racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on March 04, 2013, 02:37:03 pm

Title: มีค 56
Post by: O'Pern on March 04, 2013, 02:37:03 pm
1 มีค 56
   อ่านเจอเกร็ดการพัฒนาสมองโดย “หนูดี” วนิษา มีทั้งหมด 9 ข้อ อ่านแล้วตกใจมาก เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมปฏิบัติมาตลอดอยู่แล้วถึง 8 ข้อ เหลือข้อเดียวที่ไม่ได้ทำ นั่นคือการนั่งสมาธิ แต่ผมใช้ทำสมาธิตอนขี่จักรยานแทน ไม่รู้แทนกันได้ไหม
   ก็ดีใจครับที่เรามาถูกทางแล้ว อ่านหนังสือหลายอย่างหลายแนวมาก บ่อยเลยนะที่อ่านแล้วพบว่ามันล้วนเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอดอยู่แล้วนี่นา ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพวก How to หนังสือจิตวิทยา หรือพวกคำชวนคิด คำคม ฯลฯ
   ผมไม่ใช่มาตรฐานของผู้ชายทั่วไป ความคิดความเห็นหรือการกระทำหลายอย่างตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่ ตอนวัยรุ่นก็แตกต่างแล้ว ตอนโตมานี่ยิ่งแตกต่างเข้าไปใหญ่ ไม่ได้แกล้งทำตัวเด่นให้แปลกหรือแตกต่างนะ แต่เป็นเพราะชีวิตผมมีเป้าหมายไง เรารู้ว่าเป้านั้นคืออะไร ทีนี้เราก็ดำเนินชีวิตเราได้ถูกทาง เสมือนมีเข็มทิศ
   นับว่าโชคดีของมิว ที่เขาเองก็มีเข็มทิศแล้ว เจ๋งกว่าผมเยอะ เพราะเขารู้ความฝันของตัวเองตั้งแต่ 5 ขวบ เร็วกว่าผมเกือบ 20 ปี !!!
   เป้าของมิวคือนักบินครับ ส่วนเป้าของผมคือนักทดสอบรถยนต์อันดับ 1 ของไทย
   เป้าของมิวเริ่มชัดเจนมากขึ้นทุกที ในขณะเดียวกันเป้าของผมมันเลือนลางไปทุกที
   ไม่เป็นไร แม้ผมจะทิ้งร้างวงการรถยนต์ไปนานมาก แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสขับรถ ไม่ว่าของใคร ผมรู้สึกเหมือนกำลังขับรถยนต์ทดสอบเสมอ 
   ที่บ้านมีหนูตายอยู่บนฝ้าเพดาน กลางวันอากาศร้อนยิ่งได้กลิ่นแรง หาทางเอามันลงมาไม่ได้ครับ อยู่ไกลจากช่องเซอร์วิสที่เจาะไว้ ทำได้แค่โยนลูกเหม็นเข้าไปเยอะๆ เปิดบ้านให้ลมพัดระบาย
   กลางคืนปิดบ้าน เหม็นฉิบเป๋งเลย

* ภาพลูกเห็บตกที่เชียงรายเมื่อเดือนก่อน
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 04, 2013, 02:38:57 pm
2 มีค 56
   เช้าวันเสาร์อีกแล้ว ตอนแรกมิวบอกจะอยู่บ้าน แต่ไปๆ มาๆ พอผมอาบน้ำเตรียมตัวเสร็จกำลังจะออกจากบ้าน มิวร้องตะโกนบอก รอด้วยๆ ขอออกไปกับพ่อด้วย เหตุผลก็คือไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว มันเหงา ไม่มีเพื่อนคุยเล่น (แน่ล่ะ ไม่มีไอ้แพดด้วย)
   ผมเลี้ยงเขาเองกับมืออย่างใกล้ชิดตั้งแต่เกิด มันคือความผูกพัน ผมไปไหนมาไหนก็จะพาเขาไปด้วยเสมอ พอวันนี้ให้เขาอิสระอยู่บ้าน กลับอยากตามผมออกไปที่ร้านขายของด้วย
   บ่ายไปเรียนคุมอง เสร็จแล้วให้เขาโหลดเกมใส่ไอ้แพดเล่นเป็นรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ต้องคอยพร่ำสอนบ่อยๆ นะครับว่า เราเล่นเกมเพื่อผ่อนคลาย ไม่ได้เล่นเพื่อจะเอาชนะ จะเอารางวัล ไม่ต้องเก่งเป็นเทพของเกม แบบนั้นคือเกมมันเล่นเราให้เข้าแล้ว
   จะสอนเขาได้ ตัวพ่อแม่ก็ต้องไม่ติดเกมเสียเองล่ะ
   กลับมาบ้านก็เป็นเวลาเกมของเขา นั่งเล่นอยู่ในห้องทำงานผมด้วยกันนี่แหละครับ ผมเองช่วงนี้มึนๆ กับเรื่องหนังสือจักรยาน แผนที่ตัวเองวางไว้แต่ยังไม่ได้ทำ ก็มีคนอื่นเอาไปทำก่อนเสียแล้ว หนังสือวางแผงก็มี a day มี crank สองรายนี้ทำหนังสือได้ดี สวย เห็นแล้วแทบท้อใจ เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีความสามารถจะขายหน้าโฆษณาได้เหมือนพวกเขา หนังสือแจกฟรีก็มีแล้ว แต่อันนี้ผมยังไม่เคยอ่าน เขาบอกให้ส่งซองเปล่าจ่าหน้าซองถึงตัวเองติดสแตมป์ 9 บาท ไปให้เขา ผมไม่สะดวกนะ คือขี้เกียจไปไปรษณีย์ มันจอดรถไม่สะดวก
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 04, 2013, 02:41:50 pm
3 มีค 56
   วันแห่งการรอคอย คนกรุงสวนมวยแม้ว อัดพรรคเพื่อไทยเสียหงายหลัง
   ออกกำลังกายตอนเช้าเล็กน้อย เกือบแปดโมงขับรถไปเลือกตั้งที่โรงเรียนสวนกุหลาบ ไปถึงก็ตกใจ คนเยอะมาก แอบจอดรถริมถนนหน้าโรงเรียนเหมือนคนอื่นๆ เขา พอเดินเข้าไปก็ยิ่งตกใจ พ่อแม่พาเด็กนักเรียนมาเยอะเลย อ้อ วันนี้เขามีประชุมนักเรียนใหม่ ม1 และ ม4
   ใช้สิทธิ์เสร็จยังไม่กลับบ้านสิ นานๆ มีโอกาสเข้ามาโรงเรียน เลยเดินเล่นรอบหนึ่ง และหยุดนั่งพักระลึกถึงอดีตสมัยมัธยมที่ตัวเองเคยใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้หลายปี ไปนั่งบนอัฒจรรย์ก็นึกถึงตอนเชียร์บอล นั่งริมสนามบาสก็นึกถึงตอนเล่นบาส เดินผ่านโรงอาหารนึกถึงตอนกลางวันที่พวกเรานั่งกินข้าวด้วยกัน ทุกที่ ทุกย่างก้าว มันคือความทรงจำ ตอนเด็กสมัยเรียนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรสักนิด เด็กนักเรียนมันก็แค่เรียนผ่านไปวันๆ ต้องให้มันจบออกมาแล้วนี่แหละ มันถึงจะคิด
   ตอนสายๆ ไปที่ลานพระบรมรูปทรงม้า วันนี้สมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทยเขาจัดงานขี่ไปสังขละบุรีกัน เด่นตรงที่มีกลุ่ม Bike Aid จากสิงคโปร์มาแจมราว 20 คัน แน่ล่ะ เพื่อนผมมาด้วยหลายคน สองวันก่อนพวกเขามาไทย โทรมาหาผม บอกเซอร์ไพร์ส วันนี้ผมเลยเอาบ้าง
   “โธ่ จะมาก็ไม่บอก จะได้เอาน้ำหอมติดมาให้ด้วย” เจนพูดขึ้นมา อ้าว ไม่เซอร์ไพร์สแถมโดนดุอีกแน่ะ
   “เจอใครบ้างหรือยัง โน่นไง หมิง” เจนชีไปทางหมิง หนุ่มคนนี้นั่งคุยกับผมอยู่นานตอนที่นั่งเล่นริมหาดในเกาะเซ็นโตซา
   “เฮ้ย โอเปิ้น ทำไมขาวอย่างนี้” หมิงร้องเอ่ยทัก ผมยกมือไหว้สวัสดี ตามด้วยจับมือแบบฝรั่ง “ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะหมิง” ผมพูด
   “โน่นไงอาลี” หมิงส่งต่อไปยังอาลี นักจักรยานทัวริ่งชาวสิงคโปร์ เชื้อสายมาเล ผิวเข้มมาก ไม่บอกไม่รู้ว่าเป็นสิงคโปร์ คิดว่าเป็นอินเดีย
   ไหว้และจับมือกับอาลี คนนี้คุ้นหน้า แต่ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน ก็ตอนขี่มันต่างคนต่างขี่นี่หว่า ผมจะสนิทก็ต่อเมื่อตอนหยุดพักแล้วได้คุยกันนี่แหละ
   งานนี้นำทีมโดยน้าหมี พี่หลิน และมีพี่ๆ ขับรถเซอร์วิสตามกันไปถึง 3 คัน ผมเองก็สองจิตสองใจนะ ไอเดียแรกอยากจะขับรถยนต์ไปจอดที่กาญจนบุรีดักหน้าไว้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยเผยตัว แต่ในที่สุดก็เปลี่ยนใจ เพราะหากผมไป งานที่ร้านก็ไม่มีใครช่วย
   ผมส่งจนกลุ่มใหญ่เขาออกเดินทาง ผมเดินสำรวจพื้นที่ทันที เพราะมักจะมีคนทำข้าวของตกหล่น แต่งานนี้มีแต่มืออาชีพ ไม่มีใครลืมของไว้สักคน เยี่ยมจริงๆ
   วันนี้ขับรถพ่อคันใหม่ไปครับ เลยไปจอดไกลๆ ผู้คน ไม่รู้สิ ไม่อยากให้ใครเห็นรถที่เราขับมา พอขึ้นรถได้ก็ทดลองฟังชั้นที่ไม่ค่อยได้ใช้ เช่นระบบบลูทูธ กดเสิร์ชหารายชือ เจอรุ่นน้องชื่อตุ๊ก คนนี้สนิทมาก รู้จักกันที่ทริปวังน้ำเขียว ผมเป็นบัดดี้ขี่ประกบกับเขา ตอนแรกคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไม่มีแรงขี่ แต่เปล่า โคตรแกร่งเลย
   หลังจากนั้นก็เจอตุ๊กตามงานต่างๆ บ้าง หลังๆ ผมขี่เดี่ยวตลอด ไม่ได้เข้ากลุ่มใด เลยไม่ได้เจอกันเกือบปีละ ตุ๊กได้ยินเสียงผมแล้วเขาจำไม่ได้ ต้องแนะนำตัวถึงร้องอ๋อเสียงดังออกมา
   คุยอัปเดทชีวิตกันพักใหญ่ก็วางสาย ตุ๊กต้องเดินทางไปมาเลเซียพรุ่งนี้ เลยฝากเก็บแผนที่แบบแจกฟรีมาให้หน่อย ปีหน้าผมมีแผนจะจัดไปคาเมรอน มาเลเซีย
   กลับมาบ้านแบบรถติดสุดๆ เปิดทีวีก็มีข่าวแบบเดียวกันหมด ลุ้นเลือกตั้งจนถึงเย็น แล้วคนกรุงก็ได้เฮ เบอร์ 16 ชนะพรรคมาร หลายคนเลือกเบอร์ 16 ทั้งๆ ที่ไม่ได้ชอบสักนิด ผมเองชอบสุหฤทแต่ก็ต้องมากาให้เบอร์ 16 เป็นการเลือกตั้งที่แปลกประหลาดมาก
   แล้วพอหัวค่ำก็ได้ข่าวดีจากเฟซบุ๊คสุขุมพันธ์ เขาบอกจะเชิญสุหฤทมาร่วมงานด้วย
   บ๊ะ สุดยอดๆ ๆ ๆ แบบนี้สิถึงเรียกว่าไม่เสียแรง
   คืนนี้นอนฝันดีแล้วล่ะ
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 06, 2013, 01:32:34 pm
4 มีค 56
   เดินออกกำลังกายยามเช้า เดินหน้าเดินถอยหลัง แกว่งแขนไปด้วย วันนี้เพิ่มกระโดดเชือกเข้าไปอีก โคตรเหนื่อยเลย ช่วงนี้น้ำหนักลดลงมาทีละนิดๆ ค่อยมีกำลังใจหน่อย
   วันนี้อุณหภูมิลดลงฮวบเดียว 10C จากกลางวัน 35 ลดเหลือ 25 ขำขำ คนไม่แข็งแรงก็ไม่สบายไปตามระเบียบ ให้มิวอัดวิตามิน C 1000mg ก่อนไปโรงเรียน
   อากาศเย็นแบบหน้าหนาวเลยครับ รู้สึกดีมาก ท่ามกลางอากาศร้อนจัดมากๆ มีวันแบบนี้สักวันเสียบเข้ามาก็พอชุ่มใจบ้าง มีฝนมาพร้อมอากาศเย็นครับ ตกปรอยๆ เป็นช่วงๆ ไม่ได้ตกหนักอะไร เป็นวันที่ดูสดใสดี
   เย็นไปรับมิว นั่งดูเขาเล่นบาส ยังคงเก้ๆ กังๆ ไม่ค่อยคล่อง ยังต้องฝึกอีกเยอะ
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 06, 2013, 01:33:35 pm
5 มีค 56
   เดินแบบเดิม เพิ่มจังหวะการโดดเชือกถอยหลังเข้าไปอีก ไม่ยากมากครับ พอทำได้
   อากาศหนาวเย็นหายวับไปทันที เหลือไอจางๆ ตอนเช้า ใครตื่นเช้าก็คงสัมผัสได้หน่อยๆ พอสายแดดออกก็เลิกกันเลย ร้อนจัดทันที
   กลางวันกินส้มลูกเล็กๆ ไป 3 ผล ที่บ้านยังมีขนมจุบจิบอยู่อีกมากเลย ไม่กล้ากินเยอะ กินวันละนิดละหน่อยแบบสะสมทรัพย์ ช่วงนี้น้ำหนักลง พอจัดได้บ้าง แต่อย่าชล่าใจเชียว
   เย็นไปรับมิวตามปกติ พี่มด ผู้ปกครองที่ชอบชวนไปทำกิจกรรม วันนี้ชวนไปเล่นเรือใบ บ๊ะ แจ๋วสิครับ มีหรือจะพลาดได้ มิวต้องชอบแน่ๆ เลย
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 07, 2013, 02:51:02 pm
6 มีค 56
   เดินออกกำลังกายแถมกระโดดเชือกอีก 3 เซ็ท เหนื่อยกว่าขี่จักรยานไม่รู้กี่เท่า เหงื่อออกเพียบ    
   กลางวันไปสำนักงานเขต ไปขอเอกสารยืนยันว่าตัวเองเป็นพ่อของลูกและอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศได้
   งงครับ ไม่รู้ว่าต้องใช้เอกสารแบบนี้ประกอบการขอวีซ่าด้วย พอสอบถามเข้าก็ได้ใจความว่า เพราะว่าเด็กไม่ได้เดินทางไปกับพ่อแม่ของตัวเอง เกรงว่าจะมีการนำเด็กออกนอกประเทศ ทำนองว่าป้องกันการค้ามนุษย์
