมยังไม่ทันเห็นว่าเขาทำอย่างไรก็เสร็จแล้ว กลายเป็นว่าผมขับรถฝ่ารถติดมา 30 นาที แค่ให้ช่างจัดการแค่ 2 วินาที
   แม้รถพ่อคันนี้จะเป็นเกียร์อัตโนมัติ แต่ก็มีระบบหลอกเด็กแถมมาให้ด้วย นั่นคือมีการชิฟเกียร์ + หรือ – ให้โยกเล่น แต่พอใช้งานจริงนะ เราไม่ได้ใช้ไอ้ระบบพวกนี้กันหรอกครับ แค่เข้าเกียร์ไว้ที่ D แล้วก็ขับไปเรื่อยตามปกตินี่แหละ
   ที่ผมเรียกว่าระบบหลอกเด็กก็เพราะมันไม่มีประโยชน์ไงครับ มีไว้ให้เซลล์เอาไว้คุยหลอกเด็กซิ่ง เด็กเห่อ ทำยังกะว่าเป็นเกียร์ที่ชิฟได้แบบในรถ F1
   ระยะหลังๆ นี้รถใช้งานตลาดล่างก็มีเกียร์หลอกเด็กแบบนี้มาด้วยนะ ที่เคยเห็นก็ใน Honda Jazz จากเดิมที่มีแค่เฉพาะในรถยุโรปแพงๆ รถของฝรั่งน่ะมีแค่ 5 เกียร์ แต่ของโทษ ของ Jazz มี 7 ครับท่าน
   ไอ้เรื่องเกียร์เยอะนี้ก็เอามาคุยกันจังเลย ทำยังกะเกียร์เยอะแล้วมันจะดี โดยเฉพาะเกียร์แบบ CVT ที่อยู่ใน Honda City เกียร์แบบนี้เอาต้นแบบระบบเกียร์ของรถสกูตเตอร์โบราณมาประยุกต์ สกูตเตอร์เขาออกแบบมาให้บิดอย่างเดียว รถยนต์ก็เช่นกัน เข้าเกียร์ D แล้วก็กดกันอย่างเดียว อ๊ะๆ ยังไม่เท่ เดี๋ยวขายยาก ไปทำล็อคให้มันเป็นสเตปๆ ดีกว่า ล็อคมันไว้ซะ 7 ขั้น ก็จะออกมา 7 เกียร์ เอาไว้คุยได้ โม้ได้ เซลล์มีของไปขายแล้วโว๊ย
   แหม อยากได้เกียร์เยอะก็ไม่บอก ทำไมพี่ไม่ล็อคไว้สัก 14 สเตปเลยล่ะครับ จะได้ไปคุยว่ารถพี่มี 14 เกียร์
   อ้อ จะเอามากว่านี้ก็ได้นะ เล่นมันสัก 20 30 เกียร์ไปเลย แต่รถท่านจะวิ่งกระตุกๆ ๆ ๆ ไปตลอดทางตามจำนวนระดับเกียร์ ตามจังหวะมือที่ชิฟ
   ก็โง่ไปล็อคมันไว้ทำไมล่ะครับ เกียร์ CVT ออกแบบมาให้มันลื่นไหลเปลี่ยนอัตราทดได้โดยไร้แรงกระตุกอยู่แล้ว ไปลองบิดสกูตเตอร์เก่าๆ ดูก็จะรู้ นั่นแหละเขาใช้ CVT
   นานๆ ได้ขับรถพ่อสักที ขอซิ่งหน่อยครับ รถคันนี้แรงดี ผมชอบมาก ผมไม่ได้ขับซิ่งแบบเด็กวัยรุ่นมุดไปมาปาดซ้ายขวาล่ะ ซิ่งของผมก็คือขับเข้าโค้งแรงๆ ทางตรงน่ะไม่ค่อยขับเร็วนักหรอก แต่ถ้าข้างหน้าเป็นโค้งล่ะก็ มักจะส่งอัดเข้าไปแรงๆ ผมชอบ สงสัยจะซาดิสม์
   หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา การเข้าโค้งก็จะทำการลดเกียร์ลง และปรับวัดรอบให้สัมพันธ์กันกับรอบแรงม้าสูงสุดของเกียร์ที่เราใช้ วิธีแบบนี้ภาษารถยนต์เขาเรียก Rev Match Down Shift แต่ถ้าทำตอนอยู่ในสนามแข่งรถที่ทุกอย่างแข่งกับเวลา ก็มักจะใช้ปลายเท้าขวาเหยียบเบรก และส้นเท้าขวากดคันเร่งเลี้ยงรอบเครื่องไว้ ส่วนเท้าซ้ายนั้นใช้เหยียบคลัตช์เพื่อเปลี่ยนเกียร์ เทคนิคนี้จะง่ายมากหากคุณมี 3 ขาครับ
   แต่กับรถพ่อคันนี้เป็นรถเกียร์ออโต วิธีขับก็ต้องต่างกัน มันง่ายกว่าเพราะมีแป้นเหยียบแค่ 2 อัน เรามี 2 ขา เย้ๆ เท่ากันพอดีเลย ใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรก เท้าขวาเหยียบคันเร่งซะ ส่วนมือซ้ายก็ชิฟเกียร์ลง บ๊ะ ง่ายฉิบเป๋ง
   วิธีทำภาคทฤษฎีน่ะง่ายครับ แต่ถ้าขับให้มันเร็วแล้วจะรู้ว่ามันไม่ง่ายเท่าไหร่เลย เราต้องรู้ตอบเครื่องยนต์ ต้องรู้รอบแรงบิดสูงสุด รอบแรงม้าสูงสุด ฯลฯ
   ทำให้ถูกที่ถูกเวลาก็จะเร็ว แต่ถ้าทำผิดจังหวะ ผิดที่ ผิดเวลา ผลคือช้า รถพัง เกียร์เสียหาย สึกหรอ แถมถ้ามืออ่อนอีกด้วยก็จะนำพาไปสู่อุบัติเหตุได้ง่าย
   จักรยานก็เช่นกันนะครับ ผมปั่นจักรยานแล้วเข้าโค้งหรือเบรกนี่ยังต้องเลี้ยงรอบไว้เลย เพราะตอนเราต้องการเร่งส่งต่อ เราออกแรงกดบันไดแล้วรถมันจะพุ่งออกไปได้เร็วกว่า
ตอนจะลดเกียร์ลงเพื่อเข้าโค้งผมก็จะปรับรอบให้มันพอดีกับเกียร์นั้นๆ แต่ก็ทำได้ยังไม่ถูกต้องเสียทีเดียวนักหรอกนะ ยังคงต้องฝึกต่อไป แถมยังไม่รู้อีกด้วยว่าไอ้เทคนิคแบบนี้มันจะเหมาะกับจักรยานหรือไม่ เอาเป็นว่าหากทำแล้วมันเร็วก็โอเคแล้วล่ะ
                วิธีของผมอาจจะยังไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นะครับ แค่เล่าให้อ่านกันเฉยๆ ผมลองเอง ฝึกเอง แบบเดียวกับที่เล่นรถยนต์นี่แหละ ได้เทคนิค วิธีการ และลูกเล่นต่างๆ มาอีกเยอะ
                ดริฟท์ที่ผมขับก็มาจากแบบนี่แหละครับ เล่นก่อน และเลิกแล้ว ฮ่าๆ
Title: Re: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on August 18, 2009, 07:01:33 pm
18 สค 52
   ตื่นเช้ามากะจะเปลี่ยนยางรถ แต่นึกขึ้นได้ว่าเอ๊ะ หากยางหน้ามันเปื่อยหมดอายุ ยางหลังมันก็น่าจะมีอายุใกล้เคียงกันนะ แต่แล้วก็ยังไม่ได้รื้อถอดล้อหลังออกมาดู มันมีโซ่คล้องอยู่ ถอดทีไรมือมักจะเลอะ แม้จะระวังแล้วก็ตาม ต้องมีน้ำมันโซ่ติดมือมาบ้างนิดหน่อย
   ยางในสำหรับรถผมคันนี้คือขนาด 20X1.50 ครับ หายาก ในท้องตลาดทั่วไปมักจะมีแต่สำหรับขนาด 1.75 ซึ่งมันก็พอจะนำมาใช้ทดแทนกันได้ แต่จะต้องเป็นยางในใหม่เท่านั้น เพราะมันยังไม่เคยยืดสูงสุดมาก่อน
   วันนี้ช่วงบ่ายมีงานเปิดตัวรถยนต์ Audi Q5 แม้ผมจะหยุดผลิตนิตยสาร Racing Club มานานแล้ว แต่ก็ยังมีพรรคพวกพี่น้องส่งข่าว จะว่าไปก็ตัดกันไม่ขาดหรอกนะ สายเลือดผมมันเกิดมากับรถยนต์
   ตอนเด็กเล็กๆ ยังไม่เข้าเรียนอนุบาล แค่พอพูดได้ แม่บอกว่าผมสามารถบอกยี่ห้อและรุ่นของรถทุกคันที่พบเห็นบนท้องถนนได้
   อืม น่าทึ่งนะ รถสมัยก่อนยีห้อมันเยอะกว่ารถทุกวันนี้เป็นเท่าตัวครับ ยกตัวอย่างยี่ห้อที่ยากๆ ก็แล้วกัน เช่น Studebaker Hillman Singer Simca ยุคนั้น Nissan ยังเป็น Datsun และ Toyota ยังเป็น Toyopet อยู่เลย
   แต่ที่บ้านไม่ได้สนับสนุนเรื่องรถยนต์เลยแม้แต่น้อย ฐานะของเรายังไม่ดีถึงปานนั้น แต่ผมก็ดิ้นรนของผมเอง หมดกับเรื่องรถยนต์ไปเยอะครับ การที่นักขับรถธรรมดาๆ คนหนึ่งจะเล่นรถจนมีสปอนเซอร์มาสนับสนุน มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เลิกขับทั้งๆ ที่โอกาสข้างหน้าแสนจะสดใส บอกตามตรงครับว่าเสียดายมากๆ

ผมมาเลิกก็ตอนมีลูกนี่แหละ ซึ้งใจเลย เหลือเงินเก็บเยอะมากจนน่าใจหาย จนเอาไปผ่อนคอนโดได้มาห้องหนึ่งเชียวล่ะ
   ลูกเพื่อนๆ ผมที่เราเล่นรถยนต์กันมาต่างชอบรถยนต์กันหมดครับ ส่วนลูกผมชอบเรื่องเครื่องบิน ชอบดำน้ำ ผมล่ะดีใจเป็นที่สุดที่เขาไม่ชอบรถยนต์ เพื่อนพากันแปลกใจในจุดนี้ เพราะเขาคิดว่าผมน่าจะส่งเสริมให้ลูกเล่นรถด้วย
