racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on November 02, 2012, 02:41:36 pm

Title: พย 55 28 ฟางเส้นสุดท้าย
Post by: O'Pern on November 02, 2012, 02:41:36 pm
1 พย 55
   ลืมเล่า วันก่อนที่ฝนตกหนักแต่เช้า ผมเดินข้ามถนนแล้วลื่นล้ม ล้มไม่แรง ค่อยๆ เอาสะโพกขวาลง เหตุเพราะรองเท้าลื่น มาเจอกับฝาท่อ กทม แบบขัดมัน ก็เลยล้มซะริมทางเท้า คิดบวกครับ โชคดีที่ไม่ล้มบนถนน
   ล้มแล้วลุกเดินต่อ ไม่เจ็บอะไร แต่มาวันนี้มันเริ่มตึงๆ หน่อย
   เหลือเวลาอีก 2 เดือน กับน้ำหนักที่ผมต้องลดลงอีก 3 กก บีบคั้นจริงๆ ไอ้สามโลหลังนี้เอาลงยากกว่าสามโลแรกมากครับ สู้ๆ เพื่ออินทนนน์
   เช้านี้ได้รับภารกิจขับรถกระบะไปขนของจากแมคโครครับ บรรทุกกันมาเกือบเต็มลำ ขับมาถึงร้านก็ทยอยลงของเข้าโกดัง หมดวันช่วงเช้าไป
   บ่ายโทรหาช่างอ๊อด จะเข้าไปเปลี่ยนแบตฯ แต่ติดต่อไม่ได้ เลยกลับเข้าบ้านมาจัดการลูกปลาต่อ พบว่าไข่ที่ผสมเมื่อสามวันก่อนเริ่มฟักเป็นตัวแล้ว ลูกปลาเพิ่งฟักนี่ตัวมันเล็กกว่าลูกน้ำเสียอีก ตอนมันออกจากไข่ใหม่ๆ จะอยู่นิ่งๆ กับที่สัก 2 วัน จากนั้นจึงจะว่ายน้ำหาอาหาร จังหวะนี่แหละที่มันโดนจับกินได้ง่าย เป็นเป้านิ่งเลย
   เย็นไปรับลูก ขากลับเจอ Lamborghini Gallardo แม้จะเป็นตัวถูกสุดของ Lamgo เขา แต่แม่งก็สวยบาดใจเหลือเกิน เจอคันนี้สีสันถูกใจ สีส้มอิฐตัดดำ รีบเมมเข้าสมองเลย ขับตามหลังเรื่อยๆ นึกในใจว่าชีวิตนี้เราจะมีวันที่ได้เป็นเจ้าของรถแบบนี้ไหมหนอ
กลับมาบ้านเจอข้าวผัดปูอย่างหอมเลย คิดว่าจะไม่กินอะไรแล้วนะ ขอจัดสักหน่อย หัวค่ำชั่งน้ำหนักแล้วตาถลนมานอกเบ้า
   เฮ้ยย ขึ้นมาอีก 1 กก แล้ว จากเดิมที่ต้องลดอีก 3 กก นี่กลายเป็น 4 กก แล้วหรือ
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 05, 2012, 10:14:19 pm
2 พย 55
   ตื่น 0430 เติมไฟในกายให้ลุกโชน เหยียดยืดเส้นแล้วเดิน 15 นาที วิ่ง 15 นาที จักรยานอีก 15 นาที นี่ถ้ามีสระก็จะโดดลงว่ายน้ำอีกด้วย
   สมใจครับ น้ำหนักลงมา 1 กก พอมีกำลังใจหน่อย เช้านี้กินเนื้อปลาเก๋าผัดใส่ขิงและขึ้นช่าย กินกับข้าวกล้อง ไข่เจียวในน้ำมันมะกอก กระเทียมสดอีกราว 10 หัว
   ส่งลูกแล้วก็ไปเฝ้าร้านขายของตามฟอร์ม เช้านี้ไม่มีงานโหดๆ แค่ไปธุระที่ธนาคาร ตอนสายช่างอ๊อดโทรมาแจ้งว่าแบตฯมาแล้ว ตอนบ่ายเลยเข้าไปเปลี่ยนแบตฯ
   ด้วยความขยันพูดคุยกับช่าง เลยได้วิชารีเซทระบบไฟมา ช่างบอกว่าทุกครั้งที่มีการถอดแบตฯออก จะต้องทำการปรับตั้งจูนระบบไฟใหม่ (คาริเบรท) สำหรับรถคันนี้ ให้หมุนพวงมาลัยไปซ้ายสุด แล้วหมุนขวาสุด กลับไปซ้ายสุดอีกที แล้วจบที่หักขวาสุด เป็นการคาริเบรทตำแหน่งพวงมาลัย เพราะว่ามันมีระบบควบคุมการทรงตัว ที่ตำแหน่งจุดศูนย์กลางพวงมาลัยมีเซนเซอร์อยู่ ตอนเราหักพวงมาลัยอย่างรวดเร็วรุนแรง กล่องควบคุมจะรับรู้ได้
   ตามมาด้วยรีเซทระบบไฟในประตู คือกระจกไฟฟ้า ล็อคไฟฟ้า กระจกมองข้าง เซ็นทรัลล็อค ทำโดยการกดหน้าต่างลงสุดโดยนิ้วมือกดค้างไว้ตลอด จากนั้นก็ปิดหน้าต่างด้วยการใช้นิ้วดึงปุ่มค้างไว้จนสุด (ไม่ใช่กดให้มันไหลเองแบบ Auto) ทำเช่นนี้ทุกบาน เป็นอันเสร็จพิธี
   โห ยุ่งยากฉิบหาย รถผม Nissan 180SX ไม่ต้องรีเซทอะไรสักอย่างเลยสักนิด
   เห็นรถในอู่มาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องบ้าง เซอร์วิสช่วงล่างบ้าง เจอคันหนึ่งอาการหนักคือ S Class ที่มีระบบช่วงล่างแบบถุงลม พอมันหมดอายุก็เปลี่ยนกันยกชุด เจอรถ SLK เลยเข้าไปดูใกล้ๆ ใจชอบรถเปิดประทุนอยู่แล้ว ยังไงชีวิตนี้ขอจัดอีกสักรอบ ภาพ Gallardo สีส้มดำเมื่อวานยังติดตาอยู่เลย
   รัฐบาลเริ่มแจกเงินคืนภาษีรถคันแรกแล้ว นโยบายปัญญาอ่อนโคตรเลย คิดได้ไง เงินภาษีจำนวนนี้น่าจะเอาไปใช้ในกิจการอื่นที่เอื้อต่อสังคมโดยรวมมากกว่า คิดหวังจะเอาใจคนใช้รถยนต์หรือ ตระกูลชินวัตรคิดได้แค่นี้หรือ ไม่น่าเชื่อ
   แต่ก็ต้องเชื่อนะ จำได้ว่าตอนหาเสียงยังบอกว่ารวยแล้วไม่โกงเลย ที่ไหนได้ แม่งจัดหนักกว่าคนจนโกงอีก
   หากรัฐบาลคิดจะแก้ปัญหาจราจร ควรทำในแนวทางดังนี้ (ติเขาแล้ว ก็ต้องเสนอคำแนะนำด้วย ไม่ใช่ด่ากราดอย่างเดียว)
   เริ่มจากปรับปรุงรถเมล์ให้ติดแอร์ทุกคัน รถร้อนเลิกได้แล้วครับ รถก็ติดหนัก แถมร้อนอีก
   บัสเลนๆ ๆ มีไว้ทำไมครับ กฎหมายก็มีอยู่แล้ว บังคับใช้สิครับ ห้ามรถอื่นมาใช้บัสเลน เริ่มจากชั่วโมงเร่งด่วนก็ได้ หากตำรวจจับไม่ไหว ก็ใช้กล้องจับแทนเหมือนตอนฝ่าไฟแดง รับรอง แค่เดือนเดียวก็คืนทุนกล้องแล้ว ที่เหลือคือกำไร เอาไว้บริหารประเทศได้อีก หาเงินแบบนี้คนสรรเสริญมากกว่าสร้างนโยบายมาให้พรรคพวกโกงครับ
   ผมให้ความสำคัญกับคนรากหญ้าเป็นอันดับแรกนะ แม้ผมจะใช้รถยนต์เป็นหลักเหมือนคนส่วนใหญ่ในเมืองก็เถอะ แต่ผมมองโลกในภาพรวม หากแก้ให้ตรงจุดแล้ว ก็ต้องให้มวลชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ก่อนครับ
   ออกบัตรเติมเงินใช้ขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า เรือ ฯลฯ ทำให้คนใช้สะดวก เขาก็อยากไปใช้ ทุกวันนี้มั่วสุดๆ รถคันไหน สีไหน เท่าไหร่ อย่างไร ไม่รู้เลยสักนิด จ่ายแบ๊งร้อยไป โดนพนักงานด่ากลางรถอีกด้วย
   เอาจริงกับพวกช่างกลที่ยกพวกตีกันด้วย มีมานาน และจะมีอีกต่อไป จำไว้นะครับว่า หากเรายังตอบสนองด้วยพฤติกรรมเดิมๆ เราก็จะได้รับสิ่งเดิมๆ กลับมา หากเราจับได้ก็ส่งสถานพินิจ มันก็จะมีคนใหม่ๆ มาให้คุณจับไปอีกตลอดกาล
   แต่ถ้าใจแข็ง จัดให้หนัก จัดให้เต็ม จับใครได้ก็ลงโทษทั้งผู้ปกครองและสถาบันด้วย ให้ผมคิดมุขสดๆ ตอนนี้ก็คือจับเด็กขังกรงสัก 30 วัน พอครบกำหนดแล้วก็ให้มันและพ่อแม่เข้าไปดัดสันดานกันในสถานพินิจต่อ ตามมาด้วยปิดโรงเรียนสัก 7 วัน สำหรับเหตุครั้งแรก
   ใครจะด่าก็อย่าไปสน (เหมือนตอนพวกมึงโกงไง ใครด่าก็ไม่สนใช่ไหม) ใช้อำนาจในมือเพื่อรักษาสิทธิของคนส่วนรวม มันดีกว่าไปช่วยคนชั่วให้กลับตัวเสียอีกนะ
   จะออกแบบที่ทางอะไร ก็คำนึงถึงคนเดินถนนเป็นอันดับแรก ทุกวันนี้ออกแบบถนนเพื่อให้รถวิ่งผ่านอย่างเดียว บางถนนไม่มีทางเท้าให้เดิน แปลกฉิบเป๋งเลย
   ยกเลิกอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้แล้ว ไอ้นี่คือต้นเหตุของความมั่ว เริ่มจากย้อนศร ทำตัวเป็นขาใหญ่ประจำซอย รถแท็กซี่เข้าไปส่งคนแล้วห้ามรับคนออกมา มันจะให้คนเสียเงินนั่งมอเตอร์ไซค์ของมัน
   หากยกเลิกไม่ได้ก็ให้แค่วิ่งได้ในซอยเหมือนยุคแรกที่แจ้งเกิด ห้ามออกถนนใหญ่ เจอก็จับปรับกันไป ตรงนี้ตำรวจถนัด ไม่ต้องสอน แว๊บหัวออกมานอกเลนนิดเดียว มันวิ่งมาโบกบอกว่า “คุณวิ่งขวา”
   ไม่ต้องไปสงสารอาชีพสุจริตแต่มันลิดรอนสิทธิคนอื่นครับ หากมีคนบอกมีธุระด่วนต้องรีบไป หรือรถติดมาก ไปไม่ทันจริงๆ ต้องใช้มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็ย้อนถามว่า แล้วเมื่อ 10-20 ปีก่อน ที่ไม่มีมอเตอร์ไซค์รับจ้าง คนรุ่นนั้นเขาเดินทางกันอย่างไร รถในยุคนั้นก็ติดไม่แพ้กัน ผมอยู่ในยุคตั้งแต่ไม่มีทางด่วน ยังจำประสบการณ์ได้ดี จะไปไหนเราก็ต้องเผื่อเวลาไว้เองอยู่แล้ว คนไปไม่ทัน คือคนไม่รักษาเวลา ต้องโทษตัวเอง ไม่ใช่โทษรถติด
   ยังไม่จบนะ มีอีกเยอะ หากเขียนหนังสือปฏิวัติกรุงเทพฯแบบยกกระดาน คงเขียนได้หลายเล่ม
   เรื่องบ้านเมืองนี่บ่นได้ยาวมาก ไม่ได้บ่นด่าอย่างเดียว ผมให้คำแนะนำด้วยนะ บางอย่างทำได้เลย ทำได้จริง ก็หวังให้คนมีอำนาจหน้าที่มาอ่านเจอแล้วนำไปต่อยอดครับ
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 05, 2012, 10:24:47 pm
3 พย 55
   เช้าวันเสาร์นี้มิวมีคอร์สเรียนพิเศษอีกครั้ง ตอนแรกเขารู้สึกเบื่อ แต่ผมให้กำลังใจเขา พูดให้เขาเห็นถึงความสำคัญ ชี้ให้เป็นความฝันของเขาเอง เขาก็เข้าใจดี
   ตอนเที่ยงมิวเดินกลับมาที่ร้านอย่างหน้าตาระรื่น คงจะดีใจที่เรียนเสร็จแล้ว แต่ตอนบ่ายก็มีเรียนพิเศษคุมองต่ออีก ก็เข้าใจเขานะ รู้สึกเห็นใจเหมือนกัน ตอนเรียนเสร็จกลับมาบ้านก็เลยให้เขาเล่นเกมในเครื่องไอแพดแบบ unlimit
จัดเต็มไปเลยลูก เรียนก็ให้เต็มที่ หากพักก็สนุกให้เต็มที่เช่นกัน
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 05, 2012, 10:25:38 pm
4 พย 55
   เช้าวันหยุดเลยจัดการเปลี่ยนถ่ายน้ำอ่างปลา จับแนวทางได้แล้วครับว่าปลาทองเขาชอบให้เปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆ เห็นชัดเจนว่าลูกปลาโตเร็ว แข็งแรง สดใส
   กินโจ๊กเป็นอาหารเช้า แต่พอสายหน่อยลูกมาชวนไปกินที่ฟู๊ดแลนด์ เอ้า ไปก็ไปกัน ตอนสายไป Central World ภรรยาได้ตั๋วหนังมาฟรีจากบัตรเครดิตกสิกรไทย หนังที่ให้ดูก็สนุกสะใจครับ James Bond 007 Skyfall
   เป็นการฉลองครบรอบ 50 ปีของหนังเรื่องนี้ด้วย เลยมีการจัดบูธหน้างานอย่างใหญ่โต ดูอลังการดีครับ เริ่มจาก Aston Martin DB9 จอดอยู่กลางทางเข้า มีซุ้มจัดเรียงภาพประวัติต่างๆ ของ James Bond ในแต่ละยุค แค่เดินดูก็สนุกแล้ว
