Bike Forum > my bike diary / my life diary

เมษ 59 1-10 เรือใบที่สัตหีบ

(1/6) > >>

O'Pern:
1 เมษ 59
   วันแรกของการเรียนเรือใบอย่างเป็นทางการ ผมไปถึงเช้ากว่าปกติหน่อย เพราะชอบเผื่อเวลา แต่แล้วก็เจอเหตุไม่คาดฝัน มีการปิดถนนเส้นเลียบชายหาดและถนนเส้นกลางในค่าย ทำเอารถติดพอควร ผมเอารถยนต์เข้ามาจอดที่สโมสรเรียบร้อยแล้ว กำลังจะขี่จักรยานไปหาของกินที่ตลาด เลยต้องขี่อ้อมย้อนไปไกลกว่าเดิมเยอะ แถมเป็นเส้นทางที่เราไม่คุ้นอีกด้วย ตั้งใจจะขี่ไปซื้อหมูย่าง ข้าวเหนียว น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ เอากลับมากินที่สโมสร ผมชอบนั่งกินที่นี่ มันบรรยากาศสบายๆ ดี แต่เวลามันล่วงเลยไปมาก กลัวจะเข้าเรียนไม่ทัน เลยกินพวกแซนวิชใน 7-11
   กว่าจะเปิดถนนได้ก็ทำเอานักเรียนและครูหลายคนมาสาย มารู้ทีหลังว่า “องค์ภา” ท่านมาฝึกซ้อมไตรกรีฬา ทรงวิ่ง จักรยาน และว่ายน้ำ ในละแวกหาดดงตาล
   ดีนะนี่ที่เมื่อวานผมไม่ได้ขับเข้ามาเที่ยว ไม่งั้นเกิดเจอปิดถนนเข้า ผมคงหาทางเลี่ยงหลบกับเขาไม่เป็น ก็ไม่รู้จักทางเบี่ยงทางเลี่ยงใดๆ ในค่ายเลยนี่
   ช่วงเช้านี้ครูจะวุ่นเรื่องเอกสารเป็นอย่างมาก มีนักเรียนหลายคนยื่นชื่อมาแต่ยังไม่ได้ชำระเงินลงทะเบียนเรียน ผมเองก็ชำระเงินด้วยการโอนเงินผ่านบัญชี “ครูวัฒน์” ครูสอนเรือใบออปติมิสต์ สมัยที่มิวมาเรียนเมื่อ 3 ปีก่อน
   พอสายหน่อยก็มีผู้ใหญ่จากในกองทัพมากล่าวเปิดงาน ตามด้วยการแนะนำตัวครู แล้วก็พักกลางวัน มีข้าวกล่องแจกฟรีครับ พอภาคบ่ายนี่แหละถึงจะได้เริ่มเรียนกันอย่างเป็นทางการ แต่ก็เริ่มด้วยการแนะนำตัวให้เพื่อนๆ ในห้องรู้จักกันแบบคร่าวๆ
   วันแรกนี้ยังไม่มีอะไรมาก แค่เรียนเรื่องพื้นฐานของกีฬาเรือใบ ทิศทางลม การเลี้ยวทวนลม (tack) การเลี้ยวตามลม (gybe) การแล่นใบมีสามทิศทางคือ วิ่งทวนลม (beat) วิ่งขวางลม (reach) วิ่งตามลม (run) ตลอด 10 วันนี้ เราจะต้องเจอไอ้ 5 คำนี้เป็นเรื่องปกติ
   เลิกเรียนตอนเย็น ผมแวะเข้าไปในร้านสวัสดิการ (เรียกว่าร้านพันธุ) จัดเอาส้มตำผลไม้มากิน กะจะให้พรุ่งนี้เช้าถ่ายให้ได้ เลยต้องอัดพวกเส้นใยอาหารเข้าไปเยอะๆ เพราะตลอดวันนี้และอีก 10 วันข้างหน้า ผมจะต้องเจอกับอาหารที่แย่มากแน่ๆ

