racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on April 03, 2012, 02:34:16 pm

Title: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 03, 2012, 02:34:16 pm
1 เมษ 55
   นี่คือวันที่ผมว่างที่สุดในสัปดาห์ มีอิสระมากสุด จะไปไหนก็ได้ แต่ผมมักจะใช้เวลาให้กับภรรยาและลูก ก็ย่อมต้องสละเรื่องส่วนตัวไปเป็นธรรมดา วันนี้ก็เช่นกัน จากเดิมที่วางแผนจะไปงานมอเตอร์โชว์ กลายเป็นต้องอยู่เฝ้าบ้าน จบข่าว
   เช้ารีบขี่จักรยานไปตลาดสินทวี ระหว่างทางพบกับ “เซ็ท” เพื่อนแถวบ้านเก่าแก่สมัยขี่ BMX ด้วยกัน มาวันนี้เซ็ทเล่นแต่เสือหมอบล้วนๆ แล้ว เขาใช้รถ Bianchi สีน้ำเงินอย่างสวยเลย ขี่ไปจุดนัดพับคือในปั๊มน้ำมัน ปตท กลุ่มใหญ่ราว 20 กว่าคันจะขี่ไปแม่กลองกัน ผมอยู่ในกลุ่มแล้วฮึกเหิมมาก เจอเด็กๆ ที่โตกว่าลูกผมหน่อยเดียวเองก็มี อยากให้ลูกมาขี่ทางไกลแบบนี้บ้าง มันสอนอะไรได้ดีกว่าการเรียนในห้องเยอะเลย แม้จะไม่ได้วิชาการ แต่มันได้ฝึกใจ ฝึกจิต และวิธีคิด (ถ้าคนๆ นั้นฉลาดพอ)
   อยู่บ้านเฉยๆ ซิทอัพไปอีก 200 ครั้ง
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 03, 2012, 03:05:26 pm
2 เมษ 55
   วันนี้มิวเปิดเรียนซัมเมอร์วันแรก ตอนแรกเขาบอกจะไม่เรียน เอาเข้าจริง ไปอ่านคอร์สการสอนเข้าก็เปลี่ยนใจ เพราะสอนเกี่ยวกับยีสต์ แน่ล่ะ มีการทำพิซซ่าด้วย ของโปรดของเขาเลย
   ภรรยาผมเอารถ Neobike 16 คันใหม่ (ที่หน้าตาไม่เหมือน 16 ทั่วไป) ไปขี่เป็นรถใช้งานที่ทำงาน เห็นเขาแขวนถุงพะรุงพะรัง สมัยก่อนที่ใช้รถตัว 14 ก็จะแขวนง่าย เพราะเป็นแฮนด์รูปตัว U และไม่มีมือเบรก แขวนแล้วข้าวของจะมากองรวมกันตรงกลาง ขี่แล้วไม่แกว่ง
   แต่กับเจ้ารถคันใหม่นี้มันติดมือเบรกครับ มีเบรกสองข้าง หน้าหลังเลย ผมเลยเกิดมุขสด เอาตะกร้าพลาสติกเล็กๆ ที่ซื้อจากตลาดนัดอันละ 20 บาท มาแขวนหน้าแฮนด์ บ๊ะ เข้าท่า พอดีเป๊ะเลย ใช้งานจริงก็สะดวกมากๆ ชอบสุดตรงน้ำหนักเบามากนี่แหละ แลกกับสายตาที่มองแบบแปลกๆ หน่อย
   ตอนนี้ชักจะเริ่มชอบแนวทางการแต่งรถให้มันดูแบบบ้านๆ มากเลย ต่างจากสมัยก่อนที่ชอบข้าวของเครื่องใช้ดีๆ อย่าง Panniers ก็ไปหาซื้อ Ortlieb มา มีครบชุด 4 ใบยังไม่พอ ยังมีของ Deuter rack pack คู่หลังอีกใบ ขี่ก็ไม่ได้บ่อยเล้ยย แต่ดันไปเอาของแพงๆ มาใช้
   มาวันนี้กลับตาลปัตร อยากทำรถให้มันดูกระจอกๆ ยิ่งดูงี่เง่ายิ่งดี เอาไว้ค่อยๆ ตกแต่งมันไปทีละนิด สไตล์นี้สนุกดีครับ ใช้แค่ไอเดีย ไม่ต้องใช้เงิน แต่รถมันต้องวิ่งใช้งานดีด้วยล่ะ ไม่ใช่ทำแล้วรถมันขี่ไม่ถนัด ใช้งานไม่เวิร์ค หรือไม่ปลอดภัย แบบนี้ก็ไม่ผ่าน ผมตั้งชื่อรถสไตล์นี้ว่า rat bike ครับ
   ไอเดียต้นกำเนิดมาจากโปรเจคการเดินทางไกลของผมนั่นแหละ ที่นี้เราก็ต้องทำตัวเองและรถให้มันดูเรียบง่าย ไม่มีของมีค่าใดๆ แต่ถ้าผมเอา Ortlieb ไป แค่คู่หลังคู่เดียวก็ 5000 บาทเข้าไปแล้ว ใส่คู่หน้าอีกคู่เต็มยศ เฉพาะค่า Panners นี้ก็ปาเข้าไปหนึ่งหมื่นบาท ขี่คนเดียวไม่ดีแน่เลย ไอ้ของแพงๆ อาจเป็นตัวล่อโจรให้มาทำร้ายเรา เลยต้องเอากระดาษกาวมาปิดทับยี่ห้อที่กระเป๋า แต่เอ๊ะ มันหลอกได้แค่คนไม่รู้เรื่อง ถ้าเจอโจรเล่นรถ มองปราดเดียวก็มองออก นี่แหละ คือที่มาของ project rat bike
   ซิทอัพไปอีก 200 ครั้ง มาเล่นเอาก่อนนอน เลยนอนไม่ค่อยจะหลับ
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 03, 2012, 08:33:47 pm
3 เมษ 55
   ภารกิจเช้านี้ กวาดลานหน้าบ้าน เก็บขี้หมา แค่นี้ก็หมดเวลาส่วนตัวของผมช่วงเช้าแล้ว กลับเข้าสู่วงจรชีวิตเดิม คือกินข้าว อาบน้ำ แล้วไปส่งลูกเรียนซัมเมอร์ จากนั้นก็เลยไปทำงานที่ร้านขายของต่อ
ไปถึงก็เจองานกองใหญ่มารอ มีรถมาส่งสินค้า ผมเป็นคนนำพาไปยังโกดัง เจอสินค้าเก่าวางไม่เป็นระเบียบ เกะกะ เลยต้องจัดการย้ายเอง กว่าจะเสร็จเล่นเอาเหงื่อชุ่ม ต้องยกอย่างระมัดระวัง เพราะอาการหลังเจ็บจะกำเริบเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
วันนี้ได้เข้าบ้านมาตอนบ่ายแก่ๆ มีเวลาส่วนตัวราว 1 ชม จากนั้นก็ไปรับลูกที่โรงเรียน กลับมาถึงบ้านก็ขอให้ผมออนไลน์ บอกอยากจะเช็คเมลล์ อยากเข้าเฟซบุ๊ค ฯลฯ
                ก็เข้าใจนะ นี่มันยุคของเขานี่นา ต้องเดินสายกลางครับ ถ้ามากเกินไป ก็ต้องคุยกันหน่อย
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 05, 2012, 12:50:55 pm
4 เมษ 55
   เป็นเช้าแรกในรอบหลายปีที่ไม่ได้กินอาหารเช้า เพราะมัวแต่กวาดบ้าน ซักผ้า ตากผ้า ไม่ค่อยได้ทำ เลยเก้ๆ กังๆ พองานเสร็จก็เล่นไป 0730 เสียแล้ว รีบอาบน้ำ ไปส่งลูกเข้าเรียน
   อากาศมืดครึ้มตลอดเลย ฝนตกชัวร์ ระยะหลังมานี้ผมมีเสื้อกันฝนติดไว้ในรถแล้วล่ะ ส่วนร่มนั้นมีไว้มานานมากแล้ว จะสงสารก็ชาวบ้านที่ใช้รถโดยสารนี่แหละครับ บางคนหิ้วของพะรุงพะรัง รถสาธารณะในไทยเราน่าจะพัฒนาให้ได้ดีกว่านี้นะ
   เย็นไปรับลูก นั่งดูเขาซ้อมบาสฯจนถึงห้าโมงกว่า แวะกินสเต็ก 49 หน้าปากซอย มิวชอบเนื้อปลา ส่วนผมวันนี้กินสปาเก็ตตี้ทะเลผัดขี้เมา
               เข้ามาบ้านก็เห็นแม่บ้านชื่อดีกลับมาแล้ว เย้ๆ พรุ่งนี้ได้ขี่จักรยานแล้วโว๊ยยยย
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 07, 2012, 03:40:36 pm
5 เมษ 55
   ขี่จักรยานยามเช้านี่ช่างแสนจะสนุก ลมพัดเย็น อากาศครึ้มๆ ออกขี่ไปได้หน่อยเดียว ฝนเทลงมา ตกไม่หนัก แต่วันนี้ขี่แป๊บเดียว เลยไม่อยากตากฝน ถ้าเป็นตอนที่ออกทริปล่ะก็ เจอฝนเป็นต้องลุยฝ่า ผมว่าสนุกสุดๆ เลยล่ะ เป็นอีกอารมณ์หนึ่งที่น่าจดจำ
   
   กลางคืนดูทีวีรายการ spunge ช่อง 9 น่าตกใจมากที่มีการทำเนื้อหมูปลอม ไม่ได้เอาสิ่งของอื่นมาปลอมเป็นเนื้อหมูนะ แต่เอาเนื้อหมูราคาถูกมาปลอมเป็นชิ้นเนื้อราคาแพง เช่น หมูสามชั้น สเต็ค แต่ที่น่าทึ่งสุดๆ คือปลอมเนื้อซี่โครง
   เขาเอากระดูกซี่โครงหมูมาเลาะเนื้อออกให้หมด (แน่ละ อาจเป็นซี่โครงที่ใครกินแล้วเหลือทิ้งไว้ก็เป็นได้) แล้วเอาเนื้อเกรดต่ำกว่าคือเนื้อขาหน้ามาแล่บางๆ แล้วติดด้วยกาวติดอาหาร (มีส่วนผสมหลายอย่าง) เอามาพันๆ รอบซี่โครงก็ใช้ได้แล้ว เอามาประกอบเป็นอาหารจะมีคุณสมบัติคือไม่เกาะตัวกับกระดูก มันเลาะออกมาจากซี่โครงได้ง่ายมาก
   เฮ้ยย ผมเจอไอ้เนื้อแบบนี้ที่ร้าน Tony Roma’s ร้านสเต็คแพงๆ ใน Siam Paragon กินแล้วติดใจกันหมด อร่อยมากๆ ยังคิดว่าเขาทำเนื้อซี่โครงได้เจ๋งมาก อบจนมันนุ่มจนรูดแบบไม่ติดกระดูก ยังเคยชมว่าร้านนี้ทำซี่โครงได้เจ๋งมากๆ ไอ้ฉิบหาย เอาเนื้อซี่โครงปลอมแบบนี้มาหลอกกูแน่เลย จานละพันกว่าบาทเชียวนะนั่น
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 07, 2012, 03:43:50 pm
6 เมษ 55
   วันจักรี ใครๆ เขาก็หยุดกันทั้งนั้น ยกเว้นร้านผมนะ ยังคงใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ดีหน่อยที่แม่บ้านกลับมาแล้ว เช้านี้เลยได้อาหารสุขภาพคือ เต้าหู้ราดพริก บร็อคโคลี่นึ่ง กระเทียมสด ข้าวกล้อง
   กลางวันพาลูกไปงานสัปดาห์หนังสือ เดินกับแบบสะใจ เมื่อยขากันทั้งพ่อลูก ต้องแอบหามุมนั่งพัก ซื้อของกันจนเต็มเป้สองใบ มิวดีใจได้หนังสือมาเพียบ ผมเองก็เช่นกัน ได้หนังสือแผนที่กรุงเทพฯราคาถูกมา 1 เล่ม เขาขาย 20 บาท ทั้งๆ ที่หน้าปกตีไว้ 250 บาท เป็นหนังสือสองภาษาเสียด้วย แต่ดูจากสภาพถนนแล้ว ผมคิดว่ามันน่าจะเก่าไปสักหน่อย เอาน่ะ แค่ 20 บาท กระดาษอาร์ตมัน พิมพ์ 4 สีสวยคมชัด เล่าแบบพ็อคเก็ตบุ๊ค 20 บาทเอง
   นอกนั้นเป็นหนังสือที่เจอแล้วปิ๊ง เช่นท่องเที่ยวทั่วไทย และมีการ์ตูนเกี่ยวกับรถยนต์แบบจบในตอนมาอีก 2 เรื่อง ส่วนมิวจัดเต็มเป้เช่นกัน เป็นพวกการ์ตูน และหนังสือเด็ก
   กลับถึงบ้านก็แทบสลบ เมื่อยขามากๆ แถมผมยังไม่ได้กินข้าวกลางวันไปอีกด้วย พอถึงบ้านเลยหิวใหญ่ กินแตงโม เมล็ดฟักทอง รองท้อง มื้อเย็นเป็นเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว ใช้คะน้าฮ่องกงก้านใหญ่ๆ แม่บ้านทำอร่อยดีมาก
   อาบน้ำอาบท่า ออกจากห้องน้ำมา มิวปิดไฟหลับปุ๋ยเสียแล้ว เอ้ยย ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 09, 2012, 03:53:45 pm
7 เมษ 55