   เพิ่งรู้ว่ามันเป็นกีฬาคนรวยครับ ใช้เงินเยอะมากๆ ตัวผมเองน่ะไม่เท่าไหร่ เพราะเน้นพัฒนาด้านทักษะการขับมากกว่าจะทุ่มไปกับการตกแต่งโมดิฟาย ผมต่างจากคนอื่นๆ ก็ตรงจุดนี้แหละ ทุกวันนี้ขี่จักรยานก็ยังไม่ได้ตกแต่งอะไรเหมือนกัน มาแนวเดียวกันกับรถยนต์เลยล่ะ
   แต่ก็ไม่ได้ดันทุรังจะใช้แต่ของเดิมๆ ของจากโรงงานกันท่าเดียว เพราะตอนเราปั่นจักรยานมากขึ้น เราก็จะรู้ความต้องการของตัวเราเองมากขึ้นตามไปด้วย ถึงตอนนี้แหละ ที่บางคนขยันแต่งกัน ภาษาจักรยานเขาเรียก “อัป” มาจากคำว่า “อัปเกรด” แต่ภาษารถยนต์เขาจะเรียกว่า “โม” มากจากคำว่า “โมดิฟาย”
   จะอัปหรือจะโมก็สุดแท้แต่ สุดท้ายก็ต้องมาพัฒนาตัวเราเองด้วยครับ หากเล่นรถยนต์ก็ทุ่มไปที่รถเยอะหน่อยได้ เพราะรถมันช่วยให้เราขับดีขึ้นได้ แต่สำหรับจักรยานแล้ว มันไปด้วยแรงขาของเราล้วนๆ รถดีแต่คนขี่ไม่มีแรง มันจะไปได้ไกลสักแค่ไหนกัน
Title: Re: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on August 20, 2009, 02:04:54 pm
19 สค 52
   พี่ที่ศรีราชาโทรมาบอกว่าอยากได้ Pannier ของ Deuter นานแล้ว ผมเองที่ล่าช้า เพราะไม่เคยขายของออนไลน์ และไม่เคยจัดส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์ ไม่รู้เรื่องค่าส่งหรืออะไรเลยแม้แต่น้อย
   แต่วันนี้จัดส่งสินค้าให้พี่เขาเรียบร้อยแล้ว เรียกว่าทำเป็นแล้ว แต่ส่ง EMS นี่แพงไม่ใช่เล่นเลยนะนี่
   กลางวันเจ้าหน้าที่จากทาง TCC โทรมาถามว่าผมจะไปทริปวังน้ำเขียวด้วยไหม พร้อมทั้งบอกถึงเรื่องค่าใช้จ่าย ผมเองไปลงชื่อจองไว้ตั้งหลายเดือนก่อนครับ แต่ไม่ค่อยได้เข้าไปอ่านความคืบหน้าเลย เห็นว่าไปตอนปลายปีไง อีกนาน เลยไม่ได้ตามข่าว กลายเป็นว่าเขาจะทำเรื่องจองที่พักกันแล้ว แถมมีการนอนเต้นท์ด้วย แน่นอน ไม่พลาดสิ ผมชอบเต้นท์มากกว่าบ้านพักเยอะ
   เมื่อวานผมไปโพสต้องการซื้อยางในขนาด 20X1.50 ไว้ วันนี้มาเปิดเวป เลยเจอ pm – personal message (ข้อความส่วนตัวที่ใช้ส่งคุยกันในเวป) จาก M Bicycle ใจจริงอยากได้ยางนอกแบบขอบพับไว้สำรองด้วยนะ แต่ไม่เคยเห็นยางขอบพับของล้อ 20 ท่าทางจะพับแล้วเล็กน่ารักดี
   เช็ค pm อีกทีเจอคุณวิมหารือเรื่องรถพับ ดูเขาร้อนรน ผมเลยโทรไปคุย จะได้ตอบคำถามอย่างรวดเร็ว คุณวิมเขาใช้นิคเนมในเวปว่า T-5R เอ๊ะ มันรหัสรถ Volvo Turbo นี่หว่า และแล้วก็ไม่ผิดตัว เป็นเด็กรุ่นน้องที่เคยแข่งรถยนต์ด้วยกัน มาวันนี้เขาหันมาปั่นจักรยานแล้ว
   คุยไปคุยมา ตอนแรกบอกอยากได้รถพับ แต่ตบท้ายกลายเป็นว่าชอบรถ mini เลยดันไปทาง Mini Java ซะ
   บ่ายผมโทรไปชวนดนัย กับอากิ คู่ซี้เสือหมอบ ชวนเขาไปทริปวังน้ำเขียวด้วยกัน เขาจะนอนบ้านหรืออย่างไรก็แล้วแต่สะดวก แต่ผมจะนอนเต้นท์ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะว่างไปกันไหม อย่างไรก็ตาม ผมลุยเดี่ยวจนเป็นนิสัยเสียแล้ว แต่ก็ยอมรับนะครับว่าการมีเพื่อนสนิทไปด้วย มันช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น
   เจ้าอากิช่วงนี้กำลังนำเข้านักร้องจากญี่ปุ่นเข้ามาไทย ผมจำชื่อวงไม่ได้ แต่รู้ว่าไอ้วงนี้มันญี่ปุ่นแบบโครตๆ อยู่ค่ายเดียวกับวง X Japan การันตีความบ้าได้เลย เขากำลังหาสปอนเซอร์สนับสนุน ผมเลยจัดการให้ไปคุยกับรุ่นน้องที่บริษัทเบียร์สิงห์ซะ น่าจะออกมาแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
   แล้ววันนี้ก็มีข่าวร้ายจนได้ รถแข่งดริฟท์ของผมมีอาการรวนๆ สตาร์ทยาก เช็คระบบไฟ ระบบน้ำมันก็โอเคดี รื้อลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายเจอที่เสื้อสูบทรุด อาการแบบนี้แก้ยาก ยกออกมาปาดก็ต้องทำการปรับแต่งระดับของลูกสูบด้วย วุ่นว่าย แถมทำแล้วไม่รู้จะพังอีกไหม แก้ตรงจุด แก้ง่ายก็คือเปลี่ยนเครื่องใหม่ครับ
   เซ็งสิครับ เพราะรถก็ไม่ได้ใช้งานอะไรอยู่แล้ว ยังมาพังอีก แถมพังที่เครื่องอีกด้วย
Title: Re: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on August 21, 2009, 02:52:59 pm
20 สค 52
   เช้าเอาจักรยานออกปั่นเล่นแถวบ้าน ไม่ได้ปั่นจริงจัง ใช้ความเร็วยังไม่ถึง 20 เลย  ใส่ชุดนอนนี่แหละออกปั่น เอาสะดวกเรา
   วันนี้รถผมแอร์เสียครับ ตู้แอร์รั่ว ขับรถกลับบ้านแบบร้อนๆ แต่ก็ร้อนแค่ภายนอก ภายในจิตใจผมไม่ได้ร้อนรนตามไปด้วยเลยสักนิด เปิดกระจกขับอย่างสบายอารมณ์ ยังไงๆ มันก็เย็นกว่าตอนปั่นจักรยานกลางแดดเยอะมากๆ
   จักรยานทัวริ่งสอนผมในเรื่องการทำสมาธิได้อย่างดีมากๆ ครับ ยิ่งตอนออกทริปคนเดียวนี่ยิ่งสนุก ได้ฝึกจิตใจเต็มที่ ไม่มีเพื่อนคุยให้เสียสมาธิ ทุกนาทีที่ปั่นก็หายใจเข้าออกเป็นจังหวะ แทบไม่น่าเชื่อว่าแดดร้อนเพียงใด ใจเราก็ยังนิ่ง เราแยกร่างกายกับจิตใจออกจากกัน
   ผมนำเรื่องสมาธิมาประยุกต์กับการใช้ชีวิตประจำวันด้วย เรื่องธรรมะก็นำมาด้วย รู้สึกชัดว่าระยะหลังสิบกว่าปีมานี้ผมใจเย็นขึ้นเยอะมากๆ ไม่โกรธง่าย ไม่ใจร้อน เอ๊ะ หรือว่ามันเป็นไปเองตามอายุเราที่เพิ่มมากขึ้นก็ไม่รู้นะ
   ผมฝึกสมาธิด้วยตัวเองครั้งแรกก็ตอนเรียน รด (รักษาดินแดน) ครับ ครูฝึกสั่งให้นอนราบบนพื้นลาดยางตอนบ่าย 2 อากาศร้อน พื้นก็ร้อน แต่ผมนอนได้อย่างสบายใจ ผมทำสมาธิไปด้วย กำหนดจิตใจคิดว่าเรากำลังนอนบนแผ่นน้ำแข็งที่แสนจะหนาวเย็นยะเยือก รายรอบตัวเต็มไปด้วยน้ำแข็ง มีหิมะโปรยปราย คิดวาดภาพไปต่างๆ นานา จนสักพักครูฝึกสั่งให้ลุกขึ้น ผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับคนอื่น แต่ผิดกันที่ใบหน้าของผมมีแต่รอยยิ้ม ส่วนของคนอื่นนั้นดูเคร่งเครียด
   ตอนนั้นผมอายุ 18 ปีครับ และเมื่อครั้งใดที่โดนบังคับหรือจำเป็นต้องทำในสิ่งใดที่ใจเราไม่อยากทำ ผมก็มักจะฝึกจิตด้วยวิธีทำนองนี้แหละ
   รถติดบนท้องถนนอย่างหนัก ทุกคนมีแต่ความหงุดหงิดรำคาญ ส่วนผมก็จะคิดไปในอีกแง่ นี่ไง เห็นไหม เขาถึงมีจักรยานมาให้ใช้งานก็เพราะรถมันติดแบบนี้ไง มองข้างทางเห็นคนเดินยังอิจฉาเขาเลยครับ เคยติดหนักๆ บนสะพานสาทร เอาเฉพาะช่วงที่อยู่บนสะพานนะ ประมาณ 2.30 ชม ไม่เคยสาหัสเท่านี้มาก่อนเลย
   โชคดีที่บ้านผมอยู่ชานเมือง นี่ถ้าอยู่ใจกลางเมืองคงได้ใช้งานจักรยานอย่างถาวรแน่ๆ
Title: Re: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on August 23, 2009, 03:16:33 pm
21 สค 52
   วันนี้ลูกผมปิดเทอม ผมเอาจักรยานออกปั่น ลูกขอตามออกมาด้วย ใจอยากจะพามา แต่กลัวเขาล้มหรือเกิดอุบัติเหตุตอนโดนหมาไล่กวด เซ็งนะนี่
