22 เมษ 58
23 เมษ 58
24 เมษ 58
เปิดโปงเรื่องชั่วๆ ของ 7-11 บริหารงานโดย CP All อีกหนึ่งธุรกิจของเครือ CP
บทความด้านล่างนี้ผมก็อปมาเก็บไว้เตือนความทรงจำของธุรกิจแบบไทยฆ่าไทย
พบบทความ "โตเกียวบานาน่าไทย ที่แลกมาด้วยน้ำตา" ถูกแชร์บนโซเชียลมหาศาล เนื้อหาระบุมีคนทำอยู่ก่อน แต่ค้าปลีกยักษ์แนะให้ลงทุนสร้างโรงงาน แลกกับวางขายในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ก่อนถูกยกเลิกดีล แล้วผลิตเองขายเอง ผู้เขียนลบบทความอ้างถูกฝ่ายกฎหมายบีบ ด้าน "ซีพี ออลล์" แจง "เลอ แปง บานาน่า" ไม่ได้ลอกเลียนแบบใคร อาร์แอนด์ดีวิจัยเอง เผยกำลังคุยให้ไปวางในร้านคัดสรร
วันนี้ (23 เม.ย.) เว็บไซต์โอเคเนชั่น โดยผู้ใช้นามแฝง "assuming" ได้เผยแพร่บทความที่มีชื่อว่า "แบ่งปัน SIAM BANANA โตเกียวบานาน่าไทย แบบมีกล้วยอยู่จริงๆ ที่แลกมาด้วยน้ำตา" กรณีที่ก่อนหน้านี้มีขนมเค้กสอดไส้คัสตาร์ดรสกล้วยยี่ห้อ "สยาม บานาน่า" ที่มีหน้าตาคล้ายกับ โตเกียวบานาน่า วางจำหน่ายที่เขาใหญ่และหัวหิน แล้วปรากฎว่าผู้บริหารบริษัทร้านสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ให้ความสนใจสั่งซื้อเพื่อวางขายในร้านที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ก่อนที่จะบอกเลิกคำสั่งซื้อและหันมาผลิตพร้อมจัดจำหน่ายเอง
โดยบทความนี้แบ่งออกเป็น 2 ตอน ระบุถึงที่มาที่ไปว่า จากพนักงานออฟฟิศทั่วไป ไปขายเสื้อผ้าที่จตุจักรในวันเสาร์-อาทิตย์ ขายได้เรื่อยๆ แต่เมื่อจุดนึงที่การแข่งขันเริ่มรุนแรง เลยอยากหาสินค้าที่สามารถทำเป็นลักษณะขายส่ง คนอื่นสามารถนำไปจำหน่ายต่อได้ โดยที่เรายังควบคุมคุณภาพสินค้าได้ ความที่ชื่นชอบขนม แต่กลับค้นพบว่า โตเกียวบานาน่า ไม่มีกล้วยอยู่เลย มีแค่คัสตาร์ด ใส่กลิ่นกล้วยเข้าไป แล้วแป้งนุ่มๆ กับแพกเกจจิ้งสวยงาม จึงเกิดความคิดว่า ประเทศไทยเป็นที่ผลิตกล้วยน่าจะดีที่สุดในโลก ทำไมไม่พัฒนามาเป็นสินค้าของไทยบ้าง ที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้บ้าง
โดยได้ทำกระบวนการวิศวกรรมย้อนรอย ถึงต้นแบบโตเกียวบานาน่า คิดค้นพัฒนาในการทำกล้วยและใส่รสชาติเป็นของตัวเอง ใช้เวลาไปกว่าครึ่งปี เงินอีกจำนวนมหาศาล เพื่อเรียนรู้กระบวนการทุกอย่าง และสร้างเทคนิค เอกลักษณ์เป็นของเราเอง สิ่งที่ยากกว่าที่คิดคือ แพกเกจจิ้งของโตเกียวบานาน่า โรงงานในมืองไทยไม่สามารถทำได้ และตัวดูดความชื้นที่เรียกว่า absorber เป็นแบบพิเศษที่ปล่อยความร้อนออกมาด้วย ทำให้ควบคุมอุณภูมิของแป้งได้ สามารถเก็บได้นานถึง 1 เดือน โดยไม่ใช้วัตถุกันเสีย โดยได้หาซัพพลายเออร์ แม้ต้นทุนจะแพงขึ้นมหาศาล แต่ก็รักษาความอร่อย และความนุ่มของแป้งให้คงที่