   ขี่จักรยานยามเช้านี่ช่างสุขสดใสดีจริงๆ จิตนาการสถานที่ต่างๆ ที่เคยไปมาจนหมดแล้วล่ะ น่าจะต้องหาที่ใหม่ๆ มาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมเสียแล้ว
   บ่ายทำธุระที่ธนาคารแล้วกลับเข้าบ้านเห็นกองหนังสือวางกระจัดกระจาย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร มิวยังคงต้องฝึกเรื่องระเบียบวินัย แต่ข้อดีของเขาก็มีเยอะ ที่ผมชอบก็คือ เขาชอบอ่านหนังสือ วาดเขียนการ์ตูน
   ยังคงรอลุ้นให้เขาหาความฝันของตัวเองให้เจอเร็วๆ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ผมยังพอจะมีแรงช่วยผลักดันและเขาให้
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 09, 2012, 04:17:34 pm
8 เมษ 55
   อากาศดีสุดๆ ลมพัดเย็นเหมือนลมหนาวเลย แจ๋วมากๆ วันนี้แหละที่ข้าจะขี่จักรยานได้อย่างสนุกที่สุด รีบอาบน้ำแต่งตัว หยิบเอาจักรยานออกขี่ อ้าว เฮ้ยยย
   ยางแบน ยางหลังที่สูบลมอัดไว้เต็มตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น มันแบนแต๊ดแต๋ โห เซ็งเลยว่ะ นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะเอารถคันที่เหลือคือ KHS F20-W ออกขี่แทน แต่ช่วงปีหลังๆ มานี้ขี่รถพับน้อยมากเลย มีเหตุผลเดียวครับ คือนั่งเบาะ Brooks ที่ติดตั้งในรถใหญ่แล้วติดใจ ทำให้ไอเดียในการหา Brooks มาใช้ในรถพับแว่วเข้ามาในหูอีกครั้ง
   จะถอดปะ หรือถอดเปลี่ยนยางในก็ทันแหละ แต่มันเซ็งแล้วไง ถ้าอยู่นอกบ้านก็คงทำไปแล้ว แต่วันนี้ตอนสายจะพาพ่อแม่ไปงานมอเตอร์โชว์ คือถ้าจะออกขี่ก็ไปได้แค่แป๊บเดียว เลยเบนเข็ม ออกกำลังกายเดินไปเดินมาในบ้านแทน
   ตอนสายพาพ่อแม่ไปงานมอเตอร์โชว์ เจอรถถูกใจตัวเป็นๆ หลายคัน เริ่มจาก Land Rover Evoque ไอ้คันนี้ผมชอบสุด แต่คิดดูหลายๆ เหตุผลประกอบกันแล้วก็ต้องถอยออกมาก่อน ใกล้ๆ กันมี Hyundai Tucson / Volvo XC60-90 พ่อชอบ SUV คันใหญ่ครับ ส่วนผมรีบปรี่ไป Toyota FT86 ตามมาด้วย Honda CR-Z แต่ก็ไม่ลืมมองรถที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่เราพอจะกัดฟันผ่อนได้ นั้นคือ Suzuki SX4
   แม่ถามว่าผมชอบรถคันไหน โอ้โหแม่ คันที่ผมชอบก็คือไอ้ที่รีบวิ่งเข้าไปดูนี่แหละครับ ดูเหมือนจะมีแค่ FT86 กับ CR-Z แต่ต้องอย่าลืมเพื่อนเก่าของผมนั่นคือ Mazda MX-5 รถเปิดประทุนนี่มันเป็นอะไรที่ขับแล้วไอเดียบรรเจิดสุดๆ
   ผมชอบ FT86 ก็เพราะรถมันมีน้อย ล็อตแรกน่าจะมาราว 100 คัน ถ้าฟีดแบ็คไม่ดี ก็จบที่ 100 คันนี่แหละ แล้วก็ลองคิดดูละกันว่า ต่อไปราคามันจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันจะพุ่งขึ้นอย่างมาก ไม่สิ เรียกว่าพุ่งไม่ได้ ต้องเรียกว่าราคาตกน้อยมาก
   CR-Z ชอบตรงประหยัดอย่างเดียวเลย เครื่อง 1.5 Hybrid ขับช้าๆ ในเมืองแบบที่ผมขับอยู่ทุกวันนี้ น่าจะออกมาได้เกือบๆ 20 กม/ล แต่คันนี้ราคาน่าเกลียดมาก เกือบ 2 ล้าน
   MX-5 นี่ชอบเพราะเปิดหลังคาครับ ทำงานใช้สมองจะทำให้เกิดไอเดียต่างๆ มากมาย
   แค่คิด แค่ชอบนะ ยังไม่ซื้อจริงหรอก ไม่มีเงินครับ หันกลับไปมองเจ้า Nissan 180SX คู่ชีพ มันก็ยังขับดีเหลือหลาย ราคามันค้างอยู่ที่ 5-6 แสนมาหลายปีแล้ว ต่อให้ผมใช้ไปอีก 2 ปี มันก็ไม่น่าจะลงไปจากนี้เท่าไรนัก ไหนยังจะมีกระแสดริฟท์โหมเข้ามาเป็นระยะๆ ต้องยอมรับกันในสังคมครับว่า รถที่เอามาทำดริฟท์ได้ดีมันมีแค่ A31 และ 200SX เท่านั้น (นับเฉพาะรถในประเทศ)
   แต่ยังมีรถอีกจำนวนหนึ่งที่เอามาทำรถดริฟท์ได้นะ แต่ติดที่อาจต้องลงทุนเยอะหน่อย ไอเดียนี้เกิดตั้งแต่ก่อนผมจะทำ ธนูไฟ A31 แล้ว มี 2 ไอเดีย
   1 เอารถ Mitsubishi Lancer มาทำเป็น Evo 3 แต่วางเครื่องใหม่ตามยาว ชนกับเกียร์ของ Sirius พอดีเป๊ะ แต่เหนื่อยตรงทำแท่นเครื่อง แท่นเกียร์ใหม่หมด เบ็ดเสร็จจะออกมาเป็น Evo 3 FR น่าจะไปได้ดีในระดับหนึ่ง อยากแต่งอะไรก็จัด Ralli ART ไปซะ
   2 เอารถ Subaru Impreza รื้อชุดเพลาขับหน้าออก จัดระบบเกียร์ใหม่ ให้ปั่นแค่ล้อหลัง งานนี้ลงทุนเกียร์ 1 ลูก ออกมาเป็น Impreza FR อีกคัน แต่งแบบไม่เลอะเทอะด้วย STi
   แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเอา A31 มาทำแทน เพราะดันไปได้รถสภาพสวยมากมาคันหนึ่งจากทางใต้ (รุ่นน้องเป็นเซลล์ขายรถช่วยหาให้) แถมตัวรถยังมีหลังคา Moon Roof มาให้อีกด้วย ราคาก็มิตรภาพ เลยไม่คิดมากแล้ว จัดเลยๆ และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็นๆ กันในสนามแหละครับ แต่งกันตามอัฒภาพ ส่วนใหญ่จะเป็นชิ้นส่วนที่ออกแบบเอง สร้างเอง บางคนมองน่าเกลียด อนาถาก็มี สปอนเซอร์ก็เป็นพวกสินค้าไทยๆ อย่าง Vee Rubber
   แม่คะยั้นคะยอให้ผมเปลี่ยนรถเสียที แต่ยังหรอกครับ เจ้า 180SX นี้ยังใช้ได้ดีไปอีกนานมาก อีกทั้งเกือบในงานนับเฉพาะรถราคาต่ำกว่า 2 ล้าน แทบไม่มีคันไหนสเปคเหนือกว่า Nissan 180SX ของผมเลย ถ้าจะหารถแบบ FR ก็เจอถูกสุดคื่อ BMW 3Series หรือไม่ก็ Mercedes Benz C Class เฮ้ยย ไม่ใช่แล้ว ผมไม่ขับรถแบบนั้น
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 10, 2012, 08:18:06 pm
9 เมษ 55
   ภาพที่ผมลงในวันที่ 8 มันไม่ใช่ Toyota FT86 นะครับ แต่เป็น Subaru BR-Z คอนเสปของเจ้ารถตัวนี้แปลกดีครับ คือทาง Toyota ออกแบบรูปลักษณ์รถ และให้ทาง Subaru ออกแบบเครื่องยนต์ เรื่องราวมันมีที่มาจากการ์ตูน Initial D เพราะทาคุมิขับรถ AE86 ที่ตอนนั้นตัวเองว่าฝีมือเจ๋งแล้ว จู่ๆ ก็เจอ Subaru Impreza WRX STi พุ่งแซงมาจากด้านหลังขึ้นนำแล้ววิ่งหายลับไปกับตา ใช่เลย คนๆ นั้นคือบุนตะ พ่อของทาคุมิเอง
   ผลพวงจากการ์ตูนสุดฮิต เลยเป็นที่มาของ 86 Concept ที่สองค่ายร่วมมือกันสร้างรถคันนี้ขึ้นมา จะว่าไปแล้วก็คือการเกาะกระแสการ์ตูนนั่นเอง แต่มันก็สมควรดังล่ะนะ เพราะ Toyota เองก็ไม่มีรถสปอร์ทแท้ๆ ออกมาขายเกือบจะ 20 ปีแล้ว ตัวล่าสุดก็คือ Toyota Supra (ส่วนเจ้า MR-S และ Celica ไม่นับนะ มันแค่รถขับเล่น)
   ฟันธงได้เลยครับว่าเจ้า FT86 จะต้องโด่งดัง ไม่ใช่แค่ไทยหรือญี่ปุ่น แต่เป็นทั่วโลก ดังพอๆ กับ Supra นั่นแหละ

   เช้านี้เอารถอีกคันที่ยางไม่แบนออกขี่แทน เป็นรถพับที่ตั้งแต่กลับจากอินทนนท์แล้ว ก็ไม่ได้ไปไหนเป็นเรื่องเป็นราวอีกเลย มีแต่ขี่กระหยองกระแหยงพับขึ้นรถไปริมทะเลระยองนิดหน่อย นอกนั้นขี่แต่รถใหญ่ล้อ 26 นอกจากจะไปได้ดีกว่ากันเยอะแล้ว ยังมีเบาะ Brooks อีกด้วย
   วันนี้ลองมาเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ คิดเสียว่าถ้าเกิดเราไปเจอรถเช่าหน้าตาแบบนี้ สเปคแบบนี้ล่ะ โห เท่านั้นแหละครับ รีบกระโจนขี่ในทันใด เบาะแบบหนานุ่มก็นั่งสบายขึ้นมาอย่างกระทันหัน ทั้งๆ ที่วันก่อนยังแทบไม่อยากเอาออกขี่
   ผมว่าไอ้รถคันนี้ท่อคอมันสูงไปนิด หรืออีกอย่างหนึ่งคือผมตัวเตี้ยเกินไปนั่นเอง ระยะเอื้อมที่ดูเหมือนว่าจะพอดี ตอนนี้กลับรู้สึกยาวไปหน่อย เอ๊ะ หรือว่าเราชินกับรถคันเก่าล้อ 26 ไปแล้วนะ
   กลางวันโทรหาพี่นก ผู้จัดการศูนย์รถที่จองไปเมื่อวาน โทรไปแจ้งสเปคของฟิล์มกรองแสงใหม่ พ่อบอกว่านี่เป็นรถคันแรกที่ได้ทดลองขับก่อนซื้อ คนซื้อหลายคนไม่รู้นะว่าเราก็มีสิทธิ์ในการขอทดลองขับ แม้จะนิดหน่อย แต่มันก็ทำให้เรารู้ว่าไอ้เจ้าคันนี้มันมีอัตราเร่งรุนแรงเพียงใด จากนั้นผมก็ว่างไม่มีอะไรทำ มิวขอออนไลน์เล่น facebook เลยได้โอกาสปะยางรถคัน HT ซะ
   จากเดิมใช้ยางใน Kenda มาหลายปี ครั้งนี้ขอลองของใหม่เป็นของ Schwalbe เส้นนี้ซื้อมาจากร้านสินเจริญแถวสำเหร่ครับ ปกติจะซื้อของร้านแสงเพชร จรัลสนิทวงศ์ แต่หลังจากโดนแสดงกริยาแย่ๆ จากเจ้าของร้านชนิดที่รับไม่ได้ ก็เลยต้องหาร้านใหม่เป็นที่พึง
   ยางใน Kenda เส้นเก่าที่ใช้อยู่จะพิมพ์ว่า 26X1.50-1.75 อ่านแล้วเข้าใจดี ไม่ต้องแปล ส่วนยางในของ Schwalbe นี่สิ มันบอกแค่ว่า 26” 40/62-559 แล้วก็มีเลข 13 อยู่ในวงกลม ด้านนอกกล่องกระดาษสิยิ่งน่าสงสัย มีตัวเลขพิมพ์เรียงแถวมากมาย อ่านแล้วจับใจความได้ว่า ใส่ได้ตั้งแต่ 26X1.50 – 26X2.50 ตกใจสิ ไม่เคยเจอยางในที่รองรับได้กว้างขนาดนี้มาก่อน
   จับๆ ดูแล้วยางในจะเส้นใหญ่กว่าของ Kenda ที่ผมใช้อยู่ ใหญ่กว่า แถมน่าจะหนากว่าด้วย เอ๊ะ ไอ้ความหนานี้จะมีผลต่อแรงดันลมยางที่ผมใส่เข้าไปราว 100 psi หรือเปล่านะ