   ได้ดูหนังของจริงยิ่งสนุกครับ ผูกเรื่องได้ดี ดำเนินเรื่องได้ดี เปิดเรื่องด้วยฉากไล่ล่าซัดกันตั้งแต่ต้น ดึงความสนใจได้ดีมาก เนื้อเรื่องชวนให้ติดตาม และที่ชอบมากสุดคือมีฉากเลิฟซีนน้อยมากๆ (มีจูบกัน 1 ฉาก และปลดกระดุมหน้าอกผู้หญิงอีกแว๊บหนึ่ง)
   ผมไม่ได้เข้าโรงหนังมากว่า 10 ปีแล้ว เจอป๊อปคอร์นและน้ำอัดลมที่เขาขายแล้วน่าทึ่ง ชุดละ 169 บาทครับ ได้ข้าวโพด 1 ถัง และน้ำอัดลมแก้วใหญ่มาก 1 แก้ว แปลกมากที่ขายดีอีกด้วย อ้อ…รู้สึกดีอีกอย่างคือไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของใครเลยสักคนตลอดที่หนังฉาย
   กินอาหารเย็นร้าน Mahatton ขายอาหารฝรั่งราคาไม่แพงมาก จานละร้อยกว่าบาท แล้วก็กลับบ้านทันที โชคดีมีคูปองจอดรถได้ฟรี 6 ชม
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 08, 2012, 01:45:30 pm
5 พย 55
   นอนหัวค่ำ แต่กลับตื่นสาย รู้สึกตัวตื่นตอนตีสี่ แต่ก็หลับต่อจนถึงตีห้าครึ่ง ตื่นมากินน้ำทับทิมคั้นแยกกากเอง 1 แก้ว ตามด้วยน้ำเปล่าครึ่งลิตรเหมือนเคย ไม่ได้ขี่จักรยานหรือออกกำลังกายอะไรเลย ใช้เวลาหมดไปกับพวกลูกปลา ตอนนี้อ่าง กระถาง บ่อ เต็มบ้านอีกรอบแล้ว ปลาของผมมันผสมพันธุ์กันได้แทบทุกวันเลย เยอะมากจริงๆ
   ปลาที่เหลือรอดมาก็เริ่มโตจนเต็มบ่อไปหมดแล้ว จากดั้งเดิมที่มีรุ่นพ่อแม่อยู่ราว 10 ตัว ตอนนี้มีรุ่นลูก รุ่นหลาน ที่ตัวโตใหญ่แข็งแรงกว่า 70 ตัวแล้ว อาหารปลาที่เมื่อก่อนซื้อมาแล้วอยู่ได้นานหลายเดือน กลายเป็นว่าถุงเดียวนี่อยู่ได้ไม่ถึงเดือน เข้าร้านขายอาหารปลาบ่อยมากจนเจ้าของร้านจำหน้าได้
   เช้าวันจันทร์วนมาอีกครั้ง ส่งลูกเข้าเรียนก็ไปร้านขายของต่อ มีสินค้าหลายตัวปรับราคาขาย วุ่นวายพอดู ลูกค้าหลายรายบ่นต่อว่าที่ไม่บอกเขาล่วงหน้า แต่เราบอกไปนานแล้ว เพียงแต่ว่าไม่รู้กำหนดเวลาว่าเขาจะปรับกันจริงๆ เมื่อไหร่ วันไหน ก็รับคำบ่นด่าไปครับ ยิ่งพูดก็จะยิ่งโดนเขาด่ากลับมา
   รู้แล้วล่ะว่าทำไมช่วงน้ำหนักไม่ลง เกิดจากจิตใจที่เคร่งเครียดนี่เอง ส่งผลให้เกิดการอยากกินโดยไม่มีเหตุผล กินเพราะอยากกินซะงั้น ขาดแรงจูงใจ เป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่มีการกระตุ้นให้เกิดความอยากที่จะไปถึงฝัน ยกตัวอย่างสถานการณ์สดๆ วันนี้
   พรุ่งนี้ผมขอเจ้าของร้านลาหยุดไปทำธุระในตอนเช้า ซึ่งเจ้าของร้านมักจะมาถึงร้านในตอนสายๆ เที่ยงๆ แล้วคำตอบที่ได้รับก็คือ “ไม่อนุญาต”
   น่าอนาถใจนะ อายุก็ 44 ปีแล้ว จะไปไหนมาไหนยังต้องขอแม่อยู่เลย หากใครรู้เข้าคงจะขำจนฟันหัก
   พรุ่งนี้ผมมีงานของ Mercedes Benz ครับ เขาเปิดตัวระบบ Shooting Brake ในรถรุ่น CLS ตัวใหม่ และเปิดตัว CLS เครื่องยนต์ดีเซล
   ที่ผมให้ความสำคัญกับงานนี้ก็เพราะค่าย Mercedes Benz เป็นบริษัทรถยนต์เพียงค่ายเดียวที่ยังคงเชิญผมเข้าร่วมงานอยู่ นอกนั้นเขาลืมผมไปหมดแล้ว
   รู้สึกอย่างไรบอกไม่ถูกนะ มันเหมือนกับตัวเราช่างไร้ค่า ตัวเราค่อยๆ เล็กลงๆ ไปเรื่อยๆ และหากหลังจากนี้ ผมไม่ได้รับคำเชิญจาก Mercedes Benz อีก ผมก็ไม่แปลกใจอะไรแล้วล่ะ
   ขอบคุณนะครับที่ช่วยทำให้ผมห่างไกลความฝันออกไปทุกทีๆ
   ขอบคุณนะครับที่ช่วยตอกย้ำว่าอย่าไปฝันเลย มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
   ผมเริ่มมั่นใจแล้วล่ะครับ
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 08, 2012, 01:46:41 pm
6 พย 55
   เครียด กินทั้งๆ ที่ไม่ได้หิว น้ำหนักขึ้น ตั้งเป้าหมายห่าเหวอะไรไว้ มันไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว แม่งโคตรจะท้อใจเลยว่ะ
   อยู่ที่ทำงานก็ดูนาฬิกาไปเรื่อย ขณะนี้งานของ Mercedes Benz เขาคงเริ่มแล้วกระมัง
   อนาถกับชีวิตตัวเองจริงๆ 
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 08, 2012, 01:49:01 pm
7 พย 55
   ไปส่งมิวที่โรงเรียน นัดเวลารับกลับ มิวบอกก่อนลงจากรถว่า อย่าลืมสัญญาล่ะว่าวันนี้จะพาไปกินซุปเห็ด
   มิวชอบซุปข้นเห็ดอย่างมาก ที่กินมาแล้วเขาว่าอร่อยสุดคือของร้าน Black Canyon ส่วนผมจะชอบยำวุ้นเส้นของร้านนี้มากที่สุด
   อยู่ที่ทำงานก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการรับโทรศัพท์ รับจ่ายเงิน ยกแบกของ เข็นของส่ง เย็นไปรับลูก พาไปกินซุปเห็ดตามสัญญา ขณะกำลังเลี้ยวเข้าที่จอดรถก็มีรถที่จอดอยู่ในซองเลี้ยวออกมา มิวพูดขึ้นมาทำนองว่าพ่อทำความดีสะสมมาก็เลยได้ที่จอดรถ ผมนึกยิ้มว่าเคยสอนเขาไว้
   แต่ก่อนลงจากรถนี่สิ เขาพูดเพิ่มขึ้นอีกว่า “แต่เรื่องงานนี่พ่อยังต้องทำความดีเพิ่มอีกนะ”


เห็นคันนี้แล้วนึกถึง VW Bus Panel Van Double Door 1957 คันที่ขายไปจริงๆ
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 11, 2012, 03:35:52 pm
8 พย 55
   ปลาผสมพันธุ์อีกแล้ว ได้แต่นั่งดู ไม่มีอ่างจะเพาะแล้ว ของเดิมมีแต่ลูกปลาตัวเล็กเต็มไปหมด
   ขี่จักรยาน 30 นาที ไม่ได้วิ่งแล้ว กล้ามเนื้อตึงๆ พักหน่อยดีกว่า แต่ถ้าเป็นเด็กก็วิ่งซ้ำได้เลยนะ กล้ามเนื้อเขาฟื้นตัวเร็ว
   อากาศแปรปรวนมาหลายวัน เช้าเย็นนิดๆ พอสายแดดร้อนแรง ตกเย็นถึงค่ำฝนตก แบบนี้ใครไม่แข็งแรงมีสิทธิ์เป็นไข้ไม่สบายได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กๆ ผมให้มิวอัดวิตามินซี 1000 mg ในตอนเช้า
   ชีวิตขณะอยู่ที่ร้านขายของนี่มันเหมือนโดนแช่แข็ง อะไรที่กำลังก้าวหน้าก็กลายเป็นว่ากดปุ่ม pause มันซะ มีเวลาส่วนตัวก็ตอนช่วงบ่ายสัก 2 ชม มันจะไปทำอะไรได้นะ เย็นหน่อยก็ต้องไปรับลูกแล้ว
   วันนี้ Suzuki ประกาศเลิกขายรถในอเมริกาแล้ว ยุติบทบาทรถเล็กในตลาดรถใหญ่ คนอเมริกาไม่ค่อยชอบรถเล็กครับ ต่างจากญี่ปุ่นและยุโรป อาจเป็นเพราะเรื่องของพื้นฐานโครงสร้างภาษีด้วยมั้ง ไม่รู้สิ ผมเดา
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 11, 2012, 03:41:58 pm
9 พย 55
   โอ้ ไม่น่าเชื่อ ทำไมปลาถึงผสมพันธุ์กันได้ทุกวี่วัน ผมเลี้ยงมันได้สมบูรณ์ผิดปกติหรือเปล่าวะนี่ แค่ให้อาหารที่มีโปรตีนสูงหน่อยแค่นั้นเองนะ
   เช้านี้ขี่จักรยานแบบเหงาๆ ขี่แบบเลื่อนลอย ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ อาศัยแค่ให้ก้นคุ้นเคยกับเบาะนั่งทุกวันๆ เผื่อมีทริปโหดกระทันหันจะได้จัดเต็ม
   คิดบวกเข้าไว้ บวกไม่ไหวก็ต้องคูณ และทวีคูณ แม้จะมีข้อดีเพียงน้อยนิด ก็ต้องนำมันมาเป็นจุดเด่นให้ได้ ระหว่างวันก็ต้องยกของ เข็นของส่งลูกค้า กลัวหลังที่มันเจ็บอยู่แล้วจะกำเริบจริงๆ แต่ทำได้ได้ ชีวิตมันเป็นแบบนี้
   เย็นลูกมีงานที่โรงเรียนจัดนิทรรศการและการแสดงเกี่ยวกับข้าวและวิถีชาวบ้าน มิวแสดงการละเล่นเพลงพื้นบ้าน ช่วงหลังไม่ค่อยได้แสดงเป็นตัวเด่นแล้ว แต่ตอนเด็กนี่สิ เขาเป็นตัวเด่นตลอด ไม่เป็นไรหรอก แบ่งๆ กันเด่นบ้าง
   แสดงเสร็จก็ต้องช่วยกันเก็บข้าวของเก็บซุ้มจัดงานด้วยนะ กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็ราว 0630 แม้จะนั่งรอลูกอยู่นานจนยุงกัดแล้วกัดอีก แต่ก็เดินจูงมือกันกลับบ้านอย่างมีความสุขที่สุด
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 11, 2012, 03:43:13 pm
10 พย 55
   ส่งมิวที่โรงเรียนเสริมวิชาแล้วเลยไปร้านขายของต่อ ชีวิตก็เข้าโหมดเดิมอีกแล้ว โหมดฟรีซครับ ฟรีซชีวิต ฟรีซความก้าวหน้า ฟรีซความสุข ฟรีซแม่งทุกอย่างเลย มีเหี้ยไรจับแม่งฟรีซให้หมด
   กลางวันมิวเดินกลับมาร้านเอง โรงเรียนอยู่ไม่ไกลกันนัก การให้เขาเดินกลับเองก็ถือเป็นการฝึกการใช้ชีวิตแบบหนึ่ง ต้องข้ามถนนเองด้วย แรกๆ ก็นึกกลัว แต่ก็ต้องเข้าใจโลกว่าสักวันเขาต้องยืนด้วยตัวเอง
   ปกติจะต้องพาไปเรียนคุมองต่อ แต่วันนี้ผมต้องเฝ้าร้านตลอดวัน (ดึก) โทรบอกครูที่คุมองว่าขอเปลี่ยนไปเรียนวันพรุ่งนี้แทน
   ชีวิตวันนี้ตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงสี่ทุ่มครึ่งผมอยู่เฝ้าร้านขายของตลอด มิวเองก็ต้องนั่งอยู่กับผมด้วย นั่งสัปปะหงกตั้งแต่สามทุ่ม
   หวังว่าเขาคงเห็นอะไรบางอย่างจากธุรกิจนี้นะ
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 12, 2012, 01:26:17 pm
11 พย 55
   หมดแรงครับ นอนลืมตื่น อยากไปขี่จักรยานเล่นให้ผ่อนคลายก็ยังทำไม่ได้ เลยใช้เวลาตอนเช้าไปในการเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อปลาแทน เดินไปเดินมาแบบเหม่อลอย เหมือนสมองทำงานครึ่งเดียว จะว่าไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดก็ดีเหมือนกันนะ ทุ่มเทกันสุดชีวิตไง ทำงานกันจนสมองฝ่อ ติงต๊องไปเลย
   เช้าขี่จักรยานไปซื้อบะหมี่แห้งที่ตลาด กลางวันกินข้าวมันส้มตำ บ่ายพาแม่ไปร้านทำผม เอารถพ่อคันใหม่ไป สะดุ้งตกใจก่อนเปิดประตู เห็นรอยกรีดครูดยาวคืบกว่า โอ้ พระพุทธเจ้า อะไรกันนี่ เห็นแล้วเซ็งในอารมณ์ รถใหม่เอี่ยม โดนจนเกือบจะรอบคันแล้ว หมดแรงในการเช็ดล้างเลยว่ะ
