Bike Forum > my bike diary / my life diary

เมษ 59 1-10 เรือใบที่สัตหีบ

<< < (2/6) > >>

O'Pern:
6 เมษ 59
   ทยอยขนของขึ้นรถ ล่ำลาเจ้าหมา 3 ตัว รวมไอ้โชคดีด้วย ขับเข้าไปจอดที่ด้านหลังห้องเรียน นำจักรยานออกขี่ไปตลาดเหมือนเดิม ได้หมูข้าวเหนียว น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋กลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว เฮ้ยย บ่อยไปเปล่า
   เช้าประกอบเรือ เข้าชั้นเรียน นำเรือลงน้ำ กลุ่ม 1 ลงฝึก วันนี้ฝึกวิ่งแบบคอร์สแข่งขันที่เป็นรูปสามเหลี่ยม เอาล่ะโว๊ย น่าสนุก
   ปัญหาหลักของผมคือการควบคุมหางเสือ ผมว่ามันถือให้นิ่งได้ยากมากๆ แต่ก็มีอีกปัญหาหนึ่งด้วย นั่นคือ “เชือกติดท้ายเรือ” เกิดจากการเปิดใบกว้างมากแล้วพอไจป์กลับลำเชือกมันหย่อนลงไปเกี่ยวกับมุมท้ายเรือ ผลก็คือ “กลิ้ง” ผมกลิ้งไปเพราะเรื่องนี้หลายรอบมาก แก้ไม่ตกเลย
   คอร์สรูปสามเหลี่ยมแบบนี่ จะมีช่วง Run (วิ่งตามลม) ที่ต้องเปิดใบกว้าง และเมื่อถึงทุ่นก็ต้องไจป์ จุดนี้แหละที่หลายคนมากลิ้งกัน ผมต้องระวังให้มาก ถ้าลมอ่อนผมพอไหว แต่ถ้าลมแรงเมื่อไหร่ นั่นคือหายนะสำหรับผม
   โชคดีลมระดับปานกลาง ผมไม่กลิ้ง รอดตัวไป ตอนแล่นใบนี่อย่างเกร็งเลยนะ พอถึงโค้งนี่ผมถึงกับสวดเลยทีเดียว
“ขอให้รอดๆ”
“อย่ากลิ้งๆ”
พอผ่านมาได้นี่มีเฮดังลั่นในใจ ยังกะว่ากูเข้าเส้นชัยได้ที่ 1
พักกลางวัน กินข้าวกล่อง ผมชวน “เต่า” “พี่” “ตาล” ไปกินไอติมด้วยกัน แท่งละ 10 บาท กินกันมาหลายวันแล้วล่ะ กินจนเป็นแฟนคลับแล้ว
บ่ายลงน้ำต่อ ซ้อมเหมือนเดิม แต่ลมแรงขึ้น ลุ้นโคตรเลย เนื้อตัวฟกช้ำ เขียว เปิดพุงให้ดูทุกคนร้องโอ้โหเลยล่ะ นี่มึงไปเล่นเรือ หรือชกมวย
รอดผ่านพ้นมาได้ ล้มกลิ้งไปนิดหน่อย กู้ขึ้นมาเองได้ เริ่มรู้ความผิดพลาดของตัวเองแล้ว เริ่มมีเทคนิคใหม่ๆ ที่คิดขึ้นมาเองบ้างแล้ว เช่นการนั่ง การจับหางเสือ การดึงเชือก ฯลฯ
