Racing Club World > คุยเรื่องรถยนต์

รวมเรื่องภัยของคนใช้รถครับ

<< < (2/4) > >>

O'Pern:
เมื่อวานได้ฟังเพื่อนเล่าว่าจอดรถไว้ที่วัดโพธิ์
และไปเดินดูของที่ตลาดนัดสะพานพุทธ
ขากลับมาที่รถประมาณ 2 ทุ่มตอนออกรถมีผู้ชายมายืนขวางหน้า
เพื่อนเห็นว่ามีคนเดียวและตัวเองก็เป็นผู้ชายจึงเปิดกระจกถามไปว่ามีอะไร
เท่านั้นแหละมีผู้ชาย 3-4 คนมาจากไหนไม่รู้
ลากตัวเขาออกมาซ้อมด้านหลังรถ แล้วขับรถพาไปด้วยไปชานเมือง
ลากตัวลงมาซ้อมต่อ คนหนึ่งบอกให้ยิงทิ้ง อีกคนบอกว่าแทงให้ตาย
สุดท้ายคนหนึ่งบอกว่ามันพูดดีปล่อยมัน

ก่อนไปพวกมันถอดเสื้อผ้าออกหมด
เอาเสื้อมัดแขนไว้ และขับรถพร้อมทรัพย์สินทั้งหมดไป
โชคดีที่ไม่ตาย

ใครที่พบเหตุการณ์อย่างนี้แนะนำว่าอย่าเปิดกระจกรถ
เพราะคนร้ายที่แอบอยู่สามารถดันกระจกลง
และปลดล็อคประตูได้ ทางที่ดีใช้แตร...ดังๆ ให้เป็นจุดสนใจ

จำไดว่าเร็วๆนี้มีข่าวคนมาจากต่างจังหวัดไปถามทางคนที่อยู่แถวท่าเตียน
ก็ถูกซ้อมและปล้นลักษณะคล้ายกัน

โปรดระวังภัยนี้ ส่วนใหญ่จะโดนกับผู้หญิงที่ขับรถปิ๊กอัพคนเดียว



คุณพ่อเค้าเคยได้ยินมาว่าพวกผู้ร้ายมีการชิงรถแบบใหม่
โดยเฉพาะรถกระบะใหม่ๆที่ไม่มีหลังคาท้ายกระบะ
ซึ่งคนร้ายจะสามารถโยนสิ่งของใส่ท้ายรถได้
ถ้าเป็นรถเก๋งก็มักจะทิ้งของบางอย่างไว้ข้างๆรถ
โดยต้องเป็นที่สังเกตได้ง่ายของเรา หลังจากที่คุณพ่อเตือนได้ไม่กี่วัน
คุณพ่อก็กลับมาเล่าให้ฟังว่า รุ่นน้องที่บริษัทเพิ่งไปโดนมา
แต่โชคดีที่คุณพ่อเคยเตือนไว้ก่อนจึงรอดไปได้!อย่างหวุดหวิด
เค้าไปจอดรถกระบะไว้ข้างถนน แล้วลงไปทำธุระ พอกลับมาที่รถ
ก็เห็นมีรถเก่งจอดต่อท้ายอยู่เค้าก็ไม่ได้สนใจ แต่ก่อนที่เค้าจะขึ้นรถก็เห็นว่า
ท้ายรถมีซองสีน้ำตาลคล้ายซองเอกสารแต่มีลักษณะบวมป่อง
เค้าเห็นดังนั้นก็คิดถึงคำเตือนได้ จึงหยิบซองกระดาษทิ้งพงหญ้าข้างถนน
แล้วรีบขึ้นรถทันที แล้วเค้าก็เห็นว่ารถคันหลังที่เหมือนจอดสนิท
ก็ออกรถไปทันทีเช่นกัน เค้ารู้ได้ทันทีว่าเป็นแก็งค์ชิงรถแน่ๆ

แก็งค์พวกนี้จะใส่ยาหรือสารที่ทำให้เรางง มึน ไว้ในรถบ้าง ข้างรถบ้าง
ที่เราเห็นชัดเจน (ตามปกติคนเรามักจะสงสัยและหยิบมาเปิดดู)
แล้วก็จอดรถซุ่มดูอยู่ใกล้ๆ เมื่อเหยื่อหลงกลเปิดดูหรือจับโดนสาร
ก็จะชิงรถและของมีค่าไป


