Author Topic: พย 57 9 a day bike fest 23 ทริป fail 28 Motor Expo  (Read 15463 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest
« Reply #15 on: November 17, 2014, 05:06:57 pm »
16 พย 57
   ก่อนนอนอุตส่าห์จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้พร้อมสรรพ ไม่ว่าจะวิ่ง หรือจะจักรยาน ก็หยิบฉวยได้ทันท่วงที ไม่ต้องมีข้ออ้างในการขี้เกียจออกกำลังกาย
   ก่อนนอนยังตัดสินใจไม่ได้ไงว่าจะไปแนวไหนดี วิ่งก็ได้ออกแรงเยอะดี ได้เหงื่อเพียบ จักรยานก็จะออกแนวสบายๆ เพลินๆ ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่
   ขนาดลืมตาตื่นมาแล้วยังตัดสินใจไม่ได้เลยนะ เชื่อเขาเลย สุดท้ายเลือกวิ่งครับ เพราะได้ออกแรงเยอะในเวลาที่น้อยกว่า
   เป้าหมายของผมคือต้องการมีสุขภาพแข็งแรง ฉะนั้น จะออกกำลังกายแบบใดก็ได้ ผมไม่ได้ต้องการเป็นเลิศทางด้านการขี่จักรยาน หากแต่ชอบขี่จักรยานทางไกลเท่านั้นเอง
   ชอบเพราะได้อยู่กับตัวเองนานๆ ทั้งๆ ที่ปกติก็อยู่กับตัวเองคนเดียวอยู่แล้ว ยังรู้สึกอยากอยู่คนเดียวแบบโดดเดี่ยวอีกด้วย หลังๆ นี้ออกแนวธรรมมะ ขี่ไปหรือวิ่งไปก็จะท่องบทสวดมนต์ไปด้วย ไม่ได้อธิฐานบนบาลขอสิ่งใดสักอย่าง มันเป็นเหมือนการทำสมาธิน่ะ
   เช้านี้วิ่งไป 1.30 ชม ภรรยาชวนไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดแถวบ้าน ซัดไปคนละชาม อิ่ม อร่อย
   อยู่บ้านก็ซ้อม Uke ต่อเลย พักนี้นิ้วเริ่มคุ้นและพลิ้วไปกับตัวโนทมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย อยากหาสไตล์การเล่นที่เป็นของตัวเราเอง ก็พอจะทำได้เหมือนกัน เป็นการเล่นแบบ Finger Style ที่ผสมจังหวะ และเมโลดี้ของตัวโนทเข้าไปด้วย เสียงจะออกมาเหมือนกับว่าใช้เครื่องดนตรีหลายชิ้นมาเล่นร่วมด้วย ยากครับ แต่ก็สนุกดี อยากได้น้ำเสียงที่ไพเราะกว่าการเล่นแบบตีคอร์ดเดิมๆ ก็ต้องฝึกหัดมากหน่อยเป็นเรื่องธรรมดาครับ
จู่ๆ ก็เริ่มเบื่อชีวิตอีกแล้วว่ะ น่าจะเกิดจากการใช้ชีวิตจำเจเกินไป ต้องการพลังธรรมชาติโดยด่วน อยากได้ทะเลๆ ๆ ๆ อยากแล่นเรือใบๆ แต่ถ้าชีวิตยังคงเป็นรูปแบบอย่างนี้อยู่คงยากแน่เลย
ทำไงดีล่ะ คิด คิด คิด
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest
« Reply #16 on: November 17, 2014, 05:14:35 pm »
17 พย 57
   วันอาทิตย์ว่างเยอะ คิดยากว่าจะวิ่งหรือจักรยานดี วันจันทร์แบบนี้สิง่าย วิ่งอย่างเดียว ไม่ต้องคิดทำอะไรเลย
   จัดไป 1 ชม ตกลงได้ข้อสรุปแล้วล่ะว่าวิ่งแบบลงฝ่าเท้าน่าจะดีกว่า ไม่ต้องใช้รองเท้าวิ่งแบบตัวท็อปที่ราคาแพงหูฉี่อีกด้วย
   วันนี้โรงเรียนมิวลดเวลาคาบเรียนลง เลิกเรียนแค่ 0130 เพราะต้องการให้นักเรียนไปเชียร์ฟุตบอลจตุรมิตร มิวไม่พลาดครับ ยิ่งเจอเพื่อนๆ ชวนกันไปทั้งขโยงนี่ยิ่งสนุกเลย ปล่อยเขาไปครับ ทุกสิ่งอย่างที่เข้ามาในชีวิตคือการเรียนรู้
   วันนี้ได้ฤกษ์ในการหาร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์เสียที เลยนำภาพตัวอย่างรถของผมไปโพสลงเฟซบุ๊คถามหาร้านซ่อม ผลตอบรับดีเกินคาด เพื่อนๆ น้องๆ ให้คำแนะนำมากันมากมาย 4-5 ร้านน่ะ กลายเป็นยิ่งงงครับ ว่าจะเลือกร้านไหนดี
   คนไม่เคยเล่นรถโบราณน่ะไม่รู้หรอกครับว่าสำคัญสุดนอกจากความเนี๊ยบแล้ว ยังต้องกลัวการโดนสลับอะไหล่อีกด้วย จรรยาบรรณของช่างเลยนะนั่น แต่ก็มีให้เห็นว่าโดน “ถอดของ” กันอยู่บ่อยๆ
   ผมเองก็กลัวโดนเหมือนรถ รถเราเดิมๆ แทบทุกชิ้น จะมีแปลงมาก็พวกระบบไฟแค่นั้นเอง ใจจริงอยากแปลงกลับเป็น 6Volt อย่างเดิมนะ แต่ผมกลัวหาแบตฯใส่ยาก โอเค แบต 6V อาจจะหาได้ แต่ Amp ล่ะ มันจะรองรับกันได้ไหม หนำซ้ำยังมีเรื่องขนาดของแบตอีก เอาไงดีวะนี่
   ช่วงบ่ายลองไล่หาข้อมูลดู ใครแนะนำอะไรก็รับฟังหมดเลยนะ ผมเล่นรถมาแบบตัวคนเดียว ไม่มีกลุ่ม ไม่มีแก๊ง ไม่เข้าชมรม ไม่ออกทริป เขาไปไหนกันนี่ผมไม่เอาด้วยเลย ขอขี่คนเดียวแบบนี้แหละ
   อ้อ ไอ้คันนี้ผมแต่งแนวทัวริ่งมาตั้งแต่ 25 ปีที่แล้วนะ
   เจอร้านเก่าแก่หลายร้าน เจอคนชอบรถเก่าหลายคน แต่รถผมมันต้องการระบบไฟชุดใหม่ทั้งระบบ (ซึ่งตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะเอาแบบ 6V เหมือนเดิม หรือแบบแปลงเป็น 12V แต่หน้าตาคลาสสิค) ต้องการไฟหน้าทั้งโคม และระบบเกียร์ถอย (เอาแค่เฟืองไปใส่ ก็ถอยได้แล้ว)
   นี่คือจากที่ดูภายนอกนะ ถ้ารื้อออกมาก็จะเจอพวกจุกจิกๆ เช่นต้องเอามาทำสี ยิงทราย ฯลฯ ส่วนภายในเครื่องก็รื้อมาล้างแล้วประกอบกลับเข้าไปใหม่ ไอ้พวกนี่ง่ายมากครับ จะว่าไปแล้วมันเหมาะกับพวกมือใหม่เลยด้วยซ้ำ กลไกของรถโบราณมันออกแบบมาให้ผู้ใช้ดูแลรถได้เองง่ายๆ อย่างคันนี้เป็นเครื่องยนต์รุ่น Flat Heat (หัวตัด) ผมสามารถถอดฝาวาล์วออกมาได้ภายในแค่ไม่กี่นาที แถมยังไม่ต้องรื้อชุดวาล์วอีกด้วย งงไหม เพราะมันเป็นดีไซน์ชุดวาล์วที่อยู่ด้านข้างเคียงคู่กับลูกสูบ
   อย่าเพิ่งงง ปกติวาล์วจะอยู่ด้านบนลูกสูบ แต่กับเจ้ารถมอเตอร์ไซค์คันนี้ วาล์วมันวางตั้งด้านข้างลูกสูบ เรียกว่าเปิดฝามาดูผิวหัวลูกสูบได้ง่ายๆ เลย เห็นลูกสูบแล้วก็จะได้เห็นผิวหน้าและบ่าวาล์วด้วยพร้อมกันในคราวเดียว
   เพื่อนๆ หลายคนตกใจนะ ไม่คิดว่าผมจะใช้รถมอเตอร์ไซค์แนวนี้ด้วย ผมน่ะชอบพวกของทหารและของเก่าโบราณครับ แต่ไม่ได้ถึงขั้นกับบ้าสะสมหรือทำเป็นธุรกิจ เงินไม่พอด้วยล่ะนะ ก็เลยเล่นแบบเงียบๆ คนเดียว ไอ้คันนี้จอดนิ่งๆ มา 25 ปี ผมขี่ล่าสุดน่าจะราวตอนปี 4 สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
   นึกจะเอามาบูรณะเพราะมีที่เก็บเป็นที่เป็นทางแล้ว จัดระเบียบโกดังสินค้าใหม่ เลยเหลือพื้นที่ว่างเยอะ ประกาศให้โลกรู้ว่ามีรถแบบนี้ก็อายเหมือนกันนะ ไม่รู้สิ ไม่อยากให้ใครรู้ แต่ไม่รู้จะหาอู่จากไหนเหมือนกัน เลยอาศัยพลังของมาร์คช่วยสักหน่อย เวิร์คว่ะ เวิร์คมาก
   เอาไว้ทำคันนี้เสร็จ จะทำอีกคันที่เหลือต่อ ไอ้คันนี้เป็นรถอังกฤษครับ คนไม่ค่อยรู้จักกันหรอก ชื่อเสียงไม่ค่อยดังเท่าพวก Triumph / BSA แต่มันเจ๋งตรงที่เป็นเครื่องแบบ Vertical Twin หาโคตรยาก
   แต่ไอ้คันนี้ผมกลับอยากเอามาทำแนวรถ Custom นะ วัยรุ่นเรียกแนว Café Racer มั้ง ไม่เอาเหมือนเขาหรอกนะ ไม่ชอบก็อปไอเดียใคร แต่อยากให้เป็นรถแนวๆ แบบขี่สบายๆ อ้อ อีกอย่างที่ชอบคือเอาท่อชนิดเสียงเงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เลยนะ
   ยังไม่หมดๆ มีเวสป้าอีก 2 คัน แต่ไอ้นี่ไม่เร่ง ไม่รีบ ทำออกมาเยอะก็ขี่ไม่ทัน
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest
« Reply #17 on: November 18, 2014, 05:43:53 pm »
18 พย 57
   เฮ้ย เช้านี้มีลม มีไอหนาวปนมานิดๆ รู้สึกดีนะ นึกถึงตอนเริ่มวิ่งช่วงต้นปี 57 มีหลายครั้งที่ต้องใส่เสื้อกันลมออกวิ่งตอนเช้าตรู่
   รอบสุดท้ายพื้นรองเท้าด้านในหลุดเลื่อนขยับ ลองถอดออกมาดู โอ้โห พื้นมันเป็นแบบ Memory Gel Foam บริเวณฝ่าเท้าที่ลงน้ำหนักเจลแตก !!!
   เฮ้ยย มีแววต้องเสียเงินอีกแล้วหรอ
   วิ่งไปแบบไม่ต้องคิด ถ้าเบื่อก็ลองคิดถึงคนที่เขาไม่มีขา หรือไม่ก็คิดว่าหากวันนี้เรามีขาเป็นวันสุดท้าย เราจะทำอะไร
   ใช้ชีวิตไปแบบไม่ต้องเสียดายเวลาย้อนหลัง อยากทำอะไรให้ใครก็จัดไปเลย เริ่มจากคนที่เรารัก คนใกล้ตัวเรา ถ้าทำได้แล้วก็ค่อยๆ แพร่กระจายไปยังคนและสังคมรอบข้าง
   แต่ต้องทำกับคนใกล้ตัวก่อนนะครับ เพราะส่วนใหญ่จะไม่เหลียวแลคนใกล้ตัว แต่พอคนไกลตัวแล้วกลับรักมาก ปลื้มมาก
   การทำความดีความรักต้องมาจากจิตใจอันบริสุทธิ์ด้วยล่ะ มิเช่นนั้นก็จะเป็นเพียงแค่การสร้างภาพ ซึ่งมีตัวคุณคนเดียวที่เป็นผู้รู้สึกสุขใจ คนอื่นเขาไม่ได้อะไรกับมึงด้วยเลยแม้แต่น้อย
   แต่เชื่อไหมว่าปัจจุบันนี้มีคนทำความดีกับคนไกลตัวเยอะมาก โดยเฉพาะพวกชอบทำบุญเป็นกลุ่มแล้วออกทริปท่องเที่ยวไปด้วยในตัว น่าแปลกไหมที่กับพ่อแม่ตัวเองอยู่กับบ้านแท้ๆ ยังเฉยเมย แต่พอกับชาวบ้านเด็กนักเรียนในป่าในเขา พวกนี้เขาบอกแสนสงสารจับใจจนต้องพากันเรี่ยไรไปช่วยพัฒนาท้องถิ่นกันดาร
   กับคนที่ทำดีกับพ่อแม่แล้วไม่ต้องมาเดือดร้อนล่ะครับ คุณมาถูกทางแล้วก็ดีใจด้วย แต่ผมเหน็บพวกเป็นอย่างที่ว่าต่างหาก
   วันนี้มีเปิดตัว Honda HR-V รถแนว Mini Crossover ที่เอามาชนกับ Nissan Juke คงเพราะเห็นยอดของ Juke มันเดินดีเหลือเกิน เลยขอมาเก็ตแชร์ในเซกเมนต์นี้สักหน่อย เล่าแล้วก็น่าสงสาร Suzuki SX-4 นะ เพราะเขาคือผู้นำเลย เขาเอารถ mini crossover มาขายอยู่หลายปี แต่เจ้าตัวเองไม่รู้ว่า “มีของ” อยู่ในมือ ดันแต่ตัว Swift จนสุดประตู เผลอหน่อยเดียว เจอ Juke เข้ามาเสียบ ตามด้วย HR-V และจะมีตามมาอีกเรื่อยๆ ครับ
   Honda เองก็คงรู้ว่าเอาตัว HR-V มา มันก็จะแย่งลูกค้ากลุ่ม CR-V ของตัวเองไปบ้าง แต่ยังไงเงินก็อยู่ในกระเป๋าของค่าย H อยู่ดี ถึงหยิกเล็บเจ็บเนื้อก็ต้องทนเพื่อผลในระยะยาว
   แต่ไม่ใช่เพียงแค่ CR-V รุ่นเดียวสิ มันจะพาลไปยัง Civic และ Jazz อีกด้วย
   และหลังจากรอคอยมานานเป็นเดือน วันนี้เปิดราคามาที่ 8.9 แสน หึหึ คนบ่นกันระนาว ราคาแรงเกินคาด
   ช่วงเย็นรู้สึกครันเนื้อครันตัว เหมือนจะไม่สบาย ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กินน้ำเปล่าไม่เย็นเข้าไปบ่อยๆ
น้ำนี่แหละครับ พลังชีวิต พลังแห่งจักรวาลเลย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest
« Reply #18 on: November 20, 2014, 03:55:37 pm »
19 พย 57
   อ่านหนังสือสุขภาพของญี่ปุ่น มีคุยเรื่องการออกกำลังกายที่มากเกินไป
   อ้าว เอาแล้วสิมึง แล้วไอ้ที่วิ่งวันละ 1 ชม นี่เรียกมากไปหรือเปล่าวะ เขาบอกว่าร่างกายจะโทรมเร็ว แทนที่จะเป็นผลดี กับส่งผลเสีย
   ฉิบหายย งานเข้า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
   ทำไงดี ๆ วิ่งไป คิดไป งั้นกูวิ่งแบบช้าๆ เบาๆ จะโอเคไหมวะ
   เออ แล้วกับจักรยานล่ะ ขี่แค่วันละสัก 100 กม น่าจะไม่เป็นไรนะ ขี่แบบขำขำ ขี่ไปหัวเราะไป ให้ถึงที่พักก่อนเย็น พักแข้งพักขา เย็นค่ำค่อยออกมาขี่เล่นตลาดในเมือง แบบนี้น่าจะพอได้นะ คงไม่ทำให้ร่างกายโทรมนะ
   นี่ผมไม่ได้ออกทริปจักรยานมานานมากๆ จนลืมไปแล้วว่าต้องแพ็คของลง Panniers ยังไง
   ลูกเข้า ม1 นึกว่าตัวเองจะว่างมากขึ้น แต่เปล่าเลย วุ่นกว่าเดิมอีก มิวชอบเรียนพิเศษขนาดหนักตลอดเสาร์ อาทิตย์ วันธรรมดาก็เรียนพิเศษหลังเลิกเรียนอีก 2 ชม โหห เล่าให้ใครฟังก็งงปนทึ่ง มึงทำได้ไง
   วันหยุดแทนที่จะไปใช้ชีวิตนอกบ้านบ้าง เรียนวิชาชีวิตบ้าง ก็ไม่มีเลย ผิดแผนไปหมด
   เอ้า ไม่เป็นไร เขาเลือก เขาชอบ เขามีความสุข ก็จัดไปครับ ทำอะไรให้นึกถึงความสุขโดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเป็นที่ตั้ง
   การดูแลสุขภาพด้านอาหารการกินผมเริ่มลดเนื้อสัตว์มาหลายเดือนแล้ว คือกินบ้าง แต่กินน้อยลงมากๆ ใช้วิธีเขี่ยออกนะ ไม่ถึงขั้นแบบกินเจ หรือมังสวิรัติ ผมไม่มีกฏเกณฑ์อะไร เน้นความสะดวกเพราะยังอยู่ร่วมกับคนอื่นอีกเยอะ
   กินไก่ผัดขิงก็กินแต่ขิงและเห็ด ผัดผักนี่ง่ายมากเลย เลือกกินแต่ผักซะ ส่วนอาหารพวกที่เป็นเนื้อสัตว์ล้วนๆ นี่เลิกมานานเป็นปี เช่นหมูสะเต๊ะ สเต็ค ฯลฯ ลำบากใจตอนไป Sizzler นี่แหละครับ เพราะเลือกกินแค่ Salad Bar ราคาแม่งเกือบเท่ากินสเต็คชุดที่ถูกสุดเลย เรียกว่าเพิ่มอีก 30 บาท จะได้สเต็คไก่ตั้งชื่อเท่ๆ 1 จาน บางวันเห็นว่านานๆ ทีก็กินไป วันไหนเคร่งๆ นี่ให้เขาทำสเต็คห่อใส่กล่องไปเลย เอากลับไปแจกคนที่บ้านแทน
   เช้านี้แม่งป่วยอย่างโทรมเลย มีไข้ไม่สบายตั้งแต่เมื่อคืน จะขึ้นบันไดบ้านต้องใช้คลาน หมดแรงจะเดิน หมดสภาพนักศึกษาจริงๆ กลางดึกยังแอบลงมานอนชั้นล่างของบ้านเพราะหนาวแอร์ในห้องนอน กินยาทิฟฟี่ไปก็ยังไม่ดีขึ้น
   งงสิ ป่วยได้ไงว่ะ ออกกำลังกายตลอด กินของดีๆ ตลอด ดื่มน้ำมากทุกวัน หรือจะเป็นเหตุผลแบบที่หนังสือบอก ที่ผมบ่นไปบรรทัดแรกของวันนี้
   งานที่บ้านคือภารกิจระดับชาติครับ ป่วยหนักเพียงไหน ถ้ายังหายใจได้มึงก็ต้องออกไปทำ
   แต่มันไม่ไหวจริงๆ ครับ ขอเจ้าของร้านขึ้นไปนอนพักสัก 30 นาที ได้หลับสักนิด ชีวิตก็ดีขึ้นหน่อย
   ตื่นมาก็ทำงานต่อนะ ยังดีที่ไม่ต้องยกแบกของ ยกไม่ไหวจริงๆ วันนี้ขอยอมแพ้ จะเดินยังต้องหาที่เกาะไปตลอดทาง
   บ่ายไปทำฟันครับ ไปใส่ครอบฟันตัวจริง ที่ใส่อยู่ในปากนี้คือตัวสำรอง ใส่แค่ 2 นาทีก็เสร็จแล้ว ทีนี้ก็มาลุ้นต่อว่าจะมีฟันซี่ใดมันแตกหักอีกไหม นี่กูจะโดนอีก 9600 ไปอีกกี่รอบวะนี่
   ทดสอบการสบฟันด้วยการกินนี่ดีที่สุดเลยครับ มันคือสถานการณ์จริง วันนี้หาร้านบะหมี่กิน วันอาทิตย์ดูรายการ “เล่าเส้น เป็นเรื่อง” ของไทยรัฐทีวี ดีมากเลย ชอบๆ เขาแนะนำร้านบะหมี่แถวแยกศาลาแดง ทำฟันเสร็จผมงี้รีบปรี่ไปเลย
   ชื่อร้านบะหมี่ปูนายเม้งเกี๊ยวกุ้งยักษ์ เป็นร้านห้องแถวห้องเดียว เกือบจะติดกับเซ็นทรัลสีลมคอมเพล็กซ์ ร้านคับแคบ ต้องนังรวมๆ กับท่านอื่น ผมไปคนเดียว เลยสบายมาก
   หยิบเมนูมาดูก็ตกใจเลย เฮ้ยย บะหมี่มันชามละเป็นร้อยเลย (แบบออกทีวีน่ะ) ใส่เครื่องครบๆ ที่ 129 บาท โหห ไม่เอาว่ะ ผมขอแบบธรรมดาๆ พอ เจอป้ายบอกบะหมี่น้ำหมูแดง 40 บาท เออๆ เอาอันนี้ดีกว่า
   “บะหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดงครับ”
   “เอาเกี๋ยวหมูหรือเกี๊ยวกุ้งครับ”
   เออ งง  เจอสวนกลับมา คิดไม่ทัน ตอบไปทันที
   “เกี๊ยวกุ้งครับ”
   นั่งรอราว 15 นาที ไม่รู้ทำไมถึงนานเหมือนกัน โต๊ะข้างๆ ก็ยังไม่ได้กินเหมือนเรา ไม่เป็นไร ไม่รีบ แต่อยากลองของใหม่
   พนักงานมาเสิร์ฟพร้อมกับถ้วยน้ำซุป ผมรีบชิมซุปก่อนเลย ซดคำแรก โอ้โหห แม่งเอ๊ยย นี่กูเสียเวลาเดินมาหรือเปล่าวะนั่น
   รสชาติไม่ได้มีเหี้ยไรพิเศษเล้ยยย ธรรมดาเอามากๆ แต่ลองกินบะหมี่แล้วโอเคดีนะ เส้นเขาดีมาก เป็นเส้นหมี่แบบเส้นเล็กๆ บางๆ นุ่ม หอม หมูแดงก็หอมแบบปกติทั่วไป
ส่วนเกี๊ยวกุ้งนี่ตัวใหญ่ๆ ยาวๆ ต้องแบ่งกัดสองคำ รสชาติก็พอได้ครับ คล้ายๆ เกี๋ยวกุ้ง CP ที่ขายใน 7-11 น่ะ ไม่ได้พิเศษอะไรมากมายเลยสักนิด
   นั่งกินไปเรื่อยๆ เริ่มมีลูกค้าเข้ามามาก ผมเขยิบให้พนักงานออฟฟิซอีก 2 คนมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน เธอสั่งอย่างโปรเลย คล่องมาก แบบนี้ต้องเป็นพวกแฟนคลับแน่ๆ
   ตอนคิดเงินนี่เราต้องถือบิลไปจ่ายที่เคาเตอร์เองนะ ของผมกินชามเดียวราคา 72 บาท หึหึ คงเพราะเกี๋ยวกุ้งของมึงแน่เลย นี่ถ้าเลือกเกี๊ยวหมูคงจะโดนแค่ 40
   ให้คะแนนกลางๆ ครับ อร่อยแค่ตรงเส้นอย่างเดียว ที่เหลือแม่งงั้นๆ ไอ้คนที่ขยันชม ถ้ามันไม่ได้เป็นหน้าม้า ไม่ได้รับค่าโฆษณา แสดงว่ามันไม่เคยกินพวกของดีๆ มาก่อนเป็นแน่
   ตั้งแต่มีอินเทอร์เนทมานี่ อ่านรีวิวร้านอาหารแล้วตามไปกินดู ผมว่ามีแบบเข้าตาไม่ถึง 10% ที่เหลือก็แค่รสชาติกลางๆ พอได้  คนรุ่นใหม่อาจยังมีข้อมูลน้อย เจออะไรนิดอะไรหน่อยก็ขยันมาโพสบอกกัน
   อย่างหลายเดือนก่อนเห็นขนมยอดฮิต Honey Toast คือเอาขนมปังกะโหลกมาบากเป็นร่องแล้วย่างหรืออบก็ไม่รู้ เอาเนยใส่ในร่อง ก่อนเสิร์ฟก็ตักไอติมวางบนขนมปัง แล้วราดน้ำผึ้ง
   เป็นไง เล่าแล้วดูดี ฟังดูน่ากิน พอได้ใช่ไหม แต่รสชาติแม่งไปกันคนละทางเลยนะ อารมณ์เหมือนกินไอติมรถเข็นตีระฆังดังแต๊งๆ ตักไอติมใส่ขนมปัง เติมข้าวเหนียว ลูกชิด มันเชื่อม ฯลฯ
   แต่ไอ้ Honey Toast มันดูดีเพราะใช้ของดีหน่อย ไอติมเกรดดี ขนมปังย่างใส่เนยหอมๆ มันอร่อยที่วัตถุดิบมากกว่า แต่พอมารวมกันแล้ว ผมว่าแม่งไม่เข้ากันสักนิด
   ไอติมแบบนี้จะกินให้อร่อยต้องกินกับเค๊กครับ แต่ก็ต้องมีเทคนิคในการเลือกเค๊กและเลือกไอติมด้วยนะ ถ้ากินพวกบราวนี่ก็ต้องเลือกไอติมที่ไม่ใช่ช็อคโกแลต ผมแนะนำช็อคโกแลตชิฟ หรือวนิลา
   สมัยผมเด็กๆ ก็ชอบกินมาก ยุคนั้นยังไม่มีสเวนเซ่นส์ และร้านกาแฟสวยหรูมากมายแบบทุกวันนี้ ไปสยามก็ต้องขอเงินพ่อไปกินเค๊กไอศกรีมที่ S&P สมัยโน้นเพิ่งมีสาขาแรกที่สยามสแควร์นะ
   เป็นเนื้อเค๊กสลับกับไอติมเป็นชั้นๆ โอ้โห นี่แหละ สุดยอด จนร้านสเวนเซ่นเอามาทำขายบ้างจนถึงทุกวันนี้ ไม่รู้ S&P เขายังมีอยู่หรือเปล่า
   