เย็นเข้าบ้านพักทหารที่ตาลพัก ห่างจากห้องเรียนแค่ 1 กม เอง ใกล้ สะดวกมาก ตาลยกห้องด้านหน้าบ้านให้พัก ผมเข้าไปใส่ปลอกหมอน และหมอนข้าง กวาดห้องเล็กน้อย เปิดกระจกออก แล้วก็ต้องตกใจ
ผมโดน “แตน” ต่อพร้อมกัน 5 จุดบนมือขวา นอกกระจกมีรังแตนอยู่ พอดันกระจก รังของมันก็ขยับ ผมเลยโดนซะ
ยังมีแตนบินเข้ามาในห้องอีก 3 ตัว เปิดหน้าต่างคาไว้ จะมีตัวใหม่ๆ บินเข้ามาเพิ่มหรือเปล่านะ มือขวาเจ็บปวดจี๊ดเหมือนเข็มทิ่ม แต่ก็ต้องทน เอาไม้โบก เขี่ย ให้แตนบินออกไป
ห้องพักมีแอร์ แต่แอร์เสีย เจ้าของบ้านถอดไปซ่อม ก็ตามน้ำกันไปครับ เขาให้ห้องพักเรามาแล้วก็ถือว่าสุดยอดแล้วนะ ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมโดยเร็วจะดีกว่า
อีกพักเดียวแขนชาอย่างมากราว 30 นาที จากนั้นก็ค่อยๆ ชาลดน้อยลง ใจผมคิดคงไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่ถึงกับต้องไปหาหมอหรอก
รีบจัดข้าวของเข้าที่ ตากผ้า แล้วแม่ของตาลก็ขับรถเข้ามาพอดี มาหาลูกเขาเป็นวันแรกกับที่ผมย้ายเข้ามาพอดี แม่เขาทำงานที่พัทยา
แม่พาไปเลี้ยงข้าวต้มปลาร้านดังในตลาด อร่อยดีครับ ติดใจเลย แต่ก็แพงเหมือนกันนะ ชามละ 60-70 มั้ง สั่งเพิ่มโน่นนี่ก็คิดราคาบวกเข้าไปอีก กินอิ่มแล้วแม่แยกของตัวกลับ ตาลเลยกลับกับผม ขับแป๊บเดียวก็ถึงบ้าน ระยะทางสัก 4-5 กม เองมั้ง เลียบเลาะชายหาดนี่บรรยากาศดีเหลือเกิน นึกถึงรถเปิดประทุนเลยล่ะ
เข้ามาบ้านก็เล่นดนตรีกันต่อ ผมเล่นอูคูเลเล่ ตาลเล่นกีตาร์เบส คุยกันเรื่องชีวิต เลยรู้จักตาลมากขึ้น ในห้องเรียนนี่ไม่ได้คุยกันเลยนะ ตาลเป็นคนเงียบๆ ไม่คุยอะไรเลย
ตาลเพิ่งจบ ม6 กำลังเรียนต่อศิลปากรด้านดนตรีแจ๊ส ตาลเลือกเล่นดับเบิลเบส นึกภาพแล้วคงเท่ชะมัด คนเล่นก็หน้าตาดี หุ่นดี แบบนี้ไปกันใหญ่เลยล่ะ
กลางคืนมือชาจากแตนต่อยทั้งแขนยังไม่หาย ผมได้แต่สวดมนต์แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ ขออโหสิกรรมหากทำอะไรผิดพลาดไป

