racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on January 01, 2011, 09:27:07 pm

Title: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค2
Post by: O'Pern on January 01, 2011, 09:27:07 pm
1 มค 54
   เอาจักรยานออกขี่แต่เช้า ทั้งๆ ที่ร่างกายแสนจะเพลีย เพราะผมอยากรู้ว่าขี่แล้วจะเจ็บหลังอยู่ไหม แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ โครตเจ็บเลย เจอทางขรุขระ รถสะเทือน เจอฝาท่อ แค่นี้ก็เจ็บแล้ว เฮ้ออ ไม่น่าเลยกู
   ขี่กลับบ้านอย่างเซ็งโครตๆ ขยับเลื่อนก้นหามุมดูว่าตำแหน่งไหนที่พอจะทำให้เจ็บหลังน้อยลงได้บ้าง แต่ไม่มีเลย ถ้าสะเทือนเมื่อไหร่ เจ็บทุกที
   อดทนอีกวันเดียว วันนี้วันสุดท้ายแล้ว อดทนทำไป คิดบวกเข้าไว้ให้มาก และมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คิดเสียว่าทำเพื่อคนอื่น แล้วเราจะรู้สึกภูมิใจ แต่อีกด้านในใจก็ย้อนถามว่า มึงจะทำไปทำไม ทำลายสุขภาพของตัวเองโดยตรง วันนี้เจ็บหลังแค่นี้ แต่วันหน้าอาจเจ็บมากกว่านี้ จนเป็นต้นเหตุของอาการอย่างอื่นอีกมาก แถมมารักษาตัวเอาตอนแก่นี่ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลย
   ตอบแทนบุญคุณไง ชีวิตผมทำอะไรไม่เคยมีประโยชน์ในสายตาคนรอบข้างเลย การยกของนี่กระมัง ที่ผมพอจะช่วยได้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ผมไม่ขอรับเงินเดือนมาราว 5 ปีแล้ว
   ฟ้ามาโปรด คนงานที่ไม่สบายเขาฝืนใจมาช่วยทำงาน ผมเลยเบาหน่อย แต่ก็ยังต้องอยู่ร้านจนถึงเย็น มาสิ้นสุดงานตอนไปทำธุระที่ธนาคาร ผมเดินเล่นอยู่ในห้างจนถึงหัวค่ำ รู้สึกสบายและปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก
   กลับมาบ้านเล่นกับลูกสักพักก็อาบน้ำนอน
   เจ็บหลังครับ
Title: Re: มค 54
Post by: O'Pern on January 03, 2011, 03:57:44 pm
2 มค 54
   ตื่น 0430 ออกขี่จักรยานราวตีหน้ากว่า ท้องฟ้ามืดสนิท แต่รู้สึกว่าเช้านี้อากาศจะหนาวเย็นน้อยกว่าวันก่อนๆ สงสัยลมหนาวระลอกใหม่ยังลงมาไม่ถึงกรุงเทพฯ
   ขี่รถแบบช้าๆ เพราะเจ็บหลัง ทีแรกตั้งใจจะขี่ไปบางขุนเทียน-ชายทะเล แต่กลัวขากลับจะร้อน เลยวนไปขี่ในสวน สถานที่เดิมที่ผมเคยขี่ซ้อมตอนเช้าเมื่อหลายปีก่อน 
   ไปแบบช้าๆ ไม่กล้าเร่ง กลัวอาการเจ็บหลังกำเริบ กลายเป็นคนฝ่อไปเลยล่ะ ขี่ช้าๆ ความเร็วไม่ถึง 20 เลย ปวดท้องฉี่ก็จอดมันข้่างทางนี่แหละ เงียบๆ มืดๆ ยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทางสักหน่อยก่อนทำธุระ
   อากาศหนาวเย็นทำให้ไม่ค่อยหิวน้ำครับ พกไปเต็มกระติก แต่กินไปแค่หน่อยเดียวเอง คงจะเพราะขี่ช้าด้วยแหละ ปกติผมจะกินน้ำเยอะ ชอบพกน้ำไปเองจากบ้าน ไม่ชอบจอดซื้อข้างทาง ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
   กลับมาบ้านเอาตอน 0730 มิวบอกอยากไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งอีกแล้ว เอาครับ ไปก็ไป วันนี้เขาไม่มีเรียนพิเศษอะไร ไม่ต้องรีบร้อน กินเสร็จก็ยังเดินเล่นต่อได้สบายๆ แต่สายแล้วแดดแรงจัดจนแสบผิวเลยล่ะครับ
   เช้านี้เจอชาวจักรยานเยอะครับ เป็นภาพที่สวยงามมากที่ไม่มีใครมาขี่ตีกระดิ่งไล่คนเดินถนนเลย จอดกันเรียบร้อยด้านในตลาดจุดที่คนไม่พลุกพล่าน และตัวเองมานั่งกินกันที่อีกมุมหนึ่ง เป็นตัวอย่างที่น่ายกย่องมากครับ ทั้งๆ ที่เป็นรถราคาแพงๆ อย่าง Bianchi ในขณะที่นักจักรยานบางกลุ่มจะต้องจอดรถไว้กับตัวเองเท่านั้น เล่นกันระเกะระกะเต็มทางเดินตลาดไปหมด คันไหนไม่มีขาตั้งก็จอดพิงเสา เจอเด็กเดินชนเข้าหน่อยรถก็ล้ม แล้วจะไปโทษใครกันอีกเล่า
   
   ผมไปโพสต้องการซื้อรถ Neo Bike 14 ในเวปจักรยาน ไม่ผิดหวังครับ ตอบ pm มาเพียบ แต่ราคาแบบแรงจัด ขายกันที่ 4500 บาท บางคนก็ 5000 บาท อีกท่านหนึงเน้นรถแต่ง ยังไม่บอกราคา ผมเองก็ไม่ได้ตอบใครกลับไปสักคน เพราะรถคันที่ผมซื้อมามันแค่ 2800 บาท แถมยางนอก ยางในใหม่เอี่ยมอีก 1 ชุด อ้อ ราคานี้รวมส่งให้ถึงหน้าประตูบ้านอีกด้วย ซื้อกับ Start ที่เขาอยู่จ ตราด ครับ
   คิดๆ อีกทีนี่ถ้าไม่มีเวปจักรยานดังๆ ราคารถจักรยานมือสองมันคงไม่พุ่งพรวดกันขนาดนี้หรอกนะ บางคันเน่าๆ โทรมๆ ยังมาโพสขายแพงๆ แถมบางคนมีพรรคพวกมาช่วยเชียร์ ช่วยดันกันเองอีกด้วย แหม กลยุทธการตลาดหลอกเด็กช่างเด็ดจริงๆ
   คืนนี้นอนเร็วอีกเช่นกันครับ ล้มตัวลงนอนด้วยความปวดหลังอีกเช่นเคย
Title: Re: มค 54
Post by: O'Pern on January 05, 2011, 03:26:58 pm
3 มค 53
   ตื่น 0400 ตื่นมาด้วยความปวดหลัง ต้องพลิกเปลี่ยนท่านอน อยากจะขี่จักรยาน แต่ไปไม่ไหวเสียแล้ว นั่งนานๆ แล้วจะเจ็บหลัง กลัวจะเป็นหนักกว่าเก่า เลยหยุดพัก แต่การที่ต้องมาพักเอาวันหยุดนี่มันดูเหมือนเสียสิทธิ์ยังไงก็ไม่รู้นะ
   เจออุบัติเหตุต่อหน้าต่อตาแต่เช้า ผมรถติดอยู่แถวแยกนราธิวาชราชนครินทร์ สาทร จอดติดไฟแดงคู่กับรถ Nissan Sunny แล้วจู่ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์มาชนท้ายรถ Sunny อย่างจัง ผู้ชายขับ ผู้หญิงซ้อนท้ายไม่สวมหมวก ล้อหน้ารถปักเข้าไปใต้กันชน ล้อหลังยกแบบท่า Endo ยังดีไม่ตีลังกาไปข้างหน้า พอล้อหลังกระแทกพื้น ผู้หญิงก็ล้มกลิ้งลงมานอน ไอ้ที่เซ็ง ที่ซวยก็คือคนขับรถ Sunny ครับ เช้าวันหยุดแท้ๆ คิดแล้วเสียววาบ หากเขามาชนท้ายรถเราล่ะ
   พาภรรยาและลูกไปกินอาหารเช้าข้างนอก วันนี้พากันไปที่ร้านประจำอีกแห่งย่านสยามสแควร์ชื่อร้าน R Burger แต่พอไปถึง อ้าว.. โดนไอ้พวกเสื้อแดงเผาขโมยของไปตั้งนานแล้วนี่นา ไม่ได้ผ่านไปแถวนั้นก็เลยไม่รู้ ย้ายไปกินกันที่ร้านเก่าแก่ในสยามสแควร์ชื่อจุฒารสแทน ร้านนี้เด่นที่ลูกชิ้นเนื้อวัว ผมสั่งเมนูเดิมๆ ที่เคยกินเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เส้นหมี่ลูกชิ้น ส่วนลูกและภรรยาเล่นของใหม่ขึ้นมาหน่อย เป็นอาหารสไตล์ฟิวชั้น เช่นสเตค และสปาเก็ตตี้ปลาสลิด ร้านนี้ปรับปรุงมาหลายรอบ คาดว่าคงเป็นรุ่นลูกมาบริหาร ผมชอบจับตามมองทิศทางของธุรกิจครอบครัวครับ ดูว่าร้านไหนจะเติบโตไปในทิศทางใด อย่างไร ร้านไหนไปได้ดี ต่อยอดได้ไกล ผมก็อดดีใจไปกับเขาด้วยไม่ได้
   กินเสร็จก็ไปเดินในร้านหนังสือจุฬาฯ หาหนังสือที่ถูกใจติดมือกลับมากันเยอะ ส่วนผมไม่มีสักเล่ม
   กลางวันดูนั่งดูทีวีกันสามคน เรื่อง กวน มึน โฮ เป็นหนังวัยรุ่นแนวตลก แต่ผมไม่ชอบชื่อเรื่องของมันเลย นี่ถ้าตั้งชื่ออื่นคงจะมีคนดูมากกว่านี้ อีกอย่างที่ไม่ชอบคือบทพูดของพระเอกที่มีคำสบถปนออกมาเกือบจะตลอดเวลา เช่น ไอ้เหี้ย ไอ้ห่า นั่งดูกับลูกแล้วทำตัวไม่ถูกจริงๆ ครับ ก็ได้แต่สอนเขาว่า ลูกรู้ใช่ไหมว่าสิ่งไหนดี และสิ่งไหนไม่ดี ก็เลือกที่จะจดจำเอาไว้ก็แล้วกัน
   สอนแบบกว้างๆ อย่างนี้ เขาจะรับรู้ได้มากน้อยเพียงใดกันหนอ
   บ่ายพาภรรยาไปกินส้มตำแถวบ้าน เจอร้านจักรยานมือสองเปิดขายอยู่ จอดแวะลงไปดู โอ้โห ราคาถูกกว่าจักรยานในเวปคันละเป็นพันเลยครับ รถดีๆ ก็มีนะ อย่าง Louis Garneau ก็มี MTB ทรงเฟรมลาด เป็นรถแบบสภาพยังไม่ได้บิ้วครับ คือซื้อไปแล้วต้องเก็บรายละเอียดจุกจิกเอาเอง แต่รถแบบนี้แหละดี ราคาถูก ไอ้ LG ที่ผมบอกเขาขาย 4500 บาทครับ เป็นราคาแบบยังไม่ได้ต่อ
   ไปติดใจรถคันหนึ่งจุดพับเหมือน Brompton ต่างกันที่เป็นเฟรมเหล็ก บานพับเหล็ก รถดูจะหนักๆ หน่อย อุปกรณ์โลวเทคเน่าๆ โทรมๆ แต่ขอโทษ ราคา 2500 บาท แบบยังไม่ได้ต่อเช่นกันครับ
   ยังมีรถเจ๋งๆ สอดแทรกอยู่ในกองรถเน่าๆ อีกหลายคันครับ ทั้งจักรยาน 3 ล้อ แบบล้อหน้า 2 หลัง 1 คันนี้ในเวปขายกันเป็นหมื่น ร้านนี้ขาย 7500 (ราคายังไม่ได้ต่ออีกเช่นกัน) อ้อ มีรถ BMX ของเด็ก ล้อ 20 จานเลื้อยเหล็ก เบาะตัวเล็กๆ แฮนด์แคบๆ น่ารักดี ราคา 2500 บาทครับ
   รถแม่บ้านสวยๆ ก็มี แต่ส่วนใหญ่เบรกจะห่วย คือฝืด แข็ง ออกแรงกดเยอะ ก็อย่างที่บอก ร้านนี้ขายรถสภาพเดิมๆ ครับ ต้องเอาไปทำต่ออีกหน่อย แลกกับราคาถูกไปเป็นพัน คนมีฝีมือในการซ่อมก็ถือว่าคุ้ม เรียกว่า ไปจับรถมาบิ้วซ่อมขายในเวปก็ได้กำไรดีกว่าทำงานบริษัทธรรมดาๆ ก็แล้วกัน
   แหม ผมน่าจะเอาเจ้าคันที่ละม้าย Brompton มาโพสขายในเวปดูนะ ตั้งราคาสัก 7000 หรือขอแลกกับ Neo Bike 14 น่าจะได้สัก 2 คัน ฮ่าๆ
   อ้อ มีเสือหมอบ BMW เฟรมอลูมินั่ม ตะเกียบคาร์บอน รถใหม่ปิ๊ง เต็มคัน ขาย 1.8 หมื่นบาทครับ เอามาลงเวป คนคงจะกรี๊ดกันลั่นเลย

4 มค 53
   ขี่จักรยานไม่ได้แล้วครับ เจ็บหลัง ลุกจากที่นอนก็แทบไม่ขึ้น ขยับตัวผิดมุมหน่อยก็จะเจ็บหลัง ไม่ใช่โชคชะตาหรือฟ้าลิขิตครับ เป็นกรรมของผมเอง
   เข้าไปที่คอนโดตอนบ่าย ไม่ได้เข้ามาเหยียบห้องนี้นานมากๆ เข้าไปก็ปัดกวาด ทำความสะอาด เช็ดถู แต่เจ็บหลังอยู่ เลยทำอะไรไม่ได้มากนัก
   ไม่ได้ออกแรง น้ำหนักก็จะเริ่มขึ้น ต้องคอยคุมดูแลอย่างใกล้ชิด แต่บางทีมันก็เป็นอารมณ์อยากกินนะ ผมเดินสายกลางครับ อยากกินก็กินได้ แต่กินแบบมีสติ
   ไปรับลูกตอนเย็น เห็นเขาวิ่งเล่นไล่เตะกันกับเพื่อน แต่ส่วนมากเขาจะโดนเตะมากกว่า ไอ้เตะเล่นๆ ไม่เป็นไรครับ กลัวว่าจะเล่นกันแรงๆ แล้วตีกันจริงๆ นี่สิ เราก็คอยดูอยู่ห่างๆ อย่าเข้าไปยุ่งเรื่องของเด็กๆ เขาเลย
   เข้าบ้านกันตอนค่ำหน่อยครับ ให้เขาทำการบ้านจนเสร็จที่โรงเรียนนั่นแหละ
Title: Re: มค 54
Post by: O'Pern on January 06, 2011, 01:52:20 pm
5 มค 53
   แหม พอยิ่งขี่จักรยานไม่ได้นี่ รู้สึกจะตื่นเช้าเอามากๆ วันนี้ 0430 ก็ตื่นแล้ว เอ๊ะ หรือผมนอนเร็ววะ สามทุ่มกว่าก็เข้านอนแล้ว ก็สอนให้ลูกเข้านอนเร็วๆ น่ะครับ เราก็ต้องทำตัวอย่างให้เขาเห็น ผมสอนลูกแบบนี้ สอนแบบทำให้ดู มิใช่สอนแบบสั่งให้ทำ ขับรถไปบนท้องถนนก็สอนเขาตลอด ทั้งการหยุดให้คนข้ามม้าลาย การยกคันเร่งให้ทางรถคันอื่น และจุดไหนควรจะไปเร็วๆ ก็สอนเขาด้วย เช่นตอนกลับรถ กลับเสร็จแล้ว เข้าทางตรงแล้วก็อย่าไปแช่ขวาเอ้อระเหย รีบๆ เร่งไป เกรงใจรถคันหลังเขาด้วย
   สายๆ ไปธนาคาร เห็นผู้หญิงเคาเตอร์ข้างๆ ทำเงินหล่นหนึ่งปึก แต่ดูเธอไม่รู้ตัว เลยเดินไปบอก เขาตกใจมาก ขอบอกขอบใจเป็นการใหญ่
   ขากลับขี่จักรยานช้าๆ ในถนนซอย เกือบชนกับมอเตอร์ไซค์ที่พุ่งออกมาจากซอยแล้วขี่เทียบกัน จะว่าเขาไม่มองก็ไม่ใช่นะ เขามองและตัั้งใจบิดพุ่งออกมาเลยล่ะ คงคิดว่าออกมาแล้วพ้นมั้ง แฮนด์ห่างกันราว 1 คืบ เกือบจะเกี่ยวกันล้ม ผมไม่ได้โมโหอะไรสักนิด แต่คิดแล้วน่าแปลกใจมากๆ มิน่าเล่า อุบัติเหตุมันถึงเกิดขึ้นกันได้บ่อยๆ เพราะคนเรามันประมาทเลินเล่อนี่เอง รู้อยู่นานแล้วล่ะ แต่พอเจอกับตัวถึงได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
   อาการเจ็บหลังยังไม่หายดี แต่ถ้าไม่ต้องยกของหนักมาก็น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ช่วงนี้ผมเข้านอนเร็วครับ ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าดูแลสุขภาพร่างกายของเราให้ดีที่สุด
Title: Re: มค 54
Post by: O'Pern on January 09, 2011, 12:50:17 pm
6 มค 53
   ผมเอารถคัน JZ88 กลับมาบ้านเพื่อเติมลม เช้านี้เลยเอารถคันนี้ออกขี่ในเส้นทางเดิมๆ ที่ใช้ประจำ เห็นความต่างอย่างชัดเจนเลยว่าไอ้รถคันนี้ต้องออกแรงขี่มากกว่ารถใหญ่เยอะ แต่ถ้าคิดในแง่การออกกำลังกายแค่ 30 นาที รถคันนี้ทำให้เราต้องออกแรงมากกว่า แน่นอน ร่างกายแข็งแรงกว่าอีกด้วย นี่เป็นวิธีคิดแบบบวกที่ผมใช้เป็นประจำ
   กลางวันขี่ JZ88 ไปตลาด เกือบจะโดนมอเตอร์ไซค์ชนอีกแล้ว ตำแหน่งก็เดิมๆ นะ คือผมขี่มาถูกทาง มอเตอร์ไซค์ก็จอดอยู่ริมซ้าย แต่จอดแบบย้อนศร เขาจะกลับรถไปในทิศทางเดียวกับผม รถก็จ่อกันอยู่ซึ่งๆ หน้านะ พอผมเข้าไปใกล้ เขาก็วกกลับรถซะงั้น เล่นเอาผมกดเบรกกระทันหันจนเกือบล้ม ล้อหน้าห่างรถเขาราว 1 ฟุต ไม่มองหน้าให้เสียอารมณ์หรอกครับ มันเป็นการเตือนสติให้เราระวังตัว อย่าขี่เร็ว และต้องระมัดระวังเสมอ นี่เป็นผลจากการคิดบวกอีกเช่่นกัน
   
