Bike Forum > my bike diary / my life diary

มีค 59 5-6 Drift Comp สนาม 4 21 Motor Show

(1/6) > >>

O'Pern:
1 มีค 59
   วิ่งได้แค่ 30 นาทีเอง เฮ้ยย นอนก็ไม่ดึก ทำไมตื่นแล้วขี้เกียจลุก สาเหตุก็เพราะหมาเห่ากลางดึกอีกนั่นเอง ชีวิตกูนี่ต้องขึ้นอยู่กับหมาเห่าด้วยหรือวะนี่ งงสัส 
   มื้อเช้าคลาสสิค กระเพราไก่ ไข่ต้ม มีผักแกล้มเป็นแครอทลวก กระเทียมสด กินกับข้าวกล้องเหมือนเดิม
   ช่วงนี้ได้นั่งคุยกับมิวในรถทุกเช้า ก็อัปเดทชีวิตกัน เล่าโน่นนี่ให้เขาฟังไปเรื่อย แต่ปิดท้ายด้วยการสร้างแรงบันดาลใจให้เขาออกไปล่าฝัน
   เช้านี้นั่งโต๊ะเก็บเงินที่เก่าของเรา ไม่ได้มาตรงนี้เสียหลายวัน แม้จะนั่งสบาย แต่ก็ต้องรับโทรศัพท์กันทั้งวัน ถ้าช่วยสินค้ามีการปรับราคานี่วุ่นหนักเลยนะ เพราะจะโดนต่อว่าทันที หาว่าขึ้นราคาแล้วไม่บอกเขา ปัดโธ่ เราเองก็ไม่รู้ล่วงหน้าเหมือนกันแหละครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเหล้า เบียร์
   วันนี้งานน้อยครับ แปลกดีที่วันหวยออก งานจะน้อย ผู้คนในแผ่นดินสยามประเทศส่วนใหญ่จะงมงายกับการลุ้นโชคลาภมากกว่าสิ่งอื่นใด ถ้าวันนี้งานน้อย ก็พรุ่งนี้แหละครับที่จะงานเยอะแทน
   วันนี้เปิดรับสมัครเรียนเรือใบเป็นวันแรก วันนี้เมื่อสามปีที่แล้ว (2556) ผมกับกลุ่มผู้ปกครองขับรถไปสมัครเรียนเรือใบถึงที่สัตหีบ จากนั้นก็ตระเวนหาที่พักกัน กว่าจะกลับได้ก็ช่วงเย็นเลย
   แต่ปีนี้ผมไม่ได้ไปสมัครเองครับ พอจะรู้จักครูแล้ว เลยยื่นเอกสารผ่านไปรษณีย์ ตอนบ่ายไปโอนเงินค่าสมัครไป เท่านี้ก็เรียบร้อย
   งานนี้ไปคนเดียวครับ มิวเบี้ยวเสียแล้ว ก็ไม่อยากบังคับฝืนใจเขา คนที่ใจเขาไม่เอา บังคับไปก็เสียเวลาเปล่า ผมเองไม่ชอบการบังคับจิตใจ ก็เลยไม่บังคับมิวเขา
   กลางวันขี่จักรยานไปซื้อก๋วยจั๊บให้แม่ ซื้อข้าวหน้าเป็ดให้ภรรยา ส่วนผมกินก๋วยจั๊บแบ่งกับแม่ เสริมด้วยขนมเบื้องหวานเค็มมาอีก 1 กล่อง
   เสร็จแล้วถึงไปธนาคาร แล้วถึงจะว่าง แต่ว่าไม่ได้กลับบ้านหรอกนะ ผมต้องรอรับมิวเลิกเรียนตอนเย็น โห รออีก 3 ชม ไปไหนดีวะนี่ เมื่อวานก็ไปคอนโดมาแล้ว วันนี้ไปเดอะมอลล์ก็แล้วกันวะ
   เดินเตร็ดเตร่จนหมดมุข เลยเข้าไปซื้อของกินของใช้ในซุปเปอร์ เน้นพวกถั่วที่ลดราคา แอบมีหนมมาบ้างนิดหน่อย กะจะเอาไว้กินสุดสัปดาห์นี้ตอนไปงานดริฟท์
   มิวมาหาที่เดอะมอลล์ 0500 เลย ชวนกินซานตาเฟ่อีกด้วย งงเลย ทุกทีมีแต่จะรีบกลับท่าเดียว แม้ผมไม่ได้หิวอะไร แต่ก็กินไปเป็นเพื่อนมิว เขาลือกสั่งชุด Duo ตามโปรโมชั่น มีสเต็คอกไก่ กับ สปาเก็ตตี้ผัดไส้กรอก พออาหารมาเสิร์ฟ ผมนึกว่ามิวจะเลือกสปาเก็ตตี้เสียอีก กลายเป็นมิวจะกินสเต็คไก่ ยกสปาเก็ตตี้ให้ผมกินแทน เฮ้ยย ผัดแบบน้ำมันย่องเลยนะ
   กลับมาบ้านพ่อชวนกินเต้าหู้ทอดอีก โหห จัดไปอีกหน่อยหนึ่ง หึหึ วันนี้จัดค่อนข้างเต็มเลยนะมึง