   อยากรู้น้ำหนักครับ ผมชอบรถที่ unsprung weight น้อยๆ แต่พอเห็นตัวเลขแล้วตกใจมาก เพราะมันหนักถึงเส้นละ 200 g ในขณะที่ยางใน kenda มีรอยปะ 1 รู หนักแค่ 110 g
   ลำพังแค่ 90 g นั้นเรื่องเล็กน้อยมากครับ แต่มันเป็นน้ำหนัก 90 g ที่มาอยู่ตรงยางนี่สิ ผมถือว่าจุดนี้เป็นจุดที่ควรจะเบาที่สุด “จุดหมุนต้องลื่น จุดที่เคลื่อนไหวต้องเบา” น้ำหนักในจุดที่เคลื่อนไหวเช่นล้อ ยาง มันมีผลมากกว่าจุดที่อยู่นิ่งเช่นเฟรม เบาะ หลักอาน ฯลฯ อย่างมาก ผมว่าน่าจะถึง 3 เท่าตัว ยิ่งถ้าขี่เร็วก็ยิ่งมีผลเป็นทวีคูณ ถ้าเป็นเส้นกราฟก็จะค่อยๆ ลาดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 11, 2012, 08:35:36 pm
10 เมษ 55
   เปลี่ยนยางในใหม่ สำหรับผมแล้วมันก็คือเซ็ทติ้งใหม่ แต่ขี่ช้าๆ ยามเช้าแบนี้ม่รู้เรื่องหรอกครับ น้ำหนักที่โดนถ่วงเข้าไปที่ยางหลัง 90 g ยิ่งไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ บางคนเอากระติกน้ำออก หรือใส่เพิ่มเข้าไป ก็ยังไม่รู้เรื่องเลย
   กลางวันแดดร้อนแรงจัด นั่งออกแบบงานอยู่ที่บ้าน ผมเปิดหนังสือรวมไอเดียเก่าๆ ตั้งแต่ยุคปี 90 เจอไอเดียเจ๋งๆ หลุดโลกที่จดบันทึกเอาไว้ มันน่าจะเหมาะกับช่วงเวลานี้แล้วนะ นิตยสาร Racing Club ที่ทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน มันก็เหมาะที่จะมาแจ้งเกิดอีกรอบในช่วงเวลานี้ แต่คราวนี้ผมต้องการทีมงานชุดใหม่ไฟแรง ต้องการเด็กๆ ที่เล่นรถอย่างจริงจังสักกลุ่มเพื่อมาปั่นให้เป็นตัวแทนสืบทอดแนวทางของ Racing Club ที่ผมตั้งใจไว้
   ผมมีไอเดียและพละกำลังทางสมองอย่างมากมาย แต่วิ่งเข้าไปพรีเซนต์งานค่ายใด ก็มักจะโดนเขาเอาไอเดียเราไปทำเองเสมอเลย บ่อยเข้าก็ชักจะท้อใจ ตอนหยุดพักการผลิต Racing Club เพราะเงินหมด ผมก็วิ่งเข้าไปหาค่ายกรังปรีด์ พรีเซนต์งานแบบสุดยอดโปรเจค เจ้าของเขาฟังอย่างตั้งใจ แล้วบอกว่าจะติดต่อกลับมา แต่นั้นคือครั้งสุดท้ายที่ผมได้เข้าไปที่บริษัทนั้น และอีกสักพักก็มีงานไอเดียคล้ายๆ กับที่ผมพรีเซนต์เขาไว้ออกมาสู่ท้องตลาดจนถึงทุกวันนี้ นั้นคือนิตยสาร Tune by แต่ไอเดียของผมตอนที่เสนอเขา มันไม่ใช่หนังสือแนวนั้นหรอกนะ ผมเล่นแรงกว่านั้นอีก
   อกหักจากกรังปรีด์ ก็ขับดริฟท์อย่างบ้าเลือดด้วย Toyota Supra พอจะมั่นใจในฝีมือตัวเองบ้างแล้ว ทีนี้เข้าไปพรีเซนต์งานให้กับค่ายกระทิงแดงบ้าง เสนอโปรเจคใหม่ที่เขาไม่คุ้นมาก่อน แต่ปกติทางกระทิงแดงเขาจะเล่น Off Road กันอยู่แล้ว ชื่อกลุ่มว่า RBJ – Red Bull Jungle ตอนนั้นการแข่ง Gymkhana กำลังดัง ค่ายยาง BF Goodrich จัดต่อเนื่องทั้งปี ผมเสนองานแข่งแบบนี้ให้กับกระทิงแดง แล้วก็เป็นไปตามฟอร์ม เขาฟังอย่างดี บอกว่าถ้ามีอะไรคืบหน้าจะติดต่อกลับมา สุดท้าย หายจ้อย แล้วก็มีงานแข่ง Gymkhana ของกระทิงแดงในปีถัดมา (แต่จัดงานไม่เต็มรูปแบบเท่าตอนผมพรีเซนต์ ไม่มีการชิงแชมป์ประเทศไทย)
   เจอสองเด้งในปีเดียวกันเล่นเอาเซ็งโครตๆ ถึงขนาดอยากย้ายประเทศอยู่ แต่ลูกเพิ่งเกิด ผมตั้งใจจะเลี้ยงลูกเอง อยากเป็นฮีโร่เท่ๆ ให้ลูกดู เลยปั้นรถดริฟท์ ธนูไฟ A31 ออกมา คราวนี้แต่งเต็มจัดเต็ม แต่ลงแข่งได้แค่ปีแรกเท่านั้นเอง ลูกเริ่มโตขึ้น ผมต้องเอาใจใส่มากขึ้น
   มีวันหนึ่งกำลังทยอยนำล้อสำรองใส่รถเส้นสุดท้าย ลูกเดินมาพูดแบบเสียงยังไม่ค่อยชัดว่า 
   “พ่อๆ มิวอยากไปสวนสัตว์”
   ผมกำลังล้างมืออยู่ถึงกับชะงักงัน ยืนเอามือถูกันอย่างเลื่อนลอย เหมือนวิญญาณโดนดูดออกจากร่าง
   หันหลังกลับมา คุกเข่าลงเพื่อคุยกับลูก ตอนนั้นเขาอายุแค่ 2 ปีเห็นจะได้ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด และจับหัวไหล่ของเขาสองข้างพร้อมกับพูดว่า
   “ไปอาบน้ำซะลูก เราจะไปสวนสัตว์กัน”
   คงไม่ต้องบอกความรู้สึกของผมตอนนั้นหรอกนะ
   บางครั้งเราก็ต้องยอมสละอะไรบางอย่างเพื่อแลกกับบางอย่าง สำหรับครั้งนี้ ผมอาจสละความฝันเพื่อแลกกับหน้าที่การดูแลลูก เจ็บปวดเหมือนกันนะ เพราะกว่าจะไต่มาถึงตรงนี้ได้มันต้องใช้เวลาฝึกฝนอยู่นาน
   พอละ เล่าอดีตมากไปก็เท่านั่น เก็บไว้เป็นความทรงจำและบทเรียน ทุกวันนี้เลยอัดอั้นใจเป็นอย่างมาก ไอเดียต่างๆ พร่างพรูเหลือเกิน แต่ไม่กล้าไปคุยกับใคร กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย คิดอะไรได้ ก็มีแต่จดบันทึกเอาไว้ ทั้งธุรกิจที่เราชอบ เราสนใจ และธุรกิจที่จะมาแรงในอนาคต
   นี่ถ้าผมเจอกับคนมีเงิน แต่ไม่รู้จะลงทุนทำอะไร ก็ดีสินะ อยากคุยด้วยจริงๆ ชอบรถยนต์ ชอบจักรยาน หรือชอบบ้าชอบบออะไรก็ได้ มีธุรกิจแปลกใหม่ แหวกแนว ชนิดที่ฟังแล้วอาจไม่อยากร่วมลงทุนด้วยก็มี เพราะผมไม่ได้เน้นเงินเป็นหลักนะครับ ถ้าจะทำเงินล่ะก็ ผมจะแนะนำให้ไปซุกตัวอยู่ตลาดหุ้น เล่นแบบไม่เว่อร์ ไม่ตามกระแส รับรองไม่มีเจ๊ง
   โดยลักษณะส่วนตัวผมชอบเอางานอดิเรกมาเป็นงานหลัก มันจะทำให้เราลุยกับงานได้อย่างสนุกสนานและไม่รู้เบื่อ เจอปัญหาก็จะคิดแก้ไขด้วยความสนุกท้าทาย งานแบบนี้สิ ยิ่งทำ ยิ่งมันส์ ยิ่งเก่ง ยิ่งฉลาด สำคัญคือยิ้งสนุก
   นี่แหละ คืองานที่ผมใฝ่ฝัน
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 11, 2012, 08:55:05 pm
11 เมษ 55 แผ่นดินไหวที่บันดาอาร์เจะ 8.6 ริกเตอร์
   ขี่จักรยานยามเข้าไปได้หน่อยเดียวก็ต้องวนกลับบ้าน ฝนตกครับ จอดเก็บรถอย่างดี ฝนหายตกเสียแล้ว งอนมัน ไม่ขี่แม่งละ
   อ่านหนังสือเพลินๆ เจอคอลัมน์ดูดวงก็อ่านเล่นบ้าง เขาทำนายว่าผมจะได้รับมอบหมายงานตำแหน่งใหม่ ทำงานได้ดีถูกใจผู้ใหญ่ มีผู้ใหญ่เกื้อหนุน โห ฟังดูโคตรรดีเลย
ฉะนั้น วันนี้จึงได้รับมอบหมายให้ไปนั่งเช็คสินค้าอยู่หน้าร้าน ไปจัดเรียงสินค้าในโกดังเตรียมพร้อมเทศกาลสงกรานต์ จัดเต็มจนถึงบ่ายแก่ๆ ก่อนจะไปรับลูก ต้องแวะ Home Pro ซื้อช้อคฯของประตูบ้าน จากนั้นถึงไปรับลูกต่อ
พอขึ้นรถขับกลับบ้านถึงจะได้รับสัมผัสถึงความอิสระ อยากขี่จักรยานไปกลับเหมือนกันนะ แต่บางวันต้องทำธุระขากลับหลายอย่างนี่สิ มันเลยไม่สะดวกตรงนี้
   เข้ามาบ้านเท่านั้นแหละ ตกใจกับข่าวสึนามิที่บันดาอาเจะ รีบเปิดทีวีทันที อ้าว กลายเป็นพระราชพิธีที่ถ่ายทอดสด เอาไงดีวะ เปิดทีวีดูช่องเดลินิวส์ ก็ดันกลายเป็นคนบ้าบอลคุยกัน เปิดอินเทอร์เนทอ่านแทนก็ได้ แต่พอใกล้หกโมงเย็นช่อง ThaiPBS เป็นช่องแรกที่ตัดภาพจากงานพระราชพิธีฯ มาเป็นการรายงานสด เรื่องนี้มันละเอียดอ่อนนะ แล้วแต่มุมมองของคน แต่ผมว่า ThaiPBS ทำถูกต้องแล้วนะ ยังเหลือฟรีทีวีอีก 5 ช่องที่ถ่ายทอดสดพระราชพิธีฯ ต่อ
   ช่วงนี้ได้แต่ลุ้นว่าอย่าให้ความรุนแรงมาถึงไทยเราเลยครับ สึนามิที่เข้าไทยครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน จำได้แม่นว่าตรงกับงานแข่งดริฟท์ที่ผมไปร่วมด้วยที่สนาม BRC เช้านั้นท้องฟ้าแปลกๆ ออกแนวมืดครึ้ม ไม่น่าเชื่อว่าขณะที่พวกเรากำลังดริฟท์ แต่คนทางใต้โดนคลื่นสึนามิอย่างหนัก
   ศูนย์ที่ฮาวายส่งสารเตือนไปอีก 27 ประเทศใกล้เคียง ยังคงมี After Shock ตามมาเรื่อยๆ ครับ ความรุนแรงก็ยังคงระดับ 8 ริกเตอร์ ตลอดคืนนี้ยังคงต้องเฝ้าติดตาม
   แต่มีแนวโน้มสูงว่าไทยเราไม่น่าจะโดน
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 14, 2012, 10:23:28 am
12 เมษ 55
   เช้านี้แปลกที่อากาศอบอ้าว ปกติแถวบ้านผมจะออกเย็นๆ หน่อย ขี่แค่ 30 นาทีเหมือนเดิม วันนี้ลูกเรียนวันสุดท้ายก่อนหยุดยาวสงกรานต์ ส่วนผมทำงานที่ร้านขายของเหมือนเดิม
   ดวงบอกจะได้รับมอบหมายงานตำแหน่งใหม่ สำหรับผมมันคือการไปยกของในโกดังคนเดียว มีโรคประจำตัวอย่างถาวรคือเจ็บหลังจึงต้องค่อยๆ ยกช้าๆ ดูท่าทางเงอะๆ งะๆ มาก ไม่ค่อยจะแมนเหมือนพวกคนงานเท่าไหร่
   0830 เสื้อยืดของผมชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งตัวตั้งแต่คนอื่นยังไม่ได้ลงมือทำงานอะไรกันเลย คิดบวกให้มากเข้าไว้ พระเจ้ากำลังทดสอบเราอยู่ แม่กำลังสอนให้ผมรู้จักกับความอดทน แต่ภายในใจด้านลบมันบอกว่า มึงน่ะอ่อนมากๆ ดีแต่คิด ได้แต่คุยโม้ไปวันๆ ที่จริงมึงเป็นคนไม่เอาไหน ทำอะไรแม่งก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง คนอย่างมึงก็ต้องทำงานยกของแบบนี้ไปตลอดนั่นแหละวะ
   คิดบวกมาเยอะมากพอแล้ว บวกมาหลายปีแล้ว คราวนี้ขอลบบ้าง เพื่อให้เกิดความสมดุล รู้ทั้งรู้ว่ามันแสนจะบั่นทอนจิตใจตัวเองแท้ๆ แต่ผมไม่หลอกตัวเองหรอกครับ ไม่ได้เรื่องก็ยอมรับความจริง ใครว่าโง่ก็ไม่ปฏิเสธ
   กลางวันขี่จักรยานไปเก็บเช็คลูกค้าท่ามกลางแดดร้อนแรงจัด แสบผิวน่ะชินแล้ว นี่แสบตาอีกด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้บ่อยๆ คงต้องหาแว่นกันแดดมาช่วย และถ้าจะให้ดี ผมอยากได้หน้ากากเอาไว้กันแดดอีกอัน โดนจนเป็นกระฝ้าไปหมดแล้ว
   กลับเข้ามาบ้านสภาพสุดโทรม ได้พักนิดหน่อย เย็นออกไปรับลูก เขาบอกให้ไปรับเร็ว อยากกลับบ้านเร็ว เอาเข้าจริงผมไปตรงตามเวลานัด แต่มิวกลับเล่นบาสฯกับเพื่อนอยู่อีกนาน ผมนั่งรออย่างเบื่อๆ โดยไม่มีหนังสืออ่านถึง 2 ชม   
   การเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิดนั้น ต้องใช้เวลาอย่างมากครับ ขอจงตั้งใจจริง อุทิศเวลานี้ให้แก่เขา รับรองว่าผลที่ได้รับนั้นคุ้มสุดคุ้ม
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 14, 2012, 10:25:17 am
13 เมษ 55
   เช้านี้ขี่จักรยานไปทำงานครับ ใช่เลย ร้านยังไม่หยุดหรอก ธุรกิจขายของแบบนี้ ต่อให้เปิดทุกวันมันก็ยังขายได้
   เอารถ KHS HT ไปแน่นอน รถล้อใหญ่ขี่ดีกว่ารถเล็กเห็นๆ ผมไม่ได้ขี่ออกท้องถนนอย่างจริงจังมานานหลายเดือน โชคดีวันนี้เป็นวันที่ถนนโล่งที่สุดในรอบปี ขี่เรื่อยๆ สบายๆ แป๊บเดียวก็ถึงที่ทำงานแล้ว พุ่งตรงดิ่งไปยังริมแม่น้ำเจ้าพระยาทันที แต่โชคร้าย แดดร้อนแรงจัด นั่งไม่ได้เลย
   ขี่รถเข้าไปจอดนั่งพักที่สวนสมเด็จย่าอยู่ราว 30 นาที พอเหงื่อหายออกแล้วก็ขี่ไปทำงานต่อ เข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง โลกของคนงาน
   วันนี้งานน้อยครับ ไม่ต้องยกของมากนัก (เพราะยกจากโกดังมาเก็บไว้หน้าร้านมาหลายวันแล้ว) วันนี้มีแค่เข็นส่งแถวร้านเล็กน้อย ลูกค้าหลายรายปิดร้านกันไปหมดแล้วล่ะ เหลือร้านที่ผมอยู่นีแหละ ยังเปิดอีก 1 วัน
   ถนนโล่งขับสบาย ส่งของง่าย จอดสะดวก ปีหนึงมีแบบนี้ไม่กี่วันเท่านั้น จะเรียกนาทีทองก็ไม่ผิด
   ข้อดีของสงกรานต์คือถนนโล่ง ขอเสียคือหาของกินลำบาก ส่วนใหญ่ต้องใช้บริการในห้าง แน่ละ ทุกคนทำแบบนี้ ในห้างมันถึงคนแน่นไง
   เย็นพาลูกออกไปกินข้าวนอกบ้าน มิวเริ่มจะติดใจสเต็ค ก็ต้องคอยสอนเขาว่ากินแล้วต้องออกกำลังกายให้หนักกว่าเดิมด้วยนะ กินแบบนี้มันอ้วนมาก และต้องกินผักที่อยู่ข้างจานให้หมด มิวกินผักได้หลากหลาย แต่ที่เขาไม่ชอบคือมะเขือเทศ ก็ต้องสอนกันไปว่ามันมีประโยชน์ต่อร่างกาย เราไม่ได้อยากกินมะเขือเทศหรอก แต่เราอยากได้สารอาหารที่อยู่ภายในตัวมันมากกว่า มันมีไลโคปีน
   เด็กจะใช้เวลาในการเรียนรู้อาหารที่เขาไม่คุ้นเคย 16 ครั้ง ยกตัวอย่างผมกินปลาร้าไม่เป็น ครั้งแรกอาจทำได้แค่แตะลิ้นแล้วรีบกลืนน้ำตาม แต่พอทำบ่อยเข้า ทำซ้ำๆ กันไป 16 ครั้ง ผมก็จะเริ่มคุ้นเคยและกินปลาร้าหรือสิ้งที่ผมไม่ชอบได้
   มิวเองก็เช่นกันลูก ไม่ชอบก็กินนิดหน่อยก็แล้วกันนะลูก พูดจบ มิวตักมะเขือเทศสดๆ เข้าปากกินหน้าตาเฉย
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 17, 2012, 05:49:55 pm
14 เมษ 55
   วันนี้ร้านผมหยุดครับ หยุด 14-17 แน่ะ
   นี่เป็นวันแรกที่ภรรยาตื่นเช้ากว่าผม เขาไปทำบุญที่วัดกับเพื่อนน่ะ ไปแต่เช้าตรู่เลย ส่วนผมก็ขี่จักรยานเหมือนเดิม แต่วันนี้มันดูเหงาๆ มันน่าจะเป็นวันที่เราได้ไปเที่ยวไหนไกลๆ กันนะนี่
   มื้อเช้ามิวบอกอยากกินชีสเบอร์เกอร์ ไม่เป็นไร มิวโตแล้ว อายุ 10 ปีแล้ว จัดไปได้เลยครับ สอนเขาว่าของที่พลังงานสูงๆ ให้กินตอนเช้า ตอนเย็นให้กินของเบาๆ แทน พาไปแมคโดนัลด์แถวบ้าน เพิ่งเปิดใหม่ เป็นแบบขับรถเข้าไปได้เลย สถานที่สวยงามดีครับ นังสบาย ถ้าเป็นหน้าหนาวผมว่าคนเยอะแน่ นี่ถ้าเป็นร้านขายข้าวแกงแต่บรรยากาศแบบนี้ก็ดีสินะ
   หลังจากสงกรานต์ปีที่แล้ว การกราบเท้าพ่อแม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขินอายอีกต่อไป วันนี้ชวนลูกกราบเท้าพ่อแม่อีกแล้ว การรดน้ำผู้ใหญ่วันสงกรานต์นี่คือการขอพรนะครับ ไม่ใช่ให้เราไปอวยพรผู้ใหญ่ เราไปกราบ และรดน้ำสงกรานต์ ผู้ใหญ่ก็จะให้พรเรากลับมา แต่ถ้าเป็นเทศกาลปีใหม่ อันนี้คือไปไหว้อวยพรปีใหม่ครับ อย่าจำสลับกัน
   วันหยุดยาวในเทศกาลระดับประเทศขนาดนี้ หาข้าวของกินข้างทางแทบไม่ได้ คิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก ต้องเข้าห้างครับ แน่นอน เจอแต่ของแพงๆ และอาหารที่เขาเก็บกักตุนมาแล้วหลายวัน มันคือวิถีที่คนเมืองเลี่ยงได้ยาก
   ตอนบ่ายนักจักรยานชื่อหนึ่ง จากพังงาโทรมาหา สอบถามผมเกี่ยวกับรถ Carry Me คุยกันพักใหญ่ สอบถามข้อมูลรถ ปิดท้ายด้วยการฝากหารถให้หน่อย เอาล่ะสิมึง คนนำเข้าเขาเลิกขายมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็มีรถจีนเข้ามาตัดราคาเหลือแค่ 7000 บาท แต่ผมยังไม่เห็นตัวจริงนะ ไม่รู้ว่าจะด้อยกว่าตัวจริงที่เป็นรถไต้หวันจากค่าย Pacific อย่างไรบ้าง เคยขี่อยู่หนึ่งมันก็โอเคดี เหมาะสำหรับขี่สั้น ทางเรียบจริงๆ จุดที่ไม่ชอบคือชุดการพับท่อคอมันอยู่ใกล้กับเบรกหน้า บิดหมุนไม่ถนัดมือ นอกนั้นผมเฉยๆ รับได้กลับบุคลิกของรถล้อเล็ก
   รถ Carry Me เขามี 2 รุ่นหลักๆ คือแบบ Single Speed กับแบบ 2 Speed ระบบชิฟเกียร์แบบโลกตะลึง (ในยุคนั้น) ด้วยการใช้ข้อเท้าขวาตบกะโหลกเพื่อ up shift และใช้ข้อเท้าซ้ายตบกะโหลกอีกด้านเพื่อทำ down shift น่าเสียดายอย่างเดียวคืออัตราทดมันห่างกันแบบโคตรๆ คือตอนขี่ปกติค่า GI จะอยู่ที่ 40 แต่พอ up shift ปุ๊บ แม่งเล่นไป 80 เลย ปั่นอยู่เพลินๆ ถึงกับชะงักงัน
   ถ้าใครสนรถ Carry Me จริงผมแนะนำตัว SS ก็พอแล้วล่ะครับ ถูกกว่า เบากว่าอีกด้วย
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 17, 2012, 05:52:00 pm
15 เมษ 55
   เวลาอยู่คนเดียว ผมจะจัดการกับชีวิตได้อย่างง่ายดาย ผมอยู่กับตัวเองคนเดียวตั้งแต่เด็ก โตขึ้นมาหน่อยช่วงวัยรุ่นก็ทำงานเสริมแบบคนเดียว ตอนนั้นเรียนแค่ปี 2 ก็ทำงานเป็นนักเขียนให้กับหนังสือพิมพ์ Inside TV แล้ว ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนก็จะไปทำข่าวต่อ เลยไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นคนอื่นเขา
   การอยู่กับตัวเองคนเดียวนานๆ เข้า มันก็ไม่ชินที่ต้องทนกับคนอื่นที่เราไม่ชอบในตอนเข้าสังคม แต่ข้อดีมีมากกว่านะ คือเราจะรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง อย่างผม ผมรู้ว่าตัวเองชอบงานเขียนหนังสือ เรียกเขียนหนังสือทั้งๆ ที่ทุกวันนี้ทุกคนใช้วิธีพิมพ์กันหมดแล้ว
   ตอนเด็กเขียนข่าวดารา Inside TV คือหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับแรกของไทย ต้นแบบของหนังสือข่าวซุบซิบนินทาดาราบนที่วางกันเกลื่อนแผงทุกวันนี้ ผมทำข่าวตั้งแต่น้องพิม ซอนย่า คูลลิ่ง เข้าวงการด้วยการถ่ายโฆษณาสไปร์ทชิ้นแรก ตอนนั้นพิมอายุแค่ 15 ปี
   จากการฝึกเขียน (พิมพ์) ข่าวบ่อย ทำให้ผมพิมพ์ดีดได้เร็วมากทั้งสองภาษา พิมพ์สัมผัสด้วยนะ แบบไม่ต้องมองแป้น ส่งผลให้ตอนทำรายงานเวลาเรียน ผมมักจะเป็นมือพิมพ์ของกลุ่ม ตอนเรียนมหาวิทยาลัย
   เฮ้ย เล่าอดีตอีกแล้ว คนแก่แล้วนี่หว่า ฮ่าๆ คนแก่ชอบคุยเรื่องอดีตครับ เพราะมันคือภาพความหลัง เล่าแล้วมีความสุข ในใจก็อยากจะย้อนเวลากลับไปในยุคนั้น ช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัยคือช่วงที่สนุกที่สุดในชีวิตคนแล้ว มีอิสระเต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องหาเงิน ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร (สำหรับคนส่วนใหญ่นะ) แต่กลับกลายเป็นว่ามีวัยรุ่นหลายคนใช้ความอิสระไปในทางที่ผิด หาเรื่องให้พ่อแม่ต้องเจ็บปวดใจ ไม่น่าเลย
   
   ตามแผนเดิมเราจะไปขี่จักรยานเล่นกันที่สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ พระประแดง จากนั้นก็ไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งต่อ เอาเข้าจริงมิวเปลี่ยนใจเฉยเลย บอกไม่ขี่แล้ว กินอย่างเดียวพอ