O'Pern:
2 เมษ 59
   รีบขับรถเข้ามาจอดที่สโมสร เอาจักรยานออกขี่ไปตลาด รีบไป รีบกลับเลยนะ กลัวโดนปิดถนนแบบเมื่อวานอีก องค์ภาท่านจะเสด็จกลับวันนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นช่วงเวลาใด
   เช้านี้ขี่ไปกินข้าวมันไก่ร้านเดิมสมัยตอนที่เคยพามิวมาเรียน รสชาติกลางๆ ครับ กินแบบไม่เสียดายเงิน ผักน้อยไปหน่อยก็ต้องยอมทน ผ่านตลาดแวะซื้อน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋มากินเพิ่มอีกหน่อย
   ช่วงเช้านี้เรียนการ “แทค” และ “ไจป์” ผมอาสาขึ้นไปฝึกบนแท่นฝึกเป็นคนแรกเลยล่ะครับ เพราะครูจะสอนเราซำอย่างละเอียด อ้อ ลืมบอกไป การเรียนครั้งนี้มี “ครูบัง” เป็นหัวหน้าครูฝึก และ “ครูเป้” เป็นหัวหน้าครูภาคสนาม ผมได้ครูทั้งสองท่านสอนอย่างใกล้ชิด ไอ้ทำบนแท่นฝึกบนบกมันก็ง่ายดีหรอกนะ มีครูช่วยจับเรือให้หมุนไปในทิศทางที่มันควรจะเป็น แถมเรือบนแท่นมันนิ่งมาก แต่ครูย้ำเตือนเสมอว่าพอลงไปในทะเลแล้วมันจะคนละเรื่อง
   พักกลางวันกินข้าวกล่องโฟม รู้ว่าไม่ดี แต่ก็ไม่มีใครบ่นอะไร ก้มหน้าก้มตากินกันไปอย่างเอร็ดอร่อย ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น วันที่สองแล้วเริ่มรู้จักเพื่อนๆ หลายคน เจอใครเดินมาใกล้ก็ชวนเขานั่งกินข้าวด้วยกัน ตอนนี้ในห้องเรียนแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ เองแบบอัตโนมัติ คือกลุ่มเด็ก และกลุ่มผู้ใหญ่
   กลุ่มเด็กคือกลุ่มพวกเด็กๆ มัธยม มีเด็กจากสวนกุหลาบมากัน 4 คน อ่อนกว่ามิว 1 ปี ถ้ามิวมาด้วย คงได้เป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มนี้ แต่ก็มีเด็กมัธยมจากที่อื่นอีกด้วย เด็ก ม6 มี 3 คน ม3 อีก 3 คน ม4 อีก 2 คน เฮ้ยย ปีนี้กลุ่มเด็กเยอะมากเลย ฯลฯ
   กลุ่มผู้ใหญ่ก็คือแนวผมเลยล่ะ “เต่า ช่างภาพ” “แนนกันแอดดี้ สองสาวพี่น้องกัน” “แอร์ จบจากเกษตรศาสตร์ ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย เดือนหน้าจะกลับไปอยู่บ้านแม่ที่ จ เลย” “เจน มาเรียนกับลูก แต่ลูกเรียนเรือออปติมิส” “จูนมากับเพื่อนที่เรียนวินเซิฟ” ฯลฯ