                  ฝากเตือนเพื่อนๆ ทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงที่ขับรถคนเดียว

Source - fw mail

Mokan:
ระวังตัวไว้ก่อน ปลอดภัยสุด

-เตรียมกุญแจพร้อมไว้เสมอเวลามาขึ้นรถ ไม่ใช่มาหาเอาข้างรถ
-ดูว่ามีใครอยู่ใกล้ๆรถเรา หรือ เดินตาม หรือ เดินสวน รักษาระยะห่างเอาไว้เสมอ
-ขึ้นรถได้ ล๊อครถ สตาร์ทเครื่องทันที อย่ามัวแต่หาของรึโทรศัพท์รึแต่งหน้าทาปาก
-ออกรถจากช่องจอดให้ไว ไม่ใช่มัวโอ้เอ้
-มีใครไม่รู้จักมาใกล้หรือพูดด้วย อย่าลงจากรถหรือเปิดกระจกเด็ดขาด
-ถ้ามันขวางหน้ารถ ชนแม่งเลย ทับได้ก้อทับไป มันตายดีกว่าเราตาย
-ถ้ามีเรื่องระหว่างรถกับรถ พยายามขับต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าหยุด ถ้าต้องชนก้อชน แต่อย่าหยุด จนกว่าจะเข้าเขตชุมชนหรือเจอตำรวจ

สุดท้าย อย่าทำตัวให้เป็นเหยื่อ

RetroDrifter:
เมื่อ 2ปีที่แล้ว เคยเจอ ประมาณ เกือบเที่ยงคืน เส้น มวกเหล็ก-สระบุรี
มีรถNV จอดข้างทางเปิดฝากระโปรง 1 คัน มีผู้หญิงสวยมาก มายืนโบกมือขอความช่วยเหลือ
เลยชะลอจะจอดช่วย
แต่มองข้างทางพอดี เห็น ผู้ชาย 2 คน นั่งยองๆ หลบหลังพุ่มไม้ กำลังมองและเตรียมออกมาจากพุ่มไม้
ผมก็เลย รีบขับหนีออกมาแล้ว โทรแจ้ง ตำรวจทางหลวง
น่ากลัวมากครับ ถ้าจอด อาจถึงตายได้เลย
เจอแบบนี้ ต้องสังเกตดีๆครับ และ  เตรียมพร้อม  ห้ามหื่นจนลืม เด็ดขาด

O'Pern:
วันที่ 19 เราขับรถจากกรุงเทพ มุ่งไปอุทัย เพื่อไปทำบุญฯ ไหว้ครู พอเลยด่านบ้านตึก ไปสองกิโล เค้าเรียกว่า บ้านตึก เราถูกมอเตอร์ไซด์ ชาวบ้านแถวนั้น ปาดหน้ากระชั้นชิด

เราเบรคสุดตัว ทำให้รถของเราเสียหลักพพุ่งประทะ เกาะกลางถนน หมุนคว้างกลางถนนสายเอเชีย โชคดีมากที่ถนนว่างไม่มีรถมาปะทะซ้ำรถของเรา ไม่งั้น เราต้องตายคารถแน่นอน

รถของเราเสียหายพอสมควร แต่เราและเพื่อน ปลอดภัย ไม่บาดเจ็บอะไร ตำรวจทางหลวงน่ารัก และดีมาก ช่วยเราและเพื่อนอย่างดี กราบขอบคุณนายตำรวจทั้งสามท่าน

