21 สิงหาคม 48
Tunespeed Party
ลมเย็น อากาศดี แต่คนน้อยจัง
ตั้งแต่สนามเปิดให้เล่นได้ตอนเก้าโมงมานี้ ทำให้บรรยากาศช่วงเช้าดูไม่คึกคักเท่าไหร่เลย จากเดิมที่ราว 7-8 โมงนี้จะต้องมีชาวดริฟท์มากันเกือบครบแล้ว แต่บรรยากาศเช่นนี้มันหายไปเสียแล้ว
ผมไปถึงสายหน่อย ราวแปดโมง เพราะจอดเปลี่ยนยาง เช็คลม ที่ปั๊มตรงข้ามทางเข้าสนาม BRC แทบไม่น่าเชื่อว่าผมมาเป็นคนแรก เลยทะยอยเอาของลง ทานอาหาร แล้วก็เดินสำรวจสนามเล่น เดินดูโค้งและพื้นผิวแทร็คนอกโค้ง เผื่อว่าเราอาจมีหลุดไปบ้าง ดูว่าตรงไหนหลุดได้ และตรงไหนเป็นเขตต้องห้าม อืมม BRC นี้มีเขตต้องห้ามเยอะจริงๆ
เมื่อวาน มีงานของ BF Goodrich มาจัด มีดริฟท์โชว์ด้วย ผมไม่ได้มาชม ไม่รู้ใครมาบ้าง แต่มีง้วนลงโชว์ด้วย
นี่ไงพี่ เมือวานผมล้ำเกินมุมในโค้งไปหน่อย ล้อตกลงไป พอดึงรถขึ้น มันก็เป็นแบบนี้เลย ง้วนพูดพลางชี้ช้อค Cusco Sustec Pro ด้านหน้าซ้ายที่คดงอจนน้ำมันรั่วซึมออกมาให้ผมดู
ดัดแล้วพี่ แต่ก็ยังใช้ไม่ได้ ง้วนเสริม ขณะที่ตัวเองและลูกน้องกำลังเปลี่ยนช้อคฯคู่หน้าที่นำมาเป็นอะไหล่
สักพักผมเดินไปดูบริเวณที่ง้วนตกลงไป เพื่อเพิ่มความจำในหัวผมว่า ไอ้จุดนี้แหละ มันคือเขตต้องห้ามอีกอันที่ต้องจำให้ขึ้นใจ ขนาดคนมีฝีมืออย่างง้วนยังเจ็บ แล้วอย่างผมจะไปเหลืออะไร
900
เวลาแห่งการรอคอยมาถึง ผมมีประสพการณ์ที่แย่จากสนามที่แล้วมาก่อน คือสนามที่แล้วเพิ่งได้เครื่องใหม่ ไม่คุ้นเป็นอย่างมาก หมุน ม้วน หลุด บ่อยมากๆ สุดท้ายจบวันด้วยสายยางหม้อน้ำหลุด น้ำพ่นทิ้งออกหมด โชคดีไม่ฮีทพัง ลงแข่งไม่ได้ แต่ขับกลับบ้านได้
วันนี้ ผมมาพร้อมกับความตั้งใจใหม่ คือซ้อมอย่างเป็นระบบ ไม่ได้ขับกันมั่วๆ แบบเอามัน เอาสนุก ผมกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง ใช่แล้ว ตอนเด็กๆ ที่ผมเล่นรถใหม่ๆ ผมก็ขับซ้อมของผมแบบนี้แหละ หากอยากรู้ผมจะเล่าให้อ่าน
เริ่มจากขับแบบกริปเหนียวๆ อยู่ 5 รอบ หรืออาจกว่านั้นก็ได้หากคุณจับอาการรถได้ช้าหรือยังไม่ค่อยแม่น จดจำจังหวะการใช้เกียร์และรอบเครื่องยนต์ (ใครมีวัดรอบตัวโตๆ ช่วงนี้จะได้ใช้ประโยชน์มาก) จำจุดเบรก จังหวะเบรก
ถ้าทำได้แล้ว ก็ค่อยๆ เพิ่มความเร็วทีละนิดๆ ไปเรื่อยๆ ราวๆ รอบละ 1 วินาที อย่าไปเพิ่มความเร็วแบบกระทันหัน (ยกเว้นแต่ว่าคุณเป็นเซียนแล้ว แต่ผมยัง) มันจะทำให้เราพลาดได้ง่าย ค่อยๆ เพิ่มความเร็วรอบเครื่องในโค้งทีละนิดๆ (เห็นไหม ได้ดูวัดรอบตัวโตๆ อีกแล้ว) ใช้จังหวะการชิฟเกียร์ การเบรก แบบเดิมหมด