7 มค 53
   เช้าขี่จักรยานอีกแล้ว หลังก็ยังคงเจ็บอยู่ แต่ถ้าไม่ได้ออกแรงไปซ้ำๆ มันก็จะดีขึ้น ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้จะต้องยกของส่งของอีกไหม เคยบอกแล้วไงว่าชีวิตช่วงหลังของผมนี้จะขึ้นอยู่กับคนงาน ว่าเขามาทำงานหรือไม่

   เกือบโดนมอเตอร์ไซค์ชนมา 2 วันติดๆ วันนี้ขี่ระวังเหลือเกิน แต่ดันไปเจอรถสามล้อแทน เพิ่มมาอีก 1 ล้อ ฮ่าๆ
   สถานการณ์ก็แบบเดิมๆ ครับ ขี่ชิดซ้ายมาตลอด ข้างหน้ารถสามล้อจะกลับรถ เขาก็เห็นผมชัดเจน ตอนแรกก็หยุดรถรอ แต่พอรถยนต์ในเลนของผมว่าง เขาก็กลับรถทันที
   อ้าว เฮ้ยๆ ทีรถเก๋งเขาจอดรอได้ แต่พอเราเป็นจักรยานนี่ เขากลับรถแบบช่างหัวมันทันที เขาน่ะไม่ชนผมหรอก แต่ผมสิเป็นรถทางตรง มันจะพุ่งชนรถเขาเอา นี่ถ้ามาแบบห่างๆ ก็จะเบรกหรือเบาขารอได้ แต่มันเล่นแบบจวนตัวเลยล่ะครับ
   นี่ถ้าเป็นวัยรุ่นคงจะหงุดหงิดและอาจมีปากเสียงกันได้ เดือนก่อนผมก็เคยมีเรื่องกับรถสามล้อริมถนนนี่แหละ แต่ไม่อยากเล่าให้อ่าน
   
   เย็นไปรับลูกเร็วหน่อย วันนี้ที่โรงเรียนเขาจัดงานวันเด็ก มีเกมเล่นสนุกๆ เยอะแยะ ที่ฮาสุดคือเก้าอี้ดนตรีครับ วิ่งแย่งกันวุ่นวายไปหมด มีของกิน ขนม แจกกันอุตลุด สนุกสนานที่สุดสำหรับเด็กแล้วมั้ง
   ใกล้กลับบ้านตอนหัวค่ำ แม่ของผู้ปกครองมาถามว่าพรุ่งนี้่จะไปไหน จำได้ว่ามิวบอกอยากไปท้องฟ้าจำลอง คุณแม่ท่านนี้ชวนไปดูเรือจักรีนฤเบศร์ที่สัตหีบแทน สาธยายความสวยงามไว้มากจนผมและมิวหลงไหล
   เอาวะ ไปก็ไปครับ พรุ่งนี้เจอกัน
Title: Re: มค 54
Post by: O'Pern on January 09, 2011, 05:17:26 pm
8 มค 53
   ตื่น 0500 กะจะไปขี่จักรยานก่อน แต่เห็นลูกตื่นตามขึ้นมา เลยเปลี่ยนใจ ออกเดินทางกันแต่เช้าเลยดีกว่า ขับขึ้นทางด่วน และต่อทางยกระดับบางนา ไปลงบางปะกง ตรงต่อเข้าเมือง เพราะอยากหาอาหารเช้าดีๆ กิน อาหารดีๆ ที่ผมว่่าก็คืออาหารที่มีประโยชน์ มีผักมากๆ ปรุงสดใหม่ ที่พอจะหาได้ง่ายข้างทางก็คือ ต้มเลือดหมู ใส่ใบตำลึงเยอะๆ หรือไม่ก็ร้านก๋วยเตี๋ยวธรรมดาๆ นี่แหละ ใส่ถัวงอกแทนก็พอใช้ได้ มีประโยชน์เหมือนกัน แต่ถ้าเลือกกินพวกอาหารที่มีน้ำซุปนอกบ้านก็ระวังเรื่องสารตะกั่วในหม้อก๋วยเตี๋ยวกันหน่อยครับ หรือถ้าเลือกไม่ได้ ก็เล่นก๋วยเตี๋ยวแบบแห้งแทน ท่านจะปลอดภัยจากสารตะกั่วมากกว่า
   ผ่านตลาดหนองมน ยามเช้าดูเงียบเหงามากๆ เลย สองข้างทางไม่มีรถจอด ร้านค้าปิดสนิท มาลงตัวกันที่ร้านสุดท้่ายของตลาดหนองมน ชื่อร้านเก่าๆ ว่าโภชนากรโภชนา เป็นร้านขายอาหารพื้นๆ เช่น ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง หมูกรอบ และก๋วยเตี๋ยว บะหมี่เกี๊ยว สะดุดตาตรงที่มีรถกระบะทะเบียนจังหวัดชลบุรีจอดกินอยู่ 1 โต๊ะ
   วิธีเลือกร้านอร่อยในต่างถิ่่นของผมก็คือ จะเลือกร้านที่คนท้องถิ่นเขากินกันครับ นั่นคือร้านที่มีชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดซื้อกันเยอะๆ หรือถ้าเป็นรถยนต์ ก็ต้องดูว่าเป็นทะเบียนรถของเจ้าถิ่น แบบนี้จะไม่ค่อยผิดหวัง แม้ไม่อร่อยถูกปาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นกินไม่ลง อย่าไปดูเอาพวกทะเบียนรถกรุงเทพฯ หรือพวกรถคนงานเข้าให้ล่ะ
   “มิวเอาบะหมี่เกี๊ยวครับ” ลูกสั่งแบบเดิมๆ เขาไม่กล้าสั่งของแปลกใหม่ กลัวจะไม่ชอบกินแล้วโดนผมดุเอามั้ง ผมสั่งข้าวหมูแดง กินแบบง่ายๆ รีบกิน รีบไป โชคดีบนโต๊ะมีกระเทียมสดวางไว้จานเบ้อเริ่ม ผมเลยหยิบกินเป็นว่าเล่น แม้อาหารจะมีผักไม่กี่ชิ้น แต่ก็ยังดีที่ได้กินกระเทียมล่ะวะ
   บะหมี่เกี๋ยวของลูกรสชาติดีมากๆ ครับ แต่ดูหน้าร้านไม่เห็นถึงความอร่อยสักนิด เลยคิดไปพลางว่าหากเป็นธุรกิจของเราจะต่อยอดไปอย่างไรหรอ จะแจ้งเกิดในโลกแนวใหม่ให้สวยงามสดใสได้อย่างไรบ้าง
   เป็นร้านอาหารเก่าแก่ครับ จัดร้านแบบง่ายๆ ผนังร้านเขียนรายการอาหาร เขียนบอกว่าน้ำแข็งน้ำเปล่าฟรี บริการตนเอง ผมลองไปดู โอ้โห ให้น้ำแข็งยูนิคเสียด้วย น้ำแข็งยูนิค (ผมเดาว่าน่าจะมาจากคำว่ายูนิทที่แปลว่าหน่วย คือเป็นน้ำแข็งก้อน ต่างจากน้ำแข็งสมัยก่อนที่มีแต่น้ำแข็งบด) ที่ผมโอ้โห ก็เพราะน้ำแข็งยูนิคจะแพงกว่าน้ำแข็งบดเยอะครับ มันทำจากน้ำประปาธรรมดานี่แหละ แต่น้ำแข็งบดน่ะ ทำจากน้ำคลองครับ อ่านไม่ผิด และผมพิพม์ไม่ผิด น้ำคลองจริงๆ ครับ สมัยก่อนไม่ได้ผ่านเครื่องกรองอีกด้วย แต่สมัยนี้น่าจะกรองมาบ้างแล้วล่ะ แต่ก็อีกล่ะนะ กรองของเขา จะกรองอย่างไร เราไม่รู้หรอก
   ถ้าว่างๆ อยากรู้ความสกปรกของน้ำแข็งบด ก็ตักใส่แก้วใส แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้มันละลาย คุณจะเห็นภาพที่ประทับใจในสิ่งที่กินเข้าไปนานนับสิบปี
   บ้านผมเคยเป็นโรงน้ำแข็งมาก่อนครับ

   มิวเขานัดกับเพื่อนไว้ที่ศรีราชา เพื่อนเขามีบ้านพักอยู่แถวนี้ พอถึงจุดนัดพบก็โทรบอกเขา แม่เขาออกมารับ นำทางขับไปที่บ้านพัก อยู่ยื่นไปในทะเลเลยครับ ลักษณะเหมือนบ้านชาวเล ผมคุ้นเคยบ้านแบบนี้ดีมาก เคยมีบ้านลักษณะนี้อยู่ที่อ่าวมะขามป้อม จ ระยอง ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ผมไปบ้านหลังนี้บ่อยมาก รถที่ผมขับก็จะมีวินเซิร์ฟอยู่บนหลังคา และมีจักรยานเสือหมอบจอดอยู่ด้านเบาะหลัง (ต้องถอดเบาะหลังออกทั้งหมดเพื่อใส่จักรยานได้ทั้่งคันโดยไม่ต้องถอดชิ้นส่วน แต่ถอดเฉพาะล้อหน้า) รถผมจึงเป็นรถ 4 ประตูทีนังได้แค่เบาะคู่หน้าเท่านั้น คนผ่านไปผ่านมาเห็นคิดว่าเป็นพวกรถซิ่ง แต่ไม่ใช่หรอก
   ที่บ้านเพื่อนมีเรือคายัคให้พายเล่น มิวเห็นแล้วชอบมาก ลองพายทีเดียวก็พายเป็นแล้ว ผมงงจริงๆ ว่าเขารู้ได้อย่างไร ไม่เคยสอนเขาพายเรือมาก่อนเลย แต่นี่เขาพายได้คล่องแคล่วดีจริงๆ พอใกล้จะชนกับท่าเรือ เขาก็เอาไว้พายไปยันไว้ เฮ้ยย คิดได้ไงวะนี่
   เล่นเรือ ผสมกับโดดว่ายน้ำเล่นจนหิวอีกรอบ จนกว่าจะออกเดินทางได้ก็ราว 1100 สายไปกว่าที่ผมกะเวลาไว้เยอะมาก ขับรถแดดร้อนแรงจัด แถมผ่านพัทยานี่รถติดหนักมากอีกด้วย กว่าจะถึงฐานทัพเรือสัตหีบก็ราว 1230 ทั้งๆ ที่ระยะทางแค่ 50 กม เท่านั้นเอง
   ไปถึงก็แทบช็อค คนต่อคิวขึ้นเรือจักรีนฤเบศร์เยอะมากๆ ต้องยืนไม่ต่ำกว่า 1 ชม แน่ๆ แถมพอได้ขึ้นก็จะต้องโดนไล่ให้เดินเฉพาะเส้นทางที่จำกัดไว้ คนไล่หลังมาเยอะ จะหยุดชมวิวมากนักก็ไม่ถนัด ถ่ายรูปนี่ก็ต้องเป็นไปแบบเร่งรีบ สุดท้ายได้ยินเจ้าหน้าที่ทหารเรือพูดว่า เรือจักรีนฤเบศร์เปิดให้เข้าชมทุกวัน
   อ้าว หรอ ผมคิดว่าเขาเปิดเฉพาะวันเด็กเสียอีก จากนั้นเลยจูงลูกเข้าไปชมเรือรบหลวงนราธิวาสที่จอดอยู่ข้างๆ กันแทน เรือรบเหมือนกัน มีหลายชั้น แต่ลำเล็กกว่ากันเยอะ เอาน่่าลูก วันนี้ดูลำนี้แทนไปก่อนละกันนะ
   ระหว่างที่อยู่บนดาดฟ้าเรือนั้นเอง เครื่องบิน F16 บินโฉบผ่านเหนือหัวได้ยินเสียงดังมากๆ ตัวเครื่องบินหนีหายไปแล้ว แต่เสียงยังอยู่ตรงหูเราอยู่เลย นี่มันเร็วกว่าเสียงนี่หว่า
   ได้ยินเสียงเครื่องของ F16 แบบนี้ถึงใจกว่าตอนไปชมที่ดอนเมืองเสียอีกครับ บรรยากาศบนเรือก็ดีกว่า ลมเย็นพัดแรง น้ำทะเลสีฟ้าใส คิดแล้วอยากลงเล่นเรือใบจริงๆ ยิ่งมิวมาบอกว่าเริ่มชอบพายเรือคายัคแล้ว มันทำให้ผมคิดหนักเข้าไปใหญ่ เพราะตรงกับใจผมที่อยากออกพายเรือทัวริ่ง หลังจากที่ทัวริ่งด้วยจักรยานมาสักระยะ
   แดดแรง คนเยอะ ไม่สนุกแล้วล่ะครับ อาหารกลางวันก็ห่วยสิ้นดี มิวกินไก่กระเทียม ส่วนผมกินลูกชิ้นทอดก็ห่วยพอกันครับ กัดคำเดียวแทบอยากคายทิ้ง ลูกชิ้นคุณภาพต่ำ น้ำจิ้มไร้ฝีมือ เหมือนเอาน้ำจิ้มไก่สำเร็จรูปมาละลายน้ำ และเติมน้ำตาลให้เหนียวๆ ระหว่างทางก่อนถึงรถเห็นร้านขายแพนเค๊ก มิวเขาชอบ เลยซื้อให้ 1 ชิ้น ผมเองก็เอาแพนเค๊กไส้กรอก หน้าตาดูดี ราคาไม่แพง ชิ้นละ 10 บาท กัดคำเดียวซึ้ง ไม่อร่อยเลย ใส่มายองเนสจนหวานเลี่ยน ไส้กรอกก็แบบงั้นๆ
   ออกจากฐานทัพเรือนี้ตอน 0230 มาถึงบางนาเอาตอน 0530 เจ้ามิวนอนหลับที่เบาะหลังตลอดทาง วันนี้ผมเอารถพ่อไปครับ เลยนอนเบาะหลังได้ มีฟิล์มกันแดด มีม่านลดแสงอย่างดี ขับรถพ่อเฉพาะไปต่างจังหวัดนี่แหละครับ เพราะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแรงบิดสูงมากๆ กดแล้วพุ่งแซงได้ดี แถมประหยัดน้ำมัน ขับเรื่อยๆ ขาไป กินน้ำมัน 6.5 ลิตร/100 กม หารแล้วออกมาที่ 15.3 กม/ล ขากลับแดดแรง แถมเริ่มง่วง ขับเร็วกว่าปกติครับ บางช่วงเร่งไปที่ 140 ก็มี เลยทำได้ 7 ลิตร/100 กม หารแล้วได้ตัวเลข 14.2 กม/ล ผมรับได้นะ รถที่สมรรถนะสูงขนาดนี้ แต่พอจะขับให้ประหยัดก็ทำได้ จะเร่งแซงก็กระชากจนหลังติดเบาะ
   ถึงบ้านเอาเกือบจะหกโมงเย็น กลับมาบ้่านไม่มีอะไรกิน มิวซัดมาม่า ส่วนผมเล่นผลไม้ที่ปลูกเองในบ้าน มะม่วงสุกครับ
   คืนนี้ผมเข้านอนเร็ว เพราะเพลีย และขาขับรถกลับเริ่มมีตึงๆ ที่ตาขวา อาบน้ำเสร็จพลิกเปลือกตาดูเห็นมีตุ่มสีขาวที่เปลือกตาล่าง ไม่เจ็บ ไม่คัน แต่ระคายเคืองนิดๆ
Title: Re: มค 54
Post by: O'Pern on January 10, 2011, 08:12:41 pm
9 มค 53
   ตื่นมารู้สึกเจ็บๆ ตึงๆ ที่ตามากกว่าเดิม มีขี้ตาเหนียวๆ เมื่อก่อนไม่เคยมี น่าจะเป็นสารที่ร่างกายขับออกมาขณะอักเสบ เปลือกตาล่างด้านขวามีตุ่มขาวๆ ใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อวาน กระพริบตาแล้วจะรู้สึกตึงมากกว่าปกติ ไม่อยากไปหาหมอ เดาว่าหมอคงให้ยาป้ายตา ไม่ก็ยาหยอดตา และยากินแก้อักเสบมาอีกจำนวนหนึ่ง และคงต้องเสียเงินสัก 500 บาท พร้อมกับตาจะดีขึ้นในอีกสัก 4-5 วันถัดมา
   ส่วนทฤษฎีของผม ตาอักเสบเกิดจากการระคายเคือง เมื่อวานอยู่กลางแดดจัด ลมแรงบนดาดฟ้าเรือ ไอ้สองอย่างนี้โดนมาบ่อยแล้ว แต่ที่แปลกใหม่ และไม่เคยโดนมาก่อนนั่นคือฝุ่นเถ้าจากไอเสียของเครื่องบิน F16
   ไม่ได้จะโทษว่าผมตาเจ็บเพราะเถ้าไอเสีย F16 หรอกนะ ไม่งั้นคงต้องมีคนตาอักเสบอีกเป็นพันๆ คนแน่ ผมแค่วิเคราะห์ตามสภาพ อ้อ มีอีกอันหนึ่งเป็นไปได้สูงกว่า นั้่นคือขณะเดินและปีนป่ายในเรือ ที่ทางเดินมักจะเป็นบันไดลิง สองข้างเป็นราวจับทำด้วยเหล็ก ทุกคนต่างต้องจับราวนี้ทั้งสิ้น ผมเองก็ด้วย และอาจเผลอนำมือมาขยี้ตาต่อโดยไม่รู้ตัว
   เออ อันหลังนี้เข้าท่ากว่าเรื่อง F16 มากๆ เลย มีความเป็นไปได้สูงกว่าเยอะ มีเหตุมีผลกว่า
   ตามปกติต่างกายจะมีการตรวจสอบ ต่อต้าน และรักษา ตัวเองโดยอัตโนมัติ ทำให้เช้านี้ผมมีขี้ตาเหนียวๆ แค่ข้างเดียว แต่ตุ่มสีขาวมันใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อวานอีกนะ
   
   ตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรครับ ทำบุญใกล้วันเกิดของผม เตรียมอาหารเองหมดทุกอย่าง ไม่ชอบซื้อมาใส่บาตรให้พระ และโครตเกลียดสุดก็คือพวกพระที่รับอาหารจากแม่ค้ามาเวียนเทียนขาย ก็เลยหอบหิ้วของมานั่งรอพระหน้าปากซอยบ้าน รออยู่นาน แต่อากาศเย็นสบาย เลยไม่ค่อยเบื่อนัก
   สายหน่อยพาลูกและภรรยาไปกินอาหารเช้าร้าน au bon pain เป็นร้านอาหารแบบ Fast Food เกรดสูงสไตล์ฝรั่งเศษ อาหารราคาแพงมากครับ ลำพังส่วนตัวไม่เคยคิดจะเข้าร้านแบบนี้แน่นอน ลูกเลือกครัวซอง ไข่ เบคอน ชีส ภรรยาเลือกแฮมและผักห่อม้วนแป้งสีขาวคล้ายแป้งนานของอินเดีย ส่วนผมเลือกแซนวิชขนมปังเบเกิ้ล (ขนมปังกลม รสเค็ม มีรูตรงกลาง รูปทรงเหมือนโดนัท) ใส่เบคอน ผัก ไข่สแครมเบิ้ล แถมท้ายด้วยซีซาร์สลัดอีก 1 กล่อง
   มิวชอบโก้โก้เย็นอย่างมาก ถามเจ้าหน้าที่ว่ามีไหม เขาตอบว่ามี เลยสั่งมาหนึ่งแก้ว 75 บาท ดูดปี๊ดเดียวหน้าเปลี่ยนสี เพราะมันไม่ใช่โกโก้ มันเป็นช็อคโกแลต
   บ๊ะ ร้านสวยๆ ใสๆ สมัยนี้มันไม่มีโกโก้ขายกันแล้วหรือไง คราวก่อนก็เจอที่ Amazon Café แก้วละ 40 บาท ก็เอาช็อคโกแลตมาชงให้กิน มาวันนี้ร้านแบรนด์เนมหรู ราคา 75 บาท พร้อมวิปครีม ก็เป็นช็อคโกแลตอีกแล้ว เซ็งว่ะ เล่นร้านรถเข็นแถวบ้านยังจะเจ๋งเสียกว่า ราคาแค่ถุงละ 20 บาท อร่อยกว่ากันเยอะเป็นเท่าตัว
   เป็นร้านแบบบริการตนเอง เลือกอาหารในเมนู จ่ายเงินตรงนั้น แล้วเดินไปนั่งรอที่โต๊ะ ถัดไปเป็นเคาเตอร์ครัว เขาก็จะปรุงกันตรงนั้น พอเสร็จแล้วก็จะตะโกนบอกชื่ออาหาร ผมไม่คุ้นเคยกับชื่อฝรั่งยาวๆ พอได้ยินชื่อยังแทบจำไม่ได้ว่าเป็นอาหารของตัวเอง ฮ่าๆ
   อาหารรสชาติดีครับ แต่ถ้าให้มากินอีกคงคิดนานหน่อย แพงเหลือกิน ไปกันสามคนหมดไปราว 500 บาท ภรรยากินไม่หมด เหลือกลับมาให้ผมจัดการเป็นอาหารมื้อกลางวัน
   ภรรยาพาลูกไปเรียนพิเศษ ตัวเองก็ไปนวดสปา ส่วนผมกลับไปที่คอนโด ปัดกวาดเช็ดถูเหมือนเคย วันนี้มีงานค้างมาเยอะ เลยเอาคอมพิวเตอร์มาทำงานด้วย ลมพัดเย็นสบายดีมากๆ ครับ นั่งมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ดูแล้วสบายตาดีจริงๆ เลย
   กลางวันหิว เอาของเหลือจากอาหารเช้ามากินต่อ รสชาติยังดีอยู่เลย ผมซัดเสียเรียบ ผักทุกชิ้นไม่มีเหลือ แปลกดีนะ ตอนเด็กๆ นี่ผมไม่กินผักสักต้นเลย
   ตอนบ่ายหิว ไม่มีอะไรกิน นอกจากน้ำเปล่า ซัดไปหลายลิตร พลิกเปลือกตาดูพบว่าตุ่มสีขาวมีขนาดเล็กลง เออ ดีวุ้ย หายเร็วกว่าที่คาดไว้เสียอีก รอลุ้นคืนนี้อีกที
   ตอนเย็นออนไลน์ เจอรุ่นพี่ที่คอนโดฯ ชวนไปกินมื้อเย็น ผมเองก็อยู่ที่คอนโดฯพอดีเลย ติดที่ตัวเองไม่ถนัดอาหารมื้อใหญ่ๆ มาหลายปีแล้ว เลยส่งใจไปแทน
Title: Re: มค 54
Post by: O'Pern on January 10, 2011, 08:14:25 pm
10 มค 53 ล้ม !
   หลังที่เจ็บยังไม่หายดี ตอนนี้มีอาการตาเจ็บมาเพิ่ม รู้สึกระคายเคืองลดลง ตุ่มสีขาวที่ทีแรกดูใหญ่ขึ้นและเห็นว่ามันลดขนาดลงนั้นมันไม่ใช่หรอก ผมดูผิด ที่ดูใหญ่ก็เพราะมันขับเอาเมือกสีขาวมาปกคลุมไว้ พอล้างหน้าล้างตาเมือกก็หลุดออกไป นึกดีใจว่าตุ่มมันเล็กลง ที่จริงน่ะมันก็ขนาดเท่าเดิมนั่นแหละ
   เอาจักรยานออกขี่ตอนเช้า ยังพอจะสัมผัสอากาศหนาวเย็นได้อยู่ ต้องรีบตักตวงเอาไว้ก่อนหมดฤดู ใช้รถ KHS HT ครับ ออกขี่แต่เช้ามืดเหมือนเดิม แต่วันนี้กลับเป็นอีกวันที่ผมจะต้องจดจำไปตลอดชีวิต
   รถล้มครับ ไปชนเอาคันกั้นรถเข้า ขี่เพลินๆ แบบมันๆ ที่ความเร็วราว 30 แล้วจู่ๆ ก็ขี่ทับคันกั้นรถโดยไม่รู้ตัว ถนนมันมืดมาก แถมคันกั้นก็เป็นแบบชาวบ้านเอายางมะตอยมาโปะกันเอง ตอนรถล้มนี่ยังไม่รู้ตัวเลยนะว่าเพราะอะไร
   “โอ๊ะ” ผมร้องออกมาแค่นี้ ก่อนที่ตัวเองจะล้มทับแฮนด์จนมันพับ 90 องศาไปในแนวเดียวกับล้อหน้า ขาทั้งสองข้างล็อคติดกับบันได มือที่ยันแฮนด์อยู่เพลินๆ ก็หลุดออก กลายเป็นว่าตัวผมไถล และพารถให้ลากไปไกลราว 5 เมตร คิดบวกครับ ยังดีที่ไม่มีรถใหญ่ขับตามมาทับ
   ความเสียหายของรถ มีดังนี้ ฟองน้ำหุ้มแฮนด์ด้านขวาขาดเป็นแนวยาวคืบกว่าๆ ถลอกจนกินเนื้อแฮนด์อลูมิเนียมจนแหว่งไปเยอะ
   ความเสียหายของคน มีดังนี้ หัวเข่าขวากระแทกพื้นอย่างแรง ปวด บวมเป่ง พร้อมแผลถลอก ข้อเท้าขวาพลิก บวม เคล็ด ต้นขาขวามีรอยเหมือนโดนเจาะเป็นแผล3 รู ท่อนแขนขวาทั้งแผงตั้งแต่ข้อศอกจนถึงหัวไหล่ถลอกเป็นแผลยาว ฝ่ามือทั้งสองข้างถลอก เลือดไหล พร้อมมีอาการปวด บวม ด้านหลังของนิ้วมือมีแผลถลอกเกือบทุกนิ้ว
   แว๊บแรกที่ลุกขึ้นได้ ก็มองหาสาเหตุ พอเห็นคันกั้นรถแล้วต้องส่ายหัว เพราะผมขี่ผ่านมันออกจะบ่อย แต่ทุกทีจะผ่านตอนท้องฟ้าสว่าง ตรงข้ามกับวันนี้ ที่ฟ้ายังมืดสนิท รถล้มโครมดังลั้น ยังไม่มีใครออกมามองผมสักคน
   อย่างแรกทีทำ ก็คือสำรวจบาดแผลตัวเอง ดูแค่ผ่านๆ พอครับ ประเมินเอาเองว่าขี่กลับบ้านไหวไหม ถ้าไกลก็ต้องขึ้นรถ ผมเลือกขี่กลับบ้าน เพราะห่างแค่ 3 กม กัดฟันขี่กลับทั้งที่ยังเจ็บและเลือดไหลโชก ต้องทนครับ เพราะอีกสักพักจะเจ็บกว่านี้อีกเยอะ
   ก่อนขึ้นรถก็สำรวจอุปกรณ์ติดรถเราด้วยนะครับ สิ่งของที่ซื้อใส่เพิ่มมักจะหลุดได้ง่าย เช่น มาตรวัด ไฟหน้า ไฟท้าย กระติกน้ำ โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน ฯลฯ รีบหยิบแล้วรีบขี่กลับที่พักอย่างเร็วเพื่อไปทำแผล
   เอาน้ำตักราดแผล ล้างดินทรายออก รีบเอามือถูผิวหนังเบาๆ ตอนนี้ยังชาอยู่ ไม่ค่อยเจ็บ อีกสักพักจะได้เจ็บแน่ๆ แผลสด ให้เบตาดีน หรือทิงเจอร์เมอร์ไทโอเลท เทราดลงไปได้เลย แต่ถ้ากลัวเปลืองก็ใช้สำลี หรือคัดตั้นบัดทา แต่มันช้า ไม่ทันใจ ผมใช้ยานี้แทนยาล้างแผลไปในตัว เลยเทราดแล้วค่อยเช็ดส่วนเกินออก
   ช่วงนี้ทุลักทุเลหน่อยครับ เพราะยังไม่รู้ว่าทั้งตัวเรามีแผลตรงไหนบ้าง เรียกว่าจับไปตรงไหนก็เจ็บไปหมด แม้ไม่เจอแผล แต่เป็นรอยฟกช้ำแทน
   เดินกระเผลกๆ ไปหยิบยาแก้อักเสบมากินก่อนอาหารเช้า อันนี้สำคัญมาก ยาแก้อักเสบมีหลายตัวให้เลือกใช้ ผมเล่นแบบแรงสุดเลย มีติดบ้านไว้ประจำ กินแก้แผลร้อนในในปากก็ยังได้
   ตลอดวันนี้ และจนถึงช่วงเวลาที่แผลยังไม่หาย ผมต้องกินน้ำตาล และแป้งขัดขาวให้น้อยมากๆ งดเลยยิ่งดี ของมันๆ ของทอด ยิ่งต้องห้าม ที่เน้นหนักคือผัก ผลไม้ และน้ำสะอาด
   เช้านี้กินแครอท หน่อไม้ฝรั่ง ผัดเป็นผักรวม กินกับไข่เจียวใส่มะเขือเทศ เคี้ยวกระเทียมสดๆ อีกสิบกว่าหัว มีน้ำแครอทแบบทำเองอีกแก้วใหญ่ สักพักตามด้วยวิตามิน C 1000 mg
   ตอนนี้เริ่มเจ็บแผลแล้วครับ หัวเข่าซ้ายเจ็บสุด งอไม่ได้ เดินแบบกระเผลกๆ เพราะข้อเท้าขวาก็พลิกอีกด้วย งานเข้าของแท้ จะใช้ไม่เท้าก็ยันตัวไม่ได้ ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ยังเจ็บตามไปอีก
   อาบน้ำลำบากมาก ทำได้แค่เปิดน้ำราดตัว ล้างหน้าแบบไม่ได้เอามือถู กลัวแผลโดนน้ำ ต้องให้แผลแห้งเร็วที่สุด หรือถ้าโดนน้ำก็ต้องรีบซับให้แห้งทันที
   ใส่กางเกง ใส่เสื้อก็ลำบากครับ ขามันงอไม่ได้นี่หว่า เสื้อไปโดนท่อนแขนที่เป็นแผลก็เจ็บแสบ เดินขึ้นลงบันไดก็สุดยอดไม่แพ้กัน จนมาถึงรถ เข้าไปนั่งก็ยังลำบาก ยังไม่พอ มือผมจับพวกมาลัยไม่ได้ ฝ่ามือเป็นแผล ต้องใช้แค่ปลายนิ้วควบคุมรถแทน โอ้โห ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย ถ้ารถไม่มีพวงมาลัยเพาเวอร์แล้วต้องถอยจอดในที่แคบ คงยอมแพ้จริงๆ
   พอถึงที่ทำงานก็เอาจักรยานออกขี่ไปจดออเดอร์ลูกค้าเหมือนเดิม แต่ขี่ไม่ได้ครับ งอขาแล้วเจ็บแผลปวดหัวเข่ามากๆ ต้องขี่แบบขาเดียวเอารถกลับมาจอดบ้าน แล้วใช้เดินแทน
   แต่ก็เดินได้แป๊บเดียว เจ็บข้อเท้าขวาครับ ไปต่อก็จะฝืนให้ร่างกายหายช้าเปล่าๆ ร่างกายเราเจ็บนั่นคือการเตือนให้เรารู้ อย่าไปฝืน เช่นเดียวกับการปวดเมื่อยเนื้อตัวตอนขี่จักรยานทางไกล เจ็บแล้วก็พักครับ อย่าฝืน ได้แค่ไหนก็แค่นั้่น สภาพร่างกายและพื้นฐานคนเราไม่เหมือนกัน
   ไปธุระที่ธนาคาร ช่วงรอคิว ผมโทรหาพี่นิค สอบถามแหล่งขายฟองน้ำหุ้มแฮนด์ผีเสื้อ ตบท้ายด้วยการฝากหารถ Neo Bike Single Speed อีก 2 คัน ซื้อไว้ให้ภรรยาและลูกคนละคัน มันไม่ใช่รถที่ขี่เร็ว แต่เป็นรถที่ขี่สบาย พกพาง่าย ไลฟ์สไตล์ของผมเป็นแบบนี้
   สายๆ ผมกินแตงโมชิ้นใหญ่ ใกล้เที่ยงก็กินยาแก้อักเสบอีกชุด สักพักก็ตามด้วยน้ำเต้าหู้ใส่ถั่วแดง กลับมาบ้านตอนบ่ายมีมะม่วงเขียวเสวยกึ่งสุกกึ่งดิบ อ้อ ตามด้วยเต้้าฮวยอีกถ้วย แต่ผมไม่กินปาท่องโก๋ กินเฉพาะเต้าหู้กับน้ำขิง ตามด้วยวิตามิน C อีก 1000 mg
   แผลเริ่มแห้งบ้างแล้ว หยิบเอายาบัวหิมะมาทา ไอ้ยานี้เหมือนยาวิเศษ ทาผิวหนังภายนอกได้ทั่วร่างกาย ทาสิวยังได้เลย ริดสีดวงทวารก็ยังไหว อันนี้รู้มาตอนไปฮ่องกง มีคนจีนบอกมา ยามีเนื้อเป็นครีม ทาได้ทั่วแผลเลยครับ พอแผลโดนยาปุ๊บก็แสบจี๊ดทันที สะใจซาดิสม์
   เย็นไปรับลูก ต้องขับรถของพ่อไป เพราะขึ้นลงสะดวกกว่ารถของผม มื้อเย็นกินผัดผักบุ้ง และปลาทอดชิ้นเท่านิ้วก้อยไป 1 ชิ้น ที่จริงไม่อยากกินมื้อเย็นเลย แต่เพราะกินยาแก้อักเสบก่อนอาหารไป กลัวไม่มีอะไรให้ย่อย
   อาบน้ำลำบากมากกว่าเมื่อเช้าเสียอีก ดีที่ไม่ต้องเร่งรีบ พิงเอนที่อ่างอาบน้ำ ใช้อีกมือถือฝักบัวราวตัวราดหัว เลี่ยงไม่ให้โดนแผล ราดได้สักพักก็ขึ้นละ มีละอองน้ำไปโดนแผล ไม่ได้ถูสบู่อะไรเลย
ลุกนั่งลำบากกล้ามเนื้อตึงมากๆ ขาซ้ายงอไม่ได้เลย ต้องยกไปทั่งแท่ง ส่วนท่อนแขนขวาก็ยกสูงไม่ได้ เจ็บตึงไปหมด
   พรุ่งนี้คงจะระบมหนักกว่านี้แน่ๆ เตรียมใจไว้ได้เลย
   เออ ผมมีงานได้รับเชิญจากบริษัทที่ผมเป็นที่ปรึกษา ให้ขึ้นไปมอบรางวัลแก่พนักงานตอนกลางวันนี่หว่า
   แล้วจะไปอีท่าไหนกั้นดีล่ะวะนี่
Title: Re: มค 54 10 ล้ม!
Post by: O'Pern on January 12, 2011, 04:15:03 pm
11 มค 53
   ผมไม่เคยขี่รถล้มมา 15 ปีแล้ว ครั้งนี้แรงมากกว่าเมื่อ 15 ปีก่อนเยอะ คราวนั้นแม้จะชนกับมอเตอร์ไซค์แบบประสานงาที่ความเร็ว 30 ก็จริงๆ แต่ชนแล้วผมตีลังกาลงมานั่งยองๆ พอดีเป๊ะ ไม่เจ็บสักนิด แต่รถผมบาร์เอนหักอย่างเดียว มอเตอร์ไซค์สิหนักกว่าเยอะ ดิสค์เบรกหน้าคด หน้ากากครอบไฟหน้าแตกโดนเจาะเป็นรู หางคิ้วแตกเลือดไหล
   ชนแรงเต็มเหนี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ย้อนศร ขี่มาที่ 30 ชนแบบไม่ได้เบรก ตอนบ่าย คนข้างทางมามุงดูกันใหญ่ แต่พอเห็นผมไม่เป็นไร วงก็แตก เหมือนกับว่ามาดูเก้อ อะไรทำนองนั้น
   วันนี้ตื่นเช้าเหมือนเดิม ลุกไม่ค่อยไหว ทำให้ตัวเองลุกจากที่นอนไม่ได้ เอี้ยวตัวไปทางไหนก็เจ็บไปหมด จะเอามือยันพื้นก็ไม่ได้ เจ็บฝ่ามือทั้งสองข้าง กลางคืนก็นอนหลังๆ ตื่นๆ พลิกซ้ายพลิกขวาก็เจ็บแผลไปหมด
   ลงมาลูบๆ คลำๆ จักรยาน มองดูแผลถลอกที่แฮนด์ คิดพลางไปว่า นี่หากเราใช้ชิฟเตอร์ปลายแฮดน์แบบพวกรถไฮโซ มันคงจะพังยับเยินเป็นแน่ หรือถ้าใช้แฮนด์แบบหมอบมือเบรก มือเกียร์ก็จะต้องหักทั้งสองข้างแน่นอน แต่นี่เป็นเพราะผมใช้แฮนด์ผีเสื้อ ตำแหน่งจับหน้ามันเป็นตัวกันชนมือเบรกมือเกียร์ไปในตัว โอ.. เพิ่งเห็นประโยชน์อีกด้านก็วันนี้เองแหละ
   ขี่จักรยานไม่ได้ไปอีกนาน ขาซ้ายงอไม่ได้ แผลใหญ่อยู่ที่หัวเข่า สองฝ่ามือก็ยังออกแรงอะไรไม่ได้เลย ขนาดเขียนหนังสือยังเจ็บฝ่ามือ เพราะต้องเกร็งมือจับดินสอ ช่วงนี้เดินยังกะหุ่นยนต์ Asimo เลย
   กลางวันมีงานต้องไปมอบของรางวัล โทรบอกเจ้าหน้าที่เขาล่วงหน้าแล้วล่ะว่าผมอาการหนัก เดินเหินไม่สะดวก พร้อมกับฝากภาระหน้าที่นี้ให้คนอื่นแทน
   ไปรับลูกตอนเย็นก็เดินช้าๆ คนมองกันใหญ่ ผมได้แต่ส่งยิ้มให้ มาถึงบ้านลงจากรถลูกช่วยผมถือเป้ ทุกทีต่างคนจะต่างถือของตัวเอง วันนี้ผมเจ็บตัว เขาเลยอาสาช่วยถือให้
   ช่วงเวลาอาบน้ำดูจะลำบากมากที่สุดในชีวิตประจำวัน ต้องเอาเสื้อที่ใส่แล้วมาห่อขาซ้ายไว้ กลัวน้ำกระเด็นโดนแล้วแผลจะหายช้า ต้องชูสองมือขึ้นเหนือหัว เพราะมีแผลที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง ถูสบู่ไม่ได้ครับ ได้แต่เอาน้ำราดๆ ตัว จากนั้นก็มาทายาบัวหิมะ เข้านอนแบบอ่อนเพลียราวสามทุ่ม
   ส่วนลูกเขายังนั่งอ่านหนังสือเล่นต่อ
Title: Re: มค 54 10 ล้ม!
Post by: O'Pern on January 13, 2011, 02:17:00 pm
12 มค 54
   ลูกบอกอยากกินต้มเลือดหมู เลยเดินกระเผลกๆ ไปซื้อให้ ระยะทางก็ไม่ไกลมาก ไปกลัวราว 1.5 กม เช้านี้ผมรู้สึกดีขึ้นหน่อย เริ่มขยับตัวได้หลายอิริยาบทแล้ว แต่ก็ยังขี่จักรยานไม่ได้อยู่ดี
   เช้านี้ฝนตกครับ ลมหนาวลงมาจากจีนทีไรมักจะเป็นเช่นนี้ แต่ตกแป๊บเดียว ไม่ได้ลากยาว ค่อยยังชั่ว ผมกลัวแผลเปียกน้ำอย่างเดียวนี่แหละ    
   แผลเริ่มแห้ง ทุกอย่างไปได้สวย แต่ยังเดินเหินไม่ถนัด กะเผลกๆ นิ้วมือบวม พิพม์ หยิบจับ ทำอะไรไม่ถนัดเอาเสียเลย ออกแรงเกร็งฝ่ามือยังไม่ได้ แปรงฟันยังเจ็บมือเลยครับ
   ตอนบ่ายรู้สึกหนาวๆ เหมือนจะมีไข้ เลยอัดยาฟ้าทะลายโจรไป 2 เม็ด ก่อนนอนอีก 2 เม็ด
   อากาศหนาวเย็นมากๆ ผมรู้สึกปวดข้อเท้านิดๆ แต่ถ้าไม่ได้ออกแรงเดินมากนักก็ไม่เท่าไหร่
   เข้านอนสามทุ่มกว่า สองสามวันมานี้ลูกผมช่วยอาสาปูนี่นอน หิ้วเป้ให้ น่ารักดีนะ
Title: Re: มค 54 10 ล้ม!
Post by: ToppyRacingClub on January 14, 2011, 09:12:12 am
ขอให้หายเจ็บไวๆ นะครับพี่เปิ้ล