O'Pern:
7 เมษ 59
   กินมื้อเช้าแบบ “ตาล สไตล์” ไข่ต้ม อกไก่นึ่ง ขนมปังทาเนยถั่ว และนูเทล่า โห นี่มันนักกีฬาอาชีพชัดๆ
   ผมไม่เคยกินแนวนี้มาก่อน อึ้งไปเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ทำแล้วสุขภาพดี ผมเอาหมดแหละครับ
   ขี่จักรยานไปเรียนกัน ระยะทางแค่นี้ขี่ 2 นาทีถึงแล้ว แต่มาถึงสายกว่าเดิมที่ผมเคยมาหน่อย คนอื่นเริ่มตั้งใบเรือกันแล้ว น่าแปลกนะ พอมาถึงห้องเรียนแล้วผมกับตาลแทบไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย เพราะอยู่คนละกลุ่ม เรือคนละลำ มาเจอกันก็ตอนพัก
   ซ้อมเรือกันมาจนพวกเราบังคับเรือได้ตามสั่งแล้ว ถึงขนาดจอดเรือนิ่งๆ ในทะเลก็ยังทำกันได้ทุกคน ครูเลยจัดวางไลน์สนามแล้วทำการแข่งเก็บคะแนน ช่วงเช้าให้แต่ละกลุ่มซ้อมกันนิดหน่อย แต่สำหรับผมแล้ว มันไม่ได้ซ้อมอะไรสักนิด ลงน้ำทุกครั้งไม่เคยออมมือ จัดเต็มตลอด จน “ครูเป้” ต้องตะโกนบอกเสมอว่า “พี่เปิ้ล ใจเย็นๆ” ครูคงเห็นผมทำอะไรอย่างรวดเร็วทั้งการสาวเชือก การกลับตัว และ “การกลิ้ง”
   วันหลังๆ ผมกลิ้งน้อยลงแล้วนะ แต่ก็มีบ้างแบบพองาม คือไม่ได้กลิ้งสะเปะสะปะ กลิ้งอย่างมีเหตุผล แต่การแข่งวันนี้ผมกลิ้งอีกแล้วนะ แต่เป็นเพราะโดนเรือลำอื่นชน เรือของ “เจน” เปิดใบกว้างวิ่งมาทางผมที่จอดนิ่งอยู่ อ้าว ฉิบหายแล้วไง งานเข้า กูกำลังจอดรอสตาร์ท จะทำไงดี สุดท้ายเชือกเมนชีทของเขาก็มาลากเอาหัวเรือของผมปัดไป ทำให้ใบกินลม แต่หัวเรือหมุนผิดด้าน ผลก็คือ “กูกลิ้งอีกแล้ว”
   รีบกู้เรือแล้วมานั่งรอสตาร์ทต่อ ที่ผ่านมาเหมือนฝันไป จู่ๆ ก็โดนเชือกลากจนตัวเองพลิกคว่ำได้ ทุกทีจะล้มด้วยฝีมือตัวเองตอนเข้าโค้ง ไม่ก็ตอนเชือกติดท้ายเรือ
   เออ ไอ้ปัญหาเชือกติดท้ายเรือนี่เรื่องใหญ่ของผมเลยนะ กลิ้งด้วยเหตุผลนี้บ่อยมากๆ จนผมอยากจะดีไซน์ด้านท้ายเรือใหม่ ให้มันกลม มน โค้งกว่าเดิม เอาแบบเชือกไปเกี่ยวไม่ได้เลยน่ะ
   สงสัยเรื่องนี้จนต้องไปดูใน Youtube แล้วก็รู้ว่าสาเหตุทีเชือกติดท้ายเรือเพราะผมสาวเชือกเมนชีทมาเก็บช้าเกินไป การเปิดใบไปมาก นั่นคือเราปล่อยเชือกมากตามไปด้วย พอตอนกลับตัวก็ต้องสาวเชือกปิดมุมใบเรือสักหน่อยก่อนดันหางเสือเลี้ยว
   โง่มาก่อนฉลาดเสมอครับ แต่สำหรับผมแล้ว ถึงแม้จะรู้วิธีแก้ แต่พอเจอตอนลมแรงๆ นี่มันทำอะไรไม่ทันเลยนะ พลาดนิดเดียวเป็นกลิ้งเลย เพราะลมแรงคลื่นก็จะแรงไปด้วย การกลับลำแล้วเจอคลื่นดันนี่ทำเอาเรือพลิกได้ง่ายๆ สำหรับมือใหม่อย่างผม
   วันนี้เก็บคะแนนไปได้นิดหน่อย เลิกเรียนแล้วขี่จักรยานกลับบ้านเอาผ้าไปตาก เสือกคึก ชวนกันวิ่งออกกำลังกายต่ออีกนี่ จัดไปอีกราว 1 ชม โห โหดสัสเลยครับพี่ เช้าจักรยาน กลางวันเรือใบ เย็นวิ่ง แล้วขับรถยนต์ไปตลาดหาของกินกัน ตาลอยากกินหอยทอดทำจากหอยนางรม เลยพาไป อารมณ์คล้ายเลี้ยงลูก แต่ไอ้ตาลนี่ตัวสูงใหญ่ แก่กว่าลูกผม 3 ปี
   กินเสร็จต่อด้วยร้านน้ำเต้าหู้ เอ๊ะ มาสูตรเดียวกับลูกผมเลยนะ นั่งกินกันไป คุยกันไป บรรยากาศในตลาดที่ถนนเทศบาลสาย 1 นี้ดูคึกคักดี ร้านค้าเยอะขึ้นกว่าสมัยที่ผมพามิวมา แถมที่ถนนเส้นอื่นก็ยังมีร้านอาหารเปิดอีกหลายร้าน ที่เล็งไว้คือร้านสเต็คแต่งแนวฝรั่ง สวย ดูดี บอกกับตาลว่าไว้วันหน้ามาจัดร้านนี้กันบ้าง
   กลับถึงบ้านกะว่าจะสลบหมดแรง แต่เปล่าเลย แม่งคึกสัส กลายเป็นนอนไม่หลับเอา กว่าจะนอนได้ก็เลยเที่ยงคืนไปโน่นเลยล่ะ โหห ไม่เอาแล้ว กูไม่วิ่งแล้ว