   บ่ายลงทะเลอย่างเป็นทางการ ฝึกการแทค เฉพาะแค่การเลี้ยวง่ายๆ ทำเอาเรือล่มพลิกไปหลายลำ แต่ที่สาหัสสุดคือการ “โดนบูมตีหัว” โดนกันทุกคนครับ เบาบ้าง แรงบ้าง ตามตำแหน่งที่เรานั่ง ความเผลอไผลของตัวเราเอง และความแรงของลม
   ผมลองแล้วรู้สึกว่าแม่งไม่ง่ายเหมือนตอนฝึกในแท่นเลยล่ะ แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี อ้อ เอารองเท้าเล่นเรือของ Triboard ไปใช้ ลงน้ำทีเดียวหลุดออกมาเป็น 4 ชิ้น (รองเท้าใหม่ แต่เก่าเก็บ) ยังดีที่มีรองเท้ายางแนว Croc สำรองมาอีกคู่ ไม่งั้นงานเข้าแน่นอน
   การฝึกภาคสนามแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่ม 1 คือคนที่เคยมีประสบการณ์แล่นใบมาบ้างแล้ว กลุ่ม 2 และ 3 คือมือใหม่เอี่ยม โดยกลุ่ม 2 จะเป็นผู้ใหญ่ กลุ่ม 3 จะเป็นเด็ก ผมอยู่กลุ่ม 2 ครับ
   เรือ 1 ลำ ก็จะมีนักเรียนใช้ร่วมกัน 3 คน คือนักเรียนกลุ่ม 1 2 และ 3 วันนีนักเรียนกลุ่ม 1 ของเรือลำผมไม่มา ผมเลยอาสาลงฝึกกับกลุ่ม 1 และควบโควตาการฝึกของกลุ่ม 2 ไปด้วย
   จัดไปด้วยความคึก พอเข้าฝั่งมานี่ถึงกับซีด แม่งไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิดเล้ยยย โดนบูมฟาดหัวไป 1 โป๊ก ตกน้ำไป 1 ครั้ง
   ช่วงเย็นนำเรือเข้าฝั่งแล้วก็ล้างเก็บเรือ เริ่มจากฉีดน้ำล้างให้ทั่วทุกชิ้นส่วน ปลดเชือกทุกเส้นที่ใช้ขึงเรือ ยกเสาออกจากเรือ ม้วนเก็บใบ ถอดหางเสือ เป็นอันเสร็จพิธี
   เสร็จแล้วกลับเข้าห้องฟังครูบังสรุปผลการเรียน ตอบปัญหาข้อข้องใจ ซึ่งช่วงเวลานี้ผมจะมีปัญหาเยอะมาก ถามครูได้สารพัดเรื่องเลย โดยปัญหาใหญ่ของผมก็คือ “การถือหางเสือ” ผมว่ามันบังคับยากมากๆ ไอ้ที่ผมโดนบูมฟาดหัว และเรือล่ม ก็เพราะมาจากการคุมหางเสือเรือนี่แหละครับ
   ตรงข้ามบ้านเอ๋ จะมีตลาดนัดชื่อ “ตลาด 700 ไร่” ทุกวันพฤหัสและเสาร์ วันนี้เลยลองเดินข้ามไปดู ก็สนุกและแปลกตาดีครับ มีฟองดูช็อคโกแลต แต่เขาใช้กล้วยไข่ชุบนะ ขายไม้ละ 10 บาท ช็อคโกแลตไม่หวานมาก อร่อยดีครับ


