Bike Forum > my bike diary / my life diary

กย 58 5 เฮ้ย! 12-13 DC สนาม 2

(1/6) > >>

O'Pern:
1 กย 58
   หยุดวิ่งมา 2 วัน เช้านี้ไม่ยอมแล้วล่ะ แต่ดันตื่นสาย เลยได้แค่ 50 นาทีเท่านั้นเอง ปัดโธ่
   เช้านี้งานเพียบตามสไตล์วันจันทร์ คนงานขาดอีกก็ยุ่งยากขึ้นไปอีกนิด
   วันนี้ผมอยู่ร้านลากยาวตลอดวันครับ

O'Pern:
2 กย 58
ออกวิ่งเหมือนเดิม แต่ก็ทำได้แค่ 50 นาที กลางคืนฝนตก เช้ามีหอยทากเต็มพื้นถนนเหมือนเช่นเคย รีบเอาไว้กวาดมากวาดพวกมันเข้าข้างทางก่อนที่จะโดนรถเหยียบตายกันหมด
เช้านี้กินปลาดุกผัดพริกแกง ไข่ต้ม แครอทลวก ข้าวกล้อง งาคัวหมดแล้ว ไว้รอทำใหม่
   เช้านี้ไม่ต้องยกของในโกดัง โห นานๆ จะมีวันอเมซิ่งแบบนี้สักที สองวันก่อนจัดเต็มมาเพียบแล้วนี่
   แม่ไม่สบายหายดีแล้ว วันนี้ผมเลยได้กลับเข้าบ้านตอนบ่าย คิดงานได้แต่ยังไม่ค่อยลื่นไหล ยังไม่ลงตัว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอีกสักพัก แปลว่ามัน “แป๊ก” ผมจะแก้ด้วยการคิดงานใหม่ทั้งหมด
   เอาถั่วเฮเซลนัทดิบมาคั่ว แต่ทำออกมาแล้วให้ทุกคนลองกิน ไม่มีใครชอบสักคน บอกว่าถั่วลิสงธรรมดาๆ ถูกๆ นี่แหละ อร่อยกว่ากันเยอะ ผมเองก็เห็นด้วยนะ ฮ่าๆ
   มันกรอบแบบเหนียวๆ เป็นเพราะลักษณะของเนื้อมันน่ะครับ เลยเอามาเคี้ยวกินกับช็อคโกแลตดาร์ค เฮ้ยย แม่งเวิร์คมาก ขมๆ หอมๆ มันๆ

O'Pern:
3 กย 58
   วิ่งยังไม่ครบชั่วโมงอีกแล้ว ทำได้แค่ 50 นาที เช้านี้วิ่งแบบเนือยๆ มันออกแนวขี้เกียจๆ ยังไงไม่รู้ เลยวิ่งไปแบบงั้นๆ คล้ายกับว่าร่างกายเราไม่สดชื่น ยังไม่ตื่นเต็มตัว
   มื้อเช้ากินเนื้อหมูผัดพริกหยวก แต่ดีใส่หอมใหญ่ด้วย น้ำมันเลยออกมามาก ไม่อร่อย สู้ใส่แต่พริกหยวกแบบเดิมจะดีกว่า ไม่เป็นไรครับ ทดลองไปเรื่อยๆ อันไหนดีก็ทำต่อ อันไหนไม่ดีก็เปลี่ยนใหม่เสีย
   ยังมีไข่เจียวมะเขือเทศอีกด้วย มื้อเช้าของผมนี่บำรุงสุดๆ แล้ว เพราะที่เหลือตลอดวันมันแทบไม่มีของดีๆ ให้กินเลย
   ช่วงนี้ขับแต่รถ 180SX ตลอดเลย เปลี่ยนช้อคสปริงมาใหม่ วิ่งดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เพราะของเก่าช้อคหลังมันแตกแล้ว ขับแล้วท้ายรถร่อนไปมาได้ อันตรายสุดๆ
   อีกอย่างที่เปลียนก็คือ “ถังพักน้ำหม้อน้ำ” ของธรรมดาๆ ที่หาซื้อใหม่ไม่ได้แล้วในไทย ต้องสั่งจากญี่ปุ่น ถังเดิมเก่าโทรมเหลืองกรอบมีรอยร้าวเต็มไปหมด รถวิ่งไม่กี่วันก็ต้องขยันเติมน้ำ จนผมคิดว่าน้ำมันพร่องไปได้อย่างไร หรือว่ารถเราเก่าโทรมมากแล้ว แต่ก็หารอยรั่วของน้ำไม่เจอ คิดไปไกลว่า ถ้ามันไม่รั่วนอกเครื่อง ก็ต้องรั่วใน ซึ่งมันคือหายนะสำหรับผม
   แต่พอเปลี่ยนถังพักใหม่แล้ว อาการน้ำพร่องนี่หายไปเลย อ้าว แบบนี้ก็แสดงว่าของเดิมมันรั่วที่ถังพักสิวะนี่ ปัดโธ่….
   ตอนเช้าไปถึงร้านก็เข้าโกดังยกของเหมือนเดิม และเป็นอีกครั้งที่ต้องอยู่ร้านตลอดวัน

