racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on July 07, 2013, 03:46:43 pm

Title: กรก 56 24... 31 ...
Post by: O'Pern on July 07, 2013, 03:46:43 pm
1 กรก 56
   ขี่จักรยานตอนเช้าตรู่นี่ผมว่าสนุกที่สุดแล้วนะ สายกว่านี้ก็แดดร้อนแล้ว เช้านี้ขี่ไปเกือบ 30 นาทีเช่นเคย แม้จะไม่ได้ทำงานประจำ แต่ภาระกิจที่เรารับผิดชอบมันก็ทำให้เราต้องจัดตารางมากำหนดตัวเองในแต่ละวันอยู่ดี
   กินอาหารเช้าแล้วไปส่งลูกที่โรงเรียน เลยไปทำงานที่ร้านขายของต่อ ระหว่างวันก็มียกแบกของบ้างเล็กน้อยพอมันๆ
   เข้ามาบ้านตอนบ่ายๆ เจอเอกสารให้เข้าร่วมประชุมอีกแล้ว ก็ตอบรับไปตามปกติ ก็ดีเหมือนกัน ได้ออกงานเปิดหูเปิดตามบ้าง กรอกเอกสารเสร็จเรียบร้อยก็ตกใจ เฮ้ยย ประชุมวันเสาร์ 3 สิงหาคม
   วันเสาร์นี่มิวมีเรียนพิเศษเช้าบ่ายเลย เรียนไกลถึงแถวสยามสแควร์อีกด้วย ทำไงดีวะนี่ ใครจะไปส่ง ไปรับ แล้วไหนยังมีเรียนที่เดอะมอลล์ตอนบ่ายอีก
   คิดไม่ออกจริงๆ เลย
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 07, 2013, 03:48:42 pm
2 กรก 56
   ช่วงเช้าชีวิตจืดชืด บ่ายก็งั้นๆ แต่ช่วงเย็นนี่สิ ตื่นเต้น
   เย็นไปรับมิว ขากลับเดินผ่าน Big C เห็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ ลักษณะคล้ายกับจับปรับรถที่ผ่าฝืนป้ายห้ามจอด ก็เพิ่งเคยเห็นว่ามีการเขียนใบสั่งด้วย ปกติจะเจอแต่ตำรวจจราจรเขียนไง ก็แปลกดีครับ มาเล่าสู่กันให้อ่าน
   เอะใจ นึกขึ้นได้ถึงทะเบียนรถที่ผมยื่นต่อไว้ตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อน ต่อทางไปรษณีย์ครับ ปกติก็ได้ภายใน 7 วัน แต่ครั้งนี้ปาเข้าไป 14 วันแล้ว ผมยังไม่ได้สมุดเล่มทะเบียนคืนมาจากขนส่งเลย (ป้ายสี่เหลี่ยมหน้ากระจกก็ยังไม่ได้ เพราะมันจะมาด้วยกัน)
   กำลังสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าผมต้องติดต่อที่ฝ่ายใด ตามเรื่องที่ไหน ถามยังไม่ทันจบคำดี เจ้าหน้าที่ก็เรียกชี้ให้รถตู้โดยสารที่จอดผิดที่ทำการหยุดรถ แต่รถตู้เขาขับหนีครับ เจ้าหน้าที่วิ่งไปขวาง รถตู้ก็เบนขวาหลบ
   โครมมม
   ไปซัดเอารถเก๋งสีขาวคันหนึ่งเข้า กระจกข้างรถเก๋งกระเด็นหลุดออกมา พร้อมกับแก้มหน้า กันชนหน้า โดนครูดเป็นแนวยาว รถตู้ตอนแรกจะไม่จอดอีกนะ ยังปล่อยรถไหลๆ ไป แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนจอด
   แทนที่จะโดนแค่ใบสั่งปรับ 400 (เสียจริงไม่น่าจะถึง) แต่ตอนนี้โดนหลายกระทง เริ่มจาก
   เฉี่ยวชนรถเก๋ง (อันนี้ประกันชดใช้ให้ – ถ้ามี)
   หลีกหนีการจับกุม
   ขับรถประมาท
   จอดในที่ห้ามจอด
   มิวตื่นเต้นมาก เขาไม่เคยเห็นเหตุการณ์สดๆ แบบนี้ ก็เลยสอนเขาครับ โดนจับปรับก็ยอมรับไปว่าเราทำผิด เป็นบทเรียนของเรา อย่าไปขับหนี แทนที่จะเสียแค่ค่าปรับ ตอนนี้ต้องเสียอะไรอีกเยอะมาก
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 07, 2013, 03:54:03 pm
3 กรก 56
   KHS HT ยางแบนตั้งแต่วันก่อน ยังไม่ได้ปะ เช้านี้เดินออกกำลังกายแทน แกว่งแขนและยกขาสูงไปพร้อมกัน การคิดหาท่าออกกำลังกายใหม่ๆ ก็สนุกดีนะ เดินท่าแปลกๆ แป๊บเดียวก็เหนื่อยแล้ว
   เช้านี้กินอาหารมังสวิรัติ ไม่ได้ตั้งใจหลอก เผอิญกินแค่ผัดกับกับไข่เจียว เป็นผัดยอดมะระ และไข่เจียวใส่วุ้นเส้นและพริกขี้หนู กินกับข้าวกล้องรุ่นใหม่ สีน้ำตาลอ่อน เนื้อเหนียวๆ หน่อย คล้ายข้าวเหนียว แปลกดี
   เย็นนี้ลูกให้ไปรับช้าหน่อย เขามีเรียนติว ก็ ป6 แล้วน่ะครับ ปีหน้าเด็กๆ ก็จะต้องไปสอบเข้าตามโรงเรียนต่างๆ (โรงเรียนนี้มีแค่ ป6) ช่วงเย็นเลยมีโอกาสเจอผู้ปกครองหลายๆ คน นั่งคุยกันก็ได้อัปเดทข่าวดีครับ แถมยังเจอกลุ่มพ่อแม่ที่ให้ลูกไปเรียนเรือใบด้วยกันอีกด้วย กลุ่มนี้สนิทกันมากสุดครับ ก็คลุกคลีกันอยู่นานเลย กินนอนด้วยกัน นั่งตากแดดตากลมด้วยกัน
   พี่โบ๊ท แม่ของมอส ชวนไปแข่งที่หัวหิน ชื่องาน Hua Hin Regatta ผมฟังแล้วไฟในกายลุกโชน หันหน้าไปทางมิว แล้วพูดกับเขาว่า
   “ชีวิตเป็นของเจ้า”
   มิวตะโกนเย้ๆ “พ่อจะซื้อไอโฟนให้หรอ”
   ปัดโธ่ หายใจเข้าออกจะเอาแต่เล่นเกมท่าเดียวเลย กำลังบิ๊วอารมณ์อยู่เชียว
   กำลังคุยถึงงานไปแข่งเรือเฟ้ย มิวร้องอ๋อ แล้วตอบว่าอยากไปครับ
   ตอนนี้เด็กแต่ละคนฝีมือพัฒนาไปใกล้ทีมชาติชุด A เข้าไปทุกที นี่เพิ่งเล่นไปแค่เดือนกว่า ข้ามผ่านชุด C ไปเรียบร้อยแล้ว น้องพราวเล่นได้อันดับที่ 5 ของชุด B น้องมอสได้ที่ 9 ของชุด B จากจำนวนเด็กทั้งหมด 41 ลำ เจ๋งไหมเล่า
   ฟังแล้วก็อดที่จะภูมิใจแทนพ่อแม่ไม่ได้จริงๆ ครับ หันมามองดูตัวเราเองแล้วก็น่าเสียดายโอกาสไม่น้อย ถ้าผมไม่ต้องคอยไปทำงานยกแบกของที่ร้าน และมีชีวิตอิสระ ก็จะทุ่มเทมันทั้งหมดให้กับมิว
   ฝันของตัวเองจะไปถึงไหนหรือไม่ผมไม่สนแล้วล่ะ ถ้าแบ่งเวลามาให้กับลูกแล้วเขามีพัฒนาการดีขึ้น ผมก็ยอม
   ตอบตกลงรับปากเขาไปครับว่าจะเข้าร่วมงานแข่ง พร้อมกับฝากช่วยทำเอกสารเรื่องการเช่าเรือมาแข่งจากกองเรือยุทธการ และฝากชำระค่าสมัครด้วย
   ขากลับเดินจูงมือลูก ก็บอกเขาว่าตอนนี้เราฝีมืออ่อนที่สุดในกลุ่มแล้ว เราไม่ได้ไปซ้อมกับเขาเลย เรามีเวลาเหลืออีกประมาณ 30 เราจะใช้ช่วงเวลานี้ลดน้ำหนัก และฟิตร่างกายให้แข็งแกร่ง งานหัวหินนี้แข่งถึง 5 วัน ช่วงท้ายๆ ของวันเด็กแต่ละคนก็จะอ่อนล้า เสียสมาธิ ถ้าร่างกายเราแกร่ง ถ้าใจเราสู้ เราก็สามารถเอาชนะพวกเขาได้
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 07, 2013, 03:58:42 pm
4 กรก 56
   จักรยานยางแบน ยังไม่ได้ปะเลย เช้านี้เดินออกกำลังกายแทน เดินหน้าสลับถอยหลัง พร้อมกับแกว่งแขนไปด้วย เฮ้ยย สนุกว่ะ นั่งคิดท่าออกกำลังกายใหม่ๆ นี่ก็สนุกดีเหมือนกัน
   เช้ากินกระเพราเต้าหู้กับไข่ต้ม ผักแกล้มคือบร็อคโคลี่และแครอทลวก กินกับข้าวกล้องเหมือนเดิม มีกระเทียมสดสิบกว่าหัว ช่วงนี้ออกจากบ้านเร็วหน่อยครับ แถวบ้านมีการก่อสร้างหลายจุดเลย รถติดเสียเวลาไปเปล่าๆ
   เข้ามาบ้านตอนบ่ายได้พักหน่อยเดียวก็ไปรับลูกซะแล้ว ไปรับเร็วเพราะมีนัดทำฟันที่แถวสุรวงศ์ครับ ผมกับลูกนัดทำพร้อมกันเลย จะได้ไม่เสียเที่ยว หมอฟันร้านนี้แพงมากครับ แต่ทำกันผูกพันตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ก็เลยตามเลย นัดปีละ 2 ครั้ง 
   มิวฟันปกติดี ส่วนผมหมอนัดมาอุดฟันอีกครั้ง หมอบอกมันอยู่ในซอกลึก ดูไม่ออกว่าผุหรือว่าที่อุดฟันมันหลุด แต่ยังไงก็ต้องมาเติมให้เต็มร่องฟันอยู่ดี
   ทำฟันเสร็จก็กินกันที่ร้านสีฟ้าที่อยู่ชั้นล่างของอาคารนี่แหละ มิวติดใจข้าวผัดอเมริกัน ส่วนผมชอบผักเลือกราดหน้าปลากะพง สั่งขนมเบื้องญวนมาแบ่งกันกินอีกจาน
   กินเสร็จรีบกลับบ้านครับ มีการบ้านมากมายรออยู่
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 07, 2013, 04:00:14 pm
5 กรก 56
   ผัดวันประกันพรุ่งในการปะยาง เลยไม่มีจักรยานขี่ อ้อ มี KHS F20-W อีกคัน แต่ขี่แล้วไม่ค่อยถนัดกับเบาะแบบหนานุ่มเลย ก้นคุ้นชินกับเบาะหนังเสียแล้ว
   ไม่ได้ขี่จักรยานก็เดินออกกำลังกายแทนได้ครับ ทุกการขยับตัวมันก็คือการออกกำลังกายอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกการทำงานบ้านต่างๆ
   รำคาญพวกกบ เขียด ที่ส่งเสียงร้องแบบดังเว่อร์จนนอนไม่หลับ ตื่นกลางดึกมาหลายคน เช้านี้เลยจัดสวนใหม่ จัดระเบียบต้นไม่ที่รกๆ ใกล้ห้องนอนให้มันโล่งๆ หน่อย ยกเอากระถางต้นไม้ที่มีน้ำขังย้ายไปไว้ที่อื่น หวังว่าพวกมันคงจะอพยพย้ายตามไปด้วยนะ
   กลางวันน้องจากออฟฟิซของ Cycling Plus โทรมาตามเอกสารและบอกให้มารับเงินค่าเรื่องต้นฉบับ ผมถนั้ดทำงานแบบหลังฉากมาตลอด ทั้งงานทดสอบรถยนต์ งานออกแบบ งานที่ปรึกษา งานเขียน ฯลฯ
   เย็นไปรับมิว เห็นเด็กๆ เล่นบาสฯกันอย่างสนุกสนาน นัดให้ผมไปรับ 0500 แต่เล่นบาสฯกันจนถึง 0630 พวกพ่อแม่ผู้ปกครองที่นี่ก็มาแนวเดียวกันหมด คือปล่อยให้ลูกเล่นกันเต็มที่ เด็กเล่นกันไป ผู้ใหญ่ก็คุยกันไป ประเด็นสำคัญในการคุยก็คือเรื่องอนาคตของลูกในปีการศึกษาหน้า
   ขากลับขณะเดินจูงมือมิวเดินไปขึ้นรถ มิวบอกว่าถ้าเขาทำอันดับการแข่งเรือที่หัวหินได้ดี เขาขอไปแข่งเรือที่ฮ่องกงได้ไหม
   !!! งง นี่มันมีงานแข่งไปถึงต่างประเทศเลยหรือนี่
   เขาไปกันเมื่อไหร่หรือลูก
   มิวยังไม่รู้เลยพ่อ แต่ว่าพราวกับมอสเขาจะไป
   ลูกก็เลยอยากไปด้วยหรือ
   ครับ มิวอยากไป
   อยากไปเที่ยวหรืออยากไปแข่งเรือ
   อยากไปแข่งเรือครับ
   จับมือลูกเดิน แล้วสูดหายใจลึกๆ ผมตอบลูกไปว่า
   “ชีวิตเป็นของเจ้า ใช้มันให้เต็มที่”
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 07, 2013, 04:13:10 pm
6 กรก 56
   เช้านี้ออกกำลังกายแบบกายบริหาร เหวี่ยงแขน เตะขา บิดตัว ยืดเส้นสาย ทำคล้ายท่ายืดเส้นก่อนขี่จักรยานนี่แหละ คิดหาท่าใหม่ๆ ทำแก้เบื่อครับ
   วันนี้ลูกมีเรียนพิเศษตลอดวัน แต่ทุกนาทีคือการเรียนรู้ครับ ผมสอนให้มิวนั่งรถไฟฟ้าเอง ซื้อบั้ตรเติมเงินให้ใช้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแลกเหรียญเพื่อมากดบัตรแถมได้ส่วนลดอีกด้วย ชื่อบัตร Rabbit แปลกดีครับ อยู่เมืองไทยเสือกใช้ชื่อฝรั่ง ปัญญาอ่อนโคตรๆ หากคิดชื่อไม่ออก ลองถามหน่วยงานออกแบบของสถาบันต่างๆ แป๊บเดียวก็ได้ชื่อเจ๋งๆ มาใช้แล้ว
   ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี ชื่อนิคเนมว่า S7 ปล่อยให้มิวเขาจัดการดูแลชีวิตัวเอง บอกเขาว่าต้องฝึกหัดใช้รถไฟฟ้า เพราะอนาคตหากไปต่างประเทศใดๆ เขาก็จะใช้ระบบแบบนี้ ฮ่องกง สิงคโปร์ก็เหมือนๆ กัน ดูสี ดูเส้นทางที่เราจะไปเท่านั้น อย่าไปดูภาพรวมจะทำให้สับสน สำคัญสุดคือดูทิศ ทางอเมริกาจะเรียกโดยใช้ทิศเหนือใต้ออกตกเป็นตัวกำหนด ผมว่าง่ายดีนะ ไทยเราก็ใช้ครับ ตัวย่อ S7 คือ South 7th ไง แต่คนไม่ค่อยเก็ทหรอก เราจะใช้ดูสถานีปลายทางเป็นตัวกำหนดแทน หากขึ้นผิดทิศแม่งไปคนละทางเลย แต่ไม่ต้องตกใจ แค่ลงสถานีหน้าแล้วข้ามฟากไปขึ้นอีกฝั่งก็เสร็จแล้ว ไม่ต้องซื้อบัตรใหม่ ไม่ต้องแตะทาบบัตรใหม่ อยู่ในระบบรถไฟฟ้าแบบเดิม ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
   นัดหมายมารับเขาที่จุดนัดพบที่เดิม จากนั้นผมก็เข้าไปคอนโดต่อ ไม่ได้เข้าไปทำความสะอาดนานมาก ฝนทิ้งช่วงหน่อยเลยถือโอกาสเหมาะ เหตุผลหลักอีกอย่างคือเข้าไปเพื่อเปิดแอร์ด้วยนะครับ กลัวพวกน้ำยาแอร์ในระบบมันจะเสียหาย
   ไม่ค่อยได้เข้ามาตอนเช้าครับ ระเบียงหน้าร้อนมากเลย แดดสาดส่องพื้นแล้วกระทบเข้าห้อง ฝุ่นเพียบครับ เริ่มไม่ถูกเลย ตักน้ำใส่ถังราดแม่งเลย ตามด้วยไม้กวาด ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แป๊บเดียว สะอาดวับ เช็ดด้วยผ้าอีกครั้ง ตากแดดแป๊บเดียวพื้นแห้งสนิท เหยียบแล้วสบายเท้ามาก