:yociexp72:
Title: Re: มค 54 10 ล้ม!
Post by: O'Pern on January 15, 2011, 05:46:12 pm
13 มค 54
   ช่วงเวลาที่ยากลำบากมากอีกช่วงนั่นคือการลุกจากที่นอน แผลดูดีขึ้น เริ่มขยับนิ้วได้บ้างแล้ว ตอนเช้าออกเดินช้าๆ ออกกำลังกาย เดินนานๆ เจ็บขา เลยเปลี่ยนเป็นเดินถอยหลัง และแกว่งมือแรงๆ แปลกดี เดินถอยหลังกลับไม่ค่อยเจ็บขาเท่าไหร่
   เดินข้ามถนนตรงทางม้าลาย ใกล้ที่ทำงาน เกือบจะโดนรถเก๋งชน ผมเดินกระเผลกเร็วๆ เพื่อข้าม แต่เขาขับแบบไม่อยากเบรก คือกะจะปล่อยให้รถไหลผ่านพ้นตัวผมไปแบบเฉียดๆ นี่ถ้าโดนผมเข้าคงจะยิ่งแย่ และที่จะแย่หนักกว่าคือคนขับรถ เพราะชนคนตรงทางม้าลายนี่ข้อหาหนักมากๆ เป็นที่อเมริกาถึงขั้นเพิกถอนใบขับขี่ได้เลย
   ตั้งแต่วันที่รถล้มเป็นต้นมา ผมเข้มงวดกับอาหารการกินมาก จนช่วงนี้น้ำหนักลดลงมาได้มากกว่าปกติ ผมเกิดมีแนวคิดที่ว่า ยิ่งร่างกายกินมาก ก็จะยิ่งเผาผลาญ และเกิดของเสียตามมามากขึ้น ของเสียนี้ร่างกายเราจะขับออกทางปัสสาวะ และอุจาระ แต่มีของเสียอีกหลายอย่างที่กำจัดออกไม่ได้ ภาษาแพทย์เรียกว่า อนุมูลอิสระ หรือ Free Radical แต่ไอ้อนุมูลอิสระนี้มันเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆ ด้วยนะครับ มิได้เกิดจากอาหารการกินอย่างเดียว เกิดจากสิ่งแวดล้อม เกิดจากฮอร์โมน เกิดจากวัย ฯลฯ อาหารเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
   เสียดายสุดๆ ที่มาเจ็บตัวเอาตอนนี้ เสียดายอากาศหนาวเย็นน่ะสิ อยากขึ้นเหนือวางทริปขี่จักรยานเล่นมากๆ
   เย็นรีบไปรับลูก แล้วเลยไปทำฟันกันต่อ เป็นร้านเก่าแก่อยู่แถวสุรวงศ์ ผมทำตั้งแต่เด็กๆ เลยพาลูกมาทำที่เดียวกัน นัดเวลาเดียวกันเพื่อความสะดวก
   ทำฟันเสร็จก็พาลูกเดินเล่นละแวกนั้น ผ่านพัฒนพงษ์เห็นมีขายบริการโชว์ลามกมากมาย มีคนเชียร์แขกมายืนโฆษณาสรรพคุณพร้อมภาพประกอบ สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่นี่ไม่แพ้คลองถมเหมือนกันครับ มีครบหมดทั้ง DVD น้ำหอม กระเป๋า โดยมากจะเป็นพวกเครื่องใช้ของคุณผู้หญิง
   

14 มค 54
   บนใบหน้ามีสิวขึ้นมา 1 เม็ด ปกติไม่เคยมี ก็สมควรล่ะนะ ตั้งแต่รถล้มนี่ ผมไม่ได้ถูสบู่อะไรเลย ราดแต่น้ำเปล่าอย่างเดียว ไม่ได้ถูตัวอีกด้วย กลัวละอองน้ำโดนแผลน่ะ ใช้ฝักบัวฉีดล้างหน้า ล้างตัว จะว่าล้างก็ไม่เชิง เหมือนกับสาดๆ ให้แค่โดนน้ำพอสดชื่เสียมากกว่า
   นี่เป็นวันแรกที่อาบน้ำถูตัวอย่างเป็นทางการ แต่ก็ทำแบบเร่งรีบนะ แผลยังไม่หายดี แม้จะแห้งแล้ว แต่ถ้าแผลมันลึก ก็รอให้มันตกสะเก็ดก่อนดีกว่า รีบถูสบู่ รีบเช็ดแห้ง แหม อาบแบบนี้ไม่ค่อยมันส์เลยว่ะ
   อ่านข่าวหนังสือพิมพ์เจอเรื่องการตรวจจับที่พัฒน์พงษ์เมื่อคืนนี้ แหม ผมเพิ่งไปเดินมาเองสดๆ ละแวกนั้นฝรั่งนักท่องเที่ยวเยอะมาก แต่เขาเที่ยวกันคนละแบบกับพวกที่ชอบไปขลุกตัวอยู่ริมทะเลเป็นเดือนๆ นะ พวกนั้นเขาเน้นประหยัด อยู่แบบพอกิน แต่ชอบอยู่นานๆ ทำนองค้นหาตัวเอง แต่ไอ้พวกที่พัฒน์พงษ์มันเน้นค้นหาคนอื่น
   กลางวันมีประชุมที่สุขุมวิท ปกติก็จะขี่จักรยานไป ไม่ก็นั่งรถไฟฟ้า ไม่ได้ขับรถยนต์เข้าไปใจกลางเมืองมาหลายปีแล้ว แต่วันนี้ยอมครับ ขาเจ็บ และจุดจอดรถยนต์ที่สวนลุมไนท์บาซาร์ก็ปิดไปแล้วอีกด้วย เกิดความไม่สะดวกอย่างมาก
   ที่ประชุมก็เป็นแบบสากลทั่วไป เสิร์ฟกาแฟ และมีพัก Coffee Brake ก็เติมพวกเค๊กชิ้นเล็กๆ แซนวิชเข้าไปอีก โหห ผมไม่กินของพวกนี้เลย กินแล้วอ้วนมากๆ เลยกินแค่น้ำเปล่าอย่างเดียว เห็นเขากินแล้วหิวเหมือนกันครับ ดีที่มีติดน้ำเต้าหู้ไปด้วย
นี่เขาน่าจะเป็นพวก Fruit Brake แทนนะ อยู่ไทยกินผลไม้ไทยสดๆ เวิร์คกว่ากินเลียนแบบฝรั่งอย่างมาก ลองนึกภาพดู พักการประชุมแล้วออกมากินแตงโมกัน ฝรั่ง มะม่วง กล้วย ส้ม ไอ้พวกนี้เป็นของคลาสสิค มีให้กินทั้งปี ราคาถูก มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำไมยังไม่มีใครจัดทำ เอ้าา ใครอ่านเจอ ช่วยนำไปปฏิบัติทีครับ
   เย็นมารับลูก พาไปกินทีร้านยาโยอิ ตามใจเขาบ้าง นานๆ ที ต่อด้วยไปร้านหนังสือ ขอซื้ออีก 4 เล่ม เป็นการ์ตูนเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ 2 เล่ม อีก 2 เล่มเป็นเรื่องของไอสไตน์
Title: Re: มค 54 10 ล้ม!
Post by: O'Pern on January 15, 2011, 07:27:15 pm
15 มค 54
   ขาเริ่มขยับได้ดีขึ้น ขี่จักรยานได้นิดๆ แต่กลัวตอนลงแล้วจะยันพื้นไม่ดี ไม่เอาดีกว่า ออกกำลังกายด้วยการเดิน แต่เป็นการเดินถอยหลังนะ สูตรของผมเอง เดินแล้วแกว่งเหวี่ยงแขนไปด้วย ทรงตัวยากหน่อย ถือว่าเป็นการฝึกสมองไปด้วยก็แล้วกัน
   เดินออกสูดลมหนาวน้อย ๆในกรุงเทพฯ แต่ใจเราคิดไปไกลถึงทางภาคเหนือ คิดอยากขี่จักยานเดินทางไกลๆ ยามเช้า พอแดดร้อนแรงก็แอบพักหน่อย ถ้าอู้ได้นานๆ ก็ดี เย็นๆ แดดอ่อนค่อยปั่นต่อ ผมชอบขี่แบบนี้นะ ไม่ชอบลุยกลางแดดจัดๆ ลากยาวทั้งวัน เคยลองมาแล้ว มันแค่สะใจ แค่เอาไว้คุย ไม่ค่อยสนุกนักหรอก แต่ถ้าได้เส้นทางร่มรื่นก็อีกเรื่อง
   หลังจากแผลหายนี่ผมจะต้องออกขี่เที่ยวบ้างแล้วล่ะ ทุกวันที่ผ่านมามีแต่ขี่ออกกำลังกาย ไม่ค่อยได้ออกกำลังใจบ้างเลย ไปไหนดีน้า
   เช้าเริ่่มออกขี่จักรยานจดออเดอร์ลูกค้า เจ้าของร้านเห็นว่าผมขี่จักรยานได้แล้ว เลยใช้ขี่ไปธุระหลายแห่ง ขี่นานๆ เริ่มเจ็บหัวเข่าอีกแล้วครับ แต่เป็นเจ็บแบบตึงๆ พักหน่อยก็หาย สงสัยจะขี่เร็วเกินไป แหม ก็กลางแดดแรงจัดนี่นา ร้อนแสบผิวจะตาย
   บ่ายไปธุระที่ธนาคาร เดินผ่านซูปเปอร์มาเก็ตแล้วตบะแตก ซื้อทอดมันกลับมากินที่บ้าน หยิบเอาผักในตู้เย็นออกมาหั่นแล้วกินแกล้มเยอะๆ ไม่ได้กินมื้อเย็นมาหลายวันแล้วล่ะครับ ช่วงนี้น้ำหนักลงมาได้ตามเป้า เลยให้รางวัลแก่ตัวเองสักนิด
   เข้าเวปจักรยาน มี pm ส่งมาจากกระทู้พูดคุยเรื่องที่พักในอัมพวา เพื่อนท่านหนึ่งส่งข้อความมาว่าอยากให้ผมจัดทริปไปค้างสักคืน เอาล่ะสิ ผมไม่เคยจัด ถนัดแต่เป็นผู้ร่วมแจม เกรงว่าจะพาคนอื่นเขาไปลำบากน่ะครับ กลัวเขาจะไม่สนุกกันบ้าง กลัวเขาไม่ชอบสไตล์ของผมบ้าง ฯลฯ อย่างที่เคยเล่าไง ผมชอบขี่เช้าๆ เย็นๆ กลางวันก็อยากเข้าที่พักแล้วก็เอนหลังพักผ่อน อ่านหนังสือ เย็นๆ ออกมาลุยอีกรอบก็ว่ากันไป

