racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on January 02, 2012, 03:11:45 pm

Title: มค 55
Post by: O'Pern on January 02, 2012, 03:11:45 pm
1 มค 55 HNY
   ต่อให้นอนดึกอย่างไร ผมก็ลุกขึ้นตื่นเองตอน 0530 ได้แทบจะทุกวัน มันเป็นโปรแกรมอัตโนมัติมั้ง ส่วนลูกน่ะหรือ ไม่ต้องเป็นห่วง ยังคงหลับปุ๋ยได้อีกนาน
   ดื่มน้ำไปราว 1 ลิตร ยืดเส้นยืดสายแบบโยคะอยู่ที่ระเบียง เช้าวันใหม่ของวันปีใหม่ จะว่าไปมันก็คือวันคืนแบบเดิมๆ นั่นแหละ ผู้คนมากำหนดกันเองว่ามั้นคือวันพิเศษ ตะวัน จันทร์ ดวงดาว เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเราด้วยสักนิด
   ลูกตื่นตามขึ้นมาตอน 0600 ทำเอาผมแปลกใจมาก แต่ก็แค่เดินมาล้มตัวนอนลงที่โซฟา ขอให้ผมหยิบผ้าห่มมาให้ เพราะห้องพักนี้ลมเย็นแรงดีมาก สบายกว่าอยู่ห้องแอร์เสียอีก ไม่น่าเชื่อว่ามิวจะมานอนหลับต่อตรงนี้จนถึง 0800
   ส่วนผมนั่งเล่น Uke ที่ริมระเบียง บรรยากาศดีมากๆ ทำให้นั่งเล่นอยู่ได้นาน ตอนสายภรรยาขับรถมารับไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งกัน ไม่ได้มาตลาดแห่งนี้เสียนาน ซื้อของกินกลับมาเต็มสองมือ ขากลับยังแวะ Big C ซื้อของเข้าบ้านอีกเต็มท้ายรถ
   มื้อกลางวันเอาใจภรรยา เขาอยากกินอาหารจีน เลยพาไปร้านใกล้บ้าน รสชาติดีครับ ราคาก็เป็นไปตามรสชาติ คือไม่ถูก กินเป็ดปักกิ่งกันจนอิ่ม ลูกชอบซาลาเปาก็จัดไปเลย ตอนบ่ายเข้ามาที่คอนโด นังเล่น นอนเล่นอยู่จนเย็นก็ชวนกันกลับบ้าน
   ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เข้านอนแต่หัวค่ำ ตื่นแต่เช้า พรุ่งนี้ต้องออกไปทำงานตามปกติ
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 02, 2012, 08:09:05 pm
2 มค 55
   วงจรชีวิตของกลับมาเป็นแบบเดิมอีกแล้วครับ เช้านี้เอาจักรยานออกขี่ไปได้สัก 10 กม แล้วก็ต้องรีบกลับมาบ้าน กินอาหารเช้า แล้วก็ออกไปทำงานยกของที่ร้านเหมือนเดิม แต่วันนี้ขอยืมรถพ่อไปใช้ รถผมยังจอดเสียอยู่ น่าจะต้องอีกสัก 2 วัน รอให้อู่กลับมาเปิด
   ตอนสายไปยกของในโกดังนิดหน่อย แต่ไม่อยากยกเลยจริงๆ กลับหลังเจ็บอีก ตอนนี้มันเจ็บแปล็บๆ บางจังหวะ นี่ผมต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิตจริงๆ หรือนี่
   กลับมาบ้านตอนบ่าย กินหมี่กรอบที่แม่ซื้อมาฝากเมือวาน นำมาอุ่นในกระทะใหม่รสชาติจะอร่อยเหมือนเดิม เจ้านี้เก่าแก่มากอยู่แถวตลาดพลู อร่อยมากครับ ชอบกินมากอีกด้วย แต่ห้ามกินบ่อย เพราะมันจะอ้วนมาก
   เย็นลูกอยากดูหนังแบบ 4D (สี่มิติ) เลยพาไปที่ห้างเซ็นทรัล เป็นห้องเล็กๆ นั่งได้ 6 คน ฉายให้เราดูได้โดยที่ไม่ต้องรอให้คนเต็ม ผมนั่งดูกับลูกแค่ 2 คนในห้องเล็กๆ นั้น มันก็เหมือนพวก Simulation 3D นั่นแหละ แต่ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือลมและละอองน้ำ ราคาตั๋วผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 80 บาท

                ปีใหม่แล้ว หลายคนได้ฤกษ์คิดทำอะไรใหม่ๆ แต่ผมยังคงต้องคิดบวกเอาไว้ให้มาก อย่างที่เคยบอกแหละครับ ถ้าบวกยังไม่พอ ก็ต้องคูณ
 
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 04, 2012, 02:08:45 pm
3 มค 54
   ฤดูหนาวคงจะหมดไปแล้วมั้ง ไอเย็นใน กทม ค่อยๆ เลือนรางจางลงไปทีละน้อย เช้านี้ออกขี่จักรยานไปได้ 30 นาทีเหมือนเดิม รีบกลับมาบ้านกินข้าว ออกไปทำงาน เหมือนเดิมเป๊ะเลยว่ะ
   ช่วงนี้น้ำหนักขึ้น ผลพวงจากการที่รู้สึกไม่ค่อยสบาย และมาเจอเทศกาลใหญ่ปลายปี ของกินเต็มบ้านเลยครับ ต้องช่วยๆ กันกำจัดให้หมดไป กินเองบ้าง แบ่งปันไปยังคนงานบ้าง
   บ่ายทำธุระที่ธนาคารในห้างเจอร้าน 20 บาท (สมัยก่อนมีร้าน 9 และ 10 บาทด้วยนะ) ร้านเป็นลักษณะแผงลอย ขายของจิปาถะ เกือบจะทั้งหมดเป็นสินค้าจากจีน คุณภาพไม่สูง เหมาะกับคนที่ไม่คิดอะไรมากนัก ชอบแปลกใหม่ ถ้าใครจะคิดใช้จริงจังคงต้องผิดหวังอย่างมาก
   ผมชอบร้านแบบนี้มาก มันทำให้ผมเกิดไอเดียต่างๆ มากมาย (ร้านไดโซซังเกียว 60 บาทก็น่าเดินเล่น) วันนี้ได้เกมพาสเซิลมา 1 ชิ้น และป้ายชื่ออเนกประสงค์อีก 1 อัน เกมพาสเซิลสนุกมาก เล่นยากพอควร เกมฝึกสมองแบบนี้ถ้าเด็กๆ ชอบเล่นก็ดีนะ ผมซื้อมาวางๆ ไว้ให้มันเกะกะบ้าน เผื่อลูกจะหยิบมาเล่นก็จะเป็นผลดีต่อหัวสมองของเขาเอง
   เย็นลูกชวนไปกินโจ๊กร้านโปรดของเขา ชื่อโจ๊กสยาม รสชาติดีมากครับ เนื้อโจ๊กเนียนละเอียด ราคาชามละ 30 บาท ถ้าใส่ไข่ก็เพิ่มอีก 5 บาท ขับรถของผมไป ขากลับเครื่องร้อนแล้วรถมีอาการเกียร์ไม่เปลี่ยนอีกแล้ว ก็ทนๆ ขับไป จับอาการรถไปเรื่อยๆ คิด วิเคราะห์ว่ามันจะเกิดจากอะไรได้บ้าง
   ถ้ากดแล้วรถไม่วิ่ง รอบไม่ขึ้นนี่ผมเคยเจอตอนขับในสนามแข่ง เป็นรถรุ่นน้อง กลับเข้ามาพิทตรวจเช็คดู ผลคือท่ออินเตอร์คูลเลอร์หลุด ส่วนรถผมกดแล้วรอบขึ้นปกติดี แต่ความเร็วเท่าเดิม อาการนี้น่าจะมาจากเกียร์นะ เพราะตอนเครื่องยังไม่ร้อนก็วิ่งดีตามปกติ
   น่าจะลองล้างไส้กรองเกียร์ออโตดูสักครั้ง ใช้มา 1.4 แสน กม แล้ว ยังไม่เคยล้างเลย หรือถ้าจะลองล้างแบบ Flush & Fill ก็ไม่เลว แต่อันหลังค่าใช้จ่ายแพงกว่าเยอะ
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 05, 2012, 02:08:16 pm
4 มค 54
   เช้าขี่จักรยานแถวบ้าน รีบขี่ รีบกลับ วันนี้ยังต้องออกไปทำงาน
   ยืมรถพ่อมาขับ รถจะติดแค่ไหนก็สะดวกสบาย รถติดฟิล์มกรองแสงอย่างดี (รถผมกระจกใสแจ๋ว ตอนบ่ายจะร้อนมาก) ฟังวิทยุได้ทุกช่อง (รถผมวิทยุเป็นแบบคลื่นของประเทศญี่ปุ่น) ไปส่งลูกแล้วก็ไปทำงานต่อ
   ตอนสายโทรนัดจองคิวช่างให้พรุ่งนี้มาเอารถผมไปล้างไส้กรองเกียร์ มันต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ใหม่อีกรอบ คราวนี้ลองให้เขาหาแบบ Dexron II ดูบ้าง เพราะผมใช้เบอร์นี้มาตลอด แต่ล่าสุดช่างบอกหายากแล้ว มีแต่ Dexron III ใช้แทนกันได้ ผมก็รู้ว่ามันใช้ได้ ใส่แล้วก็วิ่งได้ แต่ถ้าใช้เบอร์ของที่เขากำหนดมาเดิมๆ จะดีกว่านะ เพราะเกียร์มันละเอียดอ่อน
   บ่ายเข้ามาบ้าน นั่งทำงานนิดหน่อย เย็นออกไปรับลูกอีกแล้ว ที่โรงเรียนลูกนี่สนุกสนานมาก ผมเล่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเด็กๆ ที่คุ้นเคย ผู้ปกครองเด็กบางคนเห็นแล้วประหลาดใจ เด็กๆ มาขี่หลัง มากอดผม ฉุดกระชากลากถู เด็กผู้หญิงบางคนเห็นแล้วนึกสนุกร่วมวงเล่นด้วย ผมกลายเป็นของเล่นเด็กชิ้นใหม่
   พอเหนื่อยก็พักยก เห็น Uke ของเด็กนักเรียน เลยขอยืมเขามาเล่น ส่วนใหญ่ Uke ของเด็กจะเป็นตัว Soprano (Uke ตัวเล็กสุด) ลองแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะเสียงของมันดูทึบๆ ไปหน่อย ไม่ค่อยจะโปร่ง ใส กังวานเหมือนตัว Tenor ของผม ใจเลยคิดไปพลางว่าอยากลองจับตัว Baritone (Uke ตัวใหญ่สุด) ดูสักครั้ง แต่ยังคงติดใจเรื่องการตั้งสาย เพราะมันปรับตั้งไม่เหมือน Uke ทั่วไป นั่นคือผมอาจต้องเรียนรู้วิธีการจับคอร์ดใหม่ทั้งหมด!!! ไม่นะ เป็นแบบนั้นผมไม่เอาแน่เลย
   กลับมาบ้านหัวค่ำ พอขึ้นรถปุ๊บ ลูกนอนหลับทันที คงจะเล่นจนเพลีย เหนื่อย
   หัวค่ำโกลาหลเล็กน้อย ฝนตกแล้วไฟดับครับ นั่งอยู่กับลูกพอดีเลยได้โอกาสสอนเขาใช้ชีวิตยามวิกฤติ ถ้าไฟดับ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือหาไฟฉาย ผมมีไฟคาดหน้าผากเล็กจิ๋วของ Petzl ติดไว้ตลอดเวลาในเป้ ควานหาได้อย่างคุ้นมือแม้จะอยู่ในที่มืด ไม่กี่วินาทีก็มีไฟใช้แล้ว และบอกให้ลูกไปหยิบเอาไฟฉายส่วนตัวของเขาออกมาถือไว้ และวิธีการส่องก็ไม่ใช่ส่องหน้ากัน ถ้านั่งอยู่เฉยๆ ก็ให้ส่องขึ้นฝ้าเพดานมันจะสะท้อนแสงออกมานุ่มนวลตา แต่ถ้าเราจะเดินก็ต้องส่องลงพื้น
   ดีที่ลูกทำการบ้านเสร็จแล้ว เลยรีบเข้านอนตั้งแต่ 0830 มิวเขานอนง่าย ไม่มีแอร์ก็อยู่ได้สบายๆ แป๊บเดียวหลับแล้ว แต่ผมนี่สิ ยังหลับไม่ได้ ต้องรอภรรยากลับมาบ้านก่อน เพราะประตูรั้วรีโมทมันใช้การไม่ได้ ต้องปลดล็อคแล้วใช้มือเลื่อน ขั้นตอนพวกนี้ทำได้จากภายในบ้านเท่านั้น
   ไฟมาเอาตอน 11.30 อีก 30 นาทีก็จะเที่ยงคืน เลยตื่นขึ้นมาอีกรอบ สำรวจไฟที่อยู่นอกบ้านบางจุดอาจเปิดทิ้งไว้ ล้มตัวลงนอนก็รู้สึกแปลกๆ ทีแอร์มันมาส่องเอาเข้าเต็มหน้าเราพอดี คงเป็นเพราะไฟตกระบบสวิงเลยรีเซทตัวเอง ปกติผมจะตั้งเอาไว้ให้มันส่องผ่านๆ ตัวไป
   วุ่นกับไอ้บานช่องลมแอร์อยู่นาน เกรงใจภรรยาและลูกจะตื่น เลยค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ หมุน กลัวจะเกิดเสียงดังรบกวนกัน
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 05, 2012, 09:13:34 pm
5 มค 54
   ฝนยังคงตกปรอยๆ ลูกบอกอยากกินโจ๊กร้านโจ๊กสยาม เอาแล้วสิ ไอ้ร้านนี้ไกลจากบ้านมากกว่าร้านปกติที่เคยซื้อประจำเสียด้วย ต้องขี่ออกถนนใหญ่ ต้องขี่เข้าซอยมืดๆ ถนนละแวกนี้ไม่คุ้นเอาเสียเลย พอมาเจอมืดๆ แถมเปียกฝน เลยขี่แบบระแวดระวัง ไม่สนุกครับ แต่ก็ทำเพื่อลูก อะไรที่ทำให้เขาได้ ถ้าไม่ลำบากนัก ก็จะจัดให้
   กลับมาบ้านแบบเปียกๆ ไม่ถึงกับชุ่ม รีบกินข้าวเช้า อาหารอย่างดีเน้นสุขภาพเช่นเคยครับ เต้าหู้ราดพริก แครอทลวก บร็อคโคลี่ลวก กระเทียมสด ข้าวกล้อง ขับรถไปส่งลูกแล้วก็ออกไปเฝ้าร้านขายของ
   กลางวันเป็นอาหารลิง คือกล้วย ถั่วต้ม ข้าวโพดต้มสีม่วง โยเกิร์ต 1 กล่อง นั่งทำงานส่วนตัวอยู่ในกองบัญชาการจนถึงเย็นก็ไปรับลูก
