Fiction / Story > เวทีมือใหม่

Living on A Prayer....

(1/14) > >>

Yai_GuMP@ซิตี้พันม้า:


         ขอเกริ่นนำ เพื่อบรรยากาศของเรื่องเล่าของผมสักนิดหนึ่งนะครับ

    โดยส่วนตัว ผมเป็นคนหลงใหลในเสียงเพลงเฮฟวี่เมทัลยุคพวกแฮร์แบนด์มากๆ เสียงพาวเวอร์คอร์ดกีต้าร์หนักๆ เบสแน่นๆ เสียงสแนร์ลั่นๆ และการร้องแบบแผดเสียงเต็มที่ บอกเล่าถึงความต้องการอิสระทางสังคมของยุคสมัยนั้น
อ๋อดังนั้นบรรยากาศการอัดรถในอุดมคติของผมคือ มีเสียงเพลงเฮฟวี่เมทัลอย่างSkidrowหรือPanteraประกอบไปด้วยตลอด มันเป็นเพลงที่กระตุ้นอาดรีนาลีนได้ดีในความรู้สึกผม  แต่อาจดูเชยในสมัยนี้ เพราะตอนนี้Hiphopกำลังอินเทรนด์ครับ  ฮิๆ  แต่ก็ไม่ไ้หมายความว่าผมจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องรถอเมริกันนะ เพราะเพื่อนๆคงไม่ชอบใจกัน

          เรื่องของเครื่องยนต์และตัวรถ  ถ้ามีข้อมูลทางเทคนิคผิดพลาดไป ขออภัยด้วย เพราะผมเองก็ไม่ได้ถึงขนาดเก่งกาจมากมาย เป็นเพียงคนเล่นรถมาไม่กี่ปีเท่านั้นเองครับ
 
          ลองอ่านเรื่องอัดรถเคล้าดนตรีร็อค พร้อมจิบเบียร์เย็นๆไปด้วยกันเลยนะครับ




     

Yai_GuMP@ซิตี้พันม้า:


           บนถนนสายที่ทอดยาวออกไปยังจังหวัดชานเมืองกรุงเทพ กลางดึกของคืนวันหนึ่ง

   เสียงเพลงจากลำโพงหลังรถกำลังขับเสียงริฟท์กีต้าร์อันดุเดือดจากเพลงYouth gone Wild

  เดียร์ ซึ่งเป้นคนขับเองก็อดไม่ได้ที่จะโยกหัวตามเพลงไปอย่างสะใจในเนื้อหา และท่อนริฟท์อันหนักหน่วงนั้น

     "เมื่อไหร่รถกูจะเสร็จซะทีวะเนี่ย เบื่อจะตายห่า แม่งดองไว้เป้นอาทิตย์ไม่ทำให้กูซะที
  อยากเอามาอัดกะมึงจะตายอยุ่แล้ว"

    แบงค์ตะโกนแทรกเสียงเพลงขึ้นมา บ่นถึงรถคันเก่งที่เอาเข้าอู่ไปนานแล้วยังไม่ออกมาซะที

      "ทำไงได้ อู่เขางานเยอะ เอาน่าดีกว่าเขาเร่งๆแล้วเอารถมึงออกมาชุ่ยๆนะเว่ย"
 
      "เชี่ย ..แค่เปลี่ยนโบ กะจูนกล่อง มันทำอะไรนานนักหนาวะ" แบงค์ยังคงบ่นพึมพำต่อไปกับตัวเอง พลางขยับตัวไปมองข้างหลัง เพราะรู้สึกว่ามีแสงไฟสีขาวจ้าส่องมาจากข้างหลัง

      "เดียร์...ข้างหลัง"  เดียร์พยักหน้ารับ พลางเอื้อมมือไปบิดวอลุ่มของเครื่องเสียงให้เบาลงจนเกือบปิด