   จัดไปครับ เอกสารแม่งเพียบจริงๆ ไปทำที่ฝ่ายปกครอง ขนาดไม่ต้องรอคิว ยังใช้เวลาราว 30 นาที นึกไม่ออกเหมือนกันว่าตอนมีคิวจะคอยกันนานขนาดไหน
   ยังไม่พอนะ ต้องมีเอกสารจากโรงเรียนรับรองว่าคนๆ นี้เป็นนักเรียนอยู่ที่สถาบันแห่งนี้จริงอีกด้วย
   ทั้งหมดมานี้ไม่ต้องใช้เลย ถ้าลูกเดินทางกับพ่อแม่ จบ
   วันนี้มิวมีสอบ LAS ย่อจากอะไรก็ไม่รู้ แต่เป็นการสอบของกระทรวง สอบเด็ก ป2 และ ป5 แปลกที่น่าจะเรียกภาษาไทย หรืออยากเท่นักหรอ เช่นเรียก DSI / O-net / Entrance / Tutor / Gifted / ฯลฯ
   เฮ้ยยย อยู่ไทย ก็ใช้ภาษาไทยไปสิครับ จะย่อไทยๆ ก็ได้ เด็กจะได้เข้าใจไปด้วย แปลกมากๆ ที่ผู้ใหญ่คิดทำสิ่งพวกนี้ออกมา ถ้าเป็นเด็กคิด เด็กทำ จะไม่ว่ามันเลย
   ให้กำลังใจลูกก่อนลงจากรถ สอนให้เติมพลังสมองด้วยการจิบน้ำบ่อยๆ สูดลมหายใจลึกๆ คิดถึงเป้าหมายในชีวิตของเรา ทำสมาธิก่อนเข้าสอบ ฯลฯ
   
   เย็นแวะร้านขายอาหารปลา เอาอาหารปลาไปเปลี่ยน ที่ซื้อมาล่าสุดเม็ดมันใหญ่เกินปากปลา เห็นมันกินแล้วสงสาร ทุกวันนี้ค่าอาหารปลาเปลืองมากกว่าเดิมเยอะ ถุงละ 200 นี่ใช้ได้ไม่ถึง 7 วัน จากเดิมอยู่ได้เป็นเดือนจนลืม เลยต้องสลับใช้อาหารเกรดปานกลางบ้าง
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 08, 2013, 02:41:38 pm
7 มีค 56
   วันนี้ตื่นสาย ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเลย เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย นั่งคิดถึงเรื่องอนาคตในการเรียนของมิว
   ทั้งนี้ก็เพราะว่าเมื่อวานเขานั่งเล่นอยู่กับเพื่อนจนถึง 0700 กลับเป็นคนสุดท้ายของโรงเรียน เดินออกมา ผมเห็นเครื่องบินบนท้องฟ้า เลยพูดเล่นๆ
   “มิวนั่นเครื่องอะไรหรือ” พูดพร้อมกับชี้เครื่องบินบนท้องฟ้า ซึ่งมันอยู่สูงมาก มองไม่เห็นอะไรสักนิด มีแต่ไฟกระพริบแว๊บๆ เหมือนหิ่งห้อย
   มิวมองดูตามที่ผมชี้ คิดสักครู่หนึ่ง แล้วเขาตอบว่า
   “Boeing 737 ครับ”
   !!! เฮ้ย มึงมั่ว มึงมั่วแน่ๆ ผมคิดในใจ ถ้าเป็นกลางวันผมยอมเขานะ เขาสามารถมองเห็น winglet ที่ปลายปีกแล้วดูรู้ว่าเป็นเครื่องบินของค่ายใด ดูรูปทรงปีก ดูเครื่องยนต์แต่นี่กลางคืน มันต้องมั่วแน่ๆ
   ด้วยความสงสัย เลยถามไปตรงๆ ว่าลูกรู้ได้อย่างไร ดูตรงไหนหรือ และนี่คือคำตอบของเขาที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องนอนดึก
   “จำนวนไฟกระพริบของเครื่องบินแต่ละลำมันไม่เหมือนกันครับ จังหวะกระพริบและสีก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย”
   เฮ้ยยยย เพิ่งเข้าใจคำว่า “เงิบ” ของวัยรุ่นก็วันนี้เอง ผมตกอยู่ในอาการเงิบแดก

   มื้อเย็นมิวขอกินร้านยาโยอิ ผมอยากลดน้ำหนักอย่างจริงจัง เลยนังดูลูกกิน กลับมาบ้านค่อนข้างมืดแล้ว มิวไม่มีการบ้าน ขอเล่นไอ้แพดนิดหน่อย ก่อนนอนอ่านหนังสือกันราว 30 นาที พาลูกเข้านอน แต่ผมสิ นั่งคิดถึงศักยภาพของสมองลูก มันจะมายากตรงที่ผมจะทำอย่างไรที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพด้านนี้ของเขา
   ผมเข้าใจ เพราะตัวเองก็มีศักยภาพทางด้านนี้แต่เป็นเรื่องรถยนต์ แต่แล้วทางบ้านก็ไม่สนับสนุนสักนิด ยังไม่พอ แถมกีดกันอีกด้วย
   อะไรที่พ่อเจอมาแล้วมันไม่เข้าท่า มันจะต้องไม่เกิดกับลูก จำไว้
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 13, 2013, 01:26:17 pm
8 มีค 56
ไม่ได้ขี่จักรยานมานานมาก ช่วงนี้เปลี่ยนแนวการออกกำลังกายครับ จักรยานน่ะดีจริงครับ แต่ชีวิตผมต้องการความแปลกใหม่ตลอดเวลา เพราะนอกจากจะออกกำลังกายแล้ว ยังออกกำลังสมองได้ดีอีกด้วย
   วันนี้มิวมีการแสดงตอนเย็น เป็นการแสดงโขน มิวเล่นเป็นครุฑ ตอนแรกที่ได้ฟังผมถึงกับตกใจ
   “หา!!! อะไรนะ เล่นเป็นตุ๊ดหรอ”
   เปล่าพ่อ มิวเล่นเป็นครุฑ
   ต้องฟังอยู่นานถึงเข้าใจกัน เย็นนี้เลยไปยืนดูหน้าเวทีให้กำลังใจเขาสักหน่อย ตอนเช้าก็กำชับอีกครั้งว่าทำสิ่งที่เราได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ทุกสิ่งอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มันคือการฝึกฝน บางครั้งเราไม่ถนัด ไม่ชิน ไม่ชอบ ก็ต้องทำ ทำเพื่อการเรียนรู้ว่ามันคืออะไร แต่ถ้าทำได้ดีก็มันก็จะเพิ่มพูนทักษะด้านนั้นให้ตัวเราเอง
   
   นอกจากจะเงิบเรื่องความรู้เรื่องเครื่องบินของลูก เปิดเฟซบุ๊คผมเงิบแดกอีกรอบ หนังสือจักรยานแจกฟรีเขาวางแจกที่ร้านจักรยานดังๆ แล้ว !!!
   อันนี้ไอเดียผมอันแรกเลย ได้แต่คิดแล้วไม่ยอมทำสักที มาวันนี้คนอื่นทำไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าผมทำ มันก็คือเป็นการเลียนแบบเขา
   เซ็งเหี้ยๆ เลยครับ
   แต่ก็ยังเหลือไอเดียอีกอันที่ยังไม่มีใครทำ แต่ก็อีกล่ะนะ จะมีใจ มีเวลามาทำอีกไหม ถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน เดี๋ยวก็ต้องมีคนทำอีกแน่ๆ นี่เป็นไอเดียเกี่ยวกับงานหนังสือจักรยานอันสุดท้ายของผมอีกด้วย
   อันแรกคิดทำนิตยสารวางแผง ก็มีคนทำแล้ว อันที่สองทำแจกฟรีแม่งเลย ก็มีคนทำก่อนผมอีก อันสุดท้ายนี่เป็นตัวตนของผมสุดๆ แล้ว คือการเดินทาง สุขภาพ และจักรยาน ไม่รู้จะได้ทำอีกไหม อย่างที่เคยบอก ใจผมมันไม่สู้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว อยู่ร้านขายของ ยกแบกของจนสมองฝ่อ นั่งหน้าร้านดมควันดมท่อไอเสียจนสุขภาพเสีย

Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 13, 2013, 01:27:42 pm
9 มีค 56
   เสาร์นี้มิวยังคงว่าง ไม่ต้องไปเรียนพิเศษอีก 2 เดือนเต็มๆ ซัมเมอร์นี้ผมให้เขาเลือกกิจกรรมเองเช่นเคย แต่ที่ผ่านมาเขาเลือกเรียนซัมเมอร์ในโรงเรียน นี่เป็นปีแรกที่มิวไม่เรียน เพราะว่าเราจะไปเล่นเรือใบกัน เย้ๆ ๆ ๆ
   นัดกับผู้ปกครองท่านอื่นแบบคร่าวๆ ว่าไปพบกันที่สโมสรเรือใบสัตหีบเลย ผมเออออตอบ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน พิกัดใด เปิดหาในแผนที่ Google map ก็ไม่เจอนะ มันบอกแค่บริเวณกว้างๆ นี่แหละคือฐานทัพเรือเฉยๆ แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะหายาก เรามีปากเป็นเอก เราสอบถามคนท้องถิ่นได้สบายมาก
   กลุ่มใหญ่เขาออกเดินทางกันเที่ยง แต่ผมต้องให้มิวเรียนคุมองเสร็จก่อนถึงตามไป กว่าจะล้อหมุนออกจากกรุงเทพฯก็ราว 0200 ทุกที่ที่ผมไป ผมมักจะพามิวไปด้วยเสมอ ให้เขาเห็นชีวิตของผม ให้เขาเห็นถึงปัญหา ถ้าสบายได้กินดีอยู่ดีเราก็สบายด้วยกัน แต่ชีวิตคนเรามันไม่ได้สุขกันตลอดหรอก บางงานมันก็ตรงกันข้าม เราก็ต้องปรับตัวเข้ากับมันให้ได้
   ผมพูดคุยกับลูกเหมือนว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเจอเรื่องทุกข์ก็สอนวิธีคิดให้เขา เช่นสอนให้คิดบวกเสมอ เรื่องเป้าหมายในชีวิตที่ผมเคยหนักใจก็ผ่านไปแล้ว มิวแน่วแน่แล้วว่าชีวิตนี้จะต้องเป็นนักบินให้ได้ หน้าที่ของผมก็คือช่วยผลักดันเขาให้ไปสู่ฝัน
   “พ่อทำอะไรไม่สำเร็จในชีวิต พ่อก็ตอบแทนพ่อแม่ด้วยการทำงานที่บ้านช่วยเขาไป แต่ถ้าลูกคิดอยากจะตอบแทนพ่อแม่บ้าง พ่อก็ขอแค่ให้ลูกมุ่งมันสู่ฝันให้สำเร็จให้จงได้”
   “พ่ออยากนั่งเครื่องบินลำที่ลูกขับ”
   พูดให้เขาเกิดพลัง เกิดแรงฮึด ให้เขารู้ว่าเราช่วยผลักดันเขาอยู่ เขาไม่ได้สู้อยู่คนเดียว มีพ่อคนนี้คอยช่วยอยู่ตลอดเวลา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่เปลี่ยนรถยนต์สักที สมัยก่อนใช้รถไม่เคยถึง 4 ปีต้องเปลี่ยนคันใหม่แล้ว แต่ตอนนี้ต้องเก็บเงินอย่างมาก เรียนการบินใช้เงินหลักหลายล้านกว่าจะจบหลักสูตร รถ Nissan 180SX ก็ใช้มาตั้งแต่ปี 98 ไม่ได้แต่ง ไม่อยากแต่ง ไม่ชอบรถซิ่ง
   สมัยก่อนจะเลือกใช้รองเท้าอย่างดี รองเท้าดูจะเป็นชิ้นที่แพงสุดที่ผมมี เสื้อ กางเกง อย่างไรก็ได้ ขอให้ใส่สบาย แต่รองเท้านี่ต้องขอดีๆ หน่อย ใช้ Bally ตั้งแต่มัธยม ยุคนั้นไม่มีร้านหรูหรานะครับ จะซื้อ Bally ต้องไปที่บางลำพู ดงแห่งรองเท้า แต่ทุกวันนี้ขอโทษ ผมใส่รองเท้า pan รองเท้าแตะ สลับกับ Croc ปลอมๆ ของจีนคู่ละ 150
   ชีวิตผมมันดูเหมือนไม่มีความพอดีนะ อย่างตอนงกนี่ผมจะประหยัดกับตัวเองสุดๆ แต่หากจะต้องเลือกซื้อของใช้ ก็จะเลือกแบบที่ดีสุดโดยแทบไม่สนใจราคาเลย เช่นพวกอุปกรณ์แคมปิ้ง เดินทาง ฯลฯ
   ขับรถโดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ แต่ไม่อยากขับผ่านพัทยา รถต้องติดมากแน่ๆ เปิดดูแผนที่พบเส้นทางใหม่ที่เราไม่เคยขับ มันพาไปสัตหีบได้ อ้อมนิดหน่อย แต่รถไม่ติดแน่ๆ ผมเลือกเส้นทางนี้ และสอนให้มิวหัดอ่านแผนที่ไปด้วย ทุกเวลาที่เขาอยู่กับผม มันคือการเรียนรู้ที่ไม่จบสิ้น
   สอนให้เขาจำเลขของถนน อย่างมอเตอร์เวย์คือถนนเบอร์ 7 ถนนที่ตัดอ้อมพัทยาไปสัตหีบคือเบอร์ 331 ขับง่ายมาก เส้นทางมอเตอร์เวย์นี่สมัยก่อนตอนทำงานสายรถยนต์จะผ่านบ่อยมาก ตอนเปิดตัวรถยนต์ที่สนามพีระฯ ค่ายรถยนต์มักจะใช้เส้นทางนี้ บ้างก็ใช้บางนา จนผมจำได้ว่าควรจะนั่งตำแหน่งใดของรถ ถึงไม่โดนแดด
   แวะจุดพักรถหาของกิน แต่คนเยอะมาก อากาศร้อนอบอ้าว ร้านไหนไม่มีแอร์นี่ไม่อยากนั่งเลย ส่วนร้านมีแอร์ก็จะเป็นพวกฟาสฟู๊ด เอาไงดีวะ สรุปคือได้ฮอทดอกจาก 7-11 เอามานั่งกินกันในรถ กินแบบเอาเร็วน่ะครับ จะได้เดินทางต่อ ที่แวะก็ไม่ได้เพราะหิวหรอก แค่อยากให้มิวเขารู้ว่ามีจุดพักรถด้วย เราสามารถหาของกิน หรือเข้าห้องน้ำตรงนี้ได้
   ถึงจุดหมายเอาตอนเย็นๆ ผมรีบแวะไปสโมสรเรือใบ แต่เขาปิดไปแล้ว เจอพนักงานกำลังล้างเรือใบเขาบอกว่าให้พรุ่งนี้มาใหม่ตอน 0900
   โทรหาพี่มด (แกนนำโครงการเรือใบ) แล้วนัดพบกันริมหาด ไปหาห้องพักเอาแถวนั้น นี่คืนวันเสาร์เลยหายากหน่อย ส่วนใหญ่เขาจะจองกันมาล่วงหน้า คืนนี้เลยได้ห้องพักแบบเก่าโทรม ยังดีที่แอร์เย็นและเงียบสงบ