O'Pern:
4 กย 58
   นอนหัวค่ำนะ แค่ 0930 แต่มาตื่นเอาตอน 0530 แน่ะ ซึ่งมันสายไปมากสำหรับผม เช้านี้เลยเอารถ Neobike 16 ออกขี่ไป 45 นาที
   ช่วงนี้เน้นเนื้อปลาครับ วันนี้ใช้เนื้อปลากะพงผัดคึ่นฉ่ายต้นหอม ไข่ต้ม ข้าวกล้องโรยงาดำคั่วบด กระเทียมสด
   ชมรม miata club of Thailand เขาจัดมีทติ้งครบรอบ 15 ปี ผมไม่ได้ไปร่วมอะไรกับเขาหรอก พิมพ์รายละเอียดที่มาของชมรมฯ และการก่อตั้งไว้ยาวเหยียด แต่สุดท้ายก็ลบทิ้งหน้าตาเฉย ไม่กล้ากดส่งข้อความ กลัวพวกเขาจะคิดว่าผมไปทวงเครดิตการต่อตั้งชมรมฯ
   ผมก่อตั้งจริงดังที่เคยเล่าไว้นานมากแล้ว (หาย้อนอ่านเอา ผมทำหัวข้อเอาไว้ในแต่ละเดือน) แต่เราก็ขายรถไปแล้วไง ไม่มีรถ เราก็ไม่กล้าไปร่วมแจมอะไรกับเขา แถมทุกวันนี้กลุ่มใหญ่มาก มีแต่คนรวยๆ เยอะเลย ผมงี้ยิ่งตัวเล็กลงๆ ไปทุกวันๆ
   บ่ายเข้ามาบ้าน ได้ฤกษ์ลุยงานของเราเสียทีนะ ช่วงนี้ก็มีแต่งานโฆษณาเป็นชุดเลย แต่ก็ต้องเปลี่ยนแผนไปบ้าง อย่างโฆษณาผ้าเย็นทับทิมที่ผมจะเลือกเอา “เบ๊นซ์ อาปาเช่ กับ อาม่า” มาวันนี้เห็นอาม่าโฆษณา wifi บนรถเมล์แล้ว เริ่มรู้สึกไม่ดี คือถ้าวันนี้อาม่าเริ่มดัง พอตอนถึงผมทำโฆษณาชิ้นนี้ออกมา คนจะเบื่ออาม่าพอดี กลายเป็นเสียของไป
   ตกเย็นอากาศครึ้มๆ อีกแล้ว ฝนตกแทบทุกค่ำเลย คนอยู่บ้านแล้วก็สบายไปครับ สงสารคนที่กำลังกลับบ้านนี่สิ โดยเฉพาะคนที่ต้องผ่านเส้นทางที่กำลังขุดถนน
   ข่าวดีวันนี้ ทางการประกาศจะเอาสายไฟลงใต้ดิน แต่เอ๊ะ มันจะทำให้พวกแก๊งขโมยสายไฟทำงานง่ายกว่าเดิมไหมนะ เพราะแถวบ้านผมถนนพระราม 2 สายไฟเอาลงใต้ดินมาหลายปีแล้ว ปรากฏว่าไฟมืดดับสนิทตลอดสาย ต้องติดป้ายว่าเหตุผลคือโดนขโมยสายไฟ จนทุกวันนี้มีการลากสายบนเสาแบบเดิมมาใช้ชั่วคราว (แต่มันก็ชั่วคราวมาหลายปีมากแล้ว)

O'Pern:
5 กย 58
ออกวิ่งเพื่อชีวิต จัดไป 1 ชม แรกๆ อยากลดน้ำหนัก แต่ตอนนี้อยากได้สุขภาพดี พอโจทย์เป็นแบบนี้ มันก็มีทางให้ไปอีกมากมายเลย
   วิธีรักษาสุขภาพคือป้องกันไม่ให้ร่างกายอ้วน ดีกว่ารอให้อ้วนแล้วค่อยมาหาวิธีลด แต่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะเลือกวิธีหลัง มันก็เลยมีสารพัดวิชามารมาหลอกขายคนอ้วน
   สิบกว่าปีก่อนมีชุดแบบนักบินอวกาศใส่เรียกเหงื่อ ทุกวันนี้พวกนักมวยใช้ใส่ซ้อมตอนจะลดน้ำหนักก่อนขึ้นชกแทนแล้ว ไม่มีใครบ้าที่ไหนซื้อมาใส่เพื่อลดน้ำหนักอีกต่อไป
   สัก 4-5 ปีก่อนก็ฮิต “โอนามิ” ไอ้นี่ก็มาแนวเดียวกัน ใส่กันไขมันทะลัก รัดๆ เอาไว้ทั้งตัวเหมือนห่อด้วยผ้ายืด พอถอดออกก็ “เผละ” เหมือนเดิม ไอ้นี่หลอกได้เฉพาะคนสมองน้อย แต่มันก็ไปของมันได้นะ ล่าสุดนี้เห็นมีรุ่นใหม่แบบมีกลิ่นกาแฟ โหห ครีเอทสัสๆ
   ก็เพราะความอ้วนมันลดยาก เลยมีคนหาเงินจากคนอยากผอมกันมากมาย ไอ้พวกยากินแนวอาหารเสริมนี่ก็มีทั้ง “สายขาว” และ “สายดำ” เลือกเสี่ยงกันเอาเอง (คำว่าสายขาวสายดำผมขอยืมจากคุณนนท์มาใช้)
   วันนี้กินผัดผักบุ้งอีกแล้ว ผักที่ผมกินนี่ค่อนข้างจะซ้ำกันมากแล้วนะ ถ้าไปนอกบ้านเจอผักแปลกๆ ผมเลยชอบลองไง ชอบไหมชอบก็ค่อยมาว่ากันอีกที ผัดผักบุ้ง คู่กับไข่เจียวนี่อร่อยมาก ช่วงนี้มีงาดำบดก็เอามาโรยข้าวมันเสียทุกมื้อกันไปเลย
   วันเสาร์เป็นวันเดียวที่มิวได้มานั่งรถผมกับตอนเช้า มีเวลาอยู่ในรถด้วยกันราว 30 นาที มีเวลาแค่นี้ผมจะคุยแต่เรื่องสร้างสรรค์ บางทีก็เป็นพวกตลกติงต๊อง ช่วงนี้มิวมักจะถามเรื่องงานของผมเยอะหน่อย พวกงานโฆษณาน่ะครับ ก็เล่าให้เขาฟังไปตามสภาพ เล่าถึงวิธีคิด ขั้นตอนต่างๆ โดยเริ่มแรกเราต้องดูว่าจะทำโฆษณาใด ขายผลิตภัณฑ์ใด และจะคิดคอนเสปออกมาเป็นแนวไหน อย่างไร แล้วก็ค่อยนำมาต่อยอด โดยต้องดูงบประมาณของลูกค้าที่เขาให้มาเป็นหลักด้วย
   มีเยอะครับที่ปล่อยให้เราคิดมาเก้อ สุดท้ายก็บอกไม่มีงบ ผมเขียนสคริปต์เจ๋งๆ มาให้ แต่พอตัวนักแสดงเล่นแล้ว “แป๊ก” มันก็ไปไม่รอด งานออกมาแบบ “งั้นๆ” เห็นแล้วผมเรียกว่า “เสียของ”
   เพราะทางผู้ผลิตจะประหยัดเงินค่าจ้างนักแสดง หันมาเอา “มือใหม่” มาเล่นแทน ซึ้งถ้าเขาเล่น “ถึง” มันก็โอเคนะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ใช่น่ะสิ
   มิวเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเองจนคล่องแคล่ว ให้เขาหัดใช้คนเดียวตั้งแต่ ป5 จนทุกวันนี้ ม2 แล้ว ร่างกายและจิตใจกำลังเติบโตอย่างมาก นี่คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญอีกจุด ไม่ใช่จุดสำคัญที่สุดนะ จุดนั้นผ่านมาแล้ว นั่นคือช่วงวัยเด็กเล็ก
   ใช่ครับ เด็กเล็กสำคัญกว่ามาก เพราะเซลล์สมองมีการพัฒนาสูงสุด ผมตั้งใจจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้เอง โดยหยุดพักการผลิตนิตยสาร Racing Club ที่อยู่ในช่วงที่ผมประสพสารพันปัญหา ทีแรกกะจะหยุดสักพักเพื่อตั้งหลัง พร้อมก็จะเริ่มว่ากันใหม่ แต่กลายเป็นว่าทั้ง Part II และ Part III ที่ผมทำมันเตรียมไว้ กลับโดนคนใกล้ตัวที่รักมากนำไปทิ้งที่ร้านขายของเก่า
   Racing Club เลยยังไม่ได้มีโอกาสกลับมาใหม่ แต่ผมยังคงต้องเลี้ยงดูมิวเพื่อสร้างให้เขาเป็นมนุษย์ที่เกิดมาเพื่อพัฒนาสังคมที่เขาอยู่ เขาจะต้องไปถึงความฝันที่เขาตั้งเป้าไว้ให้ได้ ผมว่าหน้าที่ของพ่อแม่มีแค่นี้เองนะ
   มิวกินนมแม่ 1 ปีเต็ม จากนั้นก็กินนมกล่อง UHT เขาจึงเป็นเด็กที่ไม่เคยดูดขวดนมแบบจุกยาง ผมเองก็ไม่ต้องคอยถือตระกร้าพ่อลูกอ่อน มีรถเข็นเด็กก็ใช้ถึงแค่ขวบกว่าๆ พอมิวเดินได้ ก็เอารถเข็นเก็บ เลิกใช้ ให้เขาเดินเองตลอด
   ช่วงทารกตอนยังเดินไม่ได้ก็จะใช้ผ้าอ้อมผ้าธรรมดา อึ ฉี่ ก็เปลี่ยนกันตลอดเวลา ผมเป็นคนซักเอง จะใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปก็เฉพาะตอนโตแล้ว เดินได้แล้ว และออกจากบ้านเท่านั้น เหตุผลก็คือ ผ้าอ้อมสำเร็จรูปมันอุ้มน้ำ ลูกขับถ่ายแล้วเราก็ไม่รู้ การปล่อยให้เขาหมักหมมอยู่กับของเสีย ส่งผลต่อสุขภาพจิตตอนโตคือจะเป็นคนมักง่าย สกปรก ไม่มีระเบียบวินัย
   ช่วง 0-2 ปีแรก เซลล์สมองพัฒนาเร็วสุด เริ่มโตมากขึ้น สมองก็จะพัฒนาช้าลงๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงอายุราว 15 ปีโดยประมาณ มันก็จะหยุดการเติบโต
   เข้าใจถึงคำว่า “นาทีทอง” หรือยังครับ
   บ้านเราไม่นิยมจ้างพี่เลี้ยงเด็ก ผมกับภรรยาเลี้ยงกันเองตั้งแต่ลูกเกิด เลี้ยงตอนเด็กๆ ก็เหนื่อยแบบหนึ่ง แต่พอลูกเริ่มโตมากขึ้นก็จะเหนื่อยไปอีกแบบ ผมว่ามันคือสุดยอดงานศิลปะเลยนะ น่าเสียดายที่พ่อแม่หลายคนกลับคิดไปว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ นี่ก็ว่าแย่แล้วนะ แต่ที่แย่กว่านั้นคือให้ “คนด้อยคุณภาพ” มาดูแลลูกตัวเอง