O'Pern:
8 เมษ 59
   มื้อเช้าแบบ “ตาล สไตล์” อีกแล้ว เหมือนเมื่อวานเป๊ะเลย อืมม เฮ้ย ชักเกรงใจ แม่เขาซื้ออาหารมาให้ลูกเขา แต่ผมมาแย่งเด็กแดกเสียนี่ แต่ก็กินซ้ำไปอีกวัน เหมือนเดิมเป๊ะเลยแหละครับ กะไว้ว่าพรุ่งนี้ไม่เอาแล้ว เกรงใจเขา เขาให้พักอาศัยก็บุญแล้ว
   เช้าประกอบเรือ บรีฟ แล้วก็ลงแข่งอย่างเป็นทางการ ครูจะเก็บคะแนน 5 รอบ แล้วให้คัดรอบที่แย่สุดทิ้งไป เช้าผมจัดไป 1 รอบ บ่ายอีก 1 รอบ ได้คะแนนไม่ดีเท่าไหร่หรอก แถมโดนชนกลิ้งอีกด้วย เซ็งเลย แต่ก็ยังดีที่กู้เรือขึ้นมาแข่งต่อได้
   เฮ้ย แข่งกันสนุกดีว่ะ แต่จำที่ “ครูเป้” บอกผมไว้ว่า “อย่าชนนะ นี่เรือแข่ง” คือเรือที่ผมใช้ลำแรกมันเป็นเรือฝึกครับ เล่นจนมันแตกกลางทางเลย มารู้ว่าไอ้ที่ผมล้มกลิ้งบ่อยๆ ก็เพราะเรือมันรั่ว มีน้ำเข้าเต็มลำ ควบคุมยากกว่าปกติ พอมาสองสามวันหลังนี้ ผมได้เรือเบอร์ 11 (ตรงกับวันเกิดผมพอดี) เป็นเรือแข่ง สภาพสวยเลย อุปกรณ์เรือทุกอย่างสภาพดีหมด เล่นแล้วผิดกับลำเก่าคนละเรื่อง ควบคุมเรือได้ง่ายขึ้น นิ่งขึ้น สั่งได้ดังใจมากขึ้น อารมณ์เดียวกับนักทดสอบรถที่ผมชอบ แต่วันนี้ผมทดสอบเรือ
   แต่ตอนแข่งมันต้องอ้อมทุ่นใกล้ๆ กัน มีเรือหลายลำพุ่งเข้ามาจุดๆ เดียวกัน ทำเอาผมลำบากใจมาก จนต้องยอม “ยก” ให้คนอื่นเข้าโค้งไปก่อน เพื่อเลี่ยงการชน แม้ว่าในกติกาเรือใบผมจะได้สิทธิ์นั้นก่อนก็ตาม
   ครูบอกว่าอย่าชน ผมก็เลี้ยงให้ครับ ทำตามคำสั่งครู รักษาเรือมากกว่าลำดับการแข่งขัน ผลแพ้ชนะจะอย่างไรก็ช่าง เรือผมต้องไม่ชน ผมรู้แค่นี้
   มือเย็นกินที่ตลาดอีกเช่นเคย วันนี้ผมกินสุกี้แห้งทะเล ลองร้านเปิดใหม่ดูบ้าง รสชาติกลางๆ ครับ ปิดท้ายด้วยเต้าฮวย แล้วก็กลับเข้าบ้าน ซ้อมดนตรีกับตาล นั่งคุยกัน แยกย้ายกันตอนสามทุ่มกว่า