   ช่างจ้อย (ช่างซ่อมรถประจำของผม) โทรมาบอกว่าล้างเกียร์เสร็จแล้ว ตรวจเช็ครอยน้ำมันหยดที่ใต้ท้องมันมาจากซีลปั๊มเพาเวอร์ ไม่ใช่สายยางหลุด ทำการเปลียนซีลเรียบร้อยแล้ว โชคดีรุ่นนี้เขามีชุดซ่อมขาย แต่ปั๊มของรถผมมันมี 2 ตัว สำหรับแร็คหน้า และแร็คหลัง (ระบบเลี้ยว 4 ล้อ จะมีแร็คหลังด้วย)
   รายงานมาอย่างดี จนสุดท้ายก็คิดว่าน่าจะเจออาการหลักทีทำให้รถวิ่งไม่ออก ช่างบอกว่าสงสัยเทอร์โบจะเสีย เพราะเร่งเครื่องแล้วลมมันไม่ค่อยออก พรุ่งนี้จะถอดออกมาตรวจสอบดูให้
พ่ออยากได้รถคันใหม่ มีข้อแม้คือต้องเป็นรถลุยแบบขับ 4 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล คันใหญ่ๆ หน่อย บอกให้ผมช่วยไปหารถให้ แต่ในใจเขาเล็งเจ้า Range Rover Evoque เอาไว้
โห พ่อ เล่นของแรงจัง
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 07, 2012, 02:59:00 pm
6 มค 54
   เมื่อคืนโดนลูกตะคอกขึ้นเสียง “พ่อไม่ต้องมายุ่งกับความฝันของมิวหรอกน่า” เสียงของเขาดังขึ้นขณะผมช่วยสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งมันเป็นวิชาที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย ผมมักจะสอนให้อดทนเรียนเข้าไว้ อนาคตเราต้องใช้มันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รอบตัวเราล้วนแล้วแต่มีภาษาอังกฤษทั้งนั้น เริ่มจากคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ป้ายชื่อยี่ห้อ ร้านค้าต่างๆ ล้วนเป็นภาษาอังกฤษ
   ได้ยินแล้วสะดุ้งโหยง ไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจ หันมามองตัวเอง มันเป็นไปได้ว่าผมอาจจะจ้ำจี้จ้ำไชกับเขามากเกินไป
   โอเคครับ โอเคครับ ต่อจากนี้ผมจะเข้มงวดน้อยลง
   ก็เพียงแค่ไม่อยากเสียดายเวลาย้อนหลังเท่านั้นเอง ทั้งชีวิตนี้อุทิศให้แก่คนรอบข้างไปหมดแล้ว ตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะเลี้ยงลูกเอง ไม่จ้างใครมาดูแล เลยออกแบบงานส่วนตัวให้มีเวลาว่างมากๆ อยากให้ลูกเขาไล่ตามความฝันของเขาได้ อยากให้ฝันของเขาเป็นจริง อย่าเป็นอย่างผม
   ของผมน่ะหรือ ฝันมันก็ยังคงเป็นแค่ฝันครับ จะเรียกว่าฝันลมๆ แล้งๆ ก็ไม่ผิดอะไร ก็ผมมันคนขี้แพ้ มีความพยายามไม่มากพอ อดทนน้อยเกินไป ขาดความตั้งใจจริง ขาดความมุ่งมั่น โอ๊ยย อีกเยอะครับ คนอย่างผมจะเรียกว่าสวะก็ไม่ผิดนัก

   ขี่จักรยานยามเช้าได้สักพัก รีบกลับมาบ้าน กินข้าว อาบน้ำแต่งตัว ส่งลูกไปโรงเรียน แล้วก็ขับไปร้าน – ชีวิตเป็นแบบนี้ทุกวัน
   มื้อเช้ากินปลาผัดขิง แกล้มกับผักคลาสสิคของผม แครอท บร็อคโคลี่ กลางวันเป็นอาหารสุขภาพเช่นเคย กล้วยน้ำว้า ถั่วต้ม ถั่วเขียวต้มถ้วยใหญ่ มื้อเย็นนี่แย่หน่อย กินหมูสะเต๊ะไปจานใหญ่
   รู้สึกว่าชีวิตมันไม่เป็นไปตามที่เราคิด วางแผนอะไรไว้ก็ไม่เป็นไปตามนั้น จะคิดจะทำอะไรก็รู้สึกติดขัดไปหมด วิเคราะห์ตัวเองออกมาแล้ว สรุปว่าเรายังทำความดีน้อยเกินไป ไอ้ที่คิดว่าดีแล้ว มันอาจจะยังดีไม่พอ
   ชีวิตไม่เจริญก้าวหน้าก็ไม่ต้องไปโทษชะตาชีวิตที่ไหน มันคือกรรมของตัวเราเองในวันวานที่ผ่านมา
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 08, 2012, 08:30:15 pm
7 มค 55
   เช้านี้ขี่จักรยานเหมือนเดิม ช่วงหลายเดือนมานี้ ขี่แต่รถ KHS HT ส่วนเจ้ารถพับ KHS F20-W นั้นล้างอย่างดี จอดเก็บเรียบร้อย ก็เลยไม่อยากเอามาใช้
   ส่งลูกไปโรงเรียน เขาเรียนวันเสาร์ด้วย เด็กๆ ทุกคนก็น่าจะเรียนนะ เพราะสอนชดเชยจากการหยุดช่วงน้ำท่วมไปเสียนาน ส่งลูกแล้วก็ไปทำงานต่อ บ่ายไปธนาคารแล้วก็กลับเข้ามาบ้าน มีเวลาส่วนตัวจริงๆ ก็ช่วงนี้แหละครับ มันคือนาทีทอง แต่เชื่อไหมว่าบางทีผมก็ปล่อยให้มันผ่านทิ้งไปอย่างนั้นแหละ ไม่รู้สิ บางทีมันก็รู้สึกเบื่อๆ
   เย็นไปรับลูก วันนี้เขานัดกับเพื่อนไปตีแบดมินตั้น ยกขโยงไปกันสิบกว่าคน (นับเฉพาะเด็ก) ถ้ารวมผู้ปกครองด้วยก็เพิ่มไปอีกเกือบเท่าตัว เรียกว่าแน่นคอร์ดกันเลย จองไว้ 2 คอร์ด แต่ไปถึงแทนที่จะตีกันเลย กลับกลายเป็นนั่งกินน้ำ กินไอติมกัน สักพักวิ่งออกมากินมาม่า เพื่อนๆ เห็นเข้าก็อยากกินบ้าง เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ สุดท้ายคือทุกคนกินมาม่ากันหมด
   อิ่มนำสำราญแล้วถึงจะได้ฤกษ์ตีเสียที ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างไร้คุณค่าจริงๆ แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก นึกเสียว่าเขามามีทติ้งกับกลุ่มเพื่อน ปล่อยให้เด็กเล่นจนเหนื่อย แล้วก็เป็นทีของรุ่นใหญ่บ้าง ผมให้พ่อแม่คนอื่นเขาเล่นกัน ภายหลังโดนเรียกให้ลงคอร์ดบ้าง หึหึ มีหรือจะปฏิเสธ
   ฟับบ หวดเต็มแรง แต่ไม่โดนลูก โครตจะเสียฟอร์มเลยว่ะ ไม่เป็นไร ทำหน้าตาชัวร์เข้าไว้ ทีแรกไม่เป็นไร ให้อภัยกันได้ แต่หลังๆ ชักจะบ่อย หึหึ เล่นเอาเขินเหมือนกัน หวดลมเอาดื้อๆ อย่างนั้นแหละ
   แต่ไม่ต้องอาย เพราะมีคนเป็นแบบผมเยอะ ผู้ใหญ่แม้จะตีแบดฯเป็น แต่ก็ห่างร้างสนามมานานเหมือนๆ กัน คนไหนทำเขินอาย ก็ทำเป็นมองไม่เห็นกันซะ
   ตีเสร็จแล้วแย่ยังคงนั่งเล่นนั่งคุยกัน ส่วนเด็กๆ ก็วิ่งเล่นได้ตลอดทุกที่ กว่าจะออกจากคอร์ดได้ก็ปาเข้าไป 3 ทุ่ม
   เออว่ะ ผ่านพ้นมาหลายวัน ผมยังพิมพ์ พศ เป็นปี 54 อยู่เลย
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 08, 2012, 08:35:27 pm
8 มค 55
   ตื่นแต่เช้าตักบาตรเนื่องในวันเกิดของผม ไม่ได้เกิดวันนี้หรอกนะ แต่วันนี้คือวันสะดวกที่ภรรยาจะออกมาตักบาตรพร้อมกับผม ธรรมเนียมของครอบครัวเราก็จะตักบาตรในวันเกิด ส่วนธรรมเนียมที่ผมเพิ่มขึ้นมาเอง และอยากให้คนอื่นทำกันด้วยคือไปกราบเท้าพ่อแม่
   แรกๆ ก็เขิน ไม่เคยทำ อาศัยชวนลูกไปกราบด้วยกันตอนวันสงกรานต์ ก็เขินน้อยหน่อย เอามุขผมไปใช้ก็ได้ครับ เอาลูกบังหน้าสักนิด จะได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น
   เช้าภรรยาพาลูกไปเรียนพิเศษ ส่วนผมมีประชุมที่คอนโดตอนสายๆ มีเรื่องราวลึกลับซับซ้อน มีการโกงกิน มีกลุ่มคนเลวอยากกุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ โดยมีผลประโยชน์คือเงินกองกลางของลูกบ้านทุกคนที่จ่ายรายเดือน
   ประชุมกันเองในกลุ่มย่อย คิดหาหนทางที่จะต่อสู้กับกลุ่มพวกสุนัขรับใช้ เรามีกันแค่ใจ แต่พวกนั้นมันมีทั้งเงินทองและอำนาจ ยังมีสารพัดวิชามารในเกมสร้างกลโกง มันเลวไม่แพ้นักการเมืองเลย เรียกว่า หากผ่านด่านนี้ได้ ก็เข้าใกล้อาชีพนักการเมืองได้
   นั่งฟังในที่ประชุมแล้วก็ละเหี่ยใจ คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น นี่พวกเขาจะรู้ไหมนะว่าจะต้องได้รับผลกรรมอย่างไร เจ้ากรรมนายเวรของเขาจะมากมายเพียงใด ตอนแรกฟังแล้วโกรธ แต่คิดไปสักพัก กลับรู้สึกสงสารพวกเขาแทน ที่ยังคงหลงระเริงกับทรัพย์สินเงินทอง
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 09, 2012, 09:16:11 pm
9 มค 55
   เมื่อคืนโมโหลูกอย่างมาก เพราะเก็บดองการบ้านไว้หลายวัน แถมยังเป็นการบ้านที่ตัวเองทำไม่เป็น นั่นคือการสานพัดและเย็บเก็บขอบ มารู้เอาตอน 4 ทุ่ม ภรรยาเลยต้องมาช่วยนั่งทำแทน ผมทำโทษลูกด้วยการให้นั่งเฝ้าใกล้ๆ แม่ ถ้าทำเสร็จแล้วถึงจะเข้านอนได้ ตัวผมเองก็ด้วยครับ นั่งอยู่ด้วยกันตรงนั้นแหละ กว่าจะเข้านอนได้ก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว
   เป็นการทำโทษที่ผมคิดขึ้นเอง เพราะพูดจากันตั้งหลายหนแล้ว เขาก็ตอบสนองแบบเดิมๆ บอกให้ทำการบ้าน ก็ฟังหูทวนลม จนบางครั้งโมโห แต่ระยะหลังนี้ผมปล่อยแล้วล่ะ ตั้งแต่เขาตวาดผมก็จำขึ้นใจเลยครับว่าอย่าไปยุ่งกับความฝันของใครเขา
   ได้แค่ไหนก็แค่นั้นแล้วกันนะลูก รักและปรารถนาดียังคงมีให้เหมือนเดิม แต่อาจจะแสดงออกน้อยลง หรือไม่ก็หาทางแสดงออกในรูปแบบอื่น เพราะพ่อไม่อยากโดนลูกดุว่าอีกต่อไปแล้ว
   เช้านี้ตื่นสายครับ เล่นไปหกโมงกว่า ก็เพราะนอนดึกนั่นแหละ ปกติ 3-4 ทุ่มก็ต้องเข้านอนแล้ว เลยไม่ได้ขี่จักรยาน แต่พอไปถึงที่ทำงาน ก็ได้ขี่จักรยานคัน Neobike 14 ตระเวนจดออเดอร์ลูกค้า สบโอกาสขี่ไปริมเจ้าพระยานั่งเล่นริมน้ำสัก 2 นาทีก็ยังดี วันนี้น้ำขึ้นเต็มตลิ่งแต่เช้าเลย อยู่ใกล้ชิดน้ำแล้วรู้สึกสบาย ผ่อนคลายดีจริงๆ ครับ แต่นั่งอู้นานๆ ไม่ได้ครับ ต้องรีบไปส่งของ
   บ่ายเข้ามาบ้าน อ้าว รถผมยังซ่อมไม่เสร็จอีกหรือนี่ ปลายสัปดาห์ก่อนช่างบอกว่ามีปัญหาเรื่องเทอร์โบ ไอ้เทอร์โบเดิมๆ แบบนี้รถวัยรุ่นเขาถอดโยนทิ้งกันเกลื่อนถังขยะเลย ถ้าจะเอาจริงๆ ผมโทรไปขอน้องๆ เด็กๆ ที่เล่นดริฟท์ก็น่าจะไม่ยาก
   โทรไปหาช่าง เขาบอกถอดเทอร์โบมาตรวจเช็คแล้ว ใบหน้า ใบหลัง แกน ปกติดี สภาพยังดี แต่พอต่อเข้าไปตามเดิมปกติแล้ว เครื่องยนต์ทำงานได้ แต่กดคันเร่งแล้วบูสท์ไม่ขึ้น คือมีแรงแค่ช่วง Vacuum อย่างเดียว waste gate ก็ปกติดี ไม่ได้เปิดค้างทิ้งไว้ เอาล่ะสิ งงครับ
   นี่ถ้าว่างเหมือนตอนหนุ่มๆ คงจะสนุกพิลึก ผมคงจะรื้อระบบเทอร์โบออกมาทั้งหมด ตรวจเช็คตั้งแต่ไส้กรองอากาศ และท่อลมทุกเส้น หาไม่เจอก็ให้มันรู้กันแต่
   แต่น่าเสียดาย ทุกวันนี้ไปเฝ้าช่วยงานที่ร้านทุกวัน ว่างตอนบ่ายก็แค่ไม่กี่ชั่วโมง มันคือช่วงนาทีทองของผมเลยนะนั้น รู้สึกอิสระที่สุดก็ตอนนี้แหละ