สิ่งที่เราสงสัย เราคิดว่า เรากำลังโดนทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์ เพราะตอนที่เราขับรถมาถนนว่าง เราขับรถมาแบบเรื่อย ความเร็วอยู่ที่ 100-110 และขับอยู่เลนกลาง จู่ ๆ รถมอเตอร์ไซด์ที่ไหนไม่รู้ ขับมาเทียบและปาดเราแบบกระชั้นมาก แถมปาดแล้วไม่เข้าเลนขวา เพื่อกลับรถ แต่ยังขับอยู่ในเลนเราระยะกระชั้น ขับแบบสบาย ๆ ไม่เร็วเกิน และไม่ช้า อยู่ในระยะที่ให้คนขับรถที่ถูกปาดกลัวจะไปชน มีเทคนิคมาก ซึ่งก็ทำให้เรากลัวไปชนมาก จึงรีบ แตะเบรคกระทันหันอย่างเร็ว จึงทำให้รถเราเสียหลักไปปะทะเกาะกลาง และหมุนคว้างกลางถนนเช่นนั้น มันผิดวิสัยคนปาดเพื่อเข้าเลนขวาสุด เพื่อไปกลับรถ แถมเมื่อรถเราพุ่งชน เค้าไม่หันกลับมาเลย และไม่รู้ขับหายไปไหน??

ความสงสัยลำดับสองคือ เมื่อเราเอารถเทียบข้างทาง มีชาวบ้านขับมอเตอร์ไซด์มาทันที เห็นเราคุยกับเพื่อนกับอยู่ถามเราว่า "ไม่เป็นอะไรเหร๊อ" ย้ำถามสองครั้ง และก็ถามว่า มาแค่ผู้หญิงสองคน?? คือคำถามนี้ เราแปลกใจ นะ เพราะคนเราน่าจะถามว่า เป็นอะไรหรือป่าว เจ็บตรงไหนไหม?? คำถามมันแปลก ๆ นะ

พอเรามาทบทวนหลังเหตุการ์ณ ทำให้เราค่อนข้างแน่ใจว่า น่าจะเป็นแผนทำให้เกิดอุบัติเหตุ แล้วชิงทรัพย์ เราเล่าให้ญาติ ๆ บอกว่า แถวนั้นเป็นเขตโจร มันจะลงมือกับเหยื่อตอนถนนว่าง และไม่มีรถตาม ต้องการให้เหยื่อบาดเจ็บ แล้วลงมือรูดทรัพย์

เพื่อน ๆ ต้องระวังนะ ถ้าเดินทางสายเอเชียไปเหนือช่วงนี้ โดยเฉพาะช่วงที่เราเจอ คือเลยด่านบ้านค่าย ตรงแถววัดศรีมงคล อันตรายมาก เพราะถ้ามีรถตามหลังมา เราต้องตายแน่ หรือถ้ารถพลิกคว่ำตกข้างทาง ก็คงเจ็บหนัก ตำรวจทางหลวงบอกเราว่า ชาวบ้านแถวนี้ ชอบขับรถปาดหน้าเพื่อกลับรถ ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อย มีคนตายตรงนั้นร้อยกว่าศพแล้ว เราขนหัวลุกเลย เพราะตรงที่เกิดเหตุมีศาลเพียงตาเล็ก ๆ ตั้งอยู่ด้วยแหละ

ท้ายสุด ขอกราบขอบพระคุณ คุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยลูกพ้นภัย แคล้วคลาด มา ณ โอกาสนี้ เลยเขียนเพื่อเตือนให้เพื่อน ๆ ระวังนะ เดี๊ยวนี้ภัยมันมาแบบคาดไม่ถึง

จากคุณ : ลูกหลวงพ่อฯ -

Source - pantip.com

O'Pern:
สวัสดีเพื่อน ๆ พี่ๆ ทุกคน

   ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิง  หมวยมีประสบการณ์ภัยใกล้ตัวที่น่ากลัวและเมื่อนึกขึ้นทีไร ก็เป็นเรื่องน่ากลัวในจิตใจทุกที  จึงอยากจะมาเล่าประสบการณ์ให้ได้รู้และได้ระวังกัน  ในความชั่วร้ายของรถ Taxi   เรื่องมีอยู่ว่า

