1 กย 55
ไปเที่ยวที่คลองโคนกันไหม ผู้ปกครองท่านหนึ่งมาชวนผมและมิวไว้ตั้งแต่ก่อนปิดเทอม เอาสิครับ ถ้ามิวไป ผมก็ไป งานแบบนี้มิวไม่น่าพลาด เพราะได้เล่นกับเพื่อนๆ อย่างเต็มที่
จากเดิมที่ชวนกันไปไม่กี่ครอบครัว คุยไปคุยมา เจอใครก็ชวนไปหมด จนวันนี้มีสมาชิกถึง 24 คน (รวมเด็ก) ตารางกิจกรรมคือช่วงเช้าพาไปไถกระดานบนเลน ปลูกป่าชายเลน กินข้าวกลางวันในกระเตงกลางทะเล (กระเตงคือที่พักชั่วคราวของชาวประมง ใช้นั่งนอนพักขณะรอเก็บอวน หรือกระชัง) บ่าย เย็น พักผ่อน คนอื่นเขาไปกันแต่เช้า แต่มิวมีเรียนพิเศษวันสุดท้ายพอดี ตอนแรกสองจิตสองใจจะเรียนดีไหมหนอ แต่คิดถึงเหตุผลแล้วก็เลือกไปเรียนครับ เลยออกจาก กทม ตอนบ่าย
ใช้เส้นทางถนนพระราม 2 ขับตรงตลอด ผ่านอัมพวา ดอนหอยหลอด เจอปั๊ม ปตท คลองโคน ราวๆ กม ที่ 75 มั้ง ผมคุ้นเส้นทางนี้ดีมาก เพราะเคยขี่จักรยานผ่านมาแล้วทุกตารางนิ้วตอนไปหัวหินเมื่อปีก่อน จำได้ขึ้นใจ ขับรถไปก็มองข้างทางก็นึกถึงเหตุการณ์เก่าๆ นึกได้ก็เล่าให้มิวฟังไปเรื่อย แต่ดูเขาไม่สนใจเลยสักนิด ฮ่าๆ
จอดแวะพักเข้าห้องน้ำ และซื้อของกินที่ปั๊ม ปตท คลองโคน เจอนักจักรยาน 3 คนอยู่ในฟู๊ดเซนเตอร์ เจอกลุ่มมอเตอร์ไซค์โบราณ แรกๆ ไม่สนใจ แต่ได้ยินเสียงรถลากยาวๆ แล้วต้องหันจริงๆ เพราะคุ้นมาก รถเหมือนของผมเลยครับ เป็นรถ Harley Davidson 1945 เสียงไม่เพราะหรอก ท่อแตกๆ ดังๆ ออกแนวหนวกหูมากกว่า เสียงก็ไม่เหมือนมอเตอร์ไซค์ แต่เหมือนเครื่องตัดหญ้าเก่าๆ ดังๆ
ลูกของซื้อของใน 7-11 เขาชอบสเลอปี้มาก (น้ำรสโคล่าปั่นละเอียด) ผมกำลังลดพุง เลยซื้อลูกชิ้นปิ้งกิน 2 ไม้ เดินมานั่งกินในฟู๊ดเซนเตอร์ มิวชี้บนโต๊ะที่กลุ่มนักจักรยานเคยนั่ง
พ่อๆ พี่เขาลืมกระติกน้ำ
ผมหันไปมอง จริงด้วย เขาลืมกระติกน้ำไว้ เลยให้มิวรีบไปหยิบมา รีบกินลูกชิ้น แล้วขับรถเข้าไปในซอยทางลัดไปชะอำ หัวหิน ซอยข้างๆ ปตท คลองโคนนี่แหละครับ ผมคาดเดาเอาว่าพวกเขาคงจะใช้เส้นทางนี้แหละ ก็เพราะแวะพักปั๊มนี้ เติมน้ำเสียจนเต็มกระติก ไม่น่าจะไปทางอื่นนะ
แต่ขับไปแล้วก็ไม่เจอเลยครับ เอาไงดีวะ หากเขาไม่มีน้ำกินนี่งานเข้าเลยนะ ช่วงแรกๆ ของเส้นทางยังพอมีร้านค้าบ้าง แต่ช่วงกลางและหลังจะมีแต่นาเกลือ ลมแรงมาก ป่าโปร่งชายทะเล ไม่มีร้านค้า ไม่มีชุมชน สาหัสแน่นอน