   ก็ต้องอาศัยช่างจ้อยต่อไปครับ ถ้าเป็นช่างในศูนย์ห่วยๆ ก็คงจะเปลี่ยนอุปกรณ์กันทุกชิ้นจนกว่าจะหาอาการเจอ ใครเจอแบบนี้ จะจำจนวันตาย และเข็ดขยาดรถยี่ห้อนั้นไปตลอดชีวิต
   เย็นไปรับลูก วันนี้เขาเรียน Uke ในวิชาดนตรีสากล ผมหยิบเอา Uke นั่งเล่นใต้ตึก มีเด็กๆ เข้ามารุมล้อมขอฟัง ถามว่าพ่อมิวเล่นเพลงอะไร ผมก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน เพราะจับคอร์ดแล้วเกานิ้วไล่ไปเรื่อยๆ เว้นช่วงจังหวะบ้าง เน้นเสียงเบา หนัก บ้าง
   เด็กชื่อพราว เพื่อนมิว เอา Uke แบบ Concert มาให้ผมปรับตั้งสาย ผมขอหยิบจับเล่นสักพัก รู้สึกว่าผมถนัดตัว Tenor ของผมมากกว่า ผมว่าเสียงมันโปร่ง ใส กังวานมากกว่า นี่ถ้าใครมีตัว Baritone ก็ดีสินะ ผมยังไม่เคยเห็นตัวจริงๆ ของมันเลย อยากลองสุดๆ
   ขากลับ มิวขึ้นรถปุ๊บก็หลับปั๊บทันที ไม่รู้เพราะเล่นเหนื่อย หรือว่าเมื่อคืนนอนน้อยก็ไม่รู้
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 11, 2012, 02:07:36 pm
10 มค 54
   พ่อผมไปต่างประเทศ อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ แต่ผมเพิ่งรู้ ไปตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว เช้านี้ผมตื่นแต่เช้าเช่นเคย จากเดิมก็จะออกกำลังกาย วันนี้อาสาขับรถไปส่งแม่ที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน แม่มีกลุ่มออกกำลังกายด้วยกันประจำ ไปสวนนี้สัปดาห์ละ 6 วัน
   ไม่ค่อยได้คุยกับแม่แบบใกล้ชิดมานาน อยู่ที่ทำงานก็ยังไม่ค่อยได้คุย เพราะมีงานมาก เรียกว่าจะคุยกันก็เฉพาะตอนมีธุระ มาวันนี้ได้คุยกันเรื่อยเปื่อย คุยเรื่องว่าจะทำอะไรในที่ดินของเราที่มวกเหล็กดี ผมก็เสนอไอเดียชุดเล็กๆ ไป เพราะถ้าจัดใหญ่แม่จะไม่ชอบแน่นอน ไอเดียของผมหลุดโลก คนอื่นตามไม่ค่อยจะทัน
   ผมอยากทำแคมป์ครับ จัดเป็นสถานที่ตั้งแคมป์ธรรมดาๆ นี่แหละ แต่อยากแบ่งมุม แบ่งโซนพวกขับรถยนต์มา กับพวกเดินเท้า และพวกจักรยาน ให้แยกออกจากกัน ผมว่าขับรถยนต์มาจอดชิดๆ กับเต้นท์ของเรานี่เป็นบรรยากาศที่แย่จริงๆ เสียอารมณ์สุดๆ และที่ผมเกลียดมากๆ คือพวกส่งเสียงดัง
   พวกขับรถยนต์มาก็จะจัดให้อยู่อีกโซนหนึง หรือไม่ก็จัดลานจอดรถเอาไว้ไกลหน่อย อยากแบกของมาเยอะ ก็เดินเอาเองครับ อย่าหาว่าใจร้าย แต่อยากเอาใจพวกจักรยานให้ขี่เข้าไปได้
   ส่งแม่เสร็จก็กลับเข้าบ้าน กินอาหารเช้า ไปส่งลูก เฝ้าอยู่ร้านตั้งแต่เช้าจนถึงเลิกดึกเลยครับ ไปรับลูกตอนเย็นแล้วก็ขับรถย้อนกลับมาเฝ้าร้านอีกรอบ แม่ไปงานเลี้ยงครับ
   วันนี้ครบรอบ 1 ปีที่ผมล้มแบบไม่เป็นท่า ยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี ที่ความเร็วกว่า 30 กม/ชม จู่ๆ ก็ล้มไปแบบไม่ได้เบรก ไถลครูดพื้นไปแบบขายังหนีบตัวถังรถอยู่เลย
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 11, 2012, 08:59:23 pm
11 มค 55 Happy My Birthday
   ตื่นแต่เช้ามารอพ่อแม่ ต้องมาดักรอครับ เพราะอยู่บ้านเดียวกัน แต่แทบไม่ได้เจอกัน พ่อแม่ไปออกกำลังกายตอนเช้าตรู่ กลับมาตอนสาย ผมก็ออกไปที่ทำงานแล้ว ผมเข้ามาบ้านตอนบ่าย รับลูกกลับมาตอนเย็น พ่อแม่กลับดึก เลยไม่ได้เจอกัน
   “วันนี้วันเกิดผม ขอกราบพ่อแม่หน่อยครับ” นึกคำพูดอะไรไม่ออก ก็บอกตรงๆ อย่างนี้แหละ
   พ่อแม่ทำหน้างงนิดหน่อย ผมจับให้นั่งบนม้าหิน แล้วก้มลงกราบเท้าทีละคน
   แม่ไห้พร “ขอให้เจริญๆ นะลูก” พูดพร้อมกับลูบหัวเราไปด้วย
   พรของพ่อแม่ คือพรอันประเสริฐ พรอันสูงสุด
   
   อัปเดทอาการรถยนต์ของผมสักหน่อย หลังจากรื้อเทอร์โบออกมาตรวจเช็คก็ประกอบเข้าไปใหม่ วันนี้ตรวจเช็คระบบไฟทั้งหมด ผลก็เหมือนเดิมครับ คือมันปกติดีทุกอย่าง ทั้งจานจ่าย คอยล์ หัวเทียน กว่าประกอบกลับก็เล่นเอาค่ำ ผมบอกให้เขาลองเอารถออกวิ่งดู ถ้ายังเป็นอีก ผมคิดในใจว่าน่าจะมาจากกล่องแล้วล่ะ แต่ไอ้นี่ของแพง ไม่อยากคิดดัง เดี๋ยวจะเป็นการชี้ทางให้ช่าง
   กล่องอาจเสื่อมเองได้ครับ เกิดขึ้นไม่บ่อย แต่ถ้าเจอแล้วเซ็งจิต ถ้าเป็นรถยุโรปด้วยแล้วยิ่งแย่ใหญ่ ราคาจะแพงกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไปถึงสองเท่า
   ในเวปจักรยานเจอคนไม่รู้จักกันส่ง pm มา Happy Birth Day ชื่อ หมู พุทธมณฑล ผมก็ตอบขอบคุณเขาไป งงที่ว่าเขารู้ได้อย่างไร ชาวจักรยานกับผมนี่ดูจะสนิทสนมกันง่าย ผมเข้าไปตอบกระทู้บ่อย หลายครั้งที่คิดเห็นแตกต่าง ผมก็โพสตอบลงไป ในเวปจักรยานผมกล้านะ แต่ถ้าเป็นเวปอื่นจะไม่กล้าครับ กลัวโดนเด็กด่าฟรี ผิดกับชาวจักรยานที่มีวุฒิภาวะสูงกว่า ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง และมุมมองอีกด้านมากกว่า
   อ้อ แต่มีกระทู้หนึ่ง ผมคิดเห็นแตกต่างแต่ไม่กล้าตอบกลับไป ด้วยเหตุที่มันเป็นเรื่องของทรรศนคติ คือเจ้าของกระทู้ขี่จักรยานไปโรงพยาบาล แล้วโดนเจ้าหน้าที่ไล่ให้ไปจอดที่มอเตอร์ไซค์ เจ้าตัวไม่พอใจมาก โพสในเวปทำนองว่าคนใน รพ ดูถูกจักรยาน
   เท่านั้นแหละคุณเอ๋ย ใครมาอ่านเจอก็ด่าซ้ำ ด่ากัน 3 หน้าเวปแล้วมั้ง แต่ผมกลับคิดแตกต่างนะ
   ลองคิดแบบคนกลางดูครับ ถ้าเราเป็นเจ้าหน้าที่ และมีคนขี่จักรยานมาจอดหน้าประตู เราจะทำอย่างไร
   “เชิญเลยครับพี่ เดี๋ยวผมเฝ้าให้” แบบนี้หรอ แล้วเกิดตัวเองโดนเรียกไปทำงานอื่นล่ะ ใครจะเฝ้ารถต่อให้
   “จอดได้ครับพี่ ไม่เกะกะหรอกครับ” อันนี้ดีไหม แล้วคิดต่อไปอีกสิว่า ถ้ามีคนขี่จักรยานมากันมากกว่านี้ล่ะ
   เขาเป็นเจ้าหน้าที่ รพ เขามีหน้าที่ดูแลให้ความสะดวกคนไข้ จอดจักรยานหน้าประตูจะเกะกะรถฉุกเฉินไหม (อันนี้ผมไม่รู้ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์) เกะกะรถที่จะมารับส่งคนไข้ไหม ฯลฯ
   เรื่องของเรื่องก็คือเจ้าของจักรยานอยากจะจอดใกล้ๆ ให้ตัวเองเห็น หรือไม่ก็มีคนพลุกพล่าน จะได้มีโอกาสหายน้อย
   อ้าวพี่ ก็เอารถคันถูกๆ ไปหน่อยสิครับ จะได้สบายใจ หรือถ้ามีรถคันเดียว ก็ต้องวางแผนชีวิตกันใหม่
   ถ้าผมไปข้างนอกนี่ไหน ถ้าเจอใครไม่ให้เอาจักรยานเข้า หรือห้ามจอด ผมก็จะไม่ไปโต้เถียงอะไรกับเขา เราก็เลี่ยงไปทางอื่นเสีย ใช้ชีวิตให้มันง่ายๆ สบายๆ ไม่เคยเอาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เก็บมาคิดเป็นสาระให้รกใจเลย
   ขี่จักรยานก็สนุกอยู่แล้ว จะมาทำให้ใจตัวเองทุกข์อีกทำไมเล่า สุขหรือทุกข์มันอยู่ที่วิธีคิดของตัวเราเอง
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 12, 2012, 09:39:44 pm
วิธีคิดของตัวเราเอง
12 มค 55
   ร้านค้าของผมอยู่แถวสะพานพุทธ รถจะติดมาก ต้นเหตุมาจากการจราจรด้านฝั่งพระนคร คนมาไหว้ปีชงที่วัดเล่งเน่ยยี่ เอ มันเพิ่งจะฮิตไหว้ปีชงกันไม่กี่ปีมานี้เองนะ น่าจะพร้อมๆ กับการไหว้พระ 9 วัด อะไรทำนองนี้
   ผู้คนไหว้พระกันใหญ่ ทำบุญก็หวังจะเอาบุญ อยากได้บุญ ผมคิดแตกต่างอีกแล้ว
   การไหว้พระก็คือการเตือนตัวเราเองให้ปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรม การทำบุญหรือทำทาน ก็คือการเสียสละทรัพย์สินของเรา ให้แก่คนอื่นที่เขาเอาไปใช้เป็นประโยชน์ เช่นการบริจาค ส่งผลให้เรายึดติดในทรัพย์สินน้อยลง
   ไหว้พระนอกบ้านทำไม ในเมื่อพระในบ้านก็มี พระในบ้านคือพ่อแม่ ไหว้กันบ้างไหม กราบเท้านี่ไม่ต้องถาม มีคนกราบน้อยมาก (ผมเองก็เพิ่งทำไป ไม่ได้กราบประจำ) แต่กับพระพุทธรูปนี่กราบได้อยู่นาน นั่งพนมมือสงบนิ่ง แถมยังมีบนบาลศาลกล่าว ถ้าได้อะไรถูกใจ ก็บอกต่อว่าองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์
   สำหรับใครที่พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว ก็ขอละไว้นะครับ คุยกันเฉพาะท่านที่ยังมีอยู่ครบ มิได้มีเจตนาจะดูหมิ่นใคร
   การบริจาค การให้ มันไม่น่าจะมีการคาดหวังสิ่งตอบแทนนะ เหมือนเราให้เงินค่าขนมลูก คงไม่มีพ่อแม่คนใดคิดหวังผลตอบแทนกลับมา มีแต่จะคิดว่าเด็กเขาจะเติบใหญ่พัฒนาไปด้านใด ก็เลยทำบุญ หรือทำทานโดยไม่ได้คาดหวังผลอะไร จะมองก็เพียงแค่สิ่งของที่เราให้นั้น เป็นประโยชน์แก่เขามากเพียงใดเสียมากกว่า
   เรื่องปีชงก็อีกเช่นกัน ปีชงมีจริง แต่จะมีแค่ปีละนักษัตรเดียว ไม่ได้มีถึง 3 เหมือนที่สารพัดปรมจารย์ท่านว่าไว้ ปีชงกับมังกรในปีนี้คือปีจอปีเดียวเท่านั้น ปีอื่นเรียกว่า “ไม่เกื้อหนุน” คือไม่ได้เป็นปีที่คุณดวงดีสุดๆ เป็นปีที่เรียบง่าย ปกติ
   หลังๆ เลยมีคนใช้คำว่า ชง 30% / ชง 50% อืม เอาเข้าไป ไอ้นี้มันเรื่องการตลาดล้วนๆ แต่ละวัดต่างก็มีการจัดอีเวนท์ดึงลูกค้าเข้าวัดกันใหญ่ ลองสังเกตดูครับ มันเพิ่งจะมาฮิตในปีระยะหลังๆ นี้เอง
   มีเหตุผลครับ ก็เพราะคนไทยเราขาดที่พึ่ง จิตใจของพวกเราไม่เข้มแข็ง กระแสอะไรมา เราก็แห่ไปตามนั้น ใครให้ผลประโยชน์แก่เราก็จะนับถือ เชื่อถือ คิดว่าเป็นคนดี ผมอยากให้มองภาพรวมครับ มองให้ลึก ให้ละเอียด มองให้เห็นตัวตนของคนให้ เชื่อเถอะครับว่าคุณอาจเห็นอีกภาพในมุมกลับ
   วันนี้ผมอยู่เฝ้าร้านตั้งแต่เช้า บ่าย เย็นไปรับลูกแล้วก็ต้องวกกลับมาเฝ้าร้านต่อจนปิดตอนมืดค่ำ
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 13, 2012, 08:58:13 pm
13 มค 55
   เช้านี้เปลี่ยนบรรยากาศจากการขี่จักรยานมาเป็นการเดิน มีเวลาแค่ 30 นาทีก็จัดไปเท่านั้น เดินไปคิดโน่นนี่ไปเรื่อยๆ ก็สนุกดีเหมือนกัน แล้วก็กลับเข้าวงจรชีวิตปกติคือกินข้าว ไปส่งลูก และไปทำงาน อยู่จนถึงบ่ายแก่ๆ เข้ามาบ้าน มีเวลาส่วนตัวเล็กๆ นิดหน่อยก่อนไปรับลูก