       ขณะนี้บรรยากาศในรถได้ยินเพียงเสียงกระหึ่มจากท่อBlitz Nurspecขนาด3นิ้วจากรถของเดียร์ และเสียงช่วงล่างดังกุกกักเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยความเร็วเพียง80กิโลเมตร/ชั่วโมง

       ไฟสีขาวจากรถคันข้างหลัง  มาไม่เร็วมากนัก  แต่ก็ขึ้นมาเรื่อยๆ เดียร์แน่ใจว่าตัวเองวิ่งเลนซ้ายดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังประคองพวงมาลัยนิ่งๆไว้

     ทั้งสองคนนั่งเงียบเพื่อดูว่าเป็นรถอะไรที่จะขับขึ้นมาทางด้านขวา

    "3ประตูเหรอวะ...มีสปอตไลต์เล็กๆข้างล่างน่าจะใช่...

  ยังไม่ทันขาดคำ  รถคันนั้นก็เข้ามาเทียบข้าง เป็นรถซีวิคคูเป้สีดำตัดกับแม็กสีขาว  ฝากระโปรงหน้าเคฟล่าร์ ทำให้ดูดุดันขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว คูเป้คันนั้นขับมาเทียบรถเดียร์สักพัก แล้วกดขึ้นไป  เสียงวีเทคแผดลั่นชัดเจนมาก  แล้วตบเข้าซ้าย  เหมือนจงใจให้ดูสติกเกอร์ที่บ่งบอกสังกัดของตนเองด้านหลัง และอุ่ที่ทำรถของตน  

       เดียร์ยังคงรักษาความเร็วไว้ระดับเดิม คู้เป้สีดำก็ผ่อนตาม ไม่ยอมกดต่อ  

  "มันจะเอาให้ได้เลยวุ้ย  ...เอาไงเดียร์"  เดียร์ยิ้มๆ  แต่ไม่ทำอะไรขับไปเรื่อยๆ

  ซีวิคคูเป้ดูท่าทางอยากเล่นกับเดียร์มาก อาจเพราะเห็นรถเดียร์เป้นรถที่ไม่ค่อยมีใครนิยมมาแต่ง  อาจคิดว่าเป็นเครื่องเดิมทำท่อเสียด้วยซ้ำไป

       "สัดแม่งไม่เล่นกะกูวะ"วินคนขับคูเป้สีดำ  บ่นพึมพำกับตัวเอง โดยไม่สนคำห้ามปรามของสาวน้อยหน้าตาน่ารักที่นั่งมาด้วย

       วินเหยียบคลัทซ์ไว้แล้วเบิ้ลคันเร่งใส่ขณะมาเทียบข้างเดียร์ เป็นเชิงท้าทาย

    พร้อมเปิดกระจกข้างซ้าย  แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นเป็นการบอกเดียร์  ว่า"ขอลองรอบนึง"

   เดียร์หันไปยิ้มตอบและพักหน้า ปิดกระจก  และเอื้อมมือไปกดรีโมทของProfec E01 เข้าสู่โหมดที่ตั้งไว้ ปลดจาดHighway มาเป้น"Racing."

     ค่าการฉีดจ่ายน้ำมัน และไฟจุดระเบิด ถูกปรับไว้ตามที่เดียร์จุน แน่นอน อัตราการบูสต์เทอร์โบมีหรือจะคงเดิม

     แบงค์เอื้อมมือซ้ายไปจับหูยึดด้านบน  เตรียมพร้อมกับการอัดบนถนนของเพื่อนที่รู้นิสัยกันมานาน ว่าถ้าไปไม่ได้ เดียร์ก็จะไม่ฝืน  แต่กระนั้นก็ยังต้องระวังตัว

     เดียร์สับเกียร์ลงมาเกียร์2 รอบตีขึ้นไปพร้อมกับเสียงของระบบวีเทคที่ครางกระหึ่มขึ้นมา