   ได้ห้องพักแล้วก็สบายใจละ หาของกินกันแถวริมทะเลนี่แหละ ผมกินมื้อเย็นน้อย จะไม่กินก็ได้ สบายมากๆ ลูกก็เช่นกัน แต่ตอนนี้เราเข้าสังคม ก็เลยต้องปรับตัวเล็กน้อย คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้คิด ไม่ได้ทำแบบเรา ไม่ใช่ว่าเราดีเด่นกว่า แต่เพราะเรามีเป้าหมายในชีวิตเรียบร้อยแล้ว คือผมต้องรักษาสุขภาพแบบสุดๆ ไม่อยากเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาตัวเอง เงินของผมเก็บไว้ให้ลูกเรียนการบินเท่านั้น
   เรื่องระทึกของวันนี้ก็คือ ลูกชายของพี่มดเล่นอยู่บนสันเขื่อนริมทะเล เด็กๆ ก็เล่นอยู่ตรงนี้นานแล้วล่ะ แล้วจู่ๆ เขาก็เต้นหมุนตัวแล้วเสียหลักหงายหลังตกลงไปในทะเล กำแพงสันเขื่อนสูงจากน้ำราว 3 เมตร ช่วงที่เขาตกไป มือเขาปัดทรายกระเด็นเข้าตาผมที่อยู่ใต้ลม มีผู้ปกครองอีกท่านเห็นแล้วตะโกนว่าเด็กตกน้ำๆ
   ผมรีบวิ่งเข้าไปดู เห็นเด็กเป็นเงาตะคุ่มๆ อยากจะโดดลงไปช่วย แต่ฉุกคิดได้ เอ๊ะ เราโดดลงไป แล้วเราจะขึ้นได้อย่างไร หากมีเชือกหย่อนให้เด็กรัดเอวไว้ แล้วเราดึงขึ้นมาก็ยังพอไหว
   คิดด้วยใจลนลาน เด็กร้านอาหารมาเห็นเข้า ก็รีบวิ่งไปอีกด้านของสันเขื่อนแล้วเดินลงไปจูงมือเด็กกลับขึ้นมา อ้าว .. มีบันไดอยู่ตรงนี้นี่เอง ปัดโธ่…
   พอขึ้นจากน้ำมาได้ก็หัวเราะกันสนุกสนาน เรื่องนี้คงจะตราตรึงใจเขาไปตลอดชีวิต โชคดีที่ฐานของสันเขื่อนไม่มีหิน โชคดีจริงๆ
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 13, 2013, 01:35:22 pm
10 มีค 56
   เป็นวันแรกในรอบหลายสิบปีที่ได้ออกกำลังกายริมทะเล ลมยังคงพัดแรง ลมแบบนี้เล่นเรือใบสนุกมาก มิวยังคงหลับใหลอยู่ในห้องพัก ผมเดินเร็วริมชายทะเลไปจนถึงตลาดสัตหีบ บรรยากาศแย่ครับ สกปรกมาก ขยะเลอะเทอะ มีคนยืนฉี่เรี่ยราด ฯลฯ เข้าไปดูตลาดนิดหน่อยแล้วรีบเดินกลับห้องพัก
   ฟ้าเริ่มสว่างมากแล้ว เดินเข้าห้องพักเจอมิวนั่งดูทีวี อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ผมถามว่าทำไมไม่ลงไปเล่นกับเพื่อนข้างล่างล่ะ มิวบอกว่ากลัวพ่อจะเข้าห้องไม่ได้ เพราะหากเขาออกจากห้อง ก็ต้องนำกุญแจไปด้วย หากผมหาเขาไม่เจอ ก็จะเข้าห้องพักไม่ได้
   อาบน้ำเสร็จรีบเก็บกระเป๋าเตรียมเช็คเอ้าท์ เช้านี้จะต้องรีบไปสมัครเรียนเรือใบ และหาที่พักขณะลูกเรียนเรือใบ 10 วันให้เรียบร้อย ถ้าเสร็จเร็วก็จะพาลูกไปดูเรือจักรีนฤเบศถ์ และแวะสนามบินเอกชนแถวแหลมฉบัง (ไปดูเพื่อให้เขาเกิดกำลังใจ)
   ไปถึงกองเรือยุทธการ ยื่นใบสมัครเสร็จก็หาร้านอาหารให้เด็กๆ กินกันก่อน วันนี้มีเด็ก 4 คน ผู้ใหญ่ 3 คน พอเข้าเขตกองเรือยุทธการนี่บรรยากาศคนละเรื่องกับฝั่งสโมสรเรือใบที่หาดดงตาลเลยครับ ที่นี่เงียบ สงบ สะอาด ผมชอบแบบนี้มากกว่า ดีนะที่เราเลือกสมัครเรียนถูกจุด
   ในกองทัพเรือสัตหีบนี่เขาเปิดสอนเรือใบ 2 จุดครับ คือของสโมสรเรือใบ และของกองเรือยุทธการ
   ขับรถหาของกินในนี้ได้ยาก มันเป็นค่ายทหาร จึงต้องขับเลยทะลุค่ายออกไปยังหาดนางรำ
   คนเยอะมากเลย ขนาดเสียค่าผ่านทางรถยนต์คันละ 20 บาทนะนี่ หาดก็งั้นๆ บ้านผมที่แม่รำพึงสวยกว่าเยอะมาก กินอาหารละแวกนั้น เด็กๆ ก็ลงเล่นน้ำกัน กินไปนั่งคุยกันไป ผู้ปกครองท่านหนึ่งบอกว่า เราค่อยๆ ดูที่พักแต่ละแห่ง แล้วกลับไปค่อยคิดตัดสินใจดีกว่า
   ผมได้ยินดังนั้นก็เลยบอกว่างั้นผมขอถอนตัวจากกลุ่มครับ ผมขอแยกพักต่างหากคนเดียว
   ผมมาวันนี้ก็เพราะต้องการมาดูที่พักกับตา มาตัดสินใจเลือกให้มันจบๆ ไป หากกลับไปคิดต่อ ก็เท่ากับย้ายปัญหากลับไปเป็นการบ้าน แถมยังต้องคิดหนักกว่าเก่า เพราะเวลามันกระชั้นมากขึ้น    
   ขอตัวขอโทษกลุ่ม เรียกมิวขึ้นจากน้ำ บอกเราจะไปหาที่พักกัน มิวทำหน้างง บอกอยากเล่นน้ำต่อ ผมบอกเขาว่ายังมีวันได้เล่นอีกเยอะ แต่วันนี้เรามาทำธุระกัน ธุระเรายังไม่เสร็จ
   ผมพูดคุยกับมิวตรงๆ ทุกเรื่อง พอเขาเข้าใจก็ขึ้นจากน้ำ เดินกลับมาที่โต๊ะสวัสดีผู้ใหญ่ ผมขับรถมุ่งหน้าห้องพักเพื่อให้มิวกลับไปอาบน้ำ กะว่าจะหาห้องพักแถวๆ นี้แหละ ผมกินง่าย อยู่ง่าย ลูกผมก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจนะ เด็กๆ เขาอยากอยู่ด้วยกัน อยากเล่นด้วยกัน แต่ทำไงได้ เขายังไม่สรุป แต่ผมต้องสรุปแล้ว
   ก็หาข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของกองเรือยุทธการนี่แหละครับ ดูท่าทางครูฝึกที่นี่จะเป็นมิตรเอามากๆ พูดคุยกันเองดีจริงๆ แนะนำที่พักให้ผมหลายแห่ง เดี๋ยวผมจะตระเวนขับดู ชอบอันไหนก็เลือกอันนั้น จบแบบง่ายๆ
   มีผู้ปกครองขับรถตามมาเก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์ด้วย ก็เลยเจอกัน คุยกันสักพัก ผมก็บอกเหตุผลว่าทำไมถึงแยกออกมาพักคนเดียว เพราะผมต้องการสรุปเรื่องที่พักในวันนี้ เขาเข้าใจ ก็เลยขอตามไปดูห้องพักด้วย
   ดูไปถึง 3 แห่ง ผมก็ตัดสินใจได้ว่าจะเอาที่ใด สรุปว่ากลุ่มใหญ่เขาก็สรุปไปในแนวทางเดียวกับผม กลายเป็นว่าเด็กๆ ได้พักด้วยกันหมดทุกคืน ดีใจด้วยนะมิว
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 13, 2013, 01:36:31 pm
11 มีค 56
   หยิบเอาถุงทรายที่ซื้อมาเมื่อวานมาถ่วงข้อเท้าข้างละ 1 กก เดินออกกำลังกายตามปกติ รู้สึกขัดๆ ไม่ค่อยถนัดเอาเสียเลย
   เช้านี้คนงานไม่มาอีกแล้ว ผมรับหน้าที่ไปขนของในโกดัง และขับรถกระบะจากร้านไปบรรทุกของจากโกดังอีกแห่ง ไม่ค่อยชอบงานแบบนี้ แต่ก็คิดบวกเข้าไว้ ได้พักเอาตอนบ่ายแก่ๆ
   วันนี้มิวมีการแสดงดนตรีงานปิดภาค เขาเล่น 2 ชุด ชุดร้องเพลงหมู่ และดนตรีหมู่ มิวเล่นเครื่องเขย่าที่มันดัง แชะๆ (ไม่รู้เรียกอะไร) ไปดูให้กำลังใจเขา
   กลับมาถึงบ้านหัวค่ำ พอถอดถุงทรายที่ขาออก โห รู้สึกโล่งมากๆ เดินเหินได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ก่อนนอนช่วงอ่านหนังสือเล่นกับลูกรู้สึกหิวอยากกิน ไม่อยากฝืนร่างกาย เลยหยิบเอาถั่วพิสตาชิโอมากินนิดหน่อยแล้วรีบชิงหลับ
   ตอนเย็นมีงานเปิดตัว Honda Accord หึหึ มีเหรอที่ผมจะได้ไปกับเขา
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 13, 2013, 01:49:23 pm
12 มีค 56
   เช้านี้เดินเร็วออกกำลังกาย 30 นาที เหงื่อเพียบจริงๆ เป็นวันที่ 2 ที่ใช้ถุงทรายถ่วงข้อเท้า ก็มันดีครับ แต่พอถึงช่วงกระโดดเชือกนี่จะรู้ถึงความโหด ปกติจะโดดรวดเดียวผ่าน ไม่ติดเชือกเลย แต่นี่โดดแค่ 30 ทีก็ติดแล้ว แป๊บเดียวเหนื่อยหอบ
   วันนี้มีงาน Porsche ที่พีระ ขนมากันเป็นสิบๆ คัน ตัวแรงสุดยันตัวเล็กกระเปี๊ยก ได้ข่าวมาน่ะครับ ใจอยากจะไปด้วย แต่ทาง AAS เขาไม่ได้เชิญเรามา คงจะลืมเราไปแล้ว คิดว่าเราหลุดวงโคจรไปแล้ว เมื่อก่อนโน้นครั้งหนึ่งผมยังเคยสอนเซลล์ของเขาขับรถฟรีเซนต์ลูกค้าอยู่ครั้งหนึ่ง และเกือบจะได้ร่วมเป็นหนึ่งในทีมแข่งของเขา
   ยุคผมรุ่งเรืองก็ตอนทำ Racing Club นี่แหละ พอสอนกลุ่ม Porsche เสร็จค่าย Ferrari ก็ติดต่อมาอีกราย แต่ไม่กล้ารับเพราะเขาให้จัดแบบ Training สอนลูกค้าและพวก Ferrari Club เหตุผลก็ตรงๆ นี่แหละครับ คือลูกค้าที่มีรถขับประจำอาจจะเก่งกว่าผมก็เป็นได้ เลยหันไปสอนรุ่นน้องๆ เด็กๆ แทน มีกลุ่ม Club RT ที่ผมสนิทมากหน่อย แต่ก็ไม่กล้าสอนเขาเยอะนัก ไม่ได้อมภูมิ แต่เราไม่รู้ว่าใครคนไหนเขามีภูมิระดับใด ไปสอนเยอะกลัวจะกลายเป็นอวดเก่งอวดดี เลยดูแค่ว่าคนไหนพอสนิทเราก็พูดคุยมากหน่อย
   เชื่อหรือไม่ว่า นักแข่งหลายคนยังดูวัดรอบไม่เป็น ส่วนมือใหม่ก็ห่วงแต่การฝึกหัดทำเทคนิคที่มันล้าสมัยไปแล้ว เช่น Heel & Toe ที่บอกว่าล้าสมัยก็เพราะสมัยยุคผมรถยนต์ใช้ระบบเกียร์เก่าแก่ พอรอบสูงๆ มันจะเข้าเกียร์ไม่ได้ เลยต้องเบิ้ลคันเร่งช่วย เฟืองเกียร์ถึงจะขบกันได้
   แต่รถยุค 20 ปีหลังมานี้ ระบบเกียร์มันมีเฟืองซิงโครเมชกันหมดแล้ว จะทำ Heel & Toe ไปอีกทำไมกันเล่า ทำถูกจังหวะก็เท่าทุน ทำผิดจังหวะก็มีแต่เสีย ไม่คุ้มอย่างมาก
   Heel & Toe ที่ถูกต้องนี่ทำยากนะ โดยเฉพาะรถ Porsche ที่ต้องใช้ Heel & Toe Reverse แทน (โคตรยาก) ถ้าอยากจะเท่และได้ประโยชน์ผมแนะนำหัด Rev Match Downshift เสียยังจะดีกว่า รถวิ่งดีกว่า นุ่มนวลกว่า ไม่ก็พวก Left Foot Breaking ไอ้นี่ใช้ให้ถูกจังหวะ ถูกเวลา จะเห็นผลชัดเจน
   เห็นไหม คุยเรื่องรถแล้วเล่าได้ยาวมาก แล้วถ้ามิวเขาโตขึ้นนี่จะแตกฉานเรื่องเครื่องบินและการบินที่เรารักมากน้อยเพียงใดนะ ผมอยากเป็นนักทดสอบรถยนต์ และถ้ามิวจะสามารถเป็นนักทดสอบเครื่องบินได้ นั่นคืองานที่สุดยอดที่ผมเคยเห็นมา
   มิวเขาฝันไว้แค่อยากเป็นนักบิน แต่ถ้ามีผมร่วมฝันด้วย มันจะไม่ใช่แค่นั้นแน่ อยากให้เขาไต่ไปจนถึงนักทดสอบกันเลย
   ฝันไว้ถึงดวงจันทร์ ถ้าพลาดเราก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว
   
   ตอนเช้าดูข่าวช่อง 3 มีชาวนาที่มีฐานะดี นำรถสปอร์ทเปิดประทุนมาให้ลูกนั่งในงานบวช สรยุทธบอกว่าเป็นรถสปอร์ทหรูมีแค่ 3 คันในไทย
   ผมเห็นแล้วตกใจ อ้าปากค้าง เฮ้ยยยยยยย
   มันคือรถ Retro คันแรกของโลกที่เป็น Production Car เป็นรถล้อเปิดอีกด้วย ตอนออกใหม่มีสีม่วงเกล็ด ไอเดียแรงโครตๆ ตลาดรับไม่ทัน ผลก็คือขายไม่ออกครับ รถคันนี้เก่าแก่มากแล้วนะ น่าจะราวปี 92 อายุก็ราว 20 ปีมาแล้ว มิใช่เป็นรถใหม่แต่อย่างใดเลย คนอื่นอาจไม่เคยเห็นกันเอง
    เจ้า Plowler ขายไม่ออก ก็เลยโดนค่าย Chrysler นำมาปรับโฉมเป็นรถ 4 ประตู ใช้ชื่อว่า PT Cruiser เป็นรถล้อปิดแล้ว ตลาดเริ่มรับได้ แนว Retro เริ่มจุติ
   เคยทิ้งคำถามไว้ว่ารู้ไหมว่ารถอะไรคือ Retro คันแรกของโลก ก็เลยได้เฉลยวันนี้เอง รถ VW และ Mini ก็เลียนแบบคอนเสปของเจ้าตัวนี้แหละครับ และหลังจากนั้นแนว Retro ก็แผ่ลามไปทุกวงการ ข้าวของเครื่องใช้ ไปจนถึงการแต่งตัว

   กลางวันขี่จักรยานไปเก็บเช็คลูกค้า ขายังคงมีถุงทรายถ่วงอยู่ ขี่จักรยานแล้วรู้สึกต้องใช้แรงเยอะมาก ขี่เร็วแล้วจะทรงตัวไม่ดี โดยเฉพาะตอนรอบขาสูงจะเห็นได้ชัด