   ผมลงสมัครเลือกตั้งเป็นกรรมการในคอนโดด้วย มาสมัครแบบไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก่อนสักนิด ก็เพราะอยากเข้าไปปรับปรุงพัฒนาคอนโดให้มันสวย น่าอยู่มากขึ้น กรรมการเก่าหมดวาระลงไป
   ต้องต่อสู้ในเกมการเลือกตั้งที่คล้ายการเมือง เพราะอีกฝั่งคือคนที่ส่งมาจากเจ้าของโครงการ ที่จะมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเขา (แต่พวกมันมากินเงินค่าส่วนกลางของคอนโด)
   เพิ่งจะมีคอนโดกับเขาเป็นครั้งแรก และได้เรียนรู้กลโกงต่างๆ ของเจ้าของโครงการมากมาย มันโกงกันเป็นทีม เริ่มตั้งแต่เจ้าของโครงการ ส่งลูกสมุนสุนัขรับใช้มาเป็นกรรมการบริหารโครงการ และมีลิ่วล้อคือบริษัทนิติมาช่วยเป็นลูกมือ มันร่วมมือกันโกงได้แบบหน้าด้านโคตรๆ คุณเอ๋ย กินกันแบบหน้าด้าน บนโต๊ะ ใต้โต๊ะ กระทั่งนอกโต๊ะ เศษอาหารกระเด็นตกไปอยู่พื้นมันก็คาบไปกินต่อ เก็บหมดเสียเรียบจริงๆ เอาเป็นว่าใครสนใจจะซื้อคอนโด หรืออยากรู้กลโกงของมันและวิธีป้องกันว่างๆ ก็มาคุยกับผมได้ครับ แม้จะยังรู้ไม่ลึกแตกฉาน แต่ก็พอจะให้ข้อมูลพื้นฐานแก่เพื่อนๆ มือใหม่ได้ เพราะคอนโดทุกที่ มันจะมาแนวนี้ เพียงแต่ของผมมันเล่นกันหนัก
   หนทางเดียวที่จะเข้าไปต่อสู้ ก็คือการเข้าไปแย่งชิงตำแหน่งกรรมการ ซึ่งจะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ พวกเราลูกบ้านก็อยู่กันแบบตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างอยู่ บางคนไม่สนใจเรื่องราวพวกนี้เลยด้วยซ้ำ วันลงคะแนนก็ไม่มาร่วมงาน ไม่ออกเสียง ฯลฯ
   ไปรับลูกตอนเย็น เห็นเด็กๆ ถือของขวัญของเล่นกันหลายคน ทางโรงเรียนจัดงานจับสลากของขวัญ เด็กส่วนใหญ่ได้ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ แต่มิวได้ตุ๊กตาตัวนุ่มๆ น่ารักดีเหมือนกัน ถือเดินไปมามีแต่คนมอง
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 14, 2012, 09:11:18 pm
14 มค 55 วันเด็ก
   แสนสงสารลูกที่อยากจะไปเที่ยวกับเพื่อนในงานวันเด็ก ปีที่แล้วเราไปดูเรือหลวงจักรีนฤเบศที่สัตหีบกัน ปีนี้เพื่อนลูกคนเดิมนี่แหละ ชวนไปบ้านเขาที่ศรีราชา จะเอาเรือออกไปเกาะสีชังกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมเองยังอยากไปเลย
   แต่หมดสิทธิ์ครับ ต้องออกไปเฝ้าร้านดังเช่นทุกวันที่ผ่านมา ส่งผลให้ลูกก็ไม่มีใครพาไปไหน เดือดร้อนคุณตา (พ่อของภรรยา) ต้องอาสาพาไปเที่ยวแทน
   ผมออกแบบชีวิตตัวเองให้มีเวลาว่างมากๆ ก็เพื่อทุ่มเทเวลาเลี้ยงดูลูก แต่กลายเป็นว่า คนอื่นเห็นว่าผมว่าง เลยยกภาระหลายอย่างมาให้ทำ ลูกก็เลยต้องกลายเป็นแบบผมตอนเด็กๆ ที่ไม่ค่อยได้ไปไหนกับพ่อแม่
   ตอนเด็กๆ นี่ผมแทบไม่ค่อยได้ไปไหนเลยครับ พ่อแม่มีแต่ทำงาน ทำงาน ทำงาน แต่เราก็เข้าใจ เขาทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูเรา พอมีลูกผมไม่อยากให้ลูกรู้สึกเหมือนผมในวัยเด็ก
   แต่แล้วก็ทำไม่ได้ ชีวิตนี้น่าแปลกชะมัด

   บ่ายเอารถไปตรวจเช็คระบบแก๊สที่ร้านแถวบ้าน ชื่อร้านนี้แปลกมาก “ชัย หมากกระจาย” เอากับเขาสิครับ
   เข้าไปให้เขาตรวจเช็คทั้งระบบ โดยที่ไม่ได้แจ้งว่าเกียร์รถผมยังพังอยู่
   การเอารถเข้าศูนย์หรือร้านซ่อมนี่เราไม่ควรชี้นำช่างอย่างเด็ดขาดนะครับ อย่าคุยทำนองอวดรู้ หรือทำเก่ง รถเราเสียแค่ตรงไหน อาการอย่างไรก็บอกเขาไป ตัวอย่างเช่น รถเราวิ่งไม่ตรง ปล่อยมือแล้วเป๋ เบรกแล้วปัด ก็อย่าไปชี้นำว่าสงสัยจะลูกหมากเสีย สงสัยช้อคฯ รั่ว เพราะเห็นรถมันเอียงๆ หรือสงสัยว่าศูนย์ล้อไม่ดี
   บอกไปก็เหมือนจะชี้นำ เจออู่ดีๆ น่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าเจออู่มั่ว คุณจะโดนฟันในจุดที่ชี้นำนั้นด้วย ถ้ารถโอเวอร์ฮีท แล้วไปบอกช่างว่าสงสัยจะฝาสูบโก่ง หึหึ ทั้งๆ ที่อาจเปลี่ยนแค่ปะเก็นก็หายแล้ว แต่อาจโดนค่าไสฝา ดัดฝา ปะเก็น ฯลฯ ตบท้ายด้วยค่าแรงอีกหลายพัน
   เด็กที่อู่แก๊สเก่งใช้ได้ครับ เอารถผมไปลองขับรอบเดียวก็เอามาคืน บอกว่ารถพี่เกียร์เสียครับ เอาไปซ่อมซะ ส่วนระบบแก๊สผมเช็คแล้วปกติดี ไม่มีค่าบริการครับ
   ขับรถกลับบ้าน โทรนัดช่างประจำอีกอู่แถวถนนเจริญนคร ชื่อช่างวิทย์ เอาให้ชัดๆ อีกทีว่าเกียร์มันเสียจริงๆ ใจผมอยากให้ลองเอากล่อง ECU ของเกียร์ใบใหม่มาลองสลับใช้ดู หรือถ้าได้ ECU ของรถมาลองด้วยก็ได้ เผื่อกล่องเสีย ก็จะได้เปลี่ยนแค่กล่อง รถผมวิ่งไปแค่ 1.4 แสน กม ผมว่าเกียร์ยังไม่น่าพังนะ
   หรือถ้ามันพังจริง ก็น่าจะมีชุดซ่อม แต่แหม เห็นร้านเป็นห้องแถวริมถนนแบบโคตรโทรมแล้วไม่ค่อยจะมั่นใจในการรื้อประกอบเกียร์ออโตเลยครับ ชิ้นส่วนภายในเกียร์ออโตในรถรุ่นเก่าแก่อย่างผมมันมีกว่า 300 ชิ้น ต้องใช้ความละเอียด ประณีต สะอาด ในการถอดประกอบ ร้านเจ๋งๆ ระดับมืออาชีพ จะต้องมีห้องประกอบเครื่อง ประกอบเกียร์แบบปลอดฝุ่น ขนาดศูนย์รถยนต์เองก็ยังไม่มีห้องแบบนี้ แต่อู่รถอู่เดียวที่ผมเห็นว่ามีก็คืออู่กรุงเทพฯ ประชาชื่นซอย 19 ครับ ราคาซ่อมก็ไม่ต้องพูดถึง แพงพอๆ กับศูนย์ใหญ่ แต่ฝีมือผิดกันคนละโลกนะ เรียกว่าใครจ่ายไหวก็ถือว่าคุ้ม
   อืม คิดถึงคุณอาชาญ เจียรประดิษฐ์ เจ้าของอู่กรุงเทพฯ จริงๆ ครับ ไม่ได้ไปเยี่ยมหลายปีมากแล้ว เขาคือหนึ่งในนักเขียนรับเชิญตอนผมทำนิตยสาร Racing Club นั่นเอง
   คืนนี้ลูกไม่อยู่ ด้านหนึ่งก็ดีใจที่ได้มีอิสระและไม่ต้องคอยดุว่ากันในสิ่งที่เขาทำไม่เรียบร้อย แต่ใจอีกด้านก็คิดถึงเหมือนกัน
   ปูที่นอนให้เขา หยิบเอาตุ๊กตาที่เขาจับสลากได้ ที่เขานอนกอดเมื่อคืน เอามาวางหนุนหมอนแทนตัวเขา เพื่อที่ผมจะได้ยังคงรู้สึกว่านอนข้างๆ เขาเหมือนเดิม
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 16, 2012, 02:50:47 pm
15 มค 55
   ไม่ได้ออกขี่จักรยานครับ วันหยุดนี้เอาใจภรรยาเสียหน่อย เขาอยากจะไหนก็พาไป ขี่จักรยานไปตลาดซื้อต้มเลือดหมูมากินด้วยกัน ตอนสายไปเดินเล่นที่สวนจตุจักร กลางวันกินร้านอาหารเวียดนามในนั้น ผมต้องรีบกลับ เพราะตอนบ่ายมีประชุมเลือกกรรมการของคอนโดที่ผมอยู่
   ในการเลือกตั้งกรรมการ ทุกคนที่ลงสมัครต้องพูดแนะนำตัวเรื่องพวกนี้ไม่มีปัญหาสำหรับผมแม้แต่น้อย ผมเล่นละครเวทีให้มหาวิทยาลัยตลอด 4 ปีเต็ม ตอนเรียนก็เป็นหัวหน้ากลุ่มในวิชาเอก
   กรรมการแต่ละคนพูดแนะนำตัวเอง ก็คละเคล้ากันไปครับ จบสูงบ้าง กลางๆ บ้าง ไอ้พวกนี้ไม่สำคัญหรอก ประเด็นก็คืออย่าไปเลือกพวกสุนัขรับใช้เข้ามาเป็นกรรมการก็แล้วกัน เหมือนนักการเมืองนั่นแหละครับ ถ้าหาคนดีไม่ได้ ก็เลือกที่คุณคิดว่าเลวน้อยสุดก็พอ
   ไม่น่าเชื่อ ผมตื่นเต้นจนพูดตะกุกตะกัก โห โคตรจะเสียฟอร์มเลยว่ะ นี่คงจะเป็นเพราะห่างเวทีใหญ่มานานกว่า 20 ปี ไม่ได้พูด หรือแสดงต่อหน้าชุมชนเลยนับจากที่เรียนจบ โห แย่ว่ะ เล่นเอาเสียความมั่นใจไปมาก อีกสาเหตุก็น่าจะมาจากผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรในคอนโดเหมือนพวกกรรมการคนอื่นที่เขาแนะนำตัวด้วยแหละครับ คือเราเดินเข้าไปแบบตัวเปล่าๆ เลย สมองก็โล่งๆ มาเลย บางคนมาแบบมีข้อมูล แนะนำตัวพร้อมหาเสียงไปในตัว
   การประชุมเย่นเยิ้อตอนแรกบอกเริ่มบ่ายสอง เอาเข้าจริงมันเปิดประชุมไม่ได้ เพราะผู้เข้าร่วมประชุมไม่ถึง 1 ใน 4 ของจำนวนเต็ม อ้าว ผมเพิ่งรู้ว่ามีกฎแบบนี้ด้วย ก็ต้องรอกันไปครับ เปิดประชุมได้อีกทีตอน 4 โมงเย็นโน่น เสียเวลาไปเปล่าๆ 2 ชมเต็ม แค่รอคนมาสาย ในขณะเดียวกันก็ลงโทษคนมาตรงเวลาไปในตัว แปลกดี
   ระหว่างการประชุมก็มีการตำหนิติเตียนกรรมการชุดเก่าบ้าง นิติที่บริหารบ้าง บางคนพูดนุ่มนวล บ้างก็ดุดัน ผมไม่คุ้นบรรยากาศแบบนี้จริงๆ เลยครับ เพราะสังคมที่ผมอยู่นี้ หากมีอะไรก็จะพูดคุยกันได้แบบสบายๆ ไม่มีใครใส่หน้ากากเข้าหากัน นี่ผมลงสมัครเป็นกรรมการกับเขาด้วย มันจะไหวหรือวะนี่ เฮ้ออ
   สุดท้ายถึงเวลาเลือกกรรมการ … ผมได้รับเลือกกับเขาด้วยครับ เอาแล้วสิมึง ซื้อห้องพักเอาไว้ ตกแต่งห้องเสร็จหลายปีแล้ว ยังเพิ่งเคยไปค้างอยู่แค่ 3 คืนเอง แล้วต่อไปนี้หากเขาเรียกประชุมตอนวันที่ผมทำงานที่ร้านอยู่ หรือนัดมาประชุมวันหยุดที่ผมมีทริปจักรยาน จะทำอย่างไรดีกันล่ะนี่
   นี่เป็นวันแรกที่มาคอนโด แล้วไม่ได้เข้าไปในห้องพักเลยแม้แต่ก้าวเดียว   
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 19, 2012, 04:18:27 pm
16 มค 55 วันครู
   วันนี้โรงเรียนมิวหยุดครับ เป็นวันครู “วันครู” วันนี้ต่างจาก “วันไหว้ครู” ที่เป็นวันพฤหัสบดีนะครับ วันนั้นเด็กๆ จะจัดพิธีไหว้ครู มีจัดพานพุ่มดอกไม้ ให้สติปัญญาแตกฉานเหมือนหญ้าแพรก สมองเฉียบแหลมเหมือนดอกเข็ม อะไรประมาณนั้น
   มิวยังคงอยู่บ้านคุณตา ส่วนผมไปร้านขายของเช่นเคย ทำงานแบบนี้มันไม่มีวันหยุดพิเศษอะไรนักหรอกครับ ตรงกันข้าม หากเป็นช่วงเทศกาลวันอาทิตย์ก็ยังต้องมาเปิดร้านขายของ (นานๆ จะมีสักที ไม่บ่อยนัก)
   จะเจ็บป่วย ก็ต้องป่วยเอาตอนดึกวันเสาร์ วันอาทิตย์นอนพัก เช้าวันจันทร์ต้องหาย แล้วลุกขึ้นไปทำงานต่อ
   เช้าเอารถไปให้ช่างวิทย์ซ่อม ให้เขาลองขับดูกับมือตัวเองก่อน จะได้มั่นใจว่ามันเสียที่เกียร์จริงๆ ช่างถามอาการว่ารถเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็เล่าไป และบอกให้ช่างไปลองขับเองดูอีกที ผมอยากให้ลองเอากล่องเกียร์มาลองสลับดูก่อน แต่ช่างฟังอาการแล้วบอกว่าแบบนี้ไม่ใช่กล่องเสียหรอก ตัวมันเองนี่แหละที่เสียแน่นอน
