Author Topic: มาเลเล็งผุดฮับรถยนต์แห่งอนาคต  (Read 2501 times)

Offline ToppyRacingClub

  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 1382
คำถามอนาคตประเทศเราจะเป็นอย่างไร?
:JFBQ00198070419A:

FW Mail

..........มาเลเซียประกาศนโยบายยานยนต์แห่งชาติฉบับใหม่ มุ่งหน้าผุดศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมเต็มสูบ โชว์วิสัยทัศน์ระยะยาวขอร่วมกระแสยานยนต์แห่งอนาคตที่หนีไม่พ้นรถไฮบริด-รถยนต์ไฟฟ้า-ไฮโดรเจน ให้สิทธิประโยชน์เพียบทั้งด้านภาษีและทุนสนับสนุน 

ดาโต๊ะ มุสตาปา โมฮาเหม็ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าต่างประเทศและอุตสาหกรรมของมาเลเซียยอมรับว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยก้าวล้ำหน้ามาเลเซียไปแล้วแม้จะเริ่มต้นช้ากว่า พร้อมทั้งเร่งให้ โปรตอน บริษัทผลิตรถยนต์ของมาเลเซีย รีบหาหุ้นส่วนเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

นายโมฮาเหม็ดกล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมายอมรับว่าเป็นความจริงที่ประเทศไทยทำได้ดีกว่าและเริ่มต้นช้ากว่า มาเลเซียเองก็อยากจะทำให้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ดี มาเลเซียมีโอกาสสร้างตลาดของรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมหลังจากที่กระทรวงการค้าต่างประเทศและอุตสาหกรรมออกมาแถลงนโยบายยานยนต์แห่งชาติ (National Automotive Policy) หรือ เอ็นเอพี ที่จะช่วยส่งเสริมการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า โดยมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไปสู่ทิศทางดังกล่าว ครอบคลุมถึงการผ่อนปรนภาษีการลงทุนให้ 100% หรือมอบสถานภาพการเป็นผู้ริเริ่ม (pioneer status)  ให้เป็นเวลา 10 ปี และสิทธิที่จะเลือกรับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต 50% หรือขอรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพื่อการปรับตัวในภาคอุตสาหกรรม (Industrial Adjustment Fund) นอกจากนี้ มาเลเซียยังให้สิทธิประโยชน์จูงใจแก่ผู้ที่เข้ามาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเกี่ยวกับการชาร์จหรือประจุไฟให้กับรถไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้าด้วย

นายมุสตาปา ยังระบุด้วยว่า กระทรวงพลังงาน เทคโนโลยีสีเขียวและทรัพยากรน้ำ ของมาเลเซีย กำลังจะร่างแผนยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นคลื่นปรากฏการณ์ที่กำลังจะโถมเข้ามาในอนาคต ส่วนนโยบายยานยนต์แห่งชาติ หรือ เอ็นเอพี ที่เพิ่งประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้มาเลเซียเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งอนาคต ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปเฉกเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ หรือแม้แต่จีน ซึ่งต่างก็กำลังวางนโยบายระยะยาวเพื่อมุ่งหน้าสู่การเป็นประเทศผู้นำในการผลิตรถยนต์ที่ไม่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ สู่บรรยากาศอีกต่อไป และรถประเภทดังกล่าวก็หมายรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าและรถที่ใช้ก๊าซไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของมาเลเซียยอมรับว่า การมุ่งหน้าสู่เป้าหมายดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายนัก  ตัน ศรี อับดุล ราห์มัน มามุต ปลัดกระทรวงการค้าต่างประเทศและอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันมาเลเซียเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายเล็กที่สุดในโลก และภายในปี 2563 เขาเชื่อว่า ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะลดจำนวนลงจาก 15 รายเหลือเพียง 10 รายเท่านั้น มาเลเซียเองแม้ว่าจะมีนโยบายในระดับชาติที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์สู่เวทีโลกมาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980 ด้วยการเปิดตัวรถ "โปรตอน" (Proton) ที่ผลิตเองภายในประเทศ ตามมาด้วยรถ "เพอโรดัว" (Perodua) แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนักในการบุกตลาดต่างประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์นานาชาติต่างมุ่งเจาะเข้าไป นอกจากนี้ ทั้งโปรตอนและเพอโรดัว ยังมีส่วนแบ่งตลาดเพียงเล็กน้อยในประเทศจีน ซึ่งได้รับการคาดหมายว่ากำลังจะแซงหน้าสหรัฐฯ ในฐานะตลาดรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในเร็ววัน

อย่างไรก็ตาม นโยบายเอ็นเอพีของมาเลเซียได้วางมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศไว้อย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งครอบคลุมถึงการให้สถานภาพการเป็นผู้ริเริ่มที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ถึง 100% นอกจากนั้นยังได้รับการผ่อนปรนภาษีการลงทุนสำหรับการออกแบบและการผลิตชิ้นส่วนประกอบที่สำคัญและมีมูลค่าสูง เช่น ระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์ ระบบเบรก และระบบแอร์แบ็ก เป็นต้น นอกจากนี้ นโยบายดังกล่าวยังมุ่งยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมรถยนต์ในภาคบังคับ เนื่องจากในมาตรฐาน 156 ข้อที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน มีเพียง 6 มาตรฐานเท่านั้นที่เป็นภาคบังคับ ตัวอย่างเช่น มาตรฐานเข็มขัดนิรภัย  ยางรถยนต์ ไฟและระบบให้สัญญาณไฟ เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของมาเลเซีย ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ไปกำหนดแผนงานการยกระดับมาตรฐานภาคบังคับให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์         
     
มาตรการสำคัญอื่นๆ ยังได้แก่ การยกเลิกการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ใช้แล้วภายในเดือนมิถุนายน 2554 และยกเลิกการนำเข้ารถยนต์เพื่อการพาณิชย์ใช้แล้วภายในเดือนมกราคม 2559 นอกจากนั้น ในส่วนของการส่งเสริมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลมาเลเซียยังประกาศการใช้มาตรฐานเชื้อเพลิงยูโร 4เอ็ม (Euro 4M fuel standard) ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายให้ไปร่างแผนยุทธศาสตร์ว่าด้วยมาตรฐานเชื้อเพลิงและความปลอดภัย

"ทุกวันนี้การที่เรายังใช้มาตรฐานเชื้อเพลิงขั้นต่ำ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ในต่างประเทศส่งรถยนต์ที่มีมาตรฐานต่ำมาขายในตลาดมาเลเซีย รถยนต์ที่เราใช้กันจึงเป็นรถมาตรฐานขั้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็น" ปลัดกระทรวงการค้าต่างประเทศและอุตสาหกรรมของมาเลเซียกล่าว ด้านนายปีเตอร์ ชาน ก๊อก เฮง รองประธานสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แห่งมาเลเซีย ให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายยานยนต์แห่งชาติฉบับใหม่ว่า จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าที่ประมาณ 6,000 ล้านริงกิตด้วย เพราะนโยบายดังกล่าวกำหนดยกเลิกการนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์เก่าจากต่างประเทศ (กลางปี 2554) และเปิดโอกาสให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรูจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดเครื่องยนต์สูงกว่า 1800 ซีซี ได้โดยสามารถถือครองหุ้น 100% ของกิจการ   

นายอาห์หมัด มักฟัวร์ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์ บริษัท โอเอสเค ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายเอ็นเอพีฉบับใหม่ว่า มีความโปร่งใส เปิดกว้าง และดีกว่าฉบับที่ผ่านมาซึ่งเป็นของปี 2549 เขายอมรับโดยเปรียบเทียบว่า ประเทศไทยยังคงให้สิทธิประโยชน์ที่ดีกว่า แต่กระนั้น มาตรการใหม่ๆของรัฐบาลมาเลเซียก็จะช่วยยกระดับและพัฒนามาตรฐานของห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ สถิติของกระทรวงการค้าต่างประเทศและอุตสาหกรรมของมาเลเซียชี้ว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมรถยนต์ของมาเลเซียมีบริษัทผู้ผลิตอยู่ 4 ราย และผู้ประกอบรถยนต์ 9 ราย ขณะที่บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบยานยนต์มีจำนวน 690 ราย ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ 5,000 รายการ

ส่วนโครงการรถยนต์แห่งชาติของมาเลเซียเองมีดังนี้ คือ โปรตอน (Proton) เพอโรดัว (Perodua) อิโนคอม (Inokom) นาซ่า เกีย (Naza Kia) และอีซูซุ ไฮคอม (Isuzu Hicom) การจะได้สถานะผู้ผลิตรถยนต์แห่งชาติ (national status) หมายความว่า บริษัทผู้ผลิตจะต้องลงทุนอย่างน้อย 500 ล้านริงกิต ต้องสร้างงานในมาเลเซีย มีการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศ และต้องเป็นเจ้าของแบรนด์   

 
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2,475   01  พ.ย. - 04 พ.ย. 2552
« Last Edit: November 04, 2009, 01:08:09 pm by TopRacingClub »