   แถวบ้านผมหมาเยอะครับ เห่าไล่จนชินแล้ว ปรับตัวเข้ากันได้แล้ว บางตัวเห่าเฉยๆ แต่ส่วนมากมักจะมีวิ่งไล่กวด เขาไม่กัดหรอก แค่วิ่งไล่พอขำขำ แต่คนไม่คุ้น เขาไม่ขำด้วย
    ตามธรรมชาติของหมาเขาจะหวงถิ่นครับ มีการฉี่แสดงอาณาเขตของตนเอง จะว่าไปก็เหมือนนักเรียนช่างกล มีการหวงถิ่นละแวกใกล้สถาบันของตัวเอง หมาเขาใช้ฉี่แสดงอาณาเขต แต่เด็กพวกนี้เขาจะใช้พ่นสีแสดงอาณาเขต สมัยก่อนจะพ่นเป็นคำพูด ทำนองว่า ไอ้นี่เป็นพ่อไอ้นั้น หรือไม่ก็ตัวเองคือเจ้าพ่อทุกสถานบัน หลังๆ มีเจ้าพ่อขาสั้น ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าเขาเป็นเจ้าพ่อที่มีขาทั้งสองข้างสั้นหรืออย่างไร เออ แล้วมันเท่ตรงไหนว่าที่มาอวดว่าตัวเองขาสั้น เฮ้ออ…
   ยุคหลังไม่ค่อยพ่นเป็นคำพูดแล้ว พัฒนาแล้ว แม่งเล่นทำบล็อคกระดาษพ่นกันเลยครับ ใช่พ่นเป็นโลโก้โรงเรียนบ้าง มีการอวดวันสถาปนาอะไรสักอย่างที่พวกมันเข้าใจกันเองบ้าง ใจมันคงคิดว่ากูเท่ฉิบหาย กูเจ๋งไหม แต่ถ้าให้คนก่อตั้งสถานบันของมันมาดูคงจะละเหี่ยใจ
   นักจักรยานปั่นผ่านหมาก็จะวิ่งไล่กวด นักเรียนต่างสถาบันเดินผ่าน นักเรียนช่างก็วิ่งไล่กวด
   แต่หมามันเจ๋งกว่าคนตรงนี้ครับ คือหมาอยู่ตัวเดียวก็วิ่งไล่ตัวเดียว อยู่เป็นกลุ่มก็วิ่งไล่เป็นกลุ่ม สำหรับคนแล้วหากมันอยู่คนเดียวมันจะไม่กล้าวิ่งไล่กวดเลยแม้แต่น้อย นั่งก้มหน้าก้มตำ ไม่สบตา ไม่รับรู้ใดๆ อะไรเลย มันดูหงอ ดูไม่มีราศี มันต่างจากตอนมั้นรวมกลุ่มกันอยู่อย่างมาก
   หากอยากเรียนรู้ความเป็นแมน แนะนำให้ไปถามหมาครับว่าเขาทำกันอย่างไร
   มนุษย์เราต่างจากสัตว์ครับ เราต้องเรียนรู้วิธีที่จะอยู่ร่วมกับหมาอย่างมีความสุข แบบนี้ถึงจะออกมาแบบ win win ในเมื่อเรารู้ธรรมชาติของเขาแล้วว่าเขาหวงถิ่น เราก้าวล่วงไปก็ต้องทำใจครับ ทางเดียวที่แนะนำก็คือให้ปั่นช้าลง อันนี้หากเป็นพวกนักแข่งซ้อมปั่นคงจะทำยาก หากจะอัดหนีไปก็ทำได้ แต่ระวังอันตรายด้วยก็แล้วกัน เพราะหมาจะไล่กวดอยู่นานจนจะพ้นเขตของเขา สำหรับคนทั่วไปแล้ว หากทำได้ ลองลดความเร็วลงดูครับ ลดลงเหลือต่ำกว่า 15 ได้ก็ดีครับ หมาจะไล่กวดท่านน้อยลง
   นักปั่นแต่ละคนล้วนมีเทคนิคในการทำให้หมาไล่กวดตัวเองน้อยลง บ้างบอกเอาน้ำในกระติกฉีด บ้างตะโกนไล่ อะไรทำนองนี้ ตามสะดวกครับ เอาให้ตัวเองปลอดภัยเป็นใช้ได้
   บางท่านชอบแนวโหด มีการพกไม้ไว้ป้องกันตัวด้วย ทางใครก็ทางมันครับ แต่ถ้าจะใช้ขณะปั่นก็ต้องมั่นใจในฝีมือทักษะการควบคุมรถด้วย มิฉะนั้นจะออกมาเป็นให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
   เย็นผมถอดยางในล้อหลังของรถพับ KHS F20-W ออกมาตรวจสภาพ อยากดูว่ามันมีรอยเปื่อยหรือฉีกขาดตรงไหนหรือไม่ อย่างไร เพราะยางในล้อหน้ามีรอยฉีกขาดที่โคนของวาล์วลม
   ดูสภาพแล้วยางในล้อหลังยังสภาพดีครับ ยางไม่เสื่อม ความเหนียวยังโอเคดี ผิวของยางก็ยังสวยดูใหม่ จะว่าไปยางหน้าก็เนื้อยางยังดีนะ แต่ไอ้รอยฉีกขาดนีสิมันเหมือนกับโดนขอบล้อครูด แต่ล้อของ Power Tools เขาก็มี Rim Tape อย่างดีพันมาให้เรียบร้อยเลยนะ
   จัดการเอายางในสำรองใส่เข้าไป ที่ผมไปโพสหาซื้อน่ะ ตกลงยังไม่ได้ซื้อหรอก เอายางในสำรองอันนี้ใส่ไปก่อนดีกว่า เพราะซื้อมาสัก 6 เดือนแล้ว วัสดุพวกยางนี้เก่าเก็บไม่ดีครับ เดี๋ยวมันเสื่อมหมดสภาพตอนเราต้องการใช้งานจริงจังแล้วจะวุ่น เอาไว้จะออกทริปใหญ่ค่อยสั่งซื้อจะดีกว่า
   ผมถอดแกนดุมปลดออกมาสลับข้างกันด้วย เพราะหากเป็นดุมปลดในรถ MTB เรามักจะให้ตัวโยกมันอยู่ด้านซ้าย เพราะเรามักจะยืนทางด้านซ้ายของรถกัน แต่กับรถพับแล้วมันอาจไม่เหมาะครับ เพราะตอนพับตัวมือโยกมันจะมาชนกันเองกับมือโยกที่ดุมล้อหลัง สำหรับรถ Dahon จะตัดปัญหานี้ไป เพราะเขามีแม่เหล็กยึดติดกัน ผมว่าเวิร์คดีเหมือนกันนะ แต่ต้องกวดขันนอทให้แน่น ไม่งั้นหล่นหายกันหมด หายกันหลายคนแล้วด้วย หากจะให้ชัวร์ผมแนะนำให้อัดกาวตราช้างเข้าไปเลย
   ตกเย็นดูทีวี พบข่าวใหม่ จีนแม่งเจ๋งอีกแล้ว อาทิตย์ก่อนพบไข่ปลอม วันนี้ขอนำเสนอ “สาหร่ายปลอม” เป็นสาหร่ายทะเลที่เขาใช้ทำอาหารนะครับ พวกทำน้ำแกงนี่แหละ มองก็มองไม่เห็น ต้องแช่น้ำแล้วใช้มือลูบๆ ดู แต่ถ้าไม่สังเกตก็ไม่รู้หรอกนะ เฮ้ออ น่าอนาถกับประเทศจีนนี้จริงๆ เลย
   อ้อ สาหร่ายปลอมนี่มาจากย่านเยาวราชเรานี่เองครับ
Title: Re: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on August 23, 2009, 04:54:45 pm
22 สค 52
   เอารถพับออกปั่นแต่เช้าเลย บ้าเห่อยางในใหม่ ดูซิ นี่ขนาดแค่ยางในนะนี่ ยังเห่อขนาดนี้ ไอ้รถพับคันนี้มันนั่งปั่นสบายจริงๆ ผมชักชอบเบาะแบบหนานุ่มนี่แล้วสิ จำได้ว่าแรกๆ ใหม่ๆ ผมไม่คุ้นอย่างแรง ถึงขั้นอยากถอดทิ้ง แต่วันนี้มันกลับกัน ชอบแบบหนานุ่ม และเริ่มจะเกลียดเบาะแบบบางกรอบแล้ว
   เช้าวันหยุดผมปั่นไปตลาดนัดยามเช้าแถวบ้านครับ อยู่ใกล้หมู่บ้านสินทวี ห่างจากบ้านผมไม่กี่โล ขี่สัก 10 นาที ของกินในตลาดมีเพียบ แต่ที่ถูกใจผมหาแทบไม่มี คือผมไม่เอาของทอดน้ำมันท่วม ไม่เอาแป้งขัดขาวมากๆ ชอบพวกผักเยอะๆ หากไปตลาดท้องถิ่นที่มีผักพื้นบ้านหน้าตาแปลกๆ ผมจะชอบมาก
   เห็นโฆษณาในทีวีเรื่องชักชวนให้คนหันมากินอาหารไทย แต่ลองดูอาหารไทยของเราสิครับว่ามันแย่ต่อสุขภาพขนาดไหน เริ่มจากของคลาสสิคที่มีทุกตลาด ปาท่องโก๋ ไอ้นี้อุดมไปด้วย Transfat คนไทยเรียกไขมันทรานส์ เป็นไขมันที่เป็นโทษต่อร่ายกาย ต่อมาก็หมูย่าง ลำพังตัวหมูผมโอเค แต่ย่างจนควันท่วม ตัวเนื้อหมูดูดซับเอาควันเข้าไป ส่วนไหนมีไขมันก็โดนเปลวไฟเผาจนมันหยดดังฟู่ๆ คนกินบอกหอมอร่อย นั่นแหละ มะเร็งล้วนๆ อะไรอีกดี อ้อ ข้าวมันไก่ก็แล้วกัน ตัวไก่โอเคดีนะ แต่ข้าวสวยเขาใส่น้ำมันไก่เข้าไปหุงด้วย กลายเป็นกินเมล็ดข้าวเคลือบไขมัน สุดยอดไหมล่ะนี่ อีกอย่างคือขาหมู ไขมันสดๆ หยุ่นๆ เป็นก้อนเลย หากใครอยากกินแนะนำให้ขอเลือกเฉพาะเนื้อจะดีกว่าครับ ทานคู่กับกระเทียมสดเยอะๆ ด้วยนะ ไปฆ่าไขมันที่เพิ่งจะตักใส่ปากเข้าไปนี่แหละ
   อาหารไทยจานด่วนหากไม่นับข้าวแกงแล้ว ที่พอไปได้ดีก็คือโจ๊ก ไม่มีทอด มีแต่น้ำซุปกับข้าวนิดหน่อย มีหมู ดีตรงมีขิง มีผัก ใส่ขิงสดเยอะๆ จะดีต่อสุขภาพ
   อีกอย่างที่ดีมากๆ คือขนมจีน ตัวแป้งและน้ำยาผมเฉยๆ สนตรงได้กินผักสดเยอะ แต่ถ้าจะให้ดีก็ซื้อมากินที่บ้านดีกว่านะ เพราะไม่รู้ตามร้านค้าเขาล้างผักได้ดีสักเพียงใด