O'Pern:
9 เมษ 59
   ผมชวนตาลไปหาหมูย่างกินกันที่ตลาด ขี่ไปกันสองคัน จัดข้าวเหนียวหมูมาคนละชุด ตามด้วยน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋อีกด้วย เอาไปกินที่ริมชายหาด บรรยากาศดีมาก แต่ขยะเยอะไปหน่อย กินเสร็จเลยเก็บขยะริมหาดทรายถุงใหญ่เอาไปทิ้ง ไม่ต้องถ่ายภาพมาลงเฟซบุ๊คอะไรเหมือนคนอื่นเขาหรอก ผมไปทะเลก็เก็บขยะประจำทุกครั้ง เก็บมากเก็บน้อยก็แล้วแต่เราสะดวก แต่ถ้าเจอของอันตรายนี่ต้องเก็บขึ้นอย่างทันที เช่นพวกขวด หลอดไฟ แท่งเหล็กแหลมคม แก้ว ฯลฯ
   เช้าประกอบเรือ วันนี้เราจะฝึกเดินทางไกลกัน เราจะไป “เกาะหมู” เกาะที่อยู่ตรงหน้าเรา ที่เรามองเห็นมันทุกวัน ห่างจากฝั่ง 4.1 กม แต่ต้องวิ่งทวนลมขึ้นไป เลยใช้เวลาราว 1 ชม
   ขาไปนี่สิ ทุกลักทุเลหน่อย เพราะให้นักเรียนทั้ง 3 กลุ่ม ไปเรือลำเดียวกัน เรือผมมี จ๋า ผม พี
   จ๋าเป็นผู้หญิง แต่ก็ตัวตัวพอๆ กับผม ส่วนพีนี่สูงใหญ่เยอะ เลยไปแลกกับ “เจน” ทำให้พี่ได้ไปอยู่ลำเดียวกับ “เจ็ท” เพื่อนที่เขาชวนกันมา สองคนนี้สนิทกัน ซี้กัน เลยสมใจเขาเลย
   ผมให้ “เจน” กับ “จ๋า” นั่งที่ด้านข้างเรือ ส่วนตัวเองยอมนอนขวางตรงเสา คอยถ่วงเรือช่วย นึกว่าสบายๆ นะ แต่เปล่าเลย แม่งเมื่อยสัส แถมน้ำทะเลกระเด็นเข้าหน้า เข้าปากตลอดเวลา ฮ่วยยย
   กว่าจะถึงเกาะหมูได้ก็เมื่อยตัว จอดเรือแล้วรีบโดดลงแช่น้ำเลย กินน้ำ กินขนมกันสนุกสนานเลย เมื่อวานออกเงินไป 500 บาท ร่วมสมทบทุนซื้อของกินปาร์ตี้เล็กๆ กัน มาถึงเกาะเหนื่อยๆ นี่กินสไปร์ทก่อนเลย ตามด้วยเลย์ และโอริโอ้ โหห แม่งแดกเป็นเด็กๆ เลยน่ะ แต่มีข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างจากครูติดมาให้ด้วยกัน จัดกันหมดเกลี้ยงเลยล่ะ หิวๆ นี่กินอร่อยมาก
   อยู่บนเกาะกัน 3 ชม ครับ เดินเล่นตามอัธยาศัย ผมเดินไปทางเขื่อนหิน พบว่าด้านนั้นของเกาะเป็นหาดหิน แต่ที่เราจอดเรือกันเป็นหาดทราย ไปนอนเล่นแช่น้ำให้คลื่นตีโยกเยกที่หาดหิน ผมว่าสบายดีนะ หินมันไม่ติดตัวแล้วรำคาญเหมือนเมล็ดทราย นอนตรงนี้อยู่คนเดียวราว 15 นาที ใส่ชูชีพด้วยไง ตัวเลยลอยๆ ล่องลอยดี สบายดี แม้จะกลางแดดจ้าก็เอาหมวกมาปิดหน้าซะก็สิ้นเรื่อง รู้สึกผ่อนคลายมากๆ เลย
   มีเล่นเกมกันด้วยนะ เกมขำๆ ให้นักเรียนร่วมสนุกกันน่ะ เกมเติมน้ำใส่ขวด ใครเต็มก่อนชนะ แต่ขวดดันมีรูรั่วที่ครูแกล้งเจาะเอาไว้ ทีมใดแพ้โดนเขียนหน้า จัดไปครับ ผมก็โดนกับเขาเหมือนกัน
   อ้อ ที่หาดทรายด้านที่เราจอดเรือกันมีปะการังด้วย มีหอยเม่น ปลาดาว ฯลฯ แต่ไม่ถึงกับสวยมากนัก
   บนเกาะมีหมาชื่อ “กังฟู” มันชอบเล่นกับคนมาก คาบขวดไปให้คนขว้าง แล้วมันก็จะว่ายน้ำไปเก็บมาให้ เล่นวนเวียนอยู่แบบนี่ได้ตลอดเวลา น่ารักดีนะ มันคงเหงามากที่ปกติไม่มีใครมาเล่นกับมัน มันก็อยู่กับชาวบ้านบนเกาะที่รับจ้างพานั่งเรือไปดำน้ำรอบๆ เกาะนี้
   ขากลับเดินทางตามลม ใช้เวลาแค่ 30 นาที เปิดใบเรือครั้งเดียว มุมเดียว ลากยาวถึงฝั่งเลย ต่างจากขามาที่ต้องแทคกันหลายครั้งกว่าจะมาถึง
   กลับเข้าฝั่งแล้วก็เก็บเรือเลย เฮ้ย วันนี้เลิกเร็วกว่าปกตินิดหน่อย เลยขี่จักรยานเล่นที่สวนสาธารณะหน้าบ้าน จนเย็นๆ ค่อยขับรถออกไปตลาดหาของกินกับเจ้าตาล กลางคืนก็นั่งคุย เล่นดนตรีกัน ตาลชอบดนตรีเอามากๆ ไม่คุยกันนี่ไม่รู้นะนี่ ดูภายนอกแบบเงียบ ขรึม ปล่อยมุขแบบตลกลึก