   เด็กอยู่ใกล้ใครก็จะมีพฤติกรรมเลียนแบบคนนั้น ไอ้นี่และไฮไลท์เลยจะ เพราะส่วนใหญ่จะเลี้ยงเด็กด้วยการเปิดทีวีให้ดู เปิดหนังที่ตัวเองชื่นชอบดูก็มี เด็กก็ซึมซับตัวอย่างในทีวีเก็บเมมเข้าไปไว้ในใจ รอวันปลดปล่อย ที่บ้างก็ออกมาเป็นแบบคำพูด บ้างก็เป็นพฤติกรรมท่าทาง
   ใครที่เลี้ยงดูลูกเองมาตั้งแต่เด็ก พอลูกโตก็จะเหนื่อยน้อยลง พูดคุยกันง่ายขึ้น ความใกล้ชิดกันมากมันส่งผลให้เขาเข้าใจเราโดยไม่ต้องพูดอะไรมากมาย
   แต่ถ้าใครไม่ได้ดูแลลูกอย่างใกล้ชิดตอนเด็ก พอเขาโตเริ่มเข้าวัยรุ่นไปดุว่าโน่นนี่ เขาก็จะแสดงพฤติกรรมไม่พอใจออกมาแบบไม่เกรงใจ พ่อแม่ที่ไม่เข้าใจก็บอกว่าลูกดื้อ ไม่ฟัง ก็แหงละ คุณมันเป็นพ่อแม่แค่ในนามนี่ ไม่ได้ประพฤติตนเป็นพ่อแม่แบบที่ควรจะเป็น
   พวกเขาก็จะหาข้ออ้าง “ต้องทำงานหาเงิน” “ไม่มีเวลา” ฯลฯ จะอะไรก็แล้วแต่ อ้างก็อ้างไป เวลามันผ่านไปแล้ว ลูกก็โตแล้ว ย้อนเวลากลับมาไม่ได้ ที่ทำได้ก็คือยอมรับผลที่ตัวเองก่อไว้ จะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็สุดแท้แต่ มันเป็นเรื่องของตัวคุณเอง
   ก็ในเมื่อคุณคิดว่า “เงิน” สำคัญกว่าลูก หรือ “เวลางาน” สำคัญกว่าลูก คิดแบบนี้มันก็เห็นหายนะลางๆ ตั้งแต่เริ่มแล้ว
   อย่าเข้าใจว่าผมมีเงินอยู่แล้วถึงคิดแบบนี้นะครับ ตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัยก็เลิกขอเงินแล้ว ไอ้ที่ทำงานทุกวันนี้แม้จะไม่ชอบอย่างหนัก แต่ก็อดทนทำเพื่อคนอื่น ผมสอนมิวเสมอครับว่า “คิดถึงตัวเองน้อยๆ คิดถึงคนอื่นให้มาก”
   เรื่องลูกนี่คุยกันได้ยาวมาก ผมเลี้ยงเขาเองแบบทุกเม็ดตังแต่แรกเกิด จะมาห่างกันนิดหน่อยก็ตอนเขาเรียนมัธยมนี่แหละ แต่เขาก็จะไปใกล้ชิดกับภรรยาผมแทน เพราะต้องไปรับไปส่ง
   ภรรยาก็จะเลี้ยงลูกไปอีกแบบ ออกแนวตามใจอย่างมากๆ ๆๆ 
   คิดบวกครับ ทำอะไรไม่ได้ ก็คิดบวกเข้าไว้อย่างเดียวเลย คือให้ลูกเรียนรู้การใช้ชีวิตไปอีกแบบ
   บ่ายไปรับลูก นัดหมายกันในห้างเดอะมอลล์ท่าพระ วันนี้รถติดแบบโคตรๆ อีกครั้ง ผมงี้โคตรเบื่อเลย รถติดมาตลอดทางจนถึงในห้าง แล้วแบบนี้จะจอดกันอย่างไรนะ
   คือผมไม่ชอบจอดขวางให้ใครเข็นไง แล้วก็ไม่ชอบเข็นรถที่มาจอดขวางเราด้วย ไอ้ที่จอดสวยๆ แบบนี้มันก็มีแสนจะน้อย ขณะที่กำลังต่อคิวเข้าห้าง ผมดันเผลอคิดอะไรออกมาก็ไม่รู้
   “ถ้าหลวงพ่อโสธรที่ผมไหว้ทุกคืนก่อนนอนมาสองปีศักดิ์สิทธิ์จริง ก็ขอให้ปาฏิหาริย์ให้ผมเจอที่จอดรถง่ายๆ ด้วยเถิด”