   อ้าว เฮ้ยย ดีนะที่ผมไม่ได้นำจักรยานขึ้นรถไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ขอยืมรถพ่อคันเก่าเอาไว้ ผมชอบคันนี้มาก เพราะสามารถใส่จักรยาน MTB โดยไม่ต้องถอดล้อได้ถึง 3 คันแบบสบายๆ
   แต่ล่าสุดแม่บอกอยากจะให้ขายคันนี้ไป แม่ๆ อย่าขายเลย ได้ไม่กี่แสนบาทเอง รถอายุเก่าแก่ตั้งแต่ปี 96 รถบ้านเราสภาพดีๆ ทุกคัน บอกขายใครก็ขายง่ายด้วยความสบายใจ
   เหตุผลของแม่ผมเข้าใจ บ้านเราหลังเล็ก จอดรถหลายคันก็เกะกะ เหตุผลเดียวคือเรื่องที่จอดรถน่ะครับ
   เอ๊ะ หรือว่าผมจะออกแบบบ้านให้มีที่จอดรถมากกว่าเดิมได้

   และแล้วเช้านี้ก็ไปหาอาหารกินกันที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งไม่ได้มาเยี่ยมนานหลายเดือน กินแต่ร้านเดิมๆ ครับ ก็อร่อยดี ขนมที่ผมซื้อติดมือกลับมาประจำก็คือเผือก มัน ที่ชาวบ้านเขาทอดขายกันสดๆ วันนี้ขอจัดเยอะหน่อย เผื่อมื้อกลางวันด้วย บ่ายด้วย หรือเย็นด้วยก็ได้ ระยะนี้ของกินจะหายากไปอีกสัก 2 วัน
   จะซื้อของกลับมาเก็บนี่ต้องดูดีๆ นะ อย่าไปซื้อของที่มันบังคับให้เรากินเดี๋ยวนั้น เช่นขนมไทยบางอย่างมีกะทิเก็บค้างคืนแทบไม่ได้ ส่วนของแห้งนั้นสบายมาก
   แดดร้อนแรงแบบไม่น่าเชื่อ นี่ถ้าเป็นตอนเด็กๆ ก็คงออกไปเล่นน้ำแบบไม่ต้องคิด ยุคผมเด็กๆ นั้นมีแต่การเล่นแค่แถวบ้านครับ เก่งสุดก็คือการขี่จักรยานไปในชุมชนใกล้ๆ กัน ทำได้แค่นี้แหละ ไม่มีหรอกนะไอ้พวกขี่มอเตอร์ไซค์ซิ่ง เพราะมันล้มกลิ้งกันได้ง่ายมากๆ สงกรานต์ลามกก็ไม่มี เพราะจะโดนเจ้าถิ่นกระทืบ ณ ที่เกิดเหตุ อีกอย่างคือสมัยก่อนเราเล่นกันในวัดครับ วิ่งเข้าไปเถอะ ทุกวัด มีคนเข้ามาทำบุญ และเล่นสาดน้ำกัน ถนนข้าวสารยังแทบไม่มีคนเดินเลย มีเกสเฮ้าส์ไม่กี่แห่งเอง
   แต่ทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เข้าสู่ยุคเสื่อมอย่างแท้จริง มีหญิงเต้นบนหลังรถกระบะด้วย เฮ้ยย แม่งฮาว่ะ ทำได้ไงวะนี่ ไม่ได้แดกยามา มึงทำไม่ได้นะ ถ้าทำได้ วิญญาณมึงคงจะหลุดออกจากร่างไปนานแล้ว
   ภาครัฐและเอกชนน่าจะมาร่วมใจกันทำให้มันเป็นประเพณีโบราณนะ คือบอกไปเลยว่าสมัยก่อนเราเล่นกันอย่างไร แต่งผ้าไทย ใส่ม่อฮ่อมเพราะมันโดนน้ำแล้วไม่แนบเนื้อจนเห็นสรีระเหมือนเสื้อขาว ใส่ผ้าขาวม้าเพราะเอาไว้เช็ดหน้าเช็ดตา โพกหัวกันแดด ฯลฯ เอาน้ำใส่ขันเงินลอยดอกมะลิ เพราะเราจะไปขอพรผู้ใหญ่ การได้พรจากท่านนั้นเป็นมงคลชีวิต
   ปีนี้ไม่ทัน ก็ช่วยกันทำปีหน้าได้ครับ กำหนดไปเลยว่าโซนนี้เขาเล่นกันแบบโบราณ ไม่มีพวกรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง กระบะบ้าพลังเสียง บอกไปเลยว่าไม่ต้อนรับ เอาให้มันรู้ว่า พวกมึงน่ะ เอ้าท์แล้ว
   เอาดารานักร้องมาเล่นแบบโบราณด้วยก็ยิ่งดี ถ้าให้แนะนำก็ต้องเป็นจุดไฮไลท์อย่างถนนข้าวสารนี่แหละครับ ลองดูสิ ถ้าขอความร่วมมือผมว่าทุกคนเห็นด้วยทั้งสิ้น ผลพลอยได้นอกจากความสงบเรียบร้อยแล้ว ยังโฆษณาผ้าไทย ประเพณีไทย รอยยิ้มไทย หรือจะอยากแสดงความเป็นไทยอะไรออกไป ก็จังหวะนี่แหละครับ นาทีทอง มันจะออกไปทั่วโลกฟรีๆ ผมว่าสุดยอดว่ะ
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 17, 2012, 05:55:06 pm
16 เมษ 55
   ขี่จักรยานยามเข้าได้เกือบ 2 ชม ค่อยรู้สึกว่าได้ออกแรงหน่อย ทุกทีที่ผ่านมาเหมือนได้แค่ขยับแข้งขา ขี่ 30 นาทีแรกนี่เฉยๆ มากเลยนะ หลังจากนั้นรู้สึกว่าขามันปั่นเร็วขึ้นเอง เหมือนกับว่าเราไม่ได้ออกแรงเพิ่มอะไรเลย พลังมาจากไหนก็ไม่รู้ นี่ยังไม่ได้กินอะไรตอนเช้าเลยนะ ดื่มแค่น้ำเปล่า 500 cc เท่านั้นเอง
   ภรรยาผมตามใจลูกมาก เช้านี้ลูกบอกอยากกินร้าน Little Home จะกินชุดอาหารเช้า ก็พากันไป แต่ไปเช้าเกิน ร้านยังไม่เปิด ก็ต้องนั่งรอ รอกันนานเข้าก็เบื่อ เข้าไปรอใน Starbuck ร้านที่ผมไม่เคยเข้ามาเหยียบหลายปีเห็นจะได้ ล่าสุดที่เคยไปกินก็ต้องนั่งคุยกับนักธุรกิจที่จะร่วมทุนกันทำรถนำเข้าแบบเลี่ยงกฎหมาย (ใช่แล้ว มันคือรถจดประกอบในทุกวันนี้)
   ไอ้ไอเดียเลี่ยงกฎเหล่านี้ผมคิดเองแหละครับ มาสารภาพเอาวันนี้แหละ ไหนยังจะมีการสวมสิทธิ์นักเรียนนอกอีก นี่ก็ความคิดด้านมืดของผม ไอ้พวกนี้ไม่ยากเท่าไหร่ครับ จะมายากตรงการจะนำเข้ารถใช้แล้ว มันจะต้องมีใบอนุญาตจากกระทรวงพาณิชนี่แหละ จุดนี้ที่ผมทำไม่ได้ ต้องอาศัยแรงกำลังภายในของคนอื่น ส่วนเรื่องการหารถ การนำเข้า การออกรถ ไม่ใช่ปัญหา ข้าราชการไทยคุยกันง่าย ใบเบิกทางคือเงินสดล้วนๆ
   โชคดีที่คุยกันไม่ลงตัว ผมเริ่มมองเห็นความไม่ชอบมาพากล ก็เลยฉีกตัวหนีออกมา ตอนนั้นทีมผมพร้อมมากๆ นะ เพื่อนจากญี่ปุ่นนี่ถึงกับจะลงทุนส่งรถเข้ามาไทยก่อนเลย บอกว่าขายได้ค่อยจ่ายเงิน ไอ้นี่แฟร์สุดๆ ขนาดผมบอกว่าจะเน้นรถตัวที่หายากๆ เขายังบอกว่าหาได้สบาย ยกตัวอย่างรถ Limited Edition ของ Subaru Impreza WRX ST-I S202 ที่ออกมาขายเฉพาะญี่ปุ่นมีแค่ 400 คัน ก็ยังควานหามาจนได้ แถมหลังจากนั้นไม่นาน ยังโทรมาบอกว่าตัว S204 รถใหม่จะออกวางขายพรุ่งนี้ จะเอาไหม จะเอามาให้ สุดยอดว่ะ
   ก็ไอ้เพื่อนญี่ปุ่นคนนี้แหละครับ ที่ผมวานให้ช่วยเหลือติดต่อหนังสือ Option ให้หน่อย ผมอยากซื้อลิขสิทธิ์มาแปลเป็นไทย มันฟังแล้วทำหน้าแหม่งๆ บอกว่าใครเขาจะขายมึง ถ้า Option ญี่ปุ่นจะขายลิขสิทธิ์ ประเทศแรกที่ขายก็ต้องเป็นภาษาอังกฤษ เพราะมีฐานคนอ่านค่อนโลก
   แล้วเป็นไงล่ะมึง ทุกวันนี้ Option Thailand วางแผงหราเลย จำได้เลยว่าผมยืนน้ำตาซึมตอนถือ Option เล่ม 1 ที่เพิ่งวางแผง มันคือไอเดียของผม แต่ผมไม่มีปัญญาทำ น่าเสียดายจริงๆ
   บรรยากาศในร้านกาแฟเทพเป็นไปอย่างเงียบเหงา วันนี้เป็นวันหยุดด้วยกระมัง กาแฟแก้วละ 100 บาท แม่งแพงแบบไม่มีเหตุผลเลยว่ะ รับไม่ได้จริงๆ แต่ทำไมภรรยาผมชอบก็ไม่รู้
   สักพักร้าน Little Home เปิดก็พากันเข้าไปกิน ผมสั่งโรตีแกงเขียวหวานไก่ ฮ่าๆ กินแล้วอ้วนนะ แต่ไม่ได้กินมาหลายปี วันนี้ขอจัดสักหน่อย จากนั้นไปซื้อของในห้าง The Mall กลับเข้าบ้านตอนกลางวัน แม่ชวนออกไปหาพี่สาวที่บ้านพระราม 9 เอ้า..ยกขโยงกันไป
   กินมื้อบ่ายที่ร้านแม่ศรีเรือนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา กินแล้วรสชาติสู้ร้านเจ๊เล้งแถวบ้านผมไม่ได้สักนิด โดยเฉพาะส้มตำที่ราคาแพงกว่า แต่อร่อยน้อยกว่า อย่าว่าแต่อาหารเลยนะ ขนาดข้าวเหนียวเปล่าๆ แถวบ้านผมยังอร่อยกว่าเลย ร้านเจ๊เล้งที่ผมบอกอยู่ซอยพุทธบูชา 36 ครับ
   นั่งคุยนั่งเล่นที่บ้านพี่สาวคนถึงบ่ายแก่ๆ ก็กลับบ้าน จากนั้นก็ห้องใครห้องมัน สองสามวันมานี้ผมกินเยอะมาก แถมออกกำลังกายน้ำ นั่งอยู่บ้านพี่สาวก็กินแต่ขนม เขาเพิ่งกลับมาจากอังกฤษเลยมีของกินมากมายโดยเฉพาะช็อคโกแลตดาร์ค อันนี้ผมโปรดเป็นพิเศษ จัดไปสิบกว่าชิ้น หึหึ
   ออกขี่จักรยานตอนเย็นเกือบ 1 ชม หวังว่าคงจะเผาผลาญไขมันที่ซุกอยู่ในพุงได้บ้าง
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 17, 2012, 05:56:22 pm
17 เมษ 55
   วันนี้แปลกมาก คนอื่นเขาเปิดทำงานกันแล้ว แต่ร้านผมยังหยุดต่อ ผมเดาว่าคงจะรอให้คนงานกลับมากันครบแล้วถึงจะเปิดทำงานในวันพรุ่งนี้
   เป็นสงกรานต์ที่เรียกว่าไม่ได้ไปไหนเลยอย่างแท้จริง ปีก่อนๆ ยังพอจะได้ไปหัวหินสัก 2 คืน มันก็โอเคดีนะ แต่ปีนี้สิ นอนบ้านทุกวันเลย สำหรับตัวผมเองน่ะไม่เท่าไหร่ ผมเสียดายเวลาวันหยุดของลูกมากกว่า ผมอยากพาลูกออกผจญภัยนอกบ้าน ออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยจักรยาน พายเรือ เดินป่า ปีนเขา สอนเขาถ่ายภาพ เขียนหนังสือ หรือทำกิจกรรมนอกบ้านที่มันเสริมภูมิปัญญาของเขา และเป็นฐานความรู้ให้เขาต่อยอดในอนาคต
   เหมือนกับว่าเราสร้างพื้นฐานให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิต ผมว่ามันมีผลต่อไลฟ์สไตล์ของเขานะ โตขึ้นเขาจะได้เป็นผู้นำเพื่อนให้เที่ยวแบบนี้บ้าง ในขณะที่วัยรุ่นส่วนใหญ่หนีไม่พ้นการอัดรถ แดกเหล้า เอาหญิง หลังๆ นี้ยาเสพติดเข้ามาให้พะวงอีกด้วย ภาครัฐทำอะไรไม่ได้มากนักหรอกครับ ครอบครัวต้องเข้มแข็งเองเป็นพื้นฐานเสียก่อน ความสัมพันธ์ของพ่อแม่กับลูกจะต้องแน่นแฟ้น จากนั้นถ้าจะคุยอะไรกันก็จะง่ายไปหมด
