Author Topic: ยายวัย 78 ถูกหลอกโอนที่ดินมูลค่ากว่า 40 ล้าน  (Read 6758 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
ยายวัย 78 ปี ควงทนายความโร่แจ้งความ ถูกสาวใหญ่หลอกให้เซ็นโอนที่ดินพร้อมตึกแถวย่านจรัญฯ มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ความแตกเมื่อเพื่อนบ้านทักมีเจ้าหน้าที่มารังวัดที่ดิน เจ้าตัวรีบนำใบแจ้งความไปขออายัดโฉนดที่ดิน ระบุเป็นมรดกตกทอดสมัยปู่ย่า ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกสาวแสบแจ้งข้อหาฉ้อโกง

เหตุการณ์ยายวัย 78 ปี ถูกสาวใหญ่หลอกให้เซ็นโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน โดย น.ส.เย็นจิตต์ เสริมใจดี อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 95/1 ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กทม. กล่าวต่อ "คม ชัด ลึก" ว่า ตนเป็นเจ้าของที่ดินพื้นที่ประมาณ 2 ไร่กว่าๆ ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 95/1 โดยปลูกเป็นอาคารพาณิชย์สูง  4 ชั้น มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท เพื่อให้เช่าจำนวน 13 คูหา ทั้งนี้ที่ดินดังกล่าวได้รับมรดกตกทอดมาจากปู่ย่าตายายตั้งแต่ปี 2514 ตนเก็บค่าเช่าและดูแลคนเดียวเรื่อยมา เพราะไม่มีครอบครัว

น.ส.เย็นจิตต์กล่าวว่า

เมื่อช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีนางพันธ์ นิยม อายุประมาณ 55 ปี ทำทีเข้ามาตีสนิท โดยไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ทราบเพียงว่านางพันธ์เช่าบ้านห่างจากบ้านของตนออกไป 200 เมตร ต่อมาเดือนเมษายนที่ผ่านมาตนมีปัญหากับผู้เช่ารายหนึ่ง เนื่องจากเขาไม่ยอมจ่ายค่าเช่าอาคารพาณิชย์จึงมีการทวงถามกันเรื่อยมาหลายครั้ง จนมีการนัดจ่ายเงินกันในเดือนพฤษภาคม แต่พอถึงเวลาก็ไม่ยอมจ่าย ตนจึงนำกุญแจไปล็อกประตูอาคารพาณิชย์ที่ผู้เช่าคนดังกล่าวเช่าอยู่

น.ส.เย็นจิตต์กล่าวต่อว่า ก่อนจะล็อกกุญแจ ตนตะโกนเรียกและเคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีเสียงใครตอบกลับมา จึงโทรศัพท์หาผู้เช่ารายนี้พร้อมทวงถามอีกครั้ง เขาก็อ้างว่าอยู่ต่างจังหวัดกำลังจะกลับมาที่บ้าน แต่จริงๆ แล้วทราบว่าอยู่บนชั้น 4 แต่แกล้งบอกว่าอยู่ต่างจังหวัด ตนจึงล็อกกุญแจบ้านไว้ เขาจึงไปแจ้งความว่าตนกักขังหน่วงเหนี่ยวจนเป็นคดีความกัน ระหว่างนั้นนางพันธ์ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยอาสาจะดูแลให้

"เธอบอกว่า แบบนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้วนะ ป้าจะต้องติดคุก เดี๋ยวหนูจะจัดการให้เอง ให้อยู่เฉยๆ จะได้ไม่ต้องไปไหนแก่แล้ว เขียนใบมอบอำนาจมาอย่างเดียว และยายคิดว่าถ้าเขาเป็นธุระให้จะให้ค่าเสียเวลา ตอนนั้นเขาหาทนายให้ และยายก็เซ็นใบมอบอำนาจให้ไป แต่เขามาหลายรอบบอกว่าต้องเอาใบนั้นใบนี้ด้วย โฉนดด้วย เพราะต้องเอาไปยืนยันศาลว่าเป็นเจ้าของที่ดินจริงๆ เราเซ็นไปโดยไม่ได้อ่าน แต่จำได้ว่ามีการเซ็นเอกสารไปหลายใบ" น.ส.เย็นจิตต์กล่าว