ก็ได้แต่เอาใจช่วย กลับไปบ้านจะโพสถามในเวปจักรยานว่าใครลืมกระติกทิ้งไว้ในปั๊มนี้บ้าง แต่ตอนนี้ผมต้องรีบเข้าที่พักแล้วล่ะ หลายคนโทรมาตามผมแล้ว เขาคิดว่าผมหลงทาง
ขับต่อไปอีกราว 20 นาทีก็ถึงจุดหมาย บ้านไม้ธารา resort & watersports ชื่อเท่ดี ดูเหมือนเป็นศูนย์รวมกีฬาทางน้ำ แต่เปล่าเลย มีแค่พายเรือคายัค และฐานแบบผจญภัยแนว Adventure คือโดดหอสูงสัก 5 เมตร ไหลไปสัก 100 เมตร ก็เจอทุ่นโฟมโยกเยก ข้ามแพ ต่อด้วยขึ้นบันไปไปไต่ราวเชือกสัก 30 เมตร เข้าเส้นชัย จบ
ลักษณะสถานที่เป็นบ้านพักอยู่ในพื้นที่ขุดเป็นบ่อขนาดใหญ่ เป็นน้ำกร่อย รอบข้างบ่อปลูกไม้แสม โกงกาง ฯลฯ มองปราดเดียวก็เห็นข้อบกพร่องอันใหญ่หลวงครับ นั่นคือเขาปล่อยน้ำทิ้งจากห้องน้ำลงในบึงเฉยเลย ทิ้งมันลงจากท่อใต้ถุนบ้านพักนี่แหละ ที่หนักกว่านั้นคือเขาขุดบ่อส้วมซึมซึ่งอยู่ติดกับบึงเป๊ะ แปลว่าของเสียจากการขับถ่ายที่เป็นน้ำสามารถซึมไหลเข้าบึงได้อย่างง่ายดาย OMG ผมไม่ลงเล่นน้ำแน่ๆ
กลุ่มใหญ่มารอผมอยู่พอดี เอากระเป๋าเก็บเข้าห้องพัก คนอื่นเขาพักผ่อนกันเพราะเพลียจากกิจกรรมตอนเช้า แต่ผมเพิ่งมาถึง แถมแดดรำไร ครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก ไม่รีรอที่จะลงเล่นเรือพายทันที
แม้จะไม่เคยพายเรือใดๆ มาก่อนเลย แต่ก็ขอลองด้วยใจเต็มร้อย ตอนขี่จักรยานเรามักจะใช้แต่พลังของลำตัวท่อนล่าง (ถ้าไม่นับตอนขี่ขึ้นเขา) แต่พายเรือนี่เราจะใช้พลังของลำตัวท่อนบนล้วนๆ ลงเรือด้วยใจเต็มร้อยที่อยากจะลองของ ใจอยากลองมานานแล้ว
เป็นเรือคายัคแบบ sit on top สองที่นั่ง พายง่ายมาก ผมเอาพายจ้วงน้ำครั้งแรกเรือก็พุ่งไปแล้ว โคตรหมูเลย ไม่ต้องออกแรงมากอีกด้วย นี่ขนาดเรือโทรมๆ เก่าๆ นะ ถ้าได้เรือดีๆ คงจะพุ่งกว่านี้อีกเยอะ
จัดไปสองชั่วโมงกว่าครับ เล่นจะแขนล้าเลย อาศัยลมดีแดดไม่มี เลยเล่นได้นานหน่อย ขึ้นจากเรือก็กินอาหารเย็นต่อ เป็นอาหารท้องถิ่นธรรมดาๆ นี่แหละ แต่ใช้วัตถุดิบสดๆ ในท้องถิ่น เช่น ผัดหอยตลับ หอยหลอดผัดฉ่า ปลาหมึกนึ่งมะนาว ไม่ต้องอะไรมาก เอาแค่ผัดผักธรรมดาๆ ก็ยังอร่อยมาก เพราะได้ผัดสดกรอบ คือเขาเลือกได้ใช้ของสดของดีมาทำให้เรากิน
แต่เหนื่อยจากพายเรือครับ และยังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักอีกด้วย เลยไม่อยากกินมาก เอาแค่พอหายหิว และอิ่มนิดๆ ขณะนั่งกินกันอยู่นั่นเอง ผู้ปกครองคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า
ไปอัมพวากันไหม
ทุกคนหันหน้ามามองกันเหรอหรา แล้วก็ปิ๊งไอเดีย
สรุปคือไปกันหมดครับ เพราะที่นี่ยุงชุมมาก คุยไปตบยุงไป เลยยกขโยงกันไปเดินเล่นอัมพวาดีกว่า ใกล้ๆ กันแค่นี้เอง ขับรถราว 20 นาทีก็ถึงแล้ว
จัดไปครับ มากัน 24 คน กลัวจะจอดรถที่อัมพวายาก เลยเช่ารถสองแถวคันใหญ่ให้ไปส่งและรอรับกลับ สุดยอดไปเลย บรรยากาศเหมือนตอนเด็กๆ นั่งรถเมล์เป๊ะเลย
ใช้เวลาเดินเล่นที่อัมพวา 2 ชม กว่า ผมไม่ได้มาที่นี่กว่า 2 ปีแล้ว มาวันนี้อัมพวาเปลี่ยนไปเยอะมาก คนเยอะขึ้นน่ะแน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่ชอบก็คือเรือยนต์พาชมหิ่งห้อยที่เป็นจุดขายนั้นไม่มีเสียงดังเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว แต่ละลำขับอย่างนุ่มนวลมาก เป็นระเบียบสุดๆ เห็นแล้วชอบจัง
ผมเคยเล่าไปหลายวันก่อนแล้วว่าจะมีโรงแรมขนาดใหญ่มาก่อสร้างแถวนี้ ตอนนั้นคิดว่าเขาจะเหลือห้องแถวโบราณอายุร้อยกว่าปีริมคลองไว้ แต่ที่ไหนได้ กลายเป็นตรงกันข้าม ฉิบหายครับ ในฐานะนักออกแบบ จะบอกว่าท่านคิดผิดอย่างมหันต์ แม้จะอยากให้สถานที่หรือทางเข้าโอ่โถงปานใดก็เถอะ ยังไงก็ต้องเหลือห้องแถวโบราณนี้ไว้ครับ ออกแบบผิด ก็ออกแบบใหม่ได้ แต่บ้านเก่าแบบนี้ถ้ารื้อแล้วอยากได้กลับมา มันทำไม่ได้
เดิมตลาดอัมพวาพร้อมกับดูแลเด็กไปทั้งขโยง เดินไปได้ 2 นาทีก็หลงกันแล้วครับ เรียกว่าแทบไม่ได้ดูของอะไรเลย มีแต่ดูแลเด็กนี่แหละ เห็นร้านค้าใหม่ๆ เปิดมากมาย ที่เยอะสุดๆ คือเสื้อยืดที่มีคำว่าอัมพวา เยอะรองลงมาคือร้านอาหารแนวผับ ไอ้ภาพร้านค้าเก่าๆ ก็ยังคงมีอยู่นะ แต่ไม่ได้มีเพิ่มมากขึ้นเหมือนพวกร้านค้าแนววัยรุ่น ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป หายนะกำลังจะมาเยือน คงไม่ถึงกับเจ๊งหรือตลาดวายหรอกนะ แต่เอกลักษณ์ตลาดเก่าของอัมพวาจะกำลังเปลี่ยนไป แน่ล่ะ กู้กลับมายากมากด้วย
เจอขนมน่ากินมากมาย ของกินพื้นบ้านเก่าๆ พวกข้าวเกรียบว่าวนี่ชอบนะ กินง่าย แต่เก็บยากหน่อย เจอร้านขายเครื่องหนังน่าสนใจมาก ราคาไม่แพงอีกด้วย ติดที่ต้องคอยดูแลเด็กๆ นี่แหละครับ ทำให้ไม่ได้ซื้อของอะไรสักอย่าง
ออกจากอัมพวาตอนชาวบ้านเริ่มทยอยปิดร้าน ถึงที่พักก็เพลียหมดแรง อาบน้ำเข้านอน แต่เปิดทีวีเจอหนังสนุกในช่อง Thai PBS เลยดูกับมิวจนถึงเกือบเที่ยงคืนโน่นเลย