ลูกอยู่บ้านรื้อของเล่นกระจายเกลื่อนตามฟอร์ม การบ้านที่รับปากว่าจะทำก็ไม่ยอมทำ บอกทำไม่เป็น ลูกเล่นเยอะจริงๆ
Title: Re: มค 54 10 ล้ม!
Post by: O'Pern on January 19, 2011, 03:22:51 pm
16 มค 54
   ตื่นเช้ามาแบบหัวสมองว่างเปล่า ปกติวันธรรมดาก็จะขี่ออกกำลังกายนิดหน่อย ถ้าเป็นวันหยุดแบบนี้ก็จะขี่ไกลขึ้นไปอีกนิด แต่วันนี้หมดสิทธิ์ แผลยังไม่หายดี ขาซ้ายเริ่มงอได้บ้างแล้ว ขี่จักรยานได้แบบเกร็งๆ ยังทรงตัวไม่ค่อยดี
   เช้าเข้าไปที่คอนโด หอบงานทั้งหมดไปด้วย วันนี้ว่างทั้งวัน น่าจะคิดงานอะไรสนุกๆ ได้อีกเยอะ สายหน่อยพาลูกไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งอีกแล้ว กินกันแบบเดิมๆ เช่นเคย ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำนี่แหละ รสชาติถูกปากดีมาก ชื่อร้านเจี๊ยบนะ เขาเขียนป้ายว่าเป็นร้านแรกในตลาดบางน้ำผึ้ง ร้านนี้จะคนแน่นตลอดวัน ผมไปแต่เช้ายังเกือบแน่น กลางวันไม่ต้องพูดถึง
   มิวติดใจโกโก้เย็นเป็นอย่างมาก ไปกินอาหาร้านไหนเป็นต้องสั่งเสมอ เขาชอบแบบใส่วิปครีมเพิ่ม แต่ผมให้เขากินวิปครีมได้แค่เดือนละครั้ง โควต้าของเดือนมกราคมหมดลงแล้ว วันนี้ได้กินแต่โกโก้เปล่าๆ ร้านนี้อยู่เกือบจะสุดทางปูนด้านในสุด ราคาแก้วละ 30 บาท รสชาติดีครับ
   ตลาดนี้ขายขนมไทยพื้นบ้านเยอะมากกว่าตลาดน้ำอื่น ราคาก็แสนจะถูก ถ้าเคยไปตลาดน้ำดังๆ อย่างพวก ดอนหวาย อัมพวา ฯลฯ มาแล้ว ของกินที่ตลาดบางน้ำผึ้งนี้จะราคาถูกกว่าราว 20-30 %
   ห้องที่คอนโดผมลมพัดแรงมากๆ ครับ ยืนโต้ลมแป๊บเดียวก็เย็นจนหนาว นั่งตากลมนานๆ จมูกก็มีอาการฟืดฟาด นี่ขนาดผมอยู่กรุงเทพฯ ยังเย็นขนาดนี้ คนที่อยู่ภาคเหนือจะหนาวขนาดไหน คิดแล้วอยากไปลองของจริงๆ เลย
   ตลอดวันนี้ผมอยู่แต่ในห้องนี้ครับ ตอนแรกกะจะไปสวนจตุจักร เพราะที่คอนโดผมมีเรือรับส่งที่ท่าสาทรด้วย ต่อรถไฟฟ้า BTS พอดีเป๊ะ ไปลงจตุจักรได้เลย สะดวกสุดๆ แต่แดดร้อนแรงจัดไม่แพ้ลมครับ เลยขี้เกียจขึ้นมาซะงั้น มันคงเป็นการไปเดินแบบไม่มีจุดหมายด้วยกระมัง ผมเลยดูเลื่อนลอยไปหน่อย
   ก็คงจะยังเจ็บตัวอยู่ด้วยแหละครับ เดินเหินยังไม่เต็มร้อย

17 มค 54
   เริ่มขี่จักรยานได้แล้วครับ แต่ต้องขี่ช้าๆ หัวเข่ายังมีตึงๆ หน่อย ถ้าหมุนรอบขาเร็วๆ ก็จะเจ็บ แผลเริ่มแห้ง เหลือจุดใหญ่ๆ คือหัวเข่าซ้าย และหลังมือซ้าย อาบน้ำได้สบายแล้วครับ แต่อาบแล้วก็ยังคงต้องรีบซับแผลให้แห้งทันที แค่อาบน้ำได้ก็สุขสุดๆ แล้วครับ ที่ผ่านมาทุลักทุเลเหลือเกิน
   ตลอดวันนี้ผมอยู่ที่ร้านจนงานเลิก เย็นไปรับลูก แล้วก็กลับมาร้านต่อ อยู่จนถึงมืดค่ำ กลับมาถึงบ้านตอนสี่ทุ่มกว่า ลูกปิดไปนอนหลับเรียบร้อยแล้ว ผมเองก็แสนจะเพลีย รีบอาบน้ำแล้วก็ล้มตัวลงนอนตามเขา จับแขนเขาแล้วนอนหลับไปด้วย เขาคงไม่รู้สึกตัวหรอก

18 มค 54
   กะจะเอารถจักรยานขี่ออกกำลังกาย ทันที่ที่วางมือลงบนแฮนด์ก็จับเอารอยฉีกขาด และรอยถลอกของแฮนด์ทันที ภาพที่เรากำลังล้มก็ตามมา เฮ้ออ แบบนี้เรียกว่าอาการหลอนครับ เกิดกับคนที่โดนอะไรแรงๆ มันจะทำให้ฝังใจ ต้องปล่อยให้เวลารักษาแผลใจ
   เลยไปหยิบเอารถ KHS F20-W ออกขี่แทน แต่ก็ขี่ได้ช้ามากๆ ความเร็วไม่เกิน 10 กม/ชม ยังงอเข่าได้ไม่เต็มที่นัก ปรับเบาะให้สูงกว่าเดิมสัก 1 ซม ก็จะงอหัวเข่าน้อยลง ขี่สบายขึ้นมาหน่อย
   แผลผมดูดีขึ้นเยอะ แห้งและตกสะเก็ด ช่วงที่แผลตื่นๆ สะเก็ดก็หลุดไปบ้างแล้ว ไม่ได้แกะมันนะ กลัวเป็นแผลเป็น ปล่อยให้มันหลุดเอง แต่ต้องห้ามชล่าใจครับ หากเผลอไผลไปโดนกระแทกซ้ำ ถ้าสะเก็ดแผลช่วงที่ยังไม่หายดีหลุดออก จะทำให้แผลเลือดไหล จะยิ่งหายช้า และมีแนวโน้มจะเป็นแผลเป็นได้ง่ายมาก
   วันนี้ทั้งวันยังคงต้องอยู่ร้านตลอดครับ ตอนเย็นไปรับลูกแล้วก็รีบมาเฝ้าร้านต่อ วันนี้โชคดีหน่อยที่งานเสร็จเร็ว มาถึงบ้านตอนสองทุ่ม ลูกตกใจ ถามว่าทำไมพ่อกลับเร็ว
   กลับมาบ้านเร็วก็มีเวลาสอนการบ้านลูก มีเวลาพูดคุยกัน ต่างจากเมื่อวานที่ไม่ได้คุยกันสักแอะ
Title: Re: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค 2
Post by: O'Pern on January 19, 2011, 08:47:23 pm
19 มค 54
   ลืมตาตื่นตีห้า แต่ไม่มีแรงลุก หลับต่อเฉยเลย ตื่นมาอีกทีหกโมงกว่า หึหึ เป็นการตื่นสายที่สุดในรอบหลายปี รีบดื่มน้ำทันที 500 cc ดื่มมาเป็นสิบปีแล้วล่ะ แต่เพิ่งเล่า ดื่มแล้วแป๊บเดียวจะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ สมัยก่อนผมกินที่ละเป็นลิตร แต่มักจะมาปวดท้องฉี่ตอนขับรถไปทำงาน เลยลดเหลือแค่ 500 cc จะถ่ายออกได้หมดทันตอนอาบน้ำช่วงเช้าพอดี
   เช้าไปส่งลูกแล้วเลยไปที่ทำงานต่อ ช่วงนี้ชีวิตเป็นไปอย่างราบเรียบสุดๆ ในขณะที่ชีวิตอีกด้าน ถ้ายังคงทำงานอยู่ในวงการรถยนต์ ผมต้องเตรียมตัวขึ้นไปเชียงใหม่ ไปงานทดสอบรถยนต์ Chevrolet Cruz ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

   ผมเล่าเรื่องสำคัญไปเสียสนิท พี่เสือ Spectrum ส่งลิงค์ที่มีชาวจักรยานคุยกันเรื่องช่วงของรถจักรยานแต่ละยี่ห้อ แต่กระทู้นี้ดีตรงมีภาพประกอบของผู้ขี่ที่มีความสูงต่างๆ มาประกอบด้วย ทำให้เห็นภาพชัดเจน ส่งลิงค์มาหลายวันแล้วล่ะ แต่เพิ่งว่างมาเล่าขยายความ
   ผมเห็นภาพแล้วร้องอ๋อทันที ผมลืมประเด็นสำคัญไปเสียสนิท ที่รถของ Dahon เขาสามารถปรับลดความสูงของท่อคอได้ ซึ่งการปรับลดให้ต่ำลง ก็จะทำให้ช่วงเอื้อมของรถลดน้อยลงไปด้วย ผมมองข้ามจุดนี้ไปก็เพราะรถ Dahon Vitesse D5 ที่ผมเคยใช้มันปรับสูงต่ำไม่ได้ รถ KHS F20-W ก็ปรับสูงต่ำไม่ได้ ใจเลยติดภาพของตำแหน่งแฮนด์สูงๆ จนชินตา
   แต่แวบแรกที่ดูภาพแล้วรู้สึกเหมือนกับว่ามันผิดสัดส่วนยังไงไม่รู้ ภาพคนสูง 153 มันดูเหมือนกับคนสูงสัก 163 เสียมากกว่า หวังว่าคงไม่ลงตัวเลขความสูงของผู้ขี่ผิดไปนะครับ เพราะ ดูจากสัดส่วนความต่างของผู้ขี่แต่ละคนในภาพ น่าจะห่างกันที่ประมาณ 10 ซม (คนที่ 2 สูง 172 คนที่ 3 สูง 182) (เป็นภาพคนสามคนยืนเรียงกัน)ตอนเขานั่งอยู่บนรถ ทำไมแขนถึงไม่ยืดตึง หรือว่ามันเป็นรถ Dahon รุ่นช่วงสั้น อยากให้ลองมาเทียบกับ Dahon Mu จังเลย
เอ๊ะ ในภาพเขาปรับท่อคอลดความสูงลงนี่หว่า ทำให้ผมอยากเห็นคนสูง 153 ซม ตัวจริงมาจับแฮนด์รถ Dahon รุ่นในภาพเป็นอย่างมาก เอามาเทียบกับในรูปภาพดูว่าสัดส่วนจะใกล้เคียงกันไหม ถ้าใช่ก็คือภาพในเวปถูกต้อง แต่ถ้าผิดกันไปเยอะ ก็คือตัวเลขความสูงในเวปเขาลงผิด
   การปรับท่อคอลดต่ำลงนั้น มันจะไม่สะดวกในการพับอย่างมากครับ เพราะพับคอแล้วมือเบรก ปลอกแฮนด์ จะไปชนกับล้อ ซี่ลวด กลายเป็นว่าตอนพับก็จะต้องปรับยืดท่อคอ และปรับพลิกแฮนด์อีกด้วย ทำให้พับได้ช้ากว่าเดิม (กรณีพับ 100% นะครับ)
   ยังมีจุดที่สงสัยในภาพอีกหลายจุด คือภาพคนขี่ที่สูง 182 ขี่แล้วมันดูเหมือนกับรถจะเล็กเกินไป ปัดโธ่ ก็ท่อคอมันหดเสียขนาดนั้น คนขี่สูงขนาดนี้ น่าจะยืดท่อคอออกมาให้สุด น่าจะวางมือจับแฮนด์ได้ถนัดกว่านะ ยืดท่อคอขึ้นมา ก็จะได้ช่วงรถที่ยาวขึ้นตามไปด้วย เอ๊ะ หรือเขาต้องการเปรียบเทียบด้วยรถที่เซ็ทติ้งเหมือนกันก็เป็นได้ อันนี้ทิ้งไว้ให้เป็นปริศนา
   ดูภาพกี่รอบก็ยังรู้สึกแปลกๆ ไม่คนก็รถ อาจเป็นแค่บางคน บางคัน ผมรู้สึกเหมือนว่ามันผิดสัดส่วนไปหน่อย
   อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องบอกกันก่อนนั่นคือรถในแบบ มันไม่มีรถรุ่น Mu เลย ซึ่งเจ้า Mu นี้คือรถที่ช่วงยางสุดของ Dahon และผมมักจะนำรถ Mu ไปเป็นมาตรฐานของ Dahon เสียอีกด้วย ที่ผมบอกว่าคนตัวเล็กไม่เหมาะกับ Dahon นั้น ก็คือจะอ้างอิงรุ่น Mu เป็นหลัก แต่ผมผิดเองที่ลืมบอกไปว่ารถ Dahon หลังปี 09 จะออกแบบให้ช่วงรถสั้นลงมากว่าเดิมนิดหน่อย (ยกเว้นรุ่น Mu ที่ยังคงช่วงยาวปรี๊ดอยู่) เหมือนกับว่าคุยคนละเรื่องเดียวกัน
มาถึงตรงนี้ หากความคิดเห็นของผมทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือเข้าใจไปในคนละทิศละทาง ผมขออภัยในการแสดงทรรศนะด้วยครับ
   มีอีกหนึ่งประเด็นที่ไม่เคยเห็นใครคุย กระทั่งเวปฝรั่งที่คนส่วนใหญ่ชอบนำมาอ้างอิงก็ยังไม่เห็นเอ่ยถึง นั่นคือเรื่องของการสั่นสะเทือน (Resonant) การสั่นสะเทือนนี้มีผลโดยตรงต่อแฮนด์ มองภาพจักรยานด้านข้าง ถ้าเป็นรถแบบ Full Size ก็จะมี Stem ยื่นออกมาหน่อยเดียว แต่ถ้าเป็นรถพับ ก็จะมีท่อคอยาวฟุตกว่าๆ ต่อขึ้นมาก่อน แล้วถึงจะมี Stem หรืออาจไม่มี Stem ก็ช่าง ปัญหาอยู่ที่เจ้าท่อคอนี่แหละครับ ที่ผมกำลังจะเล่าว่ามันคืออีกสาเหตุที่ทำให้รถพับเกิดการสั่นทะเทือนได้มากกว่ารถ Full Size
   อีกเรื่องๆ อันนี้น่าสนใจไม่น้อย รถคันเดียวกัน เซ็ทติ้งเหมือนกัน แต่เราสามารถนั่งให้มันดูก้ม หรือนั่งแบบสบายๆ ก็ยังได้ จะนั่งแบบแขนตึงก็ได้ นั่งแบบก้มหลังงอคอตั้งก็ยังได้ ไม่เชื่อลองมองตัวเองในกระจก แล้วนั่งแบบแขนตึง และงอแขน จะพบว่าตัวเราอยู่ในอิริยาบทที่แตกต่างกัน ปัญหาคือแล้วแบบไหนมันดี ก็ต้องทดลองกันไป ลองแล้วชอบก็ถือว่าดี ลองแล้วไม่ถนัด ก็คือไม่ดี มันก็แค่นั้น
   
   วันนี้กลับมาบ้านตอบบ่ายแก่ๆ พอมีเวลาว่างนิดหน่อย นั่งออกแบบสวนระเบียงเล็กๆ เอาไว้แต่งคอนโดตัวเอง ไม่ได้อยากได้สวนนักหรอกครับ แต่ออกแบบมาเพื่อลดปัญหาเรื่องการทำความสะอาดระเบียง ขี้เกียจล้างครับ กวาดล้างแป๊บเดียว ไม่กี่วันฝุ่นก็เขรอะอีกแล้ว ระเบียงสีขาว เจอฝุ่นนิดเดียวก็เห็นชัด ออกไปเดินเล่น ไปยืนรับลมก็ไม่สะดวก ฝุ่นเต็มไปหมด
   ออกแบบเป็นสวนกรวดครับ กะว่าถ้ามีฝุ่นมาเกาะ ก็เอาน้ำฉีดล้างมันซะเลย น่าจะต้องมีตะแกรงสักหน่อย และต้องทำช่องเซอร์วิสบริเวณท่อน้ำทิ้งอีกด้วย ระเบียงผมลมแรงมากครับ คงจะปลูกต้นไม้อะไรไม่ได้มากไปกว่าไม้กระถางเล็กๆ
   เย็นไปรับลูกที่โรงเรียน วันนี้ผมไม่ต้องกลับไปเฝ้าร้าน นั่งเล่นอยู่กับลูกต่อที่โรงเรียน สอนการบ้านเขาจนเสร็จ กลับมาบ้านก็สบาย เล่นอ่านหนังสือ เล่นวาดการ์ตูนได้อย่างอิสระ
Title: Re: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค2
Post by: O'Pern on January 20, 2011, 05:32:46 pm
20 มค 54
   แผลผมเริ่มหายดีขึ้นเยอะแล้ว ช่วงนี้ประคบประหงมตัวอยู่ ไม่อยากให้มีแผลเป็น แผลใหญ่ๆ เหลือแค่ที่หัวเข่าซ้าย หลังนิ้วมือข้างซ้าย นอกนั้นแทบไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อีกจุดที่ไม่มีแผล แต่กระแทกพื้นแล้วเจ็บกล้ามเนื้อ นั่นคือหัวไหล่ขวา ยกสูงๆ แล้วจะตึงๆ หน่อย ไม่หายสักที
   เช้าเอาจักรยานออกขี่ ใช้รถ KHS F20-W ครับ ช่วงนี้คงต้องใช้คันนี้ไปอีกสักระยะ ยังแหยงกับคันเก่าอยู่ นี่ขนาดขี่คนละคัน ยังนึกภาพตัวเองตอนล้มอยู่เลยครับ มันล้มแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เหมือนโดนถีบจนกระเด็นแล้วขาที่ยึดติดกับบันไดก็ลากตัวเองให้ไถลออกไป บรื๋อออออ
   เช้านี้ขี่ได้ความเร็วไม่เกิน 10 กม/ชม เหมือนเดิม ขาหมุนได้ช้าๆ หมุนเร็วรอบขาสูงๆ ก็จะตึงแผล ขี่ไป 45 นาที ได้ระยะทางไม่เท่าไหร่เลย แค่ 7.5 กม เองมั้ง
   ไปถึงที่ทำงาน วันนี้ต้องยกของแต่เช้า คนงานขาด ชีวิตของผมจะขึ้นอยู่กับพวกเขาเป็นหลัก ถ้าเขาไม่มาทำงานล่ะก็ เสร็จผม ยกแบบขำขำ แค่ครึ่งคันรถ ลำบากตรงหยิบจับของนี่แหละ เพราะหลังนิ้วมือเป็นแผล ไม่อยากงอนิ้วมาก กลัวแผลฉีกขาดและแผลเป็นจะตามมา เฮ้ออ ทำไงกันดีล่ะวินี่ เลี่ยงก็ไม่ได้ ก็คงต้องยอมเสียสละตัวเองไปครับ