   กลางวันมิวโทรมาบอกว่าเรียนเสร็จแล้วจะ จะออกเดินทางจากสยามแล้ว เรานัดกันที่สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี สอนให้มิวเขาเดินทางเองได้ประโยชน์หลายอย่างครับ ดีต่อตัวเขาเองแล้ว ยังดีต่อตัวผมเองด้วย
   ไปรับที่จุดนัดพบ แล้วไปที่เดอะมอลล์ต่อ เขามีเรียนคุมอง มิวเข้าเรียนผมก็เดินออกหาของกินที่ฟู๊ดเซนเตอร์ แต่แล้วก็เจอเหตุการณ์แบบเดิมๆ คือ “โต๊ะแม่งเต็ม”
   ถ้าจะมากิน มึงต้องมากันอย่างน้อย 2 คน เริ่มจากหาโต๊ะว่างแล้วให้เพื่อนนั่งรอ แล้วค่อยสลับกันไปซื้อข้าว มึงถึงจะได้นั่งกิน
   ผมมาคนเดียว อดแดกครับ มีแต่คนนั่งอ่านหนังสือ กระดิกตีนเล่นเกม คุยมือถือ จิ้มมือถือเล่น ฯลฯ
   เดินไปหาซื้อฮอทด็อกกินแทน แก้หิวได้บ้าง แต่ยังไม่อิ่มเลย
   ผ่านร้าน Music Collection นึกถึงเมื่อก่อนเคยมาหาซื้อสาย Uke แบบ Low G หาที่อื่นไม่ได้เลย มาที่นี่มีของ เจ๋งมากๆ
   นั่งรอมิวที่จุดนัดพบ มิวออกมาพร้อมกับหน้าบานเริงร่า เรียนหมดวันแล้วไง เขาขอโหลดเกมใส่ไอ้แป๊ด จัดไปเลยครับลูก เรียนเต็มที่ เล่นก็อย่าให้แพ้กัน แต่แบ่งเวลาเล่นหลายๆ อย่างนะ เล่นกีฬา เล่นดนตรี เล่นอ่านหนังสือด้วย ไม่ใช่เล่นแต่เกม
   หิวครับ ชวนมิวไปนั่งเล่นที่ฟู๊ดเซนเตอร์ ให้มิวช่วยนั่งเฝ้าโต๊ะ ผมไปหาของกิน เลือกบะหมี่แห้งหมูแดงหมูกรอบ ตอนแรกคิดว่าจะเจอรสชาติแบบไทยๆ แต่เปล่า ทั่งหน้าตาและรสชาติออกแนวทางฮ่องกง สิงคโปร์ ก็อร่อยดีครับ ให้มิวชิมเขาก็ยังชอบ
   เข้าร้าน SE-ED เปิดดู Cylcing Plus เล่มเดือน กรกฎาคม คอลัมน์แรกที่อยากดูก็คืองานเขียนของตัวเองครับ อ่านดูว่าเขาตัดบทความของเราไหม เขียนเสริมเพิ่มตรงจุดใดบ้างไหม
   เห็นแว๊บแรกจี๊ดเลย เฮ้ย ทำไมไม่ลงชื่อเราเป็นผู้เขียน แต่ดูให้ละเอียดอีกทีเขาแอบเอาชื่อเราไปไว้ตรงใกล้ขอบด้านในตรงมุมรอยพับโน่นเลย เอ๊ะ ทำไมมาแนวนี้ หรือจะเป็นดีไซน์ของเขา หรือหากคิดแง่ลบหน่อยก็คือ เขาไม่อยากลงชื่อว่าเราเป็นผู้เขียน
   ผมไม่คิดอะไรมากครับ เขียนให้เขาเพราะอยากเขียน แต่เพิ่งรู้ครับว่านิตยสารของเขาเน้นเสือหมอบ และพวกหล่อ สวย ไฮโซ ซึงมันตรงข้ามกับผมเลย ของผมชอบแนวแคมปิ้ง ทัวริ่ง ดิบ เถื่อน ดุ โหด แปลก ฮา
   “พ่อจะซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกไหม” มิวถาม
   ก็เข้าใจเขานะ แต่ผมเคยทำถึงขั้นเป็นเจ้าของหนังสือแล้ว เขียนเองเกือบทั้งเล่มก็ทำมาเยอะแล้ว ไอ้แค่นี้เรื่องเล็กน้อยมากเลย
   อ่านเจอหนังสือท่องเที่ยวของฝรั่งชื่ออะไรก็ไม่รู้ ยกให้ไทยเป็นอันดับ 1 ในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อันนี้ผมไม่แปลกใจ เพราะพอจะมองออก
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 11, 2013, 04:58:06 pm
7 กรก 56
   วันอาทิตย์เวียนมาอีกครั้ง นี่ผมไม่ได้อัปเดท Diary ชีวิตตัวเองมาหลายวันมาก มากจนเว่อร์ เพราะคียร์บอรด์และเมาส์แพดในเครื่องโนทบุ๊คมันรวนครับ ผมพิมพ์สัมผัสได้เร็วมากทั้งสองภาษา ปกติก็จะพิมพ์อย่างคล่องแคล่ว พอมาเจอเครื่องมือรวนนี่ไปไม่เป็นเลย ต้องค่อยๆ จิ้ม และเลื่อนเมาส์เลื่อนเคอร์เซอร์ทุกประโยค
   แก้ไม่เป็นครับ ไม่รู้ต้องไปเซ็ทตรงไหนมัน มันมี Config อะไรก็ไม่รู้ ไม่เคยเจอพังแบบนี้ไง โนทบุ๊คเครื่องเก่าก็มีพังเพราะคีย์บอร์ด ตอนนั้นพังเพราะภายในมันช็อท ช่างบอกหมดอายุ ก็ผมใช้ของแต่ละอย่างนี่ใช้จนมันสิ้นอายุขัยครับ ขายต่อแทบไม่ได้ราคาเลย ทั้งๆ ที่ชิ้นส่วนอื่นนี่สภาพดีมากๆ เช่น ตัวเครื่องไม่มีรอยกระแทก หน้าจอใสปิ๊ง คือไม่ได้ขนย้ายไปไหนเลย
   รีเซทเครื่องหลายรอบก็ดีขึ้นเพียงเล็กน้อย มันมีอาการร่วมกับไวรัสด้วยน่ะครับ คืออยู่เฉยๆ CPU ก็ทำงานเกือบ 100% ผลก็คือเครื่องค้าง ทำงานไม่ได้ ต้องปิดโปรแกรมไป จากเดิมที่ทำงานได้หลายอย่างพร้อมกัน ตอนนี้แปรสภาพไปเหมือนสมัย window 3.11 ที่ทำงานได้ทีละอย่าง เปิดหลายหน้าต่างๆ นานๆ มันจะแฮงค์
   เช้านี้ว่างสุดๆ อยากออกขี่จักรยานนะ แต่ก็เลือกที่จะให้เวลากับครอบครัวแทน ขับรถพาภรรยาและลูกไปกินกันที่ฟู๊ดแลนด์อีกเช่นเคย เห็นคนอื่นที่มีครอบครัวแล้วเขาออกขี่จักรยานเที่ยวเล่นบ่อยมากก็น่าอิจฉานะ คนเราคิดไม่เหมือนกันน่ะครับ ผมจะมองถึงความรู้สึกของคนอื่นก่อน ยิ่งคนรอบข้างยิ่งต้องใส่ใจให้มาก คิดถึงคนอื่นเยอะๆ คิดถึงตัวเราเองน้อยๆ
   ชีวิตมันก็เลยย่ำอยู่กับที่แบบนี้มาเป็นสิบปีแล้วไง โดนดองเอาไว้ให้อยู่ที่ร้านขายของ ถ้าชีวิตผมมันไม่ก้าวหน้าไปไหน ผมก็ไม่โทษใครเหมือนกัน ส่วนหนึ่งมันก็มาจากการเลือกที่จะ “ทน” ของผมเองด้วย
   ตอบแทนผู้มีพระคุณน่ะครับ คำนี้คำเดียวจริงๆ เลย ไม่มีอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว
   
   กินข้าวเสร็จไปส่งมิวที่โรงเรียนสริมวิชา ภรรยาไปธุระประสาผู้หญิงต่อ (นวด สปา ทำหน้า ทำตัว ทำผม ทำเล็บ ทำคิ้ว ฯลฯ) ส่วนผมกลับเข้ามาบ้านเดินไปมา หยิบ Uke มาเล่นแล้วก็วางพิงไว้ที่พนักโซฟา ผมคิดผิดจริงๆ ที่วางมันไว้ตรงนี้ ตอนแรกจะเก็บเข้ากล่อง แต่ขี้เกียจไง เราอยู่บ้านเฉยๆ เดี๋ยวก็หยิบออกมาเล่นซ้ำอีก วางไว้ตรงนี้แหละ จะได้หยิบสะดวก
   อีก 2 ชม ต่อมาฝนตกปรอยๆ เลยรีบไปเลือนรถเข้าที่ ขากลับวิ่งเข้ามาในห้อง ขากางเกงเกี่ยวพนักพิงโซฟาทำให้ Uke ที่วางพิงอยู่กระเด็นไปไกลราว 2 เมตร เหมือนโดนขว้าง
   !!! ใจหายเลย ผมเป็นคนรักษาของมากนะ ไอ้ Uke นี่น่าจะ 2 ปีแล้วมั้ง ไม่เคยมีริ้วรอยใดๆ เลย เก็บรักษาอย่างดี ตอนตีเล่นก็ระวังไม่ให้โดนเล็บ แม้มันจะราคาไม่แพงมาก แต่ผมรักมันมาก
   เดินไปหยิบมาดูสภาพ โหหห รอยถลอก 2 จุดทั้งด้านหน้าและหลัง สายเส้นบนขาด เป็นสายแบบ Low G อีกด้วย หายาก ต้องไปซื้อร้านใหญ่ๆ ครั้งล่าสุดซื้อที่ร้าน Music Collection ที่เดอะมอลล์ท่าพระ เป็นสายเหล็ก แต่ครั้งนี้ผมอยากลองแบบสายเอ็น คิดจะเอาสายของกีตาร์คลาสสิคมาใส่ (ใช้แทนกันได้)
   “โง่และมักง่ายจริงๆ เลย” ผมด่าตัวเองในใจ
   คอมฯก็รวนใกล้พัง ยังมาทำ Uke หล่นกระแทกอีก เซ็งฉิบหายเลย
   เย็นพาแม่ไปเลี้ยงวันเกิดที่ร้านอาหารชื่อครัวลุงญา แถวศาลพันท้ายนรสิงห์ ไปกันหมดทั้งบ้าน พี่สาวผมอยู่ไกลไปทางพระราม 9 ก็ยังมากินด้วยกัน แต่ให้พ่อแม่และครอบครัวของพี่สาวผมไปกันก่อน ผมอยู่บ้านรอภรรยาและลูกถึงค่อยตามไปทีหลัง
   กว่าจะตามไปถึงเขาก็อิ่มกันเรียบร้อยหมดแล้ว เหลือๆ เศษอาหารตามขอบๆ จานก็ปาดมาแบ่งกิน เขาจะให้สั่งใหม่ ผมก็เกรงใจ บอกไม่เป็นไรๆ ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องอร่อยมาก ไม่ต้องน่ากินมาก จะได้กินน้อยหน่อย เห็นไหม คิดบวกนะนี่
   กินเสร็จภรรยาแอบเอาเค๊กมาให้แม่ เป็นเค๊กกล้วยหอม จะได้อ้วนน้อยหน่อย ปีนี้แม่อายุ 76 ปี วัฒนธรรมของทางบ้านผมจะไม่จัดงานวันเกิดให้ตัวเอง หรือให้ลูก แต่ต้องจัดให้กับพ่อแม่ครับ ผมถึงไม่ได้สนใจในวันเกิดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่เคยมีงานเลี้ยง ไม่มีของขวัญ มากสุดก็แค่การ์ดจากคนใกล้ชิด
   ขากลับเปิดหนังเรืองพี่มากพระขโนงดูกันในรถ คนอื่นหัวเรากัน ผมไม่ได้ดูเพราะขับรถในเส้นทางมืดๆ แต่มิวเขาบอกเขากลัวผี จนมาถึงบ้านอาบน้ำเข้านอนยังกอดแขนผมตลอดคืน
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 11, 2013, 05:04:41 pm
8 กรก 56
   แทบไมได้นอนครับ ไม่น่าเชื่อว่าพี่มากพระขโนงมีผลต่อมิวจริงๆ แม่งกลัวผีแบบเว่อร์ กอดแขน กอดตัว มาเบียด มาซุก จนผมแทบไม่ได้นอน ตัวเองเขาก็นอนไม่หลับ ต้องตื่นมาอ่านหนังสือกลางดึกหลายรอบ
   ลืมตา รู้สึกตัว ตื่นแล้ว แต่ไม่อยากลุก อยากนอนต่อ โอ๊ย ง่วงๆ หันไปมองมิว มันนอนหลับปุ๋ยอย่างสบายอารมณ์เลย
   เดินเหวี่ยงแขนยืดเส้นสายออกกำลังได้หน่อยเดียว ก็หมดเวลาส่วนตัวเสียแล้ว รีบกินข้าว ไปส่งลูก และไปร้านขายของ
   ช่วงนี้แถวบ้านผมขุดถนนเยอะครับ ต้องเลี่ยงเส้นทางบ้าง ลองใช้ทางใหม่ๆ บ้าง ไม่ค่อยคุ้นครับ แต่ถ้ามันเร็วกว่าก็โอเค
   บ่ายเข้ามาบ้าน มองเห็นจักรยาน แต่ก็ขี้เกียจปะ ฮ่าๆ ช่วงนี้ให้เวลากับลูกปลาทองแทนครับ มีปลาล็อคใหม่อยู่ 4 อ่าง ส่วนปลาขนาดกลางก็อยู่อ่างใหญ่ราว 50 ตัว พ่อแม่พันธุ์นี่อยู่ในบ่อใหญ่สุดตอนนี้มีทะลุ 100 ตัว เลี้ยงกันแบบแออัด สงสารมันเหมือนกันนะ แต่ไม่มีที่ให้มันอยู่แล้วจริงๆ
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 11, 2013, 05:08:07 pm
9 กรก 56
   ยังไม่ได้ฤกษ์ปะยาง เช้านี้เลยกายบริหารแทน คิดท่าแปลกใหม่จนหมดมุข เลยยืนแกว่งแขนอยู่บนดาดฟ้าแทน
   ตอนสายส่งเอกสารให้ทาง Cylcing Plus เขาทวงถามมานานแล้ว ผมไม่ค่อยได้สนใจเรื่องจะได้เงินค่าเรื่องเท่าไหร่ สนแค่ว่าผมทำอะไรให้ผู้อ่านบ้าง งานเขียนของผมมีประโยชน์แก่ใครบ้างไหม
   บ่ายแวะไปรษณีย์นำเอกสารจากขนส่งไปขอรับเงินคืน 15 บาที่ไปรษณีย์ ผมต่อทะเบียนรถทางไปรษณีย์น่ะครับ แล้วเขาคิดเงินเกินไป ผมไม่รู้เรื่องหรอก บอกเท่าไหร่ก็จ่ายไปเท่านั้น
   ไม่เคยเห็นหน้าตาเอกสารแบบนี้มาก่อน เงินแค่ 15 บาทเอง แต่อยากรู้ไง ก็เลยลองไปทำเรื่องขอเงินคืน ฮ่าๆ เริ่มจากกดบัตรคิว แสดงเอกสาร เจ้าหน้าที่ก็งงกันใหญ่ ส่งกันไปมา เพราะเขาเองก็ไม่เคยเจอกรณีแบบนี้ สุดท้ายยื่นถึงหัวหน้าเลย ผมรออยู่ราว 10 นาที หัวหน้าเองก็ยังงง เดินไปเดินมา หาเอกสารใบคำร้อง ขอบัตรประชาชนของผมไปถ่ายสำเนาและให้เซ็นรับรอง เซ็นเอกสารรับเงินคืน เอกสารแม่งเยอะมาก จะเอาเงินออกแค่ 15 บาทนี่แหละ ฮ่าๆ
   เย็นฝนตกหนัก ขับรถไปรับมิวแบบย่องๆ เอารถ 180SX ไปน่ะครับ ไอ้คันนี้ยางสภาพย่ำแย่แล้ว ขับแบบเจียมตัวครับ เลี่ยงเลนซ้ายสุดเลยนะ เลนนั้นถนนเป็นลอนๆ จากรอยล้อของรถใหญ่ ไอ้นี่คือจุดอันตรายของรถที่ยางไม่ดี จะเรียกจุดตายเลยก็ว่าได้
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 11, 2013, 05:22:54 pm
10 กรก 56
   ลูกฝากซื้อโจ๊ก บอกไว้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่จักรยานผมยังไม่ได้ปะ เลยเอารถ Neobike 16 ทรงคลาสสิคที่เอาไว้ให้แม่บ้านไปจ่ายตลาดมาขี่ ค่อยๆ ขี่แบบย่องๆ ฝนตก ถนนเปียกแฉะ
   ค่อยๆ ขี่จนไปถึงร้าน ปัดโธ่ ร้านปิด แวะดูร้านขายต้มเลือดหมูที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ปิดอีก จบข่าว กลับบ้าน ทำผัดกระเพราให้ลูกกินกับข้าวกล้องซะ ส่วนผมกินผัดผักบุ้ง ไข่เจียวใส่มะเขือเทศ
   กินเสร็จไปส่งโรงเรียน ผมไปร้านขายของตามฟอร์ม
   บ่ายเข้ามาบ้าน แวะร้านอะไหล่ซือน้ำมันเบรก เอามาใส่รถคัน 180SX นี่แหละครับ น้ำมันเบรกที่มันพร่องไป ก็คือความหนาของผ้าเบรกเราลดลงไปด้วย ผมปล่อยให้น้ำมันเบรกมันลดลงไปแบบมากสุดๆ จนเกือบจะถึงขีด Low ก็เพราะอยากรู้ว่าจะมีไฟเตือนขึ้นหรือไม่ ไฟเตือนเสียหรือเปล่า แค่อยากรู้ แค่นี้เองแหละ
   บนหน้าปัดมีไฟรูปเบรกมือขึ้นครับ ตอนแรกคิดว่าปลดเบรกมือไม่สุด แต่เปล่าหรอก น้ำมันเบรกมันพร่องลงไปเยอะต่างหาก
   เติมไปอย่าให้เกินขีด Max แค่นี้ไฟเตือนก็จะดับลง ถ้าไฟไม่ดับ งานเข้าครับ ต้องตรวจเช็คจุดอื่นในระบบเบรก