   วันนี้อยู่บ้านทั้งวัน ไม่มีจิตใจอยากไปไหนสักแห่ง รู้สึกเบื่อชีวิต
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 13, 2012, 01:26:40 pm
12 พย 55
   เช้านี้รถติดผิดปกติเว่อร์ ผมใช้เวลาขับรถถึง 1 ชม ในการไปที่ทำงาน ทั้งๆ ที่ปกติแค่ 20-25 นาทีก็ถึงแล้ว ไม่คุ้นอย่างแรง นึกถึงจักรยานขึ้นมาทันที อากาศก็ครึ้มๆ มีละอองฝนบ้าง ไม่ได้ตกแบบเทหนัก อย่างนี้ขี่ไหวครับ และไอ้การที่ฝนตกหนักก็ไม่ได้กลัวเปียกหรอกนะ กลัวลื่นล้มแล้วโดนรถเหยียบซ้ำต่างหาก
   แม่มาเล่าว่าเพื่อนเขาเปิดประตูลงจากรถด้านขวาไม่ได้ดูรถเลย มอเตอร์ไซค์มาซัดเข้าประตู คนขี่กระเด็นล้มกลิ้งโดนรถใหญ่เหยียบซ้ำ ไม่ต้องเล่าต่อแล้วล่ะนะ นึกถึงว่าถ้าเป็นตัวเองแล้วจะเป็นยังไง
   ตลอดวันนี้อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน เป็นช่วงรอยต่อฤดูฝนกับหนาว หากกรุงเทพฯมีฝนแบบนี้ ทางเหนือคือมีลมหนาวเข้ามาบ้างแล้วล่ะ อาจจะไม่หนาวเย็นเฉียบ แต่ก็ถือว่าเป็นการนำร่องของไอเย็น ลุ้นให้หนาวกันนานๆ ครับ ตั้งแต่ปี 52 มาก็ไม่เคยหนาวนานๆ อีกเลย ปีนั้นผมจำได้แม่นฝังใจ เพราะไปขี่ขึ้นอินทนนท์เป็นครั้งแรก
   วันนี้ Toyota เปิดตัว Altis E85 ราคาลดลงนิดหน่อยครับ ได้รับสิทธิลดภาษีสรรพสามิต มีเฉพาะตัวเครื่องยนต์ 1.8 ครับ พวกนักข่าวรถยนต์ก็จะสนใจแต่ตัวรถ แต่นักข่าวสายบันเทิงนี่สิ เขาสนใจแต่อั้ม พัชราพา ที่เป็นพรีเซนเตอร์ในงาน
   ผมไม่ได้ไปร่วมงานนะครับ คงไม่มีใครเขาเชิญผมแล้วล่ะ
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 15, 2012, 01:52:59 pm
13 พย 55
   ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตีสอง เดินผ่านระเบียงลมพัดหนาววูบ หนาวจริง เย็นจริงเลยนะ ตกใจมากเลย กะไม่ถูกว่ากี่องศา แต่เย็นผิดปกติ พอตื่นมาอีกทีตอนตีห้า อ้าว เฮ้ยย ไอ้ที่หนาวๆ ตอนสีสองมันเลือนหายไปไหนหมดเกลี้ยง
   เหลือเพียงลมเย็นจี๊ดเดียว ขี่จักรยานเล่นไปราว 20 นาที ช่วงนี้ต้องดูแลลูกปลาเยอะหน่อย พวกมันโตขึ้นเยอะแล้ว ในขณะที่ตัวใหม่ๆ ก็ทยอยกันเกิด ช่วงนี้ปลาผสมพันธุ์กันทุกวันเลยนะ ปล่อยแล้วล่ะครับ จะกินไข่ตัวเองก็ยอมมันละ ผสมถี่ขนาดนี้ไม่มีสถานที่จะเพาะเลี้ยงแล้ว กลายเป็นว่าความสามารถพิเศษของผมอีกอย่างในตอนนี้ นอกจากจะเล่น Ukulele แล้ว ยังเพาะพันธุ์ปลาทองได้อีกด้วย
   Honda USA ปรับโฉม Civic 2013 ไมเนอร์เชนจ์อย่างรวดเร็ว เพราะโฉมมันดูแล้วแปลกๆ หลายคนยังว่าตัวเก่าดูสวยลงตัวกว่า แต่ในสายตาผมแล้ว ผมแค่คิดว่าตัวใหม่มันไม่ได้หนีจากตัวเก่าไปมากนัก รถใหม่ย่อมดีกว่ารถเก่าแน่ล่ะ แต่ว่าใหม่แบบมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ มาด้วยหรือไม่นั้นอีกเรื่อง
   ก่อนนอนเล่นกับมิวอย่างสนุกสนาน เล่นกันเหมือนเด็กๆ นี่แหละ เอาหมอนข้างมาฟาดใส่กัน ตีกัน จั๊กจี๋กัน อ่านหนังสือสัก 30 นาทีแล้วก็พากันเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม
   นี่แหละชีวิต นี่แหละความสุข อย่าละเลยเวลาที่คุณอยู่กับลูก ทุกนาทีมีค่า และมีความหมาย ตอนนี้ยังไม่เห็นผลอะไร แต่มันคือความผูกพันกันแบบถาวร
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 15, 2012, 01:54:55 pm
14 พย 55
   ตื่นสาย เล่นก่อนนอนจนเหนื่อยหอบ ขี่จักรยานไปได้แค่ 20 นาที เช้านี้มีอาหารอย่างดีเลิศ เต้าหู้ราดพริก เต้าหู้ชุปแป้งทอดนิดหน่อย มะเขือเทศ และมันฝรั่งย่างกับกระเทียมสับ กินกับข้าวกล้อง แกล้มกระเทียมสดสิบกว่าหัว
   อาหารเช้าสำคัญสุด มันคืออาหารบำรุงสมอง อาหารกลางวันบำรุงร่างกาย อาหารเย็นสำหรับซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อยากฉลาด อยากแข็งแรง ก็จัดกันไปตามสภาพ อาหารที่ดี ไม่ใช่อาหารที่แพง แต่คืออาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูง เริ่มจากผักสดหลากสี ผลไม้สดที่หวานน้อย สองอย่างนี้คือสิ่งที่เราควรกินเป็นประจำ ที่เหลือก็ตามอัธยาศัย หลีกเลี่ยง ทอด ปิ้ง ย่าง หวาน มัน เค็ม ถ้าอดใจไม่ได้ ก็กินแค่พอรู้รส ปิดท้ายด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ
   ตกเย็นไปรับมิว เดินผ่าน Big C เลยชวนมิวเข้าร้านหนังสืออ่านเล่น เขาทำหน้าสงสัย เพราะปกติผมไม่ชวนแวะห้าง จนต้องบอกเขาว่าจะหาสัญญาณ wifi เพื่อทำการอัปเดทโปรแกรม เพิ่งรู้นะว่าไอ้แพดนี่มันจะต้องมีการอัปเดทในตัวโปรแกรม (แอป) ของมันตลอดเวลาเลย
   เชื่อมสัญญาณ wifi เสร็จก็เก็บไอ้แพดใส่เป้หลัง แล้วก็เดินอ่านหนังสือเล่นในร้าน ผ่านไป 10 นาที หยิบมาดู อ้าว wifi หลุด กลายเป็นเชื่อมต่อสัญญาณแบบ 3G แทน การอัปเดทมันเลยชะงัก กดให้อัปเดทใหม่กลายเป็นว่ามันค้าง แต่เครื่องใช้ได้ปกตินะ แค่อัปเดทไม่ได้เท่านั้นเอง
   งงกับมันจริงๆ ขนาดปิดแล้วเปิดใหม่ก็ยังค้าง
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 16, 2012, 01:42:12 pm
15 พย 55
   ซั้ดจักรยานยามเช้าไป 30 นาที ไม่ได้ขี่เร็วนักหรอกนะ ขี่เรื่อยๆ สบายๆ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะรับลมหนาวระรอกแรก นี่ขนาดหนาวแล้วนะ ได้แค่นี้เอง ถัดจากนี้ก็ต้องรอไอเย็นจากจีนที่จะไหลลงมาใหม่ เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
   น้ำหนักที่ตีขึ้นมายังไม่ลดลงเลย เบ็ดเสร็จโดยรวมแล้วลงไปได้แค่ 1 กก เองว่ะ รู้สาเหตุครับ ขาดแรงจูงใจ ท้อใจ หมดสิ้นหวัง เบื่อ ท้อแท้ ผิดหวัง และสารพัดความคิดแง่ลบประดังเข้ามาพร้อมๆ กัน 
   ตอนบ่ายวางแผนชีวิตตัวเอง แต่ก็คิดไม่ตก เพราะเราไม่รู้ว่าจะเอาเวลาตอนไหนไปทำ อย่างอาทิตย์หน้าก็มีงานเปิดตัว Mercedes Benz A Class ตัวใหม่ โฉมใหม่หมดเลย น่าสนใจมาก ค่ายนี้เขายังคงเชิญผมเข้าร่วมงานอย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้ไปร่วมงานกับเขาเลย ขอลาเจ้าของร้านหยุดก็แสนยากเย็น หรือถ้ายอมโดนดุด่าก็พอจะไปได้บ้าง แต่เราโตแล้วน่ะ ไม่อยากโดนใครมาว่าหรอก
   ผมอายลูกมันครับ โตจนป่านนี้แล้ว ยังไปไหนมาไหนแบบอิสระไม่ได้เลย ชีวิตยังมีเรื่องให้ทำอีกเยอะมาก
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 21, 2012, 01:47:23 pm
16 พย 55
   เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ โดนเจ้ามิวพลิกตัวแล้วเตะถีบ เจ้าตัวเขาไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ผมสิ โดนตัวนิดเดียวก็ตื่นแล้ว เช้านี้เลยลุกขึ้นตื่นแบบงัวเงียหน่อย แต่ก็ออกไปขี่จักรยานยามเช้าเหมือนเดิม ไม่ได้ขยันอะไรหรอก หากแต่มันคือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดของวัน แม้จะแค่วันละ 30 นาทีก็ยังดี
   กทม ยังคงมีฝนต่อไป และรอคอยลมหนาวละลอกใหม่ที่จะมาจากทางจีน มามากก็เย็นนานหน่อย มาน้อยลมเย็นก็อยู่แค่ทางภาคเหนือ กทม ไม่รู้สึกอะไรสักนิด
   เย็นนี้มีนัดคุยกับครูประจำชั้นมิว มีการพูดคุยกันแบบนี้ทุกเทอม และแล้วก็เป็นไปตามความคาดหมายครับ โดนตำหนิแบบเดิมๆ ที่ได้ยินครูรายงานมาตั้งแต่ ป1 ปัญหาของมิวมีข้อเดียว คือ ชอบพูดคุยในห้องเรียนอย่างมาก ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง ตกเย็นทำการบ้านไม่ได้ ก็มาถามครู หรือวิชาศิลปะก็เอาแต่คุย พอใกล้จะหมดคาบเรียนก็มาเร่งๆ ทำแบบให้ผ่านๆ ไป ผลงานก็ออกมาแย่ แย่กว่าตอน ป4 เสียอีก
   ผมฟังคำตำหนิจากครูแบบนี้จนเบื่อแล้ว ทำไงดี ว่ากล่าวตักเตือนก็แล้ว ว่าจนคนว่าเองยังเบื่อเลย ทำไงดีวะนี่
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 21, 2012, 01:52:57 pm
17 พย 55
   วันเสาร์อีกแล้ว ให้กำลังใจมิวก่อนเข้าเรียน บ่ายไปเรียนคุมองต่อ ส่วนผมไปเข้าธนาคาร คนแน่นมากครับ ผมกดบัตรคิวแบบทางด่วน คือแสดงสิทธิการถือบัตรเครดิตเกรดสูง เราจะได้บัตรคิวที่แซงคิวคนอื่น เรียกว่าไม่ต้องรอคิวเลย
   กดบัตรแล้วก็นั่งรอคิวที่แถวหน้าสุด รู้สึกแปลกใจ ทำไมหน้าเคาเตอร์ว่างทั้งแถวเลย ลูกค้าก็ทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ ผมเคยรอคิวอยู่ถึง 1 ชม ในการกดบัตรคิวแบบปกติ เพิ่งมารู้ทีหลังว่าไอ้บัตรเครดิตที่เราถืออยู่นั้น มันสามารถใช้สิทธิแซงคิวชาวบ้านเขาได้ด้วย
   ระบบมันล่มครับ ธนาคารเลยให้บริการไม่ได้ แต่ในอีกสองนาทีถัดมาก็กู้ระบบเสร็จ เสียงเทปประกาศก็เรียกบัตรคิวของผม ได้เบอร์ 12 ครับ แต่ในไลน์ของคิวปกติจะอยู่ที่ 300 กว่าๆ ชายที่นั่งข้างๆ ผมถึงกับโพล่งออกมา
   “เฮ้ย เริ่มใหม่หมดเลยหรอ” เท่านั้นแหละ เสียงฮือ อื้ออึง ดังไปทั่วห้องแคบๆ
   แต่คล้อยหลังแค่ 5 วินาที ระบบมันก็เรียกเบอร์ปกติไล่ไปตามทุกเคาเตอร์ แกคงจะตกใจน่ะ เพราะถ้าต้องเริ่มนับ 1 กันใหม่นี่ คิวของแกคงจะอีกนานมากจนลืม