   เย็นไปรับลูกเดินตามหาตั้งนานกว่าจะเจอ เด็กๆ ไปวิ่งเล่นกันที่ตึกใหม่ เล่นวิ่งไล่แย่งลูกบอลพลาสติกกัน เด็ดตรงที่ตะโกนเรียกลูกบอลสีเหลืองว่า “อัณฑะทองคำ”
   เลิกเรียนพามิวไปหาซื้อเสื้อกัน UV ใส่เล่นเรือใบ อันที่จริงเสื้อทุกตัวมันก็กัน UV ได้หมดล่ะ ผมไม่อยากเถียงคนเรียกก็เลยเรียกตามๆ กันไป เอาเป็นว่ามันคือเสื้อสำหรับเล่นกีฬาทางน้ำ แต่มองแล้วไม่ถูกใจเลย ไม่สวย แถมแพงมาก ตัวละเกือบ 2000 บาท เอาไว้ต้องไปดูที่เดอะมอลล์ ผมเล็งไว้แล้ว ถูกกว่านี้เกินครึ่ง แถมสวยกว่าเยอะมาก ยี่ห้อ Kappa
   ขากลับเดินผ่านบูธโชว์รถในห้างเป็นรถ Nissan Pulza รีบปรี่เข้าไปชม นึกอนาถตัวเองนะ สมัยก่อนจะได้รับบัตรเชิญอย่างดี มีงานทดสอบก็จะเรียกชวนเสมอ แต่พอตอนนี้ผมอยากดูรถนี่ต้องแวะเอาตามห้างที่เขาจอด
   การดูรถของผมมันไม่เหมือนชาวบ้านนี่สิ อย่างขึ้นรถปุ๊บก็ต้องปรับเบาะให้พอดีขาและคว้าสายเข็มขัดมาคาด ตามด้วยปรับระดับพวงมาลัย จากนั้นก็ดูรอบๆ ตัว ผมเจอจุดไม่เข้าท่าใน Pulza หลายจุด แต่ข้อดีก็มีเยอะคือความโล่งโปร่ง และเบาะหลังที่กว้างมาก กว้างกว่า Mercedes Benz E Class เสียอีก
   ข้อเสียอันแรกแบบไม่ชอบที่สุดคือ
1 ไม่มีที่พักเท้าซ้าย คนอื่นอาจจะเฉยๆ แต่ผมใช้ที่พักเท้าซ้ายมากกว่าแค่วางเท้าเฉยๆ
2 คอนโซลกลางสั้นและเตี้ยเกินไป ใช้เป็นฟังชั่นเท้าแขนไม่ได้
3 ปุ่มบนพวงมาลัยมีแนวโน้มว่าตัวหนังสือจะลอกได้ง่าย
4 ตำแหน่งที่วางแก้วน้ำที่คอนโซลกลาง วางแล้วความสูงของขวดจะโด่ขึ้นมา ทำให้เข้าเกียร์ลำบาก / ช่องวางขวดมีแนวโน้มว่าจะใหญ่กว่าขวดน้ำปกติในบ้านเรา
5 คอนโซลเกียร์ลวดลายไม่สวยเลย ดูห่วยด้วยซ้ำไป ทำเป็นสีดำๆ ตามปกติดีกว่า
   นี่คือสิ่งที่ผมจับมาได้ในเวลา 2 นาทีครับ
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 14, 2013, 02:01:04 pm
13 มีค 56
   เมื่อคืนเพลินไปหน่อย กินถั่วก่อนนอน เช้านี้เลยต้องออกกำลังกายหนักหน่อย ยังคงเอาถุงทรายถ่วงข้อเท้าข้างละ 1 กก เหมือนเดิม เดินวิ่งแป๊บเดียว เหงื่อเพียบ ช่วงนี้ผมไม่ได้ขี่จักรยานเลย อยากเร่งลดน้ำหนักให้ได้เร็วๆ อายุยิ่งเยอะก็ยิ่งลดยากตามไปด้วย แถมลดตอนอายุมากมันจะยิ่งทำให้สุขภาพแย่ ทำได้แค่คุมๆ มันไว้
   ได้อาหารสุขภาพตอนเช้าค่อยยังชั่วหน่อย วันนี้มีผัดผักบุ้งไฟแดง ปลาสลิดทอด ข้าวกล้องสีม่วงเกือบจะดำ และกระเทียมสดสิบกว่าหัว ผมกินหนักมื้อเช้าครับ ตอนสายตอนบ่ายก็จะเป็นผลไม้ น้ำเต้าหู้ ถั่ว ฯลฯ แต่ที่อ้วนก็เพราะบางทีมีเผลอกินก่อนนอนนี่แหละ ตอนค่ำมันบรรยากาศแบบสบายๆ ไง อ่านหนังสือไปด้วยยิ่งเพลิน
   เย็นนี้มิวมีการแสดงละคร เขาเล่นเป็นสาวชาวเหนือ เฮ้ออ ทำไมต้องเลือกบทแบบนี้ด้วยนะ หน้าตายิ่งเหมือนผู้หญิงอยู่ ตอนไปสัตหีบแวะซื้อขนมแม่ค้าเงยหน้ามาก็ตกใจ บอกทำไมผิวดีอย่างนี้ น่าอิจฉา แล้วก็ต้องตกใจแบบซ้ำซ้อนเพราะตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเด็กหญิง
   ฟังรายการตอบปัญหารถยนต์แล้วขัดหูอีกแล้วว่ะ ผู้ถามๆ ถึงระบบขับสี่ในรถว่าหากไม่ค่อยได้ใช้จะต้องทำอย่างไร เจอคำตอบว่า
   “สัก 6 เดือนก็ใช้มันสักครั้งก็ได้ ใช้ทั้ง 4L และ 4H ถ้าไม่มีทางให้ลุยก็ขับมันบนทางเรียบนี่แหละ มีข้อระวังอย่างเดียวก็คืออย่าใช้ความเร็วเกินคู่มือกำหนด”
   เฮ้ยย พี่ครับ หากขับทางเรียบนี่ได้เฉพาะ 4L นะครับ (ขับได้ แต่ก็ไม่ควรขับ อย่างน้อยก็ควรเป็นช่วงฝนตก) แต่ 4H นี่ขับทางเรียบแล้วมันจะไปไม่เป็นเลยนะ จะพังเอาได้ง่ายๆ 4H ใช้ในทางออฟโรดเท่านั้น จะเป็นลูกรังก็ได้ ทรายก็ได้ ความเร็วสูงสุดไม่น่าจะเกิน 40 ด้วยซ้ำไป
   ผมฟังวิทยากรท่านนี้แล้วขัดหูหลายครั้ง ผมฟังไปก็จะตอบคำถามไปด้วย เสมือนตัวเองถูกถาม ส่วนใหญ่กับวิทยากรท่านอื่นก็จะตอบคล้ายๆ กับที่ผมคิด มีแต่ท่านนี้แหละ ที่ไปกันคนละทางก็บ่อย
   ไม่ใช่จะยกตนข่มท่าน หรือประกาศว่ากูเจ๋งกว่าหรอก แต่บางทีมันผิดแบบไปคนละทาง นี่สิอันตรายต่อผู้ฟังทั่วประเทศ การพูดของเราบางทีมันเป็นการให้ข้อมูลผิด สู้ไม่ตอบเสียยังดีกว่า
   เย็นไปรับลูก วันนี้เขาเล่นละคร แต่งเป็นหญิงชาวเหนือ ตอนแรกผมคิดว่าแต่งแบบตลกขำขำ พอเห็นจริงที่ไหนได้ แม่งโคตรเหมือนหญิงเลย ดูแล้วทำใจลำบาก ปกติก็หน้าตาผิวพรรณเหมือนเด็กหญิงอยู่แล้ว เจอใส่ผ้านุ่งห่มสไบ ติดกิ๊บ (ผมยาว) ทัดดอกไม้ ถือร่ม จบข่าวเลยครับ
   เข้า Big C ซื้อขนม มิวบอกพรุ่งนี้มีงานปาร์ตี้ปิดภาคเรียน แต่ละคนก็จะขนขนมไปแบ่งกันกิน บรรยากาศคงจะเหมือนสภาพแร้งลง ผมเลือกขนมแบบทำร้ายสุขภาพน้อยหน่อย เช่นปลาทาโร่ ถั่วอบ สาหร่ายอบ ไม่รู้ผู้ปกครองคนอื่นจะคิดอย่างไรกันบ้างนะ
   ที่โถงของห้างมี Isuzu D Max จอดโชว์ เลยเข้าไปนั่งเล่น ทำตัวเหมือนเป็นนักทดสอบตกอับ ทุกวันนี้ต้องหาข้อมูลเองตามห้าง อนาถตัวเองเหมือนกัน นั่งอยู่ไม่นานเท่าไหร่ เซลล์คอยแต่จะยื่นรายละเอียดของการดาวน์อย่างเดียวเลย ยื่นแล้วก็เดินหายไปยื่นให้คนอื่นต่อ
                แต่ไม่เป็นไร ถือคติที่ว่า Learn how to fall before you learn how to fly
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 15, 2013, 01:16:00 pm
14 มีค 56
   เดินออกกำลังกายเหมือนเดิม แต่ไม่เล่นหนักเท่าเมื่อวาน น้ำหนักค่อยๆ ลงมาทีละนิด มันทำให้เรามีกำลังใจขึ้นหน่อย วันนี้ออกแบบท่าเดินสูตรใหม่ ตั้งชื่อว่าท่า Air Walk เมื่อยฉิบเป๋งเหมือนเดิมครับ ยิ่งถ่วงถุงทรายไว้ที่ข้อเท้าข้างละ 1 กก นี่เล่นแค่ 10 วินาที หัวใจเต้นตึกๆ ๆ ๆ ๆ
   มิวเรียนวันนี้วันสุดท้ายแล้ว แถมเลิกเร็วอีกด้วย ตอนเย็นมีปาร์ตี้กินขนมกัน น่าสนุกจริงๆ
   เช้านี้ขี่จักรยานไปโรงเรียนสวนกุหลาบ วันนี้เขาเปิดรับสมัครสอบวันแรก ลูกผมสอบปีหน้าครับ แต่วันนี้มาเพื่อซื้อแนวข้อสอบเก่าเอามาให้มิวหัดทำ จะมีพวกขายข้อสอบเก่าจากอาจารย์ต่างๆ ที่หน้าโรงเรียน เราจะให้ลูกสอบเข้าที่ใดก็ซื้อมันที่หน้าโรงเรียนนั้นแหละ เช่นเดียวกับการติว ส่วนใหญ่โรงเรียนติวดังๆ ก็จะอยู่ละแวกโรงเรียนที่เราอยากให้ลูกเข้านี่แหละ ยกเว้นพวกอาจารย์เทพฯ ที่สอนเตรียมเอนทรานซ์ พวกนี้จะอยู่แถวสยามกันเยอะ
   ขี่จักรยานไปโรงเรียนก็สะดวกดีครับ ถ้าขับรถยนต์มานี่ไม่รู้จะจอดไหนดี คงต้องจอดที่วัดเลียบฝั่งตรงข้ามโรงเรียนมั้ง เข้าไปชื่นชมบรรยากาศโรงเรียนที่เราเคยใช้ชีวิตอยู่สักพักแล้วเดินออกมาซื้อแนวข้อสอบเก่าไป 2 ชุดใหญ่ ใส่เป้หลังแล้วขี่กลับร้านขายของ
   วันนี้ลูกเลิกเรียนเร็ว มีปาร์ตี้ขนม มิวบอกสาหร่ายที่พ่อแนะนำหมดเป็นอันดับแรก ใครๆ ก็มารุมกินขนมของมิว ส่วนทาโร่และถั่วเหลือ มิวไม่ได้เอากลับมา ให้ครูกินต่อ (อ้าว)
   ก็อร่อยจริงนะ ผมเพิ่งกินครั้งแรกยังชอบเลย ดีเสียอีกมันบอกว่าใช้อบ ไม่ได้ทอดเหมือนยี่ห้ออื่นๆ ที่ซื้อมานี่ยี่ห้อตะวันแดงครับ ทุกอย่างโอเคดีหมด จะมาเสียสุขภาพก็ตรงโซเดียมเยอะนี่แหละ
   มิวกลับมาบ้านเร็วสุดในรอบปีครับ 0330 ก็ถึงบ้านแล้ว เข้าฟอร์มเดิม ไม่มีอะไรทำ ก็ขอไอ้แพดเอามาเล่นเกม สมัยก่อนแรกๆ ก็เป็นเกมเครื่องบิน แต่ล่าสุดนี้มาชอบเกมรถแข่งแทน ไม่นะมิว ไม่นะ ไม่ๆ ๆ ๆ
   คืนนี้นิสัยเสียอีกแล้ว กินถั่วพิสตาชิโอก่อนนอน ดูสปันจ์ช่อง9 ไปด้วย เพลินจริงๆ เลย  เฮ้ออ พรุ่งนี้เช้าต้องวิ่งคืนอีกแล้วสินะ
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 19, 2013, 06:25:47 pm
15 มีค 56
   ออกกำลังกายยามเช้ามาเป็นสิบปี จะให้ตื่นสายก็ทำไม่เป็นแล้วล่ะ ต่อให้เข้านอนดึกก็ตื่นไม่เกิน 0600 เรียกว่าหากมีเพียงแสงแค่ขอบฟ้าก็สามารถปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาได้
   คิดหาอะไรพลิกแพลงทำเล่น ท่าออกกำลังกายล่าสุดคือเดินขึ้นบันไดถอยหลัง พอเดินคล่องก็เปลี่ยนเป็นวิ่งแทน แน่นอน วิ่งถอยหลัง หึหึ ไม่ล้มหรอกครับ แต่ด้านเอ็นร้อยหวายมันจะครูดกับจมูกบันไดเอานี่สิ กลัวจะได้เลือด
   เหนื่อยดีครับ ชักอยากได้บันไดแบบขั้นโตๆ หน่อย ไม่ต้องชันมาก จะได้เหยียบเต็มเท้ากว่านี้
   ทำอะไรที่มันแตกต่างไปจากเดิมบ้างมันก็เป็นการฝึกสมองอีกอย่างหนึ่งนะ
   มิวปิดเทอมแล้ว ไม่ต้องไปส่งที่โรงเรียน เลยออกจากบ้านสายนิดหน่อย ชีวิตทีทำงานแบบเดิมๆ เป๊ะ เคยมีรุ่นน้องมาพูดคุยเรื่องชีวิต เขาบอกเบื่องาน หึหึ มันคงไม่รู้ว่างานของผมน่าเบื่อกว่าของมันเยอะ
   สอนให้เขาคิดว่ามันคืองานอดิเรก อย่าคิดว่ามันน่าเบื่อ ต้องคิดว่ามันสนุก แกล้งๆ คิดก็ได้
   สอนเขาไป ก็เหมือนสอนตัวเองไปด้วย

   ในเวปจักรยานมีคนมาโพสหาทีมงานทำหนังสือ เฮ้ยย มาอีกเล่มแล้วหรือวะนี่ เยอะสุดๆ เลย มันจะเกิดกันมากเกินไปแล้ว ตามกฎของผมเอง อะไรที่มันมาเร็วก็จะไปเร็ว ถ้าไม่เจ๋งจริง แผนไม่รัดกุม ไม่น่าเสี่ยง
   เขาหาทีมงานนักเขียนต้องการคนมีประสบการณ์ หึหึ ผมนี่ไง ประสบการณ์เพียบ รู้ทุกขั้นตอน และรู้สึกกลโกงของธุรกิจแนวนี้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรงพิมพ์โกงเรา สายส่งหนังสือโกงเรา เซลล์ลูกน้องเราโกงเราเอง ฯลฯ
   ผมโพสส่งรายชื่อตัวเองขึ้นไปด้วยนะ แต่บอกเขาว่าผมถนัดแนวเดินทางท่องเที่ยว ไม่ถนัดพวกของตกแต่งประดับโน่นนี่ ไม่ชอบเอาเสียเลย
   ดูท่าทีเขาโอเค ย้อนถามผมคำเดียว ผมจุก ตอบไม่ได้
   “คุณทำงานประจำได้หรือเปล่าครับ”
   จบข่าวเลยสิครับ ผมรับงานฟรีแลนซ์มาตลอดตั้งแต่เด็ก อายุ 18 ก็เป็นนักข่าวอิสระหนังสือพิมพ์บันเทิงเล่มแรกของไทยชื่อ Inside TV หลังจากนั้นก็เป็นนักเขียนอิสระมาเรื่อย จะมาเต็มที่ก็ด้านงานรถยนต์นี่แหละ พักมาสิบปี มาวันนี้ อาจฉายแววด้านจักรยานแทน
   เย็นพาลูกไป Ivy มิวไม่ได้มาที่นี่นานมาก เขาปิดเทอมแล้วเลยพามาว่ายน้ำเล่น นี่เราไม่ได้ว่ายน้ำในสระนี้กว่า 2 ปีมาแล้ว โห นานมากๆ สระก็สวย บรรยากาศก็ดี ติดริมน้ำเจ้าพระยา เงียบสงบ แต่กลับไม่ค่อยได้มา น่าเสียดายจริงๆ
   มิวจัดหนักวิ่งรวดเดียว 3 กม เหงื่อซ่ก เล่นฮูลาฮูปต่อ สักพักเดียวหมดแรง ชวนกลับบ้าน ส่วนผมเจอเครื่องเล่นถูกใจ เป็นการบริหารกล้ามท้องและหลังส่วนล่าง