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 18, 2012, 07:58:20 pm
18 เมษ 55
   ทางบ้านผมกำลังอยากได้รถยนต์คันใหม่กัน สิบปีให้หลังมานี้พวกเราเปลี่ยนรถกันน้อยมาก เหตุผลก็คือไม่มีรถยนต์ดีๆ ที่ถูกใจให้เลือกใช้ พ่อชอบ SUV ผมชอบสปอร์ท MT ภรรยาชอบแบบเปิดประทุน แม่ชอบแบบขึ้นลงง่าย ไม่ต้องปีน ไม่ต้องก้ม ก็มาปีนี้แหละครับ ที่พอจะเห็นรถที่เข้าตาอยู่บ้าง น่าเสียดายที่งานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาผมไปดูแค่แป๊บเดียว พาพ่อแม่ไปด้วย เขาจะรอนานก็เกรงใจ ถ้าไปคนเดียวล่ะก็ ผมอยู่ได้ยันงานเลิกแบบสบายๆ
   ติดใจ Toyota 86 มากที่สุด ด้วยเหตุผลว่ามีรถเกียร์ธรรมดาให้เลือกด้วย ส่วนเจ้า Honda CRZ นี่ราคาพุ่งไปไกลมากจนเกินเอื้อม หน้าตาเหมือนใกล้จะบินได้แล้ว ก็ดีนะ ที่ทาง Honda เขากล้าเล่น กล้าลอง นับถือวิสัยทัศน์จริงๆ ทางด้านเพื่อนเก่าของผม Mazda MX-5 ก็เด่นตรงเปิดหลังคา เสียดายมากที่มันมีแต่เกียร์ออโต
   ถ้าผมชอบ 86 ก็ต้องเช็คข้อมูลจากค่าย Subaru ด้วย เพราะเขามี BRZ อีกตัวที่เป็นคู่แฝดกับ 86 ทีนี้ล่ะ ใครดีใครอยู่ ความเชื่อมั่นของคนทั่วไปคงจะไปทาง Toyota แต่ความเชื่อมันในคุณภาพรถ ผมให้ Subaru เหนือกว่า
   เข้าสู่เทศกาลหาข้อมูลครับ เริ่มจากอยากได้โบร์ชัวร์ของ Toyota 86 และ Subaru BRZ เล่มใหญ่จากญี่ปุ่นและอเมริกา (ถ้าได้ของทางยุโรปด้วยจะเป็นเลิศ) ผมจะเอามาดูสเปคครับ ว่าทางผู้ผลิตเขาให้อะไรแก่รถในภูมิภาคไหนบ้าง ยกตัวอย่างรถ 86 ในญี่ปุ่นมีรุ่น RC ด้วย ไอ้รุ่นนี้ถูกสุด เพราะกันชนหน้าหลังไม่ทำสีมาให้ แถมยังเป็นล้อกระทะเหล็ก ง่ายๆ คือซื้อไปเพื่อแต่งต่อ ประเทศอื่นๆ ไม่น่ามีรุ่นแบบนี้ขายแน่
   
   วันนี้เปิดงานวันแรกหลังจากหยุดยาวในรอบปี คงไม่มีแบบนี้อีกแล้ว สงกรานต์หน้าค่อยมาว่ากันใหม่ แล้ววงจรชีวิตก็เข้าสู่กรอบเดิมๆ ทำงานที่มันไม่ได้ใช้พลังสมองนี่มันทำให้ชีวิตจืดชืดเสียจริง อาศัยพลังคิดบวกทำให้ชีวิตดำเนินผ่านไปได้แบบวันๆ ว่างจากการยกของ ก็แอบฝันถึงธุรกิจของตัวเองที่เพิ่งคิดโครงสร้างใหม่ได้เมื่อสองวันก่อน เกี่ยวกับจักรยานนี่แหละครับ ถ้าทำได้จริงก็น่าสนุก คงจะปลุกวงการอีกครั้ง เหมือนตอนที่ผมทำ Racing Club ออกมานั้นแหละ
   ไปรับลูกเร็วหน่อย เขาคงจะขี้เกียจซ้อมบาสฯแล้ว อากาศร้อนแบบนี้เป็นใครๆ ก็เบื่อครับ เอาแค่เดินผ่านแดดยังไม่อยากเลย ผมขับรถพ่อไปรับลูกครับ รถพ่อมีฟิล์มกรองแสงอย่างดี ส่วนรถผมไม่มี กระจกใสแจ๋ว การขับรถพ่อคันนี้ไปในสถานที่จอดรถต่างๆ มันช่างต่างจากการที่ขับรถของผมเองอย่างฟ้ากับดิน
   ครั้งหนึ่งไป Siam Discovery บ่ายวันอาทิตย์ คนแน่นขนาดไหนไม่ต้องบอก เข้าตึกรับบัตรปุ๊บ ยามดึงรั้วที่สำรองจอดรถของบัตรเครดิตหรูๆ ให้จอด ผมไม่กล้าเข้า บอกไม่มีบัตร ยามบอกไม่เป็นไร จอดได้
   วันนี้ไปห้างเซ็นทรัลพระราม 2 ห้างนี้ไม่ต้องรับบัตร วนหาที่จอดกันเอง มียามเดินตรวจทั่วไป ยามกวักมือเรียกผมเข้าไปหา แล้วบอกให้ไปวนกลับมา เขาจะเข็นรถที่ขวางออกให้ผมจอด
   สองมาตรฐานเห็นๆ เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เคยเกิดตอนผมขับรถตัวเองไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว
Title: Re: เมษ 55
Post by: ToppyRacingClub on April 19, 2012, 07:37:19 pm
RC ตัวถูกสุด 1,990,000 เยน ---> 1เยน = 0.37 บาท ---> ‎740,000 บาท
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 20, 2012, 01:28:07 pm
19 เมษ 55
   แป๊บเดียวได้เรื่อง ข่าวทาง Toyota บอกมาว่าขณะนี้กำลังแก้ไขเรื่องเครื่องยนต์เขก ที่มันเขกอย่างไม่น่าให้อภัย คำว่าเครื่องยนต์เขก เป็นภาษาพูดของช่าง ภาษาทางการคือน็อค ฝรั่งเรียก ping อ้อ คำว่าเครื่องน็อคที่ผมบอกนี้ มันไม่เหมือนกับที่คนทั่วไปเข้าใจว่าเครื่องดับนะครับ น็อคคือ knock แปลว่าเคาะ ก็คือมีเสียงเคาะดัง ก๊อกๆ ๆ
      ย้ำอีกครั้ง คำว่าเครื่องน็อค ไม่ได้แปลว่าเครื่องดับ ถ้าเครื่องยนต์ดับ ก็ต้องบอกช่างว่าขับไปแล้วมันดับเอง ไม่ใช่ไปพูดว่าขับๆ อยู่เครื่องก็น็อค เดี๋ยวมันจะกลายเป็นคุยคนละภาษากัน
สำหรับเจ้า 86 ตัวนี้มันเป็นเครื่อง NA ที่รีดม้าออกมาได้ถึง 200 ตัว เดาแบบกว้างๆ ว่าน่าจะเกิดจากอ๊อกเทนของน้ำมันไม่พอ ถ้าจะเอามาขายไทยก็ต้องเปลียนชิฟบางตัวในกล่องใหม่ หรืออาจจะทำ Rom มาใหม่
   ทีนี้มันก็จะมาเป็นปัญหาสำหรับรถ Grey Market นี่สิ เพราะส่วนใหญ่จะมาจากญี่ปุ่นโดยตรง วิ่งแบบเดิมๆ เขกแน่นอน เขกกระจาย ถ้าดื้อ ก็มีแต่พัง
   ทางแก้อย่างเดียวก็คือต้องใช้กล่องแต่งมาช่วยปรับองศาไฟจุดระเบิดใหม่ทั้งหมด ปรับไฟยังไม่พอนะ ต้องปรับน้ำมันตามด้วย ไม่ยากเท่าไหร่หรอก ถ้าคนจูนมีพื้นฐานเครื่องยนต์มาดีพอ
   เจ้ารถ 86 คันนี้ทาง Toyota เป็นคนคุมสไตล์ ส่วนทาง Subaru รับหน้าที่เครื่องยนต์ ช่วงล่าง มันทำให้ผมคิดต่อไปว่า รถ BRC ก็น่าจะมีชุดแต่งเทอร์โบ หรือเซ็ทติ้งของ STi ออกมา อาจจะพ่วงระบบขับ 4 ล้อที่ค่าย Subaru เขาถนัดมาด้วยก็ได้
   ในทางกลับกัน เจ้าตัว 86 ก็อาจมีเวอร์ชั่นพิเศษจาก TRD / Tom’s (เอ๊ะ ไม่รู้ว่าปัจจุบันยังมี Tom’s อยู่ไหม) ที่แอบฝันและน่าจะเป็นไปได้ก็คือ 86 แบบเปิดประทุน
   เป็นอันว่าเจ้ารถคันนี้มันมีอะไรตามมาอีกเยอะมาก คนทั่วโลกให้ความสนใจ ในญี่ปุ่นมันคือรถที่น่าจับตามองแห่งปี ส่วนผมที่สนใจ ก็รอต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อน เพราะทุกวันนี้ก็ยังไม่มีรถส่งมอบให้ลูกค้า ต้องวางเงินจองถึง 1 แสนบาท !!! และรอรับรถปลายปี
   เงื่อนไขรุนแรงขนาดนี้ ผมว่ารอไปอีกสักพักดีกว่า เผลอๆ เห็นตัวจริงของ BRZ อาจเปลี่ยนใจจาก 86 ก็เป็นได้ โดยส่วนตัวผมน่ะ เทใจไป BRZ ตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวรถ แค่ได้รับรู้คอนเสปในการทำรถ ผมก็มั่นใจว่าค่าย Subaru ไม่น่าจะทำให้ใครผิดหวัง
   เย็นนี้ผมมีประชุมกรรมการของคอนโด จำเป็นต้องปล่อยให้ลูกอยู่บ้านคนเดียว แต่ก็เอาน่ะ ถือว่าเป็นการฝึกเขาอีกรูปแบบหนึ่ง ก็ไปมันทั้งชุดเลอะๆ เทอะๆ แบบนี้ล่ะครับ ทำงานยกของมันก็เลี่ยงการเสียเหงื่อไปไม่ได้ แทบทุกวันต้องเข้าโกดังยกของแต่เช้า
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 20, 2012, 06:58:07 pm
20 เมษ 55
   86 และ BRZ จะเป็นรถที่กระหึ่มไปทั่วโลกอย่างแน่นอน เดินเจอนิตยสารรถยนต์เล่มใหม่ชื่อ Best Car เป็นหนังสือหัวนอกอีกเช่นเคย ในเครือเดียวกับ Option ญี่ปุ่น ที่ออกไปดูบนแผงก็เพราะมีรุ่นพี่โทรมาถามว่า เจ้า Best Car นี่เป็นฝีมือของผมหรือเปล่า เห็นมันแปลกๆ แหวกแนว
   กลายเป็นพี่แมน ทัศไน ไรวา มาคุม บก.บห (บรรณาธิการบริหาร) ของ Best Car และให้พี่บอย (วรพล สิงห์เขียวพงษ์) มาคุม บก.บห ของ Option อ้าว ค่าย Inspire ซื้อ Thai Driver ของพี่บอยไปซะแล้วหรือนี่
   พี่บอย เป็นพี่เลี้ยงผมตอนผมทำ Racing Club ครับ ก่อนหน้านั้นเราสนิทกันเพราะผมเป็นนักเขียนให้กับ GM Car และ Automobile Racing Car ไอ้เล่มนี้แหละ ที่มีคอลัมน์ดริฟท์เกิดขึ้นครั้งแรกในไทย ยุคนั้นน่าจะราวปี 96 โอ้โห ผ่านมาแล้วถึง 16 ปี ผมเริ่มเล่นดริฟท์มาแล้ว 16 ปีเชียวหรือนี่
   เห็นข่าว 86 ในหนังสือ Best Car แล้วก็ต้องตกใจ เพราะสิ่งที่ผมคาดเดาไว้มันถูกต้องเป๊ะ คือมี 86 เปิดประทุนมารอวางขายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ไอ้รถคันนี้มันมหากาพย์ตัวจริง ผมเลยขอเดาต่อไปอีกว่า อีกไม่นาน น่าจะเห็นอนุกรมของ Supra ออกมาบ้าง แต่ช่วงระยะสั้นนี้ เป็นทีของ 86 เขาล่ะ    
   หกโมงเย็นช่อง Nation Chanal มีหลานผมเป็นพิธีกร รายการอะไรก็ไม่รู้ แม่โทรมาบอกให้ดู ที่บ้านใช้ดาวเทียม PSI แต่เปิดไล่แล้วไม่เห็นมีช่องนี้เลย อดดู
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 22, 2012, 11:02:32 am
21 เมษ 55
   คนบ่นร้อนกันทั่วประเทศ ผมเองก็อยากจะบ่น แต่มันก็เท่านั้น ยกแบกของหนักกลางแดดนี่สิของจริง
   อยู่ทำงานที่ร้านขายของตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไม่มีเรื่องอะไรจะเล่า หัวสมองไร้ซึ่งความคิดสร้างสรรค์โดยสิ้นเชิง
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 23, 2012, 02:00:56 pm