   ช่วงบ่ายนี่อาการป่วยเริ่มดีขึ้นหน่อย กลับมาถึงบ้านก็พักผ่อนต่อเลย เอนหลังนอนพักสายตา จะหลับก็ให้มันหลับไป แต่ก็ไม่หลับนะ ดีขึ้นนิดๆ ทีละน้อยๆ จนกลางคืนก็พอจะเข้านอนได้สบาย แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest
« Reply #19 on: November 20, 2014, 05:00:12 pm »
20 พย 57
    ไม่ได้วิ่ง ไม่ได้ออกกำลังกาย ตืนสาย
   ลงมาหน้าบ้านเห็นนกตัวขนาดกลางๆ สีขาวปากยาว สไตล์นกกินปลามาวุ่นๆ ที่บ่อ รีบวิ่งไปไล่ แต่ก็สายเสียแล้ว เห็นลูกตาปลา และเกล็ดกองเกลื่อนพื่น มันแดกไปกี่ตัวแล้ววะนี่ เฮ้ออ น่าสงสารจริงๆ เลย
   ไอ้พวกนี้มาปีละหน คงหนีหนาวมาจากที่อื่น ปีก่อนก็เจอทีหนึง แต่เป็นนกสีน้ำตาล คิดอะไรไม่ออกก็ใช้ถุงก๊อปแก๊ปมาผูกโยง พอลมพัดแล้วมันก็จะแกว่งๆ ไม่รู้ช่วยได้ไหม แต่ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
   วันนี้ไปทำธุระที่ธนาคารธนชาติ ไปจ่ายค่าเทอม และค่าเรียนคุมอง พนักงานเลยถามว่าเรียนคุมองดีไหม
   “พาไปลองดูก่อนครับ เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน แรกๆ มันก็เป็นเลขบวกลบง่ายๆ เรียนไปนานๆ เข้า มันก็จะเริ่มยากขึ้นทีละน้อย แต่กว่าจะถึงระดับยากก็หลายปีอยู่นะ”
   ลูกเขาเรียนอนุบาล 1 แต่ก็ต้องมองเรื่องการศึกษาต่อ ป1 เอาไว้ด้วย ก็เห็นใจแทนเขานะ แต่ทำไงได้ ผมก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน
   วันนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว เดินเหินได้เร็วกว่าเดิม เริ่มมีอยากกินขนม ฮ่าๆ ตอนป่วยนี่กินไม่ลงเลยนะ ยังดีที่เริ่มฟื้นเร็ว คราวก่อนที่เพิ่งกลับจากเขาใหญ่รู้สึกว่าฟื้นช้ามาก
   มีคนชื่อ “เล็ก” โทรมาคุยเรื่องจักรยานเฟรมโครโมลี่ เขาได้เบอร์ผมจากในเวปจักรยาน สอบถามเกี่ยวกับรถ Araya Muddy Fox ปี 89 มันเป็นรถตรงไซส์เขา จะเล่นตัวนี้ดีไหม
   ตอบง่ายมาก ถ้าชอบก็จัดได้เลยครับ
   “ราคา 1.3 หมื่น ได้อะไหล่ Deore XT ครับ”
   “โหห โครตแพงเลยครับ ตัวรถก็ไม่ได้มีอะไรเด่นพิเศษมากมายนักเลย Araya ก็เป็นแค่ชื่อเสียงระดับพื้นๆ ไม่ใช่ถึงขั้นเทพอย่าง Tange หรือ Kuwahara เป็นรถเกรดใช้งานทั่วไป โดนพวกในเวปจักรยานปั่นราคากันจนแพงเว่อร์กันไปเอง
   ถ้ายังชอบรุ่นนี้อยู่ แนะนำให้เดินหาตามโกดังชานเมืองครับ รับรองว่าได้รถหลักพันแน่ๆ
   “พี่ว่ามันจะสักกี่พันครับ”
   “แล้วแต่สภาพด้วยครับ แต่รถจากโกดัง ส่วนใหญ่มีตำหนิ มือเบรกหักบ้าง เบาะขาดบ้าง ผมให้ไม่เกิน 6000 นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนที่จักรยานยังไม่ฮิตมากนี่จะเหลือแค่ 2000-3000 เอง”
   คุยไปสักพัก เล็กบอกว่าเขาชอบเฟรมโครโมลี่ อยากเอามาขี่ทัวริ่ง ก็เลยแนะนำเพิ่มว่าวัดความยาวของ Chain Stay ร่วมด้วยซะเลย ถ้าให้ดีก็ขอสัก 45 ซม รถหางหลังยาวจะทำให้แขวนกระเป๋าแล้วไม่ชนกับส้นเท้าเวลาปั่น และรถยาวๆ จะทรงตัวได้ดีกว่ารถฐานล้อสั้น
   เลยแนะนำเพิ่มเติมไปอีกว่า ถ้าจะเล่นรถโครโมลี่ราคาแพงหลักหมื่น ก็น่าจะได้รถที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น Columbus / Reynolds / True Temper ถ้าเป็นค่ายญี่ปุ่นก็พวก Tange / Kuwahara แต่ Kuwa นี่เจอน้อยมาก Tange ยังพอมีให้เห็น
   ถ้าจะเก็บก็เก็บรถเหล็กแบบนี้จะเป็นการลงทุนที่ดีกว่าครับ ซื้อมาแพง คุณก็ขายได้แพงกว่า เวลาที่ผ่านมาก็คือกำไรใช้ ดีกว่าไปเอารถโครโมลี่โนเนมที่เป็นโครโมฯแค่ท่อนั่งชิ้นเดียว หรืออย่างเก่งก็ได้แค่ 3 ท่อ คือท่อนั่ง ท่อล่าง และท่อนอน แถมเป็นโครโมฯเกรดธรรมดา ไม่ได้มีคว้าน (Butted) อะไรสักนิด
   เลือกยี่ห้อแล้วยังไม่พอ ต้องมาดูที่กรรมวิธีการผลิตอีกด้วยว่าเป็น single butted, double butted, triple butted, quad butted ผมรู้ว่าสมัยก่อนมันมีแค่ 4 ระดับนะ ไม่น่าจะมีอะไรโหดกว่านี้อีกแล้วนะ
   Butted มากๆ ก็คือการคว้านเนื้อเหล็กภายในให้บางลง น้ำหนักก็จะลดน้อยลง แต่ก็ต้องมีกรรมวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งด้านอื่นเข้าไปแทน
   ผมเองก็ชอบรถหางยาวๆ ครับ คอยเช็คข้อมูลเรื่อยๆ ของปีก่อนๆ รถทัวริ่งที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 45 ซม แต่รถค่าย Surly รุ่น Long Haul Trucker ของปี 15 เขาพัฒนาเป็น 46 ซม แล้ว ถ้ามาถามตอนนี้ จากเดิมที่ไม่เคยแนะนำ Surly เลย ก็ขอเปลี่ยนใจแล้วล่ะ (นับเฉพาะข้อมูลที่มีล่าสุดนะครับ ถ้ามีรถค่ายไหนหางหลังยาวกว่านี้ ผมก็จะแนะนำอันนั้นแหละ)
   ในความคิดของผม มันน่าจะไปได้ถึง 50 ซม เลยด้วยซ้ำไป และออกแบบด้านหลังท่อนั่งให้ยึดกระติกน้ำ กล่องปฐมพยาบาล กล่องเครืองมือ ฯลฯ รถหางยาวๆ มันขีทางตรงได้นิ่งกว่าเยอะ บรรทุกของก็ได้เยอะแถมยังทรงตัวดีกว่า เห็นผลชัดๆ ตอนปล่อยไหลลงเขา ในอนาคตก็จะได้เห็นรถทัวริ่งล้อ 29 อีกด้วยซ้ำไป
   ส่งผลให้ตลาดในไทยอาจมีคนทยอยขาย Surly LHT ตัวเก่าทิ้งเพื่อเปลียนเป็นตัวใหม่แทน
   วิเคราะห์แบบมั่วๆ สไตล์ผมครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest
« Reply #20 on: November 21, 2014, 04:53:46 pm »
21 พย 57
   ก่อนนอนเปลี่ยนวิตามินซีจากเดิมของ Nutrakal C Naturel  มาเป็น Blackmores โอ้โห ผิดกันลิบลับ กินไปแค่ 1 ชม ร่างกายฟื้นเลย รู้สึกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอนสบายหน่อยครับ ไม่ค่อยหนาว
   ตื่นเช้ามายังไม่กล้าออกกำลังกาย แค่เดินเล่นและขี่จักรยานเบาๆ เอาให้แค่ร่างกายพอได้ขยับ ไว้ฟื้นเต็มที่แล้วค่อยซัดใหม่
   เกือบสัปดาห์มานี้แทบไม่ได้กินเนื้อสัตว์เลยนะ ตั้งใจเลี่ยงด้วยน่ะครับ อย่างมื้อเช้าวันนี้เป็นแกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่ผักจิงจูฉ่าย ก็กินแค่ผักและเต้าหู้ เอาน้ำแกงมาราดข้าวแล้วก็กินไปพร้อมๆ กัน
   เช้านี้ที่ร้านงานไม่ค่อยเยอะ ช่วงใกล้ปลายเดือน ขายไม่ค่อยดี ดูเหมือนผู้คนจะไม่ค่อยใช้จ่ายกัน ร่างกายดีขึ้นเยอะมากจนใกล้ปกติ น่าจะสัก 80-90% แล้วล่ะ จะมีก็แค่ตอนช่วงเย็นๆ ดูเหมือนจะตกๆ ลงไปหน่อย