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 19, 2013, 06:29:11 pm
16 มีค 56
   ชีวิตช่วงเช้าจะเหมือนๆ เดิมทุกวัน สมัยก่อนขี่แต่จักรยานเพราะสนุก แต่พออยากจะลดน้ำหนักเข้า มันไม่เห็นจะลงได้ทันใจ ผมขี่ช้าด้วยไง มันเลยใช้แรงน้อย สองอาทิตย์หลังมานี้เดินเร็วแทน น้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัดแบบทีละน้อย นี่ถ้าวิ่งจะลดเร็วกว่านี้อีกนะ ยังครับยัง อีกสักพักค่อยวิ่ง วางแผนไว้แล้ว
   ถุงทรายถ่วงเท้าทำงานได้ดีมากครับ เดินวิ่งแป๊บเดียวเหนื่อย รถติดนั่งอยู่ในรถก็ยังยกขาขึ้นมาเกร็งหน้าท้องเล่น หาอะไรสนุกทำแก้เบื่อ แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกายแล้วนี่นา
   เย็นไป Ivy ต่อ มิวติดใจลู่วิ่งออกกำลังกาย ส่วนผมติดใจเครื่องเล่นกล้ามท้อง ไอ้พวกแขนขาผมไม่ห่วงครับ ตอนทำงานอยู่ร้านเรายกของบ่อยมาก จะมีช่วงท้องส่วนเดียวที่ไม่ค่อยได้ออกแรง อ้อ ผมไม่อยากมีกล้ามเนื้อใหญ่โตนะ ผมชอบแบบกล้ามน้อยๆ แต่เห็นกล้ามเนื้อชัดๆ มากกว่า แบบนี้ต้องรีดไขมันออกให้เกลี้ยง ดูหุ่นเหมือนพวกนักมวยน่ะครับ ผมชอบแบบนั้นมากกว่าพวกกล้ามโต 
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 19, 2013, 06:33:24 pm
17 มีค 56
   เช้าวันอาทิตย์จะเป็นวันเดียวที่ผมไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ใช่เพราะขี้เกียจนะ แต่เพราะไม่รู้ว่าภรรยาและลูกจะชวนไปไหนหรือเปล่า ผมอยากให้ชีวิตสมดุล ภรรยาหยุดวันอาทิตย์วันเดียว ก็อยากให้ลูกอยู่พร้อมหน้ากับพ่อแม่ ผมคิดว่าเขาคงจะชอบ
   แต่ถ้าวันไหนเขาจะไปกันสองคนก็บอกได้นะ สบายๆ ผมก็จะไปขี่จักรยานของผม ผมใช้ชีวิตไม่เหมือนนักจักรยานส่วนใหญ่ ผมชอบขี่จักรยานแต่กลับขี่น้อยมาก เลือกที่จะให้เวลากับครอบครัวเป็นอันดับหนึ่ง มันต้องแลกกันครับ คนที่ออกขี่บ่อยๆ ออกทริปประจำ เขาก็ต้องแลกกับการห่างจากครอบครัว ไม่มีใครผิด อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกอย่างไร
   เช้ามิวเรียนซุปเคแล้วกลับมาบ้านตอนสาย ส่วนผมอยู่บ้านทั้งวัน ไม่ได้ไปไหน มันก็เบื่อเหมือนกันนะ แต่ออกไปข้างนอกก็มีแต่สิ้นเปลืองเงิน เจอข้าวของแพงๆ ก็ไม่กล้ากินไม่กล้าซื้อ ผมเป็นคนไม่มีรายได้ไง อยู่กับที่บ้านก็กินด้วยกัน ไม่มีเงินเก็บ เลยไม่มีสิทธิ์ที่จะอยากได้ของอะไร
   ท้อแท้เหมือนกัน ดูถูกตัวเองก็บ่อย บางทีก็เหมือนว่าตัวเองไร้ค่า คล้ายอาการของโรคซึมเศร้า แต่พอผมมีกำลังใจมันก็จะพลิกไปคนละด้าน ทำตัวเหมือนกับว่าตัวเองยังคงเป็นนักทดสอบรถอยู่ หาข้อมูลด้านลบที่หาอ่านในหนังสือหรือเวปไซต์ใดไม่ได้
   นั่นแหละ คืองานหลักของผมเลย
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 19, 2013, 06:34:22 pm
18 มีค 56
   เดินออกกำลังกายยามเช้า เดินหน้า เดินถอยหลัง วิ่งสลับเดิน ฯลฯ
   วันนี้มิวเรียนซุปเควันแรก คอร์สนี้มีแค่ 5 วัน ปัญหาคือผมต้องไปรับส่งแถวสาทรในวันธรรมดา รถติดสุดๆ ๆ ๆ จอดรถที่ตึก Trinity ค่าจอด ชม ละ 30 บาท เศษปัดขึ้น หึหึ มันก็มีเศษกันทุกแหละครับ ไอ้ตึกนี้เป็นของเพื่อนนักเรียนสมัยประถมของผมเองนะ สนิทกันพอควร ตอนเล่น BMX ก็ขี่ด้วยกัน ของแต่งที่เขาเบื่อแล้วก็มาขายผม ยังจำล้อพลาสติกของ Skyway ได้เลย
   ต้องซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตวิลล่า 300 บาท ถึงจะปั๊มจอดฟรีได้ 1 ชม ครับ ร้านนี้ข้าวของส่วนใหญ่จะแพง แต่เด่นตรงมีของแปลกๆ ให้เลือก เช่นเมล็ดแฟล็กที่หาซื้อยาก ที่นี่มีเมล็ดแฟล็กกว่า 5 ชนิด ถั่วแปลกๆ ก็มีเยอะมาก ใครจะทำขนมมาซื้อวัตถุดิบได้จากที่นี่เลย
   มิวชวนไปออกกำลังกายที่ Ivy สัญญาบอกจะวิ่ง 6 กม เพื่อแลกกับน้ำสเลอปี้ (น้ำโคล่าปั่นแบบไม่ซ่า) ใน 7-11 เอาเข้าจริงได้แค่ 1.5 กม ส่วนผมเล่นกล้ามท้องไปราว 100 ครั้ง เล่นเอาพุงชา
   อ่านในเวปมีคนบอกว่าการซิทอัพไม่มีส่วนกับการลดน้ำหนัก หึหึ มันไม่ได้ลดโดยตรง แต่มันลดทางอ้อมครับพี่ เพราะการที่เรามีกล้ามเนื้อมากขึ้น ร่างกายจะเผาพลาญอาหารได้รวดเร็วกว่าคนที่มีกล้ามเนื้อน้อย ผลก็คือกินเท่ากัน แต่เหลือพลังงานสะสมน้อยกว่า ถ้าคุมอาหารดีๆ พักเดียวก็เห็นผลแล้วว่าพุงยุบ
   ผมเป็นคนขวางโลกนะ ชอบอ่าน แต่ไม่ชอบเชื่อใคร จะเชื่อก็ต้องลงมือทำเอง ขั้นตอนนี้ล่ะที่ผมจะพบอะไรอีกมากมายที่สอดแทรกอยู่
   ตอนเด็กๆ เคยอ่านหนังสือรถยนต์แล้วก็ไม่เชื่อ นำมาลองเองบนท้องถนนถึงค่อยรู้ซึ้ง นั่นคือที่มาของเทคนิคสารพัดที่แม้กระทั่งหนังสือรถยนต์ต่างประเทศยังไม่เคยเอ่ยถึง เช่นผู้ใหญ่บอกจะสตาร์ทรถต้องเข้าเกียร์ว่าง ถ้าใส่เกียร์ไว้พอบิดกุญแจปุ๊บรถจะพุ่งไปข้างหน้าทันที ผมลองทันที ผลคือรถก็พุ่งจริง ดับจริง แต่อีกสักพักผมก็จัดการกับมันได้ สตาร์ทโดยรถคาไว้ที่เกียร์ 1 ได้โดยเครื่องยนต์ไม่ดับ
   ไม่ได้อวดเก่ง ไม่ได้เทพ เลยไม่กล้านำมาเล่าบอกใคร ได้แต่เขียนเก็บไว้ให้ลูกอ่าน ไม่อยากเรียกว่าวิชาที่สาบสูญ หากแต่มันเป็นวิชาที่ยังไม่เคยเกิดในตำรามากกว่า
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 19, 2013, 06:35:25 pm
19 มีค 56
   ออกกำลังกายตอนเช้าตามปกติ เดินเหมือนๆ เดิม จนเริ่มจะเบื่อละ จักรยานนี่ไม่ได้ขี่มานานมาก แม้ผมจะชอบขี่จักรยาน แต่จักรยานมันไม่ใช่ของที่เป็นที่สุดสำหรับชีวิตผมครับ
   วันนี้เงินบาท 29.32 บาทต่อ USD แข็งค่าสุดในรอบปี มาพร้อมกับตลาดหุ้นไทยที่ตกต่ำสุดเช่นกัน
   เจ้าอากิรุ่นน้องที่เคยเอ่ยถึงอยู่หลายหน วันนี้ไปโผล่หน้าในรายการข่าวของสรยุทธตอนเช้า เฮ้ยย มาได้ไง ดังใหญ่แล้วนะนี่ เดี๋ยวต้องไปแซวในเฟซบุ๊ค
   ตอนสายไปส่งมิวเรียนซุปเค ผมจอดรถในตึก Trinity เหมือนเดิม คงจะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดจนถึงวันศุกร์ เช่นเดียวกับไปซื้อของในวิลล่า นี่ซื้อจนไม่รู้จะซื้ออะไรแล้วนะ เลื่อกเอาของที่ถูกสุดที่เขาขายก็คือน้ำมันข้าวโพด Mazola ห้างอื่นขาย 120 ห้างนี้ขาย 99 บาท เมื่อวานจัดมา 1 ขวด วันนี้ก็ได้มาอีกขวด อยากซื้อเยอะ แต่ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องมาอีก มะรืนก็ต้องมา มะเรื่องก็ยังต้องมา
   รีบเดินไปยังร้านขายกระติกน้ำ บอกเขาว่ามันใส่ในรถจักรยานไม่ได้ ใส่แล้วหลุดหลวม แม่ค้าก็ใจดีนะ ดูสภาพกระติกแป๊บเดียวก็หยิบเงินคืนให้เลย ก็น่าเสียดายนะ กระติกน้ำยี่ห้อนี้คุณภาพดีมาก ถ้ามันใส่แล้วลงล็อคกับโครงกระติกได้ก็จะแจ่มสุดๆ
   เดินแป๊บเดียวก็เบื่อแล้วครับ ตลาดนี้เหมาะกับผู้หญิงและเด็กจริงๆ ไม่ค่อยมีสินค้าผู้ชายเลย
มิวของอยู่เล่นกับเด็กๆ แถวร้านขายของ ผมเลยกลับมาบ้านนั่งพิมพ์ไดอารี่ชีวิตย้อนหลัง ไม่ได้เปิดคอมฯมา 3 วันแน่ะ
เกาหลีเหนือเปิดเผยคลิปยาว 4 นาที บอกจะโจมตี Washington DC หลังจากโดนคว่ำบาตรข้อหาทดลองอาวุธนิวเคลียร์ งานนี้มีกองเชียร์เพียบ โดยเฉพาะคนจากย่านตะวันออกกลาง
   สิงคโปร์สร้าง Terminal 4 แล้ว สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 4 ที่เชียงของก็จะเสร็จกลางปีหน้า ขี่จักรยานข้ามไปเมืองห้วยทรายได้เลย เพื่อบ้านอย่างพม่าก็พัฒนาไปแบบก้าวกระโดด ชนิดชาวโลกคาดกันไม่ถึง ส่วนไทยเราก็เดิมๆ ครับ ลูกสมุนหาทางช่วยเจ้าของพรรคกลับบ้าน ดึงสถาบันมาวิจารณ์เล่นแบบสนุกปากแนวทอล์คโชว์
   ถ้าเป็นกฎหมายไทยโบราณจะโดนประหารเจ็ดชั่วโคตรไปนานแล้ว ไม่เหลือเชื้อให้สืบต่อสายพันธุ์เดรัจฉาน
   เนรคุณ
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 22, 2013, 08:38:39 pm
20 มีค 56
   เดินออกกำลังกายอีกแล้ว ทำอะไรเหมือนเดิมๆ นานเข้าชักเบื่อแล้วว่ะ อากาศช่วงเช้านี่เย็นหน่อย พอสายแดดแรงก็ร้อนจัดเลย บ่ายนี่ไม่ต้องพูดถึง แค่เอามือโผล่ออกไปนอกชายคารับแดดยังแสบแขน แล้วไอ้พวกที่ขี่จักรยานทางไกลแบบลากยาวทั้งวันเขาทำอย่างไรกันนะ ทนๆ ไปงั้นหรอ มันจะสนุกหรอ
   สายพามิวไปเรียนซุปเคเป็นวันที่ 3 จอดรถแล้วซื้อของในวิลล่าเหมือนเดิม ปกติจะประทับตราจอดได้ 1 ชม ผมก็ขอพนักงานเขาตรงๆ แหละครับ บอกว่าขอปั๊มแบบจอด 2 ชม ได้ไหมครับ ผมพาลูกมาเรียนพิเศษซื้อของที่นี่มา 3 วันแล้ว พรุ่งนี้และมะรืนก็ต้องมาอีก พนักงานทำหน้างงเหรอหรา แล้วก็ปั๋มให้ตามที่ผมขอ
   ขากลับแวะไปรษณีย์ไปต่อทะเบียนรถครับ ผมไม่เคยต่อเองเหมือนกัน แต่วันนี้มาทำเองก็เพราะต้องการจะสอนมิว ผมสอนเขาหมดแหละครับ ทุกสิ่งที่แปลกใหม่หรือไม่เคยทำล้วนเป็นประสบการณ์
   เปิดประตูเดินเข้าไปก็งงมึนเลย มิวตรงดิ่งไปกดบัตรคิวซึ่งก็ไม่ผิด แต่ผมบอกให้เขาสอบถามเจ้าหน้าที่ด้วยว่าเราจะมาต่อทะเบียนรถ ต้องติดต่อช่องใด ต้องกดบัตรคิวหรือไม่
   เจ้าหน้าที่ชี้ไปช่องจ่ายบิลด่วน ไม่ต้องกดบัตรคิว ยืนต่อแถวได้เลย แถวตรงนี้มิวเคยมาแล้วครั้งหนึ่งตอนสอนเขาส่งธนาณัติ เจอเจ้าหน้าที่คนเดิมอีกด้วย เขาจำมิวได้ ก็เลยยิ้มแย้มเล็กน้อย ปกติพนักงานหน้าตาจะเฉยเมยมาก
   ไปต่อกันที่เซ็นทรัลพระราม 2 มิวอยากไปดูร้านหนังสือ จัดไปครับ ได้หนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มาอ่านเล่น 1 เล่ม แวะกินสเต๊คร้านซานตาเฟ่ต่อ ผมไม่ชอบอาหารแบบนี้ ยังดีที่เขามีเมนูสลัดซีซ่าร์ เลยจัดมา 1 จาน มิวกินสเต็กหมูพริกไทยดำกับไส้กรอก ตามด้วยซุปเห็ดของโปรด
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 22, 2013, 08:39:45 pm
21 มีค 56
   เช้านี้เบื่อที่จะเดินออกกำลังกาย เอาจักรยานออกขี่แทน ใช้รถ KHS F20-W และยังถ่วงข้อเท้าด้วยถุงทรายเหมือนเดิม ขี่ไม่ถนัดเลยครับ ก้นไม่คุ้นกับเบาะนั่งแบบหนานุ่ม แถมช่วงของรถก็ต่างจาก KHS HT ที่เคยขี่เยอะ ท่อคอของ F20-W สูงมาก นี่ถ้าปรับท่อคอให้ต่ำลงได้คงจะดีไม่น้อย นี่ผมคิดจะตัดมันเลยนะนั่น ถ้าขี่จริงจังคงจะต้องหาทางทำให้มันสั้นลง แต่นี่ขี่ไม่บ่อย ไม่อยากตัด กลัวเสียของ
   วันนี้มิวมีเรียนซุปเคอีกวัน ส่วนผมเดินแถวซอยละลายทรัพย์จนเบื่อแล้ว ข้าวของเครื่องใช้มีแต่ของหญิงกับเด็ก มีเสือผ้า แว่นตา แบรนด์เนมที่ผมเคยเคยเหลียวแล แถมหลังๆ นี่ยี่ห้อแปลกๆ ไม่รู้จักอีกด้วย คงจะตกยุคไปแล้ว
   เลยเดินทะลุถนนสีลมไปตึกสีลมคอมเพล็กซ์ ผ่านตึก CP Tower ที่เมื่อก่อนเคยเป็นร้านอาหารเช้าประจำของมิว ชื่อร้าน Delifrance ตอนนี้หายไปแล้ว เขาบูรณะตึกใหม่ แต่กลายเป็นมีร้าน Mos Burger แทน นี่เป็นร้านขายแฮมเบอร์เกอร์ที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมา เป็นของญี่ปุ่นครับ ใช้มะเขือเทศชิ้นใหญ่มาก แถมกัดแล้วหวาน ไม่ได้เหม็นเขียวเหมือนของไทย แปลกดี สงสัยจะเป็นมะเขือเทศญี่ปุ่น เดินเข้าไปถามว่าวันอาทิตย์เปิดเวลาใด เขาบอก 0900 จบข่าวเลย ผมอยากกินสักตอน 0700
   เดินเล่นในห้างครับ วันนี้ขอเป็นเด็กห้าง เจอแต่ของแพงๆ ตามเคย ไม่มีอะไรอยากได้นะ รู้สึกไม่อยากได้ของเหมือนตอนเด็กๆ แล้ว แค่เดินดูเล่น เปิดหู เปิดตา ย่านนี้ตอนกลางวันของวันธรรมดามีแต่คนทำงานล้วนๆ เที่ยงก็แห่กันออกมา พอบ่ายก็หายเกลี้ยง แต่นี่ปิดเทอม เลยพอมีคนจากย่านอื่นมาเดินเที่ยวเล่นบ้าง
   พักใหญ่ก็เดินกลับไปที่ห้างวิลล่าเหมือนเดิม ซื้อน้ำมันข้าวโพด Mazola เหมือนเดิม วันนี้จัดมา 6 ขวดเลย ขอเขาปั๊มที่จอดรถเพิ่มเหมือนเดิมจนพนักงานอมยิ้ม ผมบอกว่าขอพรุ่งนี้อีกวันด้วยนะ วันสุดท้ายแล้ว
   ไปนั่งรอมิวที่ซุปเค วันนี้มิวออกมาช้าหน่อย ตอนรอก็เปิดเฟซบุ๊คนั่งอ่านเล่น เจอโฉมหน้าของกลุ่มคนที่ชอบพูดเหน็บสถาบัน เลยเอาขึ้นหน้าเฟซบุ๊คของตัวเองซะ แต่ก็อีกล่ะนะ เฟซบุ๊คมันเล่นกับแบบวันต่อวัน พอพรุ่งนี้ก็มีข้อมูลใหม่แล้ว มีประเด็นใหม่ๆ แล้ว ต่างจากเวปที่ข้อมูลมันจะสะดวกต่อการค้นหามากกว่า
   ยังไงผมก็ชอบเวปมากกว่าครับ เฟซบุ๊คมันเอาไว้ติดต่อกับเพื่อนเก่าๆ ได้ดีมาก คนใช้ในแง่ลบหน่อยก็เอาไว้ปล่อยข่าวลือ สร้างข่าวลวง บ้างก็ทำเป็นร้านค้าขายของ ฯลฯ
   กลับมาบ้านมิวขอกิน Harshbrown ที่ซื้อมาเมื่อวานจากวิลล่า ผมให้กินแค่ชิ้นเดียว และบอกว่าห้ามกินตอนมื้อเย็น กินกับซอสมะเขือเทศครับ ขอชิมชิ้นเล็กๆ คำหนึ่ง อร่อยดีมาก แต่มันอ้วนมากเช่นกันนะ
   เย็นขี่รถ F20-W อีกนิดหน่อย จอดนิ่งนานจนลมยางลดลงไปมาก ไอ้คันนี้ใช้ไม่ค่อยจะคุ้มเลย ก็เพราะผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องใช้ฟังชั่นการพับน่ะครับ เลยขี่คัน Full Size มากกว่า แถมมีเบาะ Brooks อีกด้วย ติดใจไปกันใหญ่เลย ทั้งๆ ที่สองปีก่อนยังด่าเบาะ Brooks เอาไว้เยอะ ฮ่าๆ
   ไม่ได้กลับกลอกเหมือนเฉลิมล่ะ ข้อเสียของมันก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น เช่น แพง หนัก กลัวน้ำ ดูแลรักษายาก ฯลฯ ข้อดีมีเพียงข้อเดียว แต่มันดันมาเติมเต็มส่วนที่ผมขาดหายไปได้ นั่นคือขี่แล้วไม่เจ็บก้น
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on March 22, 2013, 08:43:42 pm
22 มีค 56
   ขี่จักรยานสนุกกว่าเดินและวิ่งเป็นที่สุด แต่มันได้ออกแรงน้อย จะไม่ชอบก็ตรงนี้แหละ ส่วนข้อดีนั้นมีค่ามากเกินบรรยาย ไม่ใช่เรื่องของสุขภาพนะ ถ้าจะเน้นสุขภาพน่ะ ไปเล่นกีฬาได้อีกหลายอย่าง แต่สิ่งเดียวที่จักรยานมีให้ผมนั่นคือเรื่องของ “จิตนาการ”
   ขี่แล้วความคิดไหลลื่นดีมากจริงๆ ใครทำงานใช้ความคิดสร้างสรรค์มากๆ นี่แนะนำเลย แต่ต้องขี่คนเดียวนะ ขี่เข้ากลุ่มนี่จะได้น้อย เราจะไม่ได้อยู่กับตัวเองอย่างเต็มที่ เหตุผลนี่ไงล่ะ ผมถึงชอบขี่คนเดียวประจำ
   เลยใช้การเดินและวิ่งเป็นการออกกำลังร่างกาย ส่วนจักรยานใช้ออกกำลังสมอง
   เช้านี้จัดทั่งสองอย่างเลย ยืนเส้นและเดินก่อนแล้วค่อยขี่จักรยาน แต่ก็ทำได้แค่แป๊บเดียว รีบกลับมาบ้าน เข้าโหมดปกติของคนทำงาน
วันนี้มิวเรียนซุปเคเป็นวันสุดท้ายแล้ว (สำหรับคอร์สนี้) ผมก็ดีใจที่จะได้ไม่ต้องมาคอยเดินตลาดแห่งนี้คอยถึงวันละ 2 ชม แวะซื้อของห้างวิลล่าเป็นวันสุดท้าย ของก็แสนจะแพง วันนี้หยิบเอา Harshbrown มาให้มิวอีก 1 กล่อง บอกให้กินแค่วันละชิ้น และเฉพาะมื้อเช้านะ เพราะมันอ้วนมาก
ซื้อธัญพืชอัดแท่งแบบพลังงานต่ำมา 2 กล่อง สองจิตสองใจนะ เพราะนักจักรยานทั่วไปเขาก็จะเลือกแบบให้พลังงานสูง เร็ว เอาไว้กินตอนออกทริปจะได้ระเบิดพลังได้ง่าย ส่วนผมเน้นขี่แบบสุขภาพ อยากลดพุง เลยเลือกชนิดให้พลังงานต่ำ แท่งเท่าเวเฟอร์ให้แค่ 60 Kcal หน่วยของพลังงานอาหารนี่เขาคุยกันสากลคือกิโลแคลอรี่นะครับ แต่คนส่วนใหญ่เรียกแคลอรี่เฉยๆ ซึ่งมันผิด มันหายไป 1000 เท่า ผิดอย่างมหันต์ แต่ก็ยังพบบ่อยๆ ในหน้าหนังสือ ทีวี หนักสุดคือบนซองของกินเอง เจ้าของมันยังพิมพ์ผิดเลย ไม่เชื่อลองหาอ่านดูในซูปเปอร์มาเก็ตได้เลย จะจับผิดได้เยอะมาก
เรียกว่าผิดแบบไม่รู้ตัวก็ได้ เปรียบเหมือนเรียก “กิโลเมตร” ว่าเป็น “เมตร” นี่คงพอจะเห็นภาพได้ชัด กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ราว 700 กม กลายเป็นเหลือแค่ 700 เมตรงั้นหรือ
   กลับเข้ามาบ้านตอนบ่าย อากาศร้อนแบบบ่นไม่ออก ได้ยินคนบ่นจนเบื่อหู นั่งเล่น Uke สักชั่วโมงกว่า ผมชอบมันนะ แต่ยังเล่นไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ไม่ค่อยพลิ้ว เสียงออกแข็งๆ กระด้างหน่อย ยังต้องฝึกอีกเยอะ
   มิวกลับมาบ้านก็ขอเล่นเกม ดูทีวี ตามประสาเด็กยุคใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี วันๆ หลีกหนีไม่พ้นหน้าจอ ตอนเรียนก็จ้องจอคอมฯ ตอนพักก็เล่นไอ้แพด เบื่อจากเกมก็มาจ้องทีวีต่อ ดีนะที่ผมไม่เอาเกมใส่ในมือถือ ไม่งั้นโดนขอยืมเล่นอีก
   ส่วนผมก็วางแผนชีวิตไปเรื่อย เข้าเวปจักรยาน เจอ “คุณอิท” ฝากข้อความไว้ว่าให้โทรกลับมาคุยเรื่องนักเขียนในนิตยสารจักรยานที่จะออกใหม่
   รีบกดโทรทันที ไม่รีรอเลย แนะนำตัวสั้นๆ แล้วจู่โจมเข้าประเด็นเลย ผมอยากรู้ว่าหนังสือของเขาเป็นค่ายใด แนวไหน อย่างไร
   แล้วก็ต้องอึ้ง กลายเป็นนิตยสารหัวนอกมาจากอังกฤษ !!! เอาอีกแล้ว กูเจองานแปลอีกแล้ว
   แล้วก็ไม่ผิดหวัง เขายิงคำถามตรงมาเลย “คุณแปลได้ไหมครับ”
   แปลน่ะได้ครับ แต่มันเป็นงานที่ไม่ได้ใช้ทักษะด้านจักรยานของผมเลย เอาไงดีวะ กลั้นใจตอบปฏิเสธไป บอกว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่ถนัด กลัวเจอศัพท์ของวิทยาศาสตร์ทางกีฬาแล้วแปลผิดแปลถูก กลัวจะทำงานของเขาล่าช้า
   เขาขอตัววางสายไป ผมนึกในใจ ว่าแล้ว กูอดอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไร ชีวิตกูล้มเหลวมาเยอะพอๆ กับโทมัสเอดิสัน ตอนนี้กูหาเจอแต่วิธีที่ผิดพลาดอยู่ อีกหน่อยกูคงจะทำให้หลอดไฟส่องสว่างเหมือนกับเขาได้บ้าง
   เย็นเอารถพ่อไปเข้าศูนย์ หน้าจอขึ้นมาว่า Service C ทำอะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ใช้บริการอู่นอกครับ ไม่ไกลจากบ้านนัก เอาจักรยานพับใส่ท้ายรถไปจะได้ขี่กลับบ้าน รถคันเล็กสุดที่มีตอนนี้คือ Neobike 16
   รถพ่อคันนี้อายุ 10 ปีแล้วครับ แรกๆ พ่อใช้ หลังๆ ไม่ชอบแล้วก็ไม่ขับอีกเลย กลายเป็นว่าผมต้องนำไปใช้แทน ไม่งั้นแบตฯเสีย บอกตามตรงว่าไม่ชอบมันเท่าไหร่ มันขับแล้วเหมือนรถไม่มีวิญญาณ ขับสบายจริง แรงจริง เกาะดีจริง แต่มันตอบสนองเราแปลกๆ คันเร่งไฟฟ้า พวงมาลัยไฟฟ้า ไอ้สองอย่างนี้แหละครับคือตัวการหลัก มันเก็บซ่อนอาการต่างๆ ไว้จนหมด ไม่ส่งไม่สื่อสารอะไรมาถึงเราผู้ขับเลย
   แต่กับ Nissan 180SX ที่ไม่มีระบบอะไรช่วยเลยแม้แต่น้อย มีแค่พวงมาลัยเพาเวอร์ธรรมดา (ไม่ได้แปรผันตามความเร็ว) เจออะไรผิดพลาดมันก็ฟ้องให้เรารู้ตลอดเวลา คันเร่งสายที่กดแล้วจะหนักเท้าตามแรงดึงของสลิง กะน้ำหนักได้ง่ายกว่าพวกคันเร่งไฟฟ้า แม้ไม่แรงเท่า ไม่นุ่มสบายเท่า แต่ขับสนุกกว่าเยอะมากๆ
   ขี่จักรยานก็ยังคงสวมบทบาทนักทดสอบนี่อยู่แหละครับ ขี่แล้วจับรายละเอียด หาจุดอ่อนจุดแข็งของผลิตภัณฑ์นั้นๆ สนุกดีนะ ชีวิตไม่จืดชืด ผมต้องมองเหรียญทั้งสองด้าน แล้วคิดวิเคราะห์ส่งถ่ายออกมาเป็นตัวหนังสือ
   เย็นคุณอิทโทรมาหาอีกรอบ บอกอยากคุยเพิ่มเติม งงเลย ตอนแรกคิดว่าเขาไม่เอาเราแล้วไง ตั้งตัวไม่ถูก มาคราวนี้โดนยิงคำถามใส่เยอะ ผมก็ตอบไปตามตรง ไม่ต้องวางฟอร์มอะไรกัน บอกเขาแบบแมนๆ ว่าไม่ค่อยรู้เรื่องของแต่ง ไม่ได้สนใจด้านนี้ ผมขี่แต่ทัวริ่ง ส่วนใหญ่จะออกเดินทางคนเดียว
   “ขี่ไปไหนมาบ้างครับ” คุณอิทถาม
   เออ ผมไม่ได้ไปไหนมานานมาจนลืม วันๆ มีแต่แบกยกของ สมัยก่อนที่หลังยังไม่เจ็บถาวรนี่ ขับรถส่งของเอง แบกเอง ซัดเองคนเดียวหมด
   นึกย้อนถึงข้อมูลเก่า ก็เล่าเรื่องขี่ไประยองให้เขาฟัง ทริปแรก อยากจัดแบบโหดๆ เลยขี่ไป 260 กม ใช้เวลา 17 ชม ออกจากบ้านตีสี่ถึงที่พักสี่ทุ่ม โดนฝนแบบเปียกและแห้งไป 3 รอบ ช่วง 30 กม สุดท้ายนี่มีลมทะเลพัดกระหน่ำอย่างแรงจนรถแทบล้ม (เพราะมี Panniers สีใบ)
   ดูท่าทางเขาจะสนใจดีนะ เลยบอกให้ผมเขียนเล่าเรื่องนี้มาหน่อย บ๊ะ ได้เลยครับ เดี๋ยวจัดให้
   อย่างนี้สิ ชีวิตค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย 
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:03:00 am
23 มีค 56
   ไม่วิ่งแล้วโว๊ย ขี่จักรยานเรียกจิตนาการอย่างเต็มที่ ไม่ได้ทำหนังสือเอง ขอเป็นนักเขียนให้คนอื่นเขาก็ยังดีวะ แต่ถ่วงถุงทรายแล้วมันขี่แบบรอบขาสูงๆ ไม่ดีเลยนะ โอเค มันได้ออกแรงเยอะจริง แต่รถมันทรงตัวแย่ สู้ขี่ด้วยรองเท้าแตะไม่ได้
   จากเดิมที่แต่งตัวครบชุด อุปกรณ์พร้อมครบครัน ก็กลายเป็นถอดออกไปเรื่อย จนล่าสุดนี้แต่งตัวแบบชาวบ้านๆ นี่แหละ กางเกงขาสั้น เสื้อยืดคอกลม รองเท้าแตะ หมวกก็บ้างไม่ใส่บ้าง ต้องการทำตัวให้กลมกลืนกับชุมชนที่เราขี่ผ่าน
   อุปกรณ์ติดรถที่ดูมีค่าราคาแพงก็ไม่อยากใช้ละ Pannies ยี่ห้อแบรนด์เนมซื้อมาหลายปี ใช้ไปไม่กี่ครั้ง ตอนนี้อยากใช้ของแบบถูกๆ ให้มันดูว่ารถเราไม่แพง ไม่น่าสนใจ เชื่อมโยงกับ Project Rat Bike ที่ทำไว้นานแล้ว