   คืนวันพุธที่ 30 เม.ย. 2551 ที่ผ่านมา  หมวยไปยืนรอรถ taxi  ที่หน้าสนามกีฬาแห่งชาติ (ข้าง MBK) เวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่า ๆ  หมวยยืนรอ taxi อยู่นานมากๆๆ แต่ก็ไม่มี taxi คันไหนไปซักคัน (หมวยจะไปปิ่นเกล้า) ซักพักก็มี taxi (ยี่ห้อ toyota soluna รุ่นเก่า สีฟ้า ถ้าจำไม่ผิด)  วิ่งมาจอดตรงหน้า  และมันก็รับหมวยขึ้นรถไปโดยเส้นทางที่มันพาเราไปก็คืน วิ่งตรงไปตรงสะพานยศเส  แล้วก็เลี้ยวขวาผ่านตรงตลาดโบ๊เบ๊  ก็นึกในใจว่าเราเป็นผู้หญิงคนเดียวขึ้น taxi1 ดึก ๆ คนเดียวก็อันตรายเหมือนกันนะ (นึกถึงเรื่องที่เคยอ่าน mail ว่ามีคนถูก Taxiรมยาสลบ และล่าสุดน้องอุ๋ม (เพื่อนที่ทำงานปัจจุบัน) นั่ง taxi ตอนกลางวันแล้วเจอ taxi มันเร่งเครื่องยนต์ขณะรถติดก็อาจเป็นได้ว่ามันกำลังคิดการไม่ดี  น้องอุ๋มก็เลยลงรถ )  ก็เลยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาแฟน  ก็บอกแฟนว่า "ขึ้นรถ taxi แล้วนะอีกประมาณครึ่งชั่วโมงคงถึงบ้านแล้วล่ะ" ในใจก็หันไปมอง กท รถที่เคยเห็นในรถ taxi ทั่วไปมี
จะบอกแฟนว่าขึ้นรถ taxi กท อะไร  ก็เห็นแค่ว่า " ทพ " แต่ไม่มีเลยทะเบียน  ก็เริ่มเอะใจ
1 อย่างแล้ว  แล้วในขณะที่หมวยพูดกับแฟน  ไอ้คนขับ taxi ชั่ว มันก็เหมือนสะดุ้งตกใจ แล้วก็หันมามองเรา  ซึ่งขณะนั้น taxi วิ่งผ่านตรงตลาดโบ๊เบ๊  พอรถเลี้ยวซ้ายเข้าตรง ธ.กรุงไทยสะพานขาว เพื่อที่จะมุ่งหน้าตรงไปสะพานผ่านฟ้า (ราชดำเนิน)  ไอ้ taxi มันก็หันมามอง
หมวยอีกที  แล้วมันก็หันกลับไป ทันใดนั้นมือที่มันจับที่เกียร์รถยนต์ก็เหลือแค่ 3 นิ้ว (กลาง นาง ก้อย) ส่วนอีก 2 นิ้ว (นิ้วชี้กับนิ้วโป้ง) มันไปกดอะไรบ้างอย่างที่เป็นเหมือนช่องแอร์พิเศษที่รถ taxi คันอื่น ไม่มี (เท่าที่เคยสังเกตได้)แล้วมันก็เร่งแอร์ขึ้น เราเห็นพฤติกรรมมันเราก็เริ่มเตรียมตัวแล้วว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เท่าที่จำความได้ประมาณ
1นาทีผ่านไป ก็รู้เลยว่าถูกไอ้ taxi ชั่วมันรมยาสลบแน่ๆ ความรู้แรกเลยคือ ความชามันเริ่มมาจากตรงท้อง ไล่มาตรงหน้าอก และสุดท้ายที่จำความรู้สึกได้คืนรู้สึกหน้ามืด หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก หายใจถี่ เหมือนจะหมดสติ ในทันใดแต่ก็ตั้งสติได้ก็บอกไอ้คนขับว่าให้จอดข้างหน้าเลย (ก่อนที่จะบอกคนขับให้จอด มือก็เปิดล็อกประตูแล้วก็ที่จะบอกมัน)