ผมไปโพสหาร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์โบราณในเวปจักรยาน พี่จั๊ว (พี่ที่อยู่ใกล้บ้าน) บอกลงรูปให้ดูหน่อย จะช่วยหาร้านให้ เขาก็หวังดีล่ะนะ แต่ผมไม่อยากเอารูปลง กลัวคนคิดไปว่าต้องการจะอวดรถ คิดมากไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไม่อยากให้คนอื่นหรือใครเขารู้ว่ามีรถพวกนี้แนวนี้
   อันที่จริงก็พอจะได้คำตอบที่เคยถามไว้ในเฟซบุ๊คแล้วล่ะครับ ขั้นแรกนี้ผมเลือกร้าน Piston ดูภาพแล้วร้านเขาใหญ่โต ทำรถ Harley Davidson โดยเฉพาะ จุดนี้สำคัญครับ เพราะเขาจะได้หาอะไหล่ให้ผมได้ง่าย โดยเฉพาะเรื่องระบบไฟที่ยังไม่รู้จะเอายังไงดี เล่น 6V หรือแปลงเป็น 12V ดี ไม่รู้ว่าจะมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง ไหนจะยังเรื่องของสไตล์ของรถอีก
   โอเค มันเป็นรถโบราณ แต่ผมเบื่อการทำรถแบบเดิมๆ แล้ว มันเหมือนแค่เอาเงินไปทุ่มใส่รถ คิดอะไรไม่ออกก็ไปหาของเดิมๆ มาใส่ สุดท้ายพอเจอกันในงาน Bike Show แม่งก็เหมือนหลุดออกมาจากแคตตาล็อคเหมือนกันหมด
   การแต่งรถของผมมันต้องใส่สไตล์ของตัวเจ้าของเองลงไปด้วยครับ ยกตัวอย่างเจ้ารถธนูไฟของผมแต่ละคันที่ผ่านมานั่นแหละ ทุกคนล้วนมีบุคลิกของมัน บางคันไม่เห็นจะต้องตกแต่งอะไรมากมาย แต่เห็นปุ๊บนี่ใช่เลย พี่เปิ้ลมาแล้ว
   ผมอยากเอาความเป็นตัวเองมาใส่ไว้ในเจ้ามอเตอร์ไซค์คันนี้ด้วย นี่ผมไม่ได้มีกลุ่มมีแก๊งค์อะไรกับเขาเลยนะ ทำออกมาผมก็ขี่เล่นแถวบ้านเหมือนเดิมนี่แหละ ขี่ไปตลาดนิดหน่อย ทริปทางไกลก็อย่าหวังว่าจะไป ผมตามใครเขาไม่ทัน
   เริ่มมองหาสไตล์ที่จะสั่งทำรถ แน่ล่ะ ชอบแบบไม่ซ้ำใคร และเชื่อว่าชาวมอเตอร์ไซค์ก็คงไม่มีใครชอบทำให้รถออกมาซำกัน จุดนี้ต่างจากพวกเด็กซิ่งนะ ไอ้พวกนี้แปลกมาก หาเงินก็ยังไม่ได้ ความคิดยังเสือกคิดเองไม่ได้อีกด้วย ชอบแต่งรถลอกแบบมาจากหนังสือต่างประเทศ เห็นแล้วโคตรตลกปนเศร้าเลย
   เห็นนิดเห็นหน่อยยังพอว่า ผ่านมาเป็นสิบปี พอไอ้รุ่นเก่าเริ่มฉลาด ดันมีรุ่นใหม่แจ้งเกิดมาดำเนินรอยตามอีกแล้ว ดังที่เราจะเห็นพวกรถที่มีมิเตอร์วัดเยอะๆ วางเรียงรายเต็มหน้าปัด เชื่อไหมว่าหลายๆ คนยังไม่รู้เลยว่าไอ้ค่าต่างๆ ที่โชว์น่ะ มันสำคัญอย่างไร แล้วรถของตัวเองจะต้องโชว์ค่าที่เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าปกติหรือปลอดภัย
   “ติดโชว์หญิงพี่” น้องคนหนึ่งตอบผมแบบจริงใจ ไอ้หมอนี่แมนดีครับ ผมชอบมัน
   บ้างก็ตอบว่า “ติดเอาเท่ เห็นรถแต่งรถแข่งแรงๆ เขามีกัน ก็เลยอยากมีบ้าง เรียกว่าสร้างฟีล” ไอ้คนนี้ก็ใช้ได้ เปิดเผย พอคบได้
   แต่ถ้าถามเจ้าของรถล่ะก็ รับรองว่าจะได้คำตอบในเชิงเรซซิ่งอย่างถึงที่สุด แต่ที่แอบขำในใจคือเป็นรถเครื่องเดิมๆ เกียร์ออโตฯ ขับไปเรียนเช้าไปเย็นกลับ วิ่งสนามก็ตามงานที่เพื่อนๆ เฮกันไป หรือในกลุ่มเขาส่งข่าวสารมาบอก
   มันก็เรื่องส่วนตัวของเขาล่ะนะ ผมไปเสือกไรด้วย ก็จริง ก็ใช่ แต่ที่อยากเสือกก็เพราะพวกมึงใช้เงินพ่อแม่ไม่เป็น แปลง่ายๆ คือบ่นเพราะสงสารพ่อแม่พวกมึง
   แต่งรถ เล่นรถให้มันแค่พอสนุก เอาให้เกิดทักษะฝีมือบ้าง จะได้ต่อยอดสำหรับตัวเองตอนโตขึ้น อย่าไปใช้เงินพ่อแม่มากมายจนเว่อร์ เห็นคนมีเงินเล่นรถแล้วไม่ต้องไปทำตามเขาทุกอย่างก็ได้
ใช้เงินน้อยๆ ใช้สมองเยอะๆ ตั้งเป้าหมายวัตถุประสงค์ของการทำรถ ถ้าเป็นการแข่งก็ต้องวางโครงการมองหาสปอนเซอร์เพื่อช่วยหาเงินมาผ่อนแรง แต่การที่จะได้สปอนเซอร์มาล่ะ เราต้องทำตัวอย่างไรบ้าง ถ้าไม่หล่อ ไม่รวย ไม่มีชื่อเสียง จะมีวิธีใดบ้างไหม มีสิครับ มีอีกหลายวิธีด้วย
ผมเคยผ่านเรื่องเหล่านี้มาก่อนทั้งนั้นถึงได้กล้าด่า ตอนผมขับดริฟท์แข่งงานเล็กๆ ก็ได้สปอนเซอร์จากพี่อ๋อง Ray Techno Service และร้านขายล้อขายยางแถวลาดพร้าว แล้วก็ค่อยขยับขยายไปเรื่อยๆ จนมาได้สปอนเซอร์เป็นร้านยางแถวเพชรเกษม ร้านสหรุ่งโรจน์ (SRR) เพราะช่วงหนึงขับที่ไทยแลนด์เซอร์กิตบ่อย โดยมากจะไปกับเล็ก Project M ขับไปก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ โดยที่รถผมยังใช้เครื่องยนต์เดิมๆ ทุกอย่างอยู่เลย จะเปลี่ยนเป็นของแต่งก็ต่อเมื่อของเดิมพัง และของแต่งนั้นมันต้องดีและทนกว่าของเดิมถึงจะเอา ไม่งั้นก็จะใช้ของเดิมต่อไป
เล่าแล้วชอบโยงไปนอกเรื่องทุกที ถ้ามีพิธีกรช่วยตบๆ ให้เข้าที่เข้าทาง คงได้สาระไปไม่น้อย
เข้าสู่เรื่องมอเตอร์ไซค์กันต่อ
การบูรณะรถโบราณส่วนใหญ่ก็จะทำออกมาแนวเดิม ไอ้แบบนี้ง่ายสุด คือหาของเดิมตรงรุ่นมาใส่ ชิ้นไหนแพง หายาก ก็อาจมีสินค้าที่ผลิตขึ้นมาใหม่มาขาย แต่ถ้าเจอของเก่าแท้แบบเก่าเก็บราคามักจะแรง ของแนวนี้เรียกว่า NOS – New Old Stock แต่ไอ้ NOS นี่ไม่ใช่ว่าจะดีไปทุกอย่างนะครับ สมัยผมใช้ VW Bus ยางกระจกหน้าแบบ Safari หายากมาก ผมใช้ของเทียบมาใส่แทน โคตรถูกเลย เส้นละ 180 บาทมั้ง ในขณะที่เพื่อนในกลุ่มอีกคนใช้ของแท้ สั่งมาจากบราซิล เส้นละ 2500 หึหึ ใช้ได้แป๊บเดียว ยางกรอบแตก เพราะมันเก่าเก็บ
ทำรถให้สร้างสรรค์ต้องใช้สมองให้มากกว่าเงินครับ ผลงานออกมาก็จะมีความสุข และสนุกกับมัน   
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest
« Reply #21 on: November 22, 2014, 06:46:12 pm »
22 พย 57
   สองจิตสองใจว่าจะออกกำลังกายดีไหมนะ แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ วิ่งเบาๆ หรือจะขี่จักรยานเบาๆ ดี คิดไปคิดมาก็เอาแบบง่ายสุดครับ เลือกเอาจักรยานออกขี่ เพราะไม่ต้องแต่งชุดหรือจัดเตรียมอะไรสักนิด ใส่รองเท้าแตะ และขี่มันชุดอยู่บ้านง่ายๆ นี่แหละ
   ขี่ขำขำ ไม่อยากออกนอกเส้นทางมาก เบื่อตรงหมาไล่กวดนี่แหละ กลัวโดนกัดก็หนึ่ง ผลต่อเนื่องก็คือถ้าโดนกัดแล้วจะต้องเป็นแผล หรือเกิดหนี่จนรถล้ม หรือเกิดอุบัติเหตุอื่น ฯลฯ โอ้ แม่งยาววว
   ฉะนั้น ผมจึงรู้สึกเฉยๆ ตอนได้รับข่าวว่าหมาโดนฆ่า โดนวางยา โดนแขวนคอ หรือเหี้ยห่าอะไร แต่ก็ไม่ได้สะใจนะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ต้องถามด้วยว่าไปทำอะไรกับใครเขาไว้บ้างล่ะ
   แต่คนดูคลิปทั่วไปก็จะก่นด่าสาปแช่งคนฆ่าหมาแทบทุกคน หารู้ไม่ว่ามันมีเรื่องราวมาก่อนหน้านั้นอีกมาก กัดเด็ก กัดคนแก่ ไล่กวดคนขี่จักรยานจนรถเขาล้ม และอีกมากมายสารพัดที่เจ้าของเลี้ยงแบบปล่อยมันให้โตนอกบ้าน ขี่เยี่ยวได้ทุกที่ยกเว้นหน้าบ้านตัวเอง จนเจอคนที่เขาขี้เกียจทนก็เลยเป็นเรื่อง
   ไม่ต้องที่ไหนไกล ไอ้ร้านขายที่นอนหน้าปากซอยบ้านผมเอง เพิ่งมีบางแก้วมาตัวหนึ่งไม่นาน วิ่งไล่จนผมทนก็แล้ว พูดดีๆ ก็แล้ว อาทิตย์ก่อนให้ควย ให้เหี้ยไป ก็รู้สึกดีขึ้น แต่ถามหน่อย มันจะมีคนทนได้อย่างผมเยอะสักแค่ไหนกัน
   ลดเนื้อสัตว์มาหลายวันชักติดใจ เช้านี้กินผัดผักบุ้ง และลาบเห็ด กับข้าวกล้องสีม่วง แล้วก็ออกไปทำงาน มิวงดเรียนพิเศษ 1 วัน เพราะจะไปเชียร์บอลจตุรมิตรกับเพื่อนๆ ผมก็สงสัยว่าทำไมต้องไปกับเพื่อน เขาบอกครูสั่งให้ไปเป็นกลุ่ม อย่าไปคนเดียว จะอันตราย
   โถๆ ๆ  แต่ผมก็เข้าใจครูครับ ครูท่านก็เน้นปลอดภัยไว้ก่อน แถมเป็นเด็กเพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่กี่เดือนเอง
   