   ฝากรถให้ช่างแล้วผมก็ขี่จักรยานไปร้านต่อ เอารถ Neobike 14 ใส่ท้ายรถไว้ครับ ขี่เรื่อยๆ บนทางเท้าแคบๆ ได้ดีกว่ารถล้อใหญ่มาก รถคันเล็กแบบนี้เหมาะแก่การขี่สั้น ขี่ใกล้ ใช้งานรถให้ถูกกับสภาพของมัน ก็จะขี่จักรยานได้อย่างสนุกสนาน บางช่วงเจอน้ำที่หกกระฉอกจากการรดน้ำต้นไม้ก็เล่นเอาเกือบล้ม ล้อหลังไถล รถคันนี้เป็น Coaster Brake ก็เลยต้องปรับบาลานซ์รถด้วยเอวเราเอง ยากเหมือนกันครับ ดีที่ขับไม่เร็วมาก เลยไม่ล้ม
   บ่ายกลับมาบ้าน เอารถพ่อคันเก่าไปเข้าศูนย์ วันนี้โรงรถที่บ้านโล่งแน่นอน รถหายไปสองคัน สักพักลูกกลับมาบ้าน เย้ๆ ดีใจจังเลย เมธาสิทธิกลับมาแล้ว คุณตาและคุณยายมาส่ง และคุยกันได้ครู่ใหญ่ก็ขอตัวกลับ ส่วนมิวรีบวิ่งแจ้นขึ้นห้องไปดูหนังเกี่ยวกับเครื่องบิน สงสัยจะไปหลอกคุณตาซื้อมาแน่ๆ
   วันนี้ว่างคิดงานได้เยอะหน่อย เป็นไอเดียวเกี่ยวกับงานเขียน ผมชอบไอเดียนี้มาก มันแรงดีจริงๆ แต่ก็อย่างว่า อะไรๆ ที่ผมคิดออกมานั้น หลายอย่างมันแรงเกินไปในโลกยุคปัจจุบัน คือทำน่ะทำได้ แต่ต้องทำแบบมีแผน ทำอย่างรอบคอบ ไอ้ผมก็ชอบงานลุยเดี่ยวเสียด้วยสิ ถึงได้เลือกงานดีไซน์นี่แหละ อิสระดี มาระยะหลังชอบงานเขียนเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ก็ยังไม่เคยได้เขียนจริงจังอะไรเลยนับตั้งแต่หยุดผลิต Racing Club ลงไป นึกแล้วคิดถึงเหมือนกันนะนี่
   แต่ก็อย่างที่รู้ๆ อยู่ งานรถยนต์มันต้องเดินทางบ่อยมากๆ ถ้าลงไปลุยเต็มตัวเหมือนเมื่อก่อนล่ะก็ ผมจะแทบไม่มีเวลาอยู่บ้านเลี้ยงดูลูกเลย ถ้าหากยังคงอยู่ในตำแหน่งของนักเขียน หัวหน้ากองบรรณาธิการ ผมจะต้องทดสอบรถยนต์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องอย่างมากมาย
   มาตรฐานงานของผมจะต้องออกมาแบบอ่านแล้วชัดเจน ถูกต้อง อ่านแล้วรู้ว่ามันดีหรือไม่ดี ไม่ชอบเขียนแบบกำกวม มันเหมือนหลอกคนอ่านให้แค่ผ่านๆ ไป ผมว่ามันไม่ค่อยแมนเท่าไหร่ แต่แปลกที่มีคนแบบนี้เยอะมากๆ ในโลกธุรกิจ
   เอ๊ะ หรือว่าผมแม่งผิดปกติอยู่คนเดียววะ
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 19, 2012, 04:20:57 pm
17 มค 54
   เช้าขี่จักรยาน กินข้าว ออกจากบ้านไปส่งลูกที่โรงเรียน แล้วก็ไปเฝ้าร้าน นี่คือวัฏจักรของแต่ละวันในช่วงเช้ามักจะเป็นแบบนี้เสมอ เช้านี้ดีหน่อย เอารถพ่อออกมาขับ ไอ้คันนี้ขับสบาย แรงแบบสั่งได้ เบรกดีเยี่ยม เสียตรงมันเก้งก้าง รถ Nissan 180SX ของขับใช้งานคล่องกว่าเยอะ โดยเฉพาะหากต้องจอดในที่แคบ ระบบเลี้ยว 4 ล้อแบบ Super Hicas ที่ความเร็วต่ำ ล้อหลังจะเลี้ยวในทิศตรงกันข้ามกับล้อหน้า ส่งผลให้วงเลี้ยวของรถแคบกว่าเดิม แต่หากรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงล้อหลังจะเลี้ยวในทิศทางเดียวกับล้อหน้า ส่งผลให้รถเปลี่ยนเลนได้นิ่งมากๆ ลดอาการโคลง เหวี่ยงไปได้เยอะ ระบบเลี้ยวแบบนี้โลกสากลเรียกกันว่า 4WS มีรถหลายค่ายทำออกมาในต้นยุค 90 มีทั้ง Mazda ที่เรียกว่าระบบ TTL การทำงานของแต่ละค่ายก็แตกต่างกันออกไปครับ แต่ก็มีคอนเสปคล้ายๆ กัน
   น่าเสียดายที่ค่ายรถยนต์ในโลกปัจจุบันเลิกผลิตและพัฒนาระบบ 4WS กันหมดแล้ว เพราะมันสิ้นเปลือง ต้องมีชุดแร็คที่ล้อหลังด้วย อีกทั้งแม่ปั๊มเพาเวอร์ก็จะต้องเป็นแบบพิเศษ แบ่งวงจรหน้าหลัง ซ้ำยังต้องมีกล่องควบคุมแบบ ECU ชุดเล็กๆ เป็นการเพิ่มต้นทุนแก่รถคันนั้นอย่างมาก โดยเฉพาะรถแบบ Production Car ที่แข่งกันลดต้นทุนแบบสุดๆ
   ระบบ 4WS จึงมีอยู่แค่เฉพาะรถระดับสูง ตัวแรงของค่าย เช่น Nissan Skyline GT-R รถค่ายอื่นก็อาจมีบ้างนะครับ แต่ผมไม่ชัวร์ว่ามีตัวใดอีกบ้าง
   รถยนต์ในโลกยุคนี้จะมามุ่งเน้นกันที่ระบบไฟฟ้าที่ป้องกันล้อหมุนฟรีแทนครับ เรียกโดยรวมว่าระบบ Traction Control ทำงานโดยใช้เซนเซอร์จับที่ล้อ ถ้าเกิดล้อไหนหมุนฟรีทิ้ง มันก็จะส่งข้อมูลไปยังกล่อง และกล่องก็จะสั่งให้เบรกทำงานเฉพาะในล้อที่เกิดเหตุนั้นๆ รถบางคันที่รุ่นสูงขึ้นไปอีกก็จะมีเซนเซอร์อยู่กลางรถอีกจุด คอยจับแรงเหวี่ยงที่เกิดขึ้น หากรถไม่สมดุลมันก็จะส่งแรงไปเบรกล้อที่เกิดเหตุ ก่อนที่มันจะล็อค หรือลากไถลตกถนนไป
   ผลที่ออกมาก็จะคล้ายกับระบบ 4WS นี่แหละครับ คือโยนเปลี่ยนเลนแรงๆ แล้วรถปัดเป๋น้อย เป็นการแก้คนละจุด คนละทาง แต่ผลออกมาแนวทางเดียวกัน
   แต่ไม่มีใครแหกกฎฟิสิกส์ของนิวตั้นได้นะครับ หากขับรถเกินความสามารถควบคุมของตัวเองแล้วล่ะก็ รถเจ๋งๆ หน้าไหนก็ช่วยคุณไม่ได้
   วันนี้อยู่เฝ้าร้านขายของตลอดวันเช้ายันค่ำ ไปรับลูกแล้วก็พามาอยู่ร้านด้วยกัน จะได้สอนการบ้านให้เขา ตอนบ่ายไปถ่ายของจากรถใหญ่ที่จอดเสียกลางถนน แดดร้อนน่าดู เจ้าของร้านบอกว่าให้ผมไม่ต้องยกกลัวจะยิ่งเจ็บหลัง แต่ให้ขับไปคนเดียว แล้วที่หน้างานก็มีคนงานยืนเฝ้ารถอยู่อีกหนึ่งคน
   เนรมิต หรือภาวนาอย่างไร สินค้ามันก็ลอยมาวางบนรถกระบะของผมเองไม่ได้หรอกครับ
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 19, 2012, 04:25:36 pm
18 มค 54
   ตื่นสายแบบไม่น่าให้อภัย หกโมงครึ่งครับ เพราะกลางดึกตื่นขึ้นมาห่มผ้าให้ลูก 3 รอบ หลับๆ ตื่นๆ แบบนี้นอนไม่ค่อยสบายเลย ตกใจตื่นเอาตอนขอบฟ้าเริ่มสว่าง ทำเอาไม่ได้ออกกำลังกาย กระทั่งอาหารเช้าก็ยังไม่ได้กินครับ ตักใส่ปิ่นโตเอาออกไปกินที่ทำงานแทน
   เอาเข้าจริงนี่กินไม่อร่อยเลยครับ ตักใส่ปากได้คำเดียวก็ต้องวิ่งออกไปยกของ บ้างก็ต้องรับโทรศัพท์ รู้สึกรำคาญมากกว่าอร่อย แถมหงุดหงิดอีกด้วย ตลอดวันนี้เลยกินจุบกินจิบ ราวกับว่าต่อมอิ่มอักเสบ เจออะไรรอบตัวที่กินได้เป็นต้องหยิบใส่ปาก ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้
   เย็นไปรับลูกและมาเฝ้าร้านเหมือนเดิมอีกแล้ว ผ่านอู่รถแวะดูรถผมที่นำมาซ่อม ช่างวิทย์บอกว่าเกียร์ปกติดี แต่เครื่องยนต์ผิดปกติ มันทำงานไม่เต็มที่ เลยไม่มีแรงส่งไปยังเกียร์ เออ ก็มีเหตุผลนะ เพราะตอนอยู่กับช่างจ้อย เขาก็บอกว่าเทอร์โบเสีย มีลมออกมาจากเทอร์ไบน์น้อยมาก แต่รื้อออกมาแล้วก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ เขาก็เลยประกอบกลับเหมือนเดิม
   จะอย่างไรก็เถอะ ผมคิดถึงรถผมเหลือเกิน อยากจะขับมันอย่างมาก
   คืนนี้อยู่ร้านถึง 0830 ถึงบ้านก็เกือบ 3 ทุ่ม
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 19, 2012, 07:43:11 pm
19 มค 54
   ตื่นเช้ามาก ชดเชยของเมื่อวาน ทำให้มีเวลาออกกำลังกายเกือบ 1 ชม กลับมาบ้านก็รีบกินอาหารเช้า ไม่เอาแล้วล่ะที่จะใส่ปิ่นโตไปกินทีทำงาน มื้อเช้าวันนี้เป็นเนื้อปลาผัดขิง ไข่เจียวใส่มะเขือเทศ กินกับข้าวกล้อง โรยด้วยงาดำคั่วเอง อ้อ ยังมีแครอทลวก กระเทียมสดอีกสิบกว่าหัว หึหึ บำรุงสุดๆ
   มื้อเจ้าจัดดีๆ หน่อย มื้อสำคัญ บำรุงสมอง ตอนสายกินเต้าฮวย บ่ายๆ กินถั่วต้ม ขนมจุบจิบบ้าง (ที่บ้านมีเพียบ) บ่ายแก่ๆ กินแหนมเนืองไปสิบกว่าชิ้น แกล้มผัดสดเพียบ หัวค่ำมีส้มเขียวหวาน
   วันนี้พ่อแม่ผมจะกลับมาจากต่างจังหวัดแล้ว แต่กลับกี่โมงไม่รู้ ผมยังคงทำหน้าที่พนักงานขายของที่ร้านต่อไป
   คิดถึงรถจะแย่ วันนี้โทรหาช่าง เขาบอกกำลังให้ช่างไฟไล่ตรวจเช็ค เอาใจช่วยให้เจอต้นเหตุโดยเร็วด้วยเถิด
   ตอนสายพ่อแม่กลับมาจากต่างจังหวัด รถพ่อคันเก่าก็เข้าศูนย์ยังไม่เสร็จ เลยเอารถพ่อ (ที่ผมยืมมา) ไปคืนให้เขาใช้ วันนี้ไม่ต้องไปรับลูก เพราะลูกไม่สบายอีกแล้ว อาการป่วยแบบเดิมๆ ปวดท้อง อาเจียน เป็นไข้ แต่พอหยุดเรียนแล้วจะหายทันที น่าแปลกมาก ผมเรียกว่าโรคแพ้โรงเรียน ปิดเทอมน้ำท่วมไปสองเดือน วิ่งเล่นได้ทุกวัน แต่พอเปิดเรียนวันเดียว อ๊วกแตกเลย นี่ก็เอาอีกแล้ว หยุดวันเด็ก (เสาร์) หยุดวันอาทิตย์ (โดดเรียนพิเศษ) หยุดวันจันทร์ (วันครู) เรียนได้วันอังคารวันเดียว วันพุทธออกอาการอีกแล้ว ปวดหัว ปวดท้องเหมือนเดิม
   บ่ายพาลูกไปหาหมอ ก็จ่ายยาไปตามอาการ ถ้าเป็นผมเลี้ยงดูลูกเองน่ะหรือ จะไม่พาไปหาหมอหรอก แต่จะพาไปออกกำลังกายให้หนักๆ เอาให้เหงื่อโทรม (ไปตอนร่างกายแข็งแรงปกติดีนะ) สำหรับผมแล้ว กีฬาคือยาวิเศษครับ เลือดลมได้สูบฉีดสักหน่อย อะไรๆ ก็จะดีขึ้นได้เอง (สำหรับตัวผม)
   บ่ายนี้เพิ่งจะมีเวลาว่างเป็นของตัวเองเล็กน้อยในรอบหลายวัน เลยหยิบเอาแผนงานของปี 55 นี้มานั่งดู โอ้โห มีอะไรให้ทำตั้งหลายอย่างแน่ะ มีงานปวดหัวมาให้ทำโดยไม่คาดฝันนั้นคือการดำรงตำแหน่งกรรมการของคอนโดที่ผมอยู่ เป็นงานที่ผมไม่มีความรู้อะไรเลยแม้แต่น้อย ส่วนงานที่เหลือเป็นงานดีไซน์ งานเขียน งานด้านรถยนต์บ้าง จักรยานบ้าง ไอ้นี่ไม่ต้องเป็นห่วง สบายมากๆ
   นั่งวางแผนจัดการชีวิต กำหนดสิ่งที่ต้องทำ อยากทำ ควรทำ เขียนลงในปฏิทิน หวังว่าคงจะทำได้ครบหมดตามที่คิดนะ
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 21, 2012, 03:06:58 pm
20 มค 55
   และแล้ว มิวก็ต้องหยุดเรียนอีกวัน ตื่นขึ้นมาก็ตัวร้อน อาการปวดท้อง และอยากอาเจียนลดน้อยลง ให้ยาแก้ไข้ไป 1 เม็ด และสอนให้เขาอ่านฉลากยา ขนาดของยาที่เขาต้องกิน ช่วงเวลาที่จะต้องกิน ผมทำได้เท่านี้แหละครับ ผมคิดมาเสมอว่าลูกสำคัญที่สุด เพิ่งมารู้ว่าผมคิดไปเองคนเดียว แต่ละคนเขาก็มีของที่สำคัญที่สุดของเขาเหมือนกัน
