8 กย 54
เช้านี้ลูกมีทัศนะศึกษาไปห้องสมุดแห่งชาติ เด็กๆ ได้ไปเรียนรู้นอกสถานที่แบบนี้ดีจริงๆ ครับ
Mercedes Benz เชิญผมไปร่วมงานแถลงข่าว ผมไม่ได้รับเชิญจากบริษัทใดๆ เลยมา 12 ปีแล้ว แน่ละ ผมไปแน่ๆ เขานัดกันที่ Centara Central World ผมไม่ได้เหยียบไปย่านนี้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี
ไปถึงานก่อนเวลานัดตามสไตล์ เลยใช้เวลาเดินเล่นในห้าง เปิดหูเปิดตาได้ดีมาก ชอบสไตล์การจัดหน้าร้านค้า ออกแบบได้สวย จัดแสงดี ผมเข้างานก่อนเวลาเล็กน้อย รีบเข้าไปลงทะเบียนเป็นอันดับแรก แปลกใจที่ทำไมเพิ่งมีคนมาแค่ 5 สื่อเท่านั้นเอง
เจ้าหน้าที่เชิญให้ไปรับอาหารว่างก่อน โอ้โห้ จัดเต็มอย่างกับโรงแรมหรูเลย มีแต่ข้าวของแพงๆ ให้กิน ผัดไทยกับกุ้งลอบสเตอร์ หมูหันแต่ห่อแป้งและผักเหมือนเป็ดปักกิ่ง สลัดอย่างดี ซูชิ และอีกเพียบ ของหวานก็มีมากทั้ง ผลไม้เคลือบช็อคโกแลตแบบ dip (เอาไปจุ่มเอาเอง) ช็อคโกแลตเป็นชิ้นๆ หลากหลายรูปแบบ เค๊ก พาย ฯลฯ
อยากกิน แต่กลัวอ้วน และอยากทำงานมากกว่า มาวันนี้ในฐานะผู้สื่อข่าว แต่ในใจผมแอบมาในฐานะผู้บริโภคไปด้วยในตัว คือไม่ได้แค่นำเสนอข่าว แต่ต้องการทราบข่าวเชิงลึกที่มีผลกระทบต่อผู้บริโภคอีกด้วย
ภายในห้องแถลงข่าวจัดในห้องโถงขนาดใหญ่มาก มี Mercedes Benz จอดอยู่ 7 คัน 7 รุ่น ทั้งหมดสีขาว แน่ละ Mercedes Benz ที่ขายในไทยโดยบริษัทแม่ไม่เคยทำรถสีขาวมาก่อนเลย
ผมเลือกนั่งด้านหน้าสุดตามเคย กำลังจะวางกระเป๋าบนโต๊ะ ก็มีฝรั่งคนหนึ่งใส่ชุดสูทสีดำแบบคอจีน นั่งในโซฟาตัวใหญ่หันหน้ามา ยืนยกมือสวัสดีผม (ทั้งหมดนี้เป็นบทสนทนาภาษาอังกฤษ)
สวัสดีครับ ขอบคุณที่มาร่วมงานครับ
สวัสดีครับ ด้วยความยินดีครับ เป็นเกียรติของผมอย่างมากที่ได้มาร่วมงานครับ ผมตอบพร้อมกับก้มหัว ยกมือไหว้สวัสดี
คุณมาจากหนังสือพิมพ์ใดหรือ
ไม่ใช่หนังสือพิมพ์ครับ ผมมาจากนิตยสารรถยนต์ชื่อ Racing Club ครับ ผมตอบพร้อมกับหยิบนามบัตรยื่นส่งให้ ไอ้นามบัตรของผมเป็นรุ่นภาษาไทยเสียด้วย ช่วงหลังไม่ได้ออกไปผาดโผนที่ไหนอีกแล้ว ผมเลยทำแต่นามบัตรไทย
ขอบคุณมากครับ รอเดี๋ยวนะครับ เขารับนามบัตรผม และหันไปหยิบของในกระเป๋าใกล้ๆ ตัว ยื่นส่งมาให้ผม ซึ่งผมคิดว่าเขาคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นพวกคนจัดงาน
เห็นนามบัตรแล้วเข่าอ่อน เขาคือ Dr. Alexander Paufler มีตัวหนังสือเล็กๆ เขียนใต้ชื่อว่า President & CEO
โอ้โห คนระดับสูงสุดขององค์กรเขามายืนไหว้ผม พูดคุยกับผมอย่างดีมากๆ ขนาดนั่งลงแล้วหัวใจยังเต้นแรงไม่หาย แล้วภาพเมื่อหลายเดือนก่อนที่ผมส่งของริมถนนเจริญนครก็ผุดขึ้นมา
ผมไปส่งของในร้านแห่งหนึ่งติดกับโชว์รูม Toyota บนถนนเจริญนคร เขามี Toyota Alphard ติดฟิล์มดำจอดอยู่บนทางเท้า ระหว่างรอลูกค้า ผมเดินเข้าไปดูรถใกล้ๆ แต่ฟิล์มดำมืด เลยต้องเอามือป้องแสง และเอาหน้าไปใกล้กระจก ผมอยากดูว่าในรถมีออปชั่นอะไรบ้าง คิดอยากซื้อให้พ่อแม่นั่ง ให้ภรรยาและลูกนั่ง มันคงจะดีกว่าที่ผมเอาเงินไปซื้อรถสปอร์ทขับเล่นคนเดียวเป็นแน่
เงยหน้ามาอีกที เห็นเจ้าหน้าที่ในโชว์รูมยืนมองแบบจ้องๆ ผ่านกระจกใสบานใหญ่ ผมเลยรีบผละจากจุดนั้นโดยเร็ว
นึกน้อยใจว่ะ แค่เราแต่งตัวโทรมสกปรก ขับรถกระบะส่งของเก่าๆ เท่านั้นเอง