แล้วมันก็ชะลอรถแล้วถามว่าทำไม หมวยก็บอกว่า " จอดแล้วกัน หายใจไม่ออก ถ้าไม่จอดจะกระโดดลงแล้วนะ" มันก็ไม่ถึงกับจอดสนิท แต่หมวยก็ดันประตูรถออกมาแล้วก็กึ่ง ๆ กระโดดลงออกมาจากรถ   และจากสติที่ใกล้จะหมดแล้วได้ยินมันพูดว่า " จะลงทำไมล่ะครับ ผมไม่ได้ทำไรคุณนะ แอร์รถผมก็เย็น" แล้วก็เหมือนได้ยินมันทวงค่า taxi ก็เลยโยนให้
มัน จำได้ว่า 50 บาท (ทุกคนที่ฟังเราเล่าบอกว่าไปให้มันทำไม)  ในขณะที่กระโดดลงรถ  ก็ลงมานั่งยองๆ เพื่อตั้งสติ มองเห็นอีกทีก็เห็นตัวเองอยู่กลางสี่แยกหลานหลวง และฝั่งตรงข้ามที่ลงมีป้อมเล็ก ๆ ที่ตอนแรกคิดว่าเป็นป้อมตำรวจ ก็แข็งใจวิ่งข้ามทางม้าลายไปตรงป้อมนั้น ปรากฎว่าเป็นแค่ป้อมจราจรที่ไม่ตำรวจอยู่เลย  และแล้วก็มีชายคนนึงเดินผ่านหน้า
ก็ร้องให้เค้าช่วย เค้าก็เข้ามาถามว่าเป็นอะไร  ก็เล่าเหตุการณ์ให้เค้าฟัง เค้าก็นั่งเฝ้าเราซักฟักจนเราเริ่มมีสติ หมวยก็กด 191 ก่อนเลยเป็นอันดับแรก ไม่ต้องหวังเลยค่ะว่าจะโทรติด  แต่ในขณะนั้นร่างกายอ่อนแรงมาก ๆ ผู้ชายคนนั้นก็เลยบอกว่าโทรหาแฟนคุณดีกว่าไม๊ ผมจะรอเป็นเพื่อน (จริง ๆ แล้วผู้ชายคนนั้นก็หน้าตาน่ากลัวเหมือนกัน)  ก็เลยโทรหาแฟน
แฟนก็บอกให้พ่อของแฟนมารับกลับบ้าน (บ้านพ่อแฟนอยู่โบ๊เบ๊) ในระหว่างรอพ่อแฟนมารับ ผู้ชายคนนั้นเค้าก็รอเป็นเพื่อนนะ แล้วก็บอกให้หมวยไปรอตรงที่คนเยอะ ๆ สว่าง ๆ แต่จะบอกว่าแถวนั้นเป็นบริเวณที่เปลี่ยวมาก ๆ เพราะเป็นย่านค้าขาย ทุกคนปิดบ้านหมดและเงียบสนิท ดีหน่อยก็เพราะว่ายังมีรถวิ่งพลุกพล่าน  แต่ก็ไม่มีอะไรดีกว่าไปยืนริมถนน ก็เลยไปยืนให้ใกล้ริมถนนที่สุดซึ่งมีรถวิ่งผ่านไปมา  ในใจก็แอบกลัวผู้ชายคนที่นั่งอยู่ด้วย พอมีสติก็เลยบอกเค้าว่าไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรอพ่อมารับกลับบ้านแค่ 15 นาทีพ่อก็มาถึง  แล้วผู้ชายคนที่เค้ารอเป็นเพื่อนเค้าก็เดินจากไปแล้วก็ยืนรอดูเราอยู่ไกล (เหมือนเค้าจะรีบไปแต่
เค้าก็ยังรอดูเราก่อนด้วยความเป็นห่วง เราคิดไปเองว่าเค้าอาจไม่ดี) 
   พ่อแฟนก็รับกลับบ้าน แล้วก็กะว่าจะพาไปแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง (พื้นที่เกิดเหตุ)
แต่สภาพหมวยตอนนั้นก็แย่มาก เพราะเหลือแค่สติอันน้อยนิด ส่วนร่างกายหมดแรงไปเลย
และในที่สุดก็ไม่ได้ไปแจ้งความ  เพราะหมวยก็จำ กท.รถไม่ได้เลย

   เช้าวันที่ 2 เมษายน เปิดทำงานหลังจากหยุดวันแรงงานไป 1 วัน  ก็ได้มาเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ทำงานฟัง  ทุกคนลงความเห็นว่าให้ไปแจ้งความ  เพราะอาจมีวงจรปิดบริเวณแถวสี่แยกก็ได้ ก็กะว่าตอนเย็นจะไป    พอตกเย็นก็นั่งเขียนเรื่องเตือนภัยนี้
กะว่าจะส่งให้เพื่อน ๆ พี่ๆ ที่รู้จักอ่านเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ    นายที่อยู่ในห้องได้ฟังเรื่อง
ก็เลยอาสาพาไปแจ้งความ นายบอกว่ารู้จักกับรอง ผกก. ก็เลยไปแจ้งความในเย็นวันนั้น
ก็เล่าเหตุการณ์ให้รอง ผกก.ท่านนั้นฟัง  ท่านก็ให้ร้อยเวรทำการบันทึกประจำวันไว้ให้ 
แล้วในขณะนั้นท่านก็เล่าให้ฟังว่ามีคนมาแจ้งความเรื่องแบบนี้บ่อยในช่วงนี้  ซึ่งก็เป็น taxi
ที่รับผู้โดยสารจากบริเวณเดียวกัน  ท่านก็เห็นว่าเรื่องของหมวยน่าจะเป็นประโยชน์กับ
คนอื่น  ท่านก็เลยต่อสายโทรศัพท์ไปยัง สถานีวิทยุรายการ สวพ.91  เพื่อที่จะให้หมวยเล่า
ประสบการณ์ออกรายการวิทยุ  แต่พอดีวันนั้นฝนตกและการจราจรติดมาก ๆ เค้าไม่มีช่วง
เวลาให้ออกรายการ  ก็เลยไม่ได้เล่า  ท่านก็เล่าว่าน่าเสียดายที่หมวยไม่ได้ไปแจ้งความตั้งแต่
วันที่เกิดเหตุ  เพราะถ้ามาแจ้งความก็อาจจะพาไปตรวจร่างกายว่า ยาสลบที่คนร้ายใช้ เป็น
ยาสลบประเภทไหน จะได้เป็นข้อมูลให้ตำรวจต่อไป  (เพราะยาสลบที่คนร้ายใช้ หมวยรู้สึกได้เลยว่ามันเร็วมากหลังจากที่มันเอื้อมมือไปกดยาประมาณแค่ไม่ถึง 1 นาที หมวยก็หมดแรงแล้ว ไม่อยากคิดต่อเลยว่า ถ้าหมวยตัดสินใจช้ากว่านั้น ไม่ตัดสินใจที่จะกระโดดลงมา
ก็คงหมดสติไปในทันใดแน่เลย) 
   ก็เลยแอบเป็นห่วงเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่รู้จัก และช่วยบอก ๆ ต่อๆ เพื่อจะได้เป็น
ข้อเตือนภัยให้กับคนรู้จักต่อไป  (เพราะที่หมวยรอดมาได้ก็เพราะจาก mail ที่ได้รับมา
ในทำนองนี้ที่เคยได้อ่านเหมือนกัน)
   ข้อสังเกตและข้อควรระวัง
1.   ถ้าไม่จำเป็นอย่าขึ้น taxi คนเดียว  แต่ถ้าจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ก็ให้โทรหารคนรู้จัก แล้วก็บอกเลข กท taxi ที่เราขึ้นให้เค้าได้รู้ 
2.   จากสถิติที่ได้นั่งคุยกับตำรวจ  ถ้าเป็น taxi เก่าก็ควรระวัง และให้สังเกตป้าย
กท. บนรถ ถ้าไม่มีให้พึงระวังว่าไม่ควรขึ้น
3.   จากการสังเกตเอง taxi ต้องสงสัยจะมีช่องแอร์พิเศษ อยู่บริเวณใกล้ ๆ เกียร์
เพื่อเวลาเค้ากดยาแล้ว เราจะได้ไม่ทันสังเกต
4.   ขณะนั่งรถอยู่ถ้าคนขับมีปรับเร่งแอร์ หรือเร่งเครื่องยนต์ (ขณะที่รถติด)  ให้ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ว่าไม่น่าไว้วางใจ

สุดท้ายหากใครได้รับ mail นี้ช่วยส่งต่อ ๆ ให้ทุกคนที่รักและรู้จักด้วยนะคะ
เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีใครอีกกี่คนที่โชคไม่ดีเหมือนหมวยที่รอดชีวิตมาได้

Source - fw mail

Navigation

[0] Message Index

[#] Next page

[*] Previous page

Go to full version