O'Pern:
2 มีค 59
   ไม่วิ่งไม่ได้แล้ว เมื่อวานมึงแดกเยอะมาก วิ่งเท่านั้นที่จะผอมลงได้ เช้านี้จัดไป 50 นาที
   เช้านี้กินปลาเก๋าทอด กับยำมะม่วง ไข่ดาว ผักแกล้มเป็นใบโหระพาเพียบๆ
   มิวออกไปด้วยเช่นเคย วันนี้เขาเรียนที่ช่องนนทรี ย่านนั้นอาหารการกินอุดมสมบูรณ์มาก แต่มิวกับเพื่อนมักจะกินแต่ในร้านแบรนด์เนมที่เขาคุ้นเคย
   เช้านี้งานเยอะหน่อย ผมไปยกของในโกดังแต่เช้า แล้วก็มานั่งในออฟฟิซต่อ ช่วงเช้าโทรศัพท์เข้ามามาก ค่อนข้างจะวุ่นหน่อย แต่หากจัดระเบียบให้ดีก็ไม่มีอะไรมากนะ
   บ่ายไปธนาคาร แต่ไม่ได้กลับบ้านต่อนะ ต้องมีหน้าที่รับมิวกลับบ้าน เขาเลิกตั้ง 0500 แน่ะ ไม่รู้ไปรอไหน ก็เข้าไปที่เดอะมอลล์ครับ เดินจนเบื่อ เลยขับไปจอดชั้นบนสุด คนน้อยๆ นั่งอ่านหนังสือเล่นในรถ
   แต่อีกพักเดียวมิวโทรมาหาบอกว่าเลิกเรียนแล้ว เย้ๆ ดีใจมาก ไม่ต้องรอถึง 0500 แล้ว มิวขอซื้อหนังสือการ์ตูนเครื่องบินที่เขาบอกชื่อ Captain Alice ส่วนผมดูกล้อง Action Cam ของ Panasonic ลุ้นให้ลดราคา แต่ก็ยังเท่าเดิมอยู่เลย 11900 ไอ้กล้องตัวนี้เล็งมาเป็นปี แต่ถ้าไม่ได้ไปไหนก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ ตอนนี้ใกล้จะไปเล่นเรือใบเลยอยากได้มากๆ แต่ไอ้ตัวนี้มันไม่มีหน้าจอในตัวเหมือนของค่ายอื่น จุดเด่นและจุดด้อยของมันคือจุดเดียวกัน

   วีต้าเบอรี่ ทำโฆษณาออกมาสำหรับพวก “คนติดจอ” เพราะมีวิตามิน A บำรุงสายตา ผมรอดูของ Neya ที่ผมให้แผนธุรกิจไปเมื่อปีก่อน แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า สงสัยเขาอาจเปลี่ยนแผน หรืออาจนำแผนของผมไปปรับใหม่ก็เป็นไปได้

O'Pern:
3 มีค 59
   ออกวิ่งได้แค่ 30 นาที
   วันนี้ต้องอยู่เฝ้าร้านตลอดวันยันปิดร้าน
   กลับมาบ้านค่ำๆ รีบจัดข้าวของใส่กระเป๋าเดินทาง ติดถั่วอบไปหลายถุงหน่อย ไอ้นี่ช่วยชีวิตผมได้มาหลายที่แล้วล่ะ จนหลังๆ ไปต่างถิ่นนี่ผมจะติดมันไปด้วยตลอดเลย เลือกเอาแบบที่ไม่มีขายใน 7-11 นะครับ อย่าลืมน้ำดื่มด้วย ผมติดไปอีก 1 แพ็คเลย