   ฟุตบอลจตุรมิตรจบลงแล้วในวันนี้ คนอื่นเขาสนใจแต่ในเรื่องของการแข่งขันว่าจะชนะใคร ชนะหรือไม่ ได้แชมป์หรือเปล่า พวกศิษย์เก่าก็ได้เทคโนโลยีของมาร์คจึงรวมตัวกันติดได้ง่าย ยกขโยงกันไปเชียร์มากมาย
   ผมเคยอยู่ในบรรยากาศแบบนั้นมาหมดแล้ว เป็นคนแปรอักษรตลอด 3 ปีที่อยู่อัสสัมชัญ และอีก 2 ครั้งตอนอยู่สวนกุหลาบ
   ทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตัวเองแหละครับ คนแปรอักษรก็แปรไป นักกีฬาเขาก็แข่งกันไป กองเชียร์ก็เชียร์กันไป แต่ที่แปลกคือ ไอ้กองเชียร์นี่แหละมักจะเป็นตัวปัญหาของสารพัดเรื่อง
   เชียร์ด่าหยาบคาย ด่านักกีฬา ด่ากรรมการ (สมัยก่อนมีเอาเหล้าเบียร์แอบเข้าไปกินด้วย ไม่รู้ปัจจุบันมีอยู่ไหม) สุดท้ายก็ด่ากองเชียร์ฝ่ายตรงข้าม มึงด่าแล้วมึงก็กลับบ้านไป แต่เด็กนักเรียนที่ใส่เครื่องแบบเขาต้องมารับภาระของพวกมึงไปอีกนาน แต่ยังดีที่ 4 โรงเรียนนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียง (บางคนเรียกให้เท่ว่า Big Four) เลยพอจะควบคุมบังคับได้ง่ายหน่อย แต่ก็มีพวกศิษย์เก่าที่เพิ่งจบไฟแรงและเกเรอยู่บ้าง
   ส่วนตัวผมมองข้ามเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้วดังที่เล่าไปตอนวันเปิดจตุรมิตร ผมอยากให้ 4 โรงเรียนนี้มาร่วมมือกันผลิตบุคลากรเพื่อพัฒนาประเทศกันดีกว่า ถ้าจะแข่งขันก็ให้แข่งกันที่ว่าศิษย์เก่าค่ายใดจะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้มากกว่ากัน
   แบบนี้แมนกว่ากันเยอะ แถมเป็นความภาคภูมิใจของตัวเองและวงศ์ตระกูลไปตลอดชีพ โรงเรียนต้นสังกัดก็พลอยมีชื่อเสียงตามไปด้วย
   ผมไม่คุ้นกับกองเชียร์ของโรงเรียนอื่นเลยไม่ขอเล่าถึง คุ้นแต่ของสวนกุหลาบ เพราะมีศิษย์เก่ามากมายแถมรวมตัวกันติดเป็นกลุ่มใหญ่โดยไม่ต้องอาศัยพลังของอินเทอร์เนทเข้ามาช่วย
   อยากให้ศิษย์เก่าเป็นผู้นำด้านการเชียร์ให้แก่น้องๆ รุ่นหลังครับ อย่างไอเดียผมในปีนี้ก็คือเอาเพลง Cup of life ของ Ricky Martin ที่ใช้ฟุตบอลโลก เอามาแต่งใส่เนื้อไทยแล้วทำใบปลิวแจกให้น้องๆ รุ่นหลังช่วยกันร้องบนสแตนด์ แบบนี้สนุกกว่าเยอะครับ สนุกกว่าที่จะมาตะโกนด่ากัน ฟังแล้วหดหู่ว่ะ นี่ขนาดผมไม่ได้ไปนะ ถ้าไป ก็คงขอเลิก เดินลงสแตนด์กลับบ้านไปอย่างเซ็งๆ
   เฮ้ย โตแล้ว เป็นผู้นำน้องๆ เขาได้แล้ว นำเขาไปในทางที่ดี เขาก็จะเป็นแบบอย่างที่ดี ผู้ตามเองก็เช่นกัน เจอพวกศิษย์เก่าเกรียนๆ นำด่าก็อย่าไปให้ความสนใจมัน ร้องเพลงเชียร์ดังๆ กลบมันซะ แต่ก่อนหน้านั้นช่วยเอากล้องแอบถ่ายรูปชัดๆ มาหลายๆ รูปด้วยนะ ผมเชื่อว่าศิษย์เก่าทุกโรงเรียนล้วนอยากเห็นหน้าตาของไอ้คนเกรียนๆ ของสถาบันตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แล้วทีนี้ก็ให้ในกลุ่มเขาสั่งสอนกันเอง ผมว่าแบบนี้จบอย่างสวยๆ
   หลังจากวันนี้ก็คงไม่มีใครพูดถึงเรื่องฟุตบอลและกองเชียร์ไปอีกอย่างน้อยเกือบ 2 ปี จนปี 2016 ช่วยปลายปี ก็คงมีกระแสแนวนี้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง จะทำอะไรก็รีบทำ รีบแก้ไข นำข้อผิดพลาดมาเรียนรู้ และป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีก
   เรื่องง่ายๆ แต่ดันไม่ร่วมใจกันทำ แสดงถึงความไม่เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน
   
   ตลอดวันนี้ยังคงมาแนวงดเนื้อสัตว์ ไม่ได้เคร่งหรือถืออะไรหรอกนะ แค่อยากลองเปลี่ยนวิถีชีวิตไปจากเดิมบ้าง ไอ้การที่ไม่สบายของผมนี่มันก็คือสัญญาณบ่งบอกว่าเราอยู่ในสภาพเดิมเกินไป
   เย็นจัดเตรียมจักรยานไว้ แต่ก็ยังไม่มีเป้าว่าจะไปไหนดี คงต้องรีบสรุปแล้วล่ะ เพราะไม่งั้นตื่นเช้ามาคิดไม่ออกอีก ก็ออกวิ่งแบบเดิมๆ แล้วมันจะเปลี่ยนวงจรชีวิตไปได้อย่างไรกันเล่า
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest
« Reply #22 on: November 24, 2014, 05:11:06 pm »
23 พย 57
   กลางคืนนอนหลับๆ ตื่นๆ จะพยายามคิดให้ออกว่าขี่จักรยานไปไหนดี สุวรรณภูมิก็ไม่เคยไป แม่งไกลมาก แถมร้อนโล่ง มีแต่พวกเสือหมอบ คนเยอะ ไม่ค่อยใช่แนวเรา หรือจะไปบางกระเจ้าอีกดี อันนี้ร่มรื่นชื่นใจ หรือจะไปพุทธมณฑลดีไม่ได้ไปมานานเป็นปี แต่ถ้าเอาง่าย สะดวก ก็ชายทะเลแล้วต่อไปยังมหาชัยนี่แหละ ใกล้ สะดวก ไปบ่อยมาก
   ตื่นเช้ามายังลังเลต่อเลยนะ เอ จะขี่ไปไหนดีน้า แต่มั่นใจแล้วล่ะว่าต้องเอาจักรยานออกบ้าง วิ่งบ่อยมากเกินไปแล้ว จนกลัวว่าทักษะด้านจักรยานจะหายไป
   ยังดีที่จัดเตรียมชุดจักรยานเอาไว้ล่วงหน้า วันนี้เอากางเกงจักรยานตัวเก่าตัวแรกที่ยางยืดขอบเอวมันเสียชีวิตไปนานแล้ว เปลี่ยนยางยืดใหม่ ยังไม่เคยลองใช้เลย วันนี้ได้ฤกษ์เอาไปลอง น่าจะเป็นกางเกงที่ดีที่สุดแล้วนะ เป้าทำจากหนังชามัวร์อิตาลี ยี่ห้อ Nalini
   กางเกงอายุ 20 ปี แว่นก็อายุ 20 ปี เท่ากับอายุรถจักรยานครับ จัดมาพร้อมกัน เลยจำง่าย เริ่มต้นตั้งแต่ปี 94 ผมซื้อจักรยานร้านพี่เหลียง ซอยมหาดไทย
   
   หมดมุขครับ ไปมหาชัยแบบเดิมก็แล้วกัน ซัดกล้วยน้ำว้า 1 ผล แล้วก็ออกเดินทางกันเลย วางแผนว่าจะไปกินมื้อเช้าที่ McDonald แถวเซ็นทรัลพระราม 2 แต่พอถึงก็เจอแก๊งมอไซค์ เลยไม่อยากเข้าแล้ว ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่ผมก็เคยขี่มอไซค์มาก่อนเหมือนกัน แต่ผมขี่คนเดียวมั้ง พอรวมกันเป็นกลุ่มแม่งดูเหมือนกุ้ยว่ะ
   อ้าว ผิดแผนสิมึง แล้วจะกินมื้อเช้าที่ไหนดีล่ะ มีตลาดอีกแห่งกลางทาง เดี๋ยวลองแวะดู ขี่มาเรื่อยๆ ฟ้ายังไม่สว่างเลยนะ ผมออกจากบ้านมา 0530 อัดซัดยาวมาตลอด วอร์มขานิดเดียวรู้สึกได้เลยถึงพลัง เมื่อวานโหลดคาร์โบฯไว้เยอะ กินโดนัทแบบอบไป 4 ชิ้นเล็กๆ ยังมีลูกชิ้นทอดอีกถุง หึหึ
   ไม่ได้ขี่ทางไกลมานานมั้ง ร่างกายแม่งโคตรสดเลย ปกติผมจะขี่แค่ 20 ตอนนี้ซัดไป 30 บางช่วง 35 ลากกันยาวๆ โหหห ไม่น่าเชื่อว่าการวิ่งมาหลายเดือน ทำให้เราทรงพลังเพียงนี้
   ผ่านตลาดก็แค่ชำเลืองมองดู รู้แต่แรกแล้วล่ะว่าจะเจออะไรบ้าง หมูย่างแบบมีเนื้อครึ่งเดียวท่อนล่างเป็นมันหมูล้วนๆ ใส่มาทำเหี้ยไรก็ไม่รู้ น่าแปลกนะ เพราะไอ้แบบนี้ผมเพิ่งเคยเห็นมาสักสิบกว่าปีหลังมานี้เอง ตอนเด็กๆ นี่กินหมูย่างอย่างอร่อยเลย เลือกได้ว่าจะเอาแบบเนื้อล้วนหรือแบบเนื้อติดมัน
   แต่ทุกวันนี้มีแบบมันล้วน หรือมีปนเนื้อนิดๆ ฮ่วย แดกแล้วไม่น่าอายุยืน
   ไม่ได้กินครับ ซัดอัดต่อไปเรื่อยๆ แรงยังดี ซัดยาวววว จัดไป
   ตอนเช้าอากาศเย็นสบาย ลมแรงครับ โต้ลมกันเพลิน แต่มีมือชาเป็นระยะ สงสัยอ่อนซ้อมว่ะ แก้ด้วยการเปลี่ยนตำแหน่งจุดวางมือไปเรื่อยๆ พอช่วยได้เหมือนกัน
   เออ เจอเรื่องน่าแปลกที่ชาวจักรยานทำไมไม่ชอบใช้ทางจักรยานที่เขาทำไว้ตรงทางเบี่ยงสะพาน ?
   พวกจักรยานจะขี่ตรงพุ่งขึ้นสะพานไป ทำให้เสียเลนไป 1 แม้จะบอกว่ากูขี่ชิดซ้ายแล้ว แต่เพื่อนครับ ถนนมันมีเลนเดียว พี่ขี่ซ้าย รถยนต์เขาก็ไปไม่ได้อยู่ดี คนขี่ไม่รู้ตัวหรอกครับ เพราะขี่เพลินๆ แถมรถยนต์ก็ไม่กดแตรไล่ (เขามีมารยาทพอ) รถยนต์ก็เลยเบรกไปซะ รอพวกพี่ขี่ผ่าน แล้วเขาถึงแซงไป
   แปลกว่ะ ไหนว่าเรียกร้องทางจักรยานกันไง นี่ไง เขาทำสะพานทางเบี่ยงอย่างสวย เรียบกริบ (ซ่อมแล้ว) แค่ขี่อ้อมหน่อยเดียว เฮ้ยย กูงง โคตรอะเมซิ่งเลย
   ผมขี่ดูกลุ่มใหญ่ กลุ่มเล็กที่นำหน้า ต่างไม่มีใครใช้ทางเบี่ยงเลยแม้แต่คันเดียว !!!
   โอเค สะพานทางเบี่ยงอาจมีคนมานั่งตกปลาบ้าง หรือมีอะไรบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราไปเบียดเลนของรถใหญ่เขาแทน
   นิสัยแบบนี้ พฤติกรรมแบบนี้ สังคมพัฒนาช้า ก็ไม่ต้องโทษใครกันนะครับ

   อีกแป๊บเดียวผมก็มาถึงสามแยก ฟ้ายังเพิ่งสว่างได้ไม่นาน อากาศยังเย็นอยู่เลย โหห วันนี้ขี่ได้มันส์โคตร เลือกเลี้ยวขวาไปท่าฉลอม เป้าหมายของวันนี้
   ขี่ไปได้หน่อยเดียวก็เจอร้านขายข้าวข้างทาง ขายโจ๊ก ไข่กระทะ เออๆ น่าสนใจ ลองๆ สั่งไข่กระทะพิเศษ 1 จาน
   โหห รสชาติไม่น่าประทับใจเลย หวานเจี๊ยบเพราะใส่เนย ไม่มีซ้อสปรุงรสแบบแมกกี้ให้ แถมขนมปังปิ้ง 1 แผ่น แต่ดันทาเนยห่วยๆ และโรยน้ำตาลหนาเป็นปึกมาให้ ต้องเขี่ยทิ้งจนหมดแผ่น
   ทนกินไปจนหมดเพราะร่างกายต้องใช้พลัง พอกินหมดก็นึกขึ้นได้ เฮ้ยย นี่เอากระทะอลูมิเนียมมาเสิร์ฟเราหรอ มันมีสารพิษเพียบเลยนะ ไอ้อลูมิเนียมแบบนี้ใช้เสิร์ฟอาหารไม่ได้ๆ ๆ ๆ
   หันไปมองอีกที ป้ากำลังใช้จานอลูมิเนียมตั้งบนเตาไฟแทนกระทะเลย (ถึงได้เรียกไข่กระทะไง) อลูมิเนียมเกรดห่วยๆ โดนไฟโดยตรงซึ่งเกิน 100C แน่นอน มันก็จะคายสารพิษออกมา หึหึ มึงๆ ๆ ๆ ๆ กูด้วย โดนกันไปซะ
   ใครสนิทกับป้า ช่วยไปบอกหน่อยนะ ผมมาขี่จักรยานเพื่อสุขภาพที่ยืนยาว อย่าให้มาอายุสั้นเพราะสารพิษในอลูมิเนียมเลยครับ
   ติดแล้วต้องก่อด้วย ตามสไตล์ผม
   ป้าใช้เป็นสแตนเลสแบบ Food Grade แทนครับ แต่ถ้าจะให้สวยนะ เสิร์ฟด้วยชามกระเบื้องแบบหม้อดินดีกว่า ดูน่ากินกว่าเยอะ ตอนทำป้าก็ทำในกระทะธรรมดานี่แหละครับ แล้วค่อยตักเสิร์ฟใส่หม้อดิน ทำแบบนี้นะป้านะ ๆ ๆ ๆ
   แล้วก็ไม่ต้องใช้มาการีนแบบปี๊บห่วยๆ แทนน้ำมัน ป้าใช้น้ำมันทำอาหารนี่แหละครับ ทำไข่กระทะเหมือนเดิม แบบเดิม บนโต๊ะก็มีแม็กกี้สักหน่อย ส่วนขนมปังที่แถมให้ก็เป็นขนมปังเปล่าพอครับ จบแบบสวยๆ อร่อย และวินๆ
   เรากินก็ไม่เสียสุขภาพ ป้าขายของก็จะมีคนมากินต่อเนื่อง ไม่ได้ให้สารพิษมาฆ่ากันทางอ้อม
   หลังจากกินเสร็จก็ขี่ต่อ ปั่นไปได้หน่อยเดียว เฮ้ยย งง แรงตก !!!
   เขามีแต่ได้พัก ได้กิน แล้วมีแรง แต่ผมเสือกแรงหาย เฮ้ยย ทำไม ๆ ๆ ๆ
   ตลอดทางนี่ 30 ตอนนี้เหลือ 20 ไม่เป็นไร ประคองๆ ไป สงสัยจะโต้ลม แต่ก็ก้มมองล้อไปตลอดทาง สงสัย เอ๊ะ รถกูยางแบนหรือเปล่าวะ
   ผมไปถึงท่าฉลอม นั่งเล่นรับลมอยู่พักใหญ่เลยนะ เติมพลังด้วยงาแผ่นอบ 1 ซองถอดเสื้อยืดออกเก็บใส่กระเป๋า เปลี่ยนเป็นเสื้อจักรยานแทน ใส่ผ้าคลุมหน้า ถุงมือ แว่น ใส่แบบเต็มยศ ตอนนี้เป็นชุด All Black อีกแล้ว
   ออกขี่ปุ๊บ แม่งเฮ้ยย อีกแล้ว เฮ้ย เพราะสงสัย ทำไมเรี่ยวแรงหายไปไหน พักนานไปหรอ นี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเองนะ ทำไมๆ เกิดอะไรขึ้นกับกู สงสัยๆ
   ขี่ไป คิดไป ขี่ได้แค่ความเร็ว 15-18 งงสิ เร่งไม่ค่อยขึ้น กล้ามเนื้อต้นขาไม่มีแรงกดเลย ไอ้ที่เราคิดเมื่อเช้าว่าวิ่งแล้วแรงดีนี่มันไม่ใช่แล้วล่ะ มันดีจริงแต่ไม่ใช่กับกล้ามเนื้อที่ใช้ปั่นหรอก เมื่อเช้าน่ะ ผมคิดไปเองล้วนๆ เลย
   สาหัสแล้วสิมึง กว่าจะถึงบ้านนี่อีกไกลมากเลยนะ เอาว่ะ แดดยังไม่แรงก็ค่อยๆ ปั่นไป เชื่อไหมว่าผมซัดได้แค่ 12-15 เจอสะพานนี่เหลือเลขตัวเดียว เจอศาลาข้างทางนี่ผมงี้ปรี่เข้าไปจอดพักเลย แต่พักแล้วก็ดีขึ้นหน่อยเดียวนะ ทำไมมันช่างต่างจากตอนเช้าแบบคนละโลกเลยวะ ผมพักไป 3 รอบ รอบละ 15 นาที ทั้งๆ ที่เส้นทางนี้ปกติผมซัดรวดเดียวถึงบ้าน !!!
   อ๋อ รู้แล้วล่ะ แรงหมดเพราะเมื่อเช้าโหมอัดแน่เลย ไม่ได้ขี่มานานจึงรู้สึกสนุก กดเพลินเกินกำลังซ้อม แม้เราจะวิ่งมามันก็ทำให้เราเหนื่อยช้า แต่กับกล้ามเนื้อขานี่คนละเรื่องกัน
   เป็นบทเรียนครับว่าอย่าโหมอัดถ้าไม่แน่จริง
   ซมซานกลับมาถึงบ้าน 1100 บอบช้ำมาก อาบน้ำ พักผ่อน แม่บ้านทำเกี๊ยวทอดมาให้ โหห ของทอดเลยหรอ แต่ก็กินนะ หิวว่ะ เปิดตู้เย็นเจอต้นหอม เลยปอกมากินสดๆ แกล้มกับของทอด กินไป 1 กำสิบกว่าต้น หึหึ
   อิ่มท้องก็ง่วงครับ นอนบนเก้าอี้ก็แอบหลับไปสัก 10 นาที แต่ยังคงเพลียๆ อยู่หน่อย หลังจากนี้ก็อยู่บ้านตลอดวัน หมดแรงแร่ด
   