  พ้องกับซีวิคคูเป้ของวินที่เตรียมรออยู่แล้ว

     ไม่ต้องมีคนนับ  ดูเหมือนทั้งสองจะรู้จังหวะดีว่าควรกดคันเร่งตอนไหน  

  ขณะนั้นถนนสายนั้นกึกก้องไปด้วยเสียงท่อไอเสียที่แผดสนั่นของรถทั้งสองคันคำรามไปทั่ว
เสียงวีเทคคำรามอย่างสะใจ หากใครได้ยินคงอดใจไใ่ไหวที่จะหันไปมองแน่

     เข็มบูสต์ของเดียร์ไต่ขึ้นไปสุดที่1.2บาร์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับรอบเครื่องที่ถึงเรดไลน์ให้เดียร์ต้องสับเกียร์ทันที

     ปัง!!เสียงคลัทซ์แระแทกรถเดียร์กระโดดนำหน้าซีวิคคูเป้สีดำขึ้นไปอย่างไม่ยากเย็นนัก

  วินคนขับคูเป้เริ่มหัวเสีย  "สัดเอ๊ย  เทคเซ็ตโบนี่หว่า  ..พร้อมสับเกียร์3ตามขึ้นไปเนื่องจากรถตนเองยังไม่ได้เรียงเกียร์มาใหม่จังหวะจึงช้ากว่าเดียร์เล้กน้อย

       เสียงเวสต์เกตของเดียร์แผดสนั่น เคล้าไปกับเสียงหวีดของเทอร์โบบอลแบริ่งขนาดกำลังดีอัดอากาศเข้าสู่อินเตอร์คูลเลอร์แล้วยัดลงอินเทคที่ได้รับการขัดแต่งอย่างดีมาแล้ว เข้าห้องเผาไม้กระแทกกับลูกสุบฟอร์จราคาเรือนแสนที่เดียร์บรรจงเก็บเงินเปลี่ยนมาใช้

     ก่อเป็นกำลังที่ฉุดบอดี้อันเบาของรถเดียร์ให้ปลิวกระเด็นขึ้นไปตามแรงหมุนที่ถ่ายลงล้อหน้าทั้งสองได้แบบสบายๆ

       รูปการณ์ตอนนี้คือที่เกียร์4แล้ว ซีวิคคูเป้โดนนำไปไม่มากนัก  แต่ก็ไม่น่าสบอารมณ์เท่าไหร่สำหรับวิน ถึงเขาจะรู้แก่ใจว่าNAธรรมดาเพียงเปลี่ยนท่อนล่างเพื่อขยายความจุ โดยหวังจะได้แรงบิดมานั้น โดยมีการตกแต่งเล็กๆน้อยๆ  จะสามารถรังแกเครื่องตระกูลเดียวกันแต่รุ่นเล็กกว่าตนได้สบายๆ  แต่เมื่อเจอกับวีเทคเทอร์โบของเดียร์เข้า  ถึงกับทำให้เขาหัวเสียไม่ใช่น้อย เพราะผิดจากรูปการณ์ที่หวังจะขยี้รถแต่งร่วมถนนให้เด็กสาวที่นั่งข้างๆได้เห็นว่ารถตนเองแรงเพียงใด  กลับเจอตอซะนี่...

         เมื่อเดียร์เห็นว่าคูเป้ยังคงขึ้นนำตนเองไม่ได้ จนถึงเกียร์4ปลายๆ  เดียร์จึงสับ5แล้วยกคันเร่ง  เขาไม่นิยมเล่นความเร็วปลาย เพราะมันเป้นการสร้างอันตรายให้แก่เพื่อนร่วมทางได้มากกว่าการแข่งเพียงไม่กี่เกียร์เพื่อดูแรงม้าของรถในช้วงสั้นๆ  เนื่องจากความเร็วปลายของรถเขานั้น ตัวเขาเองรู้ดีว่ามันมากจนเกินบอดี้รถจะรับไหว