O'Pern:
4 มีค 59
   ออกวิ่งไป 30 นาที กินข้าวแล้วรีบออกเดินทาง ช่วงนี้มิวเรียนเช้า ทำให้ผมต้องเร่งรีบมากขึ้นไปอีก
   เช้ายกของเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะรับหน้าที่โทรหาลูกค้ามากกว่า จัดไปราว 30 สาย ใช้เวลานานพอดูกว่าจะเคลียร์จบ เสร็จแล้วไปธนาคาร
   บ่ายออกเดินทางไปสนามปทุมธานีสปีดเวย์ งานนี้เป็นสนามสุดท้ายของปี (58) แปลกดีไหมที่มันยืดมาถึงเดือน 3 ของอีกปีถัดมา แถมสนามนี้จัดเป็นแบบลู่อีกด้วย แนวเดียวกับสนามบุรีรัมย์เลย ผมเป็นห่วงตำแหน่งมุมมองของกรรมการมากที่สุดครับ ถ้ามองไม่ชัด มองไม่ขาด ผมแย่แน่ๆ เลย
   ขับขึ้นทางด่วนสุรวงศ์แล้วลากยาวไปถึงเชียงราก ขับช้าๆ แดดแรงมากๆ จนแอร์รถแม่งแทบจะไม่เย็น ผมงี้ตกใจเลยนะ นึกว่าแอร์เสีย แต่พอแดดไม่แรงปุ๊บ แอร์ก็เย็นปกติดี
   มาถึงสนามเกือบจะ 0300 มาคนแรกของกลุ่มทีมงานเลยล่ะ (ไม่นับทีมภาคสนามนะ) รีบเข้าไปดูตำแหน่งที่นั่งของกรรมการทันที มันเป็นตู้คอนเทนเนอร์ซ้อนกัน 2 ชั้น กรรมการนั่งกันชั้น 2 มุมมองโอเคดี พอได้ โดยรวมเห็นทั่วสนาม แต่จะมีช่วงโค้ง 1 ที่จะไกลสายตาไปหน่อย
   นั่งดูตำแหน่งกรรมการนี้อยู่นาน ดูทั้งทิศทางลม ทิศทางแดด ตำแหน่งนี้ห่างไกลจากห้องน้ำ และร้านอาหารเยอะมาก เห็นแล้วนึกอยากได้จักรยานขึ้นมาทันทีเลย
   สตาฟหลายๆ ทีมทะยอยกันมา เริ่มจากทีม OB ผมเดาว่าน่าจะย่อมาจาก Operation Broadcast จะต้องหาจุดตั้งสวิทชิ่ง (เครื่องตัดภาพ และจะเป็นสถานีแม่ที่ใช้ควบคุมกล้องทุกกล้องที่ใช้ถ่ายทอดในสนาม) เจ้าหน้าที่มาถามผมว่าเขาจะขอใช้พื้นที่บนชั้น 2 นี้ได้หรือไม่
   เออ ผมก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันสิ ก็เลยปล่อยให้เขาทำงานกันไป สุดท้ายเซ็ทอัพเสร็จก็ใช้พื้นที่ไปราว 1/3 ของห้อง (รวมแผงควบคุมเครื่องเสียงด้วย) แต่หากมีคนมานั่งคุมด้วยแล้วก็จะกินพื้นที่ไปเกือบๆ ครึ่งตู้ เพราะมีกล้องมาวางไว้ตำแหน่งนี้อีก 1 จุดด้วย
   อ้อ ในห้องกรรมการนี้มีแอร์ด้วยนะ แต่มันพังว่ะ ผมเปิดแล้วแม่งมีแต่ลม ไม่มีไอเย็นเลยแม้แต่น้อย ช่างมาตอนเย็นๆ บอกว่าคอมฯน็อค (เดาว่าพัง) เขาบอกพรุ่งนี้จะเอาอะไหล่มาเปลี่ยนให้
   ระหว่างนั้นก็มีจอ LED มาติดตั้ง เขาก็มาถามผมอีกแหละครับว่าจะให้วางตำแหน่งไหน อ้าว กูไม่รู้ เขาว่าไงก็ว่าตามเขาแหละครับ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันควรอยู่ตรงไหนอย่างไร รู้แต่ว่าห้ามบังสายตากรรมการ และต้องให้คนดูมองเห็นชัดเจน
   นักแข่งก็ซ้อมกันไปครับ ขับไปตามไลน์โดยไม่รู้ว่าจุด Apex ที่ต้องใช้เก็บคะแนนตั้งอยู่ตรงไหน อย่างไร มีรถตกแทร็คไปหลายคัน แต่ก็ไต่กลับขึ้นมาเองได้ โดยรวมแล้วสนามปลอดภั้ยดีครับ ด้านข้างแทร็คเป็นทราย รถลงไปแล้วไม่พังง่ายๆ ดูดซับแรงจากรถได้ดี ซับของเหลวที่รั่วไหลจากรถได้ดีมากๆ
   เอก มาช่วงเย็นๆ มาวาง Apex 3 จุด เป็นสนามที่แปลกคือใช้ Head Apex ทั้ง 3 จุดเลย เฮ้ยย ผมไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย
   ช่วงเย็นอากาศดีมากครับ พระอาทิตย์ตกดินที่สนามนี่สวยเลยนะ แต่มีเวลาชื่นชมแค่สัก 15 นาที แล้วตะวันก็ลับฟ้าไป ช่วงโพล้เพล้นี่สบายดีมากๆ เลยนะ ลมพัดเย็น ไม่มีความร้อนจากแดดอีกแล้ว ชอบฟีลลิ่งแบบนี้มากๆ
   ไผ่ ชวนผมเข้าที่พักที่อยู่ใน ม ธรรมศาสตร์ ก็ขับตามเขาไปครับ เป็นครั้งแรกที่ผมขับเข้ามาใน ม นี้เลยครับ เจ้าไผ่เองก็มึน สุดท้ายคือหลง เพราะมันมืดมากด้วย แต่ก็ไม่ได้หลงอะไรมากมายนัก เลี้ยวผิดก็กลับรถออกมาใหม่
   หอพักชื่อ D-Luxx Thammasat อยู่ติดกับสนามเทนนิส และเลยไปนิดก็จะเป็นสนามฟุตบอล ดูจากสภาพห้องแล้วเหมือนกับเป็นพวกหอพักนักกีฬาเลย เพราะมีระเบียงขนาดใหญ่เว่อร์ๆ สำหรับซักล้าง ตากผ้า เก็บของ เก็บอุปกรณ์กีฬา หรือจะไปนอนระเบียงสัก 3-4 คน ยังทำได้สบายๆ เลย ระเบียงเขาใหญ่ราว 50% ของพื้นที่ห้องนอนเลยล่ะครับ
   ผมพักห้อง 1011 เลือกห้องเบอร์ 11 เพราะตรงกับวันเกิดตัวเอง ได้วิวสนามกีฬา สวยดีสบายตาดีครับ ชอบที่นี่ตรงมันเงียบสงบดีมากๆ ห้องพักกว้างขวางสะอาดดี ทีวีชัดทุกช่อง ดูกันเพลินเลยล่ะ เจอช่องแบบไม่คุ้น ไม่รู้จัก ก็กดไล่ๆ ดูไป สนุกดีเหมือนกัน
   มีโต๊ะทำงานแบบ Build it ยาวตลอดแนวใต้ทีวี และมีปลั๊กไฟให้ใช้งานหลายจุด ในห้องพักจัดแสงสวย สบายตา ไม่มีไฟ Down Light เขาใช้ไฟหลืบซ่อนใต้ผ้า และไฟแบบ Up Light จากหัวเตียง มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ออกแบบดี แต่วัสดุยังไม่ค่อยดี คือไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่
   ห้องน้ำนี่พอได้ แคบไปหน่อยครับ คือห้องพักใหญ่น่าจะได้ห้องน้ำสวยๆ โล่ง โปร่งกว่านี้สักหน่อย น้ำยังไม่ค่อยแรงสะใจ
   ที่ไม่ชอบคือเตียงสปริงครับ เตียงแบบนี้มันจะดีเฉพาะตอนใหม่ๆ แต่พอสปริงล้าเท่านั้นแหละ ตรงกลางเตียงแม่งจะยุบ นอนแล้วจะปวดหลัง เตียงตัวที่แอร์ส่องถึงนี่แม่งจะยุบมากเลย ส่วนเตียงที่อยุ่ใต้แอร์นี่ยังไม่ยุบมากนัก ผมเลยเลือกนอนเตียงนี้แหละ แอร์จะส่องไม่ถึง เลยเปิดให้มันแรงๆ หน่อย
   หมอนก็ไม่ชอบครับ มันสูงเกินไปหน่อย นอนไม่ค่อยสบาย (แต่คนอื่นอาจชอบก็ได้นะ ผมชอบหมอนบางๆ แต่แน่นหน่อยน่ะ) ผ้าห่มโอเคดี พอได้
   โดยรวมแล้วชอบครับ แต่ถ้ามาคราวหน้าจะติดเอาแผ่นปูรองนอนมาเอง เอาถุงนอนมาเอง จะปูแผ่นรองนอนกับพื้นมันนี่แหละครับ พื้นที่ตรงกลางระหว่างเตียงทั้งสองกว้างเยอะมากกว่าโรงแรมปกติที่เคยเจอมา
   คืนละ 800 บาท ไม่แพงครับ คราวหน้ามาก็อยากพักที่นี่อีก และจะเอาชุดวิ่งหรือจักรยานมาด้วย
   คืนนี้กินส้มไป 2 ผล ครับ ตามด้วยถั่วอีก 1 ถุง นอนดึกเลยนะ เพราะดู The fast and the furious 6 จบราวเที่ยงคืนแน่ะ

O'Pern:
5 มีค 59
   นอนสบายมาก เงียบดี โคตรชอบในบรรยากาศเลย ตื่นเพราะเสียงนกร้องดังมากตอน 0615 ผ้าม่านดีมาก ปิดบังแสงได้สนิทดี แต่ขอบประตูด้านล่างนี่ควรปรับปรุง เพราะมีแสงลอดเข้ามาได้ นั่นแปลว่าแอร์ก็หลุดลอดไปได้เช่นกัน แต่ตอนกลางคืนผมใช้ผ้าเช็ดเท้าในห้องน้ำมาอุดปิดกันแสงไว้
   มองนอกระเบียงเห็นสนามกีฬาแล้วอยากไปวิ่งเลยนะ วิ่งรอบนอนก็ยังดีวะ น่าเอาชุดวิ่งมาด้วยจริงๆ เลย
   ตืนเช้ามารีบดื่มน้ำครึงลิตร กายบริหารในห้องเล็กน้อย ทำสมาธินิดหน่อย แล้วกินส้ม 1 ผล เช้านี้มีนัดประชุมทีมงาน 0900 ผมออกจากห้องพัก 0830 ขับสบายๆ แป๊บเดียวก็ถึงสนาม แต่แอบแวะ 7-11 ซื้อแซนวิช ขนมปังกิน 2 ชิ้น ก็เอาไปกินที่สนามนี่แหละครับ
   ไปถึงตรงเวลาเป๊ะ แต่กลายเป็นว่าเขานัดประชุมทีมงานภาคสนามกันเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับกรรมการเลยสักนิด 0930 เอกเรียกนักแข่งเข้าประชุม คุยกับผู้จัดงาน ผมขอเข้าฟังด้วย ก็เป็นการพูดให้นักแข่งเข้าใจความในใจและเจตนาที่เขาจัดงานดริฟท์นี้ขึ้นมา ขอให้เคารพการตัดสินของกรรมการ เพราะกีฬาแบบนี้มันต้องใช้ดุลพินิจของกรรมการล้วนๆ
   ประชุมเสร็จผมก็นั่งคุยกับน้องๆ ต่อ มาครั้งนี้มี “เอ๋” ที่จัด Gymkhana X มาช่วยดูแลภาคสนามด้วย เอ๋เป็นรุ่นน้องที่ผมรักมากคนหนึ่ง เจอกับเขาตั้งแต่สมัย “พี่เต้ย” จัดแข่งที่หลังซีคอน จนมาเป็นยุคผมจัด Autocross ต่อ แต่ผมทำได้แค่ปีเดียว เจ้าเอ๋ก็มาสานต่ออีกที และทำจนถึงทุกวันนี้ เฮ้ย เจ๋งว่ะเอ๋
   ใกล้เที่ยงมีประชุมนักแข่ง กรรมการเราก็พูดเรื่องเดิมๆ กฎ กติกา มารยาท ที่ต้องพูดเรื่องเดิมๆ ก็เพราะแต่ละสนามจะมีนักแข่งหน้าใหม่สลับเข้ามาบ้าง ส่วนคนที่ฟังจนเบื่อแล้วก็ปล่อยเขาไป นักแข่งบางคนอาจฟังจนเบื่อเลยหยิบมือถือมากดเล่นกันเยอะเลย
   เจอนักแข่งชื่อ “ป๊อป monster” ขับ RX-8 คนนี้ผมเห็นมานานแล้ว แต่ไม่เคยคุยกัน ได้แค่รับไหว้ตอนเขาสวัสดีเรา แต่วันนี้ผมได้รู้จักป็อปมากขึ้นแล้วถึงกับอึ้งไปเลย
   ป็อปคือคนที่ส่งภาพและงานเขียนบรรยายงาน Sydney Auto Salon ให้กับผมตอน Racing Club เล่มที่ 2
   เขาแนะนำตัวแบบนี้ ผมแม่งอ้าปากค้างเลย กูนี่แทบอยากกอดมึงเลยนะ ยุคนั้น Racing Club นี่มีเอเยนต์นำไปวางจำหน่ายหลายประเทศทั่วโลกเลยนะ เมืองใหญ่ๆ ที่คนไทยอยู่เยอะๆ นี่มีวางขายบนแผงในตลาดไทยเลยล่ะ
   ยุคนั้นป็อปเป็นนักเรียนไทยอยู่ที่ Sydney เดินงานโชว์รถก็เลยถ่ายภาพส่งมาให้ผมทางอีเมลล์ ผมเห็นแล้วตื่นตาตื่นใจมาก เลยบอกให้ป็อบช่วยเพิ่มคำบรรยายพร้อมเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมหน่อย ป็อบก็จัดให้ทันที ผมเลยนำลงตีพิมพ์ใน Racing Club เล่มที่ 2 และจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับป็อปอีกเลย จนมาถึงวันนี้แหละครับ ที่เจ้าป็อปแสดงตัว ผมแม่งอยากโดดกอดจริงๆ เลย ขอบคุณมากๆ ครับป็อบ จากใจผมจริงๆ
   ช่วงเที่ยงเริ่มงานด้วยรอบ Qualify C ตามด้วย B และ A กว่าจะได้พักก็ปาไปบ่ายแก่ๆ เลยครับ สนามนี้แปลกตรงที่เป็น 3 Head Apex ผมรับตำแหน่งให้คะแนนในจุดนี้
   อ้อ จุดที่แปลกอีกอย่างคือทางผู้จัดบอกว่าสำหรับสนามนี้ที่มันเป็นแบบลู่ รถวิ่งกันเร็วมาก เลยให้คะแนนแบบแค่เหยียบเส้น Apex ก็ได้คะแนนเต็มในจุดนั้นไปแล้ว
   เลยทำให้คะแนน Apex ออกมาเต็ม 100 เกือบทุกคัน
   ช่วงพักนี้อย่างหิวเลย ทางผู้จัดไม่ได้เตรียมอาหารอะไรมาให้ แต่ผมเตรียมพวกถั่วติดตัวมาด้วย และแย่งขนมของพวกเด็กๆ กินไปด้วย ได้แก่เจ้าน้องหญิง น้องเมย์ ใครซื้อหนมไรมาน่ากิน กูขอมีส่วนร่วมด้วยล่ะวะ
   ห้องกรรมการห่างไกลกับห้องน้ำมาก ขับรถเกินกว่า 1 กม ช่วงพักนี่ผมขอติดรถเล็กไปเข้าห้องน้ำด้วยเลย ใจอยากจะซื้อก๋วยเตี๋ยวมากินด้วย แต่เกรงใจเขาที่จะต้องมารอเรา
   บ่ายแข่งรอบ Battle C ที่มีแค่ 9 คัน แต่เอาเข้ารอบ 8 คัน ขับกันแบบมั่วๆ ก็ยังเข้ารอบเลย และที่ตลกกว่านั้นนะ คือได้ 0 คะแนน ก็ยังเข้ารอบถึง 4 คัน อย่างฮา
   ตามด้วย Battle B จากรอบ 32 คัน คัดเหลือ 16 คัน รุ่นนี้รถเริ่มแรงขึ้น ขับกันโหดกว่า C เยอะมาก แต่สนามนี้ดีอย่างคือด้านข้างแทร็คเป็นทราย รถตกลงไปแล้วไม่เป็นไร
   วันนี้งานจบเร็วหน่อยครับ แค่ทุ่มกว่าๆ ขากลับผมแวะเติมน้ำมัน และซื้อของกินใน 7-11 จัดไวตามิ้ลมา 1 แพ็ค ถั่วอีกนิดหน่อย
    เพลีย ร้อน เหนื่อย หิว กินส้มและถัว นมไปแก้หิว พอสี่ทุ่มใกล้จะเข้านอน เจอสารคดีท่องเที่ยวต่างประเทศ เลยดูกันเพลินเลย ยิ่งเป็นพวกย่านสแกนดิเนเวียนี่ผมจะชอบมาก อยากไปอีกครั้ง อยากขี่จักรยานไป

Navigation

[0] Message Index

[#] Next page

Go to full version