   หากเป็นตลาดใหญ่ๆ โดยเฉพาะย่านคนจีนกลับมักจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพครับ บางร้านขายข้าวต้มและกับ เขามีข้าวให้เลือกหลายอย่าง ที่แน่ๆ ต้องมีข้าวกล้อง แต่บางแห่งใส่พวกธัญพืชสดลงไปด้วย เช่นถั่ว ลูกเดือย ฯลฯ และมักจะทานคู่กับผัก บ้างก็เป็นพวกผักดอง หากเป็นเนื้อสัตว์ก็เห็นเป็นพวกปลาทอดเสียเป็นส่วนใหญ่
   ผมอยากให้พวกเราดูแลสุขภาพกันตั้งแต่วันนี้นะครับ อย่าชล่าใจว่าเรายังแข็งแรงดีอยู่ ยังโอเคดีอยู่ การเจ็บป่วยบางครั้งมันก็ยังไม่แสดงอาการอะไรให้เราเห็นนะครับ จะมารอให้มีอาการแล้วค่อยดูแลผมว่ามันสายเกินไป คือดูแลไปก็ได้แค่หายป่วย แต่มันกลับมาแข็งแกร่งเหมือนตอนหนุ่มสาวไม่ได้หรอกครับ
   แล้วเช้านี้ผมได้อะไรมาบ้างล่ะครับนี่ มาดูในกระเป๋าผมกัน มีกูช่าย แต่ผมซื้อแบบยังไม่ได้ทอดมานะ เอามาทอดกินเองที่บ้าน ใส่กระทะพื้นแบนทอดในน้ำมันมะกอกแจ๋วกว่าเยอะ มีถั่วลิสงต้ม มีมันเทศเผา (หากินยากนะนี่) ได้สลัดแขกมาด้วย อันนี้ชอบมาก ได้ผักสดล้วนๆ ชามใหญ่
   มื้อเช้าโอเคดีครับ แต่พอตกบ่ายนี่สิ หิวจัด ไปเดินตลาดได้กลิ่นเผือกทอดหอมมาก อดใจไม่ไหว ซื้อมา 20 บาท กินไม่หมดครับ เพราะก่อนหน้านี้กินเปาะเปี๊ยะสดไปแล้วกล่องหนึ่ง เลยกินเผือกทอดไปได้เกือบครึ่ง เหลือทิ้งก็เสียดาย เลยค่อยๆ กินมันไปจนหมด โอโห ไม่เคยแน่นพุงอย่างนี้มาก่อน พอกินหมดแล้วรู้สึกผิดอย่างมาก ทีหลังจะไม่ตะกละอีกแล้ว น้ำหนักขึ้นแน่เลยกู
   หัวค่ำฝนตกอย่างแรงและนาน ไม่เคยเป็นแบบนี้มานานมากๆ ดูข่าวเห็นมีน้ำท่วมกันหลายจุดในกรุงเทพฯ อันที่จริงฝนตกนี้มันมีข้อดีเยอะเลยนะ ที่ผมชอบก็คือการทำความสะอาดชั้นบรรยากาศ ฝุ่นควันในอากาศมีอยู่มากมาย แต่หลังฝนตกลองสูดหายใจดูสิครับ สดชื่นต่างจากก่อนฝนตกเยอะมาก นี่ถ้าเป็นต่างจังหวัดจะได้กลิ่นดินอีกด้วย ยังไม่นับผลโดยตรงจากน้ำฝนครับ
   แต่คนในเมืองมักจะไม่ชอบฝน เพราะเปียก เพราะเลอะเทอะ แต่งตัวสวยๆ ทำผมหล่อก็เละเทะไปหมด คนจะไม่ชอบก็เพียงแค่จุดเล็กน้อย หรือแค่เรื่องที่ตัวเองไม่สะดวก ความอดทนต่ำจัง ทางที่ดีน่าจะหาวิธีที่จะอยู่ร่วมกับฝนอย่างมีความสุขนะ
   ผมปั่นจักรยานไปซื้อดอกบัวและขนมเตรียมไว้ใส่บาตรวันพรุ่งนี้ที่ปากคลองตลาด เอารถพับคันจิ๋วล้อ 14 นิ้วไป ฝนเทลงมาผมก็ปั่นมันกลางฝนนี่แหละ น้ำท่วมถนนเจิ่งนองเต็มไปหมด ขยะลอยเกลื่อนกลาด ผู้คนต่างหลบฝนในใต้ชายคา นาทีนี้ร้านกาแฟริมถนนเต็มทุกเก้าอี้ครับ ร้านอาหารก็เต็มครับ ร้านไหนไม่ได้ขายของกินก็จะมีคนขอยืนแอบฝน น้ำในคลองหลอดเต็มเกือบถึงตลิ่ง บนถนนน้ำท่วมเจิ่งนองเต็มไปหมด บางช่วงของถนนที่ทรุดต่ำ ระดับน้ำจะสูงถึงราวครึงล้อรถปิคอัพ
   หลังฝนตกขยะ ถุงพลาสติค กล่องโฟม ขวดน้ำดื่ม กระป๋องต่างๆ เกลื่อนกลาดเต็มท้องถนน เพราะน้ำพัดพาไป ถนนดูเหมือนคลองเลยครับ
   ผมติดฝนอยู่ที่ปากคลองตลาดอยู่ราวชั่วโมงกว่า ฝนยังไม่หยุดดีก็รีบปั่นกลับออกมากอนแล้วล่ะ
Title: Re: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on August 24, 2009, 02:34:27 pm
23 สค 52
   เช้านี้ใส่บาตรวันเกิดภรรยาผมครับ พ่อแม่ลูกมาช่วยกันใหญ่ เสร็จแล้วก็ไปหาอาหารเช้าทานกันที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ผมเพิ่งจะไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและติดใจ เลยชวนภรรยาและลูกไปกันอีกรอบ คราวนี้เอารถยนต์ไป เพราะขากลับมิวเขาไปเรียนพิเศษต่อ
   นี่เป็นวันอาทิตย์แรกในหลายๆ เดือนที่ผมไม่ได้ออกปั่นจักรยานตอนเช้า เพราะทุกทีก็จะออกปั่นเล่น ถ้ามีทริปก็ไปกับกลุ่ม ถ้าไม่มีทริปก็ปั่นมันเองคนเดียวนี่แหละ
   ขับรถเรื่อยๆ ไปสัก 30 นาที ระยะทางก็แค่ 16 กม ก็ถึงตลาดน้ำแล้วครับ บ้านผมไม่ไกลจากตลาดนี้เท่าไหร่เลย แต่กลับไม่ค่อยได้มา มันดูเหมือนไกล เพราะต้องขับรถผ่านถนนสายเล็กๆ
   จอดรถเสร็จก็สอดส่องสายตาหาอาหารกันเลยครับ ผมเล็งก๋วยเตี๋ยวต้มยำไว้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว ชามเล็กๆ น่ารักดี เหมือนพวกก๋วยเตี๋ยวเรือ แต่ก็ใช่นะ เพราะเจ้านี้เขาก็ขายในเรือด้วย แต่เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ
   ตลาดนี้มีของท้องถิ่นจากชาวบ้านเยอะดีครับ ผมจำอาหารที่ชอบได้ เพราะสัปดาห์ก่อนเพิ่งไปกินมาเอง นี่เลย ข้าวมันส้มตำ ทานกับผักสด วันก่อนไม่รู้ชื่อ วันนี้รู้แล้ว ชื่อใบทองหลาง อร่อยดี ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวเลย เป็นผักที่ทานแกล้มกับของทอดได้ดีอีกด้วย น่าจะปลูกไว้ในบ้านสักต้น
   ภรรยาไม่เคยมาตลาดแห่งนี้มาก่อน สนในขนมจีน ส่วนผมชอบก๋วยเตี๋ยวต้มยำ กินแล้วไม่ผิดหวัง รสชาติดีมากๆ กินจนอิ่มแล้วค่อยเดินซื้อของกลับบ้าน ขนาดอิ่มแล้วยังได้มาอีกหลายถุง ถือซะจนเมื่อยมือ
   กลับมาบ้านก็ไล่ปัดกวาดทำความสะอาดบ้านกันยกใหญ่ ตัดแต่งต้นไม้จนเมื่อยตัว ตกเย็นทานข้าวมันส้มตำที่ซื้อมาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า รสชาติยังดีอยู่เลย ผักสดผมแช่ตู้เย็นเอาไว้ ไม่มีปัญหา ยังสดกรอบ
   คืนนี้นอนตั้งแต่ยังไม่สามทุ่มเลย

24 สค 52
   ภรรยาผมเกิดวันนี้ แต่ใส่บาตรเมื่อวาน เพราะเอาสะดวกเข้าว่า ไม่ได้ถือเรื่องฤกษ์ยามหรือโชคลางแต่อย่างใด
   เจอหน้ากันตอนเช้า ผมตะโกนแบบเล่นจ๊ะเอ๋ว่า Happy Birth Day อย่านึกภาพตามเลย ไม่น่ารักเท่าไหร่หรอก มุขคนแก่
   เช้านี้ผมมีอาหารอุดมสมบูรณ์มาก ของจากตลาดน้ำก็มีเพียบ มีขนมอย่างหนึ่งผมชอบมาก หาทานก็ไม่ค่อยจะง่าย แต่ก็ไม่ถึงกับหายากนัก มันคือขนมน้ำดอกไม้ครับ รสชาติหวานนิดๆ ทำจากแป้งล้วนๆ เลย ฮ่าๆ จะอ้วนก็ตรงนี้แหละ ทางออกคืออย่าไปกินมันบ่อย อย่ากินเยอะ ตอนไปซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาดผมก็แวะซื้อมาหนึ่งกล่อง ตอนไปตลาดน้ำก็ซื้อมาอีกกล่อง แต่ชิมดูแล้วของตลาดน้ำบางน้ำผึ้งรสชาติดีกว่าเยอะ เนื้อออกนุ่มนวล หอม แต่ของปากคลองนี้เนื้อแข็งกระด้าง หอมน้อยกว่า (แต่มันถูกกว่าหน่อย)
   ลูกผมยังไม่ 8 ขวบดี สูงราว 130 ซม มาวันนี้เขาเริ่มขี่รถพับคันเล็กของผมได้คล่องแล้วครับ เป็นรถพับล้อ 14 นิ้ว Single Speed เบรกหน้าแบบ V เบรกหลังแบ บ Coaster Brake ตัวรถยี่ห้อ Neo Bike แต่มันเหมือนกับรถของสิงคโปร์ชื่อ JZ88 เป๊ะๆ เลย