   ผมต้องรอมิวอีกราว 1.30 ชม จึงไปนั่งแถวหน้าร้านคอมพิวเตอร์เพื่อใช้สัญญาณ wifi ในการอัปเดทโปรแกรมไอแพด ความสนุกของผมคือการหาโหลดโปรแกรมแปลกๆ และของฟรี อย่างตอนนี้เจออันหนึ่งเป็นการใช้ Special Effect แบบเหมือนในหนังเลย เราถ่ายภาพวีดีโอแล้วนำ Effect นั้นมาใส่ในภาพของเราได้ด้วย เอามาเล่นแล้วมิวชอบมาก ผมถ่ายรูปเขาแล้วก็มีจรวดพุ่งเข้ามายิงโดนพุง ระเบิดตูม หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 21, 2012, 02:01:01 pm
18 พย 55
   จากเมื่อก่อนที่วันอาทิตย์คือวันแห่งการรอคอย มันจะได้อิสระอย่างเต็มที่ จะไปไหนก็ได้ แต่หมู่นี้ชีวิตผมมันดูเนือยๆ เฉื่อยชา เชื่องช้า หัวสมองไม่แล่น มันรู้สึกไม่สนุกสนานเอาเสียเลย
   อย่างเช้านี้ก็ไม่ได้กระตืนรืนล้นจะไปขี่จักรยานที่ไหน สมาคมจักรยานเขาก็จัดทริปอยู่ประจำสม่ำเสมอ กลายเป็นว่าผมไม่ชอบชีวิตแบบการใช้สังคมกลุ่มใหญ่ ออกไปขี่แล้วรู้สึกว่าตัวเองเกะกะยังไงไม่รู้ ผมคิดมากไปเองแหละ อันนี้รู้ตัวครับ
   ชีวิตมันเหมือนหมดไฟ ไม่รู้สิ เหมือนตัวเรามันไร้ค่า
   บารัค โอบามา มาเยือนไทยเป็นครั้งแรกของเขา น่าแปลกใจนะว่าทำไมถึงมาให้ความสำคัญกับไทยและประเทศย่านเอเชียเราในระยะนี้ สงสัยได้แป๊บเดียวก็ได้รับคำตอบ ประเทศนี้ไม่เคยจริงใจกับใครถ้าไม่มีผลประโยชน์ให้เขาครับ
   ใช่แล้ว เขามาไทยก็เพราะเขาต้องการอะไรบางอย่างจากเรา อาจจะไม่ต้องการทันทีเดี่ยวนี้ แต่มันคือการส่งสัญญาณ
   แน่ละ สัญญาณนี้มันดังไปทั่วโลก ส่งผลต่อประเทศอื่นๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 21, 2012, 02:04:16 pm
19 พย 55
   เช้านี้ซัด KHS HT ไป 45 นาที วันก่อนอัดลมยางเติมเข้าไปเต็มสเปค 95 psi ทำให้เช้านี้ขี่ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมเยอะอย่างเห็นได้ชัด ก่อนออกขี่วันนี้กินน้ำส้มคั้นไป 1 แก้ว รู้สึกมีแรงขึ้นนิดๆ เหมือนร่างกายเราสดชื่นขึ้น
   กินอาหารมีประโยชน์มื้อเช้าเหมือนเดิม ไก่ผัดพริกแกง บร็อคโคลี่สดนึ่ง ไข่ต้ม กระเทียมสด กับข้าวกล้อง แต่ตอนสายก็มีกินขนมจากร้าน Yamazaki เป็นขนมญี่ปุ่นทำจากแป้งข้าวเหนียวนึ่งใส้ถั่วแดง
เช้านี้งานเยอะมาก คนงานขาดไป 3 คน หึหึ มาถึงร้านก็ประเดิมด้วยยกของขึ้นรถจี๊บของลูกค้า รถยกสูงเสียด้วย ทำให้ต้องออกแรงยกมากขึ้นไปอีก ไม่ต้องห่วงครับ หลังผมเจ็บถาวรไปนานแล้ว เป็นของขวัญอันล้ำค่าที่ร้านนี้มอบให้ แต่ไม่มีใครอยู่เราก็ต้องยกไปเท่าที่จะทำได้ ขำขำ
กลับเข้ามาบ้านตอนบ่าย อย่างแรกทีทำคือให้อาหารปลา ลูกปลาล็อตล่าสุดฟักตัวอีกแล้ว ชุดนี้คัดตัวพ่อแม่ตัวใหญ่ๆ สวยๆ มาผสมครับ ผมว่ามันผสมกันแบบบ่อยเว่อร์เกินไปหรือเปล่านะ ผสมกันแทบทุกวัน ตอนแรกคิดว่าจะผสมกันเฉพาะในฤดูฝนเสียอีก
มีเวลาส่วนตัวก็สองชั่วโมงระหว่างนี้แหละครับ นั่งคิดขีดเขียนงานเท่าที่จะทำได้ ส่วนแผนงานปีหน้านั้นยังไม่ลงตัวเลย ไอ้ตารางงานน่ะมีเพียบ แต่งานไหนที่ผมจะขอลาไปได้บ้างก็ไม่รู้ ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแบบนี้มันน่าอึดอัดจริงๆ
   เย็นรับมิวเสร็จแวะเข้า Big C ขอดูดสัญญาณ wifi เพื่ออัปเดทโปรแกรมในไอแพด บางโปรแกรมมันอัปเดทผ่านสัญญาณ 3G ได้ผมก็จัดการเองที่บ้าน แต่ถ้าโปรแกรมตัวใหญ่ๆ มันต้องใช้ wifi อย่างเดียวเลยครับ แต่มันก็เร็วดีนะ ผลิตภัณฑ์ของสตีฟเขาออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และนี่คือจุดแข็งของเขาเลยล่ะครับ เพราะใช้งานแล้วมันจะติด ก็มันสะดวก รวดเร็ว
อย่างวันนี้พอผมเข้าไปในตึกที่มีสัญญาณ wifi ปุ๊บ เครื่องมันก็เชื่อมต่อสัญญาณให้เองเรียบร้อยโดยอัตโนมัติ บ๊ะ สุดยอดว่ะ
เช้าวันนี้โอบามายังคงอยู่ไทย เที่ยววัดโพธิ์ บ่ายไปกัมพูชาต่อ
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 21, 2012, 02:09:20 pm
20 พย 55
   หมาข้างบ้านเห่าหอนอีกแล้ว ตื่นมากลางดึก ยังดีทีหลับต่อได้ ลุกขึ้นตื่นตี 5 ขี่จักรยานไปอีก 45 นาที เช้านี้สัมผัสลมหนาวได้นิดๆ เรียกว่าหนาวแบบขำขำ กลับเข้ามาบ้านเจออาหารเช้าแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เป็นเห็ดชุดแป้งทอด ของทอดแบบน้ำมันท่วมอย่างนี้กินแล้วอ้วนมาก ยิ่งช่วงนี้กำลังขาขึ้นอยู่ด้วย ยังดีที่มีผักคะน้าผัดน้ำมันหอยมาด้วย กินของทอดเยอะ ก็ต้องกินผักผลไม้เข้าไปช่วยแก้เกมกัน
   ไปถึงที่ทำงานก็ยกของแต่เช้าเหมือนเดิมเป๊ะ มันก็ไม่น่าจะเลี่ยงได้หรอกนะ ขายของนี่หว่า ใครมาซื้อก็ต้องช่วยบริการยกขึ้นรถให้เขาเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ผมเองต่างหากที่ไม่ปกติ เมื่อก่อนก็ยกได้ดีอยู่หรอก แต่ปัจจุบันมีอาการเจ็บหลังเป็นเพื่อนสนิท ผมต้องอยู่ร่วมกับมันอย่างมีความสุขให้ได้
บ่ายฝนตก บ๊ะ ให้มันได้อย่างนี้สิน่า แทนที่จะทำงานได้ ก็ต้องนั่งรอคอยให้ฝนหยุด ออกไปส่งของไม่ได้ครับ สินค้าเปียก เสียหาย ลูกค้าไม่รับของ ราตรีนี้ยาวนานแน่เรา
   หัวค่ำมีประชุมกรรมการที่คอนโดครับ แต่ตัวผมยังคงต้องเฝ้าร้านขายของ กว่าจะเลิกก็ 3-4 ทุ่มเป็นอย่างเร็ว นี่ผมไม่ได้ไปเข้าร่วมประชุมหลายครั้งแล้วนะ น่าอายเหมือนกันที่ตัวเองเป็นถึงกรรมการ แต่ก็มีการพูดคุยกับรุ่นพี่ในคณะกรรมการด้วยกันว่าตัวผมไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมายและการบริหารคอนโดอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้ามีการโวตออกเสียง ลงคะแนน หรือต้องการมติจากที่ประชุม ก็เรียกผมได้ หรือถ้าบอกล่วงหน้าได้จะดีมาก
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 22, 2012, 01:20:56 pm
21 พย 55 
   กลางคืนฝนตกพรำๆ เช้านี้ถนนเลยเปียกแฉะ ขี่จักรยานแบบขำขำ กลัวลื่นล้มครับ ขี่ไปแค่ 30 นาทีก็กลับมาบ้าน ไม่ค่อยสนุกเลย มันต้องคอยลุ้น คอยดูเส้นทางจนไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์และจิตนาการ
   นั่งหน้าเศร้าเหงาหงอยตลอดวัน ก็วันนี้เขามีงานเปิดตัว Mercedes Benz A Class น่ะสิ ตัวโมเดลใหม่เอี่ยมเลยด้วย และอย่างที่เคยบอกครับ Mercedes Benz เป็นค่ายรถเพียงค่ายเดียวที่ยังคงเชิญผมไปร่วมงานอยู่เสมอ ค่ายอื่นไม่ต้องพูดถึง Racing Club หยุดพักการผลิตไป เขาก็หยุดการติดต่อกับผมเช่นกัน
   เกรงใจครับ เขาอุตส่าห์เชิญ แต่เราไม่ได้ไปร่วมงาน ชีวิตนี้ของผมยกให้พ่อแม่เป็นอันดับ 1 ภรรยาและลูกเป็นอันดับ 2 เรื่องส่วนตัวของผมเป็นอันดับ 3 อ่านหนังสือธรรมะเขาบอกว่าคนกตัญญูจะมีแต่เจริญ ผมอยากเจริญบ้าง อะไรที่พ่อแม่บอกผมจัดให้ได้ทั้งหมดครับ แม่บอกให้เฝ้าร้านขายของ ได้ยินแล้วปฏิบัติทันที มีธุระ มีนัด มีงาน ก็รีบโทรยกเลิกเลื่อนนัด ไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไข คำสั่งก็คือคำสั่ง จบ
   จากการที่ทำตัวเช่นนี้ เลยไม่ได้ไปสุงสิงกับใครที่ไหน ตัวเองก็ไม่ชอบเที่ยวกลางคืนอยู่แล้วด้วย เพื่อนยิ่งหายเข้าไปใหญ่ แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมมีเพื่อนน้อยอยู่แล้ว เพื่อนสนิทหน่อยก็ยืมเงินแล้วหายหน้ากันไป มาฟอร์มนี้กันเยอะ แรกๆ รู้สึกเสียใจ หลังๆ นี้สบาย เพราะหายหน้ากันไปหมดแล้ว
   โอบามาไป นายกจีน เหวิน เจีย เทา มาไทยต่อทันทีเลย ผมดูแล้วมันไม่ปกติอย่างยิ่ง เหมือนกับจะมีการเจรจาทางการค้าที่ข่มกันระหว่างอเมริกากับจีน เดาแบบคนโง่ๆ อย่างผม มั้นคือการแก้เกมกัน จีนกำลังโต และโตได้อีกนาน ส่วนอเมริกาเริ่มอยากเข้ามาหากินในตลาดอาเซียน
ไทยเราเป็นประเทศที่เจ๋งสุดในอาเซียนนะครับ มีความเพียบพร้อมทุกอย่างรอบด้าน อาหารการกินเพียบและถูก มีธรรมชาติเป็นจุดขาย และของเจ๋งสุดคือลักษณะนิสัยของคนไทยที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ใจดี พูดคุยง่าย แต่มันก็กลายเป็นดาบสองคมมาทิ่มตำพวกเราเอง เพราะมักจะโดนฝรั่งหลอกง่าย จำได้ไหม ว่าโดนหลอกด้วยคำว่า Re Engineering ปรับโครงสร้างองค์กร เรียกฝรั่งมาช่วยบรรยายอบรมโดนกันไปบริษัทละหลายล้าน บางบริษัทเล่นกันเป็นร้อยล้าน ผมเรียกว่า Joke of the Thai แต่สำหรับ Joke of the world ที่ผมต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ก็คือการลวงโลกเรื่อง Y2K ที่ต้องให้เปลี่ยนคอมพิวเตอร์กันยกชุดทั้งองค์กรก่อนเข้าปี 2000 มิฉะนั้นระบบจะล่ม ข้อมูลหาย สายการบิน KLM และอีกหลายสายถึงกับยกเลิกเที่ยวบินที่ก้าวผ่านช่วงเวลานั้น เล่นเอาระส่ำระสายกันทั่วโลก
แต่ในขณะที่เครื่องคอมฯกากๆ ที่บ้านผม ก็ยังคงเปิดใช้งานได้ตามปกติทุกอย่าง
ฝรั่งมันไม่ได้เก่งไปกว่าคนไทยเลยสักนิด เลิกค่านิยมยกย่องฝรั่งได้แล้ว ไม่ใช่คุยกันเอะอะอะไรก็ต้องยกคำพูดของฝรั่งมาเกทับ ฝรั่งเขาว่าอย่างโน้น อย่างนี้ ยังกะเป็นคำพูดจากเทพ บัญชาจากฟากฟ้า จะเขียนอะไรก็ใช่ไปหมด โดยเฉพาะพวกในอินเทอร์เนทที่ชอบก๊อปมาโพสต่อตามเวป (บ้างก็แอบแปลแล้วมาเล่าต่อ ฟอร์มว่ากูเจ๋ง) แล้วเอ็งรู้หรอว่าไอ้คำพูดที่ไปก็อปเขามาน่ะ เขาเป็นใครหรอ? 