22 เมษ 55
    เย้ๆ วันนี้ได้ฤกษ์ขี่จักรยานแล้วโว๊ย ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าเลยนะ ตื่นแต่เช้าตรู่ก็แต่งชุดจักรยาน และออกขี่ทันที มีกล้วยน้ำว้าติดไป 2 ผล กับน้ำ 2 กระติก
   ล้อหมุนออกจากบ้านตอน 0445 เช้ามืดแบบนี้ไม่อยากเข้าซอยหรือถนนเล็ก เพราะมืด เลือกถนนใหญ่ ก็พระราม 2 หน้าบ้านนี่แหละครับ ขี่ไปชายทะเลบางขุนเทียน สถานที่โปรดของผม แดดยังไม่ออกก็วนเวียนอยู่วะแลกนั้นจนสาย โผล่มาอีกทีเจอนักจักรยานมากันมากมายหลายสิบคัน ไม่น่าเชื่อ เมื่อก่อนมีแค่ไม่กี่คนเอง
   เจอร้านกาแฟเปิดใหม่ ทำที่จอดจักรยานเอาไว้หน้าร้าน บรรยากาศดูดีทีเดียว เอาไว้ต้องลองใช้บริการบ้าง เพราะวันนี้ดูคนจะแน่นร้าน คิดไปพลางว่า นี่ถ้าเป็นวันธรรมดามันจะมีคนไหมนะ หรือว่าเขาเปิดเฉพาะวันอาทิตย์เช้าก็ไม่รู้
   แดดออกปุ๊บก็รู้สึกร้อนทันทีครับ พอแดดแรงมากเข้าก็ชักจะไม่สนุกเสียแล้ว นี่ยังไม่ถึงแปดโมงเช้าเลยนะ แล้วพวกที่ออกทริปกันช่วงนี้ เขาต้องทนแดดกันตลอดวัน โอ้ สุดยอดมนุษย์
   แดดมาแรงหมดครับ กล้วย 2 ผล ไม่อยู่ท้อง จะหาของกินก็ไม่เจอที่ถูกใจ ขี่กลับบ้านดีกว่า บนมาตรวัดตอนนี้ก็ราว 50 กม แล้ว ขากลับนี่สิชักจะสาหัส เจอแดดแล้วเหมือนเราจะละลาย ขาไม่มีแรงกดบันได แอบยืนพักใต้ร่มเงาสะพานลอยข้างถนน โถ น่าสงสารจริงๆ
   กัดฟันปั่นจนเข้าใกล้บ้าน ตอนนี้เก้าโมงกว่า ผมสั่งส้มตำไทย ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ชอบส้มตำนะ เพราะเป็นอาหารข้างถนนที่มีผักมากที่สุดแล้ว สั่งโอเลี้ยงมา 1 แก้ว ดูดคำแรกมันช่างชื่นใจดีจริงๆ หรือว่าที่เราเพลียเพราะขาดเกลือแร่ ขาดความหวาน
   ช่วงกินส้มตำ ร่างกายเราก็ได้พัก ก้น ขา ก็ได้พักไปด้วย กินเสร็จแล้วมีพลังทันที ร่างกายสดมากๆ ขี่ต่ออีกแป๊บเดียวก็ถึงบ้าน รีบอาบน้ำทันที นอนแช่ในอ่างอย่างสบาย
   ห่างหายจากการขี่ไกลมานานหลายเดือน เช้านี้เล่นไปแค่ 70 กม ทำเอาเดินขึ้นบันไดบ้านแทบไม่ไหว โห ทำไมเราอ่อนนักวะนี่ ไม่ได้การล่ะ ต้องฝึกให้มากกว่านี้
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 23, 2012, 07:38:34 pm
23 เมษ 55
   มีงานแฟร์ที่ผมอยากไปอยู่ไม่กี่อัน แน่ละ Motor Show เป็นอันดับ 1 รองลงมาก็คืองานสถาปนิก 55 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 24-29 เมษายนนี้ Challanger Hall เหมือนเดิมที่เดียวกับ Motor Show เลย
   ที่ชอบก็เพราะในงานจะมีวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งบ้านใหม่ๆ ยกตัวอย่างที่ผมชอบมากเมื่อสัก 5 ปีก่อน คือหลังคามุงจาก แต่เป็นจากทำด้วยพลาสติคครับ ทำได้เหมือนจริงมากๆ สวยด้วย แต่แทบไม่เคยเห็นใครทำบ้านสไตล์นี้
   ไว้ต้องหาวันไปเดินเต็มๆ สักวัน ไปวันธรรมดาน่าจะดีกว่านะ คนน้อยดี
   
   เมื่อวานขี่จักรยานเยอะไปหน่อย แถมขี่เร็ว และไม่ได้ใส่กางเกงจักรยานอีกด้วย เจ๋งไหมเล่า มาวันนี้เลยรู้สึกเจ็บโคนขาเล็กน้อย อาจเป็นไปได้เพราะเกิดจากการเสียดสี และขี่เร็ว งานนี้กางเกงจักรยานช่วยได้ตรงจุด
   เย็นนี้ไปรับลูกช้าหน่อย เขาขอซ้อมบาสฯ ระยะหลังมานี้เล่นบาสฯบ่อย แต่จะเอาจริงแค่ไหนก็ยังไม่รู้ ก็ปล่อยให้เขาเรียนรู้อย่างอิสระครับ ชอบก็จัดไป ไม่ชอบก็ตามสบาย แต่ผมอยากให้เขาเล่นดนตรีและกีฬา มันน่าจะส่งผลต่อสมองเด็กทั้งซีกซ้ายและซีกขวา
   หลานกลับมาจากอังกฤษ ซื้อของจุกจิกมาฝาก ผมบอกเกรงใจ ไม่ต้องหรอก เขาบอกซื้อมาเยอะ ซื้อมาแจกอยู่แล้ว และเป็นของไม่แพง เลยรับเอาไว้เป็นน้ำใจ มันคือลิปสติกแบบใสของช็อคโกแลต M&M น่าทึ่งมากที่ทางบริษัทเขาต่อยอดแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกมาแนวนี้
   ทาริมฝีปากแล้วได้กลิ่นช็อคโกแลตโชยออกมาอย่างแรง พูดคุยกับใครก็จะได้กลิ่นหอมน่ากินอีกด้วย
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 25, 2012, 08:25:19 pm
24 เมษ 55
   ออกขี่จักรยานไปได้หน่อยเดียว รู้สึกเหมือนมีไฟวูบวาบ คิดว่าใครมาแอบถ่ายรูปเรา ฟ้าแล่บต่างหาก ตามมาด้วยละอองฝนบางๆ แต่พอกลับถึงบ้าน มันไม่ตกละ
   พอถึงที่ทำงาน ผมรีบเอารถคันเล็ก Neobike 14 ขี่ไปร้านสมใจ ร้านขายเครื่องเขียนเก่าแก่หน้าโรงเรียนสวนกุหลาบ ลูกอยากได้ของหายาก ต้องไปร้านแนวนี้โดยเฉพาะเท่านั้น นั้นคือปากกาแบบจุ่มหมึก
   ตอนเด็กๆ ผมใช้ปากกาแบบ “คอแร้ง” สำหรับเขียนภาษาอังกฤษ และปากกา “เบอร์ 5” สำหรับภาษาไทย แต่ทุกวันนี้ไปคุยกับใครก็ไม่รู้จัก ไปร้านใหญ่ๆ ในห้างก็ไม่มีขาย ร้าน B2S ที่ว่าใหญ่ของห้างเซ็นทรัล หรือร้าน Be Trend ของเดอะมอลล์ก็ไม่มี แต่พอมาร้านสมใจก็ไม่ผิดหวัง จัดเต็มแบบครบชุด มีปากกาสารพัดหัว พร้อมหมึก 1 ขวด เก็บเอาไว้เซอร์ไพร์สลูกตอนเย็น
   ก็หน้าที่ของพ่อแม่ล่ะครับ เห็นเขาพอจะฉายแววอะไรเราก็ต้องส่งเสริมกันไป มิวชอบเขียน ชอบวาดรูป วาดการ์ตูน ก็คงจะไปเห็นปากกาแบบนี้ในหนังเลยเกิดอยากได้บ้าง ยุคเขาเกิดมาก็เจอกับดินสอกดสารพัดแบบ ปากกาสารพัดสีแล้ว เจอของย้อนยุคแบบนี้ถึงกับงง นึกไม่ออกว่ามันจะเขียนอย่างไร
   เย็นไปรับลูก เขาบอกให้ไปรับเร็วหน่อย แต่เอาเข้าจริงกลับเล่นซ้อมบาสฯอยู่จนถึงเกือบทุ่ม นั่งรอไปสองชั่วโมงกว่า
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 25, 2012, 08:30:27 pm
25 เมษ 55
   ปกติขี่จักรยานตอนเช้าไม่เคยเหงื่อออกเลย เพราะออกแต่เช้ามืด อากาศเย็น ขี่ช้า ขี่สั้น แต่วันนี้มันผิดปกติ คงเพราะอากาศร้อนจัด เลยมีเหงื่อออกมา ปกติผมเหงื่อออกง่ายอยู่แล้ว เลยรู้สึกเฉยๆ
   เช้านี้มีข่าวปรากฏการณ์แปลก ไม่เคยเกิดขึ้นในไทยมาก่อน คือมีแผ่นดินแตกแยก ปะทุเอาความร้อนออกมา จนชาวบ้านคาดเดากันไปว่า มันคือดินปากปล่องภูเขาไฟหรือเปล่า เหตุเกิดที่พิษณุโลก แต่ตอนบ่ายมีผลสรุปออกมาแล้วว่ามันเป็นเตาเผาถ่านเก่าแก่ 3 เตา อยู่ใกล้โรงเลื่อยเก่า อะไรประมาณนี้ ยังไงก็ต้องจับตามองกันต่อไป
   กลางวันมีคนโทรมาหารือเรื่องรถ A31 อยากเปลี่ยนบูช เขาว่าจะใช้ในภาระกิจดริฟท์ ดีครับ มีเป้าหมายแน่ชัด จัดแบบยูรีเทนไปได้เลย แต่ยูรีเทนนี่เขาก็มีหลายเกรด หลายเบอร์ และหลากหลายยี่ห้อ ค่าหน่วยความแข็งของบูชนี่เขาเรียกกันว่า “ชอว์” ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขียนภาษาอังกฤษอย่างไร ได้แค่พูดๆ กันไปตามช่างฝ่ายเทคนิคเขาเรียก
   ธนูไฟ A31 ของผมได้สปอนเซอร์จาก Super Pro ครับ เป็นบูชยูรีเทนนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย เปลี่ยนกันทุกจุดในรถ น่าจะ 38 ชิ้นนะ สินค้ามาพร้อมกับจารบีสีขาว ต้องใช้ของเขาโดยเฉพาะ ถ้าไปเชื่อช่างข้างถนนมักง่ายก็จะบอกให้จารบีอะไรก็ได้ แต่ระยะยาวมันจะกัดบูชจนเปื่อย ผลสุดท้ายก็บอกว่า กูเจ๋ง กูเล่นจนบูชยูรีเทนแตก มีเยอะนะครับ คนที่ทำของพังแบบโง่ๆ แล้วภูมิใจเรียกตัวเองแบบโง่ๆ ว่าขาโหด
   อ่านเวปจักรยานเจอเรื่องแปลกอีกเรื่อง แต่ไม่กล้าโพสตอบกระทู้เขา คือมีคนมาหาที่อัดผ้าเบรกดิส
   เฮ้ยย ดิสเบรกจักรยานชิ้นเล็กจิ๋วเดียว ไปซื้อที่ร้านใหญ่หน่อยก็มีขายแล้ว ถ้าไม่มีก็แค่สั่งเมล์ เขาก็จัดส่งมาให้แล้ว ได้ของตรงสเปค ตรงรุ่น ผ้าเบรกก็ออกแบบมาโดยเฉพาะ แต่ทำไมเขาคิดจะหาใช้ผ้าเบรกอัด ไม่เข้าใจอย่างแรงว่าต้องการอะไร อยากได้ถูกกว่า แค่นั้นเองหรือ แล้วเกิดใช้ไม่ดี อัดแล้วผ้ามีปัญหาจะเคลมกับใคร ที่ไหน อย่างไร งง
   ในกรณีรถยนต์ ผมจะใช้ผ้าเบรกอัดก็ต่อเมื่อ ผมเป็นคนปรุงสูตรผ้าเบรกนั้นเอง จะเอาทนอุณหภูมิแค่ไหนอย่างไร หนาบางแค่ไหน เนื้อหยาบละเอียดเพียงใด ใช่แล้ว มีการสั่งทำกันด้วยนะ เด็กซิ่งๆ ไม่ค่อยรู้หรอก เพราะมักจะเลือกของตามยี่ห้อ ไม่ได้ดูสเปคอะไรเลย เห็นตรา Brembo / AP นี่ กราบได้มันกราบไปแล้ว
   ตกเย็นลูกซ้อมบาสฯอีกแล้ว นั่งรอจนเงกอีกตามเคย แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไร ดีเสียอีก ได้ดูพัฒนาการฝีมือของเขา
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 27, 2012, 12:56:59 pm
26 เมษ 55
   ดวงประจำสัปดาห์นี้