   ผมซื้อรถคันนี้มาจากทางอินเทอร์เนท เป็นจักรยานพับคันแรกของผม เป็นรถคันแรกที่ผมซื้อทางออนไลน์ ตัวรถเล็กกระทัดรัด ขี่เร็วแล้วไม่นิ่งเลย แต่ขี่ช้าๆ แล้วจะสบายเอามากๆ ตัวรถน้ำหนักเบา ออกแบบเฟรมได้เล็กเพรียวเรียวบาง ลดน้ำหนักจากการออกแบบเฟรมไปได้เยอะ แม้เฟรมจะทำด้วยเหล็กก็ตาม
   ลูกขี่แล้วชอบ เขาติดใจ และขอรถคันนี้ ผมยกให้โดยไม่ลังเล แต่บอกเงื่อนไขการใช้งานว่าเจ้าคันนี้ไม่เหมาะแก่การยืนโยกขี่ มันเสมือนมีเบรกหน้าอันเดียว หากกำเบรกแรงๆ แล้วลูกจะตีลังกาข้ามรถได้ง่ายๆ ส่วน    Coaster Brake นั้นแทบจะไม่ต้องดูแลรักษาอะไรเลย อย่าไปถีบบันไดย้อนหลังแรงๆ มันไม่เสียง่ายๆ หรอก
   การฝึกให้ลูกใช้รถที่ขี่ยากๆ นี่ก็มีข้อดีเหมือนกันครับ คือเขาได้ฝึกทักษะพื้นฐานให้แข็ง คันต่อไปของเขาน่าจะต้องมีระบบเกียร์มาช่วยแล้ว ระดับเริ่มต้นนี้ขอแค่ชุดเฟืองหลังก็เพียงพอแล้ว
   ผมไม่ได้ฝันจะให้ลูกมาชอบจักรยานเหมือนผมหรอก แต่ละคนมีฝันที่แตกต่างกันไป ผมก็มีฝันของผม เขาก็มีของเขา แม้จะฝันไม่เหมือนกัน แต่เราสามารถแชร์ความฝันร่วมกันได้
   แต่ทุกพื้นฐานของความฝันนั้น มันเริ่มจากมีร่างกายและจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นมันจะฝันไมได้นาน คือฝันแบบแอบๆ ฝันไปเองคนเดียว หรือบ้างก็จะเป็นฝันที่ไม่มีทางเป็นไปได้
   ร่างกายเราต้องแข็งแรง เราไม่ร่ำรวยเหมือนคนอื่นเขาก็ไม่เป็นไร เงินทองของนอกกาย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ สิ่งที่เหลือคือความทรงจำ ที่นี่เจ้าอยากให้ใครจดจำเจ้าในรูปแบบใดก็จงทำสิ่งเหล่านั้น
   ลูกผมได้แต่ฟัง หวังว่าเขาคงจะเข้าใจ อาจไม่ใช่ในวันนี้ก็ไม่เป็นไร
   ช่วงเย็นไม่ต้องไปรับลูกแล้ว ลูกเล่นอยู่ที่บ้าน ผมเอารถพับ KHS ออกปั่น ตัวเองไม่เคยปั่นช่วงเย็นมาก่อนเลย มาวันนี้ถึงกับรู้ซึ้งและบ่นในใจว่าไม่เอาอีกแล้ว
   ช่วงเย็นรถยนต์เยอะมากๆ เลยครับ ไม่คุ้นอย่างมาก ปั่นเร็วก็ไม่ถนัด เพราะจะต้องสูดหายใจเอาควันเข้าไปมากกว่าเก่า ปั่นช้าก็ดูจะเกะกะเพื่อนร่วมถนน ปั่นชิดซ้ายก็จะมีมอเตอร์ไซค์วิ่งย้อนศรสวนมาตลอดทาง นี่คือบนถนนใหญ่นะครับ และถ้าเข้าซอยเข้าสวนก็จะเป็นอีกอารมณ์หนึ่ง ซึ่งดีกว่าถนนใหญ่แน แต่ก็อีกนั่นแหละ ตัวผมคุ้นเคยแต่กับการปั่นเช้าๆ พอสายรถเริ่มเยอะ ผมก็เข้าบ้านแล้ว
   ช่วงเย็นดูข่าวทีวี เห็นช่องทีวีไทย (ITV เก่า) เขาทำสารคดีสั้นเรื่องเกี่ยวกับอุทยานมรดกโลกที่อยุธยาจะมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ อืม เข้าท่าดีนะ แสดงว่าเราคิดเห็นตรงกันในการพัฒนาบ้านเมือง แต่แปลกใจที่ชาวบ้านเขาไม่ยอมย้ายที่ขายของ แต่เขาบอกว่า ถ้าย้ายด้วยกันหมดทุกคน เขาไม่มีปัญหา
   รับฟังเพียงแค่นี้ ชาวบ้านคงจะบอกเป็นนัยว่ามีสิ่งใดซ่อนเร้น

Title: Re: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on August 26, 2009, 12:36:52 pm
25 สค 52
   ตอนเช้าลมแรงมาก มีเหมือนความเย็นโชยมา คล้ายจะเหมือนหน้าหนาวยังไงยังงั้น ผมขอเดาว่าปีนี้จะหนาวเร็ว หนาวนาน
   วันนี้จึงรีบไปชำระเงินค่าทริปที่ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ทริปวังน้ำเขียวนี้จัดต้นเดือนธันวาคม หวังว่าผมคงเดาถูกว่าหนาวเร็วนะ
   ไปทริปสถานที่อากาศดีๆ อย่างนี้ ผมไม่พลาดเรื่องนอนเต้นท์แน่ครับ แถมยังไม่ต้องแบกของไปเองอีกด้วย มีรถเซอร์วิสช่วยขนของให้ แบบนี้สบายมากๆ เลย
   จะมาคิดหนักเรื่องยาง เพราะรถผมใช้ยางสลิค แต่เส้นทางที่เราไปกันมันเป็นลูกรัง เป็นทางป่า ผมเดาว่าเป็นทางดินอัดแน่น ไม่รู้ถูกหรือไม่ นี่ถ้าผมมีวงล้ออีกชุดคงจะดี จะได้ถอดสลับกันเสียเลย ไม่ต้องถอดยางเข้าออก ขี้เกียจงัด
   ไปทริปแบบนี้ผมเอา KHS HT ไปแน่นอนครับ ใจอยากเอา Pannier ไป 4 ใบ เพราะเผื่อขนของกลับจะได้แพ็คสะดวกหน่อย ลำพังแค่ของใช้น่ะ ผมใส่ Pannier แค่ใบเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่งานนี้มีทั้งเต้นท์ ผ้าปูรองเต้นท์ ผ้าปูรองนอน ถุงนอน เอาแค่ของพวกนี้ก็เกะกะมากแล้วครับ แต่ไอ้ครบชุดอย่างนี้แหละ ที่ผมแบกไปตอนปั่นคนเดียวแบบ Solo Trip เมื่อครั้งไประยองมาแล้ว ของหนักถึง 15 กก ปั่นตลอดทาง 260 กม อีกด้วย สุดยอดแบบเข็ดจริงๆ กลับมาทำเอาหลังผมเจ็บไปเกือบ 3 เดือน ทุกวันนี้คิดว่าน่าจะหายดีแล้วนะ ไม่ค่อยมีอาการเจ็บแปล็บๆ อีกแล้ว
   ได้ทีเข้าเมือง เลยพาลูกไปดูปลาที่ Siam Ocean World ครับ มิวชอบมาก เขาชอบปลามาตั้งแต่เด็กๆ ชอบพวกนักดำน้ำ อยากดำน้ำ Scuba ใจจะขาด ส่วนผมนี้เฉยๆ ไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้น สงสัยแก่แล้ว จะมาชอบและสนใจก็เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายและจิตใจนี่แหละ
   ที่ชมรมฯมีรุ่นลุงนั่งคุยกันอยู่ราว 3-4 คน จะว่าไปแล้วก็เหมือนเด็กซิ่งนักคุยกันตามอู่รถแต่งเลย นึกแล้วตลกดีเหมือนกันนะ ตอนเด็กๆ ผมขับรถยนต์ก็มีเด็กวัยรุ่นมอง พอตอนนี้ผมปั่นจักรยานก็มีคนแก่มอง มองแบบจ้อง มองแบบหันขวับเลยก็มี เล่าให้ภรรยาฟัง เขาหัวเราะก๊ากออกมา
   พ่อลูกดูปลากันราว 2 ชม แล้วก็กลับครับ อยู่ไม่นาน เราไม่ค่อยชอบเดินเล่นแบบเรื่อยเปื่อยกัน รีบกลับกันก่อนที่รถจะติดกันยกใหญ่
   นี่ นี่ วันนี้มีของเจ๋งของไทยมานำเสนอ แต่ออกแนวประชดประชันนะ ขอนำเสนอเรื่องการดัดฟันแฟชั่น
   ทีไอ้เรื่องปัญญาอ่อนนี่แหละเก่งนัก เอาเหล็กอะไรก็ไม่รู้มาใส่ไว้ในปาก น้ำลายก็ค่อยๆ ออกมาละลายมัน เอ็งก็กินเข้าไปสิ เจริญล่ะมึง มิน่า ชาติไทยเราไม่พัฒนาไปไหนก็เพราะมีเยาวชนความคิดตื่นเขินนี่แหละ
   รายงานข่าวเขาว่าไม่เคยพบการดัดฟันแฟชั่นนี้ในประเทศใดมาก่อนเลย ไทยเราแม่งเจ๋งอีกแล้ว เจ๋งในเรื่องปัญญาอ่อนนี่แหละวะ
   อ้อ ยังมีแบบใส่ชั่วคราวและถาวรด้วยนะ แบบชั่วคราวก็จะเป็นลวดมาคล้องกับฟันใกล้ๆ ฟันกราม
                แต่แบบถาวรแม่งใช้กาวตราช้างติด ฮ่าๆ
Title: Re: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on August 27, 2009, 05:36:11 pm
26 สค 52
   เมื่อวานเข้าเวปของตัวเองไม่ได้เลย แปลกใจมาก แต่เวปอื่นๆ เข้าได้หมด ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ลองให้คนอื่นช่วยเช็คให้ เขาก็เข้าได้กันหมด กลายเป็นผมคนเดียวที่เข้าไม่ได้ เลยงง   