         เมื่อยกคันเร่ง  คูเป้สีดำของวินก็ตามขึ้นมาทันที  วินแปลกใจที่เดียร์ยกคันเร่ง

 " มึงหยามกูเหรอไงวะ" ...กูกำลังจะขึ้ืนมึงแล้วมึงยก  ยังงี้หมายความว่ายังไงวะ ...วินตะโกนเสียงดัง

        สาวน้อยที่นั่งข้างวิน เริ่มรู้สึกกลัวเพราะวินไม่ยกคันเร่งแต่กลับขยี้ต่อไปอีกความเร็วขณะนั้นประมาณ190กิโลเมตร/ชั่วโมง นับว่ามากสำหรับเด็กผู้หญิงที่เคยนั่งแต่รถหนุ่มหล่อพ่อรวย ที่ขับรถสแตนดาร์ดนุ่มๆมารับกับไปนอนด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้นั่งรถโมิฟายที่แรงม้าสูงขนาดนี้

   "พี่วินพอแล้ว  แนนกลัว"

 วินไม่สนใจ  พยามกดคันเร่งแซงเดียร์เพื่อขึ้นไปหน้าเดียร์ให้ได้  เดียร์ลดกระจดลง  แล้วยกนิ้วโป้งให้วิน  ขณะที่วินกำลังแซงรถเขาขึ้นไป  แต่วินไม่สนใจแล้ว

    แบงคืสังเกตเห็นท่าทีไม่ดี พร้อมกัับตะโกนบอกเดียร์

 "เดียร์  เฮ่ย  ระวัง!!!..."

  เอี๊ยดดดด....!!!!......ดดด...คืดๆๆๆๆ..!!...

  วินหักหัีวรถเข้าไปเลนซ้ายของเดียร์  ตรงหน้าพอดีแล้วกระแทกเบรคแบบสุดแรงใส่เดียร์  นั่นคือท่ามาของเสียงเบรคดังสนั่นนั้น  เดียร์ระวังไว้อยู่แล้ว จึงกดเบรคแล้วตบออกขวาทันที รถออกอาการทันทีคือพอหักขวากะทันหันแล้วหักซ้ายเพื่อแต่งไลน์ให้ตรง  รถจะเป๋ด้วยโมเมนตั้มที่สำสมไว้ในรถ  จะโคลงไปมานิดหน่อย  แต่ตัวรถที่เบา  ทำใไ้ไม่มีแรงเฉื่อยมากนัก

    แต่ซีวิคคูเป้ตอนนี้สิ หลังจากกดเบรคโดยแรงแล้ว  เกิดอาการหน้าอันเดอร์และล้อล็อคขึ้นมาทันที เพราะหลังจากกระทืบเบรคแล้วในเสี้ยววินาทีนั้นวินก็กดคันเร่งต่อเพื่อหวังผลให้เดียร์เบรคหลบตนเองจนเสียหลักไปเองไม่ได้หวังให้วินมาชนรถตัว  แต่การกดให้ล้อสลิปไปนั้น เป็นการซ่าตัวเองเพราะมันบวกกับแรงอันเดอร์ของรถและล้อที่ไถลทำให้วินควบคุมรถไม่ได้เสียแล้ว


     "แม่งวางมิดเลยเหรอวะ  โคตรเหี้ยเลย!!"แบงค์ตะโกนดังลั่นด้วยความแค้น

 เดียร์ทำหน้าซีเรียส เพราะเขาเคยเจอประสบการณ์โดนวางมิดแบบนี้ตอนที่เล่นรถใหม่ๆ  ตอนนั้นเขาต้องเสียรถที่รักและคนที่เขารักไปด้วยทั้งสองสิ่งในเวลาเดียวกัน  เหตุการณ์แบบนี้จึงทำให้เขาเกิดเอฟเฟคท์บางอย่างในจิตใจขึ้นมา ต่างกันแค่ว่า ครั้งนั้นเขาโดนรถสปอร์ตที่ไม่เคยได้รู้จักหรืออัดเล่นกันเลย  มาเบรคใส่ด้วยความหมั่นไส้  และตอนนี้เขาไม่ได้เป็นผู้เสียหลักและรถมิดไป...

       ถึงตอนนี้ซีวิคคูเป้คันงาม แถข้างเข้าไปครูดกับราวกั้นขอบทางด้านข้างซ้าย สีดำแห้งช้าสวยๆ  ล้อแม็กMugen MF10L สีขาว เป้นรอยเละเทะไปหมด  และหยุดนิ่งกับขอบทางนั้น ดีที่ไม่เอาหน้าปักเข้าไป  ไม่เช่นนั้นคงเสียชีวิตทั้งคนนั่งคนขับ

      เดียร์เบรครถไว้ด้านข้างทาง ไม่ห่างจากคูเป้คันนั้นมากนัก เปิดประตูแล้ววิ่งลงไปดู  ถนนตอนนั้นเป็น4เลนแล้ว รถบรรทุกใหญ่วิ่งผ่านไปมาได้สบาย  จึงไม่น่ากลัวมากนัก

      ส่วนแบงค์โมโหด้วยโทสะ จึงหยิบอาวุธที่ใส่ไว้ในเป้สะพายของตนลงไปด้วย หวังเจรจาว่าทำไมต้องทำแบบนี้

      ปัง!!!เสียงปืนดังขึ้นมา  ก่อนที่เดียร์จะฟุบลงไปกับพื้น  และคนขับซีวิคคูเป้เปิดประตุก้าวลงมาจากรถ

      "มึงทำให้รถกูเป็นแบบนี้  ไอ้ลุกหมา  มึง..."  วินเดินมาเอาปากกระบอกปืนเล้งไปที่เดียร์ที่นอนอยุ่ที่พื้น แบงค์รีบเล็งอาวุธของตนไปทางเป้าหมาย  คือวิน

       "ทำไมมึงเหี้ยอย่างงี้วะ  อัดรถแพ้แล้ววางมิด  พอวางมิดพลาด  ก้มายิงเขาอีก  มึงนี่มันเลวจริงๆ เป็นลูกผุ้ชายป่าววะ!!" แบงค์ตะโกนระบายอารมณ์ออกมาอย่างสติขาด  เมื่อเห็นเพื่อนตนเองถูกยิงฟุบลงไปกับพื้น

        วินไม่ตอบอะไร เพราะสติยังมึนงงกับการที่รถตนเองชนเข้ากับข้างทางทำให้เกิดอาการช็อคตามหลังขึ้นมา

     แวบนึงวินหันกลับไปทางเสียงประตูรถของเขาเปิดออกมา  เป็นแนนเด็กผู้หญิงคนที่นั่งรถมากับเขา  คลานออกมาทางที่นั่งคนขับ  พร้อมกับบาดแผลเลือดแแกที่ไหล่เพราะถูกสายเบลท์บาด...

      พล่อก!!...

      "ไอ้สัด!!..."  เดียร์ลุกขึ้นมา  พร้อมกับชกเข้าไปที่หน้าวินอย่างแรงครึ่งปากครึ่งจมูก
 
 เดียร์ไม่ได้โดนยิง  เพียงแต่แกล้งฟุบลงไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกกะบอกปืนเล็งมาทางตน

         หากดูตามรุปร่าง ทั้ง2คน เดียร์ออกจะเสียเปรียบอยุ่สักหน่อยแต่อาศัยที่เคยเรียนศิลปะการต่อสุ้มาเล็กน้อย  และชีวิตที่เถื่อนแบบฉบับของลูกเจ้าพ่อที่ต้องต่อสุ้กับอิทธิพลของเขาทำให้เป็นคนที่ยอมคนไม่เป็น

    เมื่อวินล้มลงไปเดียร์ไม่พูดอะไรอีก แต่ประเคนข้าไปไม่ยั้งทั้งหมัดทั้งเท้า  แบงค์รีบวิ่งเข้ามาดึงเดียร์ออกไปเพราะรู้นิสัยเดียร์ดี  ว่าตนเองเป็นคนใจร้อนโมโหง่าย  เดียร์เป็นคนใจเย็น แต่หากฟิวส์ขาดแล้ว แบงคืยังไม่ได้ครึ่งของเดียร์หรอก

     "พอแล้วเดียร์  เดี๋ยวแม่งตาย  เฮ่ย"..

  "มันทำให้แม่กูตาย  กูจะฆ่ามัน  กูจะฆ่ามัน!!!!..ไอ้เหี้ยยย.."

 "มันคนละคนกันเดียร์  มันไม่ใช่คนขับซูปร้าคันนั้นนะโว้ย"

          ..........................


       เดียร์หยุดนิ่ง  มือซ้ายจับคอเสื้อของวินที่หมดสติไปแล้ว  ง้างมือขวาค้างไว้ในอากาศ  น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว  ไม่ใช่มัน...ไม่ใช่มัน....มีแต่คำนี้ก้องอยุ่ในหัว

       แบงค์รีบลากเดียร์ขึ้นรถ  ตอนนี้เดียร์มึนงง  และเอาแต่ร้องไห้  แบงค์จัดแจงเอาน้ำมาเทราดหัวให้ได้สติขึ้นมา  แต่ดูเหมือนจะไม่ดึเท่าไหร่

       "แบงค์..."  เดียร์เอ่ยเรียกแบงค์ขึ้นมาเบาๆ

  แบงคืนั่งยองๆลงไปกับพื้น เงยหน้ามองหน้าเพื่อนที่นั่งอยู่กับเบาะรถ   โดยหันหน้าออกข้างรถด้านคนนั่ง

        "มึงต้องช่วยกูนะ ...."

     แบงค์ไม่ตอบ แต่จ้องหน้าเดียร์ด้วยสีหน้าเอาจริง แล้วพยักหน้าเล็กๆ แต่มั่นใจ

 
                แบงค์ผละจากเดียร์แล้วหยิบโทรศัทพ์มือถือขึ้นมาโทรเรียกตำรวจทางหลวง

  เล่าเหตุการณ์สั้นๆแค่ว่ามีรถเสียหลักอยุ่ตรงนี้   และแอบซุ่มดูอยู่  จนตำรวจนำคนเจ็บและลากรถที่เสียหายออกไป

       
          แบงค์สตาร์ทรถ เขาเป็นคนขับ เพราะเดียร์ไม่อยุ่ในอารมณ์ที่ควรขับรถต่อ

                    "พรุ่งนี้มึงจะไหวเหรอ  เรียนเช้านะมึง เดียร์"

      เดียร์ไม่ตอบ   ได้แต่จ้องมองถนนออกไปข้างหน้า  ผ่านกระจกหน้ารถ พร้อมกับจุดบุหรี่ขึ้นดูดแดงวาบขึ้นในความมืด และถอนหายใจแบบน่าอัึดอัดออกมา จนแบงค์รู้สึกได้ ว่าในลมหายใจนั้น          
               มันอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นและน่าสังเวชใจเพียงใด


                                .............................................................

       
     
     
                                                                                        To be Continued..
 

       

     

 

       
   

   

DuMP_V8:
เหอๆๆ ขยันจังเลยนะใหญ่ พิมพ์ซะยืดยาวเชียว
เล่นคำใช้ได้เลย เห็นภาพเลย น่าติดตามๆๆ...อิอิ ;D ;D

win civic:
แงๆ พี่ใหญ่ใช้ชื่อผมเปงคนเลว หุหุ

*Aee-ViPeR-MR2*:
ยาวมากเลยอ่า T-T เด๋วนั่งอ่านนะคะ แหง่มๆๆ

Navigation

[0] Message Index

[#] Next page

Go to full version