แต่ในวันนี้ ผมยังคงเป็นนายเปิ้ลคนเดิม แค่ใส่ชุดสูท แค่มาในฐานะสื่อมวลชน แค่อยู่ในโรงแรมหรู ผู้คนรอบข้างต้อนรับผมราวกับเทพ นั่งอยู่เฉยๆ ยังมีพนักงานมาคอยเสิร์ฟน้ำตลอดเวลา
คนเรามันก็ดูกันแค่ที่เปลือกล่ะนะ ลองให้เขามาเจอผมในสภาพคนส่งของ คงจะไม่กระทั่งชายสายตา
ผมคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้แล้วล่ะครับ นั่นคือทำให้ตอนที่ผมอยู่นอกบ้าน หรือตอนขี่จักรยาน ผมจะไม่ละเลยในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นตอนที่ผมขี่ไปหัวหิน 200 กม ระหว่างทางผมเจอขอทานแบกของพะรุงพะรัง แต่พอพูดคุยกัน ผมกลับคิดว่าเขาเป็นนักเดินทางตัวยง ชื่อ บิด บุญเกิด เดินเท้าจากเชียงราย จุดหมายหาดใหญ่ อุปกรณ์ติดตัวคือคานหาบของ ถังใส่สิ่งของ มีธงชาติผืนใหญ่ และพระบรมฉายาลักษณ์ ไร้ซึ่งอุปกรณ์พิเศษใดๆ เลย
ถ้าคุณรักการเดินทาง ก็จงอย่าละเลยในรายละเอียดที่คนเดินทางได้สัมผัส แน่ละ ถ้าผมขับรถยนต์มาก็คงไม่ได้แวะคุยกับบิด และเชื่อว่ามีคนอีกมากที่แทบไม่เคยมองคนที่ดูต่ำต้อยกว่าเรา โดยเฉพาะคนที่ต่ำกว่ามากๆ อย่างพวก ขอทาน คนด้อยโอกาส คนพิการ ฯลฯ แต่เขาเหล่านั้นจะเปลี่ยนใจทันทีหากตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นบ้าง
ผมนั่งอยู่ด้านหลังของ Dr. Alexander สักพักมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดงานคนไทย พาสื่อมวลชนคนหนึ่งมาแนะนำให้รู้จัก
Hello, nice to meet you สื่อคนนั่น เปิดจากพูด พร้อมกับยื่นมือไปขอจับ
Nice to meet you too Dr. Alexander ตอบ
เขาพูดคุยกันแค่นี้แหละ แล้วก็แยกกันไป ที่ผมเอามาเล่าก็เพราะเรื่องของการใช้ภาษาครับ
คำว่า nice to meet you ตามความคิดของคนที่รู้ภาษาอังกฤษแค่งูๆ ปลาๆ อย่างผมแล้ว ผมคิดว่ามันน่าจะเอาไว้พูดกับคนระดับเดียวกัน คนสนิทกัน อะไรทำนองนี้มากกว่านะ มันเหมือนเป็นบทความที่เราใช้ท่องๆ กันมาตั้งแต่เด็กว่าตอนทักทายฝรั่งน่ะ ให้พูดแบบนี้นะ Im fine. Thank you. And you? เรียกว่าท่องกันเป็นประโยคหากินเลย เจอหน้าไป เอะอะอะไร เล่นมันตามนี้ตลอดเลย ลองไปคุยกับฝรั่งติดต่อกันสัก 3 คนสิ จะรู้ว่าตัวเองแม่งโคตรจะตลกเลย
เฮ้ยย ไม่ใช่ มันต้องให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ด้วย คุณคุยกับ President & CEO นะ จะบอกว่าไม่รู้ก็ไม่ได้ เพราะมีคนไทยจูงมือมาแนะนำ ถ้าเป็นผมเจอแล้วพูดแบบนี้ยังไม่เท่าไหร่ เพราะผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร โชคดีที่ผมจะพูดอะไรกับใครก็จะใส่ความสุภาพแบบสุดๆ ไปด้วยเสมอ ลงท้ายประโยคของผมจะมี Sir ทุกคำ
อีกอย่างคือเรื่องการจับมือ ผมไม่รู้ธรรมเนียมฝรั่งหรอก แต่ผมจะจับมือก็ต่อเมือผมอาวุโสกว่า และต้องการความเป็นกันเอง หรือไม่ก็ให้ฝ่ายตรงข้ามยื่นมือออกมาก่อน
เนื้อหาในการแถลงข่าวเป็นการเปิดสงครามกับรถของ Grey Market อย่างเป็นทางการและเต็มรูปแบบ เอารถสีขาวมาจอดโชว์เพราะสื่อถึงการทำตลาดอย่างขาวสะอาด
งานเสร็จตอนเย็น ก็ยังอุตส่าห์มีอาหารเย็นเลี้ยงอีกด้วย สุดยอดจริงๆ แต่ผมต้องไปรับลูก แถมตอนนี้ฝนตกหนัก แย่กว่านั้นคือตอนนี้เวลาเกือบจะห้าโมงเย็น ซึ่งลูกผมเขาเลิกเรียนตั้งแต่ 0400 แล้ว รอหน่อยนะลูกพ่อ
รถติดหนัก หนาแน่น กว่าผมจะไปถึงโรงเรียนลูกก็ตอน 0600 แต่ลูกผมไม่ได้ว่าอะไร เขาก็เล่นกับเพื่อนไปเรื่อยๆ แค่เหลือเพื่อนน้อยหน่อยเท่านั้นเอง
พ่อๆ วันนี้มิวขอกินร้านสเต็คหน้าปากซอยเรานะ
ได้สิลูก