เช้าของหลายๆ วันนี้มีลมเย็นๆ โชยมา แถมทิศทางของลมที่พัดก็เปลี่ยนไป เป็นลมที่พัดมาจากทางทิศเหนือ มั้นคือลมหนาวนั่นแหละ เราอยู่เมืองร้อน ครั้นได้ลมหนาวโชยมาก็ต่างพากันเฮลั่น เพราะมันช่วยบรรเทาความร้อนอบอ้าวได้เป็นอย่างดี
   ผมน่าจะเอาจักรยานออกปั่นนะ แต่กลับไม่ได้ทำ แถวบ้านผมตามซอยเล็กซอยน้อยต่างมีการทำถนน มียกระดับถนน ทำท่อระบายน้ำ แม้จะช่วงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรก็ตาม แต่มันผ่านแล้วเซ็งมาก รถผมแต่ละคันมีแต่ใช้ยางทางเรียบ โหดหน่อยก็ยางสลิค เห็นในเวปมีขายยางขนาด 20X1.35 อีกด้วย แว๊บหนึ่งคิดในใจว่าอยากได้มาลอง แต่ก็เปลี่ยนใจ กลัวหน้ายางมันจะบางมากเกินไปจนขาดความแข็งแกร่งซึ่งเป็นคุณสมบัติข้อเด่นของรถแบบทัวริ่ง
   ตอนบ่ายมีรุ่นน้องที่ปั่นจักรยานมานั่งคุยที่บ้าน คนนี้ชอบเดินทางท่องเที่ยวเหมือนผม แต่เขายังไม่มีครอบครัว เลยไปได้ดุกว่า ล่าสุดเขาไปลาวมา เลยมาเล่าให้ผมฟังว่าสภาพเส้นทางทุรกันดารเพียงใด ยางไม่แตก แต่โซ่ขาดไป 3 รอบ บรรทุกของหนัก 15 กก คนนี้เขาใช้รถ Surly Long Haul Trucker แต่เขาบอกผมว่า หากมี MTB จะเหมาะกว่า และจะดีที่สุดหากเป็นรถแบบ Full Syspension จะดีที่สุด เพราะสภาพถนนมันทุรกันดารเหลือเกิน ลงเขาก็ชันและขรุขระเบรกจน V Brake เฝดดีที่มาเฝดเอาตอนลงใกล้ถึงทางราบแล้วเลยรอด ไม่งั้นคงมีกลิ้ง
   ตกเย็นตีแบดกับลูกอีกแล้ว ฝีมือพัฒนาขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังคงวิ่งเก็บลูกเป็นหลัก เสร็จแล้วปั่นจักรยานเล่นกันต่อ เขาเริ่มชอบรถพับล้อ 14 คันเล็กของผม เขาปรับเบาะให้มันสูงขึ้นมาเอง เขาบอกขี่ดีกว่า อืมม ดูมีแววดี การปรับเบาะสูงถึงแม้จะเอาขาลงพื้นได้แค่ปริ่มๆ แต่ช่วงจังหวะปั่นแล้วขาเราจะส่งแรงไปยังบันไดได้ดีกว่าครับ
   เป็นอันว่าเขาบอกไม่ต้องหาซื้อรถคันใหม่ให้เขาแล้ว เขาจะเอาคันนี้แหละ เขาขี่ถนัดแล้ว
   ผมถึงกับอึ้ง เพราะมันแสนจะขี่ยาก ทรงตัวก็ไม่ค่อยดี มีเบรกหน้าเป็น V เบรกหลังแบบ Coaster ที่ไม่เหมาะแก่การขี่ทำความเร็วเลย แต่ถ้าเขาใช้รถแบบนี้จนคล่องได้จริงล่ะก็ นับว่าฝีมือไม่เบาเลยล่ะ
   ปัญหาคือไม่รู้ว่ามันคล่องจริงไหม หรือว่าโม้ผมก็ไม่รู้สิ

27 สค 52
   หัวค่ำของเมื่อวานฝนตกอย่างแรงและนานมาก ตกต่อเนื่องช่วงแรงๆ นี้ไม่ต่ำกว่า 2 ชม และยังมีปรอยๆ ก่อนจบอีกราว 1 ชม โชคดีที่ถนนซอยปรับปรุงใหม่หมดแล้ว ไม่งั้นก็ต้องเจอน้ำท่วมในซอยกันทุกๆ ที่ที่เจอฝน
   ผมมีบ้านของตัวเองหลังหนึ่ง สร้างอยู่ในรั้วเดียวกันกับบ้านหลังใหญ่ของพ่อแม่ บ้านหลังนี้ผมออกแบบเองและก่อสร้างเอง (ไม่ได้จ้างบริษัทรับสร้างบ้าน) จะว่าไปมันก็นานเกือบจะ 20 ปีมาแล้ว มันอยู่ท่ามกลางต้นไม้ครับ แล้วเรื่องก็มาเกิดขึ้นวันนี้ วันที่ฝนตกหนัก
   ฝูงมดดำมันหนีฝนครับ พากันอพยพเข้ามาในบ้านของผม ที่จริงน่ะมันมากันตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว แต่เมื่อคืนนี้หนักที่สุด สัตว์บางชนิดเขามีสัณชาติญาณสามารถรับรู้ภัยธรรมชาติได้ครับ แต่คนเราไม่มี นี้คือข้อที่สัตว์เขาเจ๋งกว่าเรา
ฉะนั้น   ต่อไปหากมีใครด่าเราว่าไอ้สัตว์ นั่นคือเขาชมเราครับ เราต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาส แทนที่จะโมโหหรือด่ากลับ เราควรขอบคุณ
แรกๆ มันอาจดูขำหน่อยนะที่คิดแบบนี้ แต่ลองคิดด้วยจิตเป็นกลางนะ หากใครทำได้จริง โลกใบนี้คงจะสดใสขึ้นอีกเยอะ
ปกติผมจะไม่ฆ่าสัตว์ใดๆ ครับ เจอมดเจอแมลงก็จะไล่ด้วยสมุนไพร ที่ใช้ประจำก็คือแป้งโรยตัวนี่แหละครับ มดเขาไม่มีตา เขาใช้วิธีดมกลิ่น หากจะไล่มด ก็ต้องกลบกลิ่นทางเดินของเขา ผมใช้แป้งเด็กโรย สักพักใหญ่มดก็หนีไปกันหมดแล้ว
แต่วันนี้ทำใจทำบาปครับ เพราะเป็นมดฝูงใหญ่มาก โรยแป้งไปก็คงเละเทะทั้งบ้าน แถมฝูงมดคงกระจัดกระจาย จึงขอใช้สเปรย์ฉีดฆ่าแมลง ผมไม่ชอบใช้ของพวกนี้เลย เพราะมันมีสารตกค้าง ยิ่งฉีดในบ้านยิ่งไม่ดี เพราะเราก็ใช้ชีวิตอยู่แถวๆ นั้นนั่นแหละ 
อันที่จริงผมทึ่งในพลังและความสามารถของเหล่าบรรดามดนะ ถึงกับเคยยกตัวอย่างเรื่องเล่าเกี่ยวกับมด และเขียนเป็นเรื่องสั้นมาแล้ว
   ช่วงนี้ไม่ได้ปั่นจักรยานเลยครับ ไม่ได้ออกไปไหนเลย กลางวันแดดเปรี้ยง เย็นมืดครึ้มฝนตก แต่ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส ผมว่ามันเหมาะแก่การปรับแต่งรถ ซ่อมบำรุง และพัฒนาร่างกายตัวเองเป็นอย่างมาก
   รถ KHS HT ยังต้องการเบาะนั่งอันใหม่ครับ ของเดิมนั่งจนเจ็บก้นไปหมดแล้ว ตอนหนุ่มๆ นั่งได้หลายชั่วโมง แต่ระยะหลังนี้แค่ปั่นต่อเนื่องครึ่งวันก้นก็ออกอาการเสียแล้ว ไม่แน่ใจว่าเบาะห่วยลง หรือก้นผมสภาพแย่ลงก็ไม่รู้
   ใจอยากลอง Brooks กับเขาบ้างเหมือนกัน ตอนแรกติดใจเรื่องราคาและน้ำหนักของมัน แต่พอศึกษาลึกเข้าไปอีกกลับพบปัญหาเพิ่มขึ้น นั่นคือมันไม่ควรโดนน้ำ เอาล่ะสิ รถผมตอนออกทริปนี่ตากแดดตากฝนเป็นเรื่องธรรมดาเลย แถมเขายังแนะนำให้ใช้กับรถที่มีบังโคลนอีกด้วย คือโคลนจะได้ไม่ไปฝังตัวอยู่ที่ใต้เบาะไง แต่รถผมก็ไม่ใช้บังโคลน ไม่ชอบ ถอดล้อเข้าออกรู้สึกเกะกะมากเลย
   ผมเลยรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับ Brooks
   มีเบาะหนานุ่มที่ผมเล็งไว้ แต่หน้าตามันดูใหม่ และสีสันดูวัยรุ่นเหมือนรถเด็ก นั่นคือ Velo Plush Gel ดูโหงวเฮ้งแล้วน่าจะนุ่มสบายนะ นี่ถ้ามีรุ่นสีดำล้วน และทำให้ทรงมันดูคลาสสิคๆ หน่อย ผมจะไม่ลังเลเลย
   เย็นตีแบดกับมิว ยังคงแข่งกันวิ่งเก็บลูกเป็นหลัก เราน่ะเบื่อ แต่ดูเขาสนุกสนาน เลยคิดบวกซะ จะได้ไม่เบื่อมากไปกว่านี้
   ฟ้าฝนเริ่มจะมาอีกแล้ว ไม่รู้คืนนี้จะหนักหนาแค่ไหน
Title: Re: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on August 28, 2009, 05:29:51 pm
28 สค 52
   เมื่อคืนฝนตก แต่ไม่หนักเท่าคืนวาน เช้ามาผมรีบไปดูบ้านอีกหลังว่าจะมีมดเข้ามาอีกไหม ปรากฎว่าไม่มี โชคดีที่ไม่ต้องทำบาปด้วยการฉีดยาฆ่าแมลง
   เช้าของหลายวันมานี้ไม่ได้ขี่จักรยานสักนิด ใช้เดินๆ ดูจัดแต่งต้นไม้ใบไม้แทน ไม่ได้ออกแรงร่างกายอะไรเลย แต่สายตาได้มองเห็นใบไม้เขียวๆ รู้สึกสดชื่นดีเหมือนกัน
   ผมมีเต้นท์หลังใหญ่ชนิดนอนได้ 4 คน เต้นท์นี้ซื้อมาแล้วไม่เคยใช้เลยสักครั้ง ยี่ห้อ American Camper ซื้อมาตอนไปเรียนที่ USA สมัยหนุ่มๆ โน่นเลย เดือนก่อนไปค้นห้องเก็บของ ลองเอามากางทิ้งไว้ในบ้านของผม เผื่อลูกปิดเทอมจะไปเที่ยวไหนกันจะได้กางเป็น เต้นท์พวกนี้เป็นแบบเก่าโบราณเลย แต่ผมกลับชอบ ทรง 6 เหลี่ยม ด้านบนมีช่องลมรอบตัว มาพร้อม Fly Sheet ด้านในมีกระเป๋าเล็กๆ สองข้าง พร้อมหูสำหรับแขวน Light Stick หรือจะประยุกต์เอาไว้แขวนตากผ้าก็ได้
   วันนี้ได้ฤกษ์ทำความสะอาดบ้าน เลยเก็บเต้นท์หลังใหญ่อันนี้เข้ากล่อง ถูทำความสะอาดพื้นเตรียมไว้ พรุ่งนี้จะเอาเต้นท์เล็กออกมากางตรวจเช็คสภาพ ปลายปีมีงานใหญ่ คงต้องใช้เต้นท์หลังเล็กบ่อยหน่อย
   ตอนบ่ายเจ้าหน้าที่ของทางคอนโดโทรมานัดผมเข้าไปตรวจรับห้อง ผมเลือกวันอาทิตย์ที่จะถึงนี่แหละ จะได้พาลูกและภรรยาไปดูเล่นด้วย ต้นปีหน้าผมคงเข้าไปอยู่ในห้องพักห้องใหม่นี้ได้แล้ว ไชโย นี่ถ้ายังขับรถแบบดริฟท์อยู่คงไม่มีวันได้ห้องแบบนี้แน่ๆ
   รุ่นน้องข้างบ้านผมเพิ่งซื้อรถคันใหม่ (มือ 2) เป็นรถ Mitsubishi Evolution IX เรียกง่ายๆ ว่า Evo 9 เด็กคนนี้โตแล้ว แต่ยังใจซิ่งอยู่ แต่ก็ซิ่งแบบเล่นๆ นะ ไม่ได้ลงแข่งจริงจัง เดิมทีเป็นรถเดิมๆ พอได้รถมาก็ทะยอยแต่งเสียเพียบ วันนี้มีปัญหาให้ผมช่วยดูให้หน่อย เขาเพิ่งเปลี่ยนช้อคฯสปริงเป็นของ GAB แล้วมันมีเสียงดังน่ารำคาญขณะขับ
   เรื่องเสียงนี้คือสุดยอดปัญหาปวดหัวเลยครับ เพราะพวกรถแข่งเขาไม่สนใจจุดพวกนี้กันเลย พอมาเจอพวกรถบ้านแต่อยากแต่งเหมือนรถแข่งนี่สิ เสียงดังนิดหน่อยก็ต้องเคลียร์ให้จบ
   ปัญหาเรื่องเสียงผมแยกเป็น 2 ข้อ คือ 1 เสียงดังแบบปกติ และ 2 เสียงดังผิดปกติ
   เรื่องเสียงดังปกติได้แก่เสียงจากดอกยาง ชาวบ้านเรียกยางหอน บ้างก็เป็นเสียงการทำงานของชิ้นส่วนบางอย่าง เช่น Blow Off Valve เสียงลมดูดจากไส้กรองอากาศ เสียงอัดลมของเทอร์โบชาร์จ อันนี้แก้ไม่ได้ หากอยากให้เงียบก็ต้องเปลียนเอาของเดิมๆ ใส่ซะ
   ส่วนเสียงดังแบบผิดปกตินั้นก็ยังเกิดได้อีก 2 วิธี คือติดตั้งผิดวิธี หรือไม่ปราณีต และของแต่งนั้นชำรุด หรือเสื่อม
   ชุดช้อคฯสปริงของ GAB มันมีเสียงดังขณะขับ ยิ่งขรุขระมากก็ยิ่งสะเทือนและมีเสียงดังแบบกระแทกมาก เขาให้ผมลองขับ ผมไม่เอา ไม่ชอบขับรถคนอื่นนอกสนามแข่ง (หากเป็นในสนามแล้วยินดีหมดทุกคัน) เลยได้แต่ก้มๆ มองๆ แล้วก็เจอจุดหนึ่งที่พอจะลดเสียงดังกระแทกโครมครามลงได้
   ผมแนะนำให้เขาหายางเนื้อแข็งๆ ตัดเป็นวงแหวนมารองระหว่างหัวช้อคฯกับเบ้าช้อคฯ แก้จุดนี้ผมว่าลดเสียงดังน่ารำคาญไปได้เยอะ เพราะช้อคฯของเดิมๆ ติดรถมาเขาทำหัวช้อคฯเป็นยางครับ พอมาเจอของแต่งพวกเล่นเป็นอลูมิเนียมแบบ Billet เลย ดูสวยครับ ดุดัน เท่ แต่เสียงดังหน่อย คนส่วนใหญ่จะทนไป แต่กับผมแล้วไม่ใช่ เจออะไรที่ผมพอจะปรับปรุงได้ก็มักจะทำ ดังเช่นรถดริฟท์ของผมที่ใช้ของแต่งหลายอย่างแบบ Custom Made (คิดเอง ออกแบบเอง ทำเอง ไม่มีขายในท้องตลาด) ไอ้นี่แหละตัวแพงเลย รถผมมีไอ้ของแบบนี้อยู่เยอะเสียด้วย
Title: Re: สค 52 16 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
Post by: O'Pern on September 02, 2009, 02:40:33 pm
29 สค 52
   เมื่อคืนรถยนต์ผมถูกมอเตอร์ไซค์ชนจนไฟท้ายแตก ผมไม่ได้ออกไปไหนหรอก พ่อผมเอาไปขับ ผมเพิ่งมาเห็นเมื่อเช้านี้เอง แปลกใจมากที่ตัวเองไม่โมโหเลยสักนิด คือเราคิดบวกไง คันนี้โดนชนจนไฟแตก ยังดีกว่าอีกคันที่มันแพงกว่านี้ ดีนะนี่ที่พ่อเอารถผมไป ไม่ได้เอารถของเขาไปแทน ไม่งั้นต้องจ่ายเงินเยอะกว่านี้อีกมากแน่ๆ
   สัปดาห์ก่อนก็คิดบวกไปหนหนึ่งแล้ว รถดริฟท์ผมเครื่องพังครับ พังแบบต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่กันเลย ทั้งๆ ที่มันไม่ค่อยได้ขับไปไหน กลายเป็นจอดพัง หมดไปเยอะ ดีที่คิดบวก คือคิดไปเสียว่าเสียเงินค่าซ่อมรถเพื่อเป็นประสพการณ์สอนใจเราว่า จำไว้ รถยนต์น่ะมันแพง มันไม่ใช่ของเล่น ยังไม่สมกับฐานะของเรา อยากเล่นดีนัก เป็นไงล่ะ จ่ายกันอานเลย
   หรือจะคิดอีกแง่หนึ่งก็คือ ผมเล่นรถมานั้นไม่เคยประสบอุบัติเหตุอะไรเลย รถก็ไม่เคยชนสักนิด โชคดีขนาดไหนแล้ว มาวันนี้เครื่องพังก็ถือว่าหมดอายุขัยของมันก็แล้วกัน พังที่บ้าน ยังดีกว่าพังตอนอยู่สนามแข่ง เห็นไหม ใจคิดบวกมันเป็นแบบนี้
   เออ แต่ว่า บวกบ่อยๆ มันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะนี่ ฮ่าๆ
   ผมไม่รู้เหมือนกันครับว่าพอเราอายุมากขึ้นแล้วเราจะใจเย็นลงเอง หรือว่ามันเกิดจากวิธีคิดกันแน่ แปลกใจเหลือเกินที่ทำไมพักหลังสัก 4-5 ปีมานี้ผมไม่ค่อยโมโหอะไรสักอย่าง มันเกิดขึ้นพร้อมๆ กับช่วงที่ผมมาเล่นจักรยานอย่างจริงจังนี่แหละ โดยเฉพาะรถแบบทัวริ่ง
   ตอนวัยรุ่นน่ะหรือ ขับรถเมื่อไหร่เป็นต้องมีเรื่องทุกที ยุคนั้นยังไม่มีรถตู้ส่วนบุคคล ผมเลยมีเรื่องกับพวกมอเตอร์ไซค์และรถเมล์เล็กแทน โชคดีที่ไม่ได้ถึงกับไปฆ่าใครหรือโดนใครเขาฆ่า แต่คิดดูแล้วขี่จักรยานสนุกกว่าเยอะเลย ทว่าช่วงนั้นเราไปไหนมาไหนยังต้องใช้รถยนต์โดยตลอด ผมเรียนและทำงานไปด้วยน่ะครับ พอเรียนเสร็จตอนเย็นก็รีบไปตามกองถ่าย ทำข่าวดารา ข่าวโฆษณา ผมเขียนหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับแรกของไทยเลยล่ะ
   อีกประเด็นที่ทำให้ผมใจเย็นยะเยือกขึ้นอาจเป็นเรื่องอาหารการกินครับ อันนี้ไม่รู้จะเกี่ยวกันไหมนะ ระยะหลังผมทานเนื้อสัตว์น้อยมากๆ เลย หันมาเล่นผัก ผลไม้ ผักหลากสีสันนี้ของชอบเลย เช่นเดียวกับผักหน้าตาแปลกๆ ผักพื้นบ้านที่ชาวบ้านเขาปลูกกินกันเอง แบบนี้แหละสุดยอด ไม่มีสารเคมีฆ่าแมลง
   ตอนบ่ายหิวโหย คุ้ยหาของกินในตู้เย็น พบขนมจีบและแป้งโรตีอยู่ในช่องฟรีซ ดูหน้าตาแล้วผมคิดว่ามันต้องมาอยู่ตรงนี้หลายเดือนแล้วแน่ๆ เอาวะ หิวว่ะ เลยจับมาอุ่นดู
   อู้หู รสชาติยังดีอยู่เลย แม้ว่าจะไม่หอมฉุยเหมือนของสด แต่รสชาตินั้นใช้ได้เลย ที่เด็ดสุดคือโรตีครับ อุ่นแล้วเหมือนเพิ่งซื้อใหม่เป๊ะ แจ๋วว่ะ แต่มื้อนี้แทบไม่มีผักเลยนะครับนี่ เฮ้ออ เอาวะ กำจัดของเก่าไปโดยไม่ต้องโยนทิ้งขยะก็ดีแล้วล่ะ
   อ๊ะ อ๊ะ วันนี้กินแบบนี้ผมมีแผนครับ เพราะพรุ่งนี้เช้าจะปั่นจักรยานจากบ้านไปพุทธมณฑล ระยะทางก็ราว 30 กว่า กม ปั่นเรื่อยๆ ช้าๆ คงจะเกือบ 2 ชม ผมออกจากบ้านก่อน และให้ภรรยากับลูกขับรถตามไปเจอกันที่โน่น ขากลับก็กลับบ้านมาพร้อมกัน นี้คือแผน
   การทำแบบนี้เขาเรียกว่า การโหลดคาร์โบไฮเดรตครับ ไปอ่านพวกโภชนาการของนักกีฬามาน่ะ แต่เราไม่ต้องทำเหมือนเขาก็ได้นะ เพราะเราไม่ได้แข่งขันอะไร เราต้องการลดน้ำหนักมากกว่า ไม่ต้องทำแบบผมหรอกนะ ผมแค่อยากลองอยากรู้เท่านั้นเอง
   อ้อ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำการโหลดคาร์โบฯนะครับ แต่คิดดูแล้วสำหรับผมโหลดหรือไม่โหลดมันก็เหมือนๆกันแหละครับ ไม่รู้สิ ผมไม่เห็นผลอะไรนะ ไม่เคยรู้สึกหมดแรง ไม่เคยเพลีย  มีแต่เมื่อยล้ากับเจ็บก้นแค่สองอย่างนี้บ่อยสุด อ้อ มีมือช้าบ้างบางครั้งตอนปั่นเพลินๆ แต่ถ้าเปลี่ยนตำแหน่งมือจับบ่อยๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ
   เย็นนี้ผมแค่ตรวจเช็คสภาพรถ เติมลมยางให้สูงเต็มสเปค ผมชอบปั่นแบบลมยางแข็งๆ มันไปได้ดีกับยางแบบ High Pressure แต่ก็แค่ทางเรียบนะครับ เจอทางขรุขระนี่ แทบอยากจะลดแรงดันลมเหลือสักครึ่งเดียวก็พอ
   พรุ่งนี้ผมไปกับรถ KHS HT ภรรยาใช้รถ KHS F20-W ส่วนลูกใช้ JZ88 (อันที่จริงคือ Neo Bike นะ แต่รุ่นนี้มันเหมือน JZ88 เอามากๆ เลยขอเรียกว่า JZ88 ก็แล้วกัน เพราะ Neo Bike มันมีหลายรุ่น แต่ JZ88 มันมีแค่รุ่นเดียว)
   ไม่ได้ไปพุทธมณฑลมานานมากแล้วนะครับนี่ รถพร้อม คนพร้อม
   เออ แล้วฝนล่ะ

30 สค 52
   ฝันสลายครับ   ฝนตก…
   ที่เตรียมการณ์ไว้ทั้งหมดต้องยกเลิกโดยไม่มีเงื่อนไข อุตส่าห์ขนของขึ้นรถเสียดิบดี แพ็ครัดจักรยานอย่างแน่นหนา แต่ไม่เป็นไรหรอก นี้ไม่ใช่ครั้งแรก มันคือเรื่องปกติ มันอยู่ที่วิธีคิดของเราน่ะครับ คิดให้มันหงุดหงิดก็ทำได้ คิดให้มันเป็นเรื่องสบายๆ ก็ย่อมได้
   วันนี้ลองมามองข้อดีของฝนตกกัน เริ่มจากอากาศเย็นสดชื่นสบายดีมากๆ เหมาะแก่การกวาดล้างระเบียงบ้าน สำหรับผมเป็นบ้านที่มีดาดฟ้า ขึ้นไปล้างพื้นดาดฟ้าได้อย่างสบายๆ เอาไม้ขัดพื้นถูๆ ได้ออกกำลังกาย ได้ใช้พลังกล้ามเนื้อแขนมัดที่ปกติไม่ค่อยได้ใช้งานอีกด้วย
   เดินเข้ามาในบ้าน เจอมดดำเข้ามาหลบฝนอีกแล้ว ทีนี้อยู่สูงเสียด้วย ไล่ยากกว่าเก่า ลองเอาแป้งฝุ่นของเด็กโรยๆ ดูก่อน ไม่อยากใช้วิธีรุนแรง
   พอฝนซาหน่อยก็ทะยอยเอาข้าวของลงจากรถ ของอื่นๆ ก็แค่ยกลงง่ายๆ แต่กับได้ KHS F20-W นี้มันลำบากตอนและใส่ท่อคอจริงๆ เลย มันต้องหิ้วพร้อมกับมีท่อคอห้อยต่องแต่งไปด้วย จะให้ดีก็ต้องจับมัด รถผมเป็นแบบทัวริ่ง มีตะแกรงหน้าหลังมาพร้อม หากจะมัดก็ทำได้สะดวกหน่อย แต่ถ้าใครใช้ KHS T3 ล่ะก็ลำบากกว่าผมเยอะ และจะยิ่งสาหัสกว่าหากเป็นรุ่น R ที่ใช้แฮนด์แบบ Cow Horn
   ฝนตกไม่ยอมหยุด เลยออกไปทานบะหมี่น้ำแถวบ้าน ชื่อร้านโซโห แต่คนละร้านกับที่ London ประเทศอังกฤษนะครับ ร้านนี้ดีตรงบะหมี่เส้นเล็กบางๆ น้ำซุปรสชาติดี (แต่ยังไม่ถึงกับดีที่สุด) แต่เกี๊ยวลูกโตไปหน่อย เนื้อข้างในออกแข็ง และเนื้อหมูที่เป็นไส้ยังไม่หอมกลมกล่อม ชามละ 35 บาท ทานกับภรรยาคนละชาม ขากลับซื้อโจ๊กไปฝากลูกที่บ้าน
   สายหน่อยไปเดอะมอลล์ท่าพระอีกแล้ว ลูกผมเรียนพิเศษที่นี่ เรียนแค่แป๊บเดียวแหละ สัก 30 นาทีก็เสร็จแล้ว จากนั้นก็ทานมื้อกลางวันกัน ลูกผมชอบกินที่ร้านฟูจิ ส่วนผมเฉยๆ ไม่ค่อยชอบเพราะแพง หากผมหากินเองมันจะเป็นพวกส้มตำ สลัดแขก ของง่ายๆ ได้กินผักเยอะๆ มื้อละ 20-30 บาท หรือจะมีของขบเคี้ยวก็เลือกถั่วต้ม มันนึ่ง ผลไม้สด แหม เหมือนจะดูแลสุขภาพดีเลยเน๊อะ แต่ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกวันหรอกนะครับ ทำเท่าที่ทำได้ บางวันหลุดโลกก็มี  โดยเฉพาะวั้นที่มีงานเลี้ยง หากเป็นบุฟเฟต์ผมจะชอบมาก เลือกของแปลกๆ มาลองชิม ชิมจนอิ่ม ตามด้วยของหวานปิดท้ายอีก
   มื้อกลางวันนี้ผมทานเยอะมาก รู้สึกแน่นท้อง พออิ่มแล้วรู้สึกง่วง แต่ก็ไม่ได้ไปนอนหรอก ต่างจากลูกและภรรยาที่ขึ้นรถปุ๊บ แป๊บเดียวหลับ
   เมื่อวานผมโพสหาซื้อไฟท้ายรถยนต์ มีคนมาตอบอย่างรวดเร็ว วันนี้เรานัดเจอกันที่เซ็นทรัลพระราม 2 แถวบ้านผม ผมไปถึงจุดนัดพบก่อน สอดสายตามองหาคนถือถุง ผมเดาเอาแบบนั้นนะว่าเขาคงจะถือถุงมา ตอนนัดกันเราก็ไม่ได้บอกว่าใครจะใส่เสื้อสีอะไร แต่งตัวแบบไหน บ๊ะ ทำยังกะเด็กๆ นัดสาวเลย ฮ่าๆ
   เห็นคนหนึ่งเดินตรงมาหาผม มือถือถุง อ๊ะ ใช่แน่เลย ผมส่งยิ้ม เขามองหน้าแบบงงๆ แล้วเดินผ่านไป อ้าว ฉิบหาย ยิ้มผิดคน แต่ไม่เป็นไร ผมไม่ขาดทุน ยิ้มผิดก็ยิ้มใหม่ได้
   สักพักก็เจอกัน แลกเปลี่ยนสินค้าเร็วปานแลกซื้อยาม้าเลย ที่เร็วก็เพราะก่อนจะมาเจอกัน ตอนอยู่บ้านผมลองถอดไฟที่เสียออกมาดูรอบหนึ่งแล้ว ดูว่ามันต้องมีปลั๊กครบ มีคลิปล็อคกี่ตัว ขาต้องไม่โยกคลอน ฯลฯ พอดูของแล้วตรงสภาพก็จ่ายเงิน พูดคุยกันพอเป็นธรรมเนียมนิดหน่อย จากกันดื้อๆ เลยดูมันแห้งแล้งยังไงพิกล
   กลับบ้านรีบประกอบไฟใส่รถ ลองเปิดไฟ Hazzard ก็ติดดี อยากดูไฟเบรก แต่ถ้าไปนั่งเบรกเราก็จะมองไม่เห็นไฟท้าย เลยเปิดประตูแล้วเอาไม้กวาดด้ามยาวแหย่ๆ บนแป้นเบรก ตัวยืนอยู่นอกรถ ชะโงกหน้าไปด้านท้ายรถเพื่อดูไฟเบรก
   “พ่อทำอะไรน่ะ” ลูกผมเดินมาเห็นเข้า
   “พ่อลองไฟเบรกอยู่”
   “ทำไมพ่อต้องทำท่าอะไรอย่างนั้นด้วย” ลูกพูดจบก็เดินผ่านไป ไม่ได้รอคำตอบ คือเขาไม่ได้ถามผมโดยตรง นี่คือการพลิกเล่นคำของภาษาไทย เป็นประโยคคำถามนะ แต่คนพูดไม่ต้องการคำตอบ แปลกดีไหม
   ไฟท้ายติดครบดี (เช็คแค่ 2 ดวง ยังไม่ได้ลองไฟเกียร์ถอย) ผมสบายใจขึ้นมาอีกหน่อย
   วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มทั้งวันเลย ขับรถกลางวันยังไม่ต้องใส่แว่นกันแดด ตกเย็นก็เอาอีกแล้ว มืดอีกแล้ว คืนนี้ไม่น่ารอด
   
31 สค 52
   รถดริฟท์ผมซ่อมเสร็จแล้ว เปลี่ยนเครื่องยนต์ตัวใหม่เลย ที่ว่าเครื่องยนต์ใหม่นี่คือของมือ 2 นะครับ เครื่องยนต์มือ 1 แบบมีทะเบียนซื้อไม่ไหวหรอกครับ ราคาหลายแสนบาทเลย แถมยังหาซื้อไม่ได้ง่ายๆ
   รถซ่อมมาเสร็จก็ได้แค่สบายใจครับ แม้จะวิ่งได้ดีแล้ว แต่ก็ยังคงจอดอยู่ที่เดิมเหมือนเดิม ผมไม่ค่อยได้ใช้งานมันเท่าไหร่ สภาพมันแสนจะซิ่ง กลายเป็นว่าตอนนี้ที่ไม่ได้ใช้งานเพราะมันซิ่งเกินเหตุ ไม่ได้ไปโทษใครหรอกครับ ฝีมือผมเองล้วนๆ ทั้งดีไซน์ และการเลือกเสปคของที่ใช้ เพื่อนๆ ที่เล่นจักรยานคงจะนึกภาพไม่ออกว่าสภาพซิ่งเกินเหตุนั้นเป็นเช่นไร แต่ถ้าใครเล่นรถยนต์และเคยเห็นรถแข่งของผมที่ชื่อธนูไฟ คงจะนึกภาพออก
   สภาพอากาศขมุกขมัวมีแต่ฝนตกทั้งวัน
   ผมมีประชุมช่วงสายไปจนถึงเย็น