น.ส.เย็นจิตต์กล่าวด้วยว่า

ต่อมาวันที่ 24 มิถุนายน มีเพื่อนบ้านมาถามว่าแบ่งที่ดินขายไม่บอกกล่าวกันบ้างเลย ตนก็แย้งไปว่าจะบ้าเหรอ ของโบร่ำโบราณของปู่ย่าตายายไม่ขายหรอก แต่เขาไม่เชื่อ และบอกว่าเห็นมีเจ้าหน้าที่มาทำรังวัด ตนจึงเอะใจว่าทำไมมาทำรังวัดในที่ดินของตน จึงรีบไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดิน ทราบว่าที่ดินดังกล่าวกลายเป็นชื่อของนางพันธ์ นิยม ไปแล้ว โดยที่ดินดังกล่าวยังถูกแบ่งย่อยออกเป็น 6 แปลง และ 1 ใน 6 ถูกขายต่อไปแล้ว และ 5 แปลงที่เหลือเป็นชื่อของนางพันธ์ จึงรู้ว่าถูกโกง จากนั้นก็ไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางพลัด ก่อนที่จะนำเอกสารการแจ้งความมาขออายัดที่ดินผืนดังกล่าวที่สำนักงานที่ดินทันที

"ที่ผ่านมายายไม่ได้ไว้ใจนางพันธ์มาก แม้ว่าเขาจะมาคอยเอาใจใส่ เพียงแต่ตอนนั้นมีปัญหาอยู่ แล้วเขายื่นมือมาช่วยเหลือพอดี จึงเห็นว่าควรจะรับการช่วยเหลือ และจะให้เงินค่าเสียเวลา แต่มารู้ว่าถูกโกงก็ตกใจมาก อีกทั้งที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินมรดกตกทอดจากปู่ย่าด้วย" น.ส.เย็นจิตต์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

น.ส.เย็นจิตต์ยังเล่าถึงชีวิตตัวเองปนน้ำตาว่า

อยู่ตัวคนเดียวมา 10 กว่าปี ตั้งแต่พ่อกับแม่ตายก็ไม่ได้คิดจะแต่งงาน ทุกวันนี้มีแต่ลูกหลานมาเยี่ยมบ้านนานๆ ครั้ง เพราะตนไม่ได้สุงสิงกับใคร พอเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปหาหมอเองเป็นส่วนใหญ่ สำหรับอาคารพาณิชย์ดังกล่าว ตนให้ผู้เช่าที่ดินไปปลูกสร้างอาคาร โดยตนจะได้เงินค่าเช่าที่ดิน และได้ค่าเช่าห้องอีกเดือนละ 200 บาท ทำสัญญา 30 ปี เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งว่าการเช่า และสัญญาเช่าจะหมดในอีก 2-3 ปี จากนั้นอาคารจะตกเป็นของตน ตนเสียใจที่ไม่สามารถดูแลมรดกที่ตกทอดมาจากปู่ย่าตายายมาจนถึงชั่วลูกชั่วหลานได้ ที่ผ่านมาห้างเทสโก้โลตัสเคยมาติดต่อขอซื้อที่ดิน 3 ครั้ง เพื่อจะทำเป็นห้างในราคา 40 ล้าน แต่ตนไม่ขายเพราะต้องการจะเก็บรักษาไว้

"ก่อนหน้านี้เคยคิดจะยกที่ดินให้อนามัย แต่ทางอนามัยบอกไม่เอา เพราะมีอนามัยที่ใกล้เคียงแล้ว ส่วนนางพันธ์นั้น ยายคิดจะยกอาคารพาณิชย์ให้ 1 ห้องเช่นกัน โดยจะให้อยู่ไปตลอดชีวิต เพราะเห็นว่าเขามาดูแลยายกว่า 1 ปี แต่มาเกิดเรื่องเสียก่อน ถ้ายายตายไปที่ดินก็คงตกไปให้ลูกหลานต่อไป" น.ส.เย็นจิตต์กล่าว   

ด้านนายอภิวัฒน์ ขันทอง ทนายความ กล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากน .ส.เย็นจิตต์ให้ช่วยทำคดีนี้ เนื่องจากถูกฉ้อโกง จึงพาไปแจ้งความต่อ พ.ต.ต.สมชาย ศรพล พนักงานสอบสวนเวร สน.บางพลัด ซึ่งได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว จากนั้นไปสำนักงานที่ดินเพื่อทำเรื่องขออายัดที่ดินผืนดังกล่าว จากการตรวจสอบทราบว่า นางพันธ์ได้แบ่งย่อยที่ดินออกเป็น 6 แปลง โดย 5 แปลงใส่ชื่อนางพันธ์ และอีก 1 แปลงขายไปให้บุคคลอื่น และทราบว่าบุคคลนั้นได้ขายไปอีกทอดแล้ว ทั้งนี้มูลค่าของที่ดินดังกล่าวมีราคาประเมินอยู่กว่า 40 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวสอบถามเจ้าของร้านเคหภัณฑ์ ขายเครื่องอุปกรณ์ก่อสร้าง ซึ่งเป็นผู้เช่าอาคารพาณิชย์ของ น.ส.เย็นจิตต์ กล่าวว่า ตนเช่าอยู่ตั้งแต่สมัยรุ่นอามา 28 ปีแล้ว แต่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับยาย เจอหน้ากันก็คุยทักทายไปตามประสาเด็กทักผู้ใหญ่ และรู้ว่ายายเป็นเจ้าของที่ ส่วนนางพันธ์นั้นเคยเห็นมาซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ที่ร้านบ้าง แต่ไม่ได้สนิทสนม และคิดว่าคงสนิทกับยาย เพราะเห็นเข้าออกบ้านยายบ่อยๆ และเพิ่งมาทราบว่ายายถูกโกงที่ดิน รู้สึกสงสาร เพราะแกแก่มากแล้ว และอยู่ตัวคนเดียว 

ขณะที่ พ.ต.ต.สมชาย เจ้าของคดีกล่าวว่า หลังจากที่ น.ส.เย็นจิตต์เข้าแจ้งความว่าถูกนางพันธ์ต้มตุ๋นหลอกลวงหลอกให้เซ็นโอนที่ดินราคาประมาณ 40 ล้านบาท จนตกเป็นของนางพันธ์นั้น สำหรับรายละเอียดต่างๆ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายไปแล้ว ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกนางพันธ์ที่ถูกแจ้งความว่าเป็นผู้ฉ้อโกงที่ดินเข้ามาเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีฉ้อโกง ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นคดีที่สามารถยอมความกันได้ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร มีใครร่วมขบวนการหรือไม่ อยู่ที่การสอบสวนข้อเท็จจริงในการตรวจสอบตามขั้นตอน

"สัปดาห์หน้าจะออกหมายเรียกนางพันธ์เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา หากว่านางพันธ์ไม่มาตามนัด พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกอีกครั้งหนึ่ง หากไม่มาอีกจะขออนุมัติศาลออกหมายจับทันที ตอนนี้ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความและนำสำเนาที่แจ้งความไปอายัดโฉนดที่ดินผืนที่ถูกฉ้อโกงแล้วจนกว่าคดีจะสิ้นสุด" พ.ต.ต.สมชายกล่าว

source - หนังสือพิพม์ คม ชัด ลึก
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride