ถึงมีรถก็ขับไม่ได้! "ประเทศยุโรป" แบน รถยนต์ส่วนบุคคล
ขณะที่เมืองใหญ่หลายๆเมืองในสหรัฐอเมริกาลังคิดค้นพัฒนาสัญญาณไฟจราจรให้เอื้อต่อความสะดวกในการขับขี่รถมากขึ้น ทั้งยังมีไอโฟนแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้คนขับรถหาที่จอดรถได้ง่ายกว่าเดิมนั้น ประเทศในกลุ่มยุโรปก็กำลังทำให้สิ่งที่ตรงกันข้าม ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมซึ่งเป็นศัตรูกับผู้ใช้รถอย่างเปิดเผย ด้วยวิธีการต่างๆกัน ทั้งนี้ ก็เพื่อทำให้การใช้รถกลายเป็นสิ่งที่มีราคาแพง
เมืองใหญ่ๆในประเทศยุโรปเหล่านี้ไล่มาตั้งแต่ เวียนนา มิวนิค จนถึงโคเปนเฮเกน ซึ่งได้ปิดช่องทางรถวิ่งจำนวนมาก ในขณะที่เลนรถยนต์ในเมืองปารีสและบาร์เซโลนาถูกเบียดบังจากเลนจักรยาน ผู้ใช้รถในลอนดอนและสต๊อกโฮล์มต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมหากต้องการขับรถเข้าไปยังใจกลางเมือง และในช่วงสองปีที่ผ่านมา เมืองต่างๆในเยอรมันกว่า 12 เมืองได้อนุญาตให้รถที่จะผ่านเข้าไปในเมืองได้ต้องเป็นรถยนต์คาร์บอนต่ำเท่านัน
"ในอเมริกามีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนเมืองให้เหมาะกับการขับรถมากกว่า" พีเดอร์ เจนเซ่น หัวหน้ากลุ่มขนส่งและพลังงานแห่ง European Environment Agency กล่าว "ในขณะที่ยุโรป มีความพยายามที่จะทำให้เมืองเป็นที่ที่น่าอยู่สำหรับผู้คน ด้วยการทำให้เมืองเป็นที่ที่ปลอดรถยนต์"
อนึ่ง กลุ่มประเทศในยุโรปมีแรงจูงใจในการลดประมาณการใช้รถมากกว่าสหรัฐอเมริกา ด้วยระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและราคาเชื้อเพลิงที่สูงกว่า นอกจากนี้ กลุ่มสหภาพยุโรปอาจไม่สามารถปฏิบัติสนธิสัญญาเกียวโตที่กำหนดให้ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้น การลดปริมาณการใช้รถยนต์จึงอีกเป็นหนทางหนึ่ง ในขณะที่สหรัฐอเมริกาไม่ได้ลงชื่อในสนธิสัญญาเกียวโตตั้งแต่แรก
ขณะที่ทั่วโลก ประมาณก๊าซก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งได้เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยปริมาณกว่าครึ่งมีสาเหตุมาจากรถยนต์ส่วนบุคคล
ที่มา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1309149445&grpid=03&catid=03&utm_source=MatichonOnline&utm_medium=MatichonOnline