   ขอต่อเรื่องระยะเอื้อมของรถ Dahon อีกนิดครับ เมื่อเช้าขี่จักรยานแล้วนึกขึ้นมาได้ คือคนๆ เดียวกัน นั่งรถที่เซ็ทติ้งเดียวกัน แขนตึงเหมือนกัน แต่ช่วงหัวไหล่ของเราขยับได้อีกเยอะครับ ลองนั่งแขนตึงแล้วโยกลำตัวไปมาดูจะพบคำตอบ นั่นหมายถึงภาพที่เห็นนั้น มันเป็นเสมือนแนวทางให้เราดูเป็นตัวอย่างแบบคร่าวๆ ต่อให้เราสูงเท่ากับนายแบบในภาพ ซึ่งท่าทางดูเหมือนจะขี่ได้สบาย พอมาลองขี่จริงๆ อาจไม่ได้เป็นแบบนั้น
   ทั้งหลายทั้งปวง คือทรรศนะส่วนตัวของผมล้วนๆ ครับ ถ้าผิดก็ยอมรับผิดเองคนเดียว ถ้าถูกก็ดีใจด้วยที่เราคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกัน และก็คงจะมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้เออออไปกับผม ก็ธรรมดาครับ ต่างคน ต่างทรรศนะ แต่ละคนคิดและวิเคราห์บนพื้นฐานของภูมิที่ตัวเองมีอยู่
   
   เย็นไปรับลูก เขาแข่งกีฬาวิ่งได้เหรียญเงิน ใส่คล้องคออวดใหญ่ ขึ้นรถกลับบ้าน แป๊บเดียวหลับ
Title: Re: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค2
Post by: O'Pern on January 21, 2011, 10:20:42 pm
21 มค 54   
   เช้านี้ยังคงขี่ได้ช้าๆ เหมือนเดิม ขี่ไปราว 30 นาที ผมว่าอากาศที่มันหนาวเย็นเริ่มลดลงแล้วนะ ว้าา ยังไม่ได้ออกทริปเจ๋งๆ เลยน่ะ
   แผลยังไม่หายดี งอขายังไม่ได้มาก แต่จักรยาน Fixed Gear ที่ผมเล็งไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วมันใกล้เข้ามาถึงไทยแล้ว เป็นรถยี่ห้อ RH+0 รุ่น K3 เป็นรถสไตล์ Trick เอาไว้ขี่ผาดโผนครับ จะแข็งแกร่ง และหนักกว่ารถแบบ Track เยอะ คันนี้อยากได้มาขับเพื่อเพิ่มทักษะของตัวเอง และเน้นการขี่ออกกำลังกายเป็นหลัก
    จักรยานแบบ Fixed Gear ก็ขี่ออกกำลังกายได้นะ ไม่ใช่แค่ว่าขี่เล่นๆ อะไรที่ทำให้เราออกแรง นั่นคือการออกกำลังกายเหมือนกัน และที่ผมมองอีกด้านก็คือ การใช้ขาเกร็งต้านการหมุนของล้อ ก็น่าจะเป็นการใช้กล้ามเนื้อส่วนอื่น นอกเหนือจากการขี่ไปข้างหน้าอย่างเดียว แถมการเล่นผาดโผนนิดๆ หน่อยๆ ก็น่าจะเพิ่มทักษะในการควบคุมรถได้เป็นอย่างดี สำคัญอย่างเดียวคืออย่าเล่นแล้วล้มก็แล้วกัน ฮ่าๆ เข็ดจริงๆ
   ที่ผมชอบคันนี้ก็เพราะมันออกแบบมาสไตล์ Vintage คือ ท่อบนขนานกับพื้น เป็นเช่นนี้ทุกขนาด ต่างจากยี่ห้ออื่นที่ถ้าเป็นเฟรมขนาดเล็ก ท่อบนจะลาดลง ดูเผินๆ ก็จะเหมือนเมาเทนไบค์ทั่วไป อีกเหตุผลก็คือ จากการคาดเดาของผม คิดว่าเจ้าเฟรมตัวนี้เป็นเฟรมแบบ Hybrid ครับ คือออกแบบมาให้ขี่แบบ Trick ก็ได้ หรือจะแต่งเป็นรถ Track ก็สวย อาจผิดหรือถูกก็เป็นได้นะ ผมคิดวิเคราะห์เอาเอง
   ผมชอบรถเก่าๆ สไตล์ Retro ครับ สีสันก็จะไม่เอาแบบแสบสันต์เหมือนพวกรถวัยรุ่นแน่ๆ มันไม่เข้ากับหน้าตาของผมเลย สำหรับผมมันต้องสไตล์ Garage หรือ Junk อะไรทำนองนั้น แปลเป็นไทยว่าอะไรดีไม่รู้ แต่ไม่ใช่พวกที่ใช้ของหรูหราราคาแพงๆ
   วันนี้ลูกผมแข่งฟุตบอล ชิงเหรียญทอง ผมว่าจะไปเชียร์เขา แต่ก็อด ต้องอยู่เฝ้าร้าน ตอนเย็นรีบไปรับลูกแล้วก็กลับมาเฝ้าร้านต่อ เห็นลูกเอาเหรียญทองห้อยคอโชว์ แสดงว่าเขาทำได้สำเร็จ กีฬาสีปีนี้ ได้มา 4 เหรียญ ใน 4 กีฬาที่ลงแข่ง
   ลูกขอยืมเกมเพื่อนโหลดใส่ Flash Drive มา ขอให้ผม Install ลงเครื่องให้หน่อย เขาอยากเล่นมาก แต่ผมต้องไปเฝ้าร้านต่อ เขาทำหน้าเศร้า ผมบอกให้รอหน่อยนะ กลับมาบ้านจะจัดการให้
   ผมกลับมาถึงบ้านสามทุ่มครึง ลูกนอนหลับเรียบร้อยแล้ว ปิดไฟอย่างดี ในมือกำ Flash Drive ไว้แน่น
Title: Re: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค2
Post by: O'Pern on January 24, 2011, 06:40:22 pm
22 มค 54
   มิวตื่นตี 4 บอกว่านอนไม่หลับ แต่ผมรู้ว่าใจเขาคิดถึงแต่เกมที่ยืมเพื่อนมา ก็เลยลงมาเปิดคอมพิวเตอร์ให้เขาเล่นเกม ลูกบอกให้ก๊อปลงเครื่อง ผมงัวเงีย ทำผิดทำถูก ไม่สำเร็จ บอกลูกว่าเล่นจากใน Flash Drive ไปก่อน กลับมาบ้านตอนบ่ายจะจัดการให้
   เป็นอันว่าเช้านี้ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเลย แถมง่วงปนเพลีย ตอนกินอาหารเช้าเผลอไปกัดเอาริมฝีปากเข้า เป็นแผลเล็กจิ๋ว แต่ผมรู้ว่าอีกสองสามวันแผลจะใหญ่ขึ้น และใช้เวลาหายสนิทนานถึง 2 สัปดาห์ เซ็งจริงๆ
   เลยรีบเอายาป้ายปากมาทา ยานี้เขาบอกให้ทาก่อนนอน เพราะมันจะได้ติดทนนาน แต่ผมอยากหายเร็วๆ เลยทามันตอนกลางวันนี่แหละ แถมทาบ่อยอีกด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเวิร์คไหม อีกสองวันคงรู้ผล ถ้าแผลไม่ใหญ่ขี้น และหายดี นั้นคือผมคิดถูก แต่ถ้าไม่ ก็ต้องหาวิธีใหม่ต่อไป
   กลางวันขี่จักรยานไปเก็บเงินลูกค้า ขี่ช้าๆ ริมถนน ข้างหน้ามีรถเข็นขายส้มตำไก่ย่าง ผู้หญิงขี่มอเตอร์ไซค์แซงผมไป เขาขี่แบบช้าๆ แล้วก็เบรกจอดซื้อส้มตำตัดหน้าผมแบบกระชั้นชิด คือเธอทำราวกับว่าผมไม่มีตัวตน จะว่าไม่เห็นก็ไม่น่าใช่นะ กลางวันขนาดนั้น ต้องเรียกว่าไม่ใส่ใจมากกว่า แถมจอดแบบเอาหัวปักเข้ามา ท้ายรถยื่นโผล่ ทำให้ผมเลี้ยวหลบออกไม่ได้ ก็เลยต้องเบรกตามเขาจนรถผมหยุด
   “ช้าดีกว่าชน” คิดแบบนี้ในใจ ใช้ชีวิตด้วยความมีเมตตา มีจิตสาธารณะ คิดบวกเสมอ
   คำว่าช้าดีกว่าชน เอามาใช้ตอนขับรถยนต์ได้เป็นอย่างดีมากครับ ใครมาเบียดแบบกระชั้นชิด ก็ยกคั้นเร่งให้เขาไปก่อน คิดว่าเขาคงจะรีบ เขาอาจขับไม่เก่ง อาจเพิ่งขับรถ เรายอมช้า ดีกว่าไปเฉี่ยวชนกัน คิดแบบนี้แล้วใจจะเป็นสุข ขับรถด้วยอารมณ์เย็น ถึงที่หมายช้าไปนิดหน่อยเอง แต่ถึงโดยปลอดภัยนะ
   
   กลับมาบ้านตอนบ่าย จัดการก๊อปเกมเข้าเครื่องให้ลูก เข้าเวปจักรยาน เห็นคนประกาศขาย Neo Bike 14 บ๊ะเข้าท่า อยู่ไม่ไกลบ้านผมมากนัก เลยไปขอดูตัวจริงสักหน่อย เขาอยู่แถวเดอะมอลล์ท่าพระนี่เอง เป็นรถสีขาว อุปกรณ์เดิมๆ ครบหมด มีตะแกรงหลังมาด้วย ดูโดยรวมแล้วสภาพดีกว่าไอ้คันที่ผมใช้เยอะเลยครับ ของผมลุยแหลก รอยถลอกเต็มคันไปหมด เพราะต้องบรรทุกของไปให้คนงานระหว่างทางด้วย เช่นรถเวสป้ายางแตก ผมก็เอายางอะไหล่มัดติดจักรยานแล้วขี่ไปให้ รถซาเล้งน้ำมันหมดกลางทาง ผมก็เอาแกลลอนน้ำมันวางบนเฟรม แล้วเอาสายรัดมัดจนแน่น ขี่ไปเติมให้ซาเล้ง เกิดมาเพื่อใช้งานโดยแท้
   โทรไปคุยกับเจ้าของรถสอบถามรายละเอียด นัดเขาดูรถ เขาพักอยู่ในคอนโดฯ ก็เข้าใจเลยล่ะครับว่าภายในห้องพื้นที่ใช้สอยจำกัดมากๆ อันไหนไม่ใช้ก็ต้องขายออกไป
   ระหว่างทางผมแวะร้านขายรถยนต์แบบจดประกอบที่เคยตกเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อสัก 2-3 เดือนก่อน เข้าไปคุยสอบถามเรื่องที่มาที่ไปของรถและเอกสารการเสียภาษี ดูแล้วน่าเชื่อถือดีเหมือนกัน ร้านใหญ่โต ด้านหลังเป็นอู่รถ
   จากนั้นแวะไปดูรถ Neo Bike ที่นัดกันไว้ ขี่แล้วประทับใจมากๆ รถเขาสภาพดีกว่าของผมเยอะเลย รีบจ่ายเงินแล้วใส่ท้ายรถกลับบ้้านทันที
   นึกขึ้นได้ว่ามีร้านจักรยานมือสองอยู่แถวนี้ จอดรถยนต์ยากเสียด้วย เลยเอาจักรยานออกขี่ไปแทน ร้านสองคูหาครับ คนไม่ค่อยเข้า เพราะจอดรถยนต์ไม่ได้เลยสักนิด ดูรถแล้วตกใจมากๆ ขายแพงโหดมาก ราคาพอๆ กับพวกที่ขายในเวปเลย ต่างจากร้านจักรยานมือสองแถวบ้านผมที่เคยเล่าโดยสิ้นเชิง ร้านนั้นจนแสนจะถูก
   
23 มค 53
   วันนี้มีทริปจักรยานที่ใหญ่สุดในกรุงเทพฯ เป็นทริปประจำที่จัดขึ้นทุกปีของกลุ่มสวนธนฯ กรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทางราว 200 กม (ขี่จริงน่าจะสัก 180 กม) เล็งมาแล้วหลายปี ใจไม่ถึงสักที ไม่กล้าไปร่วมกับเขาครับ กลัวจะขี่ไม่ถึง เห็นรถพวกแกนนำแล้วท้อใจ ส่วนใหญ่จะเป็นเสือหมอบ ไปกันแบบตัวเปล่าๆ เลยครับ เพราะเขามีรถเซอร์วิสรับกลับบ้าน
   แต่ถ้าเป็นผม ขี่ไปไกลขนาดนี้ ผมขอนอนพักสักคืน ได้ขี่เล่นในตัวเมืองตลาดโต้รุ่งหัวหิน น่าจะเป็นอีกอารมณ์ที่น่าจดจำนอกเหนือจากการที่ขี่ลากยาวมาตั้งแต่กรุงเทพฯ
   เล็งไว้สองปีแล้ว ปีนี้ยังลังเล สองจิตสองใจ จนมาถึงวันรถล้มนั่นแหละครับ ถึงจะมั่นใจชัวร์ว่าปีนี้ก็ไม่ได้ไปร่วมกับเขาอีกเช่นเคย
   ผ่านมาหลายวันจนแผลเริ่มหายดี ยังคงเหลืออาการเจ็บภายในสองจุดคือที่หัวไหล่ขวาตอนยกแขนสูงๆ และเจ็บหัวเข่าซ้ายเพราะกระแทกพื้นอย่างแรง แผลหายหมดแล้ว แต่ยังออกแรงขาซ้ายไม่ได้มาก รู้สึกเจ็บๆ ด้านในลูกสะบ้า เอามืดกดแล้วรู้สึกเจ็บๆ
   ตื่นมาแต่เช้า ขี่รถ Neo Bike 14 คันใหม่ (เก่าของคนอื่น) ช่วงคอแฮนด์มีเสียงเหล็กดังแกร๊กๆ เลยถอดรื้อออกมาดู เพิ่งถอดคอรถครั้งแรกในรอบ 20 ปีมั้ง แต่มันไม่ซับซ้อนอะไร เหมือนคนรถ BMX ที่ตอนเด็กๆ เคยถอดรื้อประกอบทั้นคัน
   ตลับลูกปืนชุดคอด้านบนเป็นแบบลูกปืนตลับธรรมดา แต่ชุดล่างนี่เป็นลูกปืนแบบเข็ม ฝรั่งเรียก Needle Bearing ลูกปืนแบบนี้แข็งแรงทนทานดีครับ ไม่รู้ว่าจักรยานคันอื่นๆ เขาเป็นแบบไหนเหมือนกันนะ ไม่แน่รถที่ผมใช้อยู่ เจ้า KHS มันอาจเป็นแบบนี้หรือดีกว่านี้ก็เป็นได้ ยังไม่เคยรื้อเลย
   จารบีแห้งหายไปหมดแล้ว เลยใส่จารบีใหม่ ประกอบกลับทุกชิ้นแล้วลองขี่ดู เสียงดังน่ารำคาญหายไปหมดแล้ว เย้ๆ แก้ตรงจุด
   รถคันใหม่สภาพดีกว่าคันเก่าของผมเยอะเลย อาจเป็นเพราะว่ารถผมใช้งานหนักมาก ขี่ทุกวัน ไกลบ้าง ใกล้บ้าง เคยใช้รถโทรมๆ แล้วมาเจอรถสภาพดีๆ แล้วขี่มันส์ดีจริงๆ ครับ

   ช่วงสายผมขลุกอยู่ที่คอนโดตลอดวัน ช่วงบ่ายมีประชุม ช่วงเย็นมีงานเลี้ยงจนถึงค่ำ พวกเพื่อนๆ ที่คอนโดชวนให้ผมมาร่วมงานด้วย มีการจับสลาก Ipad 3 เครื่อง งานเลี้ยงตอนเย็นกินฟรี อาหารเป็นสิบอย่าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนต้องแน่นแน่ๆ
   ห้องที่คอนโดลมแรงมากๆ นั่งนานๆ มีหนาว ช่วงเย็นผมชะโงกหน้าลงไปดูสถานที่จัดงานเลี้ยง โอ้โห.. คนต่อคิวรออาหารเพียบเลย เห็นคนเยอะก็กลับเข้าห้องมานั่งทำงานต่อ ออกไปดูเป็นระยะจนถึงค่ำก็ยังไม่เห็นว่าคนจะน้อยลงตรงไหนเลย กระทั่งมีบางซุ้มปิดไปแล้ว นั่นแปลว่าอาหารหมดแล้ว อ้าว อดกิน ฮ่าๆ