   จำเป็นต้องทิ้งลูกเพื่อไปเฝ้าร้าน เซ็งโคตรๆ เลยครับ อยู่เฝ้าร้านก็ยกของ แบกของขายหน้าร้าน บ่ายได้รับมอบหมายให้ไปรับสินค้าที่ร้านย่านบางพลัด รถติดแบบนรกสัตว์ๆ ถนนจรัลสนิทวงศ์มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าเกือบจะตลอดสาย ยังมาชนกับการออกมาจับจ่ายประเพณีตรุษจีนเข้าอีก นั่งอยู่บนรถราว 2 ชม ทั้งๆ ที่หากเป็นช่วงปกติเมื่อก่อนนี้ผมขับรถราว 25-30 นาที
   โทรหาช่างวิ่ทย์สอบถามเรื่องรถยนต์ของผมที่ตรวจเช็คไปถึงไหนแล้ว ช่างบอกน่าปวดหัวมาก มันมีอาการจุกๆ จิกๆ หลายอย่างรวมๆ กัน แต่หลักๆ คือชุดคอยล์ หัวเทียน ตบท้ายด้วยว่าดีนะที่ผมไม่ได้รื้อเกียร์ออกมา ไม่งั้นได้ทำฟรีแน่
   ผมสงสัยเรื่องชุดคอยล์ เพราะเพิ่งเปลี่ยนไปไม่นาน ช่างวิทย์บอกว่าแม้จะเปลี่ยนใหม่ แต่ก็ไปเอาของที่เสียแล้วมาใส่ มันอาจจะไม่ถึงกับเสียจนพัง แต่ไฟมันออกไม่สม่ำเสมอ ตรวจเช็คดูมีไฟออกก็จริง แต่พลังไฟในแต่ละหัวมันไม่เท่ากันเลย แถมยางปลอกหัวเทียนก็แตกกรอบ
   กดคันเร่งทีแรก แค่เท่านั้นแหละครับ พลังที่เคยถูกซ่อนเร้นมันพรั่งพรูกันออกมา วัดรอบที่เคยกวาดขึ้นอย่างช้าๆ จนผมคิดว่ารถติดแก๊สแล้วแรงมันจะหายไป มาวันนี้มันแรงขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เหมือนเครื่องยนต์ตัวใหม่เลยล่ะ รถวิ่งราวกับว่าเป็นคนละคัน
   “ธนูไฟของกูกลับมาแล้ว”
   “นี่แหละ ธนูไฟของกู”
   ผมคิดแบบนี้ในใจ สมัยก่อนรถคันนี้ของผมมันแรงมากๆ ครับ กดคันเร่งแบบคิกดาวน์ที่ความเร็ว 100 มันพาไปถึงเลข 180 ไม่ถึง 10 วินาที สุดยอดไหมเล่า ขับรถกลับบ้านอย่างมีความสุข แม้ว่ารถจะติดก็ตามที เอาไว้พรุ่งนี้หรือวันว่างๆ จะลองซัดแบบเต็มๆ ดูว่าเป็นอย่างไร
   นี่ผมยังติดพิมพ์ปีเป็น 54 อยู่อีกหรือนี่ ผ่านมาใกล้จะหมดเดือนแล้ว ถ้าต้องเขียนเช็คเอง คงจะต้องแก้กันรายวัน
   คืนนี้ผมมีประชุมด่วนของกรรมการทีคอนโด เอาอีกแล้ว ไม่น่าหาเรื่องเลย ลูกไม่สบายแท้ๆ แต่ผมดันไปเป็นกรรมการกับเขา เฮ้ออ อยากลาออกทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเลย
   นั่งคุยกันอยู่ 2 ชม กว่า ผมก็ขอตัวกลับก่อน ลูกเขาขอตามมาด้วยครับ คงจะเบื่อบ้าน เขานอนรอบนโซฟาพลิกตัวไปมาใต้ผ้าห่มหนาที่หอบหิ้วมาเอง
   คืนนี้เราสองคนนอนกันที่ห้องคอนโดแห่งนี้
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 21, 2012, 09:45:58 pm
21 มค 55
   เมื่อคืนเปิดหน้าต่างนอน เข้านอนไปได้แค่ 30 เท่านั้นเองแหละครับ กลายเป็นว่ายุงกัด กัดลูก ไม่ได้กัดผมหรอก เลยปิดหน้าต่างไล่ยุงจนหมดแล้วถึงจะนอนได้
   ตื่นเช้ามาก็ยังไม่หายดี ตอนสายพาไปหาหมออีกรอบ ตรวจเช็คก็ไม่พบต้นเหตุ ได้แต่รักษาตามอาการที่เป็น หมอขอคุยกับผมส่วนตัว สอบถามปัจจัยต่างๆ รอบตัวลูก ทั้งบ้าน โรงเรียน และตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากความเครียด
   อืม เป็นไปได้ครับ เพราะตอนปิดเทอมน้ำท่วม 2 เดือนก็สุขสบายดี พอเปิดได้วันเดียวเท่านั้นแหละ ก็ไม่สบายซะแล้ว นั่นเป็นจุดเริ่มต้นนะ หลังจากนั้นก็มีเจ็บออดๆ แอดๆ อีกหลายครั้ง ทั้งๆ ที่สุขภาพร่างกายของเขาอยู่ในเกณฑ์แข็งแรงดีมาก
   หลังจากหาหมอเสร็จก็แวะซื้อโจ๊กบางกอกให้ลูกไว้กินมื้อเช้าและกลางวัน จากนั้นผมก็ไปทำงานที่ร้านต่อ แบบเดิมๆ ครับ ยกของทีโกดัง ขายของหน้าร้าน รับโทรศัพท์ ฯลฯ
   เข้ามาบ้านตอนบ่าย ลูกยังอาการเดิมเหมือนเมื่อ 3 วันที่แล้วเป๊ะ เฮ้ออ น่าเบื่อจริงๆ เลื่อนรถยนต์มาล้าง แล้วก็เจอเรื่องแทบช็อค คงจะเกิดตอนที่อยู่อู่ช่างวิ่ทย์
   ที่จุดขึ้นแม่แรงหลังล้อหน้า ขอบชายน้ำรถผมพับล้มทั้งสองด้าน (ซ้ายและขวา) มันต้องเกิดจากการขึ้นแม่แรงโดยไม่เอาก้อนยางหรือไม้ที่มีร่องมารอง รถผมอายุ 14 ปี วิ่งไป 1.4 แสน รักษาสภาพได้ดีมาตลอด เจอช่างที่อู่นี้ทำเล่นเอาเซ็งไปเลย ไอ้เรื่องซ่อมรถเก่ง แก้ปัญหาได้ตรงจุด อันนี้ผมยอมรับและต้องชมเชย แต่ถ้าทำรถลูกค้ามีตำหนิใหญ่ แบบนี้ก็ต้องติกันบ้าง ยังมีอีกจุดคือแผ่นพลาสติกข้างกันชนหน้าเป็นรอยแตกราวยาวราว 1 คืบ อันนี้ก็โคตรเซ็งเช่นกัน รถผมไม่เคยชน ไม่เคยทำสี เจอแบบนี้ก็ต้องจำฝังใจ
   เย็นอยากขี่จักรยานเล่น แต่ก็ติดที่ว่าลูกยังไม่สบายอยู่ ทำไงดีว้า เมื่อไหร่มันจะหายเสียที ไอ้โรคที่ไม่มีสาเหตุแบบนี้ ก็ได้แต่ทำใจ หวังว่ามันจะหายไปเองในเร็ววัน ตราบใดที่ลูกยังเป็นแบบนี้ ผมเองก็คงอยู่อย่างไม่มีความสุข เพราะต้องตื่นนอนทุกๆ 2 ชม เพื่อมาดูแลลูก
   แม้จะบ่น แต่ก็ทำด้วยความเต็มใจครับ เวลาของเราที่จะอยู่ใกล้ชิดกัน มันจะค่อยๆ ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ทุกทีๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่า อยากให้เวลาอยู่ด้วยกันให้มีคุ้มค่ามากที่สุด
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 22, 2012, 07:18:28 pm
22 มค 55
   เป็นเช้าวันอาทิตย์ที่ไม่ค่อยจะสดใส ลูกยังไม่สบายอยู่เลย หยุดเรียนมาหลายวันแล้ว วันนี้เขามีเรียนพิเศษ แต่ก็ต้องหยุด พรุ่งนี้วันจันทร์จะไปเรียนได้หรือเปล่าก็ยังต้องลุ้น กูล่ะเบื่อจริงๆ
   แต่ก็ต้องคิดบวกนะ เจ็บป่วยอยู่กับบ้าน ยังดีกว่าต้องเข้านอนโรงพยาบาล จริงไหมล่ะ
   มองอีกแง่ ไอ้การคิดบวกนี่มันก็เหมือนกับเป็นการปลอบใจตัวเองน่ะครับ เปรียบแบบดุๆ หน่อย มันก็คือการหลอกตัวเองอีกแบบ เหมือนกับว่าเราทำอะไรไม่ได้ แก้ไขอะไรไม่ได้ ก็หาเหตุผลมาปลอบใจตัวเอง
   เช้าขับรถพาลูกไปกินร้านโจ๊กสยาม อาการเริ่มดีขึ้นแล้วมั้ง เห็นกินได้เยอะแล้ว เป็นนิมิตหมายอันดียิ่ง ผมเองก็นอนหลับๆ ตื่นๆ มาตลอด 4 วันแล้ว รู้สึกหัวสมองไม่แล่นเอาเสียเลย กลางวันก็ทำงานยกของแบบงงๆ กลับมาบ้านจะคิดงานออกแบบก็คิดไม่ออก เพราะมีลูกให้รับผิดชอบดูแล
   รถยนต์ผมเก่าแก่มาก แต่หลังจากซ่อมมาแล้วก็ขับอย่างสนุกสนาน ความรู้สึกเหมือนรถคันใหม่ นี่ถ้าว่างๆ จะทำความสะอาดดูดฝุ่น ขัดเคลือบสี ก็จะเป็นรถใหม่ของผมอีกครั้ง
   บ่ายลูกอาการดีขึ้น ภรรยาเลยชวนไปกิน MK กัน ลูกกินอาหารได้มากขึ้น พูดคุยหยอกล้อเล่นได้แล้ว ดูร่าเริงเหมือนเดิม หวังในใจว่าคงจะหายดีแล้วนะ คืนนี้ผมจะนอนหลับได้เต็มอิ่มเสียที
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 24, 2012, 01:47:49 pm
23 มค 55
   วันตรุษจีน ร้านผมหยุดครับ นานๆ จะได้หยุดพิเศษกับเขาเสียที แต่หยุดแค่วันเดียวล่ะนะ ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกครับ ชีวิตต่อจากนี้ไปก็คงมีแต่เรื่องที่จะต้องทำให้กับคนรอบข้าง อย่างวันธรรมดา วันทำงานก็ช่วยพ่อแม่ วันนี้วันหยุดก็ตามใจภรรยา ส่วนที่เหลือของวันก็ตามใจลูก เวลาที่จะให้กับตัวเองมันเหลือไม่เท่าไหร่
   เช้าภรรยาไปทำธุระที่ธนาคาร ผมคิดว่าแป๊บเดียว เอาเข้าจริงเล่นไป 1.30 ชม ก็รอกันไป สายหน่อยพาไปเดินเล่นซอยละลายทรัพย์ ถนนสีลม มันไม่น่าจะมีชื่อซอยแบบนี้จริงๆ หรอกนะ ชื่อไม่เป็นมงคลแก่คนเดินเลย ซอยนี้อยู่ข้างธนาคารกรุงเทพฯ สำนักงานใหญ่ สินค้าส่วนมากจะเป็นของผู้หญิงและเด็ก ไม่มีสิ่งใดที่ผู้ชายอย่างผมจะซื้อได้เลย
   กลางวันภรรยาอยากกินที่ร้านส้มตำนัว สยามสแควร์ เคยไปกินหนหนึ่งหลายปีมาแล้ว รสชาติดีครับ แต่แพง และคนเยอะมาก วันนี้มาอีกรอบแทบช็อค คนออกันหน้าร้านไม่ต่ำกว่า 20 คน เห็นแล้วแทบจะเดินกลับเลย ให้ภรรยาตัดสินใจ เพราะเขาเป็นคนอยากมากิน สรุปว่ารอคิวครับ ยังดีที่รอไม่นานนัก
   เข้าไปหาที่นั่งได้ก็รีบสั่งอาหาร ตอนนี้แหละ รอนานราว 30 นาที ร้านนี้มีชาวต่างชาติมากินกันเยอะ ฝรั่งโต๊ะข้างๆ ผมมาคนเดียว แบกเป้ใบใหญ่ และอ่านหนังสือ Lonely Planet ของ Bangkok ก็คงจะมาตามลายแทงใน Guide Book โต๊ะถัดมาเป็นชาวฮ่องกง ไม่ก็สิงคโปร์ คุยกันเสียงดังหน่อย มีภาษาอังกฤษแซมภาษาจีน รสชาติอร่อยมาก และยังคงแพงมากเช่นกัน ส้มตำจานเล็กนิดเดียวราคาราว 60 บาท อาหารอย่างอื่นที่ฮิต เช่น ไก่ทอดนี่เกือบ 100 บาท มีปีกไก่เต็มชิ้นมาให้ 3 ชิ้น กินกันสองคนหมดไป 500 กว่าบาท
   บ่ายจะกลับเข้าบ้าน เลยแวะคอนโดสักนิด สงสารต้นกระบองเพชรที่ผมเอาไปทิ้งไว้ที่ริมระเบียง มันดูไม่สดใส ซูบซีด เลยเอากลับมาไว้ที่บ้านดีกว่า อยู่ที่นี่นานๆ คงจะแห้งเฉาตายในอีกไม่นาน
   เย็นไปรับลูก มีโทรศัพท์จากครูห้องพยาบาลโทรมาแจ้งว่ามิวไม่สบายอีกแล้ว อ้าว เฮ้ยย หยุดเรียนไป 4 วันแล้วนะนี่ โรคแพ้โรงเรียนมันยังไม่หายอีกหรือไงนะ ครูว่ามีไข้ตอนเช้า มิวมาขอยากินแล้วขึ้นไปเรียนต่อตอนสาย มาช่วงบ่ายก็มีไข้อีกรอบ ยังนอนอยู่ห้องพยาบาลอยู่เลย
   หลังอาบน้ำเสร็จมิวตัวสั่น บอกหนาว ฟันกระทบกันดังกึกๆ ๆ ๆ ให้ยาแก้ไข้ไป เข้านอนโดยไม่ได้เปิดแอร์ คืนนี้ก็ลำบากผมอีกแล้วสินะ ที่จะต้องคอยตื่นขึ้นมาทุกๆ 2 ชม เพื่อดูอาการของเขา และคอยให้ยารอบดึก
   เฮ้ออ ลูกรัก เป็นอะไรของลูกนะ หายป่วยได้แล้ว หายเสียทีสิ
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 24, 2012, 08:44:36 pm
24 มค 55
   วันนี้เปิดร้านแล้ว เข้าสู่วงจรชีวิตเดิมๆ อีกแล้ว เมื่อวานได้ข้อสรุปชีวิตอีกข้อ ได้ข้อคิดขณะภรรยากำลังเดินช็อปปิ้ง เห็นเขาเดินเลือกของผู้หญิงจุกจิกมากมาย เช่นกระเป๋า รองเท้า ผู้หญิงเขาชอบของพวกนี้กัน แต่ผู้ชายไม่หรอก เราจะใช้แต่ของที่จำเป็นเสียมากกว่า
   ข้อสรุปที่ได้ก็คือ อะไรก็ตามที่มันยังไม่พัง ไม่เสีย ผมก็จะไม่ซื้อใหม่ อะไรที่พังก็ส่งซ่อมมันซะ แล้วก็ใช้ต่อไป ส่วนสิ่งใดที่จำเป็นจะต้องซื้อใหม่ ก็เลือกซื้อที่เราชอบมากที่สุด จบ
   นับจากนี้ผมก็จะไม่มองรถยนต์คันใหม่ โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ จักรยานคันใหม่ ฯลฯ
   มันก็ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นนะ ไม่ต้องเสียเวลาไปกับสิ่งไร้สาระรอบตัว คิดต่อไปอีกลึกๆ กลายเป็นว่าไม่อยากมีเงินมีทองมาก แต่อยากมีอิสระ มีเวลา และมีความสุข ส่วนสุดท้ายในปลายทางของชีวิตก็อยากจากไปอย่างมีคุณค่า
   ในเวปจักรยานมีคนตายขณะขี่จักรยานกันเป็นระยะ ปีหนึ่งต้องมีสัก 2-3 คน (นับเฉพาะในเวป) ผู้คนมากมายต่างแสดงความเสียใจ ผมกลับคิดตรงกันข้ามว่านั้นคือการตายอย่างสบายที่สุดแล้ว
   คุณได้ตายในขณะที่คุณกำลังมีความสุข สนุก นั่นคือการขี่จักรยาน ตายแบบไม่ทรมานอีกด้วย ไม่เดือดร้อนคนข้างหลัง คนที่บ้าน ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลนอนรอความตายเป็นเดือนเป็นปี ไม่ต้องเสียเงินที่อุตส่าห์เก็บมาหลายสิบปีให้แก่โรงพยาบาล ไม่ต้องมีคนอุ้มไปเข้าห้องน้ำ หรือต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ ไม่ต้องนั่งรถเข็น ฯลฯ
   คิดให้ลึกซี้ง ยอมรับกับชะตาชีวิต แล้วจะพบว่าการตายแบบนี้เวิร์คมากๆ เลยนะ น่าจะเปลี่ยนใหม่เป็นแสดงความยินดีเสียด้วยซ้ำไป (ไอเดียนี้แรงไปหน่อย คงได้แค่คิด แต่ไม่กล้าทำ)
   สมมุติพ่อเพื่อนขี่จักรยานแล้วหัวใจวายตอนขึ้นเขา
   “เฮ้ย ได้ข่าวว่าพ่อมึงตายแล้ว ดีใจด้วยว่ะ” แบบนี้ไม่ไหวว่ะ แรงไป อาจโดนตีนเพื่อนได้
   เอาเข้าจริงก็ต้องแสดงความเสียใจนั่นแหละ แต่ลึกๆ แล้วผมอิจฉาเขานะ ที่ได้ตายขณะที่มีความสุข (ขี่จักรยานท่องเที่ยว)
   
   มิวอาการดีขึ้น แต่ก็ยังต้องคอยลุ้นว่าตอนกลางวั้นที่อยู่โรงเรียนจะมีไข้อีกไหม สามสี่วันมานี้เขากินอาหารได้น้อย เพราะฟันน้ำนมโยก เขารู้สึกเจ็บ จึงเคี้ยวอาหารไม่สะดวก กินนิดเดียวก็บอกว่าอิ่มเสียแล้ว
   วันนี้มีงานเปิดตัว Mazda BT50 ใหม่ ใช้ผู้พันเบิร์ดเป็นพรีเซนเตอร์ ผมไม่ได้ไปร่วมงานอีกตามเคย ใช้เวลาไปกับการอยู่ขายของหน้าร้านแทน ชีวิตพลิกผันจริงๆ ช่วงแรกๆ ก็ช่วยๆ กันไป พอช่วยนานเข้าก็กลายมาเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบที่ต้องทำ
   เย็นไปรับลูก อาการป่วยยังไม่หาย มีไข้และนอนห้องพยาบาลอีกแล้ว คืนนี้ผมก็ต้องเหนื่อยอีกแล้วสินะนี่
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 25, 2012, 09:26:10 pm
25 มค 55
   ตื่นเช้าออกมาขี่จักรยานเล่น ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำได้ในเวลาส่วนตัว แม้จะเพียงแค่ 30 นาทีก็ยังดี ขี่แล้วเกิดไอเดีย จิตนาการอย่างมากมาย
   สองวันก่อนไปตลาดเจอหัวบีทรูท ผมไม่รู้จักหรอก แต่เคยอ่านเจอว่ามันมีประโยชน์ เลยซื้อมาลวกกินมันสดๆ นี่แหละ กินแกล้มกับอาหารเช้า จากเดิมเป็นแครอท บร็อคโคลี่ มาวันนี้เล่นบีทรูทบ้าง 
   ครบรอบ 7 วันที่ลูกไม่สบาย ยังไม่หายเลยครับ น่าสงสารเขาจริงๆ สองวันหลังมีแผลร้อนในที่ลิ้น ริมฝีปาก ทำให้ยิ่งกินอาหารได้น้อยลงเข้าไปอีก ช่วงนี้หุ่นเลยผอมลงทันตาจริงๆ
   บ่ายท้องฟ้ามืดครึ้ม น่าจะมีฝนตกตำแหน่งใกล้เคียงบ้านผม อากาศแปรปรวน หรือจะเป็นสัญญาณบอกว่าจะเริ่มเข้าฤดูฝนแล้ว
   เย็นไปรับลูกด้วยใจระทึก ลุ้นว่าจะนอนอยู่ห้องพยาบาลอีกหรือเปล่า ผลคือไม่ครับ ค่อยยังชั่ว วันนี้ไม่มีไข้เลยตลอดวัน เย้ๆ ดีใจสุดๆ แต่มีแผลในปากเพิ่มขึ้นมาแทน ผมสอนลูกว่ามันคือสิ่งที่ร่างกายเราส่งสัญญาณเตือนว่าเรากำลังสุขภาพไม่ดี เราดูแลตัวเองยังไม่ดีพอ มีสัญญาณเตือนมาแล้วเราก็ต้องปรับปรุงตัว ทั้งการกินอยู่หลับนอน และเรื่องทางจิตใจ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ผมจะใช้คำว่าวิธีคิด
   ชวนลูกกิน KFC ครับ มิวทำหน้างง ทำนองว่าพ่อพูดจริงหรือนี่ ฝันไปหรือเปล่า ผมให้ลูกกินก็เพราะเขากินอะไรไม่ค่อยได้ นอกจากแผลในปากแล้วยังมีฟันโยกอีก 1 ซี่ และฟันที่เพิ่งจะขึ้นแทนที่ฟันน้ำนมที่หลุดไปแล้วอีก 1 ซี่ ใจเขาใจเราน่ะครับ ถ้าได้อาหารที่เขาชอบ ก็อาจจะทนฝืนกินได้มากหน่อย
   แล้วก็ไม่ผิดหวัง มิวจัดน่องไก่ไป 1 น่อง และมันบดไปอีก 1 ถ้วยเล็ก
   กลับมาบ้าน อาบน้ำ ทำการบ้าน และเข้านอนตั้งแต่ตอนสองทุ่ม
   ป้าจุ๊ จุรี โอศิริ นักแสดงมากฝีมือรุ่นอาวุโสเสียชีวิตด้วยโรคชราด้วยวัย 82 ปีที่จังหวัดเชียงราย ดูข่าวแล้วนึกถึงลุง Bob นักจักรยานอายุ 82 ที่ทุกวันนี้ยังคงขี่จักรยานท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานร่วมกับสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทย
   ผมอยากเป็นอย่างลุง Bob บ้าง ก็เลยต้องดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ครับ
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 26, 2012, 08:25:10 pm
26 มค 55
   ผมเข้าไปโพสสอบถามเกี่ยวกับจังหวัดเชียงรายได้สองวัน เมื่อคืนมีเจ้าถิ่นชื่อพี่สมัครโทรมาหา ชวนให้ไปค้างที่บ้าน แถมยังจะบริการพาเที่ยว โอโห ไม่รู้จักอะไรกันสักนิด เจอพี่จัดให้เต็มขนาดนี้ เกรงใจครับ
   นี่แหละครับ ชาวจักรยานเราส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนี้แหละ พวกเราส่วนใหญ่จะรู้จักกันทั่วประเทศ บางคนบางกลุ่มดังถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทย
   ตอนสายพีสมัครโทรมาหาอีกแล้ว บอกว่าตัวเองติดธุระด่วน อาจมาต้อนรับไม่ได้ โถพี่ ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่ให้คำแนะนำผมก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว ยังไม่พอครับ พี่สมัครบอกว่า ตัวเองมาไม่ได้ แต่จะส่งให้พี่ชายมาดูแลต่อแทน เฮ้ยย เจอแบบนี้เข้า เป็นไงเล่า น้ำใจไทย ซึ้งสุดๆ ไปเลย
   ใครเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมาเยอะ ลองมาขี่จักรยานแบบผมดูบ้าง แล้วจะรู้ทันทีครับว่าทำไมพวกฝรั่งเขาถึงรักเมืองไทย รักคนไทย แล้วผมเป็นคนไทยแท้ๆ จะไปตกหลุมรักบ้านอื่นเมืองอื่นได้อย่างไรกันเล่า จากเดิมมีแผนอยากจะขี่จักรยานเดินทางต่างประเทศ ผมเปลี่ยนใจแล้วล่ะ เล่นในไทยของเราดีกว่า ผมว่าตอนนี้ผมมั่นใจมีเพื่อนอยู่ทั่วประเทศไทยแล้วล่ะครับ
   ลูกอาการดีขึ้นมาก หายไข้แล้ว ไม่ปวดท้องแล้ว แต่มีแผลในปากเกิดขึ้นหลายจุดแทน น่าสงสารอย่างมาก แปรงฟันก็เจ็บ กินอาหารก็เจ็บ พูดคุยก็ยังเจ็บ กลางวันผมแวะร้านยาซื้อยาแก้อักเสบมาให้เขากินเผื่อจะทุเลาลงบ้าง
   เห็นโฆษณา Isuzu ตัวใหม่ในทีวีที่มีดาราชื่อบอย ปกรณ์ เป็นพรีเซนเตอร์ ฟังแล้วขัดหูในสำเนียงที่เขาพูดว่า “ออฟ โหลด” ผมว่ามันน่าจะเรียก “ออฟ โร๊ด” นะ มันไม่ใช่ภาษาของพ่อแม่เราก็จริง แต่ถ้าออกเสียงผิดจนเพี้ยนไปขนาดนี้ ออกสื่อใหญ่อย่างทีวีขนาดนี้ ก็ไม่น่าจะมีข้อผิดพลาดออกมา
   เย็นไปรับลูก แผลในปากยังไม่หาย กินได้แต่ของนิ่มๆ แต่แปลกนะ ชวนกิน KFC นี่ตาลุกโพลงเลยล่ะ ว่าแล้วเย็นนี้ก็จัด KFC ซ้ำไปอีก 1 วัน รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นอาหารที่ไม่ดี แต่ก็สงสารเขาที่กินอะไรไม่ค่อยได้

อธิบายภาพ
- ลุง Bob อายุ 82 ปี คือคนที่ 3 ทางขวา ใส่กางเกงขายาวสีดำ
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 27, 2012, 09:23:24 pm
27 มค 55
   ขี่จักรยานเล่นยามเช้า อยากจะขี่ไปไหน เราก็จิตนาการไปที่นั่น อากาศดีๆ ลมพัดเย็นๆ ก็นึกถึงริมทะเลซะ หากทะเลไทยยังไม่หรูพอ ก็นึกภาพทะเลของฝรั่งก็ได้ เคยเห็นบางแห่งเขามีทางจักรยานเลียบเลาะชายหาด นั่นแหละๆ เราก็นึกภาพแบบนั้น แล้วก็ขี่ไป สนุกฉิบเป๋ง
   อยากไปเมืองนอก ง่ายนิดเดียว เห็นภาพที่ไหนถูกใจก็เก็บจำไว้ในสมอง ตอนขี่จักรยานเบื่อๆ ก็งัดภาพนั้นออกมาฉายในสมองซะ จะทำให้การขี่ที่จำเจและน่าเบื่อ สนุกขึ้นมาได้อีกนิดหน่อย
   จะว่าหลอกตัวเองก็ยอมวะ ผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็แล้วกัน
   บ่ายเข้ามาบ้าน วันนี้ได้ฤกษ์ซ่อมดาดฟ้าที่มันรั่วซึมมาหลายปี ที่ไม่ได้ซ่อมแต่แรกก็เพราะไม่มั่นใจว่ามันรั่วมาจากตรงไหน ผ่านไปหลายฝนเข้าชักมั่นใจว่ามันมาจากรอยต่อของกระเบื้อง
   ตอนแรกว่าจะใช้สีแบบ All in One ที่มันยืดหยุ่นได้ทาเคลือบ แต่ช่างที่โฮมโปรแนะนำให้ใช้ซีเมนต์น้ำก่อน เพราะมันเป็นเนื้อปูนซีเมนต์จริงๆ จะซึมเข้าร่องรอยต่อของกระเบื้องได้ดีกว่า (กระเบื้องดินเผา ปูชิด ไม่ได้ยาแนว) ลองแล้วถ้ายังไม่อยู่ ค่อยมาเอาสีแบบ All in One ไปทาเคลือบอีกที
   อืมม ไม่เลวเหมือนกันนะ ได้ปกป้องสองชั้น ว่าไงว่าตามกัน ซื้อมาเป็นเดือนแล้วล่ะ วันนี้เพิ่งจะลงมือทา
   โหห ลำบากใช่ย่อย มันหก หยด ย้อย เลอะเทอะไปหมด ดีนะที่ผสมมาลองใช้หน่อยเดียว วันแรกนี้ผมทาไปราว 1 ชม เก็บร่องรอยที่อยู่บ้านบนตำแหน่งรับน้ำฝนไปก่อน ถ้ามีฝนตกลงมาแล้วน้ำไม่ซึมเข้า ก็คือแก้ได้ตรงจุด แต่ถ้ายังมีหยดอยู่ ก็คือผมยังต้องคอยเก็บไล่ทาต่อไป
   เสื้อผ้า หน้าตา เส้นผม มือ แขน มันเลอะเทอะไปหมด เหมือนพวกคนงานก่อสร้างไม่มีผิด รีบถอดเสื้อผ้าแช่น้ำไว้ทันที ส่วนตัวเองก็รีบอาบน้ำสระผม