   ไฟเตือนบนหน้าปัดจะแบ่งเป็นสีๆ สีแดง อันตราย สีเหลือง สีส้ม เตือนให้ระวัง สีเขียว สีฟ้า ไม่อันตราย แต่เตือนให้เรารู้ว่ากำลังเปิดระบบนี้อยู่
   รูปสามเหลี่ยมที่มาตรวัดน้ำมันจะชี้ปลายแหลมไปยังด้านข้างของรถที่มีฝาถังน้ำมัน อันนี้บอกเอาไว้เผื่อใครมีรถหลายคัน หรือไปเช่ารถขับจะได้ไม่สับสน
ฟังเรื่องการตอบปัญหารถยนต์ทางวิทยุแล้วผมคิดเห็นขัดแย้งกับวิทยากรท่านหนี่งอยู่หลายข้อ อย่างวันนี้ฟังอยู่ก็เจอผู้ฟังโทรมาถามว่าอยากได้รถเก๋งญี่ปุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล วิทยากรท่านตอบฉับชัดเจนทันทีว่า “ไม่มี”
   เฮ้ย ลูกพี่ มีครับ ยี่ห้อดังด้วย แถมวิ่งดีอีกต่างหาก แต่รถมันไม่ดังเท่านั้นเอง มันคือ Ford Focus ครับผม 
   เย็นไปรับมิว นั่งคุยกับผู้ปกครองกลุ่มเรือใบ คุยถึงเรื่องที่พักของงานแข่ง Hua Hin Regatta 2013 ผมเสนอความคิดว่าเราน่าจะไปดูสถานที่จริงนะ เพราะพักถึง 6 วัน เราแข่งที่ Regent Cha Am หาห้องพักได้ถูกสุดคือคืนละ 1800 บาท หึหึ เอาแค่ค่าที่พักก็ทะลุหมื่นบาทไปแล้ว สู้เก็บเงินนี้เอาไว้ให้เด็กไปแข่งที่ฮ่องกงดีกว่า
   ผมเปิดประเด็นเอาไว้ขณะที่พวกเรานั่งคุยกันในศาลาไม้ไผ่เล็กๆ ขากลับซื้อห่อหมกปลากรายของป้าพรเอาไว้กินเป็นอาหารเช้า 1 ห่อ 
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 11, 2013, 05:28:42 pm
11 กรก 56
   ตื่นอัตโนมัติ 0530 ยางยังไม่ได้ปะครับ เลยไม่ได้ขี่จักรยาน ที่จริงมีรถเหลืออีก 2 คันเลยนะ คือรถ KHS F20-W แต่ไม่คุ้นกับเบาะหนานุ่ม หลังจากใช้ Brooks ไปแล้ว ก้นผมไฮโซขึ้นมาก ส่วนรถอีกคันแม้จะนั่งสบาย แต่มันใหญ่เทอะทะ คือ Giant Revive DX ซึ่งไอ้คันนี้เป็นรถที่จอดได้นานเป็นปี แทบไม่ได้ขี่เลย พับผ่า
   เช้านี้กินห่อหมกครับ ซื้อมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น เป็นห่อหมกปลากราย ป้าพรเป็นชาวบ้านชาวสวนที่ปลูกพืชผักปลอดสารพิษ แล้วทางโรงเรียนให้ป้ามาขายของในโรงเรียนได้
   รสชาติดีครับ เนื้อปลากรายชิ้นโตแล่บางมาเลย ดูภายนอกเหมือนพวกขนมกล้วยเป๊ะ ฮ่าๆ

   ตอนสายพี่โบ๊ทโทรมาคุยเรื่องไปดูที่พักที่ชะอำ สรุปกันว่าไปมันพรุ่งนี้เช้าเลย ทิ้งไว้ยิ่งนานก็จะไม่ได้การ แข่งวันที่ 6-11 แต่วันที่ 12 สิงหามันเป็นวันจันทร์ วันหยุดยาวอีกด้วย กลัวจะหายากตรงนี้แหละ
   แถมผมให้โจทย์พี่โบ๊ทไปก็คือ เราต้องการห้องพักแบบมีที่จอดรถ และเราต้องพาเด็กไปตลาดกินข้าวมื้อเช้าและเย็น ฉะนั้น ที่พักอาจไม่จำเป็นต้องใกล้ที่แข่ง แต่ต้องไปมาตลาดสะดวก
   แผนของผมคือเราต้องไปดูจุดสถานที่แข่งจริงก่อน จากนั้นก็คิดหาหนทางกันดูว่าจะไล่เลาะไปทางชะอำ หรือไปทางหัวหินดี ละแวกนั้นรถไม่ติดมาก เน้นตลาดดีๆ ที่พักกลางๆ น่าจะโอเคกว่า
   กลางวันไปธุระที่ธนาคาร 2 แห่ง เข้ามาบ้านบ่ายแก่ๆ สักพักพี่สาวมาเยี่ยม คุยกันนิดหน่อยแล้วเขาก็กลับไป
   ผมเข้าเวปจักรยานเสนอไอเดียให้ “ป๋าโนบิตะ” ชื่อนิคเนมของเขานะ ตัวจริงเป็นเพื่อนนักเรียนสวนกุหลาบของผมเอง แต่โพสในเวปผมต้องเรียกว่าป๋าตามคนอื่นเขา และไม่ควรทำตัวตีเสมอ
   เสนอไอเดียคล้ายกับการกดปุ่ม Like ในเฟซบุ๊คน่ะครับ แต่ผมใช้คำว่า “เห็นด้วย” และ “ไม่เห็นด้วย” แทน คือบางทีเราไม่เห็นด้วยกับคำตอบบางคน แต่ไม่อยากโพสขัดแย้ง เจอคนใจแคบก็จะทะเลาะกัน ก็กด “ไม่เห็นด้วย” แทน น่าจะจบแบบสวยๆ
   ผมเข้าเวปไหนก็จะชอบและผูกพันครับ 20 ปีที่แล้วก็เล่นเวปพันทิพย์เสียจนตอนจัดมีทติ้งเจ้าของเวปอย่างพี่วันฉัตรเองก็ยังมาร่วมงานด้วย แต่ไม่ได้เข้ามาสิบกว่าปีแล้ว เจอคลื่นลูกหลังมาแรงแม่งด่ากราดเลย กลัวครับ ผมด่าใครตอบไม่เป็นก็เลยถอยห่างออกมา
   เวปจักรยานของป๋าเองเริ่มตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องเก๋าพอควร น่าจะสูสีกับเวปพันทิพย์ (ราว 20 ปี) อายุขนาดนี้ ต้องเป็นตำนานแล้วล่ะครับ
   เย็นไปรับมิว วันนี้ไปรับช้าหน่อย เขามีเข้ากิจกรรมชมรม นัดไปรับ 0500 กำลังจะออกจากบ้านอยู่เชียว มิวโทรมาบอกขอว่ายน้ำต่อ ให้มารับ 0600 แทน
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 13, 2013, 07:47:15 pm
12 กรก 56
   กายบริหารก็โอเคดีนะ แต่มันไม่ได้ช่วยเรื่องลดน้ำหนักเท่าไหร่เลยว่ะ นี่ก็เดือน 7 เข้าไปแล้ว ต้นปีหน้ามีทริปใหญ่สองอัน คือขี่ไปหัวหิน 200 กม และขึ้นอินทนนท์ มันมาเจ๋งตรงที่สองทริปนี้ห่างกันแค่ 1 สัปดาห์นี่แหละ มักจะเป็นงานหัวหินก่อนแล้วตามด้วยอินทนนท์ น่าจะเรียกว่าทริปเช็คสุขภาพประจำปี หากใครซัดสองทริปนี้แล้วจบแบบสวยๆ สุขภาพน่าจะอยู่ในเกณฑ์แข็งแรงดี
   ไปส่งมิวถึงโรงเรียนเลย มิวตกใจใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เฉลยเขาว่าวันนี้พ่อนัดกับผู้ปกครองกลุ่มเรือใบจะไปดูที่พักที่ชะอำกัน งานแข่งเรือใบเขาจัดที่หน้าหาดของรีเจนท์ชะอำ มีพรรคพวกใจดีได้ห้องพักราคาถูกมาให้ห้องละ 1800 บาท มันก็ถือว่าถูกสำหรับรีเจนท์ชะอำนะ แต่มันแพงไปสำหรับผม เพราะต้องพักตั้ง 6 คืน (เพิ่งมารู้ว่าแข่งเรือใบเขาก็แข่งกันแบบนี้แหละ 5 วันเป็นอย่างต่ำ) เฉพาะค่าที่พักอย่างเดียวซัดไป 9000 บาท ยังไม่นับค่ากินอีกตลอด 6 วัน !!!
   เข้าโหมดประหยัดครับ วันนี้เลยมีพี่โบ๊ท พี่กันย์ มาด้วยกัน 3 คน มองก็คงรู้นะว่าใครจะต้องเป็นผู้ขับรถ สาวๆ เขาไม่ขับกันแน่ๆ เจอหน้าปุ๊บพี่โบ๊ทก็ยื่นกุญแจรถของเขาให้ เป็นรถ CRV Gen II คันนี้ผมขับบ่อยแล้ว ตอนอยู่สัตหีบผมรับหน้าที่ขับประจำ พาทุกคนไปกินอาหาร แต่วันนี้ขับยาว และเป็นเส้นที่ผมไม่คุ้นเคย ก็เลยบอกว่าเอารถผมไปดีกว่า
   ป้องกันไว้ก่อนน่ะครับ ขับทางไกลอะไรก็เกิดขึ้นได้ หากเกิดเรื่องขึ้นมามันก็เป็นรถของผมเอง ไม่ต้องมารับผิดชอบรถของพี่โบ๊ทเขา อย่างสองอาทิตย์ก่อนที่ขับไปสระบุรีแล้วมีหมาวิ่งเข้าใส่ ผมเบนรถหลบเลี่ยงไม่ชนหมา จนด้านข้างของรถสีถลอก ถ้าเป็นรถของคนอื่นผมคงต้องชดใช้ค่าทำสีให้เขา แม้เขาจะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ แต่มันคาใจครับ
   ผมเอารถพ่อไป รถคันนี้อายุ 10 ปีแล้ว แต่สภาพดีสุดๆ ใช้น้อย วิ่งยาว จอดที่ร่มตลอด ขับเส้นพระราม 2 ยาวตลอดจนถึงเพชรบุรี แล้วก็เข้าชะอำ จบ ขับง่ายมาก ระยะทางจากบ้านสั้นกว่าไปสัตหีบเสียอีก
   ขับเส้นนี้ทีไรก็นึกถึงตอนที่ตัวเองขี่จักรยานไปหัวหินแล้วหมดแรงเจ็บหลังต้องนอนที่ชายหาดชะอำ มันดีนะ แบบขี่ไปด้วยใจล้วนๆ เลย มองข้างทางไปก็ยิ้มในใจ บอกว่า นี่แหละ กูขี่มาตลอดเส้นทางนี้แล้ว
   ออกจากกรุงเทพฯ 0830 ขับเรื่อยๆ ก็เกือบ 2 ชม ผมขอไปดูสถานที่แข่งเรือเป็นอันดับแรกครับ คืออยากรู้ว่าไอ้ที่เราจะต้องมานังสิงอยู่ถึง 6 วันมันสภาพเป็นเช่นไร อยู่ในส่วนของรีเจนท์ชาเล่ย์ครับ ติดกับรีเจนท์ชะอำนี่แหละ หากพักรีเจนท์ชะอำก็ต้องเดินมาราว 500 เมตร ผมเลยเสาะหาที่พักที่อยู่ติดๆ กันบริเวณนั้น ดูไปราว 4 แห่ง เจอราคาถูกสุดคือคืนละ 1800 บาท ซึ่งถ้าได้ราคานี้ ผมพักที่รีเจนท์ชะอำเสียยังดีกว่า เพราะได้โรงแรมหรู ชอบสุดคืออาหารเช้าอย่างดี ซึ่งเด็กๆ ต้องการตรงนี้เป็นอย่างมาก
   ขับเลียบเลาะหาดย้อนกลับไปทางชะอำ พอถึงปุ๊บก็ขับหาที่พักที่พี่โบ๊ทดูมาจากในอินเทอร์เนทเลย ชื่อวันดีรีสอร์ท คืนละ 600 บาท ห้องพักใหญ่โตมาก พี่โบ๊ทชงซะเต็มที่ พอไปดูจริงมันคือตึกแถวกั้นห้องให้พัก ก็โอเคแหละ ใหญ่จริง กว้างจริง แต่มันดูห่วยมาก เน้นให้พวกขี้เมานอน เห็นสภาพห้องปุ๊บถึงกับผงะ !!! รีบชิ่งโดยด่วน
   จากนั้นก็ใช้มุขสดครับ เห็นที่ไหนเข้าท่าก็จอดลงไปถามเลย เจอแบบถูกบ้าง แพงบ้าง จนถึงเที่ยงก็ยังสรุปไม่ได้นะ สองสาวบ่นหิวบอกกินอะไรก็ได้ ข้างทางเป็นเพิงก็เอา ผมบอกมาถึงที่นี่ขอกินแบบโอเคหน่อยน่าจะดีกว่า ไม่ได้จะเอาหรูนะ แต่อยากได้แบบโหวงเฮ้งดีหน่อย ไม่อยากได้แบบร้านกินกันตาย
   มาเจอร้านขามเงิน ริมหาดนี่แหละ เป็นเพิงขนาดใหญ่ มาวันธรรมดาแบบนี้ผู้คนโหรงเหรงครับ จะเรียกว่าวัดดวงกินก็ย่อมได้
   พี่โบ๊ทกินกระเพรากุ้ง และส้มตำปูม้า พี่กันย์กินกระเพราปลาหมึก และส้มตำทะเล ผมกินข้าวผัดปู แล้วแอบกินส้มตำของทั้งสองจานของเพื่อน ฮ่าๆ รู้อยู่แล้วแหละว่าเขาต้องกินกันไม่หมด
   อร่อยมากครับ อาหารสดรสชาติดี ใช้เนื้อกุ้งอย่างดี ไม่ใช่กุ้งแบบฟรีซมา สั่งไม่ใส่ชูรสก็ได้ตามนั้น ส่วนส้มตำนี่เด็ดขาดมาก ปูม้าสด มะละกอแช่เย็นมาก่อนอีกด้วย (เพิ่มความกรอบ)
   ขณะกินก็มองเห็นว่าร้านอาหารนี้เขามีที่พักบริการด้วย เลยขอเข้าชม เป็นห้องพักขนาดกลาง ภายในโทรมๆ แต่ชอบตรงราคา 600 บาท นั่งคุยกันอยู่นานว่าเอาดีไหม ผมยังติดใจตรงที่มันโทรมไปหน่อย และเตียงสภาพทรุดโทรมจับๆ กดๆ ดูแล้วสปริงโผล่มาหลายจุด ผมนอนไม่ได้แน่ๆ แต่พอบอกเจ้าหน้าที่ เขารับปากว่าจะเปลี่ยนให้ใหม่ (คงจะเก่าจากที่อื่น)
   แบ่งรับแบ่งสู้ แต่ก็ขอไปตั้งหลักดูก่อน ขับเลาะชายหาดหาที่พักไปเรื่อย ดูไปจนบ่ายแก่ๆ แล้ว ยังสรุปไม่ได้เลย เอาไงดีวะ ขับตรงไปเรื่อยๆ เข้าย่านชะอำใต้ ใกล้จุดที่ผมพักกางเต้นท์นอนเลย แล้วก็เจอที่พักชื่อริมทะเล ชื่อซื่อมากๆ เลย ขับเลี้ยวเข้าไปปุ๊บก็เจอตึกแถวร้างโทรมเหมือนบ้านผีสิง
   “กลับออกมาเลยๆ ๆ พี่โบ๊ทตะโกน”
   ผมบอกไหนๆ มาแล้วก็ขอดูหน่อย เรามาเพื่อหาข้อมูลไม่ใช่หรือ ส่วนพี่กันย์นี่ไม่ชอบดูแบบสะเปะสะปะแบบผม เขาชอบแบบมุ่งตรงเข้าไปในแบบที่เราชอบเลย
   เป็นตึกแถวเก่าจริงครับ แต่ทยอยบูรณะที่ละห้องสองห้อง ทำออกมาแนว Boutique Hotel แต่มองจากถนนใหญ่ไม่เห็นหรอกนะ แถมทางเข้าแม่งก็แคบแบบรถเข้าได้คันเดียวอีกด้วย ที่เห็นนี่เรียกว่าฟลุ๊คก็ไม่ผิด ห้องดี ทุกอย่างโอเค วัดใจกันที่ราคานี่แหละ
   “คืนละ 600 บาท ถ้าวันหยุดคิด 800 บาท”
   ต่อรองอย่างไรก็ไม่ยอมลด แต่เจ้าของพูดจาดีนะ ทางเราเองก็คุยง่ายอยู่แล้ว ก็เลยตกลงวางเงินจองที่พักแห่งนี้ไว้ สรุปค่าใช้จ่ายห้องพัก 6 คืน คือ 4000 บาท
   ถึงตอนนี้ก็ราว 0330 ตั้งใจจะแวะ Out Let ซื้อของเล็กน้อยเลยไม่ได้แวะกัน รีบมุ่งหน้ากลับโรงเรียนไปรับเด็กๆ ลูกใครลูกมัน ขากลับผมขับเร็วกว่าเดิมหน่อย ทำให้ถึงโรงเรียนราว 0500 ระหว่างทางเจออุบัติเหตุใหญ่ 2 ครั้ง เหมือนกันตรงที่ชนกันบริเวณทางแยก
   เห็นอุบัติเหตุทุกครั้ง คือการเตือนให้เราเพิ่มความระมัดระวัง สองสาวนั่งด้านหลังเงียบเสียงไป หันไปดู อ้าว หลับกันสองคนเลย
   ไปถึงโรงเรียนลูกยังอุตส่าห์ของเล่นต่ออีกนะ มิวยังคงอยู่ในสระว่ายน้ำ ตัวเองไม่ได้เอาชุดว่ายน้ำมา ยังขอยืมชุดเพื่อนอีกแน่ะ
   กลางคืนเข้านอนเร็วหน่อยครับ ผมขับรถตลอดวันจนเพลีย
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 13, 2013, 07:52:28 pm
13 กรก 56
   กายบริหารอีกแล้ว นี่ชักจะคิดถึงจักรยานแล้วนะ ขนาดปะยางแค่ล้อหน้าถอดง่ายๆ ยังขี้เกียจเลยน่ะ ฮ่าๆ
   วันนี้มิวมีเรียนตลอดวันครับ ขณะอยู่บนรถก็เปิดเพลง “แสงสุดท้าย” ที่ร้องโดย ลูกหว้า พิจิกา ให้เขาฟัง เฮ้ย เวิร์ค มิวฟังแล้วชอบมาก