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 23, 2012, 01:24:38 pm
22 พย 55
   วันนี้ a day จัดงาน Event ชื่องาน Bike Fest เกี่ยวกับจักรยานที่รถไฟฟ้า Airport Link มักกะสัน งานจัด 22-25 ผมคงจะไปวันอาทิตย์ เพราะวันอื่นต้องทำงานที่ร้านขายของนี่แหละ
   ไปโอนเงินให้พ่อ เจอค่าธรรมเนียม 30 บาท สงสัยว่าโอนไปที่ไหน อย่างไร ปลายทางเป็นจังหวัดน่าน กลับมาถามพ่อถึงร้องอ๋อ
   พ่อจะออกทริปเสียแล้ว ตอนแรกบอกจะไปกับแม่กันสองคน แต่พอเพื่อนๆ รู้ข่าวก็มาเสนอตัวขับรถให้ บอกว่าพ่ออายุมากแล้ว อย่าขับรถเลย เขาขับให้ดีกว่า แถมใจดีเอารถตู้ส่วนตัวของเขามาบริการอีกด้วย มารับมาส่งและขับรถให้ตลอดทาง ใจดีสุดๆ จนเกรงใจ ตอนแรกไปกันสองคน ตอนนี้กลายเป็น 6 คนแล้ว เต็มรถตู้แบบนั่งสบายทุกที่นั่ง
   รถ Isuzu Trooper คั้นเก่าแก่ของพ่อมันรวนจนไม่มีใครกล้าขับ เมื่อวานผมลองเอามันขั้บไปรับมิว เห็นว่าระยะทางแค่นิดเดียว (ไปกลับราว 10 กม ไม่มีไฟแดงสักอัน) รถคันนี้มันมีอาการรอบสวิง สวิงไปมาแล้วก็มีดับ ขับๆ อยู่ก็ดับ แต่สตาร์ทใหม่ก็ติดนะ เรียกว่าอาการน่ารำคาญ วิ่งด้วยแก๊สอาการจะออกเยอะกว่าวิ่งด้วยน้ำมัน
   รถคันใหญ่โตไม่คุ้นมือ แถมรถรวนจนผมต้องใช้เท้าขวาเร่งเลี้ยงรอบไว้ตลอดเวลา และใช้เท้าซ้ายเบรกแทน ยังดีที่รถไม่ติดมาก ไม่งั้นเหนื่อยกว่านี้เยอะ อาการหนักจนแทบไม่อยากขับแล้ว ต้องหาหมอด่วนเลย
   แม่รำคาญรถแบบนี้มาก บอกให้ขายๆ ไปซะ และลามไปถึงรถ Nissan 180SX ของผมด้วย คงจะเห็นว่ามั้นเก่าแก่พอๆ กัน แต่รถของผมมันไม่เสียนะ วิ่งดีมากเลยด้วยซ้ำ หลังจากเปลี่ยนคอยล์ชุดไฟมาใหม่ วิ่งแรงจัดจนติดใจ แต่ที่ผมเอารถพ่อคันเก่ามาใช้ก็เพราะมันติดฟิล์มกรองแสงอย่างดี และกลัวจอดทิ้งไว้นานจนแบตฯพังอีก
   เช้ากลางวันขับรถพ่อ เย็นไปรับมิวก็จะขับรถของผมเอง สลับๆ กันไป ให้มันได้ออกวิ่งทุกวัน ป้องกันแบตฯเสื่อม ระยะนี้ก็มองหารถคันใหม่ให้พ่อใช้อีกคัน จากเดิม Isuzu Trooper นี้เป็นเสมือนรถครอบครัว ภายในรถกว้างขวางมาก ผมชอบตรงที่สามารถใส่ MTB Full Size ได้ 2 คันสบายๆ โดยไม่ต้องถอดล้อหน้า ไม่ต้องลดเบาะหรือปรับบาร์เอนลง หารถยนต์ที่ขนจักรยานได้แบบนี้ยากมากครับ เคยใส่มากสุดถึง 4 คันด้วยซำ แต่ต้องใช้ผ้ามาห่อเฟรมกันกระแทก กลัวรถเป็นรอย
   จะขายจริงหรอ เสียดายจริงๆ ผมใช้เจ้าคันนี้บรรทุกจักรยานออกทริปมาตลอดเลย
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 27, 2012, 02:42:10 pm
23 พย 55
   
   วันนี้เปิดตัว Honda Amaze ไม่ต้องตกใจ มันคือรถ Eco Car แนวเดียวกับ Brio แต่เป็นรถ Sedan แค่นี้แหละ ผมไม่ได้ไปงานกับเขาหรอกครับ
   พ่อแม่ปลามันผสมพันธุ์กันทุกเช้าเลยนะ ได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่มีอ่างมาเพาะเลี้ยงแล้ว เห็นมันวางไข่กระจายเต็มพื้นบ่อ แล้วมีปลาตัวอื่นรีบว่ายเข้ามากินไข่แล้วเสียดายสุดๆ
   ชีวิตช่วงนี้โครตแย่เลยว่ะ ไม่รู้สิ สมองไม่แล่น ใช้ชีวิตแบบหายใจทิ้งไปวันๆ น้ำหนักที่เคยลดลงมาได้หลายโล ตอนนี้ก็ตีกลับขึ้นมาเท่าเดิมเหมือนตอนที่ยังไม่ได้ลด
   เหตุผลอย่างเดียวก็คือเรื่องของจิตใจที่มันห่อเหี่ยว รู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่า ตัวของเราค่อยๆ เล็กลงทุกทีๆ ถ้าเป็นแบบนี้นานเข้า อีกหน่อยคงจะไม่มีที่ให้ยืนเป็นแน่
   เป็นชีวิตที่ไม่มีความสุขเลย
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 27, 2012, 02:43:51 pm
24 พย 55
   เสธ อ้าย นัดชุมนุมใหญ่โค่นล้มรัฐบาล ประกาศนโยบายแช่แข็งประเทศ (ตอนแรกบอกแบบนี้ แต่พอโดนจี้หนักเข้า เปลี่ยนเป็นแช่แข็งนักการเมือง) ผมเห็นด้วยนะ กับการแช่แข็งประเทศ แต่ขอให้ใช้คำใหม่ ป้องกันการสับสน นโยบายแบบนี้ไม่แปลกนะ จีนก็เคยทำมาก่อนที่เขาจะเปิดประเทศ
   จีนมีการคอรัปชั่นอย่างมหาโหด ถึงทางตันของประเทศ เขาจึงเลือกวิธี “ปิดประเทศ” ก็แนวเดียวกับคำว่าแช่แข็งนั่นแหละครับ ปิดประเทศคือไม่คบหาคบค้ากับใคร ทำเองกินเองในประเทศ ไม่นำเข้า ไม่ส่งออก ประเทศอื่นทำลำบาก แต่จีนทำได้ จีนมีทุกอย่างที่พื้นฐานชีวิตมนุษย์ต้องการ ข้าวก็มี ผัก ปลา หมู วัว ฯลฯ ภูมิประเทศมีหลากหลาย ผู้คนมากที่สุดในโลก
   แต่จีนเขาคิดเขาทำได้ง่ายเพราะเป็นการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ผมชอบคอมมิวนิสต์ก็ตรงนี้แหละครับ คิดแล้วทำได้ทันทีเลย ใครไม่เห็นด้วยก็ช่างมัน ถ้าก่อม็อบก็เอาไปขังไม่ก็ฝังซะ
   ผลจากการปิดประเทศของจีน ทำให้นักการเมืองชั่วค่อยๆ แก่ตายไป คนรุ่นใหม่ที่อยู่ในยุคปิดประเทศก็มีหลากหลาย บ้างก็ดิ้นรนหาหนทางออกไปนอกประเทศ คนที่ไม่มีโอกาสก็ต้องอดทนกันต่อไป
   คนที่มีโอกาสนั้นก็ต้องแสดงฝีมือแบบสุดๆ ถึงจะมีสิทธิ เช่นพวกนักกายกรรม นักดนตรี นักศิลปะแขนงต่างๆ คนพวกนี้ออกไปหากินต่างประเทศแล้วไม่อยากกลับจีน เพราะมีแรงกดดันไงครับ คนของเขาเลยเก่งด้านการแสดงแนวนี้
   คนที่ไม่มีโอกาสก็ต้องอยู่แต่ภายในประเทศตัวเอง จนถึงวันหนึ่งที่จีนเปิดประเทศ สิบกว่าปีก่อนเองมั้ง ก่อนที่อังกฤษจะหมดสัญญาเกาะฮ่องกงนิดหน่อย (ถ้าจำผิดขออภัย พิมพ์เล่าสดๆ ไม่ได้เปิดหนังสือแล้วนำมาเล่าต่อ)
   จีนเปิดประเทศปุ๊บ ก็ทำเอาระบบของอเมริกาและยุโรประส่ำระสาย โรงงานต่างๆ พากันวิ่งกรูกันเข้าจีน เพราะค่าแรงแบบถูกโคตร ฝรั่งไม่เคยเจอแบบนี้ถึงกับงง เฮ้ย ทำราคาแบบนี้ได้ไง ก็เขาไม่เคยค้าขายกับต่างประเทศมานานไง เปิดราคามาแบบพอกินพอใช้ คนจ้างถึงกับงง แต่ก็ต้องแลกกับการผลิตล็อตใหญ่นะ ถึงจะได้ราคาแบบนั้น
   จากการปิดประเทศมานาน ฝีมือแรงงานก็ไม่ได้ฝึกฝนฝีมือมากนัก มีแต่ลูกขยัน ทำเยอะๆ เข้าไว้ เลยกลายเป็นว่าเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ ในขณะที่คนไทยเราจะมีจิตใจละเอียดอ่อนกว่า มีความรับผิดชอบสูงชนชาติอื่น ยกตัวอย่างในโรงงานเซรามิค พอถึงเวลาเที่ยงปุ๊บ คนงานก็ทิ้งงานเดินไปล้างมือเตรียมพัก แต่ถ้าเป็นคนไทยก็จะขอปั่นงานชิ้นที่กำลังทำอยู่ในเสร็จก่อนแล้วถึงค่อยพัก (คนไทยส่วนใหญ่นะ ไม่ได้ว่าเป็นแบบนี้ทุกคน)
   ถึงเวลาที่เราจะต้อง “ดอง” นักการเมืองแล้วล่ะครับ เพราะดูทุกตัวที่เห็นหน้าในทีวีแล้วจิตใจยิ่งหดหู่ มองอนาคตประเทศไม่ออกเลย สงสารสุดก็คือพ่อของแผ่นดินนี่แหละครับที่ท่านคนเดียวแต่ทรงงานได้มากกว่านักการเมืองทั้งสภารวมกัน บางคนบอกว่าเรากำลังรอนักการเมืองรุ่นใหม่ คลื่นลูกใหม่ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงหรอ เพราะเห็นตัวลูกเข้ามาก็เหี้ยเหมือนพ่อเป๊ะเลย
   ทางออกในความคิดผมก็คือต้องแก้กติกา ยกตัวอย่างสักข้อหนึ่ง รัฐธรรมนูญเวอร์ชั่นล่าสุดของไทยเราระบุว่า นายกต้องมาจากการเลือกตั้ง เจอแบบนี้เข้าให้ก็เดานายกได้ตั้งแต่หาเสียงแล้ว หนีไม่พ้นหัวหน้าพรรคต่างๆ
   เจอตัวหัวหน้าดีๆ ก็โอเค เจอหัวหน้าแบบเหี้ยเรียกพ่อ ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงินและอำนาจ แบบนี้ก็ไม่ไหวว่ะ
   บ่นเยอะ เพราะผมเคยออกแบบเมือง ออกแบบประเทศของเราไว้ครับ รายได้หลักของไทยเราจะต้องมาจากการท่องเที่ยว ต้องเชิดชูภาคเกษตรให้เป็นที่หนึ่ง เพราะมันคือคลังอาหารของโลก บ้านเมืองต้องสวยงาม เห็นรถไฟฟ้า BTS พาดผ่านแยกราชประสงค์แล้วท้อใจเลยครับ จากเดิมเป็นแยกที่สวยมาก ตอนนี้แม่งดูไม่ได้เลย สถานีสยามยิ่งแล้ว ของเดิมเป็นพื่นที่เปิดโล่ง ตอนนี้ปิดทึบ ไม่สวยอย่างแรง