   วันนี้มีงาน Air Show ที่ดอนเมือง เครื่องบินผาดโผนของ Britling Jet Team มาบินโชว์ที่ดอนเมือง เวลา 0900-1200 แต่เอาเข้าจริงงานเริ่มเอาตอน 1100 คนบ่นกันอุบ ผมเองก็อยากพามิวไปดู แต่ก็ติดภาระที่ต้องเฝ้าร้านขายของ เซ็งนิดหน่อย
   บ่ายพามิวไปเรียนคุมอง กลับมาบ้านก็เล่น Uke เกือบ 2 ชม เมื่อยนิ้วไปหมด เย็นไปรับรถของพ่อจากศูนย์ ขี่จักรยานไป แล้วใส่ท้ายรถกลับมา สะดวกสุดๆ เลย
   หัวค่ำมีเวลาส่วนตัวเล็กน้อย ออนไลน์เช็คข่าว เจอเมลล์คุณอิทส่งรายละเอียดของหนังสือจักรยานมาให้ คอลัมน์แรกของผมจะเป็นการขี่ทางไกลไประยองในช่วงหน้าฝน ยังดีนะที่ผมมีไดอารี่ชีวิตบันทึกเอาไว้ เปิดอ่านย้อนหลังแล้วนั่งนึกถึงเหตุการณ์ ใส่เพิ่มเติมรายละเอียดเข้าไป เช่นการขี่รถขณะฝนตก เราต้องเจออะไรบ้าง ควรทำอย่างไร สิ่งใดควรระวัง จุดใดที่อันตราย วิธีแก้ไข วิธีหลีกเลี่ยง ฯลฯ
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:07:20 am
24 มีค 56
   ไฟโชนกาย เช้านี้ไปเก็บภาพป่าชายเลนแบบอัปเดท ที่จริงผมมีภาพของสถานที่นี้อยู่แล้ว แต่ช่วงนี้อากาศร้อนจัด ผมอยากรู้ว่าบรรยากาศจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่ อย่างไร
   ปกติจะขี่จักรยานไป แต่วันนี้สวมวิญญาณนักเขียนแนะนำแหล่งท่องเที่ยว เลยขับรถยนต์ไป จะได้แนะนำจุดจอดรถด้วย ผมชอบทดลองจริง สถานการณ์จริง ขับจริง ขี่จริง เล่าจริง
   จอดรถที่ลานจอดรถหน้าโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ครับ นึกขึ้นได้ว่าเคยมาปลูกป่าชายเลนกับกลุ่ม TCHA เมื่อหลายปีก่อนโน้น ปลูกกันที่ด้านหลังโรงเรียนนี่แหละครับ ลองเดินเข้าไปดูสักหน่อย ไม่ได้มาเหยียบที่นี่นานมาก แม้จะมาย่านนี้บ่อย แต่ก็ข้ามไปฝั่งชายทะเลแทน
   โอ้โห เปลี่ยนไปเยอะมาก สถานที่กว้างขวางขึ้น ใหญ่ขึ้น เป็นระบบมากขึ้น เลยได้ไอเดียเขียนเล่าแนะนำสถานที่ จากเดิมจะเล่าเรื่องชายทะเล กลายเป็นเล่าจุดนี้ก่อนดีกว่า สวย เงียบสงบดีมาก
   วันนี้ผมไปแบบสดๆ เลยนะ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น และรถ Neobike 16 ไม่ได้ทาครีมกันแดดอีกด้วย กะว่าจะมาแบบรีบไปรีบกลับ ไม่น่าเชื่อ ผมอยู่จุดนี้นานเกือบ 2 ชม นั่งเล่นมันเกือบทุกมุมเลย เก็บภาพมาพอควร สไตล์เดิมครับ ใช้กล้องมือถือธรรมดาๆ นี่แหละ
   มาตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้า อยู่ถึง 0900 แดดร้อนแรงจัดตั้งนานแล้ว แต่พอก้าวออกมานอกถนนใหญ่มันยิ่งอบอ้าวมากขึ้นไปอีก บรรยากาศป่าชายเลน และหนองน้ำขนาดใหญ่ช่วยบรรเทาความร้อนไปได้มากจริงๆ ครับ
   กำลังจะขึ้นรถกลับอยู่แล้ว นึกขึ้นได้ว่าอาคารด้านข้างโรงเรียนเขาจัดเป็นพิพิทธภัณฑ์ท้องถิ่น ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองเข้าไปเยี่ยมชมสักหน่อย ก็เป็นที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้โบราณในท้องถิ่นน่ะครับ ย่านนี้ก็จะมีพวกเครื่องมือหาปลาในอดีต หน้าตาแปลกประหลาด ขนาดผมเกิดในยุคนั้น ยังไม่เคยเห็นตั้งหลายชิ้น ถ้าเป็นเด็กๆ นี่คงจะงงว่ามันใช้งานอย่างไร ถ้ามองผ่านๆ ก็จะเห็นเป็นแค่กองของเก่า แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆ ทีละชิ้นก็จะพบเรื่องราวต่างๆ ในตัวมันเอง
   ก็เหมือนชิ้นงานศิลปะน่ะครับ คุณค่าก็จะอยู่ที่ว่าผู้ชมเข้าถึงได้มากน้อยเพียงใด ทีห้องนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำด้วยนะครับ ใครอยากทราบอะไรเพิ่มเติมก็สอบถามเจ้าหน้าที่เขาได้ การเข้าชมก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย
   สภาพห้องเป็นอาคารไม้เก่าๆ ดูโทรม เจ้าหน้าที่บอกว่าอีกสักพักใหญ่จะย้ายไปตึกสีเขียวที่อยู่ริมถนนโน่น พูดพลางชี้ไปข้างหน้า โอ้โห ถ้าอยู่ตรงนั้นก็น่าจะจัดวางได้สวยกว่านี้เยอะเลย
   คำถามสุดท้ายก่อนจากของผมคือเรื่องร้านอาหาร เจ้าหน้าที่บอกว่าที่วัดหัวกระบือ (ซอยเทียนทะเล 19) จะมีตลาดน้ำในวันหยุด วันนี้วันอาทิตย์ก็น่าจะมีนะ ลองไปดูสิ
   บ๊ะ รู้ใจจริงเลย รู้ได้ไงว่าผมชอบตลาดน้ำ รีบจัดทันที แม้ไม่รู้จักทางก็งมมันไปเรื่อยๆ หลงนิดหน่อยเพราะกลับรถผิดจุด แต่ก็มาถึงจนได้ แล้วก็ต้องตกใจ อ้าปากหวอ
   เฮ้ยย ทำไมตลาดน้ำเป็นแบบนี้เล่า มันเป็นตลาดบกที่ขายริมน้ำ แถมอาหารก็แบบเห่ยมาก ดูไม่น่ากิน เหมือนร้านแบบกินกันตาย มองปราดเดียวก็อยากกลับเลย
   
   กลับถึงบ้านสิบโมงกว่า อ้าว มิวกลับมาแล้วหรอ (เขาไปเรียนพิเศษ) ผมรีบอาบน้ำทันที ส่วนมิวก็ขอเล่นเกมผ่อนคลายสมอง มีสตีฟเป็นเพื่อนเล่นข้างกาย จนผมต้องเตือนบ่อยๆ ว่าให้ลุกขึ้นเดินเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง ละสายตามองไปไกลๆ มองต้นไม้เขียวๆ บ้าง
   หิวจัด กินซาลาเปาไป 2 ลูกโตๆ อีกพักเดียวภรรยาชวนไปกินสุกี้ มิวบอกเบื่อ เปลี่ยนเป็น Sizzler แทน โห รู้งี้ไม่น่ากินซาลาเปาเลย
   สอนลูกเสมอครับว่าอาหารแบบบุฟเฟ่ต์นี่จุดเด่นของมันคือความหลากหลาย เราไม่ต้องกินเยอะให้คุ้มเหมือนที่คนส่วนใหญ่ชอบทำ มันไม่ดีต่อสุขภาพเราเองในระยะยาว กินบุฟเฟ่ต์ให้ฉลาดก็คือกินของที่เราปกติไม่ค่อยได้กิน ลองความแปลกใหม่ ลองแล้วชอบก็จดจำเอาไว้ ลองแล้วไม่ชอบก็ยิ่งต้องจำ
   ผมตักสลัดเลือกผักที่หลากหลายสีสัน บีทรูท ฟักทองย่าง แครนเบอรี่ ผักโขม หอมใหญ่ ฯลฯ ราดด้วยน้ำสลัดอิตาเลี่ยน (น้ำใส) มิวชอบซุปเห็ด ภรรยาชอบหอยแมลงภู่ กินเสร็จก็เดินเล่นร้านไดโซ แล้วก็กลับบ้าน
   มื้อเย็นทำกินกันเองที่บ้าน ทำผัดไทยครับ แต่ผมไม่ชอบ มันอ้วนมาก เลือกกินส้มตำแทน
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:12:19 am
25 มีค 56
   ตื่นตี 4 พ่อแม่ไปต่างประเทศ พามิวไปด้วย เขาไปไต้หวันกันครับ นี่ถ้าผมว่างก็คงไปตั้งแต่ต้นเดือน อยากไปดูงาน Bike Show คิดอยากมาหลายปี ไม่เคยมีโอกาสไปสักครั้ง
   เขาไปกัน 5 วันครับ นั่นแปลว่าผมต้องเฝ้าอยู่ร้านขายของตั้งแต่เช้าจรดดึกตลอด 5 วัน หึหึ คิดบวกเข้าไว้ คิดบวกเข้าไว้
   และ 5 วันจากวันนี้ ผมคงไม่รู้จะหาอะไรมาเล่าในไดอารีชีวิตเหมือนกัน เพราะอยู่ร้านก็เจอบรรยากาศเดิมๆ ตอนสายมีแอบสัปหงกเล็กน้อยอีกด้วย
   เออ แล้วเรื่องงานเขียนที่นิตยสารจากอังกฤษเขาให้ผมช่วยเขียนคอลัมน์ท่องเที่ยวล่ะ จะทำยังไงกันดีล่ะนี่
ปัดโธ่ นั่งเฝ้าอยู่ร้านแบบนี้จะมีหัวสมองโลดแล่นกันได้อย่างไรกันเล่า
กลางคืนช่อง 9 มีรายการ VIP เขาถ่ายทำเกี่ยวกับ Britling Jet Team แบบเต็มๆ เลย นั่งดูแล้วคิดถึงมิวทันที มิวเห็นจะต้องชอบแน่ๆ
อืม ตอนนี้มิวกำลังทำอะไรอยู่นะ
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:22:40 am
26 มีค 56
   วันนี้เป็นงานวันสื่อมวลชนของงาน Bangkok International Motor Show ก็ชักจะเริ่มชิน เป็นอีกปีที่ไม่ได้ไปครับ มาเฝ้าร้านขายของแทน น่าเศร้าใจนิดๆ นึกว่าจะได้อัปเดทข่าวสาร ได้พบปะเพื่อนๆ ในวงการรถยนต์ ได้ไปให้ฝ่าย PR ของแต่ละค่ายเขาเห็นหน้า ให้เขารู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ แม้จะหลุดวงโคจรไปแล้ว แต่ก็ขอโคจรอยู่วงรอบนอกก็ยังดี
   ฝันอยากเป็นนักทดสอบรถอันดับหนึ่ง แต่ทุกวันนี้ต้องหารถดูตามห้าง Big C แม่ง ช่างน่าอนาถตัวเองจริงๆ
   ไม่เป็นไรครับ ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลงตามกรรมที่เราทำไว้ ทำดีก็ได้รับกรรมดี ทำชั่วก็เช่นเดียวกัน ส่วนผมประเมินตัวเองแล้วยังคงทำดีไม่มากพอ ต้องทำเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าชีวิตจะดีขึ้น
   
   รถ KHS HT ขี่ประจำลมยางหายเกลี้ยง ผมใช้ขาตั้งคู่ไง ตอนจอดล้อหลังมันจะลอยขึ้น ก็เลยมองไม่เห็นว่ามันยางแบน มองหารูรั่วก็ไม่เจอ แบบนี้ต้องอัดลมแล้วจับแช่น้ำสถานเดียว
   สำหรับคนที่ชอบใช้ยางในจนถึงที่สุดอย่างผมยังไม่ต้องถอดยางออกจากวงล้อนะครับ สูบแค่ลมเข้าไปแล้วจับทั้งวงล้อมาแช่น้ำ เริ่มจากบริเวณวาล์วลมก่อนเพื่อนเลยครับ ยางเก่าๆ มันจะเสื่อมรั่วตรงโคนนี่แหละ หากจับโยกดูแล้วมีฟองปุดๆ ขึ้นมาก็หายางในเส้นใหม่ได้เลย
   กลับถึงบ้าน 0900 รีบอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน ไม่ได้ไปทำอะไร แต่มันเพลียจริงๆ
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:25:02 am
27 มีค 56
   ตื่นสายอีกแล้ว ขนาดเมื่อคืนนอตแค่ 1000 นะนี่ ปกติตื่น 0500 บ้างก็ 0530 วันนี้เล่าเอาเกือบจะ 0600
   เอารถ KHS F20-W ออกขี่แทน ไอ้คันนี้ขี่ยังไงก็ไม่ถนัด ท่อคอมันสูงเกินไปหน่อย หรือจะเรียกว่าผมเตี้ยเกินไปก็ไม่ผิด อยากจะตัดมันแต่ก็กลัวเสียดายของ ทนๆ ขี่แบบสูงๆ ต่อไป
   ผมขี่รถแฮนด์ต่ำจนคุ้นแล้ว รถคัน HT ตอนนี้แฮนด์ผีเสื้อก็จริงแต่ต่ำกว่าเบาะราว 2 นิ้ว น่าแปลกที่ขี่แล้วสบายกว่าตอนแฮนด์อยู่สูง น่าคิดนะว่ามันเป็นเพราะอะไร ทำให้นึกถึงพวกขี่เสือหมอบ เห็นเขาก้มต่ำกันนานๆ แล้วยังเมื่อยแทน แต่ถ้ามันเมื่อยจริง พวกเขาจะขี่ได้อย่างไรไกลๆ นานๆ
   แบงค์ 20 แบบใหม่ล่าสุดจะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 เมษายนนี้ ล็อตแรกออกมา 200 ล้านฉบับ
   ช่วงนี้ใช้รถ 180SX อย่างเดียวเลย แม้จะเก่าโทรมแก่ แต่มันขับสนุกชะมัด นี่ขนาดเป็น AT นะ ถ้าได้ MT ล่ะก็ …
   อยู่เฝ้าร้านขายของไม่ได้ไปไหน สมองตันจริงๆ นึกถึงงานเขียนที่จะส่งให้คุณอิทแล้วช่างมืดมน เพราะกลับถึงบ้านก็หมดแรง อาบน้ำเสร็จก็อยากนอน ลงมาเปิดคอมฯได้นิดหน่อยพอเช็คข่าวสาร สมองมันไม่แล่น จะเขียนเล่าอะไรก็ไม่สนุก ขนาดไดอารี่ตัวเองยังจืดๆ อย่างเห็นได้ชัด
   กลางวันมีข่าวแผ่นดินไหว 6.1 ริกเตอร์ที่ไต้หวัน รับรู้ได้ทั่วทุกจุดในเกาะ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ไม่มีอุบัติเหตุใหญ่ อ้าว ฉิบหาย พ่อแม่มิวเพิ่งจะไป
   วันนี้กลับเร็วหน่อย เพราะงานน้อย อาบน้ำเสร็จก็อยากจะล้มตัวลงนอน เพลียกาย เพลียใจจริงๆ
   คิดถึงมิว
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:28:01 am
28 มีค 56
   หมดแรงฝัน หมดแรงบันดาลใจ ไร้จิตนาการ หายใจทิ้งไปวันๆ นี่คือชีวิตของผมในระยะนี้ วันนี้ตื่นเช้านะ เอารถพับออกมาขี่อย่างเนือยๆ ปกติขี่แป๊บเดียวจิตนาการพุ่ง ไอเดียแล่น วันนี้ได้แต่หมุนขาอย่างเดียว หัวมืดทึบ
   กลางวันคนงานทำสินค้าตกแตก เจ้าของร้านบอกให้ผมไปเก็บ งงสุดๆ ไม่ได้ขี้เกียจนะ แต่ระบบมันจะเสีย กลายเป็นว่าเราต้องคอยตามเช็ดล้างสิ่งที่เขาทำผิดพลาดหรือนี่
   วันก่อนก็ให้เติมน้ำมันเครื่องให้รถคนงาน เติมน้ำกลั่น อีกหน่อยคงล้างรถ ดูดฝุ่น ขัดเคลือบสี ฯลฯ
   การบริหารคนของเขาและผมต่างกันแบบคนละโลกครับ เขาก็มีแนวคิดของเขา ส่วนผมจะมองไปไกลมาก คือถ้ายังบริหารแบบนี้ ต่อไปอีกสิบปี ก็ยังคงต้องทำอยู่อย่างนี้ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นี่ผมอยู่ร้านนี้มากว่าสิบปีแล้ว ทุกอย่างยังคงเดิม ปัญหาเดิมๆ เกิดตลอดตั้งแต่วันแรกที่ผมมา จนถึงวันนี้ โอ้ พระพุทธเจ้า
   เบื่อแบบไม่รู้จะเบื่ออะไรอีกแล้ว
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:30:35 am
29 มีค 56
   วันนี้แล้วสินะที่มิวจะกลับมา คิดถึงจังเลย อยู่ด้วยกันทุกวัน แล้วจู่ๆ ก็หายไป แต่มิวคงไม่เหงาแน่ ได้เที่ยวอย่างสนุกสนาน
   ไม่ได้ขี่จักรยาน ไม่ได้ออกไปไหน ปล่อยให้ชีวิตล่องลอยไปเรื่อยๆ ในพะวงแต่เรื่องงานเขียนที่จะส่งให้คุณอิท นี่ผมไม่ได้แตะคอมพิวเตอร์เลย แถมอยู่แบบนี้สมองแม่งตันสุดๆ แล้ว
   มิวกลับมาตอนสองทุ่มกว่า รีบโชว์รองเท้า Onisuka Tiger ไอ้ยี่ห้อนี้ของปลอมเยอะมาก พลิกป้ายดูด้านในเห็น Made in Thailand จึงมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ (บางรุ่นทำในไทย บางรุ่นเวียดนาม) เลือกมาซะคู่ใหญ่เชียว บอกหน้าตาเฉยว่าเผื่อโต
   เปิดกระเป๋าอีกด้านเจอชาเขียวอีกหลายกล่อง มิวบอกซื้อมาฝากพ่อ เป็นชาเขียวแบบที่ผมชอบชงกินประจำ เป็นแบบผงละลายได้ทั้งน้ำร้อนน้ำเย็น กินง่าย พกสะดวก ชงเร็ว มิวกินตั้งแต่เด็ก นี่ผมก็หยุดพักมาหลายเดือนแล้ว งอนมัน เพราะมันขึ้นราคาบ่อยมาก กินตั้งแต่ซองละไม่ถึง 300 จนตอนนี้ราคา 350 บาท นี่ขนาดค่าเงินบาทแข็งมากแล้วนะ และไอ้ชาเขียวแบบเดียวกันนี่แหละ ผมซื้อที่สนามบินนาริตะ (ทำเลที่ของแพงมาก) ราคา  600 เยนเท่านั้นเอง (180 บาท)
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:33:22 am
30 มีค 56
   เช้าเฝ้าร้าน บ่ายเรียนคุมอง แล้วรีบกลับบ้าน นี่วันนี้ผมมีงานเลี้ยงรุ่นของโรงเรียนสวนกุหลาบด้วยนะ มาชนกันเอาวันนี้พอดีเลย เฮ้ออ เลยไม่ได้ไปครับ ต้องอยู่บ้านจัดข้าวของให้ลูกด้วย
   เป็นการจัดของที่ยาวนานมากถึง 6 ชม เริ่มจัดของตอน 0400 เสร็จเรียบร้อยตอน 1000 เฉพาะการแพ็คจักรยานขึ้นรถก็หมดไปกว่า 1 ชมแล้ว ปกติจะโหลดแบบเต็มคันไม่ต้องถอดล้อหน้า แต่ต้องแลกกับการเสียพื้นที่ของเบาะหลังไป (ต้องพับเบาะหลัง 100%) แต่วันนี้ลองถอดล้อหน้าดู เลยพับเบาะหลังแค่ 50% ทำให้มิวที่นั่งด้านหลังเหลือพื้นที่เพิ่มขึ้นเยอะ
   ไปกันถึง 10 วัน ถ้าไปต่างประเทศก็ง่ายมาก ใช้กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ จบ แต่นี่ต้องใส่กระเป๋าเสื้อผ้าในรถที่มีจักรยานอยู่ 2 คัน ใช้กระเป๋าเดินทางไม่ได้ ต้องใช้กระเป๋าเล็ก ไม่ก็กระเป๋าผ้าที่ชนโดนจักรยานแล้วไม่เป็นไรทั้งสองฝ่าย
   หยิบเอากระเป๋ารถพับของ KHS มาใช้ มันก็โอเคดีนะ ใส่ของได้จุมาก หิ้วแล้วน่าเกลียดหน่อย ทนเอา จัดใกล้เสร็จอยู่แล้วเหลือบไปเห็นกระเป๋าผ้าใบใหญ่คล้ายของแม่ค้าจตุจักร เฮ้ยย อันนี้เวิร์คกว่า ทรงมันเหลี่ยมๆ จัดของง่าย วางง่าย วางตั้งได้ด้วย ไม่ล้ม
   ผมจัดของผมถึง 6 ชม ส่วนมิวน่ะหรอ จัดแค่ 10 นาทีเสร็จ เฮ้ย มันสุดยอดมากเลย จัดเสื้อผ้าสำหรับอยู่ 10 วันได้ภายในเวลาแค่ 10 นาที จัดเรียบร้อยด้วยนะ ม้วนเสื้อแล้วเรียงอย่างดี แถมยังมีหนังสืออ่านเล่นติดมา 1 เล่มปิดท้าย
   เฮ้ย แม่งเจ๋งว่ะ ผมต้องเรียนรู้อะไรจากมิวอีกเยอะเสียแล้ว
   คือบางทีเราคิดมากไปไงครับ แถมยังคิดเผื่อโน่นเผื่อนี่สารพัด มิวบอกสมองเด็กๆ เขาไม่คิดอะไรมากหรอกพ่อ ไป 10 วันก็จัดมา 10 ชุด จบแล้ว พอแล้ว ชุดนอนก็ใส่ซ้ำๆ ได้
   ส่วนผมนอกจากเสื้อผ้าสำหรับ 10 วันแล้ว ยังมีชุดจักรยาน ที่ประกอบด้วยสารพัดของใช้ ผ้าคลุมหน้า ผ้าคลุมหัว ถุงมือ กางเกง เสื้อ หมวกนิรภัย เอาคอมพิวเตอร์ไปด้วย กะว่าน่าจะมีงานเขียนกลับมาสัก 1 ชิ้นเป็นอย่างน้อย ยังไม่พอ ปิดท้ายด้วยเอา Uke ไปเล่นแก้เหงา ไปตัวเดียวเล่นไม่ได้ ต้องมีหนังสือเพลงอีกปึกใหญ่ๆ
   เยอะครับ อยู่นาน กลัวเบื่อ เลยจัดของเล่นไปซะเต็ม ถ้านับเฉพาะของเล่นนะ ผมยกให้จักรยานเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ Uke ส่วนพวกไอแพด และคอมพิวเตอร์ หรือมือถือนี่ผมเฉยๆ นะ พยายามจะห่างจากของพวกนี้ให้มากอยู่แล้ว
Title: Re: มีค 56
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:38:04 am
31 มีค 56
   ออกจากบ้าน 0630 กะว่าจะขับไปแบบเรื่อยๆ วันนี้ยืมรถพ่อมา เป็นรถ Isuzu Trooper คันใหญ่โต แต่รถเก่าโทรมแก่ วิ่งด้วยแก๊ส กดสุดๆ ไปได้แค่ 120 นี่เค้นแล้วนะ จากเดิมที่ของใหม่ๆ ตอนนั้นเจอทางตรงโล่งยาวแถวหน้าสนามพีระฯ กดทดสอบไปได้ 185 กลางสายฝน รถยังเกาะหนึบๆ มาตอนนี้ไม่ไหวแล้ว สภาพนี้เลี้ยวแรงหน่อยเดียวยังกลัวล้มเลย
   รถมันช้าทำให้เราขับแบบใจเย็น ไม่เร่งแซงถ้าไม่จำเป็น ก็ดีตรงประหยัดน้ำมัน และปลอดภัย แต่หากช้าเกินไปก็จะเกะกะเพื่อนๆ คันอื่นบนท้องถนน ขับรถจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ได้ ต้องขับให้ความเร็วพอๆ กับรถคันหน้า (ถ้าเขาไม่ได้ขับเร็วเว่อร์) มันถึงจะลื่นไหลไปด้วยกันทุกคัน
   ใช้ทางด่วน และเชื่อมต่อบูรภาวิถี ขับลากยาวลงบางปะกง กำลังสบายๆ ก็ต้องตกใจ เฮ้ยย รถติดๆ ๆ ท้ายแถวยาวมาก นึกขึ้นได้ว่ามันยังอยู่ในช่วงเทศกาลเชงเม้ง พอใกล้ด่านทางลงที่จะไปเชื่อมกับมอเตอร์เวย์รถก็โล่งครับ ขับสบายไปได้แป๊บเดียว ตาถลนอีกรอบ ป้ายไฟบอกว่าทางลงบางปะกงท้ายแถว 3 กม โหหห
   แต่มาถึงนี่แล้ว หนียังไงก็ไม่พ้น ช่วงนี้กดแต่แป้นเบรกอย่างเดียวเลย ติดอยู่กว่า 30 นาที พอลงไปได้ก็ให้ลูกเลือกเส้นทางให้ว่าจะไปทางถนนเลี่ยงเมือง หรือขับเข้าตัวเมืองดี
   มิวเลือกเข้าตัวเมือง เลยได้แวะกินมื้อเช้ากันที่ร้านโภชนากร หนองมน ร้านนี้เคยมากินแล้วครั้งหนึ่งตอนวันเด็กสองปีก่อน ตอนนั้นพามิวมาดูเรือรบจักรีนฤเบศ บังเอิญอีกแล้วที่เจ้าของร้านเป็นเพื่อนนักเรียนสวนกุหลาบ ชั้นเดียวกัน แต่คนละห้อง ไม่สนิทกัน แต่คุ้นหน้า
   มาวันนี้แวะแบบตั้งใจเลย มิวกินบะหมี่น้ำ ผมกินข้าวหมูแดง รสชาติดีครับ นั่งกินไปก็สังเกตไป ร้านนี้คนเยอะกว่าเพื่อน เพราะเก่าแก่ อยู่มานานดั้งเดิม
   พูดคุยทักท้ายเป็นระยะ ผมออกเดินทางต่อ ตอนอยู่บนทางยกระดับคุยกับมิวว่าเดี๋ยวผ่านพัทยาแวะกินร้านแม่ศรีเรือนกันอีก พอตอนนิ้มิวอิ่มมาก ขอหลับ บอกไม่ต้องแวะที่ไหนแล้ว
   จากจุดนี้ใช้เวลาขับอีก 1 ชม ถึงสัตหีบ ผ่านพัทยา เมืองที่ผมไม่ได้เข้าไปเหยียบกว่า 20 ปี ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมีคอนโดอยู่บนเขาพระตำหนักใกล้ทะเล แต่พอมาเที่ยวแล้วเจอรถติดแบบมหาศาล เลิกเลยครับ ที่บ้านไม่มีใครอยากมาอีกเลย วันหยุดแทนที่จะพักผ่อนสบายๆ บ้านผมอยู่บนเขา ลงไปพัทยาใต้แค่ไม่ถึง 2 กม ใช้เวลาไป 2 ชม แถมหาที่จอดรถไม่ได้ พอจอดได้ก็เจอร้านบอกว่า “ข้าวหมด”
   นั่นคือประสบการณ์ช่วงเทศกาลนะ ทำให้เข็ด ไม่เที่ยวเทศกาลอีกเลย ถ้าจะเที่ยวก็ไปมันต่างประเทศกันเลย เพราะมันเสียเวลาจริงๆ ครับ สุดท้ายก็ขายคอนโดไปถึง 2 ห้อง ผมเล่นอะไรก็จะเล่นก่อนคนส่วนใหญ่ มีคอนโดตั้งแต่เขายังไม่ฮิตกัน ทำเลสวย เงียบ สงบ อากาศดี อยู่บนภูเขา สุดยอดมาก
   ผ่านตรงไหนก็นึกถึงภาพเก่าๆ ที่เราเคยพบเห็น เจอสถานที่แปลกใหม่แบบไม่รู้จักก็เยอะ เช่น มิโมซ่า ทำเป็นบ้านฝรั่งแบบเมืองหนาว แต่ไทยมันโคตรร้อน แถมอยู่ริมถนนสุขุมวิทอีกด้วย ไม่เข้ากันแบบสุดๆ แต่ก็เรียกคนได้เยอะครับ คนไทยชอบของแปลกอยู่แล้ว มะละกอหัวควาย หมูสองหัว ควายสามขา ปลาไหลเผือก อะไรก็ได้ ขอให้แปลก จัดมาให้พีไทยได้เลย ไหว้แล้วยั้งขอปิดทองลูบคลำ สุดท้ายขอเลข ถ้าโดนแดกก็ลืมมันไปซะ แต่ถ้าได้ล่ะก็ แม่งดังโครตๆ เหมือนหวยล็อคเลขทะเบียนรถยิ่งลักษณ์ อยากเรียกคนมาต้อนรับ ไม่มีบารมีพอ ก็เล่นมันวิธีนี้แหละวะ
   เข้าเช็คอินที่บ้านพัก กร. (บ้านพัก กร. เดาว่าคือบ้านพักของกองทัพเรือ) อยู่ในเขตทหารนี่ตัวย่อเยอะมากครับ เช่น นย / ขส.ทร / กร / ฯลฯ กรอกเอกสารแป๊บเดียว ไม่มีขอมัดจำ ถามแค่ว่าจะพักกี่คืนจบ ชำระเงินวันออก บ๊ะ แมนดีมาก แบบนี้เกิดเจอคนไม่ดีแม่งพักแล้วเชิดได้ง่ายๆ เลยนะนั่น
   เข้าบ้านปุ๊บ ทำสิ่งแรกคือสำรวจความเรียบร้อย เปิดแอร์ทุกวัน ดูว่าเย็นดีไหม ดูว่าน้ำไหล ไฟสว่าง เดี๋ยวช่วงเย็นๆ จะมีผู้ปกครองจะทยอยกันเข้ามา
   ลักษณะที่พักเป็นบ้านเดี่ยวปลูกกระจายกันหลายหลัง เป็นบ้านเก่า โทรม แก่ สะอาดพอใช้ได้ ดูแลด้วยเหล่าพลทหาร รับประกันความปลอดภัย
   ช่วงเย็นเพื่อนๆ มิวทยอยกันมา เด็ก 8 คน 6 ครอบครัว ไปไหนมาไหนเอิกเกริกแน่ๆ ตลอด 10 วันนี้ผมมีเป้าหมายอยากลดน้ำหนักสัก 1 กก เลยขอตัวพาลูกขี่จักรยานหาของกินเอง ไปจบที่ร้านบะหมี่หมูแดงแชมเปี้ยน (แฟรงชายน์) ชามละ 30 บาท ชวนมิวกินน้ำส้มปั่นที่ผมเคยกินตอนเด็กๆ เล่าให้เขาฟังว่า ถ้าพ่อมาตลาดตอนเด็กๆ ก็จะได้กินน้ำแบบนี้แหละ ยุคนั้นยังไม่มีร้านกาแฟโก้หรู เลือกได้แค่กาแฟเย็นแก้วละ 10 บาท ถ้าเป็นน้ำปั่นแก้วละ 7 บาท (ปัจจุบันน้ำปั่น 20 บาทแล้ว)
   กินเสร็จขี่กลับบ้าน บางช่วงมีมืดๆ หน่อย รถเยอะบ้างเพราะเป็นวันหยุด ก็ค่อยๆ ขี่ไป ผมแยกเข้าห้องส่วนตัว ส่วนเด็กๆ มันเฮฮากันมากเหมือนงานเลี้ยงรุ่นที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปี