ไม่รู้ว่าผมจะจำถูกผิดมากน้อยสักแค่ไหน ประวัติโคตรยาวเลยครับ ที่ผมอ่านๆมา ถ้าไม่นับการสไลด์รถในแรลลี่ มันเหมือนการเลี้ยวโดยที่มีแรงยึดเกาะน้อยคล้ายๆกับเรือเวลาเลี้ยว ผู้ที่ริเริ่มฝึกนั้นเป็นชาวญี่ปุ่นมาจากที่ตัวเองแข่งในสนามเซอกิตแล้วรถเกิดเสียหลัก จึงต้องแก้อาการ หลังจากนั้นจึงลองฝึกเพื่อควบคุมให้มันสไลด์ได้เร็วเพื่อไม่ให้เสียเวลามาก ถ้าเกิดเสียหลักในสนาม
ถ้าคุณมีเพื่อนๆที่เก็บหนังสือแต่งรถ ลองไปหาออโต้โมบิลเล่มเก่าๆที่คุณโอเปิ้ลเขียนคอลัมดริฟครับ มีอะไรในนั้นเยอะ
ส่วนที่เรียกว่าดริฟนั้น ที่คุณโอเปิ้ลได้เขียนไว้ ถ้าผมจำไม่ผิด คุณโอเปิ้ลได้ให้คำไว้ว่า ดริฟท์ถ้าไปเปิดในพจนานุกรม จะแปลว่าเลื่อนลอย ซึ่งอาจจะเหมือนกับลักษณะของรถขณะดริฟท์ที่มีอาการเสียหลัก เลื่อนลอย ไร้แรงยึดเหนี่ยวครับ
หรือไม่ถ้าถนัดภาษาญี่ปุ่นหรืออังกฤษ น่าจะลองเซดหาในเน็ต จะได้ข้อมูลเยอะมากครับ
ส่วนเกิดมาตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะเกินสิบปีแล้วแน่ๆ ส่วนเข้ามาในเมืองไทยเมื่อไหร่นั้น ถ้าผมจำปีไม่ผิด น่าจะสักประมาณปีเก้าหกเก้าเจ็ด ซึงตอนนั้นเล่นกันอยู่น้อยมาก จะเห็นพี่โอเปิ้ลเล่นอยู่คนเดียว ใช้ธนูไฟ เวลาไปสนามที่นครชัยศรี หรือบางทีตามไปเห็นที่พีระบ้างก็มี ซึ่งที่พีระ ก็จะได้เห็นคุณปัปปี่เอาสองร้อยเอสเอ็กไปดริฟให้ดูด้วย และมีอีกคัน เป็นสองร้อยเอสเอ็กชุดแต่งเวลไซด์ ไม่แน่ใจว่าใครขับ แต่ยังไม่มีการจัดการแข่งขันอะไร หลังจากนั้น ช่วงที่พี่เปิ้ลเขาจัดจิมคาน่า หลังซีคอน ประมาณปีเก้าเจ็ด ก็จะมีนักขับเก่งๆอย่างคุณอ๊อฟหทัย มาดริฟให้ดู ทำโดนัทให้ดูบ้าง ใครโชคดี(ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงนะ)ก็ได้ขึ้นไปนั่งในรถพี่เขาขับวนรอบไพล่อนเล่นๆ จากนั้นช่วงที่มีการจัดแข่งที่บีอาร์ซี ซึ่งมีรายการแดรก โอวอล และยัดรายการดริฟไปโชว์เฉยๆ (ช่วงนี้ในหนังสือออโต้โมบิล ประมาณเล่มที่สิบกว่า จะมีคอลัมดริฟแล้ว) โดยให้เฉพาะนักขับเก่งๆเข้าไปโชว์เท่านั้น ส่วนดริฟสนามแรกนั้น เท่าที่ผมจำได้ จะเป็นนักขับรุ่นใหญ่หมด อย่างคุณปัปปี่ เล็กโปรเจคเอ็ม ออฟหทัย พีททองเจือ มีคันเดียวที่เป็นมือใหม่ คือแลนเซอไฟเบนซ์สีแดงที่เล่นจิมคาน่ามาก่อน จากนั้นสนามสองจึงมีมือใหม่เข้ามาหน่อย แต่ก็ยังไม่เยอะ และเป็นพวกขับหน้าซะส่วนใหญ่ จากนั้นก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยรายการที่มีนักแข่งมากที่สุด จะอยู่ที่สามสิบเอ็ดคน มีพวกนักแข่งรุ่นใหญ่เป็นผู้ให้คะแนน หลังจากนั้นก็เริ่มซาๆลง คงเพราะที่บีอาร์ซีมีการจัดแข่งน้อยลง จนเงียบไปอยู่พัก ถึงจะเห็นมีมาเริ่มเล่นกันใหม่ ถ้าถามพี่โอเปิ้ลคงได้อะไรเยอะครับ เพราะพี่เขาเป็นถึงคนเขียนคอลัมสมัยแรกๆเลย