24 มค 54
   ตื่นเช้ามาก็รีบรื้อคอรถ Neo Bike 14 คันเก่าของเราดูบ้าง พบว่าชุดถ้วยคอของรถคันเก่ามีชิ้นส่วนมากกว่าของรถคันใหม่ที่รื้อเมื่อวาน 2 ชิ้น ชิ้นแรกคือแหวนล็อคกันคลาย อีกชิ้นคือถ้วยรองลูกปืนของชุดลูกปืนด้านล่าง
   ลูกเห็นรถคันใหม่แล้วแปลกใจ บอกว่าทำไมมันไม่เหมือนกัน รถคันใหม่มีบังโคลนและแร็คหลัง ส่วนคันเก่าผมถอดออกเสียเกลี้ยง รถคันใหม่ดีกว่าคันเก่าอีกจุดตรงที่ ได้เบาะนั่งของ Java มา มันนั่งนุ่มสบายก้นกว่าเบาะพลาสติคของเก่าเยอะมากๆ
   เช้านี้เจองานหนัก ขับรถไปขนของในโกดัง ยกของเสียจนเหงื่อท่วมตัว เสื้อเปียกโชกแต่เช้า สักพักออกขี่จักรยานไปจดออเดอร์ลูกค้า เจอนักท่องเที่ยวชายหญิงสองคนเดินหน้าวัด ผมเข้าไปสอบถามว่าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม เขาบอกไม่ต้อง ไม่เป็นไร เลยแค่ส่งยิ้มแล้วขี่รถจากเขาไป
   บ่ายไปซื้อของใช้ในสำนักงานที่เซ็นทรัล เย็นไปรับลูกเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้กลับเร็วหน่อย เขามีเรียนพิเศษตอนเย็น
Title: Re: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค2
Post by: O'Pern on January 25, 2011, 06:59:55 pm
25 มค 54
   มีข่าวใหญ่ตั้งแต่เมื่อคืนวาน มีระเบิดพลีชีพในสนามบินโดโมเดโดโว รัสเซีย อีกแล้ว สนามบินที่ผมไปมาเมื่อปีที่แล้ว เป็นสนามบินที่ใหญ่สุดของมอสโคว์ เฉพาะที่เมืองนี้มีสนามบินถึง 5 แห่งนะครับ สองแห่งเป็นของทหาร ใช้ในภาระกิจทหารล้วนๆ ส่วนอีก 3 สนามบินใช้สำหรับการขนส่งทั่วไป กระจายอยู่รอบๆ เมือง
   เดือนก่อนก็โดนพายุหิมะถล่มอย่างหนัก รันเวย์เต็มไปด้วยน้ำแข็ง มาวันนี้เจอระเบิด ตายไป 35 บาดเจ็บอีกเป็นร้อย น่ากลัวจริงๆ ตอนผมไปก็หวุดหวิดจะโดนระเบิดในสถานีรถไฟใต้ดินที่เมือง Saint Petersburg

   เช้าขี่รถ Neo Bike คันเก่า ส่วนคันใหม่ผมยกให้ลูก ตอนเช้าเรานัดกันว่าจะออกมาขี่จักรยานเล่นด้วยกัน ขี่อยู่นานไม่เห็นมาสักที เลยกลับเข้าบ้าน เตรียมตัวจะกินข้าว อ้าว .. มิวเพิ่งลงมาจากบ้าน
   เขาบอกว่าเขาช้าเพราะอาบน้ำ ผมไม่ว่าอะไร พากันออกไปขี่เล่นอีกรอบ แต่ขี่ได้ไม่นานเท่าไหร่ นัดกันว่าถ้าจะขี่นานๆ ต้องออกมาเร็วกว่านี้
   เช้านี้ซัดอาหารคุณภาพเต็มเปี่ยม เต้าหู้ราดพริก แครอทลวกหั่นเป็นท่อนๆ กระเทียมสดสิบกว่าหัว ข้าวกล้อง ตอนสายๆ มีน้ำเต้าหู้อีกถุง อาหารเช้าสำคัญที่สุด ผมเลยเน้นคุณภาพมากสุด แถมวันนี้พกเอาผลไม้ไปกินที่ทำงานกล่องใหญ่
   ตอนสายขี่ Neo Bike คันเก่า แต่วันนี้มีอาการผิดปกติ คอแฮนด์มันรูดครับ เมื่อวานเย็นผมถอดออกมาใส่จารบียกชุด แต่เราก็ใส่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนี่นา มาวันนี้ขี่สะเทือนหน่อยเดียวแฮนด์ก็บิดไปมา น่ารำคาญมาก สงสัยผมประกอบไม่ดีเองแหละ เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอะไรเลย

   เย็นไปรับลูกที่โรงเรียน เจอเพื่อนลูกคนหนึ่งเข้ามาคุยด้วย
   “พ่อมิว ผมรู้สึกกว่ามิวไม่ค่อยฉลาดยังไงไม่รู้นะ”
   “ยังไงหรือครับ”
   “ก็มิวซื้อขนมให้เพื่อนตั้งเยอะแยะ”
   “เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายากนะ” พูดจบ เขาก็เดินจากไป
   เพื่อนลูกคนนี้เป็นเด็กเรียบร้อย น่ารัก พูดน้อย เป็นเพื่อนกับลูกผมตั้งแต่อนุบาล
   “แล้วหนูไม่กินขนมแบบเขาบ้างหรือ”
   “ผมไม่มีเงิน เงินหมดแล้ว”
   ผมเปิดกระเป๋าเงินกำลังจะหยิบให้เขา
   “ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไรครับ” พูดจบ เขาก็รีบวิ่งหนีไป
   เขาไปวิ่งเล่นแล้ว แต่ผมนั่งน้ำตาซึม นี่ลูกผมโดนเพื่อนหลอกแดกหรือวะนี่ หรือเขาใจดีเลี้ยงเพื่อน หรือโดนเพื่อนไถ หรือ ฯลฯ
   ผมคงไม่ไปว่าอะไรเขาหรอก อยากให้เขาเรียนรู้ทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นั่งคิดอยู่เพลินๆ เด็กคนเดิมวิ่งผ่านหน้ามา ผมเรียกให้เขามาใกล้ๆ หยิบเงินให้เขาไปซื้อขนม เขาทำท่าไม่กล้า ผมบอกว่าไม่เป็นไร พ่อมิวให้หนู
   รับเงินแล้วเขารีบกำไว้แน่น วิ่งไปร้านขนม สักพักกลับมาพร้อมกับซาลาเปา 1 ลูก ยื่นมือมาคืนเงินทอนให้ผมทุกบาท
   “ขนมหมดแล้ว ผมเลยเอาซาลาเปามาแทน” ยิ้มอย่างสดใส กัดกินอย่างเอร็ดอร่อย
   
   ขณะเดินกลับบ้านกับลูก ผมถามเขาถึงเรื่องการซื้อขนมให้เพื่อนว่าเป็นมาอย่างไร
   “เพื่อนไม่ได้เอาเงินมา มิวเลยออกให้เขาไปก่อน”
   “แล้วเขาจะเอาเงินมาคืนลูกเมื่อไหร่หรือ”
   “พรุ่งนี้ครับ”
Title: Re: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค2
Post by: O'Pern on January 27, 2011, 02:31:48 pm
26 มค 54
   ขี่จักรยานออกกำลังกายราว 30 นาที ตอนนี้มีรถล้อ 14 สองคันแล้ว ไว้ที่ทำงานคันหนึ่ง ไว้ที่บ้านอีกคันหนึ่ง รถเล็กๆ เด่นที่ความคล่องตัว แต่จะแพ้เรื่องการทรงตัว ไม่มีรถคันใดเพียบพร้อมไปเสียทุกด้าน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมจึงมีจักรยานหลายคัน ก็เพราะเอาไว้ใช้ในภาระกิจที่แตกต่างกัน
   ถึงที่ทำงานก็เอารถอีกคันขี่ แต่วันนี้มันทรงตัวแปลกๆ เหมือนกับขันคอแฮนด์หลวม จับแฮนด์โยกได้นิดๆ ลองกำเบรกหน้าแล้วโยกก็จะยิ่งเห็นชัด นึกสงสัย เพราะผมเพิ่งจะรื้อออกมาปรับแต่งเองนี่นา ก้มลงไปดู ก็เห็นว่ามันโยกได้นิดๆ ผมขันนอทแน่นดีแล้วนี่นา แปลกใจมากๆ ไว้ว่างๆ ค่อยรื้อดูอีกทีดีกว่า
   
บ่ายไปเดินคลองถม เดินเท้าจากที่ทำงานไปนี่แหละครับ เร็วกว่าขับรถยนต์เสียอีก วันนี้อยากเดินเล่นจึงเดินเท้าไป แต่ถ้าไปแค่ซื้อของแล้วกลับทันที แบบนี้ผมมักจะขี่จักรยานไป
   ไปถึงก็เจอสภาพเดิมๆ อีกแล้ว แผงขายหนังโป๊แม่งบานเลย สักพักมีการส่งสัญญาณ หลายแผงรีบเก็บของอย่างรวดเร็ว แต่แปลกที่มีบางแผงไม่เก็บ ยังคงยืนตะโกนขายหน้าตาเฉย ผมได้ยินแล้วยังอายแทนเลยครับ ไอ้หนังโป๊คลองถมนี่ขายกันมานานนับสิบปี แต่เมื่อก่อนเขาจะเดินมาข้างๆ เรา ค่อยๆ กระซิบ ถ้าเราสนใจ เขาจะพาเดินเข้าไปหลังร้าน เข้าไปซอกตึก ไม่เหมือนสมัยนี้วางกันชัดเจนสุดๆ เด็ก ผู้หญิง คนแก่ ใครอยู่ตรงนั้นก็รู้ว่ามีหนังโป๊ขาย โชว์หน้าปกอย่างหน้าไม่อาย
   เมื่อก่อนขายกันแผ่นละ 50 บาท แต่วันนี้เห็นขายกันแบบ 5 แผ่น 100 บาท สื่อลามกอนาจาร แถมหาง่าย ราคาถูก ถ้าคนดูเป็นเด็กหรือเป็นคนวิจารณญาณต่ำอาจเกิดปัญหาตามมาภายหลังได้
   เข้าไปเดินในคลองถมเซนเตอร์ เห็นคนเข็น Brompton เดินแทรกในฝูงชน เพิ่งมีโอกาสเห็นคนอื่นเข็นจักรยานนี่แหละครับ เพราะทุกทีผมจะเป็นคนเข็นเอง พอเห็น Brompton แล้วก็ยิ่งมันใจว่ารถ Neo Bike 14 มันคล่องตัวว่าเจ้า Brompton เยอะมากๆ รถ Brompton เข็นด้วยตะแกรงหลังที่มีลูกล้อ และมีล้อหน้าช่วยรับแรง แต่กับรถ Neo Bike จะเข็นด้วยสองล้อที่วางอยู่เกือบจะแนวเดียวกัน จะเลี้ยว จะหมุน หรือดึงถอยหลัง ก็แสนจะคล่อง และถ้าต้องมีการยกด้วยล่ะก็ ยิ่งคล่องตัวสุดๆ
   คลองถมขายของสารพัดอย่างจริงๆ ครับ แต่แลกด้วยความไม่มั่นใจว่าเป็นของแท้หรือเปล่า อย่างเช่น Flash Drive Kingston 8Gb ขายที่ 300 บาท ได้ยินแล้วแทบช็อค แต่เคยเห็นของแบบนี้ที่เมืองจีน ขายถูกกว่านี้อีกด้วย แต่พอเสียบกับคอมพิวเตอร์แล้วมันมองเห็นแค่ 2 Gb ฮ่าๆ
   เย็นกลับมาเฝ้าร้านต่อ และอยู่จนปิดร้าน กลับบ้านเอาดึกเกือบจะสี่ทุ่ม ลูกปิดไปนอนแล้ว ผมเลยอาบน้ำเตรียมจะนอนบ้าง สักพักเขามาเคาะประตู ก๊อก ๆๆ
   “อ้าว ยังไม่นอนหรือลูก พ่อเห็นปิดไฟแล้ว”
   “มิวนอนไม่หลับ”
   มาๆ ไปนอนกัน ผมพาลูกเข้าไปห้องนอน จับมือเขา จูบหน้าผากเขา
   “เดี๋ยวพ่อมานะ ขออาบน้ำก่อนนะ” พูดจบก็จูบหน้าผากอีกที แล้วเดินไปอาบน้ำ กลับมาอีกที ลูกนอนหลับไปแล้ว
Title: Re: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค2
Post by: O'Pern on January 27, 2011, 06:46:27 pm
27 มค 54
   ตื่นสายครับ ขี่จักรยานไปได้แค่ไม่กี่นาที เช้าชั่งน้ำหนักดู ดีใจที่เห็นตัวเลขต่ำสุดในรอบหลายปี ทำ New Low ได้แล้ว คราวนี้จะต้องมุ่งมั่นให้คงตัวเลขระดับนี้ให้ได้นานๆ
   ถอดท่อคอแฮนด์ของรถคันเก่าของผมที่คอโยกออกมาดู โอ้โหห คอหัก!!! ขี่มาได้ไงวะนี่ ไม่ล้มกลิ้งก็เป็นบุญโข มันเป็นอลูมิเนียม ผมต้องเชื่อมแบบอาร์กอน ร้านเชื่อมเหล็กธรรมดาทำไม่ได้
   ตำแหน่งที่หักมันอยู่ใต้บานพับพอดีครับ เชื่อมไปแล้วก็มองไม่เห็น เสียบท่อคอลงไปในเฟรมก็โดนบังแทบจะมิด แต่ผมไม่อยากแค่เชื่อมน่ะสิ อยากจะคิดหาวิธีดามให้มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

   วันนี้ผมเอาไม้แบดกับลูกขนไก่ไปที่โรงเรียนลูกด้วย ตามปกติตอนเย็นเลิกเรียนแล้ว เด็กๆ มักจะขอโทรศัพท์ของพ่อแม่เอามาเล่นเกมกัน โดยเฉพาะเครื่องแบบ iphone เจ้านี้ยอดฮิตมากจริงๆ
   ผมไม่ชอบสภาพเช่นนี้ เอาไม้แบดไปให้ลูกตีเล่น สนุกกว่าเล่นเกมเยอะมาก เด็กๆ ทิ้งมือถือมายืนต่อคิวเล่นตีแบดกัน เป็นภาพที่น่าดูว่าเด็กกดเกมเป็นไหนๆ
   ลูกผมเล่นได้แป๊บเดียว มีเพื่อนๆ มาขอเล่นกันเยอะ เขากลายเป็นคนยืนนับคะแนนให้ ได้ตีไปได้ไม่เท่าไหร่เลย
   ปล่อยให้เขาเล่นไปพักใหญ่ ตอนเดินกลับบ้านผมถามเขาว่าเพื่อนที่ยืมเงินเมื่อวานเขาเอาเงินมาคืนหรือยัง
   “คืนแล้วครับ”
   “เขาคืนเองหรือว่าลูกทวงเขา”
   “เขาคืนเองครับ”
   “ถ้าเขาไม่คืน ลูกจะกล้าทวงเงินเขาไหม”
   “กล้าครับ”
   “จะทวงเงินเขา ลูกจะพูดว่าอย่างไรหรือ”
   “นี่ เอาเงินคืนมาเดี๋ยวนี้”
   โหห ทวงได้ตรงจุดจริงๆ ผมต่างหากครับที่ไม่ค่อยกล้าทวง โดยเฉพาะกับเพื่อนที่สนิทมากๆ และกับคนที่ทวงแล้วไม่ยอมจ่าย ทวงได้ไม่กี่หนผมก็อายตัวเอง เจอแบบ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เจอแบบนี้โครตงงเลย ก่อนหน้านี้ก็สนิทกันดี มีปัญหาเรื่องเงินก็ผลัดผ่อน บ่ายเบี่ยงมาตลอด จากที่พูดคุยกันอย่างสนิทสนม ก็เริ่มห่างเหิน กลายเป็นเสียเพื่อน ผมยิ่งมีเพื่อนน้อยๆ อยู่ด้วย
Title: Re: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค2
Post by: O'Pern on January 29, 2011, 05:46:34 pm
28 มค 53
   ช่วงนี้ขี่รถ KHS F20-W บ่อยหน่อย นี่ผมทิ้ง KHS HT ไว้ตั้งแต่มันล้ม ยังไม่กล้าไปยุ่งอะไรกับมันเลย ยอมรับว่ายังแหยง ทั้งๆ ที่เหตุเกิดจากความประมาท สะเพร่าของผม รถมันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยสักนิด
   ตอนนี้หากขับรถยนต์ผมจะท่องว่า “ช้าดีกว่าชน” หากขี่จักรยานก็จะท่องว่า “ช้าดีกว่าล้ม”
    เมื่อวานตอนเย็นให้รางวัลแก่ตัวเองมากไปหน่อย กินมากไปนิด น้ำหนักเลยเด้งขึ้น มาวันนี้ต้องเอาให้มันลง ต้องอย่าตามใจปาก อย่าตามใจความอยาก มันก็เป็นเหมือนการฝึกจิตอย่างหนึงนะนี่

   ขี่รถ Neo Bike คันใหม่แล้วรู้สึกแฮนด์โยกไปมาได้นิดหน่อย เริ่มวิตกจริต กลัวมันจะหักเหมือนคันเก่า จอดรถตรวจสอบดู พบว่าถ้วยคอหลวมนิดหน่อย รถคันนี้ไม่มีแหวนล็อคกันคลายในชุดคอครับ และไม่มีแผ่นรองถ้วยลูกปืนชุดคอด้านล่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปไหน
   หมุนถ้วยคอให้แน่นด้วยมือเปล่า ทดลองโยกคอดู พบว่าอาการคลอนหายไปแล้ว ค่อยยังชั่ว ถ้ายังคงโยกได้อยู่นี่ผมเซ็งจัดแน่ๆ คอคันเก่ายังไม่ได้เชื่อม นี่คอคันใหม่จะหักอีกแล้วหรือ
   ตอนบ่ายโทรหาพี่นิค สอบถามเกี่ยวกับรถ Neo Bike ของผมที่คอหัก พี่นิคบอกว่ายังไม่เคยเห็นของใครหักเหมือนกัน แต่ผมไม่เชื่อว่าผมจะเป็นคนแรกที่ขี่จนหักนะ น่าจะมีคนทำหักมาก่อนผมหลายคน แต่เขาอาจไม่มาโฆษณาบอก หรือเราอาจยังไม่รู้จักกัน
   