O'Pern:
10 เมษ 59
   เช้ายังคงกินหมูย่าง ไก่ย่าง ข้าวเหนียว น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ นี่วันสุดท้ายแล้วนะ ในที่สุดวันที่ 10 ก็มาถึง ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเจ้าตาลเขาจะกลับเย็นนี้ ส่วนผมอยากค้างต่ออีกคืน คงต้องหาที่นอนเอาเองซะแล้ว
   “เจน” เขามากับลูกที่เรียนออปติมิสต์ แต่เมื่อวานสามีมาหา และจะขับรถกลับให้ ผมเลยขอจองห้องพักของเขาต่ออีกคืน ได้สิทธิคิดเรทราคาเดียวกันกับเขาที่มีทหารจองให้ คืนละ 400 บาท ถ้าคนนอกจองจะคืนละ 550 และไม่รับประกันว่าจะจองได้
   เป็นอันว่าคืนนี้มีที่ซุกหัวนอนแล้ว
   เช้านี้ยังคงมีแข่งเรือต่ออีกนะ ขนาดวันสุดท้ายแล้วยังไม่แรงไมหยุด เช้านี้จัดไปอีก 1 race รูปแบบสนามเหมือนเดิม ยิ่งฝึกยิ่งคล่องจริงๆ ด้วยนะ มีสนามหนึ่งผมเข้าที่ 2 ด้วย ดีใจๆ ฝีมือเริ่มพัฒนา รู้ตัวว่ามาแซงเรือหลายลำตอนจังหวะเล่นทวนลมนี่แหละครับ
   การแล่นทวนลมมันมีเคล็ดลับนิดหน่อย คือต้องดึงใบให้ถึงมุมกาบเรือ และถ้าดึงให้ถึงขีดสุดก็คือตัวรอกสองตัวมาชนกัน จะเรียกว่า Box To Box และต้องเอา Dagger Board ลงสุด พร้อมกับถือหางให้ให้เรือวิ่งเข้าหาลม 45 องศา หากใครทำตามนี้ได้หมด เรือจะแล่นเข้าหาทุ่นด้วยมุมองศาที่มากกว่า ทำให้ใช้การแทคน้อยกว่าเรือลำอื่น
   คือมุมไต่ของเราชันกว่าน่ะ คนอื่นอาจต้องแทคกัน 5-6 ครั้ง แต่เราใช้แค่ 4 ก็อ้อมทุ่นได้แล้ว เรือเราวิ่งระยะทางสั้นกว่าอีกด้วย
   แข่งจนถึงกลางวัน และประกาศผล ผมได้ที่ 4 จากนั้นก็เก็บเรือแบบถอดทุกชิ้น ล้างทำความสะอาดอย่างดี ถอดใบเรือพับใส่ซ่อง มัดเชือก 5 เส้นรวมกันให้เป็นชุดๆ ฯลฯ
   ขณะเก็บเรือก็รู้สึกโหวงๆ ขึ้นมา เฮ้ยย มึงจะมาดราม่าทำไมวะ รู้สึกใจหายที่ต้องจากครู จากเพื่อนๆ จากสถานที่ เลยถ่ายรูปบรรยากาศเก็บเอาไว้ดูตอนคิดถึง
   ถ่ายรูปเรือคู่ชีพของเรา เบอร์เรือตรงกับวันเกิดเรา ห้องอาบน้ำล้างตัวที่พวกเรามายืนอาบน้ำร่วมกัน ริมหาดที่พวกเรามาประกอบเรือกันทุกเช้า ฯลฯ
   อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เป็นเสื้อที่ได้รับแจกให้สีเหลืองสด สกรีนรูปใบเรือสีแดง สวยดีนะ ตอนบ่ายมีการรับมอบประกาศนียบัตร เสร็จแล้วปิดท้ายด้วยปาร์ตี้อาหารเล็กๆ น้อยๆ
