31 ธค 57
ช่วงเช้ายั้งคงปรับตัวให้เข้ากับจักรยาน แฮนด์ที่ยกสูงขึ้นมาราว 2 นิ้วที่แรกๆ ไม่คุ้นอย่างมาก แต่พอวันนี้เริ่มรู้สึกสบายจนอยากลองปรับให้มันสูงมากขึ้นอีก แต่ติดที่คอรถมันสั้นเกิน ต้องให้ตัวต่อซางตะเกียบให้มันยาวขึ้น
ร้านผมยังคงเปิดอยู่ ทำงานวันนี้วันสุดท้าย คืนนี้หลายคนคงออกไปงาน count down ไอ้อีเวนท์แบบนี้ผมเกลียดมาก มันไม่มีอะไรสักนิดนอกจากการแย่งชิงมวลชนว่าจะให้มาอยู่ในจุดใดมากกว่ากัน คนก็เป็นเหยื่อเกมของพวกมนุษย์การตลาด
มันคือธุรกิจของเขาไง นักการตลาด นักจัดอีเวนท์ จากเดิมมีแค่สถานที่โล่งๆ กว้างๆ ถ้ามีคนสัก 5000 คนก็พอจะมีหัวคิดหาเงินจากสปอนเซอร์เจ้าของสินค้าต่างๆ เอาง่ายสุดก็จัดเวทีคอนเสิร์ต ผมเรียกแนวนี้ว่าแนวสิ้นคิด แต่แปลกที่มันกลับเป็นตัวดึงดูดผู้คนได้เป็นอย่างดี คนบ้าดารานักร้องกันไงครับ นี่คือจุดอ่อน
ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็นงานฟรีคอนเสิร์ตต่างๆ ผุดขึ้นกันมากมาย เพราะแม่งง่ายสุดแล้ว จ้างนักร้องมายืน หลายงานเล่นลิปส์ซิงค์ก็บ่อย โดยเฉพาะงานถูกๆ คนจับไม่ค่อยได้หรอก เพราะมัวแต่บ้าถ่ายรูปกัน
เทศกาล count down เพิ่งจะเกิดตอนยุคปี 2000 มานี้เอง ยุคนั้นเรียกมิเลเนี่ยม เรียกให้ดูเท่ ดูหรู ฟังดูดี แต่จริงๆ แล้วแม่งก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอก เป็นปีธรรมดาๆ นั่นแหละ
คนไทยเรานี่บ้าเห่ออย่างมาก คงไม่มีที่เที่ยวกันด้วยน่ะ เลยไปยืนรวมตัวกันที่ลานของห้าง World Trade Center (ชื่อเดิม) บรรยากาศดีนะ ไม่เถียงสักนิด ลานโล่งๆ หน้าห้างในไทยยุคนั้นยังไม่มีที่ไหนทำ มันคล้ายกับจัตุรัสกลางเมืองของทางยุโรป แต่ขอโทษ ของเขาเป็นตำนานคลาสสิคระดับโลก ของเราเป็นแค่ลานบาร์เบียร์
จนล่าสุดปีนี้ไอเดียการดึงมวลชนยังลามไปถึงลานของห้างเมกาบางนา และเอเชียทีค แต่ก็มีข่าวดีแทรกเข้ามาที่อีเวนท์ทางธรรมแนวสวดมนต์เที่ยงคืนกลับมีกระแสแรงสวนโต้ขึ้นมาบ้าง
มันแค่เป็นอีเวนท์สวดมนต์เที่ยงคืนเท่านั้นนะครับ คุณได้แค่สวดมนต์นะ อย่ามาหวังว่าจะได้บุญอะไรมากมายนักตราบใดที่ตลอดปีคุณทำแต่กรรมชั่ว เว้นเสียแต่ว่าอยากได้ความสบายใจก็จัดไปครับ
ไอ้คำว่าสวดมนต์ข้ามปีมันเป็นแค่วลีของนักการตลาดที่คอยพูดกรอกหูให้คุณฟังแล้วดูดีเท่านั้นเองแหละ เหมือนกับว่าชั่วมาทั้งปี ดีแค่คืนเดียวแล้วมันจะลบล้างกันได้
ย้อนกลับไปก่อนปี 2000 งานปีใหม่เราจะจัดกันที่บ้าน ชวนเพื่อนในละแวกบ้านใกล้เรียนเคียงมากิน จับสลาก มันมีกุศโลบายแฝงไว้อยู่ คือเรากับเพื่อนบ้านก็จะสนิทสนมกัน ชุมชนก็จะสมัครสมานสามัคคีกัน เพื่อนบ้านดี สังคมดี ชุมชนดี มันก็ดีกันแบบยกขโยง น่าแปลกที่เรื่องเหล่านี้กลับไม่มีใครส่งเสริมสนับสนุน งานเริ่มตอนเย็นๆ แล้วดึกๆ ก็จบงานกันแล้ว ไม่ต้องมาเปิดเพลงดังๆ ให้รบกวนเพื่อนบ้าน แต่มันมีบางกลุ่มไม่จบเพราะมีเหล้าเข้ามาเอี่ยวด้วย ไอ้นี่กินแล้วติดพัน กินแล้วนิสัยเปลียน จึงไม่ต้องแปลกใจที่มักจะจบด้วยข่าวร้าย
สสส บอกว่า ให้เหล้า = แช่ง
ผมเห็นสโลแกนนี้มาหลายปี แต่ก็ยังมีคนกินเหล้ามากกว่าเดิม
ขอเสนอไอเดียใหม่ครับ คล้ายๆ ของเดิม แต่เปลี่ยนเป็น
กินเหล้า = โง่
นักโฆษณา นักการตลาด พอได้ยินคำแบบนี้แล้วรับรองครับว่าไอเดียเขาพุ่งกระฉูดแน่นอน
คืนนี้มีคนอีกกลุ่มรอ สคส พระราชทาน และพรุ่งนี้ก็จะมีภาพของ สคส ลงทุกหน้าหนังสือพิมพ์ แต่หารู้ไม่ว่าประชาชนอย่างเราๆ ก็สามารถส่ง สคส ให้ในหลวงได้นะ แค่จ่าหน้าซองขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะส่งไปสถานที่ใดก็แล้วแต่เราเลย รพ ศิริราชก็ได้ พระราชวังดุสิตก็ได้ หรือถ้าในหลวงอยู่หัวหินก็ส่งไปที่นั่นก็ยังได้
นี่คืออีกเรื่องเจ๋งๆ ที่ยังไม่ค่อยมีใครคิดจะทำ