   เมื่อคืนมีแผ่นดินไหวที่นากาโนะ ภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น นิวยอร์คเจอพายุหิมะถล่มหนักสุดในรอบ 40 ปี จีนก็มีแผ่นดินไหวจนมีผู้เสียชีวิตไปหลายคน
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest
« Reply #23 on: November 24, 2014, 05:13:11 pm »
24 พย 57
   เอาจักรยานออกขี่ซำด้วยความข้องใจ ค้างคาใจจากเมื่อวานว่าทำไมเราถึงแรงตกฮวบเหมือนโดนวางยา ขี่ไปแค่ 25 นาที รู้สึกช่วงรถมันแปลกๆ เอ๊ะ หรือว่ามันเช้าเกินไป ร่างกายยังไม่ตื่น ขี่ไปคิดไปเรื่อยๆ นึกอยากลองปรับแฮนด์ให้สูงขึ้นมาสักหน่อย เพราะเซ็ทติ้งตอนนี้แฮนด์ต่ำกกว่าเบาะประมาณ 2 นิ้ว
   แต่ก็ยังไม่ได้ปรับหรอกนะ นึกไปเรื่อยๆ น่ะ มองโน่นมองนี่ มองช่วงขา สุดท้ายก็ลองปรับเบาะสูงขึ้นหน่อย
   อ้าว เบาะเรารูดลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เลื่อนลงมาราว 1 ซม แน่ะ โหห แล้วนี่เมื่อวานกูขี่ไปตลอดทางแบบนี้ หึหึ
   
   เช้านี้คุยกับ “ป๋าโน” เจ้าของเวป ThaiMTB หลังจากเมื่อวานนี้ป๋าส่งสัญญาณบอกทางเฟซบุ๊คว่าลาออกจากงานประจำแล้ว ใครมีอะไรน่าสนใจลองมาคุยกันดู
   บ๊ะ ผมงี้รีบเสียบเลย ส่งข้อความไปบอกว่าผมอยากทำนิตยสารจักรยาน วางแผนไว้ค่อนข้างครบ งานนี้ผมต้องการป๋าเท่านั้นมาร่วมทีม
   คุยกันพักใหญ่ ป๋าไม่ค่อยเข้าใจแนวทางของธุรกิจนี้ ป๋าจะถนัดพวกเวป อะไรทำนองนี้ ก็ต้องอธิบายกันไปพอควร แต่ก็ไม่รู้นะว่าป๋าจะเอาอย่างไร
   ป๋าเป็นคนที่ 3 ในไทยที่ผมเสนอขายไอเดียด้วย 2 ครั้งแรกฟรีเซนต์แล้วก็โดนเขาเอาไปแดก ครั้งแรกเสนอค่ายกรังปรีด์ ครั้งที่สองเสนอให้ค่ายกระทิงแดง ทั้งสองครั้งผมคุยกับลูกชายเจ้าของบริษัทโดยตรง นั่งคุยกันอย่างกันเองตัวต่อตัว หลังจากนั้นก็เข็ดไปสิบกว่าปี ยังคงมีไอเดียแรงๆ ออกมาเรื่อยๆ แต่ก็กลัวเจ็บซ้ำ เลยไม่ได้คุยกับใคร
   มาวันนี้เห็นว่าโอกาสเหมาะ แม้ว่าผมจะยังไม่พร้อมเต็มที่ แต่ถ้าป๋าว่าง ผมอยากได้ป๋ามาร่วมทีมนะ ผมว่าปิดประตูเจ๊งเลย
   ไม่เร่งรัดเขาครับ ผมพูดในส่วนของผมจบหมดแล้ว ที่เหลือก็คือรอป๋าตัดสินใจ เขาอาจจะสน หรือไม่สนก็เป็นไปได้
   แต่.. หวังว่าป๋าคงไม่ไปทำหนังสือกับคนอื่นนะ ยังไม่อยากให้เกิดครั้งที่ 3 ขึ้น

   กลางวันแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง รสชาติไม่ค่อยอร่อยอยู่แล้ว มาวันนี้ลวกเส้นบะหมี่จนเละ จบข่าวเลย กินใส่ปากไปแบบงั้นๆ เสียดายเงิน รู้สึกเผ็ดปาก หาเรื่องกินไอติมใน 7-11 จำโฆษณาไอติมแบบโคนในทีวีได้ ถือโอกาสลองชิม คอนเนตโต เรด เวลเวท รสชาติกลางๆ
วันนี้ครึ้มๆ ตลอด นี่ถ้าเป็นช่วงสัปดาห์ก่อนจะนึกอยากเอาจักรยานออกขี่ แต่วันนี้ไม่เอาแล้วล่ะ ขอพักก่อน เมื่อวานเพิ่งจะซัดมา 80 กม
   เข้ามาบ้านตอนบ่ายก็วางแผนงานของปีหน้าต่อ ไอ้งานของตัวเองน่ะพอจะเข้าใจและควบคุมได้ แต่งานของที่บ้านนีสิ่ มันเหนือการควบคุมและเหนือจิตนาการจริงๆ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest 23 ทริป fail
« Reply #24 on: November 25, 2014, 06:04:02 pm »
25 พย 57
   ยังไม่หายข้องใจ เอาจักรยานออกขี่ซ้ำ แถมเพิ่มความเร็วให้มากกว่าเดิม ซัดไป 30 นาที ชักอยากลองปรับแฮนด์ให้ยกสูงขึ้นหน่อย เอาไว้ว่างๆ ค่อยทำ
   วันนี้ขี่เร็ว เริ่มรู้สึกว่าแขน หลัง ไหล่ มันรับน้ำหนักมากขึ้น เอ๊ะ ไม่ใช่สิ มันรับน้ำหนักเท่าเดิมนั่นแหละ แต่ร่างกายท่อนบนของตัวผมเองคงอ่อนแอลง เลยเริ่มรู้สึกมีตึงๆ ล้าๆ มากกว่าปกติ
   ดีนะ ที่เรารู้จุดอ่อนของร่างกายเราเอง ก็จะได้เพิ่มความแข็งแกร่งในจุดนั้นเสีย นี่ผมยังไม่ได้ไปทริปที่ไหนมานานมาก แต่ถ้าจะขี่ขึ้นเขาล่ะก็ ต้องขอร่างกายท่อนบนที่แกร่งกว่านี้เยอะหน่อยครับ ไม่งั้นจะออกอาการกลางทางแน่นอน
   เช้านี้อาหารไทยคลาสสิค ผัดกระเพรากุ้ง ไข่ดาว ใส่ใบกระเพราเป็นกำเลยนะ กินผักเยอะๆ ฉุนๆ ดูซาดิสดี กินกับข้าวกล้องสีม่วงอ่อน (หน้าซองเรียกว่าไรซ์เบอรี่) ตลกดีนะ ทำไมต้องตั้งชื่อฝรั่ง และเลียนแบบคำว่าเบอรี่ของเขามาอีกด้วย
   ค่านิยมชมชอบฝรั่งมันคงซึมอยู่ในสายเลือดของชาวไทยเราไปหมดแล้วมั้ง สินค้าไทยเกินครึ่งในท้องตลาดต้องตั้งชื่อภาษาฝรั่ง แปลกแต่จริงว่ะ
บ่ายเอารถพ่อคันเก่าไปเข้าศูนย์ ไอ้รถคันนี้ดีตรงที่มีข้อความเตือนให้เข้าศูนย์ และบอกอีกด้วยว่าทำอะไรบ้าง อย่างครั้งนี้คือ Sercive C จะทำอะไรบ้างผมยังไม่รู้ แต่ช่างในศูนย์เขารู้ดี
   รถคันนี้อายุ 11 ปีแล้ว วิ่งไปราว 1 แสน กม ทิ้งรถไว้แล้วขี่ Neobike 16 กลับบ้าน คันนี้เป็นรถที่ผมขี่น้อยมากอีกคัน ขี่แล้วอารมณ์เหมือนยืมรถคนอื่นมาใช้ ไม่ถนัด ไม่คุ้น แต่ขีไปสัก 2 นาทีก็รู้สึกสบายดี รถมันเน่า เก่า โทรม ไม่เคยบูรณะสิ่งใดเลย
   ไอ้นี่เป็นรถอีกคันที่ราคาพุ่งพรวดเพราะประชาชนชาวเนทช่วยกันปั่น สมัยก่อนคันละไม่กี่พัน ตอนนี้ขายกัน 6000 ถ้ามีเกียร์จะอัพไปอีกถึง 7000 โหห พระพุทธ
   แต่ของที่จะปั่นขึ้นได้ ตัวสินค้าเองมันก็ต้องโอเคในระดับหนึ่งก่อนนะ รถ Neobike นี่ขี่ดีจริงๆ ครับ ผมมีทั้ง 14 / 16 เลย และยังมี 16 อีกคันที่เฟรมทรงแปลกๆ ผมเอาไว้ขี่ใช้งานที่ร้านขายของ ไอ้คันนี้ได้ขี่บ่อยมาก
   เล่าแล้วก็นึกถึงตัว 14 ที่จอดคอหักยังไม่ได้เชื่อมเลย ทิ้งไว้หลายปีแล้ว เกือบลืมไปเลยนะว่ากูมีมันอยู่ในชีวิตด้วย
   ช่วงเย็นท้องฟ้ามืดครึ้ม ต่างจังหวัดพอพระอาทิตย์ตกดินก็จะเย็นฮวบลงอย่างเห็นได้ชัด ชอบๆ บรรยากาศแบบนั้นขี่มอเตอร์ไซค์สนุกมากๆ สมัยก่อนกรุงเทพฯก็เป็นแบบนั้นนะ ยุคที่ผมยังขี่มอเตอร์ไซค์เล่นน่ะ ไม่ได้ขี่ไปไหนหรอก ไปแค่ลานพระรูป จอดรถแล้วนั่งคุยกันกับเพื่อนๆ กลุ่มรถยนต์เก่า ยุคนั้นมีแค่กลุ่ม VW / Mini ยังไม่มีหรอกนะพวก Old School / Flush พวกนี้เขามาจากอารยธรรมนักเรียนนอก มากันแบบเท่ๆ ส่วนของผมแนวโลโซ เล่นแบบ ดิบ เถื่อน ดุ ไม่มีน่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง ตุ้งติ๊ง
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest 23 ทริป fail
« Reply #25 on: November 26, 2014, 05:42:22 pm »
26 พย 57
   เช้านี้กลับมาวิ่งบ้าง ซัดไป 1.05 ชม เว้นไปหลายวัน นึกว่าจะเหี่ยว แต่เปล่าเลย ร่างกายโคตรสด เฮ้ยย ชอบๆ วิ่งไปราว 1 ชม นี่มันเหนื่อยกว่าจักรยานเยอะมากเลยนะ
   เช้านี้กินแกงจืดเต้าหู้หมูสับ กินกับข้าวกล้อง มื้อนี้ผักน้อยไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร ได้กินเต้าหู้แทน
   หลังจากคุยกันเรื่องโปรเจคหนังสือจักรยาน “ป๋าโน” ก็เงียบหายไป วันนี้ป๋าส่งข้อความมาคุยบอกว่าน่าสนใจดี พร้อมกับสอบถามเรื่องทีมงานว่าต้องใช้มากน้อยขนาดไหน ป๋าไม่คุ้นแนวนี้ ผมเลยอธิบายโมเดลของ Racing Club ที่ผมเคยทำไป แต่เชื่อเถอะว่าป๋างงเต็กแน่ๆ เพราะไอ้พนักงานแต่ละฝ่ายที่บอกมาทั้งหมดเริ่มจาก ผู้อำนวยการ บรรณาธิการบริหาร กองบรรณาธิการ ฝ่ายศิลป์ ฝ่ายโฆษณา ประสานงาน ช่างภาพ ฯลฯ ทั้งหมดที่บอกมานี้มันรวมอยู่ในตัวผมคนเดียว
   คุยกันได้แป๊บเดียวป๋าก็เงียบไป (คุยทางการส่งข้อความของเฟซบุ๊ค) อาจติดธุระ หรือกูขอไปนั่งคิดดูก่อน แต่มีความรู้สึกว่าถ้าจากนี้ไปอีก 7 วันยังไม่มีความคืบหน้า นั่นคือผมอดแดก และต้องลุ้นว่าจะมีหนังสือแนวๆ ที่ผมคิดนี้ออกมาวางแผงหลังจากนี้หรือเปล่า
   เรื่องของไอเดียว่ากันไม่ได้ครับ คิดเก่ง คิดก่อน แต่เสือกไม่ลงมือทำ คนอื่นเขาก็จัดไปซิครับ
   พวกค่ายรถยนต์ต่างๆ เขาถึงมีการโชว์นวัตกรรมไงล่ะ โชว์ไอเดียของค่ายตัวเอง และยังเป็นการ “ตีกัน” ค่ายคู่แข่ง ทำนองว่า เฮ้ยย นี่กูคิดก่อนนะเฟ้ยย
   
   แวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างถนนก่อนเข้าบ้าน ขอให้แม่ค้าใส่ผักบุ้งลวกกำใหญ่ๆ เข้าไปอีกหน่อย ได้กินผักเยอะๆ แล้วรู้สึกดีหน่อย กลับมาบ้านก็ลุยบ้านโปรเจค Renovate บ้านต่อ ไอ้งานนี้แม่งระดับโคตรยาก เพราะพื้นที่กว้างมาก กว้างเว่อร์ กำหนดฟังชั่นแล้วมันดูหลวมๆ จนผมต้องสร้างฟังชั่นพิเศษขึ้นมา เช่นห้องเก็บของ
   เพิ่มห้องเก็บของเข้าไปเพียบเลยนะ ช่องว่างระหว่างห้องหลักต่างๆ ผมจะเอาห้องเก็บของนี่แหละไปแทรกไว้เป็นระยะๆ น่าจะค่อนข้างลงตัวแล้วนะ แต่ถ้ายังมีเวลาเหลือ ผมก็ปรับมันไปเรื่อยๆ แหละ
   เจอบ้านทรงแปลกๆ อย่างนี้ก็สนุกดีเหมือนกันครับ ทำมันเป็นห้องโถงซะเลย ที่ทางประตูเข้าบ้านก็จัดตู้รองเท้าขนาดยักษ์เอาให้จุใจกันทั้งครอบครัว แถมเผื่ออีกมุมทำเอาไว้ที่โล่งเผื่อจะแต่งเป็นมุมจักรยาน
   