เพิ่มความเร็วไปจนกระทั่งมันสุดลิมิท จนยางมันใกล้จะหมดแรงยึดเกาะ จนรถเริ่มจะลูซ นั่นแหละ คือขีดสุดของสมรรถนะรถในด้านการกริป
ลิมิทของรถแต่ละคันไม่เหมือนกัน แตกต่างโดยสิ้นเชิง อยู่ที่คุณภาพยางเป็นสำคัญ อย่างอื่นเป็นเรื่องรอง
ผมใช้ยางใหม่ของ Vee Rubber ขับแรกๆ ลื่นชมัด สักพักก็เกาะเหนียวดีใช้ได้ แต่มันโยนแล้วพริ้ว รถไม่ค่อยนิ่ง ซีรี่ส์ยางสูงไปคือใช้ซีรี่ส์ 65 แน่ะ ยากครับ แต่ก็ต้องปรับตัวเข้ากับมันให้ได้ มิฉะนั้นก็จะเป็นแบบนักแข่งที่คอยโทษโน่น โทษนี่อยู่ร่ำไปพอทำเวลาออกมาไม่ดี
ผมเกิดมาเพื่อเป็น Driver ผมไม่ใช่ Racer ครับ
ขับแบบค่อยๆ เพิ่มความเร็วทีละนิด ก็จะทำให้รถมันเริ่มสไลด์แบบทีละนิดเช่นกัน แต่มันจะไม่สไลด์กวาดยาวแบบคนอื่นเขานะ มันไปแบบนุ่มๆ เอี๊ยดเบาๆ แต่ความเร็วไม่ตก ทำแบบนี้อยู่อีกสัก 5 รอบ แล้วพักเครื่องสัก 15 นาที
หรือถ้าเครื่องยังไม่ร้อนมาก ยังไม่ฮีท คนขับยังไม่เหนื่อย จะลุยต่อก็ยังไหว
ท่อไอเสียหลุด ท่อยางหม้อน้ำหลุด (อีกแล้ว)
ประเดิมความไม่พร้อมด้วยการดริฟท์จนขายึดท่อไอเสียขาด ท่อทั้งเส้นลงมาลากกับพื้น โชคดีที่มีลวดยาวเมตรกว่าๆ ติดมาด้วย แต่กว่าจะจัดการได้ก็เหนื่อยน่าดูสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้มุดลงทำรถเอง
ลองขับอีกที ดูว่าท่อยึดไหวไหม ดริฟท์ได้ไหม แล้วจู่ๆ ก็มีควันขึ้นฝากระโปรงแบบบางๆ
เฮ้ย เป็นอะไรอีกล่ะนี
ท่อยางหม้อน้ำหลุดอีกแล้วครับ คราวนี้หลุดคนละตำแหน่งกัน เครือ่งคงจะเหวี่ยงสะบัดแรงมาก หรือไม่ก็ยึดสายรัดไม่แน่น ผมเดาว่าเป็นอันหลัง เลยจัดการสวมเข้าไปใหม่ แถมไล่เช็คไขจุดยึดอื่นๆ อีกด้วย คราวนี้คงไม่มีเหตุซ้ำซากเกิดขึ้นอีกแล้วนะ
แต่ก็ต้องจอดรอให้เครื่องเย็นแล้วถึงจะเติมน้ำได้นะครับ มิฉะนั้น อันตราย
มีลมดันออกมาจากหม้อน้ำ
ช่วงเช้าก็เห็นมีลมออกมาปุดๆ เห็นชัดเจนจากถังพักน้ำ แต่มันบางๆ จนผมไม่ได้เอะใจ คิดว่าเป็นลมในระบบที่ผมอาจไล่ไม่ดีตอนใส่น้ำใหม่ (แต่หารู้ไม่ว่าหายนะกำลังจะมาเยือน) ยิ่งขับ ยิ่งอัด แล้วมาจอดพัก ฟองก็ยิ่งปุดหนักขึ้น จนผมไม่สบายใจ หารือเพื่อนที่มีทักษะเชิงช่างสูง เขาว่า
ปะเก็นแตกแล้วพี่
ปะเก็นไปแล้ว
ใช้ปะเก็นอะไรอยู่ครับ
คำตอบออกมาทำนองนี้หมด ผมอยากจะเขกหัวตัวเองที่ทำไมมองข้ามเรื่องลมดันเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ไปได้
วุ่นกับรถตัวเอง จนสักพัก็เจอพี่อ๊อฟตรีพลมากับช่างต้น ช่างต้นคนนี้ช่วยเหลือผมมาหลายงาน แม้จะเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ขอขอบคุณในน้ำใจ วันนี้ก็เช่นกัน
พี่เปิ้นมีเครื่องมือมาไหมครับ เดี๋ยวให้ช่างต้นรื้อหัวเทียนออกมาดูให้ พี่อ๊อฟพูด
สักพักเราก็ช่วยกันรื้อ เอาหัวเทียนออกมาล้าง ใจผมตอนแรกอยากลองขับกลับบ้านดูนะ คือเราจะ run under boost ไง แต่คิดมาคิดไปแล้วไม่เอาดีกว่า ไม่อยากจ่ายเงินค่าไสฝา จ่ายแค่ค่าปะเก็นก็น่าจะพอแล้วนะ ว่าแล้วก็เรียกใช้บริการ Carry Me ของเจ้าป๊อปรุ่นน้องนักดริฟท์ที่ฝีมือพัฒนาจนไปเป็นกรรมการเสียแล้ว
Drifter หายไปไหนกันหมด
คนน้อยมากๆ หัวโจกหายไปหมด ประธานโจ นัท ตุลย์ ต๋อง จิมมี่ เอาแค่นี้ก็หายไป 5 คันแล้ว ศรันย์ A31 สีน้ำเงิน เพิ่งประกอบเครื่องเสร็จ แต่เครืองเดินไม่เต็มสูบ เลยขอถอนตัว นอกนั้นมากันแบบเป็นขาประจำ มิก โต้ง ง้วน กุ้ง ท๊อป จุ๊ นคร และพี่หนึ่ง ราชาแม็ก
โต้ง คลัตช์ลื่น
มิก ได้ 2 way LSD อันใหม่
กุ้ง เครื่องพัง ปะเก็นแตก (เหมือนผมเลย)
ง้วน เปลี่ยนช้อคฯหน้าใหม่ ไม่รู้ขับต่างจากเดิมไหม
ท๊อป จับตาดูไอ้หมอนี่ หัวใจไม่ธรรมดา
จู๊ แรง เต็มๆ เหมือนเดิม
พี่หนึ่ง ใช้ A31 เห็นบอกว่าเพิ่งเล่นดริฟท์ แต่ฝีมือแซงหน้าผมไปเยอะแล้ว
แต่ละท่านขับได้ดุดีมากๆ เข้าโค้งได้แรง เต็มดีเหลือเกิน เห็นแล้วอิจฉาจริงๆ ผมอยากขับแบบนั้นบ้าง แต่ผมทำไมได้ ไม่รู้ทำไม
แอบดูรถพี่หนึ่ง เป็นรถ A/T แล้วแปลงเป็น M/T แต่ไม่ได้เอาเบรกมือมาด้วย นั่นก็คือเขาขับโดยไม่ใช้เบรกมือเลย อืม ฝีมือเอาเรื่องนะนี่
จะว่าไปแล้วช่วงสมัยก่อนผมก็ขับโดยไม่ใช้เบรกมือเช่นกัน เป็นเพราะว่ากำลังเครื่องมีน้อย จะเข้าแต่ละโค้งก็ต้องอัดส่งมาแต่ไกล พี่หนึ่งในวันนี้คงจะขับเหมือนผมในอดีต ใช้ Shift Lock ไงครับ
ผมดูเขาขับ ฟังเสียงเครือ่ง ผมคิดว่าใช่นะ ทางตรงเขาใช้เกียร์ 3 จะพุ่งส่งเข้าโค้งก็ลดเหลือ 2 แล้วก็อัดส่ง แต่โค้งเล็กด้านในอันนี้ผมฟังไม่ชัดเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าใช้ Power Over หรือทำ Clutch Kick
มิกขับด้วยใจที่นิ่งสงบมาก มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สไลด์ได้เต็ม แต่โต้งออกขับซ้อมน้อยนะ ขับแล้วดูเหมือนจะประคองรถเอามากๆ เลย
ขณะที่กำลังจะเริ่มทำการแข่งขัน รถ Slide On ก็มาเรียกผมพอดี เป็นอันว่าอดดูแข่งครับ ใครชมจนจบช่วยรายงานต่อจากผมด้วย เล่าเยอะๆ นะ เผื่อเพื่อนๆ ที่ไม่ได้ไปชมไงครับ
ผมกลับถึงบ้านด้วยความเซ็งที่ต้องเสียเงินซ่อมรถอีกแล้ว ทำให้นึกถึงจิตใจของ Drifter ที่เขาทำรถกันทุกเดือนๆ จนเงินแทบหมด แทบไม่มีอะไรจะกิน
ไม่ไหวก็ต้องเลิกกันไปครับพี่ Drifter คนหนึ่งบอกผม
แล้วเขาก็กำลังจะเดินจากเราไป
เล่าเพิ่ม เล่าเสริม โพสภาพ เรียนเชิญด้วยความยินดีครับ