   ทุบทิ้งครับ ของไม่ดี ทุบทิ้ง ไม่ต้องไปเสียดาย ทำใหม่ให้เป็นระบบใต้ดินทั้งหมด ถ้าออกนอกเมืองนี่แหละถึงจะทำแบบลอยฟ้าได้
เพิ่มการสัญจรทางน้ำด้วยการใช้เจ้าพระยาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำเขื่อนใหญ่กั้นริมน้ำป้องกันการรุกล้ำ จัดให้เป็นทางจักรยาน ทางคนเดิน ตลอดสองฝั่งริมน้ำ เสริมด้วยรถไฟฟ้าขนาดเล็ก คล้ายๆ แบบ mono rail หรือจะเอารถรางแบบโบราณๆ มาวิ่งเลยจะสุดตีนมาก
สำหรับการจราจรก็ง่ายมากเลย ปรับรถเมล์ร้อนให้เป็นรถแอร์ทั้งหมด กฎหมายบัสเลนมีตั้งแต่ผมเป็นเด็กๆ แต่ตำรวจไม่เคยบังคับใช้เลย เลนนี้มีไว้ให้รถเมล์วิ่งเขาถึงตีเส้นเหลืองไว้ รถอื่นห้ามเข้า แท็กซี่จอดแช่ป้ายก็เพราะมันมีแท็กซี่มากเกินไป สมัยก่อนมีจอดแช่ป้ายที่ไหนกันเล่า รถตู้ รถสองแถวก็เช่นกัน ที่จอดแช่ป้ายก็เพราะมันมีเยอะมาก สมัยก่อนไม่มีไอ้รถแบบนี้มาวิ่งบนท้องถนนเลย
ยกเลิกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อืม ใจร้ายไปหน่อย เอาให้แค่วิ่งในซอยก็พอ สงสารคนไม่มีรถส่วนตัว ทำแบบนี้ก็จะลดปัญหามอเตอร์ไซค์ย้อนศรไปได้เยอะมากแล้ว เพราะไอ้พวกนี้มันวิ่งย้อนกันทั้งวัน
มอเตอร์ไซค์ออกง่าย เลยมีรถซิ่งกันเยอะ สมัยก่อนไม่มี เพราะต้องซื้อของเงินสดกันหมด ต่างจากทุกวันนี้ที่บางรุ่นไม่ต้องดาวน์เลยด้วยซ้ำไป เซ็นเอกสาร เอารถออกไปขี่ได้เลย
ระบบมันเละ มันมั่ว ก็เพราะอิทธิพลจากต่างประเทศ คนส่วนใหญ่มีจุดอ่อนตรง “แพ้ฝรั่ง” เห็นฝรั่งแล้วมือไม้อ่อนระทวย แม่งจะพูดอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น คำที่ออกจากปากมันคือบัญชาจากสวรรค์ ก็คิดกันแบบนี้ไงครับ ประเทศถึงได้มีแต่เจริญลงๆ มันก็หลอกฮุบที่ดิน สมุย ภูเก็ต และทำเลสวยๆ ริมทะเลไปเป็นรีสอร์ทส่วนตัว
เขาก็รู้จุดอ่อนของไทยที่นิยมคอรัปชั่นส่วนใหญ่คิดว่าเงินคือพระเจ้า เขาก็เลยส่งพระเจ้ามาให้ แลกกับสิทธิพิเศษที่คนไทยด้วยกันยังไม่กล้าขอ ออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินบนเขา หน้าผา ป่า ทะเล ฯลฯ เลวกว่านั้นคือพอเป็นฝรั่งเขาทำได้ นักการเมือง และผู้มีอำนาจในท้องถิ่นมันก็เลยอยากได้กันบ้าง … อนาถ ตายแล้วมึงหอบเอาทรัพย์สินไปด้วยนะ ให้ลูกหลานช่วยเผาฉโนดไปด้วยนะ
“พัฒนาไทยแบบก้าวกระโดด” คือหัวข้อที่ผมเขียนแผนพัฒนาประเทศ ทุกวันนี้ไทยเราก็เหมือนโดนแช่แข็งไปหลายปีแล้วล่ะครับ ทุกคนสามารถช่วยพัฒนาประเทศได้นะครับ เริ่มจากทำตามกฎระเบียบต่างๆ แต่เล่าถึงตรงนี้แล้วยิ่งละเหี่ยใจ วินัยจราจร สะท้อนวินัยชาติ คนขับรถบ้านเราแม่งโคตรทุเรศเลย ดาวเด่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มอเตอร์ไซค์นี่เอง ย้อนศร วิ่งบนทางเท้า ฝ่าไฟแดง ชนแล้วหนี ฯลฯ
แก้ได้นะ ติดตั้งกล้องซะ แล้วก็จับปรับ รัฐบาลทำไม่ไหว คิดไม่ทัน ก็ให้เอกชนเขาทำก็ได้ จับให้เยอะ ปรับให้หนัก คนจะได้กลัว แล้วก็จะเกิดระเบียบ เห็นไหม ง่ายๆ แค่นี้เอง ทำไมยังไม่ทำ
   ได้เงินมาก็เอาไปพัฒนาประเทศ จัดระเบียบสังคมต่างๆ หาบเร่ แผงลอยแบบสั่วๆ จนคนต้องลงไปเดินบนถนน พบทุกวันตอนกลางคืนที่สยามสแควร์ สีลม กลางวันก็ที่บางลำพู พาหุรัด ปากคลองตลาดนี่มั่ว 24 ชม มันมั่วจนเป็นระเบียบไปแล้ว อยู่ไปก็ชินแล้ว ชินจนลืมบ่น ไอ้นี้ก็แก้ง่ายมาก รู้แนวมันเลย เพราะจะต้องมีม็อบออกมาบอกว่ารังแกคนจน เอาเวลาไปจับพวกยาเสพติด จับโจรดีกว่าไหม ฯลฯ
   การจราจรนี่น่าสนใจมาก ปัญหาคลาสสิค ถ้าแก้แบบวิธีผม ก็ต้องตั้งกระทรวงมาคุมซะเลย จะได้รวมอำนาจไว้ที่เดียว คิดได้เร็ว ทำเร็ว (เหมือนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เพิ่งมี) ไอ้นโยบายรถคันแรกแม่งเสร่อมาก คิดออกมาแค่จะเอาใจ ง่ายๆ คือจะซื้อเสียงนั้นแหละ แนวเดียวกับค่าแรง 300 บาท ที่จะพาไทยไปพบกับความหายนะ (เอาไว้วันหลังค่อยเล่า)
   ไทยเราออกรถได้ง่ายเกินไปครับ ผมขอเลียนแบบญี่ปุ่น เพราะเขามีปัญหาเรื่องพื้นที่มากกว่าเราเยอะ การจะซื้อรถของเขาแต่ละครั้ง จะต้องแนบแปลนที่จอดรถไปด้วย คือมีเงินไม่พอ ต้องมีที่จอดรถส่วนตัวด้วย ไม่ใช่เอาไปจอดเกะกะข้างทาง ขวางหน้าบ้านคนอื่น แล้วก็มามีปัญหาทะเลาะกัน (เห็นประจำในหมู่บ้านขนาดกลาง-เล็ก)
   ผมว่าผมบ่นได้เป็นเล่มเลยว่ะ ยิ่งเรื่องเกี่ยวกับประเทศชาตินี้มันเหมือนฝังอยู่ลึกในใจ
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 27, 2012, 02:46:18 pm
25 พย 55 a day bike fest 2012
   ฝนตกตั้งแต่ตี 5 จนถึง 10 โมงเช้ายังไม่หายเลย พ่อแม่ไปไร่ที่มวกเหล็กสระบุรี ภรรยาไปเรียนเขียนคิ้ว พาลูกไปด้วย เหลือผมอยู่บ้านคนเดียว แต่มีเรื่องค้างคาใจที่ต้องทำ นั่นคือต้องเอารถ Isuzu Trooper ไปให้ช่างวิทย์ซ่อม เขาน่าจะเป็นช่างที่เก่งสุดที่ผมรู้จักแล้วนะ เป็นห้องแถวเล็กๆ 2 ห้อง ริมถนนเจริญนคร ใกล้คลองต้นไทร อู่เล็กและโทรม สกปรกอีกด้วย วันนี้เขาปิดร้าน แต่ผมขอแค่เอารถมาทิ้งไว้ เช้านี้รถน้อย ขับสบายหน่อย ถ้ารถติดๆ จะขับยาก รถมันจะดับตอนเครื่องยนต์มีโหลด เช่น เบรก หักเลี้ยว คอมฯแอร์ตัด ฯลฯ แถมตอนถนนโล่งก็กดคันเร่งแล้วรถไม่มีแรง เป็นๆ หายๆ บางทีวิ่งได้แค่ 60 เอง หนักสุดคือวิ่งๆ อยู่แล้วดับเฉยเลย ไอ้นี่อันตรายสุดๆ แม่เจอมาสองที ไล่ไปขายรถทิ้งเลย
   ส่งรถให้ช่างเสร็จก็ไปงาน a day bike fest ต่อ ก่อนออกจากบ้านโทรหาพี่จั๊วพี่ที่อยู่บ้านฝั่งตรงข้ามกันไปงานด้วย ผมกับพี่จั๊วรู้จักกันบนคลื่นความถี่ของนักวิทยุสมัครเล่นแบบ VR ยุค 20 ปีก่อนยังไม่มีอินเทอร์เนท ความบันเทิงในบ้านนอกจากทีวี วีดีโอแล้ว ก็ต้องเล่นวิทยุสื่อสารนี่แหละ คุยที่บ้านไม่พอ ในรถที่ผมใช้ประจำยังมีติดไว้อีกเครื่อง
   พี่จั๊วว่างและอยากไปงานด้วย เลยแวะรับเขาแล้วไปงาน bike fest ด้วยกัน ขึ้นทางด่วน ลงถนนเพชรบุรี เลี้ยวเข้าด้านหลังของมักกะสัน ไปง่ายมากเลย วันอาทิตย์ด้วยแหละมั้ง รถเลยไม่ติดมาก
   ถึงงาน 1100 พอดี ที่จอดรถสะดวกสุดๆ จอดสบาย ช่องจอดรถกว้าง เปิดประตูแล้วไม่ชนกันเหมือนห้างใหญ่ในเมือง ที่ชอบอีกอย่างคือไม่ว่าจะจอดรถตรงไหน ก็สามารถเข้างานได้สะดวกและใกล้ คือเขามีประตูเข้างานเยอะมาก
   ขึ้นบันไดเลื่อนปุ๊บก็เจอซุ้มของ Coke เลย ใกล้ๆ กันมีเวทีเสวนา เยื้องมาหน่อยเป็นซุ้มที่คนแน่นสุดตลอดวันคือซุ้มตรวจสุขภาพฟรี เดินไล่ดูทีละซุ้มไปเรื่อย ส่วนใหญ่จะเน้นขายของพวกแฟชั่นวัยรุ่น เสื่อยืด และของใช้เสื้อผ้าของใช้จักรยานนี่มีเยอะสุด
   แวะซุ้มของ Vincita อันแรกเลย โชคดีได้เจอกับพี่ยิ่งศักดิ์เจ้าของร้านเอง ผมแนะนำตัว เขาบอกว่ารู้จักผมมานานแล้วจากในเวป ผมเองก็เห็นที่เขาโพสมาบ่อยๆ แต่มักจะเป็นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์มากกว่า
   ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เพิ่งจะเจอกันครั้งแรก แต่ผมยืนคุยกับพี่เขาอยู่นานมากกว่าชั่วโมง ก่อนจากกันผมเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเขาไปนิดหน่อย นี่ยังไม่สนิทเท่าไหร่นะ ถ้าสนิทกันจะแนะเยอะกว่านี้อีก ผมชอบของไทยครับ อยากให้มันโตในตลาดโลกมากๆ
   ซุ้มติดกับ Vincita เป็นของวัยรุ่นที่นำเอายางในมาเย็บเป็นกระเป๋า ผมยืนดูอยู่พักใหญ่ ผมเองก็มีงานดีไซน์แนวนี้เหมือนกัน แต่ได้แค่สเกชไว้ ยังไม่เคยผลิตจริง เห็นเขาขายกระเป๋าแบบนี้ คนแทบไม่เข้าบูธเท่าไหร่เลย ก่อนจากให้คำแนะนำเขาไปนิดหนึ่งว่า คนซื้อไม่ได้สนใจว่ามันจะเป็นกระเป๋าหรือของใช้อะไร หากแต่มันอยู่ที่คุณจะเอาของอะไรมาทำเป็นสินค้ามากกว่า ทิ้งไว้ดื้อๆ แบบนี้แหละ ให้เขาไปคิดต่อ
   สันดานของคนทำงานดีไซน์ พอเห็นอะไรขัดหูขัดตาก็ต้องหาทางคิดทำใหม่ปรับปรุงแต่งโฉมให้มันดูดีขึ้น แน่ล่ะ ขายได้มากขึ้นด้วย นับว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ผู้ค้าหลายรายกลับคิดไม่ถึง
   เดินวนรอบงานไปเรื่อยๆ เจอของถูกใจหลายอย่างนะ มีร้านขายแร็คของ Thule ผมสนใจแร็คจักรยานแบบวางท้ายรถที่ต้องต่อกับหัวบอล (ตัวยึดอเนกประสงค์) ไอ้รุ่นเดียวกันนี้ผมเคยสอบถามจากศูนย์รถ Volvo เขาคิดหกหมื่นกว่าบาท แต่ที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้านี้เขาขายสองหมื่นกว่า ทำเอาตาลุกวาว
   ร้านของ Granny Bike คุณปาน เราไม่ได้เจอกันนานเป็นปี ผมชอบคุณปานอย่างมากตรงที่กล้านำของที่ขายยากสุดๆ มาขาย เริ่มจากพ่วงท้ายของ Extra Wheel และชุดคิททำเป็นรถ long tail แบบ Extra Cycle ขาตั้งคู่ (จำยี่ห้อไม่ได้ อ่านยาก) ของสวิสฯ
   คุณปานเปิดตัวด้วยการขายรถ Surly เป็นคนแรก ตลาดกำลังไปได้ดีเลย แล้วจู่ๆ ก็มีบริษัทยักษ์ใหญ่เสียบเข้าไปติดต่อเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการเรียบร้อยไปแล้ว เซ็งสัตว์เลย
   เอาใจช่วยครับเพื่อน
   มาหยุดอีกทีก็ซุ้มของรถ Vanmoof ไอ้คันนี้เห็นตั้งนานหลายปี นึกไม่ถึงว่าจะมีคนนำเข้ามา เคยโทรไปคุยกับคนนำเข้าคนแรก ชื่อมาร์ติน อยู่แถวสาทร แต่ทุกวันนี้เป็นบริษัทใหม่นำเข้ามาแทนเสียแล้ว มาร์ตินไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับจักรยานแล้ว
   รถดีไซน์สวยครับ แนว retro นิดๆ เด่นที่ทรงของรถนี่แหละ แต่รถแนวนี้ผมว่าควรเลือกแบบ Coaster Brake และ Single Speed นะ รถจะไม่มีสายเบรก สายเกียร์เลยแม้แต่เส้นเดียว
   ในซุ้มเดียวกันมีผลิตภัณฑ์กล้องวีดีโอเทพยี่ห้อ Go Pro สนใจสิ ติดตามมาตั้งแต่ราคาเกือบสองหมื่น ทุกวันนี้เหลือ 1.2 หมื่น พอเล่นได้ รุ่นล่าสุดคือ Hero2 สอบถามกันไปมา เจ้าหน้าที่บอกว่ารุ่นที่ผมต้องการมันหมด แต่เขากลับมีข้อเสนอที่ดีกว่าอีก
   คุยกันถูกคอหรืออย่างไรก็ไม่รู้นะ เขาบอกให้ผมรอเดือนหน้า จะมีรุ่น Hero3 ออกมาใหม่ แพงกว่าเดิมนิดหน่อย แต่มันดีกว่าตัว 2 เยอะ ไม่เชื่อพี่ลองดูภาพสิ
   พูดจบเขาก็เปิดภาพพรีเซนต์ให้ดู ผมคนโง่ๆ ยังดูออกเลยว่าไอ้ตัว 3 ภาพมันเหลือกินจริงๆ ภาพนักเล่นกระดานโต้คลื่นมุดเข้าไปในอุโมงค์น้ำ ด้านข้างจะเห็นน้ำเป็นเม็ดๆ แต่ตัว 2 จะเห็นน้ำเป็นแผ่นปื้นๆ อีกจุดที่ต่างชัดเจนก็คือหากถือกล้องแล้วถ่ายตัวเอง ตัว 2 จะได้ภาพแนว Fish eye แต่ตัว 3 จะได้ภาพที่โค้งน้อยกว่า เด่นสุดท้ายคือตัวเล็กลง บางลง นี่แหละ สุดยอดไปเลย เตรียมเงินไว้ได้ หมื่นกว่าๆ หึหึ
   เจอร้านขาย Brompton แล้ว เสียดายที่ผมไม่ใช่แฟนรถยี่ห้อนี้ เดือนที่แล้วเพิ่งเขียนด่าไปชุดใหญ่ ฮ่าๆ วันนี้เลยขอลองขี่ดูสักหน่อย จะดูว่าที่เราวิจารณ์นั้นมันถูกผิดอย่างไร
   แล้วก็ไม่ผิดหวัง รถมันไม่ได้ขี่ดีเลิศอะไรนักหนาเลยสักนิด เป็นรถล้อ 16 ที่ขี่แล้วรู้สึกธรรมดาเอามากๆ ข้อเด่นของเขาผมไม่เถียง คือพับเล็ก แต่เรื่องที่ต้องวิจารณ์เพิ่มนั่นคือเรื่องเกียร์ครับ ชิฟเตอร์แม่งเป็นพลาสติคอย่างห่วยเลย แถมรุ่น 6 Sp นี่ ชิฟกันอย่างพิศวง เพราะมือขวาชิฟ 3 เกียร์ แต่มือซ้ายชิฟอีก 2 เกียร์ (เปรียบเหมือนชิฟจานหน้า)
   ไอ้ยี่ห้อนี้ไม่เหมาะกับคนตัวเล็กนะครับ แม้จะเลื่อนเบาะปรับเลื่อนมาได้ก็จริง แต่องศาของการวางเท้าตำแหน่ง KOP – Knee Over Pedal จะผิดเพี้ยนไป บางคนอาจบอกไม่เห็นรู้สึก อันนี้ก็ถือว่าเป็นโชคดีที่เขามองข้อด้อยตัวเองไม่ออก
   แต่ถ้าสูงสัก 170 แล้วมีเงินกว่า 5 หมื่นที่จะเล่นรถล้อ 16 ที่พับเล็ก ก็จัดไปได้ครับ เงินใคร เงินมัน
   เจอเพื่อนๆ ที่ขี่จักรยานหลายคนครับ มีอาศรัณย์มากับภรรยา สองคนนี้เมื่อก่อนผมเจอแทบทุกทริป หลังๆ ผมเองนี่แหละที่ห่างหายไป ผ่านซุ้มของสมาคมจักรยานเพื่อสุภาพไทยก็หยุดคุยนิดหน่อย เจอพี่หล่อที่ขี่ด้วยกันตอนไปสิงคโปร์ ยังจำได้ดี
   ถัดไปนิดเป็นซุ้มของมูลนิธิโลกสีเขียว อุดหนุนหนังสือทางจักรยานในกรุงเทพฯ มา 1 เล่ม แม้ที่บ้านจะมีแผนที่มากมายแต่ก็เอาน่า ช่วยๆ กันไป ถ้าไม่ชอบก็เอาไปให้คนอื่นต่อก็ได้
   อยู่ในงานตั้งแต่ 1100-0330 เดินจนเมื่อยขา อ้อ พี่จั๊วของตัวแยกกลับไปก่อน ส่วนผมเดินอยู่คนเดียว ไม่ได้นั่งพักขาเลย ติดน้ำดืมมา 1 ขวด ซดเสียหมดเกลี้ยง
   ขากลับนี่สิ ผมอยากวนรถออกทางเดิม ทางมักกะสันเพื่อจะได้ขึ้นทางด่วนเพชรบุรีกลับบ้าน แต่หาทางออกไม่เจอครับ วนอยู่สองรอบมันก็พาเข้ามาในอาคารจอดรถเหมือนเดิม
   สุดท้ายยอมออกไปทางถนนจตุรทิศ มันจะพาเราไปไหนวะ จตุรทิศมันคือ 4 ทิศ มันจะเหมือนสี่แยกไหมนะ ไม่เคยมาแถวนี้เลย วนออกมาก็เจอถนนรัชดา ข้างหน้ามีทางด่วนอโศก เย้ๆ ดีใจๆ
   แต่เข้าไม่ได้ครับ ถนนเป็นเส้นโค้งพาบังคับมาให้เลี้ยวไปคนละทางกับทางขึ้นทางด่วน อ้าว เวรกรรมเลย แล้วข้างหน้าเราเป็นถนนอะไรวะนั่น บอกแล้วไง ไม่เคยมา
   ขับไปเรื่อยๆ รถยิ่งจอแจ เลนซ้ายนี่ว่างโล่ง ผมจัดซ้ายไปเลย มันพาบังคับไปออกทางราชปรารภ ออกมาทางมักกะสันอีกที วนมาจนเกือบถึงไอ้อาคารรถไฟฟ้าที่เพิ่งออกมาอีกครั้ง บ๊ะ มันไม่มีทางออกจริงๆ หรอ หรือผมโง่เองวะนี่
   ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าจนถึงป่านนี้ หิวจนพุงชา ในงานมีของกินแบบกินกันตาย ไม่เอา ไม่อยากกิน คนเยอะแน่น ไม่ชอบเบียดแย่ง ขับมาลงทางด่วนพระราม 2 แวะตลาดนัดก่อนเข้าบ้าน ซื้อเปาะเปี๊ยะ ข้าวโพดต้ม ทอดมัน กลับมากินที่บ้านอย่างเอร็ดอร่อย
   เย็นขับรถไปส่งพ่อที่โรงแรมนารายณ์สีลม ภรรยาและลูกไปด้วย มิวอยากกินร้านอาหารในเซ็นทรัล เลยแวะเข้าเซ็นทรัลสีลม ห้างนี้เข้าไปล่าสุดก็ตอนผมอายุ 15 ปี หึหึ แปลว่าไม่ได้มาเหยียบราว 30 ปีเท่านั้นเอง
   ห้างโล่งเหมือนผีหลอก จอดรถง่ายสะดวกสุดๆ แต่เดินหาร้านเทอเรสไม่เจอ เดินหาทางเข้าห้างไม่เจอ ถามเจ้าหน้าที่เขาบอกห้างเซ็นทรัลปิดไปเมื่อ 3 ปีก่อนแล้วจ๊ะ ข้างบนเป็นออฟฟิซ ข้างล่างเป็นร้านอาหารและ Top’s
   เย็นนี้กินกันที่ร้านแม่ศรีเรือน มิวชอบบะหมี่น้ำ ภรรยาชอบวุ้นเส้นต้มยำ ส่วนผมชอบไปหมด ฮ่าๆ แต่กินนิดหน่อย เพราะอิ่มมาจากบ้านแล้ว
   ขากลับเจอทางออกห้างแบบระทึก มันเป็นซอกทางออกแคบๆ เก่าแก่แล้วล่ะ แคบขนาดที่ว่ากำแพงห่างกระจกข้างด้านละนิ้วกว่าๆ ผมเอาสบายใจก็พับกระจกข้างเก็บแล้วค่อยๆ ไหลรถออกมา ภรรยาบอกเขาขับเองไม่ไหวแน่ จำไว้เลยนะ ไม่มาอีกแล้ว
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 27, 2012, 02:48:09 pm
26 พย 55
   ฝนตกกลางคืน เช้านี้เดินออกกำลังกายไป 20 นาที รถที่เตรียมไว้จะขี่ไปงาน bike fest เลยไม่ได้ใช้เลย คันเก่าครับ KHS F20-W คันเดิมนี่แหละ ซื้อมาในปี 52 ขี่น้อยมากๆ ครั้งล่าสุดที่ขี่ก็ปีที่แล้วตอนเพื่อนสิงคโปร์มาไทย นี่ไม่ได้ขี่มาปีกว่าแล้ว ไม่น่าเชื่อ ด้วยเหตุผลที่ว่าเบาะของมันเป็นแบบหนานุ่ม นั่งแล้วไม่ชอบ ไม่ถนัดเหมือนใช้ Brooks ครั้นจะซื้อ Brooks อีกอันมาใช้ก็ยังใจไม่ถึงพอ มันแพงไม่เท่าไหร่ แต่กลัวจะไม่ค่อยได้ใช้นี่สิ เลยตั้งข้อแม้ตัวเองว่า หากลดน้ำหนักมาได้ 4 กก จะให้รางวัลตัวเองเป็นเบาะหนังของ Gille Berthoud (เบาะหนังสไตล์เดียวกับ Brooks   ) แต่คงไม่ได้เสียเงินแล้วล่ะ ตอนนี้น้ำหนักมันตีขึ้นมาเท่าเดิมเหมือนตอนก่อนลดแล้ว
   เย็นไปรับลูกแล้วกลับมาเฝ้าร้านต่อจนเลิก มันชนกับงานที่มีทีมงานมาพรีเซนต์ระบบประตูไฟฟ้าที่คอนโดพอดี กลายเป็นว่าผมแม่งเป็นกรรมการที่ไม่ได้เรื่องอะไรเลย ไม่มีความรู้ ไม่ได้เข้าประชุมอะไรกับเขาเลย ขอลาออกกลางทางได้ไหมวะนี่ การเป็นกรรมการมันมีวาระถึง 2 ปี ยังเหลืออีกตั้งปีกว่า
   กลับมาบ้านตอนค่ำ เห็นประตูตัวบ้านเปิดทิ้งอ้าซ่า อ้าว.. ใครมาทำแบบนี้ ยุงก็เข้าบ้านหมดสิ รีบตะโกนเรียกมิวให้มาดูผลงาน ตำหนิเขาอย่างมาก แต่ไม่ได้โวยวายเสียงดัง มิวยกมือไหว้บอกขอโทษครับ
   รู้สึกหายโมโหทันที ที่เขาสำนึกผิด
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on November 28, 2012, 02:09:34 pm
27 พย 55
   หมดแรง ตื่นสาย ขี่รถคัน F20-W ไปหน่อยหนึ่ง จอดนานจัดจนมาตรวัดของ Cateye แสดงผลได้แป๊บเดียว หน้าจอก็มืดสนิท แบตหมดชัวร์ ทิ้งร้างมาแค่ปีกว่าเอง แต่ไม่ต้องห่วง มีแบตสำรองเอาไว้เพียบ เรียกว่าสำรองกันจนแบตหมดอายุก็มี เป็นประสบการณ์สอนให้รู้ว่าก่อนไปคลองถมจะหาซื้ออะไร ให้ทำเช็คลิสต์ของที่บ้านให้ดีเสียก่อน
   สำรองแบต CR2032 ไว้เยอะ ก็เพราะผมเลือกใช้สิ่งของที่มันเป็นแบตเบอร์เดียวกันครับ เริ่มจากมาตรวัดของ Cateye เครื่องชั่งน้ำหนักแบบดิจิตอล ไฟคาดหน้าผากของ Petzl ไฟ LED กระพริบแบบยางรัด ฯลฯ
   การเลือกสิ่งของที่ใช้แบตเบอร์เดียวกันมันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องสต็อคแบตหลายเบอร์ หลายขนาด เห็นผลชัดเจนตอนขี่จักรยานทัวริ่งที่เราต้องเอาของใช้ไปน้อยชิ้น
   เย็นมีงานโรงเรียนมิว จัดนิทรรศการเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยา แสดงละครเวทีกันตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกรุงศรีฯจนถึงต้นยุคกรุงธนบุรีที่มีพระเจ้าตากสินเป็นกษัตริย์ มิวเล่นเป็นพระเจ้าเอกทัศน์ มีบทบาทนิดหน่อย แต่ที่ฮาสุดคือพวกหมูบ้านบางระจัน ก็เล่นเอาเด็กอ้วนตุ้ยนุ้ยมาแต่งเป็นนักรบน่ะสิ
   มิวบอกอยากกินอาหารนอกบ้านฉลอง ผมถามฉลองอะไรวะ เขาบอกฉลองใกล้จะปิดภาคเรียน บ๊ะ ขยันฉลองจริงๆ เลย ผมเองก็เบื่อโคตรๆ อยู่แล้วเลยตามใจเขา กินที่ร้านยาโยอิกัน ผมชอบร้านนี้เพราะมีผักเยอะดี
   กลับมาบ้านก็เล่นสตีฟจ๊อบกัน ก่อนนอนอ่านหนังสือนิดหน่อย
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on December 03, 2012, 03:45:29 pm
28 พย 55 แล้วฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง
   Motor Expo วันนี้เป็นของรอบสื่อมวลชน เป็นวันแห่งการรอคอยของผมที่จะอัปเดทชีวิตตัวเอง เอาหัวไปให้ PR และเจ้าของรถแต่ละค่ายได้ดูว่านาย O’Pern ยังมีชีวิตอยู่ ยังคงสนใจเรื่องรถยนต์อยู่ เอานามบัตรเป็นปึกไปแจกกับคนใหม่ๆ ที่จะได้รู้จักกันในงาน แต่ละงานผมใช้นามบัตรไปกว่า 50 ใบ เคยมากสุดถึง 70 ใบ
   แต่ชีวิตย่อมมีอุปสรรคนะ ผมขอลางานก็ยังไม่ได้ แปลกใจโคตรๆ เลยครับ เฮ้ย ผมช่วยงานที่ร้านนี้มา 11 ปี ทำแบบไม่ได้รับเงินเดือนมาราว 7 ปี ทำให้ฟรี ก็เพราะผมไม่ชอบทำ ไม่อยากทำ แต่ยินดีมาช่วย อยากตอบแทนบุญคุณเล็กๆ น้อยๆ พอผมมีธุระบ้าง ผมขอลาบ้าง กลับไม่ได้ไป งงโคตร จนถึงตอนนี้ ยังงงไม่หาย และคงจะงงไปตลอดชีวิต
   ยุคแรกๆ ผมยังไปต่างประเทศปีละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย ไปไหนมาไหนได้อิสระ ก็เลยพออยู่ได้ ยังพอมีโลกส่วนตัวหน่อย ได้ทำงานที่เรารักบ้าง จนมาล่าสุดปีที่แล้วนี่ไม่ได้ไปต่างประเทศสักครั้งเลย มาวันนี้ซึ้งแล้วครับ
                 แล้วฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on December 03, 2012, 03:48:16 pm
29 พย 55
   ช่วงนี้ฝนชุกมากๆ ดูพยากรณ์อากาศจากเวปแล้วพบว่ามีฝนต่อไปอีกอย่างน้อย 5 วัน ผมเองยิ่งเบื่อๆ ชีวิตอยู่ด้วย รู้สึกตัวเองผิดปกติหลายอย่าง ลองหาข้อมูลดูก็น่าตกใจ เพราะตัวเองมีอาการเป็นโรคซึมเศร้า มีอาการครบทุกข้อเลยครับ เริ่มจากเบื่อหน่ายชีวิต อ่อนเพลียไม่มีสาเหตุ สมองไม่แล่น รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า อยู่ไปวันๆ อยากฆ่าตัวตาย เฮ้ยย แบบนี้ชัวร์ 100%
   ฉิบหายแล้ว นี่กูจะไปฆ่าใครเขาหรือเปล่าวะ
   มีเวลาว่างสัก 2 ชม เข้าไปคอนโดดีกว่า นานๆ เข้าไปทีจะเขาเปลี่ยนกฎระเบียบอะไรนี่ผมตามไม่ทันโดยเฉพาะพวกตารางการเดินเรือและรถตู้โดยสาร นี่คือข้อได้เปรียบของคอนโดที่อยู่ริมน้ำนะ ผมเดินทางโดยเรือไปที่เอเชียทีคได้สะดวกมากเลย
   เข้าห้องปุ๊บก็รีบเปิดระเบียง หน้าต่าง ให้ระบายอากาศ จากนั้นก็ทำความสะอาดระเบียงทั้งสองด้าน กวาดถูห้องเสร็จก็เปิดแอร์ให้น้ำยามันได้ไหลเวียนบ้าง กลัวที่สุดคือแอร์พังนี่แหละ ยิ่งของไม่ค่อยได้ใช้จะยิ่งพังง่ายกว่าแอร์ที่เปิดทุกวัน
   ปีที่แล้วผมนอนห้องนี้ไปอยู่ 3 คืน ส่วนปีนี้ยังไม่เคยได้นอนสักคืน ช่วงหลังตั้งแต่พ่อป่วยต้องผ่าตัด งานที่ร้านก็เยอะมาก ผมนั่งเฝ้าร้านอยู่จนดึกดื่นหลายครั้ง อย่างวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่กลับมาบ้านตอนดึก
   เข้ามาบ้านเห็นลูกกำลังนั่งออกแบบเกมกระดานเล่น มิวชอบเกมแบบนี้มาก ผมดูอยู่นานก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาเล่นกันอย่างไร เขียนกันเป็นเล่มเลยนะ สร้างสรรค์จริงๆ
Title: Re: พย 55
Post by: O'Pern on December 03, 2012, 03:50:08 pm
30 พย 55
   เช้านี้หมอกลงจัดมาก หายใจเข้าไปแล้วรู้สึกชื้นๆ มองไปบนท้องถนนแล้วกลัวอุบัติเหตุจริงๆ แม้จะหกโมงกว่าแล้ว ท้องฟ้าสว่างแล้ว แต่มีหมอกมาก รถยนต์หลายคันไม่ได้เปิดไฟหน้า อันตรายสุดๆ เห็นโพล้เพล้แล้วเปิดไฟได้เลยครับ
   ไฟหน้าที่มีประโยชน์สองทาง ทางแรกเปิดเพื่อให้เราเห็นทาง อีกด้านคือเปิดเพื่อให้คนอื่นมองเห็นเรา คนอื่นที่ว่านั้นก็คือทุกคนที่อยู่รายรอบเรา โดยเฉพาะรถคันที่อยู่หน้า
   อ๊ะ อย่าเพิ่งสงสัยว่าทำไมต้องเปิดไฟให้รถคันที่อยู่ข้างหน้าเราเห็นเรา ก็เพราะตอนเราจะเร่งแซง เปลี่ยนเลน เขาจะได้ไม่เหรถมาจ๊ะเอ๋กับเราไงครับ
   ตอนสายเข้าไปลงของที่โกดัง มีพนักงานมาส่งของเต็มคันรถ แต่เขามาแค่คนเดียว ผมเลยได้เหงื่อแต่เช้า ครีมกันแดดที่ทาหน้ามันเยิ้ม หยด ย้อย รู้สึกรำคาญตัวเลยต้องไปล้างออก ยกของไปได้สัก 20 ลังกลัวอาการปวดหลังกำเริบ เลยช่วยเขาเข็นสินค้าแทน
   วันนี้มิวเลิกเรียนเร็วเป็นพิเศษ เลิกแค่ 0230 เท่านั้นเอง นี่เป็นวันสุดท้ายของภาคเรียนที่สอง วันนี้เลิกเร็วก็เพราะทางโรงเรียนต้องใช้สถานที่จัดเตรียมการเข้าค่ายพักแรมลูกเสือของรุ่นน้อง ป4 เขาพักแรมกันที่โรงเรียนนี่แหละ โรงเรียนมิวบรรยากาศดีมากๆ มีสนามฟุตบอลขนาดกลางๆ มีสระว่ายน้ำ มีห้องโถงกว้างใหญ่ ลมพัดเย็นสบาย เพราะตั้งอยู่ชานเมือง อากาศดีครับ
   แวะซื้ออาหารปลาแล้วเลยไปรับมิวต่อ มิวขอกินข้าวนอกบ้านอีกแล้ว บอกว่าฉลองปิดเทอม เอ้า ฉลองก็ฉลอง กินกันที่ร้าน Black Canyon เขาก็กินแบบเดิมๆ ล่ะนะ มาร้านนี้ทีไรก็ต้องสั่งซุปเห็ด ข้าวผัดอเมริกัน ส่วนผมก็เดิมๆ เช่นกันครับ ยำวุ้นเส้นนี่เอง แต่วันนี้รู้สึกรสชาติไม่ค่อยอร่อยเหมือนเดิม ไม่รู้ทำไม เปลี่ยนแม่ครัวหรือเปล่าก็ไม่รู้