   “พ่อให้เพลงนี้เป็นเพลงประจำตัวของลูกเลยนะ” ฟังแล้วจะได้เกิดกำลังใจ
   ปล่อยให้มิวขึ้นรถไฟฟ้าเองคนเดียวไปสยาม ขากลับก็กลับมาเองโดยไปลงที่สถานีตลาดพลู เดินไปเรียนคุมองต่อเอง ก่อนเข้าเรียนที่ใดก็โทรมาบอกเป็นระยะว่าตอนนี้อยู่ไหนแล้ว จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ขากลับผมไปรับที่เดอะมอลล์
   ส่งมิวเสร็จผมเข้าคอนโดต่อ ไปว่ายน้ำครับ นึกคึกอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้ออกกำลังกายมานานมั้ง ยืดเส้นหน่อยเดียวก็ซัดเลย ว่ายไปพักใหญ่รู้สึกเหนื่อยมาก ฝืนว่ายต่ออีกนิด เอ๊ะ แม่งยิ่งเหนื่อย เงยหน้ามองฟ้าดูเหมือนตึกมันเอียงๆ ตึกมันเคลื่อนที่ เฮ้ย ตาลาย มึนๆ
   ว่ายๆ หยุดๆ รู้สึกเวียนหัวแล้วว่ะ ตามมาด้วยคลื่นไส้ ฉิบหาย ออกอาการเยอะมาก ทั้งๆ ที่ปกติไม่เคยป่วยเลย
   กูอัดแรงเกินไปแหงเลย นี่ผมไม่ได้ว่ายน้ำมากว่า 2 ปี เช้านี้ซัดไปราว 300 เมตรต่อเนื่อง ถึงกับเป๋ ยืนพิงขอบสระพักหายใจ เจอคนมาว่ายใกล้ๆ ผมเอ่ยปากทัก “สวัสดีครับ”
   อ้าว พี่วรรณนี่เอง พี่วรรณเป็นกรรมการชุดก่อนหน้านี้ (ผมเป็นกรรมการชุดปัจจุบัน / แต่ล่าสุดลาออกแล้ว) เลยคุยกันสักพัก ผมลาออกเพราะว่าไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมายคอนโด แถมยังต้องมาเซ็นเอกสารมากมายแทบทุกสัปดาห์ ไปทำเรื่องฟ้องร้องกันถึง สคบ เรียกว่ามีเหตุให้วุ่นวายตลอด หนำซ้ำมาชนกับตอนมิวเรียนพิเศษมาก และเรียนเรือใบอีก อันนี้จบข่าวเลย ผมต้องให้เวลากับลูกมากกว่า
   ว่ายน้ำอยู่ 1 ชม (รวมอู้) กลับขึ้นห้องพักก็อาบน้ำ ล้างห้องน้ำไปด้วย ห้องพักผมใช้ผักบัวแบบ Rain Shower เปิดแล้วมันจะตกลงมากลางหัวพอดี ผมชอบ มันสบายดี แต่เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงเขาไม่ชอบกัน เพราะผมจะเสียทรง (ภรรยาบอก)
   อ้าว ไม่รู้นี่หว่า ผู้ชายเขาอาบน้ำก็จะตักราดหัวกันหมด ไม่เคยเป็นหญิงไง
   ล้างห้องน้ำ ซักชุดว่ายน้ำ ถูระเบียง ถูพื้นห้อง จัดการทำความสะอาดแบบชุดใหญ่ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน หิวด้วย แต่ไม่อยากลงไปกิน อยากลดพุงสักหน่อย เลยกินแต่น้ำเปล่า
   กลางวันมิวโทรมาบอกว่ากำลังจะออกจากสยามไปเดอะมอลล์แล้ว ที่เรานัดกันตามเดิมน่ะ มิวจะไปเรียนเอง แต่นี่เขากลับดันลืมหนังสือเรียนเอาไว้ในรถ ทำให้ผมต้องขับเอาไปให้ แต่ก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องไปรับอยู่แล้ว เลยหยิบเอา Uke ไปเปลี่ยนสายที่มัดขาดด้วยซะเลย
   ใช้บริการร้านเดิมครับ ชื่อ Music Collection ร้านนี้มีหลายสาขา ผมขอซื้อสายแบบ Low G สำหรับ Tenor เส้นเดียว เจ้าหน้าที่บอกไม่ได้ขายแยก ขายยกชุด
   “อ้าว คราวก่อนผมก็มาซื้อที่นี่แหละ พี่แยกขายให้ผม”
   “ไม่มีครับ สาย Uke เราขายยกชุด ไม่เคยแยกขาย”
   “ผมซื้อที่นี่จริงๆ นะ สาย Low G เส้นเดียวนี่แหละ”
   เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่เคยปรากฏ ส่วนผมก็ยืนยันในใจว่ากูซื้อกับมึงเองนั่นแหละ แต่ไม่อยากโต้เถียงไง เรามาซื้อของ ไม่ได้มาทะเลาะกัน ใจอยากได้สายยี่ห้อ Wurth แต่หายากมาก ขนาดร้านดังอย่าง Ribbee ที่สยามยังไม่มีเลย สุดท้ายก็ได้สายแบบเดิม รุ่นเดิมมาใส่แทน เจ้าหน้าที่คิดค่าติดตั้งสาย 50 บาท ผมเลยให้เขาช่วยทำความสะอาดให้ด้วย
   ก็ใช้น้ำยาแบบโฟมฉีดแล้วเช็ดตามร่องเฟรท ร้อยสายแป๊บเดียวก็เสร็จ ผมเสียเงิน 50 บาทเป็นค่าแรง ตาก็จ้องเขม็งทุกขั้นตอน งวดหน้ากูทำเองแน่นอน (50 บาทก็งกวะ)
   นี่ถ้ามีใครอยู่ต่างประเทศแล้วรู้เรื่อง Uke ก็ดีสินะ จะได้ฝากซื้อสายมาหลายๆ แบบแม่งซะเลย สายแต่ละแบบก็จะให้เสียงต่างสไตล์กันครับ
   ขณะเดินเล่นในแผนกดนตรีก็มองเห็น Cajon (กลองกล่องเคาะจังหวะ) ตัวหนึงสวยเท่ถูกใจมาก เพราะมันทำเป็นเหมือนลังใส่สินค้าเก่าๆ ชอบมากเลย สีก็ออกแนวโทรมๆ แต่ถ้าซื้อมาแล้วผมจะมาเคาะกับใครวะ ผมไม่มีวงดนตรี ผมเล่นคนเดียว ฉายเดี่ยวตลอด
   หรือจะซื้อไว้เคาะจังหวะเฉยๆ อืมม แล้วมันจะเป็นเพลงได้ไงล่ะลูกพี่ คิดเอง เออเองคนเดียว เป็นแบบนี้ประจำ แม้จะยังไม่ซื้อนะ แต่ของที่เห็นแล้วถูกใจปิ๊งแบบนี้ ผมเมมไว้ในใจทันที
   พอมิวเลิกเรียนก็ชวนมากินกันที่ฟู๊ดเซนเตอร์ มิวบอกไม่อยากกิน ไม่หิว น่าแปลกนะ ทั้งๆ ที่เขาเรียนหนักมาทั้งวัน กลับไม่ยอมกินอะไรเลย กินแค่มื้อเช้ามาเท่านั้นเอง เลยซื้อโจ๊กให้เขากิน หน้าร้านเขียน “โจ๊กจุฬา” โห ชื่อดังนี่หว่า มิวต้องชอบแน่ๆ เลย
   พอพ่อครัวตักโจ๊กปุ๊บ ผมรู้ทันทีเลยว่ามันไม่ใช่เสียแล้ว เฮ้ย หน้าตาแบบนี้ มันไม่ใช่โจ๊กดีๆ แบบที่เราเคยกินแหง
   แล้วก็เป็นไปตามคาดครับ แม่งตักข้าวเปล่าๆ มาใช่ชาม แล้วมีหมูสับกับน้ำซุปมานิดหน่อย (สองชิ้น) ตามด้วยปาท่องโก๋
   พี่น้องครับ สาบานได้ว่านี่ไม่ใช่โจ๊กจุฬา สามย่าน มันคือโจ๊กเหี้ยไรก็ไม่รู้ คือเหมือนคนทำโจ๊กไม่เป็นน่ะ เอาข้าวต้มมาทำมั้ง รสชาติเหี้ยบริสุทธิ์ ผมพยายามปรุงรสอย่างกลมกล่อมทำหน้าชัวร์ๆ แล้วเดินไปให้มิวกิน คิดในใจ หากโดนลูกด่ากลับมาผมจะก้มหน้าให้มันด่าไปเรื่อยๆ
   มิวตักกินไปทีละนิด พร้อมกับเล่นเกมในไอ้แป๊ดไปด้วย
   เฮ้ย ไอ้แป๊ดช่วยชีวิต มิวกินไปเกือบหมด !!!
   เหลือหน่อยเดียวก้นชาม ผมถามว่าทำไมกินไม่หมด มิวบอกความจริงว่า “มันไม่อร่อยเลยครับพ่อ มันไม่เหมือนโจ๊กที่เราเคยกิน”
   อืมม ลูกพูดถูกแล้วล่ะ (ผมคิดในใจ)
   ไม่อร่อยคราวหน้าก็อย่าไปกินมัน ดูป้ายมันไว้ จำมันให้แม่นว่ามันชื่อว่าร้านโจ๊กจุฬา
   กินเสร็จก็พากันกลับบ้าน รถติดหนักครับ ก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยก คิดเองทำเองแบบไม่เข้าท่า ตามความคิดของผมแล้ว ไม่เห็นด้วยเลยในการสร้างแบบนี้ เพราะอีกหน่อยรถจะติดกันแบบทั้งบนดิน และในอุโมงค์ คือติดแบบลากยาวมาตลอดเลย
   แต่ตำรวจอาจบชอบนะ เพราะมันไม่ต้องมาคอยกดกำกับไฟสัญญาณด้วยมือไง รถติดยาวก็ปล่อยแม่งไปได้ เออ หรือว่าเขาคิดแบบนั้นกันวะ
   ถึงบ้านฟ้ายังไม่มืด ได้ฤกษ์ปะยางแล้วโว๊ย ต้นเหตุคือเศษแก้วชิ้นเล็กจิ๋วเดียว ตำยางในรั่วแบบน้อยมากๆ จับแช่น้ำแล้วฟองอากาศขึ้นมาแบบทีละเม็ด เฮ้ยย ปะยากมาก มองไม่เห็นแผลเลย
   การได้ปะยางเป็นระยะก็มีข้อดีนะ (พยายามคิดบวก) คือเราได้ตรวจสอบอุปกรณ์ชุดปะของเราอยู่เสมอว่ากาวยังสภาพดีอยู่ไหม (เคยเจอกาวเต็มหลอด แต่บีบออกมาแล้วมีแต่ลม) แผ่นปะสำรองครบไหม ต้องหาซื้อเพิ่มหรือยัง ก้านงัดยางสภาพดีไหม ใกล้หักหรือเปล่า ฯลฯ
   ปะเสร็จแล้ว เติมลมยาง 95psi เต็มตามสเปค แล้วคิดในใจว่า
                พรุ่งนี้ไปไหนดีวะ
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 22, 2013, 03:09:53 pm
14 กรก 56
   ตื่นมาแบบเพลียๆ ฟ้าสว่างตั้งแต่ 0530 เห็นขอบฟ้าเรืองรอง แสดงว่าตลอดวันนี้แดดแรงจัดชัวร์  ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ก็พอจะคะเนสภาพอากาศได้ แต่ไม่แม่นหรอกนะ ถ้าเป็นช่วงมรสุมเข้าก็ต้องอาศัยพยากรณ์อากาศล้วนๆ ดูฟ้าดูเมฆไม่ออกหรอกครับ
   ภรรยาชวนไปกินอาหารเช้าด้วยกันเหมือนเคยที่ฟู๊ดแลนด์ ผมกลัวลูกเบื่อ เลยถามมิวว่าอยากกินโจ๊กไหม จะได้ซื้อให้ มิวบอกไม่เอา จะกินฟู๊ดแลนด์
   ขณะคิดลังเลว่าจะขี่จักรยานไปไหนดี ขี่คนเดียวครับ ก็เลยอิสระไปหมด กระโดดเชือกออกกำลังกายไปก็คิดไปด้วย ไม่ให้เสียเวลา คิดเสียว่าเป็นการอบอุ่นร่างกาย เห็นพ่อตื่นเช้าลงมาเลยคุยกัน เขาบอกจะไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง แต่ตอนนี้จะไปตลาดซื้อของสดก่อน ผมเลยอาสาจะขับรถไปตลาดน้ำให้
   วันธรรมดาให้เวลาแก่ลูกและช่วยเฝ้าร้านขายของ วันหยุดให้เวลากับภรรยาและสลับกับให้เวลาพ่อแม่บ้าง แน่ล่ะ มันก็ต้องสูญเสียเวลาส่วนตัวไปแทบทั้งสิ้น จากเดิมที่ขี่จักรยานออกตะลอนตลอด พอลูกโตคิดว่าจะว่างมากขึ้น แต่เปล่าเลย กลายเป็นวุ่นไปอีกแบบ
   แต่ก็เป็นการวุ่นแบบเต็มใจครับ มิวกำลังก้าวไปสู่ฝันของเขาทีละน้อยๆ ในขณะเดียวกันกับที่ผมกลับเดินถอยห่างความฝันของตัวเองไปเรื่อยๆ เช่นกัน
   “ทำใจได้แล้วครับ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น” ผมบอกกับโลกไปอย่างนั้น แต่ถ้าถามจิตใต้สำนึกล่ะก็ จะได้คำตอบกลับมาอีกแบบ ไม่ต้องห่วง ผมไม่ยอมแพ้หรอกน่า
   สักพักภรรยาลงมาจากบ้าน ถามว่าเอาโจ๊กไหม กำลังจะออกไปซื้อ
   อ้าว งงสิ ทีผมไปถามตั้งแต่เช้าบอกไม่เอา จะกินฟู๊ดแลนด์ เลยฝากภรรยาซื้อเผื่อด้วย และฝากช่วยเอารถ 180SX ของผมออกไปขับให้หน่อย ไอ้นี่จอดมานานมาก หลายวันแล้ว
   เช้านี้เลยได้แค่กระโดดเชือกหน่อยเดียว กินโจ๊ก อีกพักหนึงก็ไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งกินก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ ไปตลาดน้ำก็เดินถือของให้พ่อแม่เต็มสองมือ มีต้นมะลิแถมกลับมาอีกต้นด้วย
   กลับมาบ้านก็อยู่แบบเหงาๆ เลยครับ เดินไปเดินมา ดูปลาบ้าง ออกกำลังกายบ้าง เขียนหนังสือบ้าง
ภรรยาพาลูกไปเรียนพิเศษ กลับมาบ้านเอาตอนหัวค่ำ ผมกินมื้อเย็นเป็นน้ำพริกหนุ่มกับแคบหมู 3 ชิ้น แกล้มกับผักสดอีกนิดหน่อย กินแบบพออร่อยแล้วลุกวิงหนี กินต่อไปจะยิ่งเพลิน ทำให้ยิ่งอ้วน
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 22, 2013, 03:15:34 pm
15 กรก 56
   พ่อแม่ไปฮ่องกงตั้งแต่เช้า คงจะไปกันในกลุ่มพรรคพวกเขา นึกยังไงไปวันจันทร์ก็ไม่รู้นะ ถ้าเป็นผมจะไปตั้งแต่วันเสาร์อาทิตย์แล้วล่ะ
   เป็นไปตามคาดของเช้าวันจันทร์ครับ รถติดแบบไม่ต้องมาบ่นกันให้ช้ำใจ มองเห็นจักรยานขี่ผ่านนี่โครตอิจฉาเลย นึกอยากขี่บ้างนะนี่ แต่ติดที่ตอนกลางวันผมต้องไปธุระหลายแห่ง บางทีมีขนของกลับมาบ้านอีกด้วย
   วันนี้อยู่เฝ้าร้านขายของตลอดวันครับ  กลางวันขี่จักรยานไปซื้อเปาะเปี๊ยะสดในตลาดมากิน แม่ค้าบ่นบอกหายไปนานนะนี่
ไปรับลูกตอนเย็นก็รีบขับฝ่ารถติดหนักมาเฝ้าร้านต่อ มิวติดรถมาด้วย แต่ดูเขาเบื่อๆ
กลับบ้านเอาตอนค่ำๆ หน่อย ถึงบ้านก็อาบน้ำนอน จบข่าว
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 22, 2013, 03:19:54 pm
16 กรก 56
   ขี่จักรยานยามเช้า มีความสุขเล็กๆ สัก 30 นาที พักหลังมานี้บางทีขี่แล้วรู้สึกเบื่อๆ ยังไม่ก็ไมรู้ หรือว่ามันขี่แต่แบบเดิมๆ เกินไปวะ นี่ถ้าได้ออกทัวร์ยาวๆ บ้างคงจะเปิดสมองได้เป็นอย่างดี
   ไปส่งมิว ไปเฝ้าร้านขายของ อยู่แบบเบื่อๆ กลางวันกินก๋วยเตี๋ยวราดหน้า เลือกสั่งเส้นหมี่เพราะอ้วนน้อยกว่าเส้นใหญ่ เน้นใส่ผักคะน้าเยอะๆ
   เย็นไปรับมิว แต่เขาคงจะเบื่อ เลยขออยู่บ้าน ก็ไปส่งเขาแล้วผมก็ออกไปร้านขายของอีกครั้ง ขับตอนเย็นนี่รถแม่งติดหนักไม่แพ้ตอนเช้าเลย กลายเป็นเบื่อซ้ำซ้อน แวะซื้อ McDonald ฝากภรรยา เขาสั่งซามูไรเบอร์เกอร์ไม่ใส่มายองเนส ผมไม่ค่อยได้กินของพวกนี้หรอก ขับรถเข้าไปร้านแบบ Drive Througt เพิ่งรู้ว่าเบอร์เกอร์แบบนี้มันชิ้นละ 75 บาท !!!
   วันนี้งานน้อยหน่อย กลับมาบ้านเกือบสองทุ่ม
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 22, 2013, 03:21:10 pm
17 กรก 56
   ฝนตกกลางคืน ถนนเลอะเลยขึ้นไปดาดฟ้าทำกายบริหาร ไม่ได้เหงื่อสักนิด แต่ดีกว่าไม่ขยับร่างกายเลย
   เช้านี้อาหารดีเลิศเป็นเนื้อปลากะพงผัดฉ่า ผักเพียบครับ มะเขือพวง มะเขือเปาะ ยังคงมีผักคลาสสิคของผมคือแครอทและบร็อคโคลี่นึ่งและกระเทียมสดเป็นผักเคียง กินกับไข่ต้มและข้าวกล้องตามฟอร์ม
   ส่งลูกแล้วก็ไปร้านขายของต่อ บรรยากาศเดิมๆ ครับ น่าเบื่อ คิดบวก คิดคูณ คิดอะไรไปก็เท่านั้น ใจหนึ่งก็ไม่ชอบทำ แต่อีกใจก็อยากทำเพื่อคนอื่น ไหนๆ ความฝันของตัวเองแม่งก็ล้มเหลวไปแล้ว ก็ปล่อยชีวิตให้แม่งไร้สาระไปเลยก็แล้วกัน
   กลางวันกินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าอีกครั้ง ร้านนี้อยู่ใกล้บ้านมาก เดินไปนิดเดียวเอง มันสะดวก ก็เลยกินบ่อย แถมอร่อยดีอีกด้วย ชามละ 30 บาทแบบเต็มอิ่ม ราคาไม่แพง น่าจะเขียนแนะนำลงหนังสือนะนี่
   วันนี้มิวเลิกเรียนเย็นหน่อย 0500 เลย เพราะมีติวเสริมหลังเลิกเรียนปกติ ท้องฟ้ามืดครึ้มนี่ฝนจะตกไหมก็ไม่รู้ ผมพกร่มติดตัวบ่อยๆ เลยไม่สนใจอะไรนัก ขณะกำลังจะขับรถกลับ เจ้าของร้านโทรมาบอกว่าให้เข้าบ้านได้เลย ไม่ต้องออกมาแล้ว วันนี้ปิดร้านเร็ว
   เย้ๆ
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 22, 2013, 03:24:02 pm
18 กรก 56
   เดินไปเดินมา ดูปลา บิดตัวไปมา ขยับตัวไปเรื่อยๆ ขี่รถก็เบื่อ กายบริหารก็เบื่อ อยากเดินทางกับเขาบ้าง นี่ผมไม่ได้ไปไหนมานานมากแล้ว ยิ่งระยะหลังนี้มิวแข่งเรือใบ ก็ยิ่งต้องไปกับเขาด้วย ต้นเดือนหน้าก็ไปแข่งที่หัวหิน แต่มันไม่ได้ไปเที่ยวอะไรสักนิดนะ แถมต้องอยู่กลางแดดร้อนๆ ตลอด 7 วัน ไม่ใช่พ่อแม่ ไม่ใช่ญาติ ทำไม่ได้หรอกครับ
   เช้านี้ได้อาหารดีอีกแล้ว เป็นผัดผักบุ้ง ไข่เจียวใส่มะเขือเทศ ทอดในน้ำมันมะกอก กินกับข้าวกล้องและผักเคียงแบบคาสสิค
   เฮ้ย อะเมซิ่ง เช้านี้รถโคตรโล่งเลย เกิดไรขึ้นวะนั่น ขับจากโรงเรียนมิวไปถึงร้านขายของแค่ 40 นาที ปกติต้องมีราว 1 ชม เจอโหดๆ ต้องบวกเข้าไปอีก 30 นาทีด้วยซ้ำ
   ขับโล่งๆ ก็สบายดีครับ แต่ก็ไปเรื่อยๆ นะ ไม่ได้โหมเร่งอัดอะไร ขับแบบประหยัดๆ ถนอมรถไปด้วยในตัว
   เข้ามาบ้านตอนบ่าย มีเวลาส่วนตัวว่างสัก 2 ชม มองรอบๆ บ้านก็เห็นเรื่องให้ทำมากมาย ทั้งงานซ่อมดาดฟ้า และอยากสร้างบ่อปลาเพิ่มที่ริมรั้ว
   เข้าเวปจักรยานเห็นคนโพสถามความคิดเห็น ทำนองว่า “ขี่จักรยานอยู่ แล้วแท๊กซี่ปาดเข้ามารับผู้โดยสาร แบบนี้ใครผิด”
   คนส่วนใหญ่จะตอบว่าแท็กซี่ผิด บ้างก็บอกคนเรียกผิด บ้างแสดงความคิดเห็นไปในแง่มุมอื่นที่รุนแรง เช่นลงไปทุบรถ ฯลฯ
   ผมอ่านแค่หัวข้อ ผมก็คิดไปคนละทางแล้ว แต่อย่างที่รู้กัน ผมมันไม่ใช่มาตรฐานของนักจักรยาน ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรก็ตาม ผมมักจะโทษตัวเองไว้ก่อน หรืออย่างน้อยก็คิดว่าตัวเราเองนีแหละมีส่วนที่ทำให้เกิดเหตุนั้น
   งานนี้คุณขี่รถเร็วเกินไปเองแหละครับ คนที่บอกเบรกแล้วล้ม เบรกแล้วลื่น นี่ถ้าเป็นรุ่นน้องที่สนิทกันผมจะด่าซ้ำให้ว่าฝีมืออ่อน ยังต้องฝึกฝนวิธีการใช้เบรกอีกมาก
   นี่เอ็งขี่บนท้องถนนมาแค่ไหนแล้ว ดูไม่รู้หรือว่าคนที่เขายืนริมถนนและเตรียมจะโบกรถแท๊กซี่น่ะ เอ็งต้องทำยังไง ไม่มีเซนส์อะไรสักนิดเลยหรือ
   การขี่บนท้องถนนน่ะ ควรใช้ความเร็วกลางๆ ก็พอ ไม่ได้ซัดมาอย่างแรง แล้วพอเกิดเหตุก็บอกตัวเองขี่มาอยู่ดีๆ รถก็มาเบียด สำหรับผมมันแปลว่าเอ็งขี่มาเร็วเกินความสามารถตัวเองที่จะควบคุมรถต่างหาก
   เจอนักจักรยานบางคนเองแม่งงี่เง่าสุดๆ คือขี่ไม่เบาเท้าเลย ซัดตลอดทาง เจอรถเมล์จะเข้าป้ายยังมาด่าในเวปว่าโดนรถเมล์เบียด
   “เฮ้ย ลูกพี่ เอ็งซิ่งผิดที่หรือเปล่า รถเมล์เขาต้องจอดตรงนั้นอยู่แล้ว เอ็งขี่ผ่านป้ายรถเมล์แล้วไม่เบารถตัวเองลงมันก็เป็นเช่นนี้แหละ”
   หากถามผมหรือ ผมก็เคยโดนรถเมล์เบียดเช่นนี้มาบ้าง แต่ผมเข้าใจโลกไงว่ารถเขาต้องจอดตรงนี้ ผมขี่มาเร็วเกินเองต่างหาก ต่อไปผมขี่ช้าลง มันก็ไม่เกิดเหตุแบบนี้อีกเลย
   ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้น ตัวเราล้วนมีส่วนทำให้มันรุนแรงขึ้น คิดให้ดี คิดให้รอบคอบ อย่าเอามุมของตัวเองเป็นที่ตั้งเสมอไป มองทุกสิ่งอย่างจากเบื้องบน มองจากมุมมองของนก
   มองโลกให้กว้าง มองด้วยความมีเมตตาครับ
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 22, 2013, 03:29:22 pm
19 กรก 56
   ฝนตกทุกเย็นเลย กะว่าจะขับรถตัวเองบ้างก็ไม่เอาล่ะ ชอบให้รถมันเลอะเป็นคันๆ ไป ช่วงนี้ใช้บริการรถของพ่อล้วนๆ ขับสบายดีครับ ประหยัดดีด้วย แต่มันขับไม่สนุก อารมณ์เหมือนขับยานอวกาศ มันไปแบบลอยๆ การตอบสนองของพวงมาลัยแย่ การตอบสนองของคันเร่งนี่กะลำบาก ผมคุ้นกับรถแบบ Low Tech ครับ รถที่คันพวงมาลัยเพาเวอร์ธรรมดา ใช้คันเร่งเป็นสายสลิง ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดตามแรงตีนกด
   ชีวิตเหงาๆ เดิมๆ ตลอดวัน เย็นไปรับมิว เข้าบ้านเขาบอกขอไปกินสเต็คหน้าปากซอย แต่ผมเบื่อแล้ว เลยให้เงินเขาไปกินคนเดียว เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าร้านอาหารเองคนเดียว สั่งกินเอง และจ่ายเงินเอง เป็นร้านหน้าปากซอยเดินแค่ 200 เมตร ก็สะดวกหน่อยครับ เหมาะแก่การฝึกสร้างความมั่นใจให้กับตัวเขาเอง
   อีกเกือบ 1 ชม มิวถึงเข้ามาบ้าน บอกว่าพ่อเป็นห่วงมิวไหม มิวกินแล้วรีบกลับเลย เพราะในใจคิดว่าพ่ออาจเป็นห่วงว่ามิวอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ ฯลฯ
   อืมม สุดยอด รู้จักเข้าใจจิตใจของคนอื่นบ้างแล้ว
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 22, 2013, 03:33:05 pm
20 กรก 56
   เช้านี้อากาศเย็นๆ กลางคืนฝนตกปรอย พื้นถนนเปียกแฉะ ขี่แบบระมัดระวัง อายุเริ่มเยอะแล้ว กระดูกต่อกันติดได้ยากกว่าพวกเด็กๆ เล่นอะไรก็ต้องระมัดระวัง ไม่กี่ปีก่อนยังเคยบ่นอยากได้ Fixed Gear แบบ Trick หึหึ กะจะไปหัดยกล้อเล่นแบบสมัยเด็กๆ ดีนะที่ไม่ไปจัดหาซื้อมา ประเมินตัวเองตอนนี้แล้วสภาพร่างกายยืดหยุ่นได้แย่ลงไปกว่าเดิมมากเลย น้ำหนักตัวที่ว่าจะว่าจะลด พอเฉยเมยเข้าหน่อยตอนนี้แม่งขึ้นเอาๆ
   เช้านี้ไปส่งมิวขึ้นรถไฟฟ้า นี่เป็นวันแรกที่ให้เขาผจญภัยเองตามลำพังทั้งรอบเช้าและบ่าย มิวบอกว่าตื่นและปนสนุกดี ตอนอยู่บนรถไฟฟ้าชอบยืนชมวิว
   ส่งมิวเสร็จผมเข้าไปที่คอนโดต่อ ช่วงนี้เริ่มเข้ามาบ่อยเป็นประจำละ มาถึงก็ว่ายน้ำก่อนเลย แล้วก็ออกอาการเดิมครับ คือว่ายไปสักพักแล้วเวียนหัว วันนี้ว่ายช้าๆ แค่ 100 เมตรเอง พอหยุดพักมองฟ้าแล้วรู้สึกตาลาย
   เอาอีกแล้ว เซ็งจริงๆ เลย กะจะมาว่ายลดพุงสักหน่อย ก็เลยว่ายๆ หยุดๆ อีกสักพักก็ขึ้นห้อง ระหว่างอยู่ในห้องน้ำเจอพี่รุจอีกแล้ว พี่รุจนี่เจอกันตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาประชุม จนเป็นกรรมการ ตอนลอยกระทงพี่รุจก็เอาเรือออกมานั่งล่องเจ้าพระยาเล่น จำได้แม่น บรรยากาสสุดยอดจริงๆ
   กะว่าจะต้องทำความสะอาดเหมือนเช่นทุกที แต่เปล่าเลย ห้องเรียบร้อยดี ระเบียงมีฝุ่นบ้างนิดๆ แต่มันหน้าฝน เลยปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ นั่งอ่านหนังสือเล่นรับลม อ้อ ลืมเล่า ลมพัดแรงมากๆ ตากผ้าแป๊บเดียวแห้งเลยล่ะ ได้ที่พักแบบนี้สุดยอดจริงๆ ครับ ปกติอยู่คอนโดก็จะต้องเปิดแอร์กันตลอดเวลา แต่กับที่นี่ไม่ต้องเลย กลางวันลมพัดเย็นดีมาก กลางคืนนี่ก็พอได้นะ แต่ห้องผมไม่มีมุ้งลวด พอเปิดหน้าต่างทิ้งไว้กลัวมีแมลงเข้ามา เลยเปิดแอร์นอน
   เที่ยงมิวโทรมาบอกว่าเรียนพิเศษเสร็จแล้ว กำลั้งจะออกเดินทางมาเรียนคุมองต่อ เดี๋ยวถึงสถานที่จะโทรมาบอกอีกครั้ง
   อีก 30 นาทีต่อมามิวก็โทรมาบอกว่ากำลังจะเข้าเรียนคุมองแล้วนะ นั่นแปลว่าอีกราว 2 ชม เขาจะเลิกเรียน ผมต้องกะเวลาเอาเอง
   ไปถึงล่วงหน้าก่อนเวลาพักใหญ่ เอานาฬิกาของมิวไปซ่อมตัวล็อคสายมันหลุด น่าแปลกนะ นาฬิกาโนเนมไร้ซึ่งยี่ห้อ แต่กลับโคตรทน มิวใส่ลงน้ำเล่นเรือใบมาเป็นสิบครั้ง เรือนละแค่ 450 บาท แม่งเจ๋งว่ะ
   สลักยึดหัวสายที่มันเป็นสปริงเล็กๆ มันเสียไปข้างหนึ่ง ร้านนี้คิด 50 บาท แต่เมื่อวานไปถามร้านนาฬิกาใน Big C พระราม 2 เขาบอกเปลี่ยนไปก็ไม่หาย มันก็จะหลุดหลวมเหมือนเดิม ส่วนร้านที่เดอะมอลล์นี้เขาบอกเปลี่ยนแล้วหายแน่
   อีกครู่เดียวมิวเดินมาหาที่จุดนัดพบ เจอหน้าก็ทวงถามว่าซ่อมนาฬิกาให้เขาหรือยัง ดูเขาจะรักนาฬิกาเรือนนี้มาก อืม ก็นะ รู้จักรักข้าวของ ก็คงจะเพราะว่ามันติดข้อมือของเขาตลอดเวลาตอนแข่งเรือใบกระมัง เลยรู้สึกผูกพัน
   ผมชมมิวว่าวันนี้เขาจัดการกับชีวิตของตัวเองได้ดีมาก เดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้อย่างคล่องแคล่ว รับผิดชอบตัวเองเบื้องต้นใช้ได้ และผลจากการที่เขาเดินทางเอง วันนี้เขาช่วยประหยัดเงินพ่อได้มากกว่า 100 บาท และเวลาอีกราว 2 ชม (นับเฉพาะการเดินทาง)
   ผมว่าเขาเองก็ภูมิใจในตัวเองลึกๆ นะ ความรู้สึกแบบนี้แหละครับที่มันหาซื้อกันไม่ได้ มันจะติดตัวเขาไปทีละนิดๆ โตขึ้นก็จะมีความมั่นใจในตัวเอง มีความเป็นผู้นำ รู้จักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ปรับตัวเข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
   มิวพออยู่นอกบ้านเองคนเดียวนี่ไม่กินอะไรเลยครับ กินมื้อเช้าจากบ้านอย่างเดียวลากยาวมาถึงบ่ายแก่ๆ ผมเตือนให้เขาดูแลตัวเองในจุดนี้ด้วย แต่ก็เข้าใจครับ เพิ่งใช้ชีวิตนอกบ้านเองคนเดียว อาจจะยังไม่คุ้นชินกับการเลือกสั่งอาหาร มันไม่สะดวกสบายเหมือนตอนไปกับพ่อแม่หรอก
   ถามอะไรก็บอกไม่เอา ไม่กิน ไม่หิว เลยชวนกินร้าน Sizzler มิวมองหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง แหม พอเจอร้านหรูหน่อยนี่วิ่งเข้าใส่เชียว ที่หน้าร้านมีเครื่องดนตรีวางขายแบบลดราคา เห็น Cajon ใบหนึ่งวางอยู่ ผมชอบหน้าตาของมันมาก (Cajon คือกลองเคาะจังหวะแบบกล่อง ใช้นั่งตี) ลักษณะเหมือนกล่องลังเก่าๆ หน้าตามันดูงี่เง่าดี ผมชอบ เก่าๆ โทรมๆ
   มิวชอบกินซุปเห็ดมาก ส่วนผมกินสารพัดผัก โดยเฉพาะผักที่ปกติไม่ค่อยได้กิน เริ่มจากบีทรูท มะกอกดำ แครนเบอรี่ ซัลซ่า ฟักทองย่าง ผักโขม มีผักอีกหลายอย่างที่ไม่รู้จักชื่อ เห็นหน้าตาประหลาดก็ตักมาลองชิม
   ตอนแรกบอกว่าอิ่ม ไม่กิน แต่พอตักแล้วมีเบิ้ลสองชาม (ซุป) กินเสร็จบอกขอไปเดินเล่น กลับเข้ามาอีกทีเขาไปถามราคาของ Cajon ที่ผมชอบมาให้
   “ราคา 3500 บาทพ่อ”
   “ลูกรู้ได้ไง ไปถามเขามาหรือ”
   “อืมมม”
   อืมม ก็ดีนะ รู้จักกล้าถามข้อมูลด้วย ผมสอนอะไรๆ มิวหลายอย่างในชีวิต แต่มีอยู่ 3 อย่างที่มันสอนกันไม่ได้ นั่นคือเรื่องของ เชาว์ ไหวพริบ ปฎิพาน
   เรื่องพวกนี้สำคัญมากครับ มันจะทำให้เราปรับตัวได้เร็ว เอาตัวรอดเมื่อมีเหตุคับขันได้ เป็นวิชาชีวิตที่ไม่มีสอนในห้องเรียน
และวิธีที่จะเรียนสิ่งเหล่านี้ได้ก็คือ “การเดินทาง”
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 29, 2013, 03:56:32 pm
21 กรก 56
   นี่เป็นเช้าแรกในรอบหลายๆ เดือนที่ผมได้ฤกษ์ออกขี่จักรยาน คงจะเบื่อชีวิตแบบสุดขีดแล้ว แบ่งเวลาส่วนตัวไปให้คนอื่นเยอะมาก จนตัวเองไม่ได้ไปไหนเลย เช้านี้เลยจัด Day Trip สั้นๆ
   แต่งชุดเต็มยศ อันที่จริงไม่ค่อยชอบ แต่เอามาใส่เพราะให้มันได้ยืดบ้าง ได้โดนน้ำซักล้างตากแห้งบ้าง เก็บไว้นานๆ ยางยืดจะเสียเอา ทั้งกางเกง เสื้อ ผ้าคลุมหน้า ถุงมือ รองเท้า ฯลฯ
   ออกขี่แบบไม่มีแผน เลือกได้แค่ว่าจะไปซ้ายหรือขวา ถ้าเลือกซ้ายคือไปบางขุนเทียนชายทะเล ถ้าขวาก็ไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
   ผมเลือกเลี้ยวซ้ายครับ ออกจากบ้านแต่เช้า แต่ขี่ไปแป๊บเดียวก็สว่างแล้ว วันนี้ขี่แบบมีแผนในการปั่น คือจะไม่ปั่นเร็วเกินไป หรือเลือกใช้เฟืองเกียร์ที่หนักเกินไป อยากให้ร่างกายเผาไขมันให้มากที่สุด
   ขี่เร็วจัด ขี่เกียร์หนักนี่ร่างกายจะเผาคาร์โบไฮเดรตแทนนะครับ นี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมบางคนขี่มานานไม่เห็นจะผอมลง ขี่หนักไป โหดเกินไป ก็อาจจะเป็นเลิศทางด้านจักรยาน แต่ไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวม เลือกเอาครับว่าชอบแบบไหน
   หากจะต้องการขี่แบบ Burn Fat ก็ต้องใช้ความเร็วกลางๆ ครับ เร็วกว่านี้ได้ออกแรงจริง ได้ใช้พลังงานเยอะจริง กล้ามเนื้อโตใหญ่จริง แต่ Fat เท่าเดิม เผลอๆ มากกว่าเดิม ขึ้นอยู่กับว่ากินอะไรเข้าไป
   ขี่เรื่อยๆ ร้องเพลงไปด้วย เป็นการตรวจเช็คว่าเราไม่ได้ซัดจนเหนื่อยเกินไป ความเร็วตอนนี้แค่ราว 20 นิดๆ เอง เจอนักจักรยานหลายกลุ่มขี่แซงไปแบบทิ้งหาย ไม่เป็นไรครับ วัตถุประสงค์ของการขี่เราไม่เหมือนกัน
   ขี่ไปจนสุดถนน เลือกเลี้ยวซ้ายไปทาง Coffee House ไปถึงก็ตกใจครับ คนแม่งแน่นสุดๆ เท่าที่ผมเคยเจอมาก เต็มทุกโต๊ะยังไม่พอ ยังเต็มทุกเก้าอี้อีกด้วย ผมไปคนเดียวเลยทำตัวไม่ถูก เลือกเดินผ่าฝูงชนไปนังเล่นริมน้ำสัก 1 นาที วันนี้น้ำลง มองเห็นขอบตลิ่งชัดเลย
   ขี่ย้อนกลับไปทางเดิม มุ่งหน้ามหาชัย แต่ตรงไปอีกแค่ 3 กม เห็นป้ายโฆษณาข้างทางบอกมีร้านกาแฟสำหรับนักจักรยานเปิดใหม่
   หึหึ แม่งเอ๊ยย ร้านพี่แม่ง เฉยๆ มากเลย บรรยากาศก็งั้นๆ ต่างจาก Coffee House แบบคนละโลก จะดีก็ตรงที่มีอาหารนี่แหละ ร้าน Coffee House มีแค่เครื่องดื่มและแซนวิชง่ายๆ
   อากาศดี แดดไม่แรง ขี่เข้าไปดูป่าชายเลนดีกว่า ระหว่างทางเจอนักจักรยานหลายกลุ่มเลย กระดานไม้ที่หลุดหายไปหลายแผ่นมีการซ่อมแซมแล้ว แต่น่าเสียดายทีช่วงปลายกลับมีแผ่นไม้หายไปเป็นแผง จนทำให้ไม่สามารถขี่จักรยานไปได้จนสุด น่าเสียดายจริงๆ แถมตอนนี้น้ำลงอีกด้วย ภาพเลยเป็นเลนดำๆ ไม่สวยครับ อยู่แป๊บเดียว กลับดีกว่า
   ถึงตอนนี้หน้าปัดบอกระยะทางว่าผมขี่ไปแล้ว 50 กม ยังไม่ได้กินอะไรสักนิดเลย มิน่าเล่า ออกอาการหมดแรง  แต่แถวย่านนี้ไม่มีอาหารดีๆ เลยครับ สมัยก่อนผมต้องซื้อข้าวเหนียวหมูย่าง หรือไม่ก็ McDonald เอาเข้ามานั่งกินเอง แต่วันนี้หาของถูกใจไม่ได้เลย
   ขี่แบบเนือยๆ หมดแรงไปเรื่อยๆ ความคิดชั่วร้ายก็ออกมา หาทางลัดกลับบ้านดีกว่า ลัดเข้าซอยวัดหัวกระบือ ซอยเทียนทะเล 19 จะทะลุถนนตัดใหม่เส้นหนึ่ง รถยนต์วิ่งน้อย เป็นเส้นที่ผมใช้ซ้อมขี่ในช่วงปี 52
   คิดผิดจริงๆ ซอยเทียนทะเล 19 ทำถนน วางท่อระบายน้ำ ถนนขรุขระ ฝุ่นเพียบ เซ็งจิต ทนๆ ไปครับ ขี่เข้ามาแล้วนี่หว่า ผ่านวัดหัวกระบือ ช่วงด้านหลังจะไปทะลุถนนตัดใหม่ เจอร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ขี่เลยไปแล้วล่ะ หิวแต่ไม่อยากกิน กลัวไม่อร่อย แต่อีกใจก็สวมวิญญาณนักเขียนทีต้องหาข้อมูลมาแนะนำผู้อ่าน เลยตัดสินใจลองสักหน่อย
   แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำใช้น้ำมะนาว รสชาติดีเสียยิ่งกว่าร้านเจ้าประจำในตลาดน้ำบางน้ำผึ้งเสียอีก ชามละ 30 บาท ผมกินแบบแทบไม่เหลือน้ำซุป
   ติดใจครับ เก็บไว้เป็นร้านในลิสต์ เสียตรงที่ไม่มีที่จอดรถยนต์นี่แหละ
   กินแล้วมีพลังทันที ก๋วยเตี๋ยวต้มยำนี่คุณค่าครบทุกหมวดหมู่จริงๆ ใช้เส้นทางเลาะเลียบคลองแคบๆ ขี่ไปจนถึงวัดพุทธบูชา ระหว่างทางกลับบ้านแวะซื้อส้มตำ ไก่ย่าง เอาเก็บไว้กินกลางวันอีกด้วย อิอิ
   ถึงบ้านก็เหยียดยืดเส้นสักพักหนึ่ง อ่านข้อมูลในเวปจักรยานของฝรังเขาว่าการยืดเส้นจะเป็นการทำลายกล้ามเนื้อ อ้าว เราก็งงสิ สมัยก่อนบอกให้ยืดเยอะๆ มาตอนนี้บอกยืดแล้วไม่ดี แล้วกูจะเชื่อใครดี
   คิดอะไรไม่ออก เดินสายกลางแม่งเลยครับ ยืดกลางๆ พอ เอาแค่ให้พอหายเหนื่อย ร่างกายคลายความร้อนออกหมดแล้ว ค่อยไปอาบน้ำ
   ชังน้ำหนักดูภาพประทับใจ โอ้โห ลดไปทันทีเห็นๆ 1 กก
   ดีใจนิดๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไอ้ที่หายไปน่ะมันคือน้ำ เดี๋ยวสักพักกินน้ำเยอะๆ มันก็จะขึ้นมาเท่าเดิม
   อยู่บ้านแล้วก็พักยาวครับ ดูทีวี ดูปลา เล่น Uke ทำงานบ้างเล็กๆ น้อยๆ จนถึงเย็น
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 29, 2013, 04:03:30 pm
22 กรก 56
   ตื่น 0500 รีบอาบน้ำแต่งตัวลวกๆ ไปวิ่งกับภรรยาที่สวนรถไฟ ไปแบบไม่อยากไป แต่ไปเพราะอยากขับรถให้ อยากทำอะไรให้ภรรยาบ้าง แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
   ไม่อยากไปก็เพราะมาวิ่งแป๊บเดียวก็ต้องกลับมารับลูกพาไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งอีกแล้ว เสียเงินค่าทางด่วนไปกลับ 90 บาท ค่าเข้าสวนรถไฟ 10 บาท ยังไม่นับค่าน้ำมัน แถมวิ่งอยู่แค่ชั่วโมงกว่าเท่านั้นเอง
   แต่เหตุผลของภรรยาก็คือเขาชอบบรรยากาศ ชอบวิ่งในสถานที่ร่มรื่น ต้นไม้ใหญ่ โอเคครับ ชอบก็จัดไป ไม่เดือดร้อนใครนี่นา
   ออกวิ่งพร้อมๆ กัน ช่วง 1 กม แรกนี่ไม่สนุกเลย ร่างกายเก้งก้าง ยังจัดระเบียบแขนขาไม่ลงตัว พ้น 1 กม ไปแล้วค่อยยังชั่วหน่อย แต่ก็อีกนั่นแหละ แม่งเหนื่อยแทนครับ ผมไม่ได้วิ่งมาหลายปี ดีนะที่เมื่อวานไปขี่จักรยาน เลยเหมือนได้วอร์มหน่อย
   รอบละประมาณ 2.5 กม เท่ากับสวนลุมเลย ผมวิ่งไปได้รอบกว่าๆ ก็เหนื่อย เมื่อยแล้ว แถมรองเท้าวิ่งเก่าเก็บ (ของพ่อ) พื้นหลุดลุ่ยออกมาอีก เลยเอามาเป็นข้ออ้างในการหยุดวิ่ง เปลี่ยนเป็นเดินเร็วแทน
   แต่ภรรยายังคงวิ่งไม่หยุดเลย ผมเดินทางลัดมาเจอกัน เขายังขอวิ่งต่ออีกครึ่งรอบ
   สุดยอดมากเลย พื้นฐานของเขาไม่ใช่นักกีฬาเลยสักนิด หุ่นก็แบบผอมบาง ไม่ได้ออกกำลังกายประจำ จู่ๆ นึกอยากวิ่งก็วิ่งได้ถึง 6 กม กว่า เจ๋งว่ะ
   แวะซื้อขนมในตลาดด้านหน้าแล้วรีบกลับบ้านทันที มิวรออยู่ที่บ้าน วันนี้มีคิวอีกยาวไกล
   ถึงบ้านปุ๊บก็ไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งกันต่อ กินกันแบบเดิมๆ เป๊ะเลย แต่บะหมี่ที่ว่ากินเป็นประจำวันนี้ หากเทียบกับร้านเมื่อวานแล้วผมว่าร้านแถววัดหัวกระบือ (บางขุนเทียน) รสชาติอร่อยกว่าครับ
   วันนี้ซื้อของกลับมาเยอะมากเลย อาการเดิมออกอีกแล้ว ออกกำลังกายหนักแล้วอยากกินโน่นนี่เยอะแยะไปหมดเลย เมื่อวานก็กินเยอะ วันนี้เอาอีกแล้ว โถ แล้วแบบนี้จะผอมไหมล่ะนั่น
   กลับมาบ้านภรรยาอาบน้ำแล้วพาลูกไปข้างนอก วันนี้มิวมีเรียนซุปเค (ขยันสุดยอด) แล้วเขาขอไปเที่ยวสวนสนุกเด็ก Kid Zania ที่สยามพารากอนต่อ ปล่อยให้ไปกันสองคน ส่วนผมอยู่บ้านอีกตามเคย เหนื่อย เมื่อยด้วยแหละ ตลอดวันก็เดินไปเดินมา หยิบโน่นนี่เข้าปากไม่หยุด จนรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติจริงๆ ตอนไม่ได้ออกกำลังกายหนักๆ ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย
   0400 ภรรยาโทรมาบอกว่ามิวเพิ่งจะเข้า Kid Zania จะออกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่บ้านทำก๋วยเตี๋ยวไว้คงไม่ได้กินแล้วล่ะ
   เพิ่งรู้นะว่าเขาเปิดเป็นรอบ มีวันละ 2 รอบ คือ 1000 และ 0400 หากจะเข้าทุกบู๊ทด้านในเจ้าหน้าที่บอกต้องใช้เวลาถึง 3 วัน !!!
   โห เที่ยวแบบหฤโหดจริงๆ เลย
   เย็นแม่ทำก๋วยเตี๋ยวหมูกินเองที่บ้านอีกแล้ว จัดไปครับ บะหมี่แห้ง เส้นเล็กแห้ง ผมหยิบเอาเปลือกมะนาวมาเคี้ยวกินด้วย แม่ตกใจ เลยเล่าว่าผมเลียนแบบมาจากเพื่อนคนหนึ่งที่ขี่จักรยานด้วยกันตอนไปสิงคโปร์ ชื่อลุงบ็อบ อายุ 83 แข็งแรงสุดยอด ฟันในปากทุกซี่ของแกยังเป็นพันแท้
   อยู่สิงคโปร์ 5 วัน ผมเจอลุงบ็อบทุกเช้า ลุงถามผมว่ากินเนื้อไหม ว่าแล้วก็ชวนไปกินเนื้อแพะกับโรตี (อาหารอิสลาม) อร่อยมากครับ ผมเห็นคนดูแลสุขภาพเกือบทุกคนจะไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ แต่กับลุงบ็อบนี่แกพิเศษมากๆ หยิบเอาเนื้อแพะชิ้นโตมากัดเลย อารมณ์เหมือนนักรบโบราณ ลุงโหดกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ
   ลุงบ็อบเป็นต้นแบบของผมคนหนึ่งครับ อายุ 83 แล้วยังเป็นผู้นำทริปขี่ไปพนมเปญ พาชาวจักรยานเที่ยวนครวัด นครธม มีแต่ใจก็ยังไปไม่ได้ ต้องมีสุขภาพแข็งแรงอีกด้วย
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 29, 2013, 04:05:47 pm
23 กรก 56
   เดินออกกำลัง 15 นาที ขี่จักรยานต่ออีก 30 นาที วันนี้มิวหยุด แต่ร้านผมเปิด จึงไปทำงานตามปกติ ตอนกำลังจะออกจากบ้านมิวบอกขอตามไปด้วย อยากไปเล่นที่ Kid Zania อีก บอกว่ามีบัตรลด
   เมื่อวานเพิ่งไปมา วันนี้จะไปซ้ำอีกแล้วหรือนี่ อืมม ผมทำอะไรให้ลูกตั้งหลายอย่างมาแล้ว ให้อีกสักนิดจะเป็นไร เรียนเต็มที่ เล่นก็ให้มันเต็มที่ไปเล้ยยยย
   พาไป Siam Paragon นั่งรอหน้าบันได พอห้างเปิดปุ๊บต้องรีบวิ่งไปที่ Kid Zania ทันที เขาเปิด 1000 พร้อมห้าง เข้าตอนนี้มาออกอีกทีตอน 0300 เด็กเข้าเองออกเองไม่ได้ ต้องให้ผู้ใหญ่มาเซ็นชื่อรับรองทั้งตอนเข้าและออก มันก็ปลอดภัยดี แต่ลำบากผมสิต้องเดินทางไปมา
   ส่งมิวเข้าเสร็จก็นัดกันที่จุดนัดพบ ผมต้องกลับไปอยู่เฝ้าร้านขายของต่ออีก โคตรเซ็งเลย รถแม่งก็ติดสาหัส ขับกลับไป ตอนบ่ายแก่ๆ ก็ต้องขับมารับมิวที่นี่อีกแล้ว
   บ่นน้อยๆ อดทนเยอะๆ คติของผมเป็นแบบนี้ พอถึงที่ทำงานก็รีบคว้าชามไปซื้อก๋วยเตี๋ยวราดหน้ามากิน ร้านใกล้บ้าน ซื้อทีไรให้ผักเยอะ ชอบมาก
   กินอิ่มพักเดียว 0200 ก็ออกเดินทางไปสยามอีกแล้ว รถแม่งก็ติดหนักเหมือนเดิม จะขี่จักรยานไปก็ไม่สะดวก ต้องพาลูกกลับมาด้วย นี่ถ้าไปธุระเองคนเดียวก็ไม่ลังเลเลยนะ
   ยืนรอที่จุดนัดพบ ผมต้องนำเอกสารไปเบิกรับตัวเด็กออกมา เจ้าหน้าที่เขาก็ทำงานรัดกุมดีครับ ส่งผลให้ช้าหน่อย แลกกับความปลอดภัย
   มิวออกมาด้วยความหน้าชื่นตาบาน ได้ของที่ระลึกติดมือกลับมามากมาย แน่ล่ะ ค่าเข้าแม่งล่อเข้าไป 500 กว่าบาท (ลด 20%แล้ว)
Title: Re: กรก 56
Post by: O'Pern on July 29, 2013, 04:07:29 pm
24 กรก 56
   เช้านี้ขี่จักรยาน 30 นาที ขี่วันละนิดละหน่อยแบบสะสมทรัพย์ ก้นคุ้นกับเบาะหนังไปแล้ว จนไม่อยากนั่งเบาะอื่นอีกแล้ว เซ็งจิต
   ชีวิตตอนกลางวันเรียบง่ายเหมือนเช่นทุกๆ วัน อยู่ร้านขายของก็มียกแบกของบ้าง แต่ยกของหนักๆ นี่จะต้องวอร์มยืดเส้นดีๆ หน่อย หลังเราไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ต้องค่อยๆ ยกช้าๆ ห้ามออกแรงแบบหุนหัน
   กลางคืนผมทำเรื่องเหี้ยเรื่องหนึ่งครับ ผมเอาหมอนข้างฟาดหน้าลูกอย่างแรง เพราะโมโหที่เขาตะโกนร้องคำหยาบขณะสอนภาษาอังกฤษ มันไม่ได้แค่เรื่องนี้อย่างเดียวหรอกที่ทำให้ผมโมโหระเบิดอารมณ์ออกมา ก่อนหน้านั้นเขาก่อเรื่องมาก่อนแล้ว
   เรียนคุมองภาษาอังกฤษ เขามี CD มาให้ฟังและออกเสียงตาม แต่มิวไม่สนใจ ไม่ยอมฟังช่วงหลังๆ ของแต่ละบทซึ่งมันสำคัญมาก มันบอกถึงคำศัพท์ต่างๆ ผมเองก็เพิ่งรู้ว่ามันมีเนื้อหาส่วนนี้อยู่ใน CD ด้วย เคยถามลูกเขาก็บอกว่าไม่ต้องฟัง ไม่เป็นไร
   พอมาวันนี้ลองเปิดฟังดู ถึงกับอึ้ง เฮ้ย นี่มึงหลอกกูมาเป็นปีๆ เลยหรอ โมโห แต่ก็เก็บไว้ในใจ ครั้นพอสอนภาษาอังกฤษแล้วเขาไม่สนใจ แถมทำเป็นเล่น เรื่องที่ค้างคาใจก็เลยปะทุออกมา
   ไม่ได้ตีลูกมาหลายปีมากๆ ตีไปแล้วผมเองก็เสียใจที่ควบคุมอารมณ์ได้ยังไม่ดีพอ
   มิวเองก็คงจะเจ็บกายและใจ นั่งร้องไห้ตลอดเวลา สักพักก็ให้เข้านอนพร้อมเสียงสะอื้น
   ปิดไฟห้องแล้ว หลับตาแล้ว แต่ใจมันไม่หลับ มิวสะอึกสะอื้นจนเงียบเสียงหลับไป ผมแตะมือเขาเบาๆ แล้วบอกว่า “พ่อขอโทษนะลูก”
   ได้พูดขอโทษออกมาก็สบายใจขึ้นหน่อย อีกครู่หนึงก็หลับตามเขาไป
   เป็นวันที่ผมรู้สึกแย่ที่สุดวันหนึ่งของผมเลยว่ะ
Title: Re: กรก 56 24...
Post by: O'Pern on July 29, 2013, 04:10:09 pm
25 กรก 56
   ตื่นเช้ามายังคงติดใจกับเหตุการณ์เมื่อคืน เอาจักรยานออกขี่ แต่ในใจก็ประเมินพฤติกรรมของตัวเองไปด้วย จนได้ข้อสรุปออกมา
-   ผมแสดงพฤติกรรมเกรียวกราดเพราะเก็บกดที่ตัวเองโดนบังคับให้ทำงานของที่บ้าน เป็นงานที่ผมไม่ชอบเลยสักนิด
-   ผมแสดงอาการแบบนี้เฉพาะอยู่ต่อหน้าภรรยา เหมือนกับว่าจะแสดงให้เขาเห็น คืออยากให้เขาเห็นเราในด้านเหี้ยๆ ก็เลยทำเหี้ยกับลูกซะ (เหี้ยตัวจริงเลยนี่กู)
-   เก็บกดในใจมานานปี รับโทรศัพท์ก็โดนลูกค้าต่อว่า ทำอะไรที่ไม่ถูกใจก็โดนตำหนิ ก็เลยมาลงที่ลูก เพราะเราข่มเขาได้ตลอด จะดุว่าอย่างไรก็ได้ จะเรียกว่าเอาลูกเป็นที่ระบายอารมณ์ก็ไม่ผิด
-   ตัวเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เป็นโรคจิต หรือไม่ก็เข้าวัยทอง
ขี่จักรยานก็ดีตรงนี้แหละครับ สมองปลอดโปร่งก็คิดอะไรสรุปอะไรได้ง่ายและเร็ว ตอนสายก่อนออกจากบ้านก็เรียกมิวเข้ามาคุย
“เมื่อคืนที่พ่อตีลูกน่ะ พ่อขอโทษนะ”
มิวมองตาแล้วพยักหน้าหงึกๆ
“ขอพ่อกอดหน่อย”
มิวเดินเข้ามาแล้วเราก็กอดกัน กอดไว้ราว 15 วินาที พูดขอโทษที่ข้างหูเขาอีกครั้ง
คนไม่มีฟอร์มครับ ผมรู้สึกผิดก็แสดงออกมา พูดขอโทษเขาจากใจให้เขาได้ยินกับหู รู้สึกดีกว่าตอนบอกก่อนนอนตั้งเยอะ
Title: Re: กรก 56 24...
Post by: O'Pern on July 29, 2013, 04:11:36 pm
26 กรก 56
   เช้านี้ขี่จักรยานไปได้แค่ 20 นาที มันจะเข้าโหมด Burn Fat หรือยังก็ไม่รู้ ว่างแค่นี้ก็ทำมันได้แค่นี้แหละ
   วันนี้อยู่ร้านขายของจนถึงเย็น อยู่แบบเบื่อไปเรื่อยๆ ใครใช้ให้ทำอะไรก็ทำๆ ไป อย่าไปมีปากเสียง คืออย่าถาม แค่ทำไปก็พอ ดูท่าทางเจ้าของร้านจะชอบแบบนี้มากกว่า
   ออกจากร้านตอนเย็นไปรับลูกพอดี วันนี้ฝึกให้เขาเดินออกมาเองจากโรงเรียนอีกครั้ง นัดกันที่ร้านหนังสือ SE-ED ใน Big C ผมไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อย อีกแป๊บเดียวมิวก็เดินมาที่จุดนัดพบตรงเวลาเป๊ะ แจ๋วมาก
   ถึงบ้านมิวรีบทำการบ้านแล้วขอไอ้แป๊ดไปเล่น ผมโอเค ให้เล่นเฉพาะวันหยุด แต่กลางคืนไม่เล่นแล้วนะ ก่อนนอนคืนนี้มิวบอกฉายหนังเรื่อง Jurassic Park 3 โอเค จัดไป นอนดูด้วยกันพักหนึ่งก็ปิดหนัง เข้านอน
Title: Re: กรก 56 24...
Post by: O'Pern on July 29, 2013, 04:12:45 pm
27 กรก 56
   ขี่จักรยานนี่นอกจากจะออกกำลังกายแล้ว ยังสามารถสร้างจิตนาการได้เป็นอย่างดีเยี่ยมจริงๆ ตื่นเช้าหน่อยก็มีเวลาขี่ได้นาน วันนี้ได้ 30 นาที แต่ขี่ไม่เร็ว เลยไม่ได้เหงื่อมาก แต่ถ้าวันไหนตั้งใจจะคิดเรื่องอะไรล่ะก็ จะได้จิตนาการเพียบ เช้านี้เอาเรื่องเก่าๆ มาหวนคิดใหม่ ก็เรื่องงานเขียนและเรื่องราวของจักรยานนี่แหละ
   มองดูคนอื่นเขาสร้างสรรค์ผลงานกันออกมามากมาย มันล้วนเป็นไอเดียที่ผมคิดไว้แล้วทั้งนั้นเลย แต่มันได้แต่คิดไง คิดเฉยๆ ไม่ยอมลงมือทำ คนอื่นก็เอาไปทำเสียก่อนแล้ว หากเรามาทำตอนนี้ก็กลายเป็นผู้ตาม มันไม่ใช่แนวของผมเลยสักนิด
   เช้านี้ส่งลูกที่รถไฟฟ้าเหมือนเดิม เขาสนุกสนานกับการเดินทางแล้ว ผมจะขอตามไปด้วยยังบอกไม่ต้อง เขาอยากไปคนเดียว

   เข้าไปที่คอนโด โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ของ mass furniture บอกว่าเก้าอี้นั่งทำงานหนังมันเปื่อยยุ่ยเหมือนหมดอายุ ผมนึกว่าจะโทรนัดส่งซ่อมได้เลย พนักงานบอกให้ส่งภาพ และแผนที่มาทางอีเมลล์ แล้วจะนัดวันไปรับอีกที ปัดโธ่
   ช่วงนี้เข้ามาห้องพักนี่อาทิตย์ละครั้ง พบว่ากลิ่นเหม็นอับลดลงไปพอควรเลย แรกๆ ก็เหม็นพวกสีและกาว หลังๆ เหม็นจากผ้าม่าน ไอ้ผ้านี่เหม็นนานมากเลย เพราะเป็นผ้าแบบทึบแสง 100% สีขาวอีกด้วย คงจะเคลือบน้ำยาอะไรมาก็ไม่รู้
   วันนี้แดดไม่แรง แต่ก็ไม่มีลมเลย ต่างจากสัปดาห์ก่อนที่ลมพัดแรงตลอดวันเหมือนจะมีพายุเข้า เลยได้ดีเปิดแอร์ซะเลย ปกติมาอยู่ห้องนี้จะเปิดแอร์น้อยมาก เพราะส่วนใหญ่ลมจะพัดเย็นสบายดีตลอดเวลา
   อยู่ห้องเงียบๆ แบบนี้ก็ดีครับ มองวิวด้านนอกเป็นแม่น้ำอย่างสบายตา กลางวันมิวโทรมารายงานว่าเรียนช่วงเช้าเลิกแล้ว ซื้อข้าวปั้นญี่ปุ่นกินไป 1 ชิ้น ตอนบ่ายกำลังจะเข้าเรียนที่ซุปเค
   โห ขยันสุดๆ ว่ะ ไอ้ช่วงบ่ายนี่เขาขอไปเรีนยเองนะ ผมยังบอกว่าอย่าไปเลย พอแล้ว เรียนแค่เช้าก็พอ เขาบอกเขาชอบ ยืนยันจะไปเรียนให้ได้
   อีกพักใหญ่โทรมาบอกว่ากำลังจะเข้าเรียนคุมองแล้วนะ เป็นการส่งสัญญาณว่าอีกราว 2 ชม เขาจะเลิกเรียน ผมต้องกะเวลาไปรับเขาเอง
   ไปถึงจุดนัดพบก่อนเวลาราว 30 นาที เผื่อเขาจะเลิกเร็ว แต่เปล่าเลย เลิกช้ากว่ากำหนดการถึง 1 ชม ผมโทรติดต่อก็ไม่เปิดเครื่อง สุดท้ายเลยต้องเดินเข้าไปตามในห้องเรียน แต่ครูบอกว่ามิวเพิ่งจะลงไปไม่ถึง 5 นาที
   อ้าว สวนกัน รีบวิ่งไปจุดนัดพบ เห็นมิวกำลังหยิบโทรศัพท์มาโทรตามพอดี ชวนมิวกินโน่นนี่ก็บอกอิ่ม ไม่อยากกินอีกแล้ว ไม่เอาๆ จะกลับบ้านเลย
   โอเคๆ คงจะเหนื่อยและอยากพัก แต่พอขึ้นรถปุ๊บ มิวหยิบเอาข้าวปันออกมากิน อ้าว แล้วกลางวันลูกไม่ได้กินอะไรเลยหรอกหรือนี่ มิวบอกว่าอยากรีบๆ เรียนให้มันเสร็จๆ ไป ไม่ชอบกินแบบเร่งรีบ ชอบกินตอนว่างๆ สบายๆ
   ถึงบ้านพร้อมกับฝนตกหนัก มิวขอเล่นเกม จัดไปเลยลูก เรียนเต็มที่ พักก็ให้เต็มที่เช่นกัน หวังว่าการเล่นเกมคงไม่เป็นการเพิ่มความเครียดล่ะ
Title: Re: กรก 56 24...
Post by: O'Pern on July 29, 2013, 04:14:23 pm
28 กรก 56
   ตื่นเช้าสุดๆ อีกวัน ภรรยาชวนไปวิ่งออกำลังกาย เขาชอบไปสวนรถไฟ แต่บ้านเราอยู่ฝั่งธนฯ ไกลมาก วิ่งแป๊บเดียวก็ต้องกลับมารับลูกไปเรียนพิเศษอีกแล้ว ผมเลยบอกเขาว่าไปสวนธนบุรีรมย์แทนได้ไหม ใกล้บ้านหน่อย มีต้นไม้เยอะๆ เหมือนกัน
   รับปากเขาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ตื่นตี 5 ไปวิ่งกัน แต่ผมไม่มีรองเท้าวิ่ง เลยใช้เดินเร็วแทน ส่วนภรรยาฟิตโคตรๆ วิ่งไป 4 รอบ (รอบละ 1 กม)
   ขากลับแวะซื้อ “โจ๊กบางกอก” มากินกัน เอามาฝากมิวด้วย แต่พอถึงบ้านเห็นรถพ่อไม่อยู่แล้ว เห็นว่าเขาจะไปบ้านสระบุรี ผมอยากขับรถให้ แต่ไม่ได้นัดกันล่วงหน้า เลยคลาดกัน
   ภรรยาไปส่งลูกเรียนพิเศษ ส่วนผมว่างตลอดวัน ทำอะไรดีๆ เล่น Uke ร้องเพลงไปจนเมื่อยนิ้ว เดินไปเดินมา ดูปลาบ้าง แล้วก็นึกสนุก ไปร้าน Decatchlon ที่ บางนา ทาวเวอร์ดีกว่า
   เอารถ 180SX ไปครับ ค่อยๆ ขับช้าๆ ยังไปถึงก่อน 1000 เลย จอดรอหน้าตึก รอให้สิบโมงก่อน เพราะปั๊มบัตรจอดรถได้แค่ 1 ชม จอดเกินเสีย ชม ละ 20 บาท โหดจริงๆ เลย ไม่ได้เป็นตึกอยู่ในเมืองสักหน่อย
   เข้าร้านคนแรกเลย เจ้าหน้าที่ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ผมถามเขาว่าเปิดกี่โมง ได้รับคำตอบมาแบบเซ็งนิดๆ
   ร้านเปิด 0900 – 0700 ค่ะ อ้าว เปลี่ยนแล้วหรอกหรือ ผมคิดว่าเปิด 1000 เสียอีก เสียเวลาไปจอดรอหน้าตึกตั้งนาน ฮ่าๆ โง่จริงเลย
   เป็นครั้งแรกที่มาร้านนี้คนเดียวนะ ปกติจะมากับภรรยาและลูก ใครอยากได้ของใช้อะไรก็หยิบมาใส่ตระกร้าวะ วันนี้มาคนเดียวเลยเดินอยู่นาน สุดท้ายได้กระเป๋ามาใบหนึ่ง ชอบตรงดีไซน์ภายนอกเรียบๆ แต่ฟังชั่นแม่งเท่มาก คือเป็นกระเป๋าแบบสะพายข้าง แต่เปลี่ยนเป็นแบบเป้ backpack ได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที !!!
   อึ้งล่ะสิ ว่าทำได้ไง ไม่ต้องถอดออกมาปรับแต่งสายสะพายก่อนอีกด้วย ชอบๆ เลยจัดมา เพราะเป้ใบเก่าของผมใช้จนขาด เปื่อย ผุ เย็บซ่อมแล้วก็ยังไม่อยู่ เพราะผ้ามันยุ่ย
   ซื้อถุงเท้ามาอีก 2 แพ็ค คงใช้ได้ถึงช่วงปีหน้า หาถุงเท้าดีๆ ไม่เคยเจอเลยนะ มาเจอเอาที่นี่แหละครับ ราคาก็พอรับได้ 3 คู่ ราคา 160 บาท ใช้ทนดีเหมือนกัน
   
   เชียร์ “บอย” โชว์จักรยาน Trial ใน Thailand got Talent คนนี้เก่งสุดๆ ในบ้านเราแล้วล่ะ (นับเฉพาะที่ผมเคยเห็น) แต่วันนี้บอยมาแปลก มันเล่นแต่งชุดนินจา เห็นแว๊บแรกผมตกใจมาก เฮ้ย แล้วไอ้ชุดแบบนี้เอ็งจะขี่ถนัดหรือ
   เอาน่ะ ยังไงเขาก็ต้องซ้อมมาอย่างดีแล้ว แม้ชุดจะรุ่มร่ามหน่อยเขาคงจะเอาอยู่
   เปิดตัวท่าแรกโคตรเท่เลย บอยตีลังกาม้วนหน้า เอาหลังของตัวเองลงกระแทกกับลูกบอลโตๆ แบบของฟิตเนส ทำให้เด้งครบรอบกลับมาขี่ต่อ สุดยอด ประทับใจเลย แต่ไม่น่าเชื่อว่าที่เหลือหลังจากนี้บอยจะทำผิดพลาดเกือบจะทุกจุด ไม่น่าเลย
   ผมพอจะรู้สาเหตุครับ ไอ้อาการตื่นเต้น ประหม่าก็หนึ่งล่ะ แต่หนักกว่านั้นมันมากจากชุดนินจาของเขาเองที่มีหน้ากากปิดปากปิดจมูก น่าจะปิดแบบหนาเลยล่ะ ส่งผลให้เกิดการหายใจไม่ทัน
   หายใจไม่ทัน สมองก็ขาดออกซิเจน ส่งผลร้ายสุดๆ ทำอะไรก็จะไม่มีสมาธิ ตัดสินใจผิดพลาด แถมเป็นรายการสดอีกด้วย เครียดโคตรๆ เลย นี่คือข้อสันนิษฐานของผม
Title: Re: กรก 56 24...
Post by: O'Pern on July 29, 2013, 04:15:36 pm
29 กรก 56
ฝนตกแต่เช้า ออกกำลังกายไม่ได้เลยสักอย่าง เหวี่ยงแขนใต้ชายคานิดๆ หน่อยๆ     
ผมประเมินดวงของตัวเองเป็นด้วยนะ คือพอจะรู้คร่าวๆ ว่าวันนี้เราจะดีหรือไม่ดี อย่างวันนี้มีลางแต่เช้า เริ่มจากขับรถแล้วเจอไฟแดงเป็นคันแรกตลอด แถมเป็นไฟแดงที่ติดนานติดหนักเสียด้วย ไฟแดงที่แยกวงเวียนใหญ่นี่โดนไป 5 นาทีเป็นเรื่องปกติ
   ช่วงอยู่ในวงเวียนใหญ่ก็เจอรถกระบะเบียดแล้วกวนตีนหาเรื่องเลย ทั้งๆ ที่เลนของผมเป็นรถที่อยู่ในวงเวียน (หากชนกัน รถที่อยู่ในวงเวียนจะเป็นฝ่ายถูก) แต่วันนี้ดวงเราแย่ เขาเบียดมาเราก็หยุดให้เขาไปก่อนซะ จะได้ไม่มีเรื่อง
   วงเวียน ทางร่วม คอขวด หรือถนนใดๆ ที่ไม่มีเลนที่ชัดเจน เราทุกคนล้วนเป็นฝ่ายเบียดและฝ่ายถูกเบียดตลอดเวลาแหละครับ มันอยู่ที่ว่าทิศทางของรถใครจะอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ อย่ามาคิดโมโหโกรธกันในเรื่องเล็กๆ น้อย เลย ชีวิตมีอะไรให้คิดอีกเยอะ วิธีเลี่ยงการมีเรื่องแบบง่ายๆ ก็คือหลีกเลี่ยงการสบตา
   คือไม่สนใจเลย ผ่านไปเลย จนมาเล่นใน diary นี้อีกครั้ง ผมยังจำรถคันนั้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป ทั้งๆ ที่พฤติกรรมแม่งกวนตีนจริงๆ
   ตอนอยู่ที่ทำงานก็ไม่มีอะไร เรียบง่าย เฉยๆ ยกของบ้าง จัดของ แบกของบ้าง ยามว่างเปิดเช็คข่าวใน facebook เจอภาพอุบัติเหตุชนกันจังๆ 2 ฉาก เห็นแล้วสยองโคตรๆ ดูแล้วไม่อยากขับรถเลย เรียกภรรยามาดูด้วยกัน แล้วเตือนให้เขาระวังด้วย
พอบ่ายเข้ามาบ้าน ขึ้นรถปุ๊บก็เจออีกแล้ว ขับรถผ่านแยกคลองสาน ขับก็ไม่เร็วอะไรเลย แค่ 40-50 ตามหลังรถกระบะหลังคาสูงอยู่เลนขวามาเรื่อยๆ มองไปข้างหน้าก็เป็นไฟเขียว แต่จู่ๆ กระบะก็เบรกจนรถหยุดเหมือนตัวเองจะเลี้ยวขวาแต่ไม่ได้เปิดไฟ
   ตกใจสิ รีบเหซ้าย (แต่มองดูรถก่อนแล้วนะว่าว่าง) พอตบซ้ายได้ เราก็กดคันเร่งส่ง
   เฮ้ยย ไอ้ฉิบหาย เด็กนักเรียนพานิชกลุ่มเบ้อเริ่มพากันวิ่งข้ามถนน เขาไม่ผิดหรอกนะที่ข้ามทางม้าลาย แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าทางรถยนต์เขาได้รับสัญญาณไฟเขียว
   ผลก็คือผมเร่งรถผ่านเฉียดกลุ่มนักเรียนไปหน่อยเดียว เล่าซ้ำแล้วแม่งยังขนลุกอยู่เลย นึกถึงภาพรวมอุบัติเหตุใน facebook ที่เพิ่งเปิดให้ภรรยาดูเป็นเครื่องเตือนใจ
   ผมขับช้ามาตลอดนะ แต่ผ่านถนนเจริญนครที่ไม่กี่ปีมานี้มันเติบโตเร็วมาก มีคอนโดขึ้นเต็มไปหมด อีกหน่อยถนนนี้จะต้องรถติด และวุ่นวายเป็นที่สุดอีกเส้นหนึ่ง
   Asiatique ก็จะมาเปิดที่ฝั่งธนฯด้วย อยู่ตรงข้ามกับของเดิมนั่นแหละ แถมใหญ่โตขนาดทำเคเบิ้ลเป็นะพานข้าม โคตรเท่เลย ใครๆ ก็ต้องอยากนั่งแน่ๆ
   จังหวะมองที่ตั้งของ Asiatique แค่ผมเหลือบตานิดเดียว แค่วินาทีเดียวเองมั้ง รถคันข้างหน้าเบรกกะทันหันอีกแล้ว รถคันหน้าเขาอีกทีจะเลี่ยวขวา แต่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ผลก็คือเบรกกะทันหัน ดอกนี้ผมโครตตกใจเลย เบนรถหลบไม่ทัน กดเบรกตามเขาไป ดีที่มาไม่เร็ว ไม่ชนท้าย
   อูยย เจอหนักๆ ห่างกันแค่ไม่กี่นาที เสียวจริงๆ ครับ ขับช้า ๆย่องๆ ตลอดทางจนถึงบ้าน
พรุ่งนี้ Mazda พาสื่อมวลชนไปทดสอบรถรุ่น CX-5 กันถึงประเทศ New Zealand หึหึ โคตรอิจฉาเลยครับ นี่หากยังทำหนังสือ Racing Club อยู่ผมไม่พลาดแน่ๆ ประเทศสวยๆ กับรถ Crossover สุดเฉียบแบบนี้
Title: Re: กรก 56 24...
Post by: O'Pern on July 31, 2013, 03:48:05 pm
30 กรก 56
   ฝนตกอีกแล้ว ไม่ได้ขี่จักรยานเลย เดินออกกำลังกายก็ได้แค่เหวี่ยงแขนขา ไม่ได้ออกกำลังสมองแม้แต่น้อย
ข่าวฮอทช่วงนี้ก็คือเรื่องน้ำมันดิบรั่วในทะเล และพัดพาไปสู่เกาะเสม็ด อ้าว ไหนว่าไทยเราต้องนำเข้าน้ำมันไงพี่ หลอกกันซึ่งๆ หน้า หลักฐานจะๆ ขนาดนี้ยังจะโกหกเอาไว้แดกกันเองอีก
   ราว 3-4 ปีก่อน มีหมอดูคนหนึ่ง ปัจจุบันเลิกทำนายไปแล้ว ผมฟังเขาดูดวงประเทศ เขาบอกว่าอีกสัก 2 ปี ประเทศไทยเราจะมีข่าวดีมากๆ มากชนิดที่แบบสามารถกู้ประเทศได้เลย (ยุคนั้นเราเพิ่งจะปลดหนี้ IMF) นักข่าวก็ถามว่าข่าวดีคืออะไร แล้วแต่ละคนก็เดากันไปคนละทาง ถามซักไซ้มากเข้า หมอดูเลยบอกใบ้ทำนองว่า มันคือขุมทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาล มันอยู่ในไทยเราตั้งนานแล้ว แต่เราไม่รู้เรื่องกันเอง
   ตอนนั้นนักข่าวแม่งเดาไปเป็นพวกขุมทองที่เมืองกาญจน์โน่นเลย วันนี้มาเฉลยแล้วครับว่ามันคือน้ำมันดิบที่มีกระจายอยู่แทบทุกภาคทั่วไทย
   ทุกภาคครับ ไม่ใช่แค่ในทะเล
   แต่ในทะเลคนไม่เห็นไง ก็เลยหลอกกันง่าย น่าเสียดายที่เราได้ผู้นำแบบเห็นแก่ตัว แทนที่ประเทศจะร่ำรวยแบบบรูไน เราเลยกลายเป็นจนเท่าเดิม ส่วนหัวโจกผู้มีข้อมูลก็บริหารจัดการกันเอง กินกันเอง แบ่งกันเอง ในรูปแบบของบริษัทมหาชน
   
   เหนือ อีสาน และตะวันออกเจอฝนหนัก มีน้ำท่วมหลายจุด พวกที่อยู่ริมเชิงเขาก็โดนดินโคลนถล่ม น่าเห็นใจครับ แต่มันก็เป็นไปตามธรรมชาติ ใครอยู่ในจุดเสี่ยงก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังเอาไว้ด้วย
   กทม มีแต่ฝนปรอยครับ อย่างเมื่อเช้าก็มี กลางคืนนี้ก็ลงทุกคืน บ่ายๆ เย็นๆ นี่เอาแล้ว เริ่มมืดครึ้มแล้ว คนเมืองบ่นแค่รถติด แต่คนต่างจังหวัดฝนมันสามารถพลิกชีวิตเขาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม
Title: Re: กรก 56 24...
Post by: O'Pern on July 31, 2013, 03:58:21 pm
31 กรก 56
   ฝนตกยามเช้าอีกแล้ว ตกทุกวันเลย ทำได้แค่กายบริหารและเดินไปเดินมาในร่ม
   คราบน้ำมันที่ ปตท ทำรั่วลอยมาเต็มอ่าวพร้าวที่เกาะเสม็ด และกำลังจะเคลื่อนตัวไปทางบ้านเพ สวนสน ก็คงจะไปทางตะวันออกเรื่อยๆ อย่าว่าผมเว่อร์นะ ถึงตอนนี้หาดแม่พิม อ่าวไข่ อ่าวมะขามป้อม เกาะมันนอก เกาะมันกลาง เกาะมันไน ไปจนถึงจันทบุรี ก็ต้องเตรียมตัวครับ
   เตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์เอาไว้ ดักมันก่อนที่มันจะขึ้นฝั่ง ถ้ามันมาจริงเราก็ตั้งรับทัน แต่ถ้ามันมาไม่ถึง ก็ถือเสียว่าเป็นการซ้อมใหญ่
   วันนี้มิวมีสอบภาษาอังกฤษ เขาไม่ชอบวิชานี้เลย แน่ล่ะ ก็เลยอ่อนวิชานี้มากที่สุด ให้กำลังใจเขาก่อนไปโรงเรียน บอกให้ตั้งใจมากๆ ต้องยอมสู้เพื่อสักวันฝันของเราจะได้สำเร็จ ถึงวันนั้นแล้วหากเรานึกย้อนหลังก็จะรู้สึกภูมิใจ คุ้มค่ากับการที่อดทนมานาน
   
พร้อมกับยกตัวอย่างชีวิตที่ล้มเหลวของตัวผมเองให้เขาเห็น ฟังนะลูก
   สิ่งที่พ่อทำได้ดีที่สุดในชีวิตก็คือการขับรถยนต์ พ่อขับรถยนต์เป็นด้วยตัวเองตั้งแต่อายุ 14 ขับวันละนิดละหน่อยจนอายุ 16 ก็เรียกว่าขับได้คล่อง คำว่าคล่องก็คือ สามารถถอยจอดเข้าซองแคบๆ หรือจอดขนานได้ภายในเกียร์เดียว (เข้าเกียร์ถอยครั้งเดียว ถอยได้เข้าที่เป๊ะ) ดึงเบรกมือกลับรถบนถนน ถอยหลังหมุนรถ 180 แบบ J Turn เข้าเกียร์ 1 ไว้แล้วสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องเหยียบคลัตช์ก็ยังทำได้
   นี่คือตั้งแต่แค่อายุ 16 นะ พออายุ 18 ได้ขับรถอย่างเป็นทางการ ได้ขับทุกวัน ก็มาฝึกอีกระดับเป็นพวกเทคนิคในการแข่งขัน เช่น Heel & Toe / Rev Match Downshift / Left Foot Braking / No Clutch Shift อะไรพวกนี้
   มิวฟังคงไม่เข้าใจ ก็เลยยกตัวอย่างฉากที่ทาคุมิขับแข่ง เขาร้องอ๋อ
   มิวรู้ใช่ไหมว่าพ่อเคยทำ Racing Club ตั้งแต่ลูกยังไม่เกิด
   รู้ครับ
   รู้ใช่ไหมว่ามันเจ๊งไปแล้ว
   รู้ครับ
   ทำไมพ่อปล่อยให้มันเจ๊งล่ะ
   ไม่รู้ครับ
   ก็กระทั่งพ่อ แม่ ตัวเองยังไม่สนับสนุนเลย พ่อไปขอความช่วยเหลือก็ไม่มีใครสนใจ ไม่ช่วยแถมยังกีดกันอีก สิบกว่าปีก่อนโน้นเบียร์สิงห์นำเข้าเบียร์ยี่ห้อ Miller มา เขาทำทีมแข่งรถ แล้วมีงานหนึงเขาขาดนักแข่ง เจ้าของทีมเลยมาเรียกพ่อ แต่ติดต่อผ่านมาทางอากงอีกที (พ่อของผมเอง)
   อากงไม่เห็นมาบอกพ่อสักคำ พ่อไปเจอคุณอาคนนั้นในอีกหลายปีต่อมา เขายังต่อว่าๆ โอกาสมาถึงแล้วปฎิเสธทำไม
   โอกาสอะไรหรือครับ
   อ้าว มึงไม่รู้หรอ กูหานักแข่งมาขับรถ Miller อยู่ นักแข่งตัวจริงไปแข่งให้ทีมเบียร์สิงห์ เจองานแข่งชนกัน รถก็เลยว่างอยู่คันหนึ่ง ถึงเรียกให้มึงมาขับให้ไง
   แล้วนี่มึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรอ
   เงิบแดก !!!! ผมไม่รู้เรื่องเหี้ยนี่เลยสักนิดจนกระทั่งวันนี้ (นานมากแล้ว แต่จำได้ฝังใจ)
   พ่อแท้ๆ ของกูเอง ยังคอยกีดกัน แล้วจะมีใครหน้าไหนในโลกนี้มาช่วยกูอีกวะนี่
   
   หลัง Racing Club เจ๊งไปพักหนึ่ง พ่อก็เริ่มต้นผลิตทำหนังสือภาค 2 เร่งทำงานเขียนเก็บสต็อคเอาไว้ ทำได้อยู่พักหนึ่ง อาม่า (แม่ของผมเอง) ก็มารื้อห้อง เก็บเอากองเอกสารไปทิ้ง บอกว่ารก เกะกะบ้าน
   เงิบแดกอีกครั้ง คราวนี้แม่เป็นจนจัดให้ จำฝังใจ ขอบคุณครับ
   แต่อาท่าไม่ได้จัดให้พ่อครั้งเดียว ถัดมาอีกหลายปี พ่อฟอร์มทีมทำ Racing Club อีกครั้ง คราวนี้วางแผนทำสต็อคเก็บไว้ล่วงหน้า 3 เล่ม ทำเป็นนิตยสารเพื่อการทดสอบรถ และเพื่อ Car Club ต่างๆ ให้พวกเขามีพื้นที่ในการใช้สื่อ ผลก็คือ Car Club ต่างๆ จะมีพลังมากขึ้น ต่อกรกับพวกบริษัทรถที่ชอบเอาเปรียบได้
   ราว 5 ปีที่แล้วเองมั้ง อาม่าก็มาจัดแจงกับห้องของพ่ออีกครั้ง คราวนี้ข้าวของเยอะ ถึงขั้นเอารถกระบะคนงานมาใส่ ขนเอกสารของพ่อไปทิ้งเป็นลังๆ เอาไปขายของเก่าได้ กก ละ 3 บาท !!!
   พ่อกลับมาถึงบ้าน เห็นห้องทำงานว่างเปล่า โล่งเหลือแค่โต๊ะ
   เฮ้ยย เหี้ย งานของกู !!!
   รีบขับรถพร้อมกับคราบน้ำตาไปยังร้านขายของเก่า เจ้าของร้านงง บอกว่าให้ไปคุ้ยดูแถวในกองนั้น โบ้ยมือชี้ไปส่งๆ พ่อปีนป่ายกองกระดาษมหึมา หาอยู่ 30 นาที ไม่เจอกระทั่งซาก
   ขึ้นรถขับกลับบ้าน ร้องไห้ในรถตอนขับคนเดียว แหกปากตะโกนโวยวาย แต่พอถึงบ้านก็ทำตัวปกติ
   มันคงเป็นพรอันประเสริฐที่พ่อแม่มอบให้แก่เรา เราต้องรับไว้ ไม่ต้องปริปากบ่น
   
   ถึงตรงนี้ลูกเข้าใจหรือยังว่าทำไมพ่อถึงไม่ชอบธุรกิจที่บ้านเราทำอยู่
   เข้าใจหรือยังว่าทำไมพ่อไม่อยากทำงานที่บ้าน
   
   ฝันของพ่อมันพังทลายไปหมดแล้ว อายุที่มากขึ้น มันทำให้ความกล้า ความใจถึงของเราลดน้อยลงไปมาก
   ส่วนลูก ลูกมีพ่อฝันเป็นเพื่อน พ่อหาข้อมูลมาให้ทุกอย่าง ฝันอยากเป็นนักบิน จะต้องเรียนอะไร ต่อด้วยอะไร เดินทางไหน พ่อแนะนำตลอด ตราบใดที่ลูกยังคงมีฝัน เราจะฝันไปด้วยกัน นับจากนี้ ฝันของลูกก็คือฝันของพ่อ เจ้าไม่ได้ฝันเองคนเดียวเหมือนกับที่พ่อเคยคิดฝันอยากเป็นนักทดสอบรถอันดับหนึ่ง
   
   คุยเรื่องชีวิตย้อนอดีตมาถึงโรงเรียนเขาพอดี
   “วันนี้ลูกไม่ใช่แค่ทำสอบนะ”
   มิวหันหน้ามามอง
   “จงไปทำความฝันของลูกซะ”