   เย็น “พี่อ๊อด” เอารถพ่อมาส่งให้ถึงบ้าน เป็นศูนย์เล็กๆ อู่นอกนะ แต่บริการดี อยู่ใกล้บ้านด้วยน่ะเขาเลยมารับส่งรถให้ได้ จ่ายเงินไปที ตัวเบาไปเป็นเดือนเลย เช็คแสน กม หมดไปเกือบสองหมื่น
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest 23 ทริป fail
« Reply #26 on: November 27, 2014, 06:09:12 pm »
27 พย 57
   เอาจักรยานออกขี่บ้าง สลับๆ กันไป วันนี้ใช้รถ KHS F20-W ไอ้นี่เป็นอีกคันที่ขี่น้อยเหลือเกิน ถ้าไม่ได้ใช้ฟังชั่นการพับนี่แทบไม่ได้แตะสักนิด ขี่ขำขำไปแค่ 30 นาที
   อาหารเช้าวันนี้ผักเพียบ ผัดผักบุ้ง ผัดเต้าหู้ถั่วงอก ไข่เจียวใส่มะเขือเทศสีดา ข้าวกล้อง เป็นอีกวันที่ไม่มีเนื้อสัตว์เลย
   
   รถพ่อเพิ่งทำมาเสร็จเมื่อวาน ได้ฤกษ์เอารถไปลองมันซะเลย เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง และเปลียนสายพานชุดใหม่ วิ่งลืนๆ ขึ้นหน่อย แต่ขับจริงผมไม่รู้สึกอะไรนักหรอกนะ รถยุคใหม่ผมเรียกมันว่า “ยานอวกาศ” มาเป็นสิบปีแล้ว รถมันเก็บอาการตลอด ขับแล้วสบายก็จริง แต่มันไปแบบทื่อๆ ลอยๆ
   มาตลกตรงที่อ่านหนังสือทดสอบรถมีคนบอกว่า “พวงมาลัยคม ตอบสนองไว กระชับ”
   โหห พี่ เลี้ยวที่แม่งยังกะขับเครื่องบินร่อนพี่ยังบอกว่าคม กระชับ อ่านหลายเล่มยังเจอคำชมแนวๆ นี้อยู่อีกเยอะเลยนะ
   เฮ้ยย เขาหรือเรากันนะที่ผิดปกติ !!! อ่านแล้วหงุดหงิด เหมือนตอนสมัยหนุ่มๆ เลย งั้นทำเองแม่งเลยละกันวะ และนั่นคือที่มาของนิตยสาร Racing Club ในอีกแง่มุมหนึ่ง
   เห็นหนังสือเขียนเชียร์ของแต่งติงต๊องปัญญาอ่อนกันเยอะไง ไม่อยากให้เด็กรุ่นใหม่เดินหลงทาง เกิดมาก็เจอความแรงกองอยู่ตรงหน้าแล้ว จนทำให้นักซิ่งส่วนใหญ่หลงลืมละเลยกับความเป็นมาตรฐานของเครื่องยนต์ อยากได้ของแต่ง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันดีกว่าของเดิมตรงไหน อย่างไร เห็นเขาว่าดี (ไอ้เขาน่ะคือใคร ส่วนใหญ่คือหนังสือโง่ๆ ที่มุ่งมั่นเชียร์เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ซื้อหน้าโฆษณาของมันเอง) ก็ไปเสาะหามาใส่ หรือโง่กว่านั้นอีกก็คือจำขี้ปากของคนเขียนหนังสือ (พิพม์) แล้วไปบอกเล่าต่อไปอีกเป็นทอดๆ
เอาไปคุยต่อทำนองอวดเพื่อนว่ากูเจ๋ง ไอ้แบบนี้ยิ่งร้ายเข้าไปใหญ่ เหมือนโง่คูณสองเลย คือรู้โง่ๆ แล้วยังไปโชว์โง่อีก
บ่ายมีประชุมที่แถวสุขุมวิท รถติดตามฟอร์มครับ ทนๆ กันไป แต่ยังไงก็ไม่คุ้นนะ สมัยก่อนเข้าไปในเมืองย่านนี้ผมจะใช้รถไฟฟ้าตลอด สมัยก่อนผมสะดวกไง เพราะสามารถจอดรถยนต์ได้ที่สวนลุมไนท์บาซาร์ แล้วก็ต่อรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงแถวสุขุมวิท น่าเสียดายที่ปัจจุบันเขาไม่ให้เอารถยนต์เข้าไปแล้ว กำลังก่อสร้างห้างขนาดยักษ์อีกแห่ง ถ้าเสร็จแล้วรถก็คงจะต้องติดหนักอีกแน่นอน
เฮ้ยย บ้านเรานี่นึกจะสร้างอะไรก็สามารถทำได้หมดเลยหรอ แม่งเจ๋งดีว่ะ มิน่าพวกฝรั่งเขาชอบมาหลอกแดกคนไทย
ไอ้คนของเรานี่แม่งก็เห็นแก่เงินนะ รับเศษเงินของเขาแล้วก็ปล่อยให้เขาทำอะไรกับแผ่นดินของเราก็ได้ แปลกมากจริงๆ
แค่พวกมึงอ้างว่าเป็นโลกเสรีทางการค้า ก็สามารถให้ร้านค้าของฝรั่งมาเปิดแทบทุกหย่อมหญ้าฆ่าโชห่วยที่เป็นรากหญ้าขนานแท้ของไทย
แถไปไกล เริ่มจากเรื่องหนังสือ ไปเรื่องรถ ปิดท้ายด้วยเรื่องบ้านเมือง
ตอนเรียนมหาวิทยาลัยนี่ผมนึกอยากทำงานการเมืองเลยนะ แต่ไม่ชอบการลงเลือกตั้ง แค่ชอบในตัวเนื้องาน ชอบทำงานที่มันสร้างสรรค์ พัฒนาบ้านเมือง พัฒนาสังคม
เกิดหนเดียว ตายหนเดียว ขอทำอะไรเจ๋งๆ ฝากไว้บนโลกสักหน่อยครับ

เพื่อนรุ่นน้องเห็นว่าผมชอบรถเก่า ชอบมอเตอร์ไซค์เก่า เลยบอกว่ามีรถของเพื่อนจะขายเป็นรถเยอรมันยี่ห้อ Horex สนใจไหม
อ้าว ตั้งตัวไม่ติด ไม่รู้จักเลย ไม่คุ้นรถเยอรมัน ที่มีอยู่สองคันก็รถอังกฤษและรถอเมริกัน
เขาส่งภาพมาให้ดู เป็นรถขนาดกลางสูบเดียว ยิ้งไม่คุ้นเข้าไปใหญ่ ไอ้สองคันที่มีมันรถสองสูบแบบ V Twin และ Vertical Twin แต่สูบเดียวนี่เล่นง่ายดีนะ ถ้าอะไหล่ครบๆ รื้อถอดประกอบแล้วซ่อมเองได้ไม่ยากเลย
คุยไปคุยมา ถามผมว่าจะให้เท่าไหร่
อ้าว งง ตอบไม่ถูก
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest 23 ทริป fail
« Reply #27 on: December 03, 2014, 05:37:23 pm »
28 พย 57 Motor Expo
   วิ่งไป 45 นาที รีบกินข้าวแล้วออกจากบ้านตอน 0730 รีบออก รีบไปต่อคิวรถติด
   ลางาน 1 วัน ไปงานรถที่จัดทุกปลายปีชื่องาน Motor Expo จัดที่อิมแพคเหมือนเดิม ตอนนี้เริ่มคุ้นแล้ว สะดวกตรงลงทางด่วนก็ถึงงานเลย ขากลับยิ่งสะดวก แค่ออกจากตึกจอดรถก็วนขึ้นทางด่วนได้เลย ไกลครับ แต่สะดวก ก็เลยโอเค ขับง่ายหน่อย ไม่ต้องคิดอะไรมาก
   เอารถพ่อไปอีกวัน ติดใจครับ ไอ้ยานอวกาศลำนี้ขับสบายมากๆ ฟีลลิ่งรถแบบไร้วิญญาณ ล่องลอยไปเรื่อยๆ ขนาดติดเครื่องอยู่ยังแทบไม่ได้ยินเสียงอะไร ต้องมองวัดรอบดูว่ามันไม่ได้ชี้อยู่ที่ 0 เป็นใช้ได้
   ไปถึงงานแต่เช้าเช่นเคย ผมอยู่ใกล้ทางด่วนชานเมือง รถติดหนักแบบสาหัสครับ เป็นแบบนี้ทุกเช้า ติดตั้งแต่หน้าด่านจนถึงสะพานแขวนถึงค่อยโล่ง
   ขับไปลงในเมืองทองเลย ไกลหน่อย แต่ง่าย สะดวก สบาย จอดรถใต้ตึกชาแลนเจอร์ที่เดิม เลือกจอดใกล้ประตูทางออก ขากลับจะได้ออกง่าย ถ้าเลือกมุมแบบที่ไม่มีใครจอดขวางได้จะสุดยอดมาก เผื่อเจอพวกใส่ P แล้วบอก “กูลืม”
   ไปถึงก็แสดงตัวลงทะเบียนรับบัตรคล้องคอ “กันมั่วดริ๊ง” มีเอกสารและตารางเปิดตัวค่ายรถยนต์นิดหน่อย มองหาพรรคพวกเพื่อนฝูงก็ไม่เจอใคร เดินไปห้อง Press ดีกว่า ที่นี่คือกองบัญชาการของพวกเราเลยล่ะ (สมัยตอนหนุ่มๆ ที่มาทำข่าว)
   ปีนี้แปลกหน่อยตรงที่มีห้อง Press อยู่สองห้อง ผมไม่ได้ลงทะเบียนมาล่วงหน้าในเวป พอไปลงทะเบียนหน้างานก็ได้บัตร Press สีม่วงมา แต่ห้องของ Press อีกห้องเป็นบัตรสีทอง ดูจากสีก็น่าจะแบ่งแยกเกรด ผมน่าจะเป็นพวกสื่อเกรดรอง เข้าใจครับ ไม่ว่าอะไรหรอก งานของเขา เขาให้เราแค่ไหนก็แค่นั้น
   ที่ห้องนี้จะเป็นฐานกองบัญชาการของพวกสื้อ เบิกกุญแจตู้ล็อคเกอร์แล้วนำของใช้ไปเก็บ นั่งกินน้ำ กินขนมรองท้องเล็กน้อย พอ 0900 ผมก็เข้างานเลย
   เขาเปิดให้เข้าตั้งแต่ 0900 แล้วนะ แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ คิดว่าเปิดตอน 0959 ตามพิธีในตาราง ผมไม่ค่อยสนพิธีรีตองใดๆ มุ่งไปหารถคันที่อยากดูก่อนเพื่อน ซึ่งนาทีนี้มีแค่ Honda HR-V และ Nissan Xtrail รองมาก็ Mazda 2 ไม่ใช่ว่ามีรถใหม่แค่นี้ล่ะ แต่รถเหนือกว่านี้มันไม่ใช่รถตลาด
   แว๊บแรกที่นั่ง HR-V ก็เจอข้อตำหนิอย่างใหญ่หลวง นั่นคือแผงคอนโซลกลางของรถตัวท็อปที่เป็นดำเงา เรียกแบบโคตรเท่แต่ก็อปเขามาว่า Piano Black ไอ้คำนี้พวกตลาดทีวีเขาใช้กันมาเกือบสิบปี ฮอนด้าแม่งไปก็อปคำเก่าเขามาใช้ โคตรเชย
   ไอ้คอนโซลดำเงานี่อยู่ในเฉพาะรถตัวท็อปเท่านั่นนะครับ
   ข้อเสียของดำเงาก็คือตอนขับกลางแดดแสงจะสะท้อนเข้าตาคนขับและคนนั่งหน้า รับรองครับว่าโคตรรำคาญเลย จนสุดท้ายต้องหาผ้ามาปิดคลุมมันไว้ กลางวันก็สะท้อนแดด พอกลางคืนก็สะท้อนแสงไฟจากถนน เป็นดีไซน์ที่ถือว่าแย่มาก (Fail)
   ข้อตำหนิเล็กๆ อีกอันก็คือกริปของพวงมาลัยเล็กไปหน่อย
   ติอีกเรื่องคือพวงมาลัยปรับได้แค่สูงต่ำเท่านั้น ปรับใกล้ไกลไม่ได้ ต้องใช้ปรับเบาะเลื่อนช่วยในเรื่องเซ็ทติ้งแทน
   ไหนๆ จะติก็ติให้หมด เปิดฝากระโปรงดูเครื่องก็มองหากระปุกน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ไม่เจอ ไม่รู้เอาไปซ่อนไว้ไหน ติอีกนิดคือการเติมน้ำหม้อน้ำ พบว่าระดับ Max ของมันมองลำบากโคตรๆ เพราะอยู่ตำแหน่งด้านล่างแทบจะกองกับพื้นเลย แต่มีฝาปิดอยู่ด้านบนนะ รับรองครับ ทุกคนก็ต้องเติมเกินขีด Max จนมาถึงคอฝาเติมนี่แหละ
   ติอีกหน่อยคือตำแหน่งขั่วบวกของแบตอยู่ใกล้กับคานหน้าของห้องเครื่องมาก แต่เขามีฝาปิดอย่างดีมาให้ ปัญหาอยู่ตรงตอนจะถอดเปลี่ยนแบตฯ หรือซ่อมบำรุงนี่แหละครับ เพราะการใช้ไขควงไขขั้วแบตฯ ตัวไขควงก็จะไปชนกับคานเหล็ก !!!
   แล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ
   มันก็ช็อทสิครับ จะเกิดประกายไฟ เปรี๊ยะๆ หาเรื่องไฟช็อท ฟิวส์ขาด และอุปกรณ์ไฟฟ้าจะเสื่อมโทรม รวน พังเอาได้ง่ายๆ ไอ้รถใหม่ๆ อาจจะยังไม่มีอาการ แต่ถ้าไปใช้นานๆ ล่ะก็ เจอระบบไฟรวนในกล่องฟิวส์นี่โคตรปวดหัวเลยครับ เช็คและตรวจสอบยากมาก และถ้าซวยสุดท่านก็จะเจออาการ “กล่องพัง”
   แก้ด้วยการใช้ไขควงบล็อกแบบกรอกแกรกไขแทนครับ ระวังจุดนี้ให้มากเข้าไว้ด้วย เพราะถ้าท่านไม่ได้ทำรถเองแล้วล่ะก็ เตรียมตัวพบข่าวเศร้าไว้ได้เลย
   ติเล็กๆ ปิดท้ายอีกนิดนะ ล้ออัลลอยด์ของตัวท็อปที่ลายไม่เหมือนตัวปกติ แต่มันไม่ได้สวยกว่าจนอยากได้สักนิด
   ติข้อสุดท้าย มีครีบฉลามบนหลังคาเหมือน BMW ทำไมครับ เอกลักษณ์ของฮอนด้ามีเยอะแยะมากมาย หรือถ้าจะบอกว่ามันคือตัวจัดเรียงอากาศเพื่อหวังผลทางด้าน Aerodynamic มันก็มีดีไซน์อื่นๆ อีกเยอะครับ ไม่น่าพลาดจุดนี้นะ
   ข้อติทั้งหมดจากการมองผ่านๆ มีราวๆ นี้ครับ ต่อไปเป็นข้อดี ข้อที่ผมต้องชม เพราะชอบมาก
   พับเบาะหลังสุดยอดมาก พนักพิงพับลงมาแล้วยังไม่พอ ตัวเบาะนั่งเองก็ยังทรุดตามลงมาอีก ทำให้พับเบาะแล้วราบสนิท แถมเพิ่มพื่นที่เก็บของได้มากกว่าปกติอีกด้วย
   มีฟังชั่นพับเบาะคล้ายกับ Jazz ที่สามารถพับตัวเบาะนั่งยกขึ้นได้ด้วย ใส่ของทรงสูงวางตั้งได้ เจ๋งดี ฟังชั่นนี่รถยุโรปคันละหลายๆ ล้านยังไม่มีเลยนะ
   เบาะหลังปรับเอนได้นิดๆ ไอ้นี่ละเอียดอ่อนมากนะ คนไม่เคยนั่งหลังคงไม่เข้าใจความรู้สึกของรถที่เบาะหลังแม่งชันๆ ตั้งๆ นั่งแล้วโคตรรำคาญเลย
   พนักพิงหัวของเบาะหลังทรงแปลกๆ หน่อย จะใช้ต้องดึงขึ้นมา พิงแล้วก็โอเค พอใช้ได้ ตอนไม่ใช้ หรือไม่มีคนนั่นก็กดมันลงมาซะ มองหลังสะดวกขึ้น
   หน้าจอแบบสัมผัส แต่ไม่แน่ใจว่าจะดู DVD ได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือไม่มี GPS อดใจรออีกนิด ผมว่าอีกสักปีจะมีออกมาในไม่ช้า
   ให้ยางอะไหล่แบบของจริงมาอีกด้วย ไอ้นี่ดีกว่าให้ชุดปะ หรือให้แค่ปั๊มลมมา
   กล้องหลังซูมได้ 3 ระดับ โอ้โหห อยากลองๆ ไอ้นี่ต้องลองถอยจริงครับถึงจะรู้ว่ามันเวิร์คหรือไม่ แต่ซ่อนกล้องไม่เนียนเลย
   ถ้าได้มีโอกาสขับคงจะมีข้อมูลมากกว่านี้ แต่โดยรวมถือว่าใช้ได้เลยนะ แอบแพงนิดๆ เพราะเฉียดล้านไปนิดเดียว ถ้าเอาตัวท็อปมีหลังคา Sun Roof ก็ทะลุล้านไปแล้ว แลกกับออปชั่นหน้าจอแบบแสดงผลได้หลากหลายคล้ายรถยุโรปหรูๆ
   อ้อ ชุดแต่ง Modulo สวยมาก แถมคอนโซลกลางเป็นแบบหุ้มหนัง ไม่มีเงาๆ เหมือนตัวท็อปอีกด้วย เจ๋งๆ (แต่ไม่มีหลังคา Sun Roof นะ)
   โดยรวมรถสวยครับ มันดูลงตัวเพราะออกแบบเสา C ได้ดีมากๆ ผมเดาว่ากระจกหลังคงเลื่อนลงสุดไม่ได้แน่ๆ แต่ก็คงไม่ค่อยมีใครเปิดกระจกเท่าไหร่มั้ง
   ช่องแอร์ทรงประหลาดๆ กลัวว่าแอร์จะเป่าถึงคนนั่งหลังไหม เพราะด้านหลังไม่มีช่องแอร์ ถ้าแก้ด้วยการเร่งแอร์แรงๆ เพื่อให้ลมไปถึงคนหลัง คนนั่งหน้าแม่งหน้าชาไปแล้วแน่นอน
   เด่นอีกนิดที่เติม E85 ได้ ลิตรละแค่ 23 บาท แต่หาปั๊มเติมโคตรยาก ถ้าใครมีปั๊มใกล้บ้านถือว่าคุณโชคดีกว่าใคร
   เจอ HR-V เข้าไปคันเดียว คันอื่นแม่งจ๋อยสนิทเลย Xtrail ที่ตั้งใจไปดูกลายเป็นงั้นๆ เอาแค่ฟังชั่นการพับเบาะหลังก็เทียบ HR-V ไม่ได้ ผมเอาตัวเองเป็นมาตรฐานนะ เพราะผมใช้การพับเบาะหลังบ่อยในการขนย้ายจักรยาน
   มุมมองและมาตรฐานในการเปรียบเทียบรถของแต่ละคนนั้นต่างกันนะครับ บางคนบอกว่าจะนำรถคันนี้มาเทียบกับคันนี้ไม่ได้ เพราะมันคนละคลาส หรือราคาห่างกันคนละโลกเลย มาเทียบกันได้ไง
   สำหรับผมแล้ว ผมจะดูที่รูปทรงของรถครับ คุณจะประกอบใน หรือนำเข้าแบบโคตรๆ ผมก็เฉยๆ ผมจับมาซัดกันได้ทั้งหมด ต่อให้คนละขนาดอย่าง Xtrail ที่ใหญ่กว่า HR-V ดูรวมๆ ผมยังชอบ HR-V มากกว่าเลย ทั้งๆ ที่ Xtrail มันต้องชนกับ CR-V ถึงจะเหมาะ
   แม้ราคาและขนาดรถจะไม่เท่ากัน แต่คนซื้อจริงๆ เขาจะดูจากความพอใจส่วนตัวล้วนๆ ต่อให้ใหญ่กว่า ถูกกว่า คุ้มกว่า แต่เกิดไม่ชอบ ไม่ถูกชะตาเสียอย่าง แบบนี้ก็จบข่าว
   แต่ถ้าเป็นรถที่ชื่อเสียงดี แล้วทำรถออกมาดีอีกด้วย แบบนี้หากตั้งราคาแพงหน่อยก็ยังมีคนกัดฟันซื้อครับ กรณีของ HR-V จะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ตั้งราคาแบบเบียดรถค่ายตัวเองทั้ง Civic Jazz และปีนเกลียวไปแตะๆ CR-V เลยด้วยซ้ำ
   HR-V จะเป็นรถที่ขายดี และอีกสักพักจะมีตัวแต่งเล็กๆ ออกมากระตุ้นตลาดเรื่อยๆ จนอีกสัก 2 ปีก็จะมีตัวไมเนอร์เชนจ์ และตัวหลังๆ น่าจะมีราวยึดแร็คหลังคา และ GPS และลายของล้ออัลลอยที่ดูดีกว่านี้ เผลอๆ อาจเพิ่มขนาดเป็น 18 มาให้อีกด้วย
   Nissan Juke ขายอยู่เพลินๆ พอเจอ HR-V มา แม้จะแพงกว่าเกือบ 2 แสน แต่เทียบกันจุดต่อจุดแล้ว HR-V แม่งแดกขาด แบบนี้ Juke ก็เหนื่อยนะ เพราะทำภายในออกมาแบบยังต้องปรับปรุงอีกเยอะ โดยเฉพาะจุดที่เป็นสีเดียวกับภายนอกรถน่ะ มันเป็นดีไซน์ของรถเมื่อสักสิบกว่าปีมาแล้ว Juke ต้องปรับใหม่แล้วล่ะ หุ้มเป็นหนังก็ยังดีกว่าเลยนะ แต่ Juke ก็จะมีไมเนอร์เชนจ์ในปีหน้ากับเขาเหมือนกัน จับตาดูต่อไป
   ส่วนผู้นำผู้บุกเบิกตลาดรถแนว Crossover มาหลายปีคือ Suzuki SX-4 แต่งานนี้กลับทิ้งเฉยเลย ในงานไม่มี SX-4 มาเลย อ้าว งงดิ ตัวเองเป็นคนเปิด แต่กลับไม่ทำตลาด หันไปปั่นแต่ Swift แต่ SX-4 มันดูดีมากเลยนะ ราคาก็เท่ากับ Juke อีกด้วย แต่ภายในกว้างกว่า นั่งสบายกว่า น่าเสียดายที่ไม่ดังเพราะไม่มีคนดัน
   ค่ายที่ยังคงงงๆ กับตลาด Crossover ก็คือ Ford Ecosport ไอ้คันนี้ภายนอกดูดีมาก แต่พอมาดูภายในตาแทบถลน กูนึกว่ารถจีน ปุ่มกดแบบละลานตามาก ดูสับสน วัสดุการประกอบยังต้องปรับปรุง
   สำหรับตลาด Crossover ในวันนี้ ผมยกให้ HR-V เป็นที่ 1 รองมาคือ SX-4 อันดับสามคือ Juke และปิดท้ายด้วย Ecosport ครับ
   นี่เทียบกันแบบยังไม่ได้ลองขับสักคันเลยนะ ก็คงไม่มีค่ายไหนเขาเชิญผมแล้วล่ะ อย่างที่บอกครับ ผมหลุดวงโคจรไปแล้ว แม้ในใจยังรักเรื่องรถยนต์อยู่ก็ตามที
   หลายปีมาแล้วที่ต้องตอบคำถามเรื่องรถยนต์แล้วผมต้องไปหาข้อมูลตามรถที่เขาจอดโชว์ใน Big C / Lotus ดูแล้วแม่งโคตรน่าอนาถตัวเองเลยว่ะ จากเดิมที่อยากได้รถทดสอบคันไหนก็แค่ชี้ไปเลย แล้วอีกสักพักพอถึงคิวก็จะได้ขับทดสอบอย่างเต็มที่ หรือไม่ก็มีค่ายใหญ่ๆ มาเรียกไปร่วมงานเปิดตัวรถใหม่เสมอๆ
   