ถ่ายกับครูบัง ครูหัวหน้าชุดฝึกเรือใบเลเซอร์

O'Pern:
3 เมษ 59
   เช้านี้แวะซื้อข้าวเหนียวหมูย่าง น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ แถวหน้าบ้านไอ้เอ๋ก่อนเลย เพราะต้องกินแนวนี้อีกหลายวัน ลองร้านใกล้บ้านให้มันรู้กันไปว่ารสชาติเป็นอย่างไร
   มาถึงห้องเรียนราว 0730 นั่งกินหมูย่างทันที รสชาติดีครับ ชอบตรงเป็นเนื้อหมูล้วนๆ แผ่นบางๆ ที่ไม่ชอบคือแบบที่ต้องมีก้อนมันหมูเสียบไว้ตรงโคน
   เจอนักเรียนที่มาเช้าก็ได้คุยกันบ่อยหน่อย ชื่อ “น้องพี” เรียนชั้น ม3 ที่หนองคาย หุ่นและบุคลิกคล้ายทหารตั้งแต่เด็กเลย และเขาชอบแนวนี้เสียด้วยสิ น้องพีอวดภาพที่ถ่ายตัวเองด้วยกล้อง Action Cam ที่หน้าตาเหมือน Go Pro ดูแล้วก็สนุกดี นึกถึงตัวผมเองที่อยากได้ Panasonic Action Cam แต่ก็คิดแล้วคิดอีก จนไม่ได้ตัดสินใจซื้อเสียที ไม่งั้นตัวเองก็คงมีภาพในเรือใบเท่ๆ กับเขาบ้าง
   “เต่า” กับ “แอร์” พักอยู่ที่บางแสนเหมือนกัน เลยแชร์รถกันขับคนละวัน เฮ้ย ไอเดียดีว่ะ เต่าเป็นช่างภาพ โชคดีมีเขามาในชั้นเรียนนี้ พวกเราหลายคนเลยมีภาพสวยๆ กัน ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แอร์จบจากออสเตรเลียด้านสิ่งแวดล้อมมา ช่วงเช้านี้คุยกันแบบผสมผสานทั้งกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ บางคนเงียบๆ ก็ไปนั่งคนเดียวจนผมต้องเดินไปชวนพูดคุยบ้าง
   หลังจากนี้จนถึงวันสุดท้าย พวกเราจะต้องลงน้ำกันทังวันจนถึงวันสุดท้ายของการเรียนเลยล่ะ ตลอดวันนี้ยังคงเรียนเรื่องแทค โดยครูจะวางทุ่นให้พวกเราเลี้ยวกลับตัว 2 ทุ่น เป็นการแล่นแบบขวางลมที่ง่ายหน่อย แต่ก็อีกนั่นแหละครับ พอลมแรงแม่งจะยากมากขึ้นทันทีโดยไม่ได้ตั้งตัว
   บ่ายเรียนเรื่องไจป์ ไอ้นี่ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะองศาของใบเรือมันเปิดมากกว่า พอใบพลิกกลับจะเหวี่ยงแรงกว่า คุมหางเสือยากกว่า ผลก็คือเรือล่มง่ายกว่า ยิ่งถ้าเป็นการแล่นตามลมด้วยแล้ว จะยิ่งเพิ่มความยากเข้าไปอีก จุดนี้ล้มกันระเนระนาดครับ ยังดีที่ครูบังสอนการ “กู้เรือ” แบบพื้นฐานมาให้แล้ว เลยได้ใช้เคล็ดวิชานี้อย่างเต็มที่
   รองเท้าสำรองเริ่มถลอก ผมเล่นเรือเยอะมาก นักเรียนกลุ่ม 1 ของเรือผมยังไม่มา ผมจัดเองคนเดียวทั้งการเล่นของกลุ่ม 1 และ 2 พอถึงเวลาของกลุ่ม 3 จึงเข้าฝั่งมาเปลียนให้ “พี” มาเล่นแทน พีคนนี้เพิ่งจบ ม6 จากสาธิตประสานมิตร เข้าวงการด้วยการชักนำของเพื่อนชื่อ “เจท”
   เย็นเก็บล้างเรือ เข้าชั้นเรียนสรุปความผิดพลาดของวัน สภาพแต่ละคนสะบักสะบอมมาก ยิ่งบ่าย ยิ่งลมแรง และยิ่งเละเทะกันเข้าไปใหญ่ กลิ้งกันไม่เป็นท่าเลย บางคนกู้เรือไม่ไหว ครูต้องเข้ามาช่วย 
เย็นนี้ขับรถกลับบ้าน แวะ “พันธุ” ของหน่วยนาวิกโยธิน หาซื้อเสบียงมาเติม กลับเข้าไปกินข้าวในห้องพัก กลับบ้าน ซักผ้า ตาก หมดแรง นอน


ฟี เจท และผม ยกเรือแบบนี้เพื่อเทน้ำที่ค้างอยู่ในลำเรือก่อนเก็บ ทำหลังเลิกเรียนทุกวัน

O'Pern:
4 เมษ 59
   เช้านี้ลองขี่จักยานไปเรียนบ้างดีกว่า แวะซื้อไก่ทอดหาดใหญ่แถวตลาด ร้านนี้ข้าวเหนียวอร่อยดี นุ่ม หอม อันไหนอร่อยเราก็เมมไว้ครับ ไว้จะมาจัดซ้ำอีก
   ภารกิจช่วงเช้าของทุกๆ วัน นักเรียนทุกคนต้องมาช่วยกันประกอบใบเรือครับ ผมนี่ตั้งใจเรียนอย่างมาก เลยทำทุกอย่างเป็น แต่ด้วยความที่อยากเก่ง เลยไปช่วยคนอื่นเขาประกอบเรือด้วย ยิ่งช่วยมาก เราก็ยิ่งชำนาญมากขึ้น แรกๆ ก็ผูกเชือกผิดๆ ถูกๆ พอครูมาแก้ไขให้ เราก็จำไว้
   ประกอบเรือเสร็จก็เข้าห้องเรียน ครูบังจะบอกว่าวันนี้พวกเราจะฝึกอะไรกันบ้าง แล้วก็เป็นไปตามคาด ยังคงฝึกแทคกับไจป์ แต่ครูจะเริ่มวางทุ่นให้พวกเราแล่นใบกันยากขึ้นอีกนิด
    วันนี้นักเรียนกลุ่ม 1 ของผมมาแล้วนะ ชื่อ “จ๋า” มาจากอุตรดิษฐ์ เขาเล่นเรือใบเป็นมาก่อนแล้ว เลยไปต่อได้อย่างไม่ยากนัก
   เช้านี้จ๋าเลยได้ลงเรือในกลุ่ม 1 ส่วนผมรอจ๋าเข้าฝั่งมาเปลี่ยนผลัด ส่วนเจ้าพีกลุ่ม 3 นี่รอยาวนานจนหลับได้เลย
   ยังคงเรียนเรื่องแทคกับไจป์ มันคือพื้นฐานของการแล่นเรือเลยล่ะ ช่วงเช้าวันนี้ลมแรงดี แต่แรงจนต้องหยุดพักเข้าฝั่ง เพราะเรือล่มกันระเนระนาด พวกลุ่ม 1 ที่แล่นใบเป็นแล้วยังแทบไม่รอด
   พักรอลมเบาจนถึงเที่ยง พักกันยาวเลย พอบ่ายกลุ่ม 2 และ 3 ก็ออกไปฝึกจนถึงเย็น แล้วก็กลับมาเก็บเรือ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาราว 1 ชม เริมตั้งแต่ยกเรือขึ้นฝั่ง ล้างเรือ ถอดเสา ถอดเชือก 5 เส้นที่ใช้ประกอบใบ ตอนรื้อก็ง่ายดีหรอก ตอนประกอบนี่สิ จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
   เข้าห้องสรุปตอนเย็น คุยถึงเรื่องข้อผิดพลาดที่แต่ละคนเจอมา ก็สนุกดีครับ เจออาการแปลกๆ ของแต่ละคนแล้วขำ
   กลับเข้าบ้านเอ๋ วันนี้เจอของแข็ง อย่างโหดเลย ปกติขับรถยนต์เข้าบ้าน หมาไม่เคยเห่าอะไร มาวันนี้ขี่จักรยานเข้า เห่ากันเกรียวเลย เกรงใจแม่ไอ้เอ๋ที่อยู่บ้านอีกหลัง เห่าเสร็จมันมานอนขวางหน้าห้อง พอเดินเข้าไปใกล้มันก็เห่าขู่จะกัดเอา เข้าห้องไม่ได้ นั่งรออยู่ราว 10 นาที โชคดี น้องไอ้เอ๋มา เลยขอให้เขาช่วยหน่อย ถึงได้รู้ว่าหมาชื่อ “โชคดี”
   นี่ถ้าน้องไอ้เอ๋ไม่มา ผมจะทำอย่างไรนะ

O'Pern:
5 เมษ 59
   เอาจักรยานออกซ้ำอีกครั้ง แม้จะหวั่นๆ ขากลับหน่อยก็ตาม แต่กะว่าจะรีบกลับ เพราะเมื่อวานกลับค่ำ มันมืดๆ หมามันคงจำเราไม่ได้ วันนี้ขอแก้ตัวใหม่
   แวะกินข้าวมันไก่ในตลาดบ้างดีกว่า ร้านเก่าแก่ที่เคยพามิวและเดอะแกงค์เรือใบมานั่งกินตอนเช้าเมื่อสามปีก่อน ปกติร้านอาหารในกรุงเทพฯ ถ้าเป็นร้านมีชื่อเสียงเขาก็จะขายอาหารอย่างนั่นอย่างเดียว เช่น ร้านข้าวมันไก่ ร้านต้มเลือดหมู ร้านโจ๊ก ฯลฯ แต่ที่สัตหีบนี่ร้านเดียวแต่ขายแม่งครบเลย จนเราไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรดี ร้านนี้ขายต้มเลือดหมู โจ๊ก ข้าวมันไก่ ก๋วยจั๊บ แปลกมากตรงที่ทำทุกอย่างออกมาได้ค่อนข้างดี คนเลยแน่นตลอดทุกเช้า
   กินเสร็จซื้อนำเต้าหู้ ปาท่องโก๋เข้าไปกินที่ห้องเรียน กินเสร็จก็เริ่มประกอบเรือกันได้ ใครมาก่อนก็ช่วยกันก่อน ผมไง ผมมาเช้าคนแรกทุกวัน ประกอบแม่งวันละ 5 ลำก็มีมาแล้ว โหดสัสเลย
   ประกอบเรือก็หนึ่ง แต่ไอ้ที่ใช้แรงเยอะนี่คือการยกเรือครับ ตอนเช้าก็ยกลงทะเล ตอนเย็นก็ยกขึ้นฝั่ง ยกจนนิ้วหงิก เราเป็นผู้ชายด้วยไง จะมาทำติ๋มๆ เดินหนี แม่งก็ไม่แมน สุดท้ายไอ้แมนๆ นี่แหละ พวกมึงยกกันไปซะ ไอ้คนที่ช่วย แม่งก็ช่วยตลอด ไอ้คนที่ไม่ช่วย แม่งก็เดินหลบอู้รู้งานตลอดเช่นกัน
   เช้านี้ฝึกวิ่งทวนลมกันบ้างแล้วนะ วิ่งทวนลมนี่เราต้องวิ่งซิกแซกสวนลมขึ้นไป ยากดี เหนื่อยดี ต้องดึงใบเยอะ ใช้แรงเยอะ เริ่มจากกลุ่ม 1 ตามด้วย 2 และ 3 เช่นเคย ช่วงรอก็นั่งจับกลุ่มคุยกันเอง คุยกับครู ตามอัธยาศัย
   พอฝึกครบ 3 กลุ่มก็เข้าฝั่ง พักกินข้าวกลางวัน ก็ข้าวกล่องเหมือนเดิมนี่แหละ บางวันอร่อย บางวันเฉยๆ ก็โอเคดีครับ พอรับได้
   ช่วงบ่ายออกฝึกซ้ำเหมือนเดิม และมักจะเจอคลื่นลมที่แรงขึ้นกว่าช่วงเช้า แน่ล่ะ มันยากขึ้นเห็นๆ กลิ้งกันเยอะเลย ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น บ่ายวันนี้เป็นวันที่ผมต้องจดจำเลยล่ะ เรือล่มไป 7 รอบ รอบที่ 3-7 ล่มต่อเนื่องติดๆ กัน ล้มแบบท้อเลยล่ะ เพราะกู้เรือจนหมดแรง ขนาดครูเรียกให้เข้าฝั่ง ผมยังกู้เรือขึ้นมาไม่ได้เลย
   เรือล่มแบบแปลกๆ เจอการพลิกคว่ำแบบไม่รู้ตัว แล่นๆ มาดีๆ แม่งพลิกล้มกลิ้งเลย โดนบูมตีเข้าหน้าแบบไม่รู้ตัว เรียกว่ากระเด็นลงน้ำแบบงงๆ
   ไอ้ทีกู้เรือจนหมดแรงก็เพราะล้มแล้วล้มอีก กู้เรือขึ้นมาแล้วเรือแม่งวิ่งหนีเราไปอีกสิบกว่าเมตร คือมันแล่นเองเพราะเชือกดึงใบมันตึง ทำให้ใบกินลม เรือเลยแล่นเอง ต้องว่ายตามไปกู้เรือใหม่อีกครั้ง
   บางทีเจอแบบเรือล่มแล้วเสาจมอยู่ในน้ำ ต้องออกแรงมากๆ ๆ กู้จนท้อใจ จนมีครั้งหนึ่งเรือล่มแบบเสาปักดินเลย ไอ้นีโหดกว่าเพื่อน ใช้แรงโน้มเรือนานมาก
   หมดแรงแบบไปต่อไม่ไหวแล้ว ผมยกมือโบกอยู่นาน จนครูเข้ามาช่วยกู้เรือให้
   กลับเข้าฝั่งแบบสะบักสะบอม แว๊บหนึงในใจคิดว่านี่เราจะเล่นเรือใบไหวจริงๆ หรือนี่
   ถึงบ้านอาบน้ำ ดูสภาพร่างกาย ศอก เข่า เขียวช้ำ พุงเขียวเข้มเป็นรอยกดจากเรือ 3 จุด ดั้งจมูกแดง เจ็บ คืนนี้นอนหลับสบายเลยกู
   กลางคืน “ตาล” โทรมาหา บอกว่าให้ผมเข้าไปพักที่บ้านพักของเขาได้ อยู่ใกล้ๆ กับห้องเรียนเลย ห่างกันแค่ 1 กม
   ตาลบอกว่าได้ยินผมบ่นว่านอนไม่ค่อยหลับ เพราะบ้านอยู่ติดกับถนนใหญ่ บ้านตาลว่างอีก 2 ห้อง เลยแบ่งให้ผมห้องหนึ่ง
   โห ดีใจเลยสิครับ รีบแพ็คของทันที ผมนี่โคตรใจง่ายเลย


ตาล คนซ้ายมืดสุดในภาพ

Navigation

[0] Message Index

[#] Next page

Go to full version