   ราศีมังกร ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 22 ธ.ค. - 20 ม.ค. ทำนายระหว่างวันที่ 22-28 เมษายน พ.ศ. 2555 จะมีงานใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น ได้เดินทางเพราะเรื่องงานไปยังสถานที่แปลกใหม่ ได้เปิดหูเปิดตา คนที่อยากได้งานใหม่ ช่วงนี้เหมาะที่จะส่งใบสมัคร

   ได้รับมอบหมายตำแหน่งใหม่อีกแล้ว ขับรถกระบะไปบรรทุกของแถวท่าเตียน (ร้านใหม่ ยังไม่เคยไปมาก่อนเลย) เป็นร้านขายส่ง ซอยเล็กแคบ (ตื่นเต้นฉิบเป๋ง) จอดยาก (ได้เปิดหูเปิดตาอย่างมาก) ผมไม่คุ้นกับรถกระบะมากนัก แถมมีหลังคาสูงอีกด้วย กลัวจะไปชนกันสาดชาวบ้านเขา
   กลางวันก็ยังคงได้รับตำแหน่งใหม่ นั่งริมถนนตรวจเช็คนับสินค้าที่ร้านอื่นมาส่งเรา ทำอยู่แบบนี้แหละจนถึงบ่าย แดดร้อนแรงจนไม่ต้องบ่นอีกต่อไปแล้ว ฟังคนอื่นบ่นกันผมยังเอียนเลย
   เย็นก็ยังคงมีตำแหน่งใหม่ รับลูกไปส่งบ้าน เสร็จแล้วก็ออกไปทำงานที่ร้านขายของต่อ ปิดท้ายวันด้วยการรับใบสั่ง 2 ใบ จากรถคนงาน 2 คัน
   อ้อ ยังไม่หมด ขากลับให้ขับรถพาคนงานขี้เมาติดรถกลับมาบ้านด้วย เป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมจริงๆ
   นี่กระมังที่คืออีกหนึ่งแบบฝึกหัดความอดทน
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 30, 2012, 02:23:44 pm
27 เมษ 55
   เช้านี้ดีหน่อย ไม่ค่อยอบอ้าวเหมือนวันก่อน แต่ก็เฉพาะแค่ช่วงเวลาเช้ามืดตี 5 นะครับ พอตะวันขึ้นก็จะรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที
   ไปถึงที่ทำงานก็เข้าโกดังยกของอีกแล้ว คราวนี้ต้องปีนป่ายจนหัวชนโขกกับคานหลังคา ยืนยกใต้หลังคาสังกะสีร้อนๆ เหงื่อหยดลงมาเป็นสีขาว เพราะทาครีมกันแดดไว้ โธ่ ถ้ารู้ว่าต้องยกแบบนี้แต่เช้าก็ไม่ทาครีมมาหรอกนะ เปลืองเงินเปล่าๆ เหนียวเหนอะอีกด้วย
   พี่สมัครจากเชียงรายโทรมาคุยอีกแล้ว ผมเองก็รู้สึกดีนะที่พี่เขาติดต่อมา ลำพังผมเองแม้อยากจะพูดคุยแต่ก็ไม่รู้จะคุยอะไร เลยรู้ว่าวันนี้เชียงรายฝนตก จากเดิมอากาศร้อน ก็เลยกลายเป็นเย็นในทันที นึกแล้วอิจฉาจริงๆ ที่อื่นเขาร้อนกันทั่วนะนี่
      ขับรถคนงานอยู่บนท้องถนน เห็นรถยนต์สวยหรูเทียบข้าง เราก็มองเขาด้วยความอิจฉา แต่มันก็มีคนที่ขับรถห่วยๆ แย่ๆ กว่าเราอีกเยอะ สุขหรือทุกข์อยู่ที่วิธีคิดครับ คงต้องสอนตัวเองเหมือนกับที่ผมสอนลูก
   มองคนที่สูงกว่าเพื่อให้เกิดความทะเยอทะยาน มองคนที่ด้อยกว่าเพื่อให้เกิดกำลังใจ
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 30, 2012, 02:26:06 pm
28 เมษ 55
   เช้านี้อากาศเย็นต่อเนื่องจากเมื่อวาน เย็นแบบเห็นได้ชัดเจนขึ้นมาหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าหากแดดออกแล้วล่ะก็ คงจะร้อนเหมือนเดิม
   วันนี้งานเยอะครับ ที่จริงก็เยอะทุกวันแหละ ประเด็นคือคนงานมาทำงานหรือเปล่า ถ้าเขาไม่มา ผมก็ต้องออกไปทำแทน เป็นการบริหารงานที่แปลกมาก เพราะเขาก็ต้องให้คนอื่นมาทำงานตำแหน่งแทนผมที่ว่างไปอยู่ดี
   จัดเต็มวันไปครับ บทพิสูจน์ความอดทน
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 30, 2012, 02:32:09 pm
28 เมษ 55
   ภาพด้านบนของบันทึกวันที่ 27 เป็นภาพของขนมที่ผมพบเจอได้บ่อยสุดในระหว่างวัน ใช้ชีวิตแบบนี้ ทำเงินได้แค่นี้ มันก็เหมาะที่จะกินอย่างที่เห็นนี่แหละครับ
   เช้านี้อากาศเย็นต่อเนื่องจากเมื่อวาน เย็นแบบเห็นได้ชัดเจนขึ้นมาหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าหากแดดออกแล้วล่ะก็ คงจะร้อนเหมือนเดิม
   วันนี้งานเยอะครับ ที่จริงก็เยอะทุกวันแหละ ประเด็นคือคนงานมาทำงานหรือเปล่า ถ้าเขาไม่มา ผมก็ต้องออกไปทำแทน เป็นการบริหารงานที่แปลกมาก เพราะเขาก็ต้องให้คนอื่นมาทำงานตำแหน่งแทนผมที่ว่างไปอยู่ดี
   จัดเต็มวันไปครับ บทพิสูจน์ความอดทน
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 30, 2012, 02:34:23 pm
29 เมษ 55
   วันนี้มีธุระครับ ไปทำพิธีบังสกุลของญาติฝ่ายภรรยาผมบ้าง ไปกันที่สระบุรี ขับรถทางไกลแถมไปกันสามคนพ่อแม่ลูก เลยยืมรถพ่อไป คันนี้ทั้งแรงและประหยัด ใช้เครื่องยนต์ดีเซลครับ เสียดายที่มันคันเล็กไปหน่อย ใส่จักรยานไม่ได้ ไม่งั้นผมอาจขอยืมขับมากกว่านี้
   แวะกินอาหารเช้ากันที่ร้านถูกและดีใน Food Land แยกหลักสี่ ผมว่านี่เป็นร้านอาหารนอกบ้านเพียงไม่กี่ร้านที่มีข้าวกล้องขาย คนทั่วไปมักจะสั่งชุดอาหารเช้าที่ประกอบด้วยไข่ดาว และไส้กรอก หรือเบคอน มาพร้อมกับขนมปังปิ้ง 2 แผ่น กาแฟอีกแก้ว แต่ผมไม่ชอบแบบนั้น ผมชอบอาหารที่มีคุณภาพดีหน่อย เพราะมื้อเช้าเรากินเพื่อบำรุงสมอง มื้อกลางวันบำรุงร่างกาย มื้อเย็นกินแค่พอหายหิว เพราะเป็นแค่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
   เสร็จแล้วออกเดินทางต่อทันที พอเข้าไปถึงปากทางก็ตกใจ อ้าว มาทางเดียวกับเจ็ดคตหรือนี่ ทางเข้าเดียวกันเลย เจ็ดคตเป็นคล้ายกับอุทยานแห่งชาติ ผมเล็งว่าจะไปกางเต้นท์นอนหลายหนแล้ว แต่ยังไม่เคยไปสักที
   ทำพิธีอยู่ในวัดจนถึงบ่าย อาหารกลางวันที่แม่ครัวจัดทำคงไม่ถูกปาก เลยคุยกันว่าขากลับแวะกินสเต็คที่โชคชัยสเต็คเฮ้าส์ดีไหม อยู่ที่ริมถนนวิภาวดี แถวรังสิต ทุกคนในรถเห็นด้วย เอ้า จัดไป
   ขึ้นรถได้แป๊บเดียวภรรยาและลูกหลับเสียแล้ว เหลือผมขับรถคนเดียว นี่ถ้ารถมี DVD ที่เปิดหนังดูได้ ผมอาจจะเอามาเปิดฟังเสียงแก้เหงานะ เอาแบบหนังที่ไม่ต้องดูภาพก็สนุกได้ เช่น เดี่ยวไมโครโฟนของ โน้ต อุดม แต้พานิช
   ขากลับแดดแรง อากาศร้อน ผมเลยขับเร็วเต็มพิกัดที่กฎหมายกำหนด ขับรถพ่อคันนี้ทีไรต้องติดใจในอัตราเร่งของเครื่องยนต์จริงๆ มันแรงทันใจดีเหลือเกิน แรงบิดมีมากชนิดที่เร่งแซงรถทั่งขบวนได้แบบง่ายดาย ต่างจากรถผมที่หากคิดจะแซงแบบนี้ ต้องถึงกับสวดมนต์
   ผมสอนลูกว่าพลังเครื่องยนต์แรงๆ แบบนี้ มันมีเอาไว้สำหรับเร่งแซงตอนฉุกเฉิน แซงเสร็จแล้วก็ยกคันเร่งผ่อนความเร็วลง มันไม่ได้มีไว้สำหรับแช่ลากยาวๆ แบบมิดไมล์เหมือนที่วัยรุ่นส่วนใหญ่เขาเข้าใจ
   โชคดีมากที่ลูกผมไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับรถยนต์เลย ถ้าเขาชอบขึ้นมานี่สิคงจะต้องเป็นเรื่องใหญ่โตแน่
   แวะร้านเจ๊เล้งดอนเมืองช็อปปิ้งก่อนกลับบ้าน ร้านนี้จะได้แวะก็ต่อเมื่อกลับจากสระบุรี ปกติผมจะไม่เคยผ่านเลย ซื่อของกันแบบเหมือนได้ฟรี มีของดีๆ ราคาถูกๆ เยอะนะ ที่วันนี้เจอก็คือลิปสติก SPF50 รสสตอเบอรี่ (มีอีกหลายรส) ขาย 2 ชิ้น 50 บาท ครีมกันแดดของ Hawaiian ลดราคา 45% ผมเลยจัดมา 1 ขวด ไอ้อันนี้ยี่ห้อเก่าแก่มาก จะมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ ที่โดนน้ำทะเลแล้วกลิ่นจะยิ่งเซ็กซี่มาก (กลิ่นออกแนววนิลา ผสมมะพร้าว)
   ซื้อขนมอีกมากมาย เจอช็อคโกแลตที่ในห้างขายกัน 70 กว่าบาท ร้านเจ๊เล้งขาย 60 ถ้วน จัดไป 3 อันเลย เอ แล้วโปรเจคลดน้ำหนักมันจะเริ่มกันเมื่อไหร่ดีล่ะนี่
   มาถึงบ้านเอาตอนเย็น แต่รถติดมากตั้งแต่ลงทางด่วน เราขับมาตลอดทางเกือบ 2 ชม ล้อไม่เคยได้หยุดหมุนเลย แต่มาถึงหน้าบ้านตัวเองแท้ๆ กลับต้องรอเลี้ยวกลับรถเกือบ 30 นาที
   อ๋อ วันนี้เขามีงานสงกรานต์ที่พระประแดงนั่นเอง ท้ายแถวก็เลยยาวมาจนถึงพระราม 2
Title: Re: เมษ 55
Post by: O'Pern on April 30, 2012, 08:22:17 pm
30 เมษ 55
    ขี่จักรยานนิดหน่อยแบบขำขำ ที่จริงอยากขี่นานกว่านี้ แต่ต้องกลับมาทำงานที่ร้านขายของต่อ แม้ลูกจะเรียนซัมเมอร์จบแล้วก็เถอะ ยังไงก็ต้องออกจากบ้านแต่เช้าอยู่ดี
   ตอนสายได้รับพัสดุส่งมาจากขอนแก่น เป็นของพี่ในเวปจักรยานนิคเนม “เบรกเหล็ก” สืบเนื่องมาจากลูกผมอยากได้ปากกาจุ่มหมึกเขียนแบบ “คอแร้ง” คงจะไปเห็นในหนังสารคดีมา ให้ผมช่วยหาให้หน่อย ไอ้ผมก็จนใจ ไปร้านไหนๆ ก็ไม่มี B2S / BeTrend ก็ไม่มี ไปร้านเครื่องเขียนระดับเทพอย่าง “สมใจ” ยังไม่มีเลยครับ (มีแต่แบบใกล้เคียง)
   พี่เบรกเหล็กอ่านเจอเข้าเลยส่งมาให้ผมซะนี่ ผมเกรงใจเขา เลยอยากจะจ่ายเงินซื้อ แต่พี่เขาไม่เอา คงต้องตอบแทนกันภายหลัง วันนี้ขอชื่นชม “คอแร้ง” และหัวแบบ “เบอร์ 5” (บางคนเรียกหัวใบโพธ์) ก่อน
   ลูกเห็นแล้วดีใจมาก แต่พอเห็นด้ามปากกาแล้วผิดหวัง เพราะมันเป็นด้ามพลาสติคสีชมพู เขียว ฟ้า แบบแปร๋น ลูกเขาชอบแบบด้ามไม้ธรรมชาติ มาแนวเดียวกับผม