   เย็นไปรับลูกที่โรงเรียน ไปกินมื้อเย็นกันที่ร้านยาโยอิ ร้านโปรดของเขา ชอบแต่กุ้งเทมปุระ แต่วันนี้เขาทอดแบบอมน้ำมันกว่าเดิม มิวกินไม่หมด ผมเลยบอกให้เขาเขียนเล่าลงในการ์ดแสดงความคิดเห็น
   แวะร้านนายอินทร์ซื้อหนังสือมาอีก 3 เล่ม เกี่ยวกับไอสไตน์ ระยะหลังเขาอ่านหนังสือแบบไม่ค่อยมีรูปภาพแล้ว ชอบอ่านหนังสือก็ดีครับ ผมส่งเสริมและสนับสนุน ตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยมีโอกาสแบบนี้เท่าไรนัก อยากได้หนังสือมาอ่าน ก็ต้องเก็บเงินอยู่นาน ส่วนหนังสือภาษาอังกฤษ ผมจะใช้วิธีแอบอ่านเอาในร้านที่ห้างเซ็นทรัลสาขาสีลม นานๆ ถึงจะเจอหนังสือจักรยาน BMX สักเล่ม ถึงจะอ้อนวอนขอพ่อซื้อสักที สมัยนั้นเล่มละ 70 บาท (ในขณะที่ผมได้เงินไปโรงเรียนวันละ 12 บาท) อ่านอยู่ราว 3 เดือน อ่านทุกตัวอักษร เพราะมันแพงมากครับ
Title: Re: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค2
Post by: O'Pern on January 29, 2011, 08:01:50 pm
29 มค 54
   ตื่นสายครับ ตี 3 ตื่นขึ้นมาฉี่ แล้วนอนหลับเสียเพลินเลย ปกติผมนอนรวดเดียวถึงเช้า นานๆ ถึงจะตื่นมาฉี่สักที สงสัยก่อนนอนผมกินน้ำเปล่าไปเยอะ
   เช้านี่ทำน้ำหนัก New Low อีกแล้ว ลดลงกว่าเดิมอีกราวครึ่ง กก ต้องอย่าชล่าใจครับ ยังคงต้องคุมให้มันอยู่ระดับนี้อีกสักพักใหญ่
   เอารถ KHS HT ออกขี่ไปซื้อต้มเลือดหมูให้ลูก ทันทีที่วางมือลงบนแฮนด์ก็จับโดนรอยถลอกของแฮนด์ ภาพที่ตัวเองล้มก็ลอยขึ้นมา ถอนหายใจหนึ่งครั้ง คิดบวกไปว่า รอยแผลนี้จะเป็นเครื่องเตือนใจเราให้ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

   เช้านี้เข้าโกดังยกของหนักแต่เช้า ซัดคนเดียวล้วนๆ เกือบเต็มคันรถ คนงานขาดครับ ยกแบบระแวดระวังตัวเองหน่อย กลัวอาการเจ็บหลังจะมาเยือนอีก
   เช้านี้ลมแรงดี ขี่จักรยานขณะเหงื่อท่วมแล้วลมพัดมาปะทะรู้สึกเย็นสบายดีเหลือเกิน มีความสุขสุดๆ เหมือนกำลังขี่จักรยานท่องเที่ยวเลยล่ะ แม้มันจะแค่สัก 1 นาทีก็ยังดี
   กลับเข้ามาบ้านตอนเย็นๆ ลูกอยู่บ้านคนเดียว บ้านเละเทะไปหมด การบ้านที่สัญญาไว้ก็ผ่านไปดังเช่นลมปาก ไม่ยอมทำสักอย่างเดียว
   วันนี้กินอาหารมื้อเย็นในรอบหลายวัน น้ำหนักจะขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้
Title: Re: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค2
Post by: O'Pern on January 31, 2011, 03:16:17 pm
30 มค 54
   ก่อนนอนเมื่อคืนวางแผนหลายอย่างเกี่ยวกับการไปปั่นจักรยาน จะไปขี่ที่ไหนดีหนอ
   ตื่นเอาตอน 0600 ครับ สายกว่าที่วางแผนไว้เยอะ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องพาลูกไปกินอาหารเช้าข้างนอกไหม เลยปั่นแค่แถวบ้านแบบขำขำ รู้สึกเสียสิทธิ์นะ เพราะนี่คือวันหยุด แถมอากาศเริ่มเย็นอีกระลอกแล้ว ลมนี่อย่างแรงเลย
   ภรรยาพาลูกไปข้างนอกเรียบร้อยแล้ว เหลือผมอยู่บ้านคนเดียว เอาไงดีว้าา เบื่อเหมือนกัน ไปสวนจตุจักรดีกว่า ว่าแต่ไปยังไงดี มีหลายทางเลือก ที่คอนโดของผมก็มีเรือบริการรับส่งไปยังรถไฟฟ้า BTS สาทร ผมสามารถขึ้นรถไฟฟ้ารวดเดียวถึงสวนจตุจักรเลย หรือจะนั่งรถเมล์ทางด่วน ขึ้นหน้าบ้านนี่แหละ ลงหน้าสวนจตุจักรพอดีเหมือนกัน สุดท้ายก็คือขับรถยนต์ไปเอง อันนี้สะดวกสบายสุดๆ แลกกับต้องจ่ายเงินค่าทางด่วน จ่ายค่าจอดรถที่สวนจตุจักร จ่ายค่าน้ำมันรถ แต่เด่นตรงที่เราควบคุมเวลาได้
   ตัดสินใจขับรถยนต์ไปเองครับ เพราะเผื่อซื้อของเยอะจะได้ขนกลับง่ายหน่อย  ไปถึงตั้งแต่ 0900 ครับ ร้านค้ายังเปิดกันไม่หมดเลย ผมชอบไปเช้าๆ อย่างนี้แหละ อากาศไม่ค่อยร้อน แต่ที่สวนจตุจักรนี่หาอาหารเพื่อสุขภาพดีๆ แทบไม่มีเลยนะ มีแต่อาหารพื้นๆ เช่นข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว นี่คุยกันเฉพาะร้านแบบแผงลอยนะ ไม่นับร้านไฮโซที่แต่งหรูๆ แพงๆ อันนั้นเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวก็แล้วกัน
   ตัดสินใจเลือกก๋วยเตี๋ยวเรือครับ ร้านนี้ต้องจดจำไว้ เพราะรสชาติดี กินแบบไม่ต้องปรุงเลย แต่ราคาโหดนะ ชามเล็กนิดเดียว คิดตั้ง 30 บาทแน่ะ
   เดินเล่นดูข้าวของไปเรื่อยแบบไร้จุดหมาย เดินไปสัก 2 ชม ก็เริ่มเบื่อแล้ว ดูพวกของทหารที่ชอบ เห็นมีถุงทะเลแบบ Dry Bag ของ Ortlieb ขายด้วย ราคาแพงกว่าของไทยอย่าง Karana เยอะเลย วัสุดก็คล้ายๆ กัน
   เข้าไปหยิบจับสินค้าในร้าน 3 ร้าน เจ้าของร้านทั้งหมดพูดภาษาอังกฤษกับผม เอาล่ะสิ เริ่มเขินซะเอง หน้าผมไม่เหมือนฝรั่งแน่ๆ แวะซื้อไอติมมะพร้าวที่เสิร์ฟในกะลา เจ้าของร้านยื่นน้ำมันพร้าวสดๆ มาให้ดื่ม บอกว่า Free coconut juice ผมรับมาดื่ม ตอบขอบคุณแบบภาษาอังกฤษไป เขินๆ
   ผ่านร้านขายเสื้อผ้ามือสอง เห็นชุดจักรยานวางขายมากมาย รองเท้า Sidi ก็ยังมี สวยเสียด้วย ขาย 1200 บาท กางเกงจักรยานมือสองแขวนกันเพียบ แต่ไม่เคยอยู่ในสายตาเลย นอกจากจะไม่สะอาดแล้ว พวกยางยืดเอว ขอบขา มันจะสภาพเป็นอย่างไรแล้วก็ไม่รู้ ใส่แล้วจะย้วยๆ ไหม แผ่นรองก้นจะงอนเผยอไหม ฯลฯ
   กลางวันเลือกกินส้มตำครับ ชื่อร้านคลุกฝุ่น มีหลายสาขาเสียด้วย ท่าทางอร่อย ตักกินคำแรกนี่ยิ้มไม่ออกเลย เพราะร้านแถวบ้านผมยังอร่อยกว่าเยอะมากๆ  สั่งมาแล้วก็กินๆ เข้าไปครับ ร้านไหนไม่ประทับใจก็ไม่ต้องไปเสียเวลาอะไรกับเขามาก
   เบื่อละ กลับบ้านดีกว่า เป็นครั้งแรกที่มาสวนจตุจักรแล้วไม่ได้ซื้ออะไรสักอย่าง เดินไปที่ JJ Mall ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ผ่านร้านจักรยานที่อยู่ด้านในตึก มีจักรยานดังๆ ที่เคยเห็นในสารคดีหลายคัน แต่ล้วนเป็นรถก๊อปปี้จากจีนทั้งหมด รถ Strida ก็ยังมี งานหยาบมากๆ ผมติดใจ Tandam ล้อเล็ก 12 นิ้ว พับได้ยังไม่เท่าไหร่ เฟรมช่วงหลังยังเลี้ยวอิสระต่อกันอีก ชุดขับเคลื่อนก็แยกออกจากกัน คันนี้ขาย 1.9 หมื่น คนขายบอกว่าเป็นไทเทเนียม ฮ่วย !!! พูดมาได้ ไม่กระดากปากบ้างหรือไง มีรถพับคันหนึ่งน่าสนใจมาก กลไกการพับเนียนสุดๆ คล้ายการหดเสียมากกว่า แต่ไม่ใช่หดแบบสไล์ท่อบนเหมือนที่เคยเห็นกันนะ มันเป็นการพับต่างหาก แต่กลับไม่มีบานพับ อธิบายยากครับ แต่พับแล้วไม่เล็กนะ เลยไม่ได้สนใจอะไรมัน คันนี้ 1.3 หมื่นครับ
   
กลับมาบ้านตอน 0230 รีบเปิด ThiPBS มีถ่ายทอดสดจักรยาน Down Hill จากอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายครับ ผมเคยขี่เส้นทางลงเขา แต่ไม่ได้โหดเหมือนพวกที่เขาแข่งกัน ลงเขานี่สนุกครับ ใช้เทคนิคทักษะส่วนตัวล้วนๆ
   สนามแข่งเขาสวยดีครับ ถือว่าไม่โหดมาก ไม่มีโดดเนินมากนัก ระยะทางก็ราว 1.30 นาที มีคนหนึ่งตัวค่อนข้างอวบ ช่วงแรกซัดมาอย่างแรง พอกลางทางก็ล้มครับ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งๆ ที่ฝึกซ้อมกันมานานก็ยังพลาดกันได้ เพราะการซ้อมกับการแข่งมันกดดันจิตใจต่างกันครับ แต่พอเราถูกกดดันในสภาพนี้บ่อยๆ เข้าก็เริ่มจะเข้าใจ นั่นคือประสบการณ์ครับ
   คำว่า Smooth Is Fast ยังคงใช้ได้ดีกับกีฬาความเร็วทุกชนิด เริ่มตั้งแต่รถยนต์ จนกระทั่งถึงจักรยานแบบ Down Hill
   6 กพ วันอาทิตย์หน้า บ่ายสองโมง ช่องนี้เวลานี้ก็จะถ่ายทอดสดแข่ง BMX จากจังหวัดชลบุรีครับ ถ้าสนในก็กาปฏิทินเอาไว้ได้เลย
   กลับมาบ้านอย่างหิวโหย ทั้งๆ ที่กินมื้อกลางวันไปแล้วนะ ซัดสตอเบอรี่ไปกล่องใหญ่ เปิดตู้เย็นเจอน้ำเต้าหู้ก็จัดการไปซะ สักพักตาปรื ง่วงนอน สงสัยจะเพลียแดด
   น้ำหนักต้องขึ้นแน่ๆ เลยว่ะ
Title: Re: มค 54 10 ล้ม! 19 ระยะเอื้อมของรถ Dahon ภาค2
Post by: O'Pern on January 31, 2011, 06:32:31 pm
31 มค 54
   ช่วงนี้ทำไมตื่นสายบ่อยก็ไม่รู้ กว่าจะออกขี่จักรยานได้ก็ราว 0600 มันสายไปหน่อย ขี่ได้หน่อยเดียวก็ต้องวกกลับบ้านแล้ว ชั่งน้ำหนักดู มันขึ้นมาจริงๆ ด้วย ต้องรีบสกัดไว้ก่อน
   เช้าวันจันทร์ คนงานขาดประจำ ผมยกของคนเดียวใส่รถกระบะสองคัน เหงื่อท่วมตัว แต่ยังดีที่มีลมพัดโชย นั่งพักเหนื่อยแล้วสบายดีจริงๆ ครับ
   

   เข้าบ้านตอนบ่าย วันนี้มีไฟแล้วโว๊ย เอาคอจักรยาน Neo Bike ที่ทำหักใส่เป้หลัง ขี่จักรยานตระเวณหาร้านเชื่อมอลูมินั่ม ขี่ไปแป๊บเดียวก็เจอแล้วครับ อยู่ซอยแถวๆ บ้านนี่เอง ร้านเป็นห้องแถวอย่างโทรม มีช่างอยู่สองคน ผมหยิบชิ้นงานให้เขาดู และบอกปัญหาเพิ่มว่ามันคดด้วย ช่างหยิบมาเล็งแล้วพยายามดัดไปมา จนท่อคอชิ้นล่างที่มีลูกหมากยึดมันหลุดแยกออกจากกัน
   ตกใจที่ได้เห็นชิ้นส่วนภายใน มิน่า ทำไมมันถึงหักง่ายนัก เพราะมันมีเดือยอลูมินั่มสอดเข้ามาดามอยู่หน่อยเดียวเอง แค่สัก 1 ซม เองมั้ง นี่ถ้ารู้ว่ามันเป็นแบบนี้ ผมไม่กล้าขี่โหดๆ เหมือนที่ผ่านมาเป็นแน่
   ช่างแนะนำให้ผมหมุนหามุมจนท่อคอมันตรงกันกับก้านเสียบ แล้วเขาจะเชื่อมให้ ผมบอกให้เชื่อมให้แข็งแรงหน่อย หลังจากที่เห็นถึงความไม่แข็งแรงแล้วชักกลัว
   สัก 5 นาทีก็เสร็จแล้วครับ ขี่กลับมาบ้านด้วยความลิงโลด รีบประกอบแฮนด์ และจัดการถอดเบรกหน้าออก อยากลองอารมณ์รถโล่งๆ คล้าย Fixed Gear
   ขี่แล้วสนุกดีครับ รถโล่งๆ นี่ดูสวยโปร่งมากๆ เลย พรุ่งนี้จะเอาไปลองขี่จริงทีทำงานดู หยิบเอาไฟใส่ปลายแฮนด์มาลองทาบดู โอ้โห ยิ่งสวย เพราะไฟมันส่องออกด้านข้าง และด้านหลัง ติดที่ผมไม่ค่อยได้ขี่กลางคืน คงไม่ได้เปิดไฟ เจ้าไฟดวงนี้ผมซื้อมาหลายปีแล้วครับ ไม่เคยใส่เลย เพราะมันเหมาะกับรถที่ไม่ได้ใส่ Bar End เท่านั้น
   รถขี่ดีมากครับ ท่อคอที่เคยมีปัญหาเอียงนิดๆ ก็หายไปแล้ว เคยถอดมาดัด แต่ไม่กล้าโยกแรง กลัวมันหัก มาวันนี้แก้ปัญหาเรื่องเอียงได้แล้ว เย้ๆ
   เย็นไปรับลูก รีบกลับมาบ้านล้างจักรยานอย่างเป็นทางการครั้งแรก นี่ได้รถมาหลายปีแล้วนะ แต่ผมไม่เคยล้างมันเลย ขี่ใช้งานอย่างเดียว ล้างอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกซอกมุม ทำให้เจอปัญหาอีกแล้ว ซี่ลวดหลังขาดครับ ขาดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ปีก่อนเคยขี่ข้ามฝาท่อขนาดใหญ่ที่ทรุด ขี่มาอย่างเร็ว หลบไม่ทันครับ เลยกระตุกล้อหน้าให้ลอยพ้นไป ล้อหลังลงไปเต็มๆ วันนี้มานึกขึ้นได้ว่า ไอ้เพราะการกระตุกหน้าแรงๆ นี่แหละ ที่ทำให้คอหัก ก็อย่างที่บอก เดือยแกนกลางของมันเล็กนิดเดียว ใช้ปลอกอลูมิเนียมสวมทับแล้วเชื่อมปิดเสียอย่างดี ดูภายนอกไม่รู้หรอกครับ ต้องหักแล้วถอดออกมาดูถึงจะเห็น เล่นเอาผมอ้าปากหวอเลยล่ะ
   ล้างเสร็จก็ขี่เล่นเหมือนคนบ้าเห่อรถคันใหม่ ขี่วนอยู่ในบ้านได้เป็นกิโลฯ ตกเย็นอากาศเริ่มเย็นอีกแล้ว แต่ไม่ได้เอาจักรยานออกขี่หรอกนะ ช่วงเย็นแถวบ้านผมรถยนต์เยอะมากๆ ครับ