   คิดแว๊ปเข้ามาแบบนี้เฉยเลย แต่ยังไม่พอนะ เพราะคิดว่าแค่ได้ที่จอดง่ายๆ นั้นมันอาจเป็นลูกฟลุ๊ค ใครๆ ก็สามารถฟลุ๊คกันได้ เลยเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอีก
   “แค่ได้ที่จอดรถยังไม่พอ ผมขอที่จอดจุดเดิมแบบคราวที่แล้วอีกด้วย”
   เฮ้ยย มึงคิดอะไรของมึง บ้าไปแล้วหรอ สำนึกตัวได้ก็รีบกดปุ่ม “แคนเซิ้ล” ในสมอง แบบทำนองว่า “ผมขอยกเลิกนะครับ ผมไม่มีเจตนาจะท้าทายท่าน” รถติดมากจนผมเครียดไปแล้ว
   รับบัตรแล้วก็ขับวนเข้าไปทิศทางแบบเดิมๆ ตามหลัก “พฤติกรรมมนุษย์” ที่ชอบทำอะไรแบบเดิมๆ วนแบบเดิม มองหาที่จอดทำเลเดิม
   ขับอยู่เพลินๆ ไหลไปเรื่อยๆ แล้วจู่ๆ ผมแม่งก็หนาวซู่ขึ้นมาทันที !!!    
   เฮ้ยยยย !!! ตะกี้ตอนก่อนเข้าตึก ผมกดแคนเซิ้ลไปแล้วนี่นา
   ขับผ่านดงรถที่จอดกันอย่างหนานแน่นมาตลอดทาง นาทีนี้ตรงหน้าผมมันคือที่ว่างโล่งแบบจอดได้อย่างสบายๆ ผมคงจะรู้สึกเฉยๆ นะ ถ้ามันไม่ใช่ตำแหน่งที่ผมจอดเมื่อเสาร์ที่แล้ว
   รีบเอารถเข้าจอด สงบสติอารมณ์ หัวใจนี่เต้นตุบๆ เลย ยังไม่ลงจากรถนะ ยังอึ้งแดกอยู่
   ขณะเดินในห้างยังรู้สึก “เหวอแดก” ไม่หาย วันนี้ทำธุระที่ธนาคาร 2 แห่ง แวะเข้าซูปเปอร์ฯ เดินหาซื้อของลดราคาเล่นๆ เจอ “แต๋ม” อีกแล้ว ครั้งแรกที่เจอกันเขาอยู่บูธช็อคโกแลต แต่วันนี้อยู่บูธของเนสเล่ เข้าไปทักเขา คุยกันแป๊บเดียว เกรงใจเขาทำงานอยู่ ถามเขาว่ายังเก็บเบอร์ผมไว้อยู่ไหม เขาตอบว่าใช่ แต่การที่เขาไม่ติดต่อมา ก็แสดงว่าเขาไม่สนใจงานแนวนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องไปตามตื้อให้เสียมารยาทเปล่าๆ
   มื้อเย็นมิวชวนกินในซานตาเฟ่สเต็ค รสชาติก็กลางๆ ครับ ผมไม่ชอบเนื้อสัตว์อยู่แล้ว ก็เลยกินไปแบบงั้นๆ เลือกชุดที่ราคามันถูกที่สุดเลยน่ะ
   ขากลับรถติด นั่งคุยกับมิว เลยเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่ผมนึกถึงหลวงพ่อโสธรแล้วตัวเองมาเจอที่จอดรถแบบที่นึกคิดไว้แบบเป๊ะๆ มิวบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า มันก็จริงของเขานะ ผมก็อยากจะคิดแบบนั้น
   กลางคืนก่อนเข้านอน ผมยังคงสวดมนต์ถึงองค์หลวงพ่อโสธรแบบเดิม ใกล้จะหลับมิวมาหอมแก้ม หอมแขน เขาทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้วล่ะ ส่วนตอนผมหอมหน้าผากเขา แขนเขาตอนนอนนั้น เขารู้ตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ

Navigation

[0] Message Index

[#] Next page

Go to full version