   หลายคนทยอยกลับเลย ร่ำลา คิดถึงกัน คงมีบางคนที่ผมต้องได้เจอเขาอีก และมีอีกหลายคนที่คงไม่ได้พบกันอีกเลย เก็บความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันไว้ ผมเมมไว้หมด ทั้งคนสนิท และไม่สนิท ทุกคนล้วนเป็นประสบการณ์ของผม
   ผมอยู่ในงานจนถึงคนท้ายๆ ยืนส่งเพื่อนๆ หลายคนกลับบ้าน จนเหลือแต่พวกครู เดินเข้าไปขอบคุณคุณครูทุกท่าน บอกความในใจเล็กน้อยว่า ผมรู้สึกดีกับคุณครูทุกท่าน ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลพวกเรา ขอขอบคุณจากใจ
   ขับรถต่อไปยังศูนย์สมุทรกีฬา ที่พักในละแวกนี้ที่ผมชอบมากที่สุด นอนห้องต่อจากเจนที่มากับลูกเขา ยังแซวลูกเขาว่าถ้าเหลือขนมก็ทิ้งไว้ในตู้เย็นบ้างก็ได้นะ แต่ก็ไม่มีเลย ว้า เจ้ามิงเก้กินหมดเกลี้ยงเลยหรือนี่
   รีบเปิดแอร์ทันที โหห กูได้นอนห้องแอร์แล้วโว๊ยยย ไม่ได้นอนแอร์มา 5 คืน รีบเปิดทีวีดูเลย นี่ไม่ได้ดูทีวีมา 10 วัน โห ตื่นเต้นมาก
   อาบน้ำนานๆ แบบไม่ต้องเกรงใจใครเลย สระผมอย่างสบาย ไม่ต้องเร่งรีบ พักคนเดียวมันอิสระแบบนี้แหละครับ
   ซักเสื้อผ้าที่ใช้เล่นเรือ มีเพียงถุงมือที่ขาดกระจุย มันเริ่มขาดตอนเรียนวันที่ 7 แล้วล่ะ จากนั้นก็ขาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนนิ้วโป้งขวาขาดจนนิ้วโผล่ ถุงมือหนังกลับของ Fox เลยนะ เสียดายเลย
   ตอนนี้ที่ผมอยากได้ก็คือถุงมือและรองเท้าครับ ไม่รู้จะไปหาที่ไหนดีเหมือนกัน นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ยังพอได้ไปต่างประเทศบ้างก็ไม่ยากขนาดนี้ คงไปเดินดูเอง เลือกเอง แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้วสิ วันๆ อยู่แต่ร้านขายของ จากเดิมทำงานใช้สมอง ตอนนี้มาทำแบบใช้แรงงาน
   อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่าน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง อดทนเวลาทีฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ


ครูบัง ครูที่สุดยอดมาก

Navigation

[0] Message Index

[#] Next page

[*] Previous page

Go to full version