ผมไม่ได้เขียนบทความหรือเรื่องที่เกี่ยวกับจักรยานแบบยาวๆ มานานแล้ว
ก็คงเหมือนกับหลายเรื่องในชีวิตของหลายๆ คนครับ พอมันเป็นเรื่อง "เก่า" แล้วก็ดูชักจะเฉี่อยชาเพราะยังมีเรื่องใหม่ๆ อื่นๆ ที่ท้าทายคอยอยู่อีกมาก อย่างตอนนี้ผมก็ไป "สนุก" อยู่กับการค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ ตีความ Google Map หาเส้นทางปั่นฯ ใหม่ๆ รอบๆ กทม. ให้ก๋วนปั่นฯ กลุ่มเล็กๆ ที่ "มองตา(ก็)รู้ใจกัน"
การได้ตื่นแต่เช้ามืด ลุกขึ้นมาจัดของเตรียมตัวออกไปปั่นฯ ทริปไกลๆ 80 - 100 กม. บนเส้นทางแปลกใหม่ตลอดอย่างที่ตัวเองต้องการในวันหยุด มันเหมือนกับการผันตัวเองออกไปผจญภัยอีกมิติหนึ่งที่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวันที่จำเจ
เส้นทางที่ดูเหมือนเปล่าเปลี่ยว แทบไม่มีผู้คนหรือรถรา แปลกตาไปกับ สวนและไร่ นา + ฝูงนก 2 ข้างทาง ไม่เหมือนชีวิตในกรุงที่มีแต่ผู้คน รถยนต์ ขวักไขว่และ "ศูนย์การค้า"
เส้นทางที่ดูอบอุ่น "มีชิวิต" ไม่เหมือนกับชีวิตเปล่าเปลี่ยวในกรุงที่ใครบางคนเปรียบไว้ว่าดู "แปลกแยก" เหมือนเป็น "คนแปลกหน้า" เมื่อต้องเดินอยู่คนเดียวในเมืองใหญ่ๆ
"Alone in the City" - แปลกแยกใน "มหานคร"
ไม่รู้สิครับว่าผมรู้สึกอย่างนี้ขึ้นมาได้ยังไง
เกรงใจคุณ O'Pern เหมือนกันที่ชวนมาเขียน มาเปิดกระดานให้เป็นพิเศษแล้วผมกลับ
"ไม่รู้จะคุยอะไร"
แต่พอเห็นคุณ O'Pern เขียนชีวิตประจำวันต่อเนื่องโดยเน้นมุมที่เกี่ยวกับจักรยานเหมือนเป็น Reality Show เล็กๆ แล้ว พอได้ติดตามอ่านก็รู้สึกว่า "ดีเหมือนกัน" แล้วก็นึกชมในใจว่า คุณ O'Pern ช่างกล้าที่มาเปิดเผยตัวตนทุกแง่ ทุกมุมอย่างนี้ เพราะในบางเวลาคนเราก็ต้องการ ความเป็นส่วนตัว "มุมส่วนตัวเล็กๆ " บ้างเหมือนกัน
Collin Cotteril เขียนไว้ในหนังสือเกี่ยวกับจักรยานชื่อ "ชับช้า ชิดซ้าย" (สำนักพิมพ์ มติชน) ตอน "พกดินสอมาด้วยเหรอพี่?" ว่า
......."ผมไปซื้อนมที่ร้านสิบแปดพอดีนี่ทุกวัน เป็นเวลาปีกว่าแล้ว แต่เชื่อมั้ยละครับว่า....ผมพร่ำบอกพวกเขาทุกว้นว่า ไม่เอาหลอดดูด แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาไม่สน (จำไม่ได้-ไม่เคยจำ)"
คนเราบางครั้งต้องการมุมเล็กๆ ที่มีคนรู้ใจ "บางคน" เอาไว้คอยปลื้ม แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่ "รู้ไปหมด" ว่าวันนี้คุณจะทำอะไรบ้าง จนแทบไม่อยากกระดิกตัวเพื่อทำ "อะไร"
ผมคงทำไม่ได้เป็นประจำเหมือนคุณ O'Pern นอกจากนานๆ ทีจะแวะมา Update "เรื่องราว" กันแบบนิดๆ หน่อยๆ ครับ
ขอต่อด้วยประเด็นการตอบปัญหาเรื่องจักรยานสักนิดหนึ่ง
ผมว่าทุกวันนี้พวกเราที่เป็นทั้งชาวจักรยานและพลเมืองในโลก Cyber บางคนมีมุมมองที่ค่อนข้างผิดเพี้ยนจากความจริงไปนิดหนึ่งครับ
ผมเชื่อว่าทั้งผม คุณ O'Pern ตลอดจนอีกหลายท่านที่ขยันทำกิจกรรมเข้ามาคุยมาตอบปัญหาเรื่องของจักรยานให้เพื่อนๆ บนบอร์ด คงไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าการเข้ามาเสริมสร้างกิจกรรมพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและทักษะในเรื่องจักรยานกับคนอื่นๆ
เมื่อมีการพูดคุยโต้ตอบ มันก็มีการ "ต่อยอด" กิจกรรมงานอดิเรกนี้ออกไปอีกหลายทิศทาง ซึ่งก็ทำให้ "รู้สึกดี" สนุกมากกว่าการ ปั่นฯ - Upgrade อะไหล่ - ซื้อจักรยานคันใหม่ ซึ่งเป็นวงจรที่น่าจำเจ แต่ผมไม่ได้หวังว่าคนอื่นจะมองผมหรือผู้ตอบปัญหาคนอื่นว่าเป็น "เซียน" ตอบได้ทุกเรื่อง และ "ไม่เคยตอบอะไรพลาด" คนเราธรรมดาที่ไม่ได้เป็น "เทพฯ" ควรจะมี จุดด้อย จุดบอด กันบ้าง
กระดานจักรยานต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแต่สื่อหรือสถานที่นัดพบให้เราได้พูดคุย แลกเปลี่ยนประสพการณ์กัน แต่คงไม่ใช่ "Clinic Class" ห้องเรียนหรือโรงเรียนที่ใครบางคนจะพยายามผลักตัวเองให้เป็น "ศาสดา" หามือใหม่มาเป็น "สาวก"
แน่นอนว่าใน "กระดานสนทนา" ก็ต้องเป็นสถานที่รวบรวมคนที่ "อยากพูดให้คนอื่นฟัง" แต่ผมพาลนึกไปถึงสปอทโฆษณาปัจจุบันที่มักพูดกันเล่นๆ ติดปากบ่อยๆ ว่า
"แล้วใครจะรับผิดชอบ?"
บางคนพยายามทำตัวเป็น "เซียนมือใหม่" ขยันเข้าไปตอบมันทุกกระทู้ บางทีก็ไม่ทันได้สังเกตุกิจกรรมที่กำลังดำเนินอยู่ในกระทู้ หรือพยายามตอบปัญหาแบบ ข้าถูกคนเดียว คนอื่นนะ "ผิดหมด" ในที่สุดก็เล่นเอาคนอ่านสับสนว่า
"แล้วตกลงคำตอบจริงๆ มันเป็นยังไง?"
"คำตอบเยอะเสียจนไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี"
นักจิตวิทยาเขาบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะมี Ego ของตัวเองครับ แต่......ถ้ามันมีมากเกินไปจนทำใจลำบากที่จะยอมรับความ "เก่ง" ของคนอื่นเข้าไปด้วย เราก็คงหนีไม่พ้นที่จะเห็นความวุ่นวาย "สับสน" เล็กๆ บนสังคมอินเตอร์เน็ตอยู่เป็นประจำ
ตอนนี้ผมก็เลยค่อยๆ "หุบปาก" และพูดแต่เรื่องที่เห็นว่าจำเป็น ถ้าผ่านไปเห็นกระทู้ใหนมีคนเข้าไปตอบเยอะแล้ว ผมก็ผ่านเลยไปเสีย หรือเจอคนที่ตอบปัญหาได้ "ดี" ถูกใจก็อาจจะแวะเข้าไป "ชม" เพื่อเป็นกำลังใจให้กันสักนิดหนึ่ง
อย่างน้อยก็เป็นการ "เปิดทาง" ให้ "คลื่นลูกใหม่" ที่ตอนนี้มีความรู้แน่นและมีฝีมือหลายคนได้ "แจ้งเกิด" กันบ้าง
ถ้ากระทู้ใหน "เรียบๆ" "ถามปัญหาธรรมดา" "ไม่น่าสนใจ" ผมผ่านไปเจอและคิดว่าน่าจะช่วยอะไรที่เป็นประโยชน์ได้ ผมถึงจะเข้าไปช่วยตอบปัญหาครับ
ก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนที่ผมรู้สึกหรือเปล่าว่าเวลาที่ไปตอบกระทู้อะไรไว้มันจะทำให้รู้สึก "พะวง" ว่า "ตอบปัญหาได้ครบถ้วน ชัดเจนดีหรือเปล่า?"
"มีอะไรผิดพลาดอีกหรือเปล่า?"
"ตอบได้ เว่อร์ เกินไปหรือเปล่า"
การทำให้คนอื่น "เข้าใจ" หรือเชื่ออะไรไปแบบ "ผิดๆ" นี่ ผมว่าบางคนคงรู้สึกเหมือนผมว่ามันเป็น "บาปในใจ" ที่ติดตัวไปนานเลยครับ ไอ้เจ้าความรู้สึกแบบนี้ทำให้บางครั้งผมพิมพ์คำตอบเสียยาวเหยียดเป็นหน้ากระดาษ หมดเวลาไปเกือบชั่วโมง แต่แล้วก็กระตุกแขนตัวเองว่า "เลิกเขียน(ต่อ)ดีกว่า"
ผมรู้สึกขึ้นมาเองว่าในความเป็นจริงของโลกมนุษย์คงไม่มีใครสามารถมีชีวิตที่เป็น "อมตะ" และเป็น "ดาวค้างฟ้าตลอดกาล" ได้หรอกครับ คำว่า "ดาวค้างฟ้า" นี่มันเป็นแค่วลีสวยๆ ที่ทำให้ใครบางคนหลงใหลได้ปลื้มจนตัวลอยเท่านั้น พอฉากบนเวทีรูดม่านปิดลง เราก็จะพบกับละครฉากใหม่ที่ "ไม่เหมือนเดิม"
"งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา"
"ฝนและพายุ(คง) ตกไม่เกิน 7 วัน"
คลื่นลูกเก่าจางไป คลื่นลูกใหม่ที่แรงกว่าก็เข้ามาแทนที่ เป็นวัฏจักรที่หมุนเวียนอย่างนี้ตลอดไปไม่รู้จบ ตราบเท่าที่ยังมีสังคมมนุษย์อยู่คู่กับโลกใบนี้
วันหนึ่งข้างหน้าที่ไร้ตัวตนของ "เสือ Spectrum" อยู่บนโลกใบนี้ คนรุ่นใหม่ก็อาจจะถามกันด้วยความแปลกใจว่า "เสือ Spectrum เป็นใคร?" หรือ "หายไปใหน?(วะ)" และผมก็เชื่อเหมือนข้อความในเนื้อเพลงของ Bob Dylan ว่า "(It's) Blow'in in the wind" - คำตอบนั้น "ล่องลอย" อยู่ในสายลมครับ