"โตเกียวบานาน่า ใช้เครื่องจักรแบบซูเปอร์ไฮเทค ชนิดแป้งซึ่งไม่สามารถผลิตได้ในประเทศไทย น้ำตาลแบบไม่ตกผลึก ปลอดภัยกับผู้บริโภค หลังลองผิดลองถูกจนได้รสชาติที่พอใจ จึงวางขายเป็นของฝากตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง เริ่มต้นที่ เขาใหญ่ และหัวหิน ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก ยอดขายดีกว่าที่คาดหวังไว้ แต่กำลังการผลิตเราก็ไม่มากนัก และเมื่ออยากลองดูว่าสินค้าของตัวเองจะสามารถไปในระดับแมสได้หรือไม่ จึงถือโอกาสนำเข้าไปเสนอในบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ หลังจากเริ่มวางจำหน่ายไปได้ 3 เดือน โดยไม่คาดคิดว่าสิ่งที่ตามมาจะเป็นบทเรียนที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต" ในบทความ ระบุ
ในบทความระบุว่า การวางขายในร้านที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ จะใช้กำลังผลิตแบบเดิมไม่ได้ ทางบริษัทจึงให้ลงทุนสร้างโรงงานเพิ่ม เพื่อให้เพียงพอต่อกำลังการผลิตระดับแมส แน่นอนว่าต้องใช้เงินอีกหลายล้านบาท แต่เห็นความเป็นมืออาชีพของบริษัทใหญ่ ก็ยอมกู้เงินมาลงทุนเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มีทีมงานมาช่วยวางแปลนโรงงานให้อย่างละเอียด มีการตรวจสอบทุกขั้นตอน เป็นคำสั่งมาจากเบื้องบนให้ทุกฝ่ายต้องช่วยโปรเจคนี้ให้สำเร็จตามกำหนดให้ได้
"แต่ค่าโง่ที่แพงที่สุดก็คือ ต้องกรอกเอกสารจำนวนมาก เพื่อเปิดเผยข้อมูลการผลิตทุกขั้นตอน ส่วนผสมทุกอย่าง เทคนิคการผลิตทั้งหมด ละเอียดเป็นกรัม เป็นมิลลิเมตร โดยมีเจ้าหน้าที่ย้ำว่าจำเป็น เพื่อที่จะช่วยวางแผนการผลิตได้ ความลับเรื่องการนำคาสตาร์ดหรือว่าไส้กล้วยเข้าไปในแป้งก็ถูกเปิดแผย มันเป็นกระบวนการระหว่างการลงทุนก่อสร้างโรงงานไปด้วย ก็จะโดนถามอย่างละเอียดทุกเม็ดในที่ประชุม แต่เราไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนขนาดนั้น คิดว่าเพื่อช่วยยกระดับให้มันมีมาตรฐานสากลก็ต้องยอม" ในบทความ ระบุ
ในบทความระบุว่า บริษัทส่งคนมาดูแลดีมาก ตลอดระยะเวลา 4 เดือนความฝันเริ่มใกล้จะเป็นจริง รสชาติมีหลากหลายขึ้น แพกเกจสวยงามขึ้น ชื่อแบรนด์ดูเก๋มากขึ้น เหลือแค่โรงงานที่เตรียมพร้อมการผลิต มีเจ้าหน้าที่มาเยี่ยม ดูแลให้คำแนะนำเกือบทุกวัน ตลอดระยะเวลาก่อสร้าง พร้อมประชุมกับบริษัททุกสัปดาห์ และกำหนดวางจำหน่ายก็ออกมาแล้วคือ 1 เมษายน 2558
"ต้นเดือนกุมภาพันธ์ทุกอย่างพังทลาย ขณะที่กำลังวุ่นวายกับโรงงานใหม่ ก็ได้รับการติดต่อจากบริษัทว่า ทางเราได้ผลิตของเราเองแล้ว ต้องขอยกเลิกดีลที่ตกลงกันไว้ด้วย เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เรียบง่ายแค่นี้จริงๆ เหมือนสายฟ้าฟาดผ่าลงมาที่ตัว แล้วที่ผ่านมา 4 เดือน ประชุมกันเป็นร้อยๆ พันๆ ชั่วโมง กับเจ้าหน้าที่เป็นสิบแผนกคืออะไร เงินที่กู้มาหลายล้านคืออะไร จะวางจำหน่าย 1 เมษายน 2558 คืออะไร คำถามมากมายพรั่งพรูออกมา แต่ปราศจากคำตอบ จนกระทั่งวันที่ 1 มีนาคม 2558 ทุกคนก็คงได้เห็นสินค้าชิ้นนั้นออกสู่ตลาด" ในบทความ ระบุ
ในบทความได้ตั้งคำถามว่า อยากจะถามบริษัทยักษ์ใหญ่ว่า ถ้าคุณจะทำเอง ทำไมต้องให้เราลงทุนขนาดนี้ เป็นหนี้เป็นสิน มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า แต่ไม่มีคำสั่งซื้อจะมีความหมายอะไร คุณมาให้ความมั่นใจเราไม่งั้นเราจะกล้าเสี่ยงขนาดนี้เพื่ออะไร เราเหมือนมดตัวเล็กๆ ที่เขาจะบี้ให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเทียบกับทรัพยากรที่เขามีอยู่ มันครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ทำให้ประหยัดต้นทุนทุกอย่าง เพื่อขายให้ถูกกว่า ราคาส่งของเรายังสูงกว่าเราคาขายปลีกของเขาด้วยซ้ำไป เรียกว่าฆ่ากันให้ตายในดาบแรกด้วยราคาเลย กะไม่ให้เราไปเกิดที่ไหนอีกเลย
ในตอนท้ายของบทความ ได้ให้ข้อคิดแก่คนที่คิดจะทำธุรกิจ ว่า ไม่มีอะไรสำคัญกว่าผลประโยชน์ของบริษัทเขา, หากใครคิดจะทำอาหาร สูตร เทคนิคการผลิต เขาเรียกว่า ความลับทางการค้า จงรักษามันไว้ให้ดี, อย่าหวังพึ่งยอดขายจาก ผู้ซื้อ หรือ ผู้จำหน่าย รายใดรายหนึ่งมากเกินไป จนคุณไม่มีอำนาจต่อรองเลย, หากแบรนด์คุณยังไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ให้คิดดีๆก่อนเข้าระบบโมเดิร์นเทรด เพราะเขาใหญ่พอที่จะฆ่าแบรนด์คุณทิ้ง หรือทำให้ของคุณเป็นแค่ของเลียนแบบ หรือผู้มาทีหลังได้ทันที และการสร้างภาพสวยๆ ให้องค์กรมีอยู่จริง เพราะของจริงไม่ใช่แบบนั้น การชมตัวเองว่าดีเพราะว่าทำอย่างนู้นทำอย่างนี้ กับการที่คนอื่นมาชมว่าคุณดี มันไม่เหมือนกันเลย
บริษัทยักษ์ใหญ่สุดของประเทศไทย แต่แนวทางการดำเนินงานแม่งชั่วช้าสิ้นดี