   เย็นไปรับลูก สบายใจขึ้นหน่อย เขาหายดีแล้วล่ะครับ แต่เจ็บปากเพราะมีแผลร้อนใน และมีฟันน้ำนมโยก ไปรับลูกเร็ว ขณะนั่งรอลูกก็เล่นกับเด็กคนอื่นไปเรื่อยๆ ผมเล่นได้กับเด็กทุกคน ไม่ว่าเด็กเล็กเด็กโต คนไหนเล่นกันบ่อยก็จะสนิทกันจนเป็นแฟนคลับ เจอหน้าก็วิ่งเข้ามากระโดดกอด พ่อแม่เด็กมาเห็นเข้าบางคนก็ทำหน้างง
   เย็นนี้พาลูกไปห้างเซ็นทรัล ร้านประจำของเราคือร้านหนังสือครับ ร้านนายอินทร์ ร้าน SE-ED ร้าน B2S ถ้าไปห้างหรูๆ ในเมืองก็จะมีร้านหนังสือต่างประเทศอย่าง Kinokuniya / Bookazine / Asia Book ถ้าจะนัดกับผม นัดที่ร้านหนังสือนี่แหละ เวิร์คสุดๆ จะมาสายอย่างไร ผมก็ยืนรอได้
   ได้หนังสือกลับมาคนละเล่ม ของลูกเป็นสารคดีวิทยาศาสตร์ ส่วนของผมเป็นหนังสือรวมภูเขาน่าเทียวทั่วไป
   หึหึ รู้ใช่ไหม ว่าผมคิดอะไรอยู่
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 29, 2012, 12:13:37 pm
28 มค 55
   ขี่จักรยานยามเช้าเหมือนเช่นเคย วันนี้ลูกมีเรียนชดเชยที่โรงเรียน เพราะหยุดตอนน้ำท่วมไปนาน ส่งลูกแล้วก็ไปทำงานที่ร้านขายของต่อ เป็นเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
   บ่ายไปธนาคาร เจอร้านแผงขายหนังสือเล็กๆ ของ ไพลิน ขายหนังสือแบบโนเนม (รูปเล่มไม่สวย คนเขียนไม่ดัง) มีแผงหนึ่งขายเล่มละ 29 บาท ผมหยิบๆ เลือกดูแล้วก็จัดมา 7 เล่ม ระยะหลังมานี้ต้องอ่านแบบประหยัดๆ หน่อยครับ ซื้อหนังสือถูกๆ มาอ่าน ถ้าเจอหนังสือดีๆ อยากอ่านมาก บางทีก็ต้องเช่า แถวบ้านมีให้เช่า เล่มละ 8 บาท   ไปร้านหนังสือต่างประเทศนอกบ้านมากมาย มีหนังสืออยากได้เพียบไปหมด แต่ก็นั่นแหละครับ รู้ๆ กันอยู่
   ไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าต้องประหยัดเงิน เก็บไว้ให้ลูก
มีลูกก็มีภาระ เราต้องรับผิดชอบชีวิตเขาไปตลอด หรือจนกว่าเขาจะดูแลตัวเองได้ ซึ่งก็ต้องมีอย่างน้อยประมาณ 20 ปี หรือจนจบปริญญาตรี ใช้เงินเยอะมากพอควรครับ แต่ที่มากกว่านั้นคือเวลาครับ ผมตั้งใจจะเลี้ยงลูกเอง ไม่คิดจะจ้างใคร ฉะนั้น เจ้าจงเอาเวลาของพ่อไปทั้งหมดได้เลย
   เลี้ยงลูกเองขนาดนี้ ถ้าโตขึ้นมาแล้วเป็นคนไม่ดี ผมก็ไม่โทษเขาหรอกครับ จะโทษตัวเองที่พยายามไม่มากพอ ถ้าพูดแบบไม่อายเลยนะ ผมว่าเราเองก็น่าจะไปขอโทษเขาด้วยซ้ำไป
   
   เปิดทีวีเห็นโฆษณาของแว่นท็อปเจริญตัวใหม่โดนใจผมมาก ทุกทีมันทำแบบบ้าๆ บอๆ มาวันนี้จับภาพแค่นาฬิกา แล้วถามว่า “คุณเห็นอะไร” ผมนั่งคิดตาม ยังไม่ทันตอบ เขาก็เฉลยมาว่า “คุณเห็นนาฬิกา หรือคุณเห็นเวลา”
                บ๊ะ แม่งแจ๋วว่ะ ล้ำลึกดีจริงๆ แถมมีตบท้ายอีกทำนองว่า เวลามันผ่านไปทั้งๆ ที่คุณยังไม่ได้ทำอะไร

               วันนี้พวก Fixed Gear เขาจัดงานกันแถวๆ ซอยอารีย์โน่นเลย (ผมไม่ได้ไป) ในใจลึกๆ ผมยังชอบรถ Fixed อยู่นะ ชอบเพราะหน้าตามันเก่าๆ ดีแค่นั้นแหละ แล้วรถมันก็ดูโล่งๆ แต่ที่ไม่ชอบก็คือมันมาฮิตในหมู่วัยรุ่นนี่แหละ เลยทำให้ราคารถมันแพงเกินจริงไปมาก ราคาพอๆ กับ MTB เกรดดีๆ เลยนะ สองหมื่นกว่าบาท ทั้งๆ ที่รถมันไม่มีเกียร์ ไม่มีเบรก มีแต่เฟรม ล้อ เบาะ แฮนด์ มีจานหน้าอันหนึ่ง แค่นี้แหละ
มองมุมไหน ยังไง ก็ไม่เห็นเหตุผลของความแพง นอกเสียจากเรื่องของการตลาดล้วนๆ
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 29, 2012, 09:00:37 pm
29 มค 55
   วางแผนชีวิตตัวเองไม่ถูก ถ้าผมออกไปขี่จักรยาน ก็จะไม่มีใครดูแลลูก แม้ภรรยาจะอยู่บ้าน แต่ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้เราอยู่พร้อมหน้ากันแบบครบๆ ไม่ใช่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดูแลเอง เพราะผมรู้ว่างานนี้มันใช้เวลาอย่างมาก อีกทั้งยังต้องรู้ทันความคิดและความต้องการของลูก พ่อแม่เองก็ต้องปรับตัวไปตลอดพัฒนาการของลูกด้วยเช่นกัน
   เด็กเล็กก็เลี้ยงแบบหนึ่ง อนุบาลก็แบบหนึ่ง ประถมต้น ประถมปลาย ก็ต้องเลี้ยงต่างกัน ยิ่งขึ้นมัธยมนี่ไฮไลท์เลยครับ จะดีจะชั่วหัวต่ออยู่ตรงนี้ หากเลี้ยงลูกแล้วเขาออกมาไม่ดีโปรดอย่าโทษเด็ก ให้มองดูตัวเราเป็นหลักว่าที่ผ่านมาปูพื้นฐานให้เขาไว้อย่างไร
   
   เดินไปเดินมาในบ้าน มองเห็นจักรยานจอดยางแบนอยู่ 2 คัน คือรถ Neobike 14 และ 16 รถคันล้อ 16 เพิ่งมาใหม่ได้ไม่นานนัก เอามาเพราะอยากรู้ความต่างระหว่างล้อ 14 VS 16 ผลก็คือผมชอบ 14 มากกว่า เพราะผมขี่สั้น จอดบ่อย แต่ถ้าเรื่องทรงตัวและแข็งแกร่งแล้ว ล้อ 16 จะดูดีกว่าเยอะ
   เอารถ KHS F20-W ออกมาขี่เล่น ไอ้คันนี้จอดนานมากหลายเดือน ตั้งแต่เพื่อนสิงคโปร์กลับไปก็ไม่ได้หยิบออกมาขี่อีกเลย แรกนั่งรู้สึกเหมือนรถคันใหม่ ใจลึกๆ ผมยังรักรถทัวริ่งอยู่นะ แต่เจอพวก Fixed Gear ทรงเก่าๆ แบบเฟรมท่อบนขนานกับพื้นแล้ว ใจมันอ่อน แทบละลาย นี่ถ้าดูนานๆ อาจมีเสียเงินได้ง่ายๆ เมื่อวานเห็นรถ Bianchi คันหนึ่งถูกใจดีจริงๆ ราคาราว 2.6 หมื่น ถ้ารวย และเงินเหลือ อาจจะจัดมาสักคัน
   ที่จริงยังมีรถที่เข้าตาอีกหลายคันนะ แต่ว่าขนาดของมันน่ะสิครับ เริ่มต้นกันที่ Size 50 ซึ่งมันยังใหญ่เกินไปสำหรับผม มองแง่ดีก็คือ ดีเสียอีก ไม่ต้องไปนั่งฝันถึงมัน มองแง่ร้ายคือ โธ่ น่าจะมี Size 48 ด้วยนะ รถที่มองไว้คันนี้เป็นรถแนวใหม่ครับ ยี่ห้อ Volume หน้าตาเหมือน Fixed Gear แต่มันมีเกียร์ดุม 8 Sp ของ Shimano Alfine มีเบรกดิสค์หน้า-หลัง จะเรียกว่า Hybrid Bike / City Bike ก็ไม่ผิด แต่มันคือลูกผสมระหว่าง Fixed Gear + City Bike ต่างจากรถ Hybrid เดิมๆ ที่จะผสมระหว่างเสือหมอบกับ MTB
   วันนี้ผมอยู่บ้านตลอดวันเลย ไม่ได้ออกไปไหนแม้แต่น้อย มันเบื่อๆ เซ็งๆ ยังไงก็ไม่รู้ อาทิตย์หน้ามีงานขี่ขึ้นอินทนนท์แล้วสินะ คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ จัง
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 30, 2012, 07:35:24 pm
30 มค 55
   ผมไม่เคยแก้ไขไดอารี่ชีวิตของผมย้อนหลัง กระทั่งพิมพ์ผิดก็ยังไม่แก้ วันนี้ผมขอแก้ไขข้อมูลของเมื่อวานที่ผมบอกว่าอาทิตย์หน้าจะมีงานขี่ขึ้นอินทนนท์ ที่จริงแล้วเป็นงานทริปหัวหินต่างหาก อินทนนท์เป็นอาทิตย์ที่ 12 กพ ครับ
                วันนี้ค่าย Mazda จัดทดสอบขับรถ BT50 ไปเมืองซำเหนือ ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ในประเทศลาวหรือเวียดนาม เป็นการทดสอบรถที่น่าสนุกมากๆ เพราะมีการเดินทางที่หลากหลาย บางกลุ่มก็ขับไปจากไทย บางกลุ่มก็นั่งเครื่องบินไปรออยู่ที่โน่น บางกลุ่มก็ขับกลับเข้าไทย
   ตอนนี้ O’Pern ขาลงมาพักใหญ่แล้วล่ะครับ หยุดผลิตนิตยสารรถ ก็เหมือนหลุดจากวงโคจร เอ็งไม่มีค่าสำหรับใครเขาอีกต่อไปแล้ว สมัยก่อนมีเพื่อนฝูงมากมาย แต่ทุกวันนี้มันผิดไปจากเดิมเยอะ ไม่ต้องอะไรมาก กระทั่งเพื่อนๆ ในเวปผมเองก็ยังหายไปเกือบหมดแล้ว เหลือรุ่นน้องชื่อท็อปที่อยู่จังหวัดชลบุรีอยู่คนเดียว
   ผมเป็นคนใช้ชีวิตสันโดษครับ เลยไม่ค่อยสะทกสะท้านกับการที่จะมีเพื่อนมากหรือน้อย ปกติผมเพื่อนน้อยอยู่แล้ว เพื่อนบางคนมีปัญหาเรื่องการเงินก็ให้หยิบยืมบ้าง แล้วก็เป็นไปตามคาด ตามฟอร์มของสัตว์โลก … แล้วเราก็ค่อยๆ ห่างกันไป
   เช้านี้ฝนตก ไฟฟ้าดับตั้งแต่ตี 5 ผมตื่นเช้าอยู่แล้วเลยไม่เดือดร้อน แต่มันไปออกกำลังกายไม่ได้นี่สิ เดินวนเวียนไปในบ้านก็ไม่มีอะไรทำ มันมืดสนิทไปหมด ก็ทนๆ ไปครับ ไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้วก็ไปทำงานที่ร้านขายของต่อ
   กลับเข้ามาบ้านตอนบ่าย ไฟก็ยังไม่มา แถมมีฝนปรอยๆ อีก จะนั่งซ่อมจักรยานที่ค้างคาอยู่ก็ไม่สะดวก เลยไปที่คอนโดแทน อยู่จนเย็นถึงไปรับลูก
   วันนี้ลูกเรียน Ukulele ในวิชาดนตรีสากล ตอนเลิกเรียนเด็กๆ ก็หยิบเอา Uke มาซ้อมเล่นกันใหญ่ ผมขอแจมกับเขาด้วย เล่นล้อมวงกับพวกเด็กๆ ก็ปล่อยมุขหยอกล้อ เขาก็หัวเราะกันร่า ผมเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย สุขเล็กๆ น้อยๆ กับเด็กๆ นี่แหละครับ
Title: Re: มค 55
Post by: O'Pern on January 31, 2012, 09:12:35 pm
31 มค 55
ตลาดรถกระบะในบ้านเรากำลังร้อนแรง เปิดตัวกันใหม่ติดๆ กัน ตามาด้วยงานทดสอบรถยนต์ที่จัดแบบไล่ๆ กันอีก สัปดาห์นี้เป็นของ Mazda ถัดไปก็จะเป็นงานของ Ford ไม่ต้องขับก็รู้ครับว่ามันพอๆ กันแหละ ใครว่ารถกระบะเลือกยาก ผมว่าง่ายจะตาย พิจารณาจากสิ่งที่คุณคาดหวังไงครับ
ยกตัวอย่างเช่น อยากได้แบบขายต่อดี ก็จะเหลือตัวเลือกแค่ 2 คือ Toyota / Isuzu
เน้นอึดเป็นแรด ผมยกให้ Nissan
เน้นสวย อันนี้เลือกเอาตามสบายใจท่านได้เลย สวยของผม กับสวยของคุณมันไม่เหมือนกัน
เน้นใช้ยาว ก็ต้องเลือกรถตลาด ยังไงก็ต้องเป็นแค่ Toyota / Isuzu
หากอยากได้แรง สมัยก่อนนิยมเล่น Mitsubishi กัน แต่ผมว่าเทคโนโลยีมันเปลียนไปแล้ว ลองเช็คสเปคต่างๆ ของเครื่องในแต่ละค่ายดูอีกที
เน้นช่วงล่างดี เกาะดี จัด Mazda ไป
เน้นภายใน ผมว่า Ford ทำได้ดีกว่าเพื่อน
ไม่มีรถคันใดดีที่สุด จะมีก็แต่รถที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด และรถที่คุณชอบที่สุด
เย็นไปรับลูก เขาหายจากไม่สบายแล้ว ขอไปกินข้าวนอกบ้าน เดินจูงผมไปห้างเซ็นทรัล แวะเข้าร้านหนังสืออยู่นาน ได้หนังสือเล่มหนาๆ มา 3 เล่ม ส่วนผมได้แผนที่ประเทศไทยเล่มล่าสุดแบบมาตราส่วน 1:500,000 มา 1 เล่ม ดูแล้วเกิดจิตนาการดีครับ ขี่จักรยานรอบประเทศไทย ไม่เห็นจะเป็นเรื่องยากตรงไหน (ขอให้มีแรงและเวลาก็พอ)
สักวัน สักวันคงได้ทำตามฝันชุดใหญ่