Author Topic: ยิ่งลักษณ์ "อย่าเป็นไฟที่ไหม้ตัวเอง"  (Read 2346 times)

Offline ToppyRacingClub

  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 1382
อืมมม...มีอำนาจแล้ว อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ทำให้สำเร็จก่อนที่ชาวบ้านจะไหวตัว แล้วแห่กันมา ผมละห่วงเจตนาบริสุทธิ์ดุจน้ำค้างของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ยิ่งนัก ท่านรองนายกฯ เฉลิมช่วยเตือนท่านหน่อยก็ดี  เรื่องฎีกาแดง "ขอพระราชทานอภัยโทษ" ให้ทักษิณนั่นน่ะ อย่าทำคล้ายเจตนา "ผลักสถาบันให้ต้องไปเสียดทานกับประชาชนในลักษณะคู่กรณี"  เลย!

 ความจริงมันไม่ต้องถึงขั้นต้องตั้งคณะทำงานกลั่นกรองและตรวจสอบข้อเท็จจริงฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณหรอก ลำบากปราชญ์-ราชบัณฑิต เช่น นายจุมพล ณ สงขลา นายธงทอง จันทรางศุ นายนัทธี จิตสว่าง  และอีกหลายๆ ท่านเปล่าๆ

 เพราะฎีกานี้เข้าองค์ประกอบหรือไม่เข้า แค่ดูกฎระเบียบราชทัณฑ์และใช้จิตสำนึกเล็กๆ น้อยๆ รับรู้ ก็รู้แล้ว อีกอย่างจะพยายามโยงและโยนไปที่ "พระบรมราชวินิจฉัย" ไม่ได้-ไม่ถูกต้อง และทั้งเรื่องนี้ ก็ยังไปไม่ถึงขั้นตอนนั้นด้วย

 ต้องเข้าใจนะครับ นายกฯ คือ "ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ" พูดกันให้เข้าใจง่ายๆ นายกฯ ต้องทำหน้าที่ "กันกระแทก" คือต้องกลั่นกรองทุกเรื่อง ด้วยซื่อสัตย์-สุจริต-รับผิดชอบ จนสะอาด-บริสุทธิ์ ปราศจากมลทินแล้วนั่นแหละ

 จึงนำเรื่องนั้นๆ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้!

 ดังนั้น นายกฯ หรือใครก็ไม่ควรหล่อหลอมเจตนาคติผิดๆ ให้เกิดกับประชาชน ในแง่โน้มน้าวให้ประชาชนฟังแค่คำว่า "ฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ" ก็ให้เข้าใจไปว่า นั่นคือ...เป็นหนังสือจากผู้ยื่น เมื่อยื่นแล้วต้องไปถึงในหลวงโดยตรง

 ซึ่งในความเป็นจริง "ไม่ใช่อย่างนั้น"!

 สิ่งที่เป็นคือ ตามขั้นตอน ฎีกาที่ยื่น เป็นเรื่องระหว่างนายกฯ ในฐานะ "ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ" กับผู้ยื่นเท่านั้น ดังนั้น ต้องเข้าใจกันให้ถูกต้องว่า

 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรับผิดชอบของนายกฯ ทางปฏิบัติก็คือ ประชาชนต้องเพ่งเล็งการทำหน้าที่ "ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ" ที่ตัวนายกฯ ว่า

 "จะกลั่นกรองฎีกานี้ออกมาแบบไหน เพื่อการทำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย หรือเพื่อสั่งระงับฎีกา ในฐานะผู้รับสนองพระบรมราชโองการ?"

 ไม่ใช่ตั้งหวังพุ่งตรงไปว่า "จะทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยในฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษประการใด?"

 นายกฯ ต้องจำให้แม่นนะครับว่า กรณีนี้ ถ้ามีข้อผิดพลาดใดเกิดขึ้น ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือตัวนายกฯ นั่นแหละ จะปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น!

ที่มา http://www.thaipost.net/news/090911/44723