   แปลกใจในงานวันนี้ที่มีรถล็อคประตูไม่ให้เปิดเข้าไปชม เฮ้ยย งงดิ มาทำข่าวรถยนต์ แต่ไม่ให้นักข่าวเข้าไปนั่ง ถ้าเป็นรถนำเข้าอย่างค่าย BRG ผมเข้าใจ เขาหวงรถเขา แต่กลับค่าย Subaru กลับล็อครถ BRZ ไว้ ทั้งๆ ที่มันออกมา 3 ปีแล้ว มันไม่ใช่รถใหม่ตรงไหน ยังดีที่ WRX-ST-i ตัวใหม่เปิดให้เข้าไปชมด้านในได้ ก็เลยได้นั่ง ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
   ค่าย Subaru นี่ผมถือว่าเป็นสุดยอดของรถญี่ปุ่นเลยนะ ค่ายนี้มีของเจ๋งๆ เยอะมาก ทั้ง Forester / Outback ส่วน Impreza นี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันดังระดับโลก โดยมี BRZ ตัวร่วมทุนกับ Toyota เป็นสุดยอดสปอร์ทอีกคัน
   รถเนี๊ยบสุดยอด ประกอบดี วัสดุเยี่ยม แต่ก็แพงกว่าเพื่อนเยอะครับ เพราะเป็นรถขับ 4 และรถนำเข้าอีกด้วย แต่ถ้าใครจ่ายไหวเงินถึง ก็ไม่น่าจะผิดหวัง
   ค่าย Mazda มี ตัว 2 เครื่องยนต์ดีเซลเป็นพระเอกเลย ทำเอา Mazda 3 ที่เพิ่งขายเมื่อปีที่แล้วจืดลงไปหน่อย ตอนนี้ทุกค่ายกำลังจับตาฟีดแบคของเครื่องยนต์ดีเซลในตัวนี้อยู่ครับ Mazda ใจถึงมากที่เอาเข้ามาใส่ในตัว 2 ทั้งๆ ที่เจ้าตลาดอย่าง Toyota ยังไม่กล้าทำ แต่ถ้าตลาดนี้ไปได้ดี และปีหน้าราคาน้ำมันดีเซลไม่ขยับขึ้นจนเว่อร์ ผมว่าอาจมีการเคลื่อนไหวจากค่ายอื่นให้ได้เห็นกันบ้าง
   
   วันนี้ผมเพลินกับค่ายมอเตอร์ไซค์มากเลยนะ เริ่มจาก Triumph ผมชอบรถเก่าๆ อยู่แล้ว เจอรถหน้าตาเดิมๆ เลยถูกชะตามาก ผมมีรถ AJS อยู่แล้วด้วยไง ทรงรถมันเหมือนกันเป๊ะเลย เครื่องยนต์ก็ยังเหมือนกัน ทรงเดียวกันอีกด้วย เป็น Vertical Twin เหมือนกันเป๊ะ เดินวนดูอยู่นาน ชอบใจหลายรุ่น แต่มันคันใหญ่เกินสรีระของผม ขี่แล้วไม่สวยสง่า ไม่เหมาะกับผมครับ
   ไปค่าย Ducati ก็ยังเพลินต่อกับตัว Scrambler ที่มีอยู่ 4 รุ่น แต่ไอ้ค่ายนี้อะไหล่แพงเว่อร์มาก ขายได้เพราะชื่อเสียงล้วนๆ ตัวรถน่ะดีจริง ไม่เถียงครับ แต่อย่าล้ม อย่าพังมาก็แล้วกัน เจอราคาอะไหล่แล้วจะช็อค
   ค่าย Honda มีรถที่ผมชอบมากอยู่คันหนึ่งชื่อรุ่น NM4 หน้าตาแม่งอวกาศมาก คันละ 5.3 แสน แลกกับความเท่ชนิดที่ว่าคนจะมองรถคุณแบบอ้าปากค้าง เอาเป็นว่าเห็น NM4 กับ Lamborghini ล่ะก็ คนมองรถคุณมากกว่าเยอะก็แล้วกัน
   แต่ถ้าจะให้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ผมชอบรถ Van Van ของค่าย Suzuki ครับ เป็นรถแนวล้อโตๆ อ้วนๆ ขี่ลุยๆ หน่อย ไม่เน้นทำความเร็วมากนัก ท่านั่งแบบขี่สบายๆ เรื่อยๆ ราคาไม่น่าจะแพงมาก ซื้อได้จริง ขี่ได้จริง ลุยได้จริง
   งานนี้มีมอเตอร์ไซค์ของค่าย Zero มาด้วยครับ เป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แต่แม่งวิ่งได้เร็วราว 160 โหห มอเตอร์ทรงพลังคู่กับแบตเทพ ราคาก็ช็อคโลกครับ คันละหลายแสนบาท จบข่าว
    งานนี้มอเตอร์ไซค์มาน้อยครับ ไม่เหมือนงาน Motor Show เดือนเมษายน ไว้ปีหน้าคงเพลินกว่านี้
   นึกแปลกตัวเองเหมือนกันนะ เมื่อก่อนไม่เคยสนใจพวกมอเตอร์ไซค์เลยสักนิด ไม่เคยเหลียวเลยด้วยซ้ำ แถมเจอพวกพริตตี้แต่งโป๊ๆ นี่ กูรีบเดินหนีเลย แบบกูอายแทนมึงว่ะ
   พอคิดจะเริ่มบูรณะรถมอเตอร์ไซค์ตัวเองมั้ง ก็เลยเริ่มมองรถชาวบ้านเขาบ้าง อย่างน้อยก็ต้องหาชุดใส่ขี่แหละครับ แต่อย่างผมหรอจะไปใส่ชุดหนังซิ่ง ไม่มีทาง มันไม่ใช่แนวเราเลยสักนิด
   จำได้ว่าตัวเองแต่งชุดกางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าจังเกิ้ลตอนใส่เรียน รด. เสื้อยืดคอกลมห่านคู่สีขาว หมวกแก๊บ มีกระเป๋าตังของฮาเล่ย์แบบมีโซ่อันเดียว
   ชอบแต่งแนวๆ นี้แหละครับ คือไม่ชอบโชว์อวดยี่ห้อรถที่เราใช้ แต่จะใส่เสื้อของงานอดิเรกอื่นที่เราชอบแทน เช่นบางทีก็ใส่เสื้อยืด หมวกแก๊ปของสเกตบอร์ดแทน
   บ่ายเริ่มหิว นำคูปองที่ทางผู้จัดเขาแจกให้ 150 บาท ไปแลกเป็นบัตรเพื่อใช้ซื้ออาหารใน Food Center เดินดูแต่ละร้านราคาแม่งโคตรแพงเลย ผมเลือกร้านที่มีผักเยอะสุดคือสั่งสุกี้แห้ง บอกขอผักเยอะๆ แต่พอทำเสร็จออกมา กลายเป็นสุกี้แห้งแบบเส้นเยอะๆ ฮ่วย
   จานละ 85 บาท !!! รสชาติเหมือนข้างถนนแถวบ้านเป๊ะ
   กินเสร็จก็เข้าไปในงานต่อ ถึงตอนนี้ดูรถเริ่มจะครบหมดแล้ว เหลือไอ้พวกบางคันที่มีการปิดกั้นไว้ ซึ่งผมงงมาก มึงจะกั้นทำไม จะปิดรถทำไม เช่นพวกรถบ้าน รถหรูๆ บางค่ายนี่ทำรั้วกั้นเลยนะ อย่างรถ Bentley นี่ไม่มีคนเข้าไปเลย แต่ผมขำตรงที่มีฝรั่งใส่ชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นเดินเข้าไปเปิดประตูรถนั่งเล่น พนักงานก็ดูบริการดี แต่เชื่อเถอะนะ คนพวกนี้เขาจะคิดว่าฝรั่งขี้หอม คือทำอะไรฝรั่งมักจะดี จะถูกไปเสียหมด แต่ถ้าเป็นคนไทยล่ะก็ จะโดนมองด้วยหางตาเหยียดหยาม ประณาม เผลอๆ มันแอบด่ามึงใจใจ
   อีกฟากของงานเป็นอุปกรณ์ตกแต่ง มีมุมแคมปิ้งด้วย ชอบมากเลย ถูกใจเต้นท์อันหนึ่งที่สามารถกางบนเตียงนอนผ้าใบได้ ชอบๆ เกือบซื้อแล้วนะ นี่ถ้าได้ไปเผชิญโลกภายนอก หรือได้เอารถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ออกลุย ผมจะใช้เต้นท์อันนี้แน่นอน ยังไม่ได้ซื้อนะ แต่ขอเบอร์โทรเจ้าของร้านไว้ เผื่อมาจัดวันหลัง
   ผู้คนเริ่มน้อยลงมากไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ผมเจอกับ “ปุ๋ย” เพื่อนรุ่นน้องที่มาร่วมงานของ Racing Club สมัยผมจัดแข่ง Autocross ทุกวันนี้ปุ๋ยเป็นนักเขียนให้กับนิ่ตยสารรถยนต์ โอ้ แจ๋วไปเลย ยืนคุยกันอยู่นานเลยนะ จนเมื่อย ผมชวนไปนั่งในบูธรถยนต์ใกล้ๆ คุยกันอย่างออกรส จนสุดท้ายพาไปนั่งในบูธของ Mercedes Benz แนะนำให้ปุ๋ยรู้จักกับ “ไอ้บี๋” เพื่อนสนิทตลอดกาลของผม
   นั่งคุยกันตรงนี้จนถึง 0700 งานปิด ปิดแอร์ ปิดไฟไล่ เดินออกจากงานแล้วก็แยกย้ายกัน ผมพบกับไอ้บี๋ปีละ 2 ครั้งในงานโชว์รถยนต์
   ออกจากอาคารก็ขึ้นทางด่วนได้เลย สะดวกมากๆ ชอบตรงนี้แหละ ขับไกลหน่อย มารถติดตอนใกล้จะถึงบ้าน จนผมต้องลงทางด่วนก่อนทางลงปกติ เพื่อใช้ถนนพื้นราบแทน
   มาถึงบ้านลูกยังไม่เข้านอน กำลังทำการบ้าน เลยนั่งคุยกันนิดหน่อยจนถึงค่ำๆ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest 23 ทริป fail
« Reply #28 on: December 03, 2014, 05:47:32 pm »
29 พย 57
   ไม่วิ่ง ไม่จักรยาน แต่ไปกายบริหารบนดาดฟ้าแทน ทำได้แค่แป๊บเดียว หมดเวลาชีวิต จบข่าว ต้องไปทำงาน
   มิวขอออกไปด้วย ส่งเขาที่รถไฟฟ้าเพื่อไปเรียนพิเศษ ระหว่างอยู่บนรถเราถึงได้คุยกันมากหน่อย มิวเขาใกล้ชิดกับผมตั้งแต่เด็กจนถึง ป6 จนมา ม1 นี่แหละถึงได้ไปกลับกับภรรยาผมแทน
   การพูดคุยของผมก็ยังคงเน้นการสร้างแรงบันดาลใจ ให้กำลังใจเขามุ่งสู่ฝัน ถามเขาเสมอว่าเขายังคงฝันแบบเดิมอยู่ไหม ถ้าเปลี่ยนเป้าหมายต้องรีบบอกพ่อนะ เราจะฝันและมุ่งมั่นไปด้วยกัน
   ส่งเขาแล้วผมก็เลยไปร้านขายของต่อ ชีวิตของมิวดูจะไปในทิศทางที่ดี ตรงข้ามกับผมที่มันดูไม่ไปถึงไหนเลย ตั้งเป้าไว้ตอนเด็กๆ ว่าช่วงนี้ของชีวิตผมจะเลิกทำงานแล้วนะ และจะออกเดินทางทำงานอดิเรกจนถึงวันสุดท้ายที่หายใจ
   ไม่เป็นไรครับ คิดบวกเสมอ การที่ได้ทำงานอยู่กับบ้านก็เท่ากับผมได้ช่วยพ่อแม่ทุกวัน เจ๋งโคตรๆ ไปเลย คนอื่นเขาทำได้แค่ส่งเงินให้ หรือนานๆ กลับไปเยี่ยมบ้านสักที แต่ผมนี่สุดกว่าครับ ผมช่วยงานแบ่งเบาภาระให้พ่อแม่ทุกวัน
   นั่นมันด้านบวกนะ มีได้ก็ต้องมีเสียครับ มันต้องแลกกับการที่ผมต้องละทิ้งความฝันของตัวเองไป น่าเศร้าเหมือนกันนะ
   วัดใจแลกกันไปครับ จะทำเพื่อส่วนตัว หรือจะทำเพื่อพ่อแม่และครอบครัว

   บ่ายมิวโทรมาบอกว่ากำลังจะออกจากสยามแล้ว จะเดินทางไปเรียนคุมองต่อ นัดเจอกันที่จุดนัดพบเดิมนะ ผมต้องไปทำธุระที่ธนาคารในห้างอยู่แล้ว ก็เลยนัดเจอกันในร้านหนังสือเหมือนเดิม ไม่มีร้านใดในห้างที่จะน่าเดินนั่งเท่ากับร้านหนังสือแล้วล่ะครับ
   หิวจัด แวะกินบะหมี่ใน Food Center แล้วก็เจอปัญหาแบบเดิมๆ คือหาที่นั่งไมได้ มองไปรอบตัวเห็นคนนั่งกินราว 60% ที่เหลือเป็นพวกนั่งเล่นมือถือ แคะขี้ตีน นอนหลับ นั่งรอญาติ ฯลฯ
   ไม่มีที่นั่งก็ต้องเดินหาจนเจอครับ เดินถือถาดไปเรื่อยๆ ผ่านเฉียดโต๊ะที่มีคนนั่งอยู่แต่เขาไม่ได้กินอะไรส่วนใหญ่เขาจะมักเบือนหน้าหนี ไม่อยากสบตาด้วย รู้สึกเหมือนว่าตัวกูเป็นส่วนเกินใน Food Court แห่งนี้ โอ้ พระพุทธ ไม่นะ
   สุดท้ายก็เจอโต๊ะที่คนกินเพิ่งจะลุก นี่ถ้าไม่รีบนั่งก็จะเจอมนุษย์ลุง มนุษย์ป้า มนุษย์มือถือ มนุษย์ติว ไอ้พวกนี้ชอบมาจองที่นั่งในนี้ แถมนั่งนาน นั่งแช่ เอาเป็นว่าบางทีซื้อแล้วไม่มีที่ให้นั่งกินก็แล้วกัน
   อีกแป๊บเดียวมิวโทรมาหา บอกว่าเรียนเสร็จแล้ว เฮ้ยย งง เร็วมากเลย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเขานะ ปล่อยให้เขาเลือกเอง คิดเองอย่างอิสระ ปกติก็เรียนหนักอยู่แล้ว ไม่อยากวุ่นวายกับชีวิตเขา
   สอบถามเขาก็บอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากกลับบ้าน โอเค จัดไป
   กลางคืนมิวบ่นว่าหนาว ขอนอนแบบเปิดหน้าต่างได้ไหม ผมโอเคนะ นอนได้สบายมาก แต่กลัวอย่างดียวคือตอนดึกๆ แมวชอบมาร้องหง่าวๆ โคตรหนวกหูเลย ทำไงดีวะ
   เลยบอกมิวว่าจะหรี่แอร์ลง แล้วให้นอนในทิศทางที่ไม่โดนแอร์ พร้อมใส่เสื้อแขนยาว มิวลองแล้วโอเค แล้วก็หลับไป
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: พย 57 9 a day bike fest 23 ทริป fail 28 Motor Expo
« Reply #29 on: December 03, 2014, 05:53:13 pm »
30 พย 57
   ตื่นสายโคตร แต่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะออกวิ่ง ไปศูนย์เยาวชนเฉลิมพระเกียรติบางมดเหมือนเดิม กว่าจะถึงสนามและออกวิ่งก็ตอน 0630 เช้านี้ซัดไป 2 ชม ขำขำ
   ช่วง 30 นาทีสุดท้ายเริ่มจะไม่ค่อยสนุก ไม่ใช่เพราะเหนื่อย แต่เป็นเพราะแสงแดดเริ่มแรงจัด อารมณ์เดียวกับตอนขี่จักรยานเลย คือพอเจอแดดแรงๆ แล้วแม่งชักจะไม่สนุกแล้วว่ะ มันร้อนมากๆ ร้อนแล้วแรงตก วิ่งก็ช้าลง ปั่นจักรยานก็เร็วน้อยลง มาแนวเดียวกันเลย
   เช้านี้วิ่งเหมือนเดิมๆ แต่ในใจมีเรื่องคิดที่ไม่เหมือนเดิม คิดเรื่องที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน นั้นคือเรื่องมอเตอร์ไซค์
   คิดว่าถ้าเราบูรณะมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดทุกคันเสร็จแล้ว จะใช้งานมันอย่างไรบ้าง สมัยก่อนก็แค่ขี่เล่นตอนกลางคืน สามทุ่มถึงเอารถออกขี่เล่นไปลานพระรูป นั่งคุยจนถึงเที่ยงคืนก็ขี่รถกลับบ้าน ใช้งานมันแค่นี้เองแหละ ใช้แค่เฉพาะคืนวันเสาร์ จะขี่ไปเรียนบ้างก็นานๆ ครั้ง
   ยุคนั้นผมยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ มีเวลาว่างเยอะมาก แต่ตอนนี้สิ คนละเรื่องเลย แม้ลูกจะเริ่มโต แต่ก็เป็นช่วงวัยรุ่น ยิ่งต้องดูแลไปอีกแบบ ไม่ต้องใกล้ชิดแนบสนิทเหมือนตอนเป็นเด็ก แต่เน้นการพูดคุยสื่อสารกันบ่อยๆ ให้เขามีช่องว่างสำหรับความอิสระและเป็นส่วนตัว
   อืมม บ้านอยู่แถวนี้ คงจะขี่เล่นไปทางมหาชัยมั้ง เลยไปอีกนิดก็เป็นอัมพวา เพชรบุรี ปีกกล้าขาแข็งค่อยไปหัวหิน
   ไอ้รถมอเตอร์ไซค์ของผมนี่มันเข้ากลุ่มกับใครเขาไม่ได้หรอกนะ ขี่ช้าๆ แค่ 60 ก็เสียวแล้ว รถยุคเก่า โลวเทค กินน้ำมันมาก เสียงดังหนวกหู ขนาดผมขี่เองยังรำคาญตัวเองเลย นับประสาอะไรกับคนที่เราขี่ผ่านเขาไปตลอดทาง
   โจทย์ของผมก็คือทำท่อรถให้เงียบที่สุด จะวิ่งแรงตกไปหน่อยก็ไม่เป็นไร เน้นเงียบๆ ถ้ามันทำได้ถึงขั้นเงียบแบบรถไฟฟ้าได้ยิ่งดี จะชอบมาก
   ขี้เกรงใจครับ ผมขี่เล่นสนุกๆ เพลินๆ แต่ถ้าดันไปสร้างความรบกวนตลอดทางมันจะเป็นสุขได้อย่างไรเล่า
   ถ้ามีแค่คันเดียวก็ง่ายนะ ทำแล้วก็จบ แต่นี่ผมแม่งมีเก็บซุกไว้อีกตั้งหลายคันนี่สิ ไอ้คันล่าสุดที่มีคนมาเสนอขายก็อยู่ในช่วงจิตวิทยากันอยู่ คือไม่มีฝ่ายใดยอมเปิดราคาก่อน แต่ไอ้คันนี้สำหรับผมแล้วตัดสินง่ายครับ
   ไอ้ Horex นี่เป็นรถที่ชื่อเสียงไม่ดังเล้ยยยย เป็นของเยอรมันก็จริง แต่มันไม่ใช่ BMW / Zundapp หรือรถที่มีประวัติศาสตร์ในสงครามโลก แถมยังเป็นรถสูบเดียวอีกด้วย ยังไม่พอ เครื่องยนต์ก็เล็กแค่ 250 cc สเปคแบบนี้ต่อให้สภาพรถสวยแค่ไหนก็ยังอยู่แค่หลักหมื่นต้นๆ ครับ ถ้าอยากได้แตะแสน คุณต้องเป็นรถแบบ Vertical Twin โน่น ก็จะราว 600 cc แบบนี้พอจะน่าสนหน่อย
   ผมก็เลยไม่กล้าเปิดราคาไป เกรงใจคนขาย เขาคงคิดว่าเขาขายได้เป็นแสน หึหึ ไม่ถึงหรอกครับ ยกเว้นแต่จะไปเจอคนหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเล่นรถเก่า คนไม่รู้เรื่องพอเห็นอะไรเก่าๆ หน่อยก็จะชอบไปหมด ยิ่งบอกเป็นรถเยอรมันก็คงนึกไปว่ามันจะทัดเทียม BMW อะไรทำนองนั้น
   กลายเป็นว่าไอ้ Horex คันนี้ผมรู้สึกเฉยๆ มาก ทรงก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย ตัวเครื่องก็ไม่ค่อยสวย (สูบเดียวสูบตั้ง) นำมาทำเป็นรถ Custom ก็ยังไม่เท่าไหร่ ลงเงินไปเป็นแสนในการทำรถ ออกมาก็ได้แค่ความเก่าอย่างเดียว ต่างจากการเล่นรถที่มีชื่อเสียงมากๆ แบบคนละโลกเลย
   ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็ต้องยกรถยนต์ก็แล้วกัน เปรียบเป็นรถ BMW กับ Ople น่ะ เยอรมันเหมือนกัน แต่แม่งไปกันคนละโลกเลย ไม่ว่าจะเอาตัวไหนมาวัดกัน ตัวถูก ตัวแพง ตัวท็อป ตัวแข่ง นวัตกรรมสร้างสรรค์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ Ople ไม่มีทางเทียบ BMW ได้เลย
   เป็นห่วงคนเล่นรถหน้าใหม่ก็ตรงนี้แหละครับ คือจะมองแต่เอาเก่าเข้าว่า คิดอะไรไม่ออกก็เน้นเก่าไว้ก่อน ละเอียดอ่อนครับ จะพลาดกันได้ง่ายๆ
   เหมือนอย่างไม่กี่ปีมานี้ที่มีบางกลุ่มเล่นรถแนว Japanese Retro คันที่เทพๆ ก็คือพวก Nissan 280Z / 240Z , Toyota Celica Twin Plug / Aero, Mazda RX-3 นี่คือพวกเทพระดับหัวแถว แต่เข้าใจว่ามันหายากแล้ว ก็เลยมีบางคนเล่นตัวรองๆ ลงมา แต่พยายามโยงกระแสให้ของตัวเองเกาะท้ายพวกเทพไปด้วย
   ถ้าเป็นรถใหม่กว่านี้ก็จะเป็นพวก Nissan 300ZX, Toyota Supra, Mazda RX-7 ส่วน Nissan Silvia นี่ผมเฉยๆ นะ แต่กับบางคนเขาถึงกับคลั่งไคล้ คงเป็นเพราะว่าหารถได้ยากแล้วน่ะครับ ไม่ได้เพราะมันดีเด่นอะไรนักหรอก
   สำหรับดาวค้างฟ้า ผมยกให้เป็น Mazda MX-5 ผมขายไปนานแล้วยังรู้สึกเสียดายจริงๆ แต่เทียบไม่ได้กับรถโฟล์ตู้ปี 1957 อันนั้นคงจะเป็นที่สุดของผมแล้วล่ะ
   
   วันนี้มิวบอกไม่ค่อยสบาย ยังไม่หายดี เลยไม่ไปเรียนพิเศษ ก็ดีแล้วครับ หยุดพักเสียบ้าง เรียนบ้าบออะไรไม่รู้ทั้งวัน แต่กลับมามุขใหม่ ขอซื้อโทรศัพท์ Samsung Galaxy S5 เฮ้ยย งงดิ ก็มี Iphone ใช้อยู่แล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือ
   คงได้ยินผมคุยว่าตั้งแต่สตีฟไม่อยู่แล้ว IPhone ก็แทบไม่มีอะไรพัฒนาเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ อีกเลย ต่างจากค่าย Android ที่มีหลายค่ายช่วยกันพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
   สำหรับมิววัยเด็กแบบนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่าเรื่องของ “เกม” ล้วนๆ มิวไม่ได้สนใจสเปคของโทรศัพท์เท่าไรนัก แต่อยากได้ตัวเทพฯ ก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่คิดว่า “แพงแล้วจะดีกว่า”
   คุยกันด้วยเหตุผลแล้ว แต่มิวก็ยังยืนยันว่าจะเอาซัมซุง จนผมต้องให้ร่างสนธิสัญญาขึ้นมาฉบับหนึ่ง เรียกว่า สนธิสัญญาซัมซุง เนื้อในบอกถึงกฎระเบียบในการประพฤติตน และกฎข้อบังคับในการใช้มือถือ
   ถ้าให้ตอบจากใจก็ไม่อยากให้ใช้หรอกครับ ตอนภรรยาผมให้ IPhone ผมนี่โคตรโมโหเลย แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าผมต้องมาตัดสินใจให้ไอ้ซัมซุงแก่เขาเสียเอง เฮ้ออ ลำบากใจจริงๆ
   สอนให้เขาคิดและเรียนรู้อย่างอิสระ จนมาถึงตอนนี้ เลยไม่อยากปิดกั้นจิตนาการ แต่ก็บอกให้เขาไปไตร่ตรองให้ดี ไอ้ที่เรามีอยู่มันก็อยู่หัวแถวระดับโลกแล้ว ใจลูกอยากได้เกมใน Android ขนาดนั้นเชียวหรือนี่
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride