racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on May 02, 2010, 12:37:46 pm

Title: พค 53
Post by: O'Pern on May 02, 2010, 12:37:46 pm
1 พค 53
   มีเรื่องระทึกใจแต่เช้า ขับรถไปทำงาน โดนรถแท๊กซี่เข้ามาเบียดคอสะพานเลนเดียว ปกติถ้าผมมาช้าก็จะยกคันเร่งให้ แต่วันนี้ไม่ใช่
   รถผมขับมาเร็ว เขามาปาดแบบกระชั้นชิด ผมเบรกไปก็อาจหมุนขึ้นเกาะได้ ก็เลยกดคันเร่งส่ง พร้อมกดแตรยาว รถเขาและผมเข้ามาเบียดแทบจะชิดติดกัน แต่รถผมอยู่ในเลนตรง แต่ของเขามาเบียดแย่งเลน ลักษณะรถเลยเป๋ๆ กดเบรกแรงๆ รถก็เลยพุ่งขึ้นเกาะกลางไป
   ปกติผมแซงผ่านใครมาแล้วก็จะไม่สนใจอีกเลย แต่วันนี้แซงผ่านมาแล้วเหลือบมองกระจกข้าง นึกสงสารเหมือนกันนะ นี่เขาจะคิดว่าผมไปแกล้งอะไรเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้

   ช่วงนี้ชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะ จากเดิมที่สบายๆ กลายเป็นต้องมาทำงานยกของ แบกของหนักๆ ส่งของทุกวัน
   นี่ก็เป็นอีกวันที่ต้องทำเช่นนั้น ขนาดเล่าชีวิตัวเองผมยังเบื่อเลย ใครติดตามอ่านก็มาช่วยกันเบื่อกับผมอีกแรง
   เช้าแดดแรงจัด แต่ฟ้ามาโปรดช่วงกลางวัน ฝนเทลงมาอย่างนักเกือบ 2 ชม ทำให้ตลอดบ่ายอากาศเย็นสบาย จะว่าเย็นก็ไม่เชิง แต่มันเย็นสำหรับผม คนที่โดนแดดเผามาทุกวัน
   มีเวลาพักกลางวันกินข้าวเล็กน้อย ผมขี่จักรยานไปไหว้พระที่ศาลเจ้าเล็กๆ แถวบ้าน ชื่อศาลเจ้ากวนอู อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ผมไปนั่งเล่นที่ศาลเจ้าแห่งนี้บ่อย ไม่ค่อยมีคนหรอกครับ ทางเข้าก็คับแคบ จึงกลายเป็นที่สงบสำหรับผม
   ไหว้พระแล้วก็นั่งพักผ่อนให้ลมเย็นปะทะ ไม่ได้พักกายนะ ผมมาพักใจ ทอดสายตามองไปไกลๆ จนสุดสายน้ำ ทำได้ประเดี๋ยวเดียวก็ต้องกลับไปส่งของต่อ
   แสนจะเพลียและเมื่อยล้า ก้มยกหยิบของนานเข้าก็เริ่มเจ็บหลัง ต้องค่อยๆ ย่อเข่าช่วย
   กลับมาบ้านเอาเกือบจะ 4 ทุ่ม เข้าบ้านเห็นหน้าลูกก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
   “มิวยังไม่อาบน้ำหรือลูก”
   “ให้พ่ออาบก่อน เชิญครับ” เขาพูดตอบขณะสายตาจ้องทีวี ผายมือเชื้อเชิญให้ผมทำตามที่เขาบอก
อาบน้ำแล้วแถมนอนแช่ในอ่างน้ำต่อ ผมอยู่ในห้องน้ำราว 30 นาที ใจอยากนอนแช่อีกนานๆ และถ้าได้ห้องน้ำแบบ Open Air คงจะดีขึ้นอีกเยอะ
กลับเข้ามาในห้องนอนอีกที ลูกผมนอนหลับเสียแล้ว
เข้าไปหอมที่ศีรษะเขา แล้วผมก็ล้มตัวลงนอนทันที
นี่ถ้าวันรุ่งขึ้นมีงานขี่จักรยาน ผมคงไปร่วมไม่ไหวแน่ๆ โชคดีที่งานขี่ทำลายสถิติขบวนจักรยานยาวที่สุดในโลกเขาขี่กันไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 02, 2010, 07:03:19 pm
2 พค 53
   ลืมตาตื่น แต่ตัวไม่ยอมลุก นอนต่อบิดไปมาอีกราว 30 นาที ร่างกายปวดร้าว เจ็บที่ด้านหลัง ตั้งใจไว้ว่าจะออกขี่จักรยาน แต่ก็ไม่ได้ทำอีกแล้ว
   รีบเจ็บ รีบป่วย แล้วก็ต้องรีบหายภายในวันเดียวครับ พรุ่งนี้ก็ต้องออกส่งของอีกเช่นเคย ถ้าหากคนงานคนใดคนหนึ่งเขาไม่มา
   ผมคิดสงสัยมานาน แรกๆ ไม่กล้าถาม พอนานเข้า คิดว่าตัวเองต้องมาส่งของถาวรแน่ๆ เลยเอ่ยปากถามเข้า แล้วก็ได้คำตอบแบบค่อนข้างสะเทือนใจ คนหนึ่งพูดคุยด้วยเหตุผล อีกคนหนึ่งคุยด้วยอารมณ์ ก็เลยมีฝ่ายหนึ่งต้องยอม เป็นการยอมโดยธรรมชาติ และจากนั้นคงไม่เกิดคำถามเหล่านี้จากปากผมอีก
   วันนี้มีงานสถาปนิก 53 ที่ Impact เมืองทองธานี ผมอยากไปมากๆ เป็นงานใหญ่ประจำปีของพวกคนวงการออกแบบ ผมเองไม่ได้ไปมา 2 ปีแล้ว ก็เพราะส่งของในวันเสาร์ตลอดวันนี่แหละ พอถึงวันอาทิตย์เขาเรียกหมดอารมณ์มั้ง คือไม่อยากจะทำสิ่งใดเลยนอกจากนั่งอยู่เฉยๆ
   นี่ก็อาจเป็นอีกวันที่ผมทำอย่างนั้น มีอีกหลายแห่ง หลายที่ๆ ใจอยากไป แต่ร่างกายมันกลับคิดอีกอย่าง
   
มีภาพยนต์เข้ามาฉายชื่อ Iron Man 2 ลูกผมชอบดูครับ เรื่องหนังผมเฉยๆ ผมติดใจตรงที่คนทั่วไปไม่ว่าจะทางวิทยุหรือโทรทัศน์จะออกเสียงเรียกว่า ไอ ร่อน แมน เฮ้ย ไม่ใช่นะ ตามความเห็นของคนภาษาห่วยๆ อย่างผมคิดว่าน่าจะอ่านว่า ไอ ออน แมน นี่ออกเสียงแบบไทยแล้วนะ ถ้าฝรั่งของจริงจะต้องเป็น ไอ เอิ้น แมน
   ที่ฮาสุดคือป้ายโฆษณาท้ายรถเมล์ เขียนว่า ไอรอนแมน รับไปเต็มๆ เหมือนกับคำว่า Island ที่แปลว่าเกาะน่ะครับ ที่ถูกต้องอ่านว่า ไอ เลิ่น แต่ไทยมักจะอ่านกันว่า อิส แลนด์ บ้างก็ไป ไอซ์ แลนด์ เลยก็มี ผิดเสียง แถมผิดความหมาย ต้องรีบแก้ไขด่วนครับ
   หากเปรียบเป็นภาษาไทยก็คือคำว่า ทราย อ่านว่า ซาย มิใช่ ทะ ราย หากมีใครอ่านผิดก็ต้องรีบบอกให้แก้ไข ภาษาไทยเรายากนะครับ ซับซ้อนมาก เพียงแต่ว่าเราชินต่างหาก ลองดูตัวอย่างคำยากๆ เช่น
   เรือโคลงเพราะโคลงเรือ
   เห็นเขานั่งตากลมอยู่ใต้ต้นไม้
   จะเรียนรู้ภาษาไหน ก็ควรเรียนรู้อย่างถูกต้องครับ มิเช่นนั้นจะจำคำผิดๆ ไปใช้ จำคำพูด คำออกเสียงผิดๆ ไปใช้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย
   ตอนไปรัสเซียผมก็พูดผิดครับ ผมจำคำว่า สวัสดี กับ ขอบคุณ สลับกัน เล่นเอาคู่สนทนาทำหน้างง
   คำว่าสวัสดี ภาษารัสเซียออกเสียงว่า “ซดราฟส์วุยติ”
   คำว่าขอบคุณ ภาษารัสเซียออกเสียงว่า “สปาสซิบา”
   จำสลับกัน พูดผิด ก็คือผิดความหมายครับ
   
   ตลอดวันนี้อยู่บ้าน 100% ไม่ได้ก้าวขาออกนอกรั้วเลย ตั้งแต่เช้าก็ยังไม่ได้อาบน้ำเลยด้วยซ้ำไป ฮ่าๆ (ยังมีหน้ามาเล่า)
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 03, 2010, 09:32:42 pm
3 พค 53
   เป็นเช้าวันจันทร์ที่รถโล่งมากๆ เพราะเป็นวันหยุดชดเชยวันแรงงานแห่งชาติ บ้านผมไม่เคยหยุดอะไรกับใครเขาหรอกครับ จะหยุดก็แค่วันอาทิตย์ และเช่นเคยครับ วันนี้ผมต้องขับรถส่งของอีกแล้ว
   ยกของแต่เช้าท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวจนเหงื่อท่วม แต่พอช่วงสายมีฝนเทลงมา ก็ต้องลุยครับ เหงื่อผสมกับเม็ดฝน ทำเอาเย็นสบายตัวอย่างมาก แลกกับเนื้อตัวเปียกปอน กางเกงนอก กางเกงในเปียกแฉะจนชุ่ม เสื้อไม่ต้องพูดถึง มันเปียกโชกไปนานมากแล้ว
   ขณะส่งของอยู่เห็นเด็กยืนตะโกนเรียกคุณย่าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม บอกให้มารับหนูหน่อย
   “จะข้ามถนนหรือเปล่าจ๊ะ” ผมถาม
   “ข้ามค่ะ”
   ผมจูงมือเด็กข้ามถนนไปส่งฝั่งตรงข้าม คุณย่าเขายืนรอรับและกล่าวขอบคุณ
   คนเข็นผักที่ปากคลองตลาดทำกองเข่งหล่นกระจายกลางถนน ผมปรี่วิ่งไปช่วยเก็บซ้อน จากหน้าเขาบึ้งๆ ก็เผยยิ้มออกมา และกล่าวขอบคุณ
   “เฮ้ย วันนี้มาเร็วนี่หว่า” คนงานเข็นผักที่คุ้นหน้าเอ่ยทักผม
   “ครับพี่ เช้าบ้าง เย็นบ้าง บางวันมาทั้งเช้าทั้งเย็น” พูดตอบพร้อมกับส่งยิ้ม
   ชีวิตคนงานอย่างเรายิ้มให้กันง่ายครับ วงจรชีวิตเราคล้ายๆ กัน ทำงานแลกกับเงินเหมือนๆ กัน ใช้แรงงานเหมือนกัน ทำงานจนเหนื่อยจัดๆ ผมเริ่มเข้าใจว่าทำไมเขาถึงชอบกินเหล้ากัน
   มันช่วยผ่อนคลายได้ครับ เหนื่อยกายมาแล้วก็ขอพักใจเสียหน่อย ไอ้ดื่มนิดหน่อยผมว่าโอเคนะ แบบเบียร์สักกระป๋องพอได้ แต่ส่วนใหญ่กินกันแล้วติดลมครับ เล่นเหล้ากันเป็นขวดๆ ทำเอาเงินที่เพิ่งได้มาแทบหมดเกลี้ยง
   กลับถึงบ้านราว 2 ทุ่ม ลูกกำลังนั่งเล่นเลโก้อยู่
   “พ่อ วันนี้มิวไปวัดพระแก้วด้วยล่ะ”
   “เหรอ ไปกับใครลูก”
   “ไปกับที่บ้านพี่ข้าว พี่ไม้” (เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม)
   “หนูเป็นเด็กดีหรือเปล่า”
   “เป็นเด็กดีครับ”
   “ไหนขอกอดหน่อยซิ”
   เขาวางของเล่นเดินเข้ามาหา สองคนอ้าแขนกอดกัน ใจเขาคงไม่ได้คิดอะไร แต่ใจผมมันรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 04, 2010, 09:44:14 pm
4 พค 53
   แมวสองตัวมาวิ่งไล่กวดกันบนหลังคาบ้าน ผมตื่นมาไล่แต่เช้า กลัวภรรยาและลูกจะตื่น ทำให้เช้านี้พอจะได้ขี่จักรยานบ้าง แต่ก็ขี่แค่แถวบ้านใกล้ๆ นี่แหละ ขี่ก็ก็คิดถึงจักรยานแบบ Fixed Gear ไปด้วย พลางนึกต่อไปว่า นี่ถ้ารถแบบ Fixed แล้วเกิดผมต้องการใส่เกียร์แบบตีนผีด้วยจะสามารถทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้คงจะดี คงจะฮา ผมยังเคยไปโพสถามในเวปว่ารถแบบ Fixed มีใครเขาใส่เบรกหน้าหลังแล้วใส่โรเตอร์กันบ้างไหม ปรากฏว่าไม่มีใครเขาทำกัน
   ออกจากบ้านไปทำงานแบบเดิมๆ แบกของ ยกของ บ้างก็ขับรถ เหมือนเดิมเป๊ะๆ แน่นอน เจ็บหลังแบบเดิมๆ อีกด้วย ยังดีที่วันนี้มีฝนปรอย อากาศเย็นสบายตลอดวัน มีแดดแรงแค่นิดเดียวในช่วงบ่าย
   ส่งของไปเก็บเงินไป มีลูกค้าจ่ายเงินเกินมาก็คืนเขาไป รู้สึกว่าได้ทำความดีบ้างนิดหน่อย แม้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็เป็นความภูมิใจส่วนตัวที่ผมเก็บไว้ภาคภูมิใจคนเดียว
เกินน้อยๆ ก็แค่ร้อยกว่าบาท มากๆ ก็เป็นพัน แต่เคยมีมากสุดถึง 4000 บาท
   พอยื่นคืนให้ ลูกค้าทำหน้าตกใจอย่างแรง ไม่รู้ว่าตกใจที่ได้เงินคืน ตกใจที่ผมคืนให้ หรือตกใจที่เขาจ่ายเกิน
   หรือจะถูกทั้งข้อ ก ข และ ค
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 05, 2010, 09:02:17 pm
5 พค 53
   วันฉัตรมงคล วันหยุดของคนอื่น แต่ไม่ใช่ผม อย่างที่บอก หากคนงานขาดงาน ผมก็ต้องลงมาช่วย หลังสงกรานต์คนงานลาออกไปหลายคน ผมคงต้องรับผิดชอบหน้าที่แบบนี้อีกนาน ไม่แน่ อาจตลอดไป
   วันนี้ผมเป็นคนขับรถครับ ขับรถกระบะหลังคาสูง ต้องถอยจอดเข้าที่แคบๆ ก็ถือว่าท้าทายดีครับ แต่ถ้าพลาดถอยไปชนหลังคาหรือป้ายร้านค้าก็ต้องชดใช้เขา และมีบ่อยที่ถอยไปชนร่มแม่ค้าก็ต้องโดนด่าอย่างแรง
   “เฮ้ย อะไรวะ แม่งไม่มีตาหรือไง มาชนร่มกู”
   “ไอ้ควาย ขับรถเป็นหรือเปล่าวะมึง”
   ตอบโต้ง่ายๆ ครับ ลงไปยกมือไหว้ขอโทษ และยืนฟังเขาด่าอีกชุดเป็นอันเสร็จพิธี
   พักกลางวันก็กินข้าวกับคนงาน บ้างกินข้าว บ้างกินก๋วยเตี๋ยว วันนี้ผมกินเปาะเปี๊ยะสด ผมชอบอาหารแบบนี้ เพราะมันปรุงแต่งน้อย ไม่ต้องทอด ปิ้ง ย่าง แถมมีต้นหอมสดๆ ให้เคี้ยว
   สักพักมีโทรศัพท์เข้ามา
   “พี่เปิ้ล พี่ไปงานสถาปนิกที่เมืองทองหรือเปล่าคะ”
   นุ้ย สาว msn ผู้ที่คุยกันมาหลายปี แต่ไม่เคยพบหน้ากันสักที
   “วันนี้ผมคงไม่ได้ไปครับนุ้ย ผมยังทำงานขับรถอยู่เลย”
   “อ้าวหรอ วั้นนี้นุ้ยว่าง คิดว่าพี่ไป ดีนะที่โทรมาถามก่อน”
   “ครับผม ขอโทษด้วยครับ กลางคืนออนไลน์คุยกันนะครับ ผมขอตัวก่อน ติดธุระนิดหน่อย”
   ขอตัดบทดื้อๆ เพราะอาหารคาอยู่เต็มปาก เคยเห็นหลายคนคุยโทรศัพท์ไปพร้อมกับกินข้าวไปด้วย ผมว่าแม่งโครตเก่งเลยครับ ส่วนผมไม่สามารถจริงๆ
   วันนี้เป็นวันสุดท้ายของงานสถาปนิก 53 ครับ ผมแอบลุ้นว่าถ้าคนงานมาครบ ผมอาจมีเวลาว่างไปเดินชมงาน เป็นอันว่าฝันสลาย เสียใจนิดๆ ครับ แต่ใจอีกด้านมันก็บอกว่า นี่เอ็งยังไม่ชินอีกหรือ
   อ๊ะ วันนี้ฮอท มีโทรศัพท์เข้ามาอีกแล้ว
   “สวัสดีจ๊ะเปิ้ล อยู่บ้านหรือเปล่า จะเข้าไป นี่เรากำลังอยู่แถวท่าข้ามนี้เอง”
   “ผมอยู่ข้างนอกครับ วันนี้คงไม่ได้เข้าบ้าน ขอโทษด้วยนะ แหม เสียเที่ยวเลย”
   ผมกำลังคุยกับปุ๋ย เพื่อนสมัยวัยเรียน เพื่อนที่สนิทส่วนใหญ่จะรู้จักบ้านผม หากใครผ่านมาแถวนี้ก็มักจะโทรถามว่าผมอยู่บ้านไหม จะได้เข้ามาเยี่ยมเยียน บ้านผมอยู่เชิงทางลงทางด่วนนี้เองแหละครับ เป็นทางผ่านของใครหลายคน
   ตลอดวันนี้ไม่มีฝนครับ ก็สู้ทนแดดกันไป มีหมวกปีกกว้าง และเสื้อแขนยาวเป็นอาวุธ จากรองเท้าผ้าใบอย่างดี ตอนนี้ผมเปลี่ยนเป็นรองเท้ายางห่วยๆ แบบคนงานแล้วครับ เพราะรองเท้าดีๆ มันพังได้ง่ายมากๆ หากต้องมาทำงานแบบนี้
   เสื้อผ้าดีๆ ก็ใส่ไม่ได้นะครับ มันเลอะเทอะ และฉีกขาดได้เสมอ เลยใช้เสื้อผ้าเก่าๆ โทรมๆ แทน ก็สบายดีเหมือนกันครับ ไม่ต้องระแวดระวังอะไรนัก
   วันนี้เข้าบ้านมาตอนทุ่มกว่า งานน้อยครับ ถ้างานเยอะล่ะก็ต้องมีเฉียดๆ เที่ยงคืน
   เคยดึกสุดก็ตี 2 ครับ แถมเป็นแบบนี้ติดต่อกันถึง 3 คืน เรื่องจริง ไม่ได้โม้
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 06, 2010, 08:42:41 pm
6 พค 53
   ตื่นเช้าไปทำงานแบบเนือยๆ อืม ชีวิตคนทำงานประจำมันเป็นแบบนี้นี่เอง ผมไม่เคยทำงานประจำใดๆ มาก่อนครับ ตั้งแต่สมัยเรียนก็เป็นนักเขียนอิสระให้แก่หนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับแรกชื่อ Inside TV หาเงินได้เองตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยปี 2 แล้วล่ะครับ ตกเย็นเพื่อนๆ นั่งกินเหล้ากัน ตกดึกออกซิ่งกัน แต่ผมปลีกตัวไปทำข่าวบันเทิง เขียนข่าว สัมภาษณ์ดารา ฯลฯ กลับมาบ้านก็เขียนข่าวและส่งทางแฟกซ์ (ถ้าเร่งด่วน) แต่ปกติจะเข้าไปส่งด้วยตัวเองที่ออฟฟิซ
   ยุคนั้นยังไม่มีคอมพิวเตอร์ครับ แต่ผมเป็นคนที่พิมพ์ดีดเร็วมากทั้งภาษาไทยและอังกฤษ งานของผมสมัยเรียนจึงส่งด้วยการพิมพ์ดีดตลอด เป็นที่ชื่นชอบของครูอาจารย์อย่างมาก เพราะเขาต้องทนอ่านลายมือของลูกศิษย์แต่ละคนมานานนับปี
   คนทำงานประจำแบบเบื่อๆ ก็จะเฝ้ารอวันหยุดกันครับ ผมก็แอบเป็นกับเขาบ้างเหมือนกัน แต่ธุรกิจของที่บ้านผมมันมีวันหยุดแค่เฉพาะวันอาทิตย์น่ะครับ ยิ่งเป็นเทศกาลคนอื่นเขาหยุดกันยาว ส่วนผมได้แต่ฝัน เผลอๆ วันอาทิตย์ก็ยังเปิดร้านออกบ่อยไป
   ช่วงเช้าผมไปขนของที่แมคโครครับ ขนกันเต็มท่วมรถ กลับมาบ้านก็ทะยอยนำสินค้าเก็บเข้าโกดัง ครึ่งวันเช้าหมดไปแบบง่ายๆ กลางวันได้พักราว 30 นาที เอาจักรยานออกขี่ไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะเล็กๆ นั่งมองผู้คนเดินผ่านไปมารอบตัว ดูต้นไม้ใบหญ้า ผมมานั่งพักใจครับ
   ตอนบ่ายขับรถส่งของตลอดจนถึงเย็น จอดรถง่ายบ้าง ยากบ้าง แต่ทุกครั้งที่ผ่านทางม้าลายผมจะหยุดรถให้คนข้าม จนบางทีคนข้ามตกใจ ยืนชะงัก ไม่กล้าเดิน และอีกมากที่โค้งหัวขอบคุณที่จอดให้ ผมว่าคนเดินถนนไทยแม่งมารยาทโครตจะงามเลยว่ะ ไม่น่าจะมีประเทศอื่นอีกแล้วนะที่คนข้ามถนนโค้งคำนับขอบคุณคนขับรถ อะเมซิ่งไทยแลนด์จริงๆ
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 09, 2010, 07:18:25 am
7 พค 53
   “น้องๆ ราชประสงค์ไปทางไหน”
   ผมยืนส่งของอยู่ริมถนน ก็มีรถมอเตอร์ไซค์ปรี่เฉียดเข้ามาถามเส้นทาง เข้าใจว่าคงจะไปร่วมชุมนุมกับม็อบ ใจหนึ่งอยากบอกว่าเขาเลิกชุมนุมกันแล้ว กลับบ้านกันหมดแล้ว แต่อีกใจก็คิดไปว่าหากเขามีธุระจริงๆ จะทำอย่างไร
   “มันอีกไกลจากจุดนี้ครับ” เขามาตอนที่ผมอยู่ริมถนนแถวฝั่งธนฯ ก็บอกทางแบบคร่าวๆ ไปแทนครับ ให้เขาไปถามเอาข้างหน้าอีกทีจะดีกว่า
   วันนี้ขับรถส่งของทั่งวันครับ แดดแรงจัดจ้าจนผิวหน้าแสบยิบๆ ไม่ได้ทาครีมกันแดดครับ ทาไม่ได้ เหงื่อออกแล้วไหลเข้าตาจะแสบมาก ปล่อยเลยตามเลย มีอากาศครึ้มเป็นช่วงๆ ลุ้นให้ฝนตกอย่างเต็มที่ แต่ก็ได้แค่ใกล้เคียง ถ้าช่วงไหนมีลมพัดกระโชกมาสักที รู้สึกว่าชื่นใจมากจริงๆ
   กลางวันกินส้มตำข้าวเหนียวแบบคนงานครับ ร้านของคนอีสานแท้ๆ เลย ตอนไปซื้อนี่มีแต่คนพูดคุยภาษาอีสานกันหมด ผมพูดภาษาภาคกลางอยู่คนเดียว คนอื่นเลยหันมามองกันเป็นตาเดียว
   ร้านของคนอีสานเขาไม่หวงผักแกล้มเลยครับ ผมเลือกผักที่ไม่ค่อยได้กินนั่นคือกระถิน และใบบัวบก ผักอื่นๆ ก็หยิบติดมาบ้างนิดหน่อย สั่งส้มตำไทย ข้าวเหนียว ไก่ทอด แถมติดมือมาอีกอันคือแคบหมูกรอบๆ เอามาเคี้ยวเล่นๆ
   ส่งของช่วงบ่ายกลางแดดจัดแสนจะทรมาน แต่ก็ต้องสู้ทนกันไป การได้หลบตามร่มเงาไม้ แม้เพียงสักเล็กน้อย มันก็เป็นความสุขของคนข้างถนนอย่างเราๆ นี่แหละ
   มีคนงานนั่งด้านหน้ารถกับผมด้วย ก็เลยสอนเขาถึงการขับรถ เช่น เราต้องไม่ใจร้อนขี้โมโห เพราะถ้าเราโมโหเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ จิตใจเราคงต้องหงุดหงิดกันทั่งวัน มันทำให้ใจเราไม่เป็นสุขเลย เราต้องคิดว่าเขาไม่ตั้งใจเบียด เขารีบด่วน เขาขับรถไม่คล่อง กะระยะรถไม่แม่น มือใหม่ ฯลฯ คือคิดแบบนี้แล้วใจเราจะเป็นสุขมากกว่า
   เจอคนจะข้ามถนนก็ยกคันเร่งมาแต่ไกลเลย ไม่ได้กดส่งต่อท้ายคันหน้าแล้วมาบอกว่าติดพัน เบรกไม่ทัน กลัวถูกชนท้าย ฯลฯ มันล้วนแล้วแต่เป็นข้ออ้างของคนที่ไม่ใส่ใจคนข้ามถนน เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นจริงๆ
   ผมทำงานยกของหนัก กลางแดดร้อนจ้า แต่จิตใจกลับมีแต่ความสุข ความร่มเย็น เจอใครมองหน้าก็จะส่งยิ้มให้ เจอเด็กในรถข้างๆ ก็จะยิ้มให้ โบกมือบ๊ายบายให้
   ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ความสุขหาได้จากรอบๆ ตัวเรา มันอยู่ที่วิธีคิดต่างหากครับ

8 พค 53
   แดดยิ่งแรง ยิ่งได้วิตามินดีเยอะ ได้ฟรีๆ อีกด้วย แต่ก็เอาแค่พอประมาณนะ อย่างผมช่วงนี้รับดีมาเยอะจัด ผิวหน้าที่เคยเป็นกระฝ้ามันเริ่มจะกลับมาอีกแล้ว ใช้เวลาหลายปีในการทำให้มันจางลง แต่เพียงแค่โดดแดดจัดไม่กี่วัน มันกลับคืนมาอย่างเร็ว
   เป็นพนักงานขับรถนี่ผมเบื่ออย่างเดียวตอนจอดรถส่งของนี่แหละครับ เพราะแต่ละแห่งที่จอดลงของนั้นมันเป็นแหล่งชุมชนหนาแน่น บ้างก็มีที่จอดแค่เพียงพอดีคัน พอจอดแล้วเอาสินค้าลงไม่ได้เสียอีก 
   วันนี้กลับบ้านเอาตอนสี่ทุ่มกว่าครับ ขับรถกลับมาอย่างหมดสภาพนักศึกษา แขนแทบไม่มีแรงยกจับพวงมาลัย นี่ผมยกของไม่เยอะเท่าไหร่ยังโทรมขนาดนี้ แล้วพวกคนงานมืออาชีพที่เขายกกันทั้งวันล่ะ
   เข้าบ้านมาเห็นลูกนอนหลับเรียบร้อยแล้ว เปิดทีวีทิ้งไว้ เปิดไฟไว้ เลยปิดเสียให้เรียบร้อย ตัวเองรีบอาบน้ำแล้วล้มตัวลงนอนทันที
   รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงินอีกตัวหนึ่งเสียแล้วสิ
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 11, 2010, 10:16:13 pm
9 พค 53
   ลืมตาตื่นตอน 0515 แต่ไม่มีแรงลุก จากเดิมที่คิดจะเอาจักรยานออกขี่เล่น กลายเป็นต้องยกเลิกไป จะมาลุกจากที่นอนก็ตอน 0600 เพราะท้องฟ้าเริ่มจะสว่างมากแล้ว นอนไม่สนุก
   ตื่นมาก็ได้แค่ขี่เล่นใกล้ๆ บ้านครับ จับคันไหนได้ก็เอาคันนั้นแหละออกขี่ ไม่ได้ขี่ซ้อมแบบเอาสาระอะไรหรอก แค่พอให้ร่างกายได้ขยับเขยื้อนบ้าง
   รีบออนไลน์แต่เช้า เช็คเมล์เช็คข่าวและติดต่อสื่อสาร เพราะโทรศัพท์ผมเสียมา 2 วันแล้วครับ ตัวเครื่องมันล็อคเอง เปิดปิดอะไรไม่ได้เลย ถอดแบตฯ ออกแล้วใส่ใหม่ก็อาการเหมือนเดิม เบอร์ที่ต้องติดต่อธุระค้างอยู่ในเครื่องก็เอาออกมาไม่ได้ มีแค่เบอร์เพื่อนเก่าแก่ที่ค้างอยู่ในซิมการ์ด
   จากเดิมที่หาข้อมูลโทรศัพท์มานานก็ยังสรุปไม่ได้ว่าจะเอาแบบใดดี ผมมันคนหลายใจ อยากได้เล็กบางเบา แบตอึด กล้องดี ลูกเล่นเยอะ มันไม่มีหรอกครับ ฮ่าๆ
   ก็ค่อยๆ ดูกันไปครับ หากดูแค่ยี่ห้อ ผมชอบของ Motorola และ HTC ไอ้ที่ไม่ชอบแถมเกลียดมากคือ Samsung แม้เขาจะทำโทรศัพท์ราคาถูกออกมาขายก็ตาม
   เข้าเวปหาข้อมูลไปถูกใจโทรศัพท์ของ Garmin เข้า แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนใช้ฟังชั่น gps นี่เราจะต้องเสียเงินค่าเชื่อมต่อสัญญาณ gprs หรือไม่ ติดตรงนี้นี่แหละ เหมือนที่ Nokia เขาโฆษณาน่ะครับว่าใช้ Ovi map ฟรีตลอดชีพ แต่ไม่เห็นมันบอกว่าตอนจะใช้งานจริงๆ น่ะ เอ็งต้องเสียค่า gprs ต่างหากอีกหรือเปล่า 
   ถามเพื่อนในลิสต์ msn เขาว่าหากชอบออนไลน์ อ่านเวป ให้เลือก iphone อีกคนบอกให้ใช้ blackberry สิ ดี แชทถนัด ส่งข่าวสารถึงกันได้ฉับไว แต่ผมไม่ชอบทั้งสองยี่ห้อที่แสนจะฮิตนี้เลย
   หาข้อมูลไปเรื่อยๆ เจอระบบใหม่ชื่อแอนดรอยด์ เอาล่ะโว๊ย ยิ่งงง
   นี่ๆ คุยกับไอ้หมอนี่ เซียนมือถือ ผมยิ่งงงหนัก
   “เทียบกันไม่ได้หรอกครับพี่ ตัวนี้มันสมาร์ทโฟน อีกตัวมันเป็นมัลติมีเดียโฟน มั้นทำออกมาคนละตลาดกัน”
   ฉิบหายแล้วกู ของเดิมยังงงไม่หาย ต้องมาแบ่งประเภทว่าเป็นโฟนแบบไหนอีกด้วย โห เลือกยากกว่าจักรยานอีกว่ะพี่น้อง
   ผมชอบของที่มีดีไซน์โดดเด่นครับ คือจะมองว่ามันเป็นงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ จักรยาน หรือว่าของใช้ใดๆ ก็ตาม เลือกแบบที่มันดูดีถูกใจเราจริงๆ ก็จะใช้งานมันอย่างมีความสุขไม่ว่าของนั้นจะถูกหรือแพง
   ผมชอบดีไซน์แบบหน้าจอไร้กรอบ เครื่องเล็กแคบ ยาว ที่ผ่านมาก็มีของ HTC S740 ตามหาซื้อก็หาไม่ได้แล้ว เก่าแก่มาก ล่าสุดก็มีของ LG BL40 อันนี้ยังพอหาได้ รูปลักษณ์ภายนอกผมชอบหมดทุกอย่างติดที่ยังไม่ค่อยชอบชื่อของ LG เท่าไหร่นัก
   อ่านดูเรื่อยๆ ชักสนใจระบบแอนดรอยด์ ผมไม่ได้เป็นพวกคลั่งมือถือหรือเปลี่ยนบ่อย ผมจะใช้ของที่ดี และจะใช้จนมันสิ้นชีพ ไม่พัง ไม่เปลี่ยน อ๊ะ มีของยี่ห้อ Wellcom A88 เป็นระบบแอนดรอยด์ ราคาไม่ถึงหมื่นบาท ชักน่าสนใจ แต่แปลกว่ะ ทำไมไม่มีระบบวิทยุ Fm ผมฟังบ่อยเสียด้วยสิ ฟังในรถยนต์นี่แหละครับ เพราะรถผมฟัง Fm ได้แค่ 90 MHz เท่านั้นเอง คลื่นสูงกว่านี้ฟังไม่ได้แล้ว วิทยุติดรถเขาให้มาเป็นแบบนี้ พวกช่อง จส100 ไม่เคยได้ฟังจากวิทยุในรถเลยล่ะครับ
   ค่อยๆ หาข้อมูลโทรศัพท์มาเป็นเดือนแล้วล่ะครับ หาไปเรื่อย ดูไปเรื่อย ไม่ได้มาเร่งสรุปเอาวันนี้ เพียงแต่ว่าต้องเร่งมือกันหน่อยแล้วล่ะ
    ตลอดวันนี้ผมใช้ชีวิตเหมือนวันอาทิตย์ที่แล้วเป๊ะเลยครับ อยู่บ้านตลอด ไม่ได้ออกไปไหน และยังไม่ได้อาบน้ำเช่นเคย
   เออ วันหยุดนี้เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วมากเลยนะ พรุ่งนี้ผมคงต้องออกไปขับรถส่งของกลางแดดจ้าอีกเช่นเคย ต้องลุยอีก 6 วันถึงจะได้พักแบบสบายๆ อย่างวันนี้อีก ต้องคิดบวกเยอะๆ จิตใจถึงจะสบายครับ

10 พค 53
   เมื่อวานผมตอบกระทู้ในเวปจักรยานเกี่ยวกับ GPS เขาถามทำนองว่าระหว่างแผนที่กระดาษกับ GPS แบบไหนดีกว่ากัน คนอื่นก็ตอบกันไปตามทรรศนะ มาดูมุมมองของผม คนที่ไม่เคยใช้ GPS บ้างครับ 
   
   ความสนุกของการเดินทางของผม มิได้อยู่ที่การได้ไปถึงจุดหมาย หากแต่อยู่ในทุกขั้นตอนของการเดินทาง

เริ่มตั้งแต่การคิดถึงจุดหมาย การวางแผนการเดินทาง และสิ่งที่เราพบเจอระหว่างทาง มักจะวางแผนแบบคร่าวๆ เพราะเอาเข้าจริงมันไม่ค่อยตรงกับแผนที่เราวางไว้หรอกครับ มีเรื่องต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตลอด จนบางทริปก็ออกลุยแบบไม่มีแผนอะไรเลย

การเดินทางกับการหลงทางเป็นของคู่กันครับ แรกๆ กลัวหลัง หลังๆ กล้าที่จะหลง เพราะเราได้อะไรจากการหลงเยอะมากๆ และมักจะเป็นประสพการณ์สำคัญของชีวิต

หลงก็ต้องถามครับ การถามทำให้เราได้พบปะ ได้พูดคุย ได้เพื่อน ได้มิตรภาพ จะเห็นว่าเราได้อะไรมากกว่าแค่เส้นทางเยอะครับ


เบื้องต้นเป็นสไตล์ส่วนตัว ทรรศนะส่วนตัวของผมเองคนเดียวนะครับ ท่านอาจะเห็นด้วยหรือไม่ก็แล้วแต่มุมมองและประสพการณ์

ถ้าให้เลือกอุปกรณ์สักอย่าง ผมขอแผนที่กระดาษชุดเดียวพอครับ

GPS จะมีประโยชน์กับผมก็ต่อเมื่อใช้ในการบันทึกเส้นทางแล้วนำมาโหลดเก็บไว้ หรือแบ่งปันกับผู้อื่นครับ

   วันนี้ผมไม่ต้องขับรถครับ มีพนักงานขับรถมาสมัครงาน ก็เลยไปช่วยสอนงานเขา นั่งประกบคู่กันไปตลอดวัน ก็รู้สึกสบายขึ้นมานิดหน่อย แต่ตอนยกของเราก็ช่วยกันยกหมดนั่นแหละ
   ท่ามกลางอากาศร้อนจัด สองวันก่อนคอผมโดนเข็มขัดนิรภัยบาดเป็นรอย มาวันนี้มันโดนเหงื่อรู้สึกแสบ ตอนบ่ายผมยกของไม่ทันระวังเลยโดนลังสินค้าบาดกลางฝ่ามือ แผลไม่ใหญ่ แต่มันอยู่ในจุดที่เราใช้งานหนักพอดี
   กลับมาบ้านเอาตอน 4 ทุ่ม ลูกกำลังจะนอนหลับ เห็นผมมาก็ลุยขึ้นมาคุยกัน ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน กลับมาอีกทีเห็นเขานอนหลับปุ๋ยแล้ว
   เห็นของเล่น LEGO วางเกลื่อนกลาด ผมค่อยๆ เก็บทีละชิ้นใส่เข้ากล่อง ไม่ได้รวบโกย กลัวเสียงดังลูกจะตื่น แรกๆ ตามเก็บของเล่นก็บ่นๆ เขาว่าเล่นแล้วไม่รู้จักเก็บ แต่หลังจากผมทำงานหนักๆ เหนื่อยๆ จิตใจผมแกร่งขึ้นกว่าเดิมเยอะเ ผมไม่บ่นอะไรอีกแล้ว
   ลูกเล่น Lego ก็คือสมอง และจิตนาการของเขากำลังพัฒนา
   Lego กระจายเกลื่อนพื้น นั่นคือเขากำลังค้นหาตัวต่อชิ้นเล็กชิ้นน้อย
   ข้าวของกระจายเต็มบ้าน หมายถึงเขาอยู่เล่นที่บ้านคนเดียว เขาเหงา
   หนังสือตกหล่นวางกองสุมๆ กัน ไม่เก็บเข้าที่ นั่นแปลว่าเขาหยิบหนังสือมาอ่านเล่น
   ตรงเข้าหอมเขาที่หน้าผากเบาๆ
   “ฝันดีจ๊ะลูก”

   
11 พค 53
   ฝนเทลงมาอย่างหนักตั้งแต่ตี 4 กว่า มาหยุดเอาตอน 0530 มีแววว่าวันนี้อากาศคงจะไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนเมื่อวาน นี่ถ้ากลางวันได้ฝนอีกสักชุดคงจะดีไม่น้อย ผมลุกขึ้นออกมาขี่จักรยานเล่นแถวบ้าน ไม่ได้ไปไกลนัก แค่สัก 15 นาที มันไม่ได้เหงื่ออะไรนักหรอกครับ แต่ยังดีกว่าไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเลย
   แผลที่ฝ่ามือขวาของผมยังไม่หายดี กำและแบมือก็จะเจ็บ วันนี้ต้องใช้พลาสเตอร์ปิดแผลช่วย ไม่งั้นยกของไม่ได้แน่
   ผมเล่นคีย์บอร์ดเพลง ไม่ยอมหมดหวัง ของ เจนนิเฟอร์ คิ้ม ก่อนไปทำงานยกของวันนี้ รู้สึกเติมพลังให้ใจได้อีกนึดหนึ่ง ช่วงนี้หัวใจของผมเปราะบางมาก ในขณะเดียวกันที่อีกด้านกลับยิ่งแกร่ง แปลกดี ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
   มีคนงานขับรถมาช่วยแล้ว ผ่อนแรงผมไปได้เยอะ แต่ยังไม่ได้สบายๆ เหมือนเมื่อก่อนหรอกนะ ยังคงต้องสอนงานเขา อีกนานกว่าจะลงตัว แต่ก็ถือว่ามีแนวโน้มที่น่าจะดีขึ้นล่ะน่า
   วันนี้กลับเร็วครับ ทุ่มกว่าๆ ก็ถึงบ้านแล้ว ลูกยังไม่ได้ขึ้นนอน เขาเห็นรถผมขับเข้าบ้านก็รีบวิ่งมาหา ลงรถปุ๊บก็โผเข้ามากอด บอกว่าคิดถึงพ่อ 
   ผมกอดเขาแนบแน่น คิดอะไรกังวลใจอยู่ก็พลันลืมไปเสียสิ้น
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 12, 2010, 09:03:50 pm
12 พค 53
   ฝนตกตอนเช้าอีกแล้ว เริ่มตกตอน 0500 ตกแค่ไม่นาน แต่ตกแรงเหมือนกัน ช่วงเช้าท้องฟ้ามืดครึ้ม ผมมองฟ้าแล้วรู้สึกสบายใจ นัยว่าวันนี้คงไม่โดนแดดเผา รอดตัวไปอีกวัน
   ผมลุ้นให้ฝนตกบ่อยๆ ครับ แต่ขอให้ตกแป๊บเดียว ให้พอชุ่มฉ่ำ ให้คลายร้อน และให้คนเดินถนนอย่างผมทำงานได้ แบบนี้เรียกว่า win – win คนเมืองทั่วไปอาจบ่นตอนฝนตกว่าเฉอะแฉะ เลอะเทอะ ของเราแค่ตัวเปื้อนครับ แต่ถ้าเป็นคนต่างจังหวัด โดยเฉพาะคนที่ทำอาชีพเกษตรกร ฝนคือชีวิตของเขาเลยนะ หากไม่มีฝน เขาก็ทำอาชีพเกษตรไม่ได้ นั่นแปลว่าคนเมืองอย่างเราก็จะต้องซื้อข้าว ผัก ผลไม้ จากต่างประเทศ แน่นอนครับ มันไม่ถูกอย่างที่เราซื้อกินกันเหมือนทุกวันนี้หรอก
   เดือนก่อนได้ข่าวเรื่องลำน้ำโขงแห้ง ยังมีคูคลองในชนบทอีกหลายแห่งที่แห้งเหือด ป่านนี้คงดีขึ้น ผมขอให้ชาวบ้านผ่านวิกฤติเรื่องน้ำนี้ไปได้ด้วยดี
   นิ้วและฝ่ามือของผมเริ่มด้านมากยิ่งขึ้น จำได้ว่าสองอาทิตย์ก่อนรู้สึกเจ็บฝ่ามืออย่างมาก สักสองวันก็หายเจ็บ ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นด้านเสียแล้ว ด้านเหมือนส้นเท้าเลยน่ะครับ
   วันนี้แผลที่ฝ่ามือเริ่มหายแล้ว เอาพลาสเตอร์ออกได้ ยกของเจ็บมือก็ทำหน้าให้ปกติเข้าไว้ ไม่มีใครมาสนใจอะไรเราหรอก เขาสนแค่ว่ายกของให้เสร็จเร็วๆ ส่งของไวๆ
   วันนี้งานเสร็จเร็ว ผมเลยให้คนงานใหม่ที่เพิ่งมาขับรถกลับบ้านก่อน เขาทำหน้างงที่ได้กลับก่อน 6 โมงเย็น
   “งานหมดแล้ว เอกกลับบ้านได้ กลับไปอยู่กับลูก ไปเล่นกับเขาเยอะๆ”
   เอกยิ้ม พยักหน้า หันหลังเดินกลับไป
   ส่วนผมยังต้องอยู่จนปิดร้าน ทำบัญชี นับเงิน ฯลฯ จะถึงบ้านก็ตอน 2 ทุ่มกว่า
   ลูกผมแอบดูจากหน้าต่าง พอเห็นรถผมขับเข้ามาก็รีบวิ่งมาโผกอด ดูแววตาเขาดีใจมาก คงจะเบื่อที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว
   รู้สึกว่าตัวเองทำหน้าที่พ่อได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 13, 2010, 08:33:04 pm
13 พค 53
   เมื่อคืนนั่งรอดูรายการของ The One ที่ถ่ายทำในงานขบวนจักรยานยาวที่สุดในโลก ไทยเราลบสถิติของไต้หวันได้ ของเขาสองพันกว่าคัน แต่ของเราทำได้มากถึง 3515 คัน
   ตอนแรกผมคิดว่า เป็นงานของพวกชาวจักรยานเสียอีก แต่ที่ไหนได้ กลายเป็นงานของรายการ The One เขา เขาทำเหมือนว่าให้พิธีกรของเขามาทำภาระกิจอันแสนจะยิ่งใหญ่ มีการโยนโจทย์มาให้คือการสร้างขบวนจักรยานยาวที่สุดโนโลก แต่มีภาระกิจแฝงอีกอย่างคือ หาคนที่มีรอบเอวเกินกว่า 50 นิ้วมาร่วมด้วย จะกี่คนผมจำไม่ได้แล้ว
   ตลอดการถ่ายทำ เขาเน้นแต่ตัวพิธีกร และตัวภาระกิจของเขา เขาถ่ายทุกขั้นตอนของความลำบากของเขา เหงื่อหยด ปาดเหงื่อนี้เป็นภาพสโลว์เชียว พอคนอ้วนมาลงชื่อเขาสองคน (พิธีกร) จะดีใจมาก ตีมือกันแบบ Hi Five ก็มี 
   จนถึงวันงานก็ยังคงเน้นหนักไปที่พิธีกรของเขา จนกระทั่งปั่นจบกลับมาที่จุดเริ่มต้นถึงจะมีภาพบรรยากาศนักจักรยานบ้าง แต่ก็แค่เพียงเล็กน้อยครับ ตัวเด่น ตัวเอกของรายการเขาคือพิธีกร และเรื่องภาระกิจที่เขาภูมิใจว่าทำสำเร็จแล้ว
   ไอ้ผมเองนี่สิครับ หลงเข้าใจผิดมาตลอด คิดว่าเป็นงานของชาวจักรยาน แล้วมีรายการ The One มาช่วยบันทึกเทป ฮ่าๆ กลายเป็นว่าไอ้เราน่ะ แค่มาร่วมงานของเขาแค่นั้น มาแล้วก็แล้วกันไป เขาทำภาระกิจของเขาสำเร็จแล้ว
   ไม่มีคำขอบคุณสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทยแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่กลุ่มนี่แหละครับ ที่เป็นแม่งานหลักในการประสานงานชาวจักรยานทั่วประเทศ ประสานงานในเวปไซค์ เชิญชวนชมรมจักรยานต่างๆ ทั่วประเทศให้มาร่วมงาน
   ไม่มีคำขอบคุณนักจักรยานกลุ่มใหญ่จากต่างจังหวัดที่เหมารถบรรทุกกันเข้ามาร่วมงาน
   งง โครตๆ เลย
   ดูจบก็ปิดทีวีนอนทันที แบบไม่ประทับใจเท่าไหร่
   ไม่ได้อยากได้คำขอบคุณนักหรอกนะ ผมขอแสดงความเป็นในฐานะที่ผมเคยทำรายการทีวี เคยทำงานด้านนี้มาก่อน
   งานที่ใช้คนเยอะขนาดนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือยกมือไหว้กราบขอบพระคุณผู้ร่วมงานทุกท่านที่สละเวลามาร่วมกันสร้างสถิติต่างหากครับ เราต้องเน้นให้เห็นถึงความยากลำบากในการมาร่วมงานของแต่ละท่านต่างหาก
   เช่นพี่ๆ จากสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทยเขาตื่นกันตอนตีสองครึ่ง มาถึงหน้างานกันตอนตีสาม พวกสตาฟใส่เสื้อเขียวมากันตอนตีสี่ ที่เหลือคือผู้ร่วมงานมากันตอนตีห้าครึ่ง ยังมีคนมาจากต่างจังหวัด แบกจักรยานมาด้วย ต้องเสียเงินค่าโรงแรมหนึ่งคืน พวกครอบครัวมากันแบบพ่อ แม่ ลูก อันนี้มีเยอะ ถ้ารายการมาถ่ายเจาะคนเด่นๆ จะทำให้ผู้ชมทางบ้านเห็นถึงความตั้งใจจริงของการมาร่วมงาน
   
   บ่นพอละ งานมันผ่านมาแล้ว และผมก็ไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงาน แต่เห็นแล้วมันอดใจไม่ไหวที่จะหงุดหงิดแทน
   อ้อ วันนี้ผมยังคงส่งของตลอดวันครับ ผิวมือใกล้เคียงผิวส้นเท้าเข้าไปทุกที
   เปิดทีวีตอนสองทุ่มเจอข่าวดี เสธ แดงโดนยิงกบาลขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ รายละเอียดโปรดติดตามทางข่าวทีวีครับ
   เลือดคนดีบริจาคกาชาด เลือดทรราชใช้เทราดดิน
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 14, 2010, 08:44:15 pm
14 พค 53
   เข้าเวปจักรยาน มีคนพูดคุยถึงเรื่องงานของ The One ที่ออกโทรทัศน์ ไม่น่าเชื่อว่าทุกคนล้วนคิดเห็นเช่นเดียวกับผม ก็เลยก๊อปข้อความของบันทึกวันที่ 13 ไปปะไว้ในเวปเพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นอีกหนึ่งเสียง
   ชาวศาสนาพุทธล้วนยอมรับเรื่องกฏแห่งกรรม ทำบุญมาเยอะ บุญเก่ามีมาก กรรมก็สนองช้าหน่อย แต่ถ้าเป็นคนบุญน้อย แถมทำเนรคุณต่อผืนแผ่นดิน ต่อพระมหากษัตริย์ แบบนี้กรรมถามหาเร็วครับ ไม่ต้องไปมองที่ไหนไกล มีตัวอย่างอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เช้านี้แล้ว
   ผมส่งของตลอดวันก็ได้ยินได้ฟังข่าวการฟาดฟันระหว่างฝ่ายรัฐบาล และสุนัขรับใช้ตระกูลชินวัตร ก็ได้แต่ลุ้นให้คนไหนที่ทำความดี เป็นคนดี ผมขอให้คนนั้นปลอดภัย แต่ถ้าใครชั่ว ขอให้กรรมถามหาท่านในเร็ววัน
   ส่วนหัวหน้าแก๊ง ผู้บงการ ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานทำให้ไทยแตกแยก รับรองครับว่าอีกไม่นานได้ยินข่าวดีแน่ๆ อีกไม่นานจริงๆ บุญเก่าหนาขนาดไหนก็เถอะ คิดร้ายกับแผ่นดิน กับพระมหากษัตริย์ มันคือความชั่วชนิดนรกยังไม่อยากรับ
   ถึงตอนนั้น ดวงวิญญาณก็คงต้องระเห็จเร่ร่อนไปเรื่อยๆ เหมือนกับตัวของมันอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

   ผมโชคดีอยู่ฝั่งธนฯ เมืองมันเล็กๆ เงียบๆ ไม่มีย่านธุรกิจหรูหรา ไม่มีโรงแรมใหญ่โต ไม่มีห้างระดับเทพฯ ก็เลยไม่มีใครมาปิดถนน ผมอยู่ย่านนี้ตั้งแต่เกิด ผมชอบฝั่งธนฯ มากกว่าฝั่งพระนครก็ด้วยเหตุนี้แหละครับ เมืองเล็กๆ เก่าๆ พัฒนาไปอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป เด่นตรงรถไม่ค่อยติด นี้คือสุดยอดปรารถนาของคนทำงานนอกบ้านเลยล่ะ
   วันนี้เข้าบ้านตอนเกือบสองทุ่ม ลูกวิ่งเข้ามาสวมกอด แต่ไม่กอดเปล่า ขอซื้อของเล่น Lego ชุดใหญ่ด้วย ผมบอกเรามีเงินไม่พอหรอกลูก เราต้องเก็บไว้ใช้เรียนหนังสือ ต้องเอาไว้ซื้อของใช้จำเป็น อธิบายไปต่างๆ นานา ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจที่ผมพูดจริงๆ หรือเปล่า
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 16, 2010, 08:42:37 am
15 พค 53   
   ช่วงนี้ฝนไม่ตกแล้วครับ ผมสิ ลุ้นให้ตกลงมาหนักๆ เลย บรรยากาศการต่อสู้กันของทั้งสองฝ่ายจะได้เบาบางลง อย่างน้อยฝนมันก็ทำให้เปียกแฉะเลอะเทอะ จะยิงจะฆ่ากันจะได้ลำบากหน่อย
   ไม่น่าเชื่อว่ากรุงเทพฯ เราจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ไทยฆ่าไทย สมกับคำที่ว่า ยามศึกเรารบ ยามสงบเรากัดกันเองจริงๆ ครับพี่น้อง
   ผมส่งของนอกบ้าน ได้ยินแต่ชาวบ้านพูดถึงเรื่องนี้กันมาก ได้ฟังเขาคุยกันทำนองว่า รัฐบาลมันปิดกั้นข้อมูล ทหารไทยแม่งเก่ง ยิงปืนขึ้นฟ้าแต่เจาะทะลุหัวคนได้ คือส่วนใหญ่เป็นข้อมูลมาจากฝ่ายทรราช ส่วนเรื่องอาวุธ เรื่องยิง M79 เขาไม่เคยเอ่ยถึง เขาบอกแค่ไม่ได้ทำ เออ แม่งเล่นง่ายดีว่ะ อะไรที่มันผิดนี่บอกปัดเชียว อะไรที่โดนล้ำเส้นหน่อยเดียว แม่งจะเป็นจะตาย
   ได้ดูทีวีตามบ้านลูกค้าแบบแว๊บๆ ยืนดูนานไม่ได้ครับ ต้องรีบส่งของต่อ ทำเช่นนี้ตลอดวัน ช่วงที่ได้ยืนดู มักจะเป็นจังหวะตอนลูกค้าจ่ายเงินนี่แหละ เขาเรียกนาทีทอง
   แต่ถ้าว่างก็จะเปิดวิทยุ จส100 ฟังครับ ผมชอบฟังข่าวช่องนี้ แต่ถ้าฟังเพลง ผมชอบ 105.5 MHz นี่ถ้าผมมีวิทยุสื่อสารก็คงจะเปิดฟัง แต่ผมไม่มีเครื่องแบบมือถือ ผมไม่ชอบถือของพะรุงพะรัง มักจะใช้แบบติดรถยนต์ คุยสะดวกดี สมัยหนุ่มๆ นี้ขับไปคุยไป เพลินดีมาก แป๊บเดียวถึงระยองแล้ว ยิ่งตอนขับรถเปิดประทุนนี่ผมใช้หูฟังของนักบินสวมครอบหัวขับรถเลย ป้อนกันเสียงลมได้ดีมากๆ แต่นั่นมันผ่านมานานามากแล้ว ฮือๆ ๆ ๆ คิดถึงรถเปิดประทุนจังเลย
   ส่งของจนมาถึงลูกค้าร้านสุดท้ายตอนสองทุ่ม เด็กยกของมือใหม่ทำสินค้าหล่นแตกเสียหาย กลับมาบ้านผมโดนเจ้าของร้านดุ ก็ได้แต่ทำหน้างงไปครับ ไม่ควรโต้ตอบอะไร เขาดุเพราะเราทำผิด เขาบอกว่าผมผิดที่ไม่ได้ดูแลลูกน้อง อืมม ก็เป็นเหตุเป็นผลดีครับ ยอมรับผิดไปตามสภาพ ก้มหน้ารับคำตำหนิก่อนปิดร้าน
   กลับมาบ้านเอาตอนสี่ทุ่มกว่า ก่อนนอนจัดเตรียมเสื้อผ้าชุดขี่จักรยานพร้อมกล้องถ่ายรูปเอาไว้ กะว่าพรุ่งนี้เช้าจะออกขี่จักรยาน และฝึกซ้อมถ่ายรูปตัวเองแบบ Self Portrait อยากให้ฝีมือดีกว่านี้อีกหน่อย ไม่ได้ฝึกนานละ
   นึกถึงสิ่งที่ต้องทำวันพรุ่งนี้ก็คือ อยากไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ จะใช้ของ LG BL40 ชอบที่ดีไซน์เรียบๆ แม้มันจะดูเหมาะกับผู้หญิงมากกว่าก็ตามที
   อีกที่ๆ อยากไปคือห้างซีคอนสแคว์ เขามีงานโชว์มอเตอร์ไซค์โบราณ ซึ่งผมชอบมากๆ ดูแล้วคิดถึงรถคันเก่งของผม หากมันสมบูรณ์ดี มันคงไปจอดโชว์ในงานได้อย่างไม่อายใครแน่ๆ รถของผมเป็น Harley Davidson 1945 Flat Head with Side Car ครับ ซื้อเก็บไว้ตั้งแต่ตอนอายุ 18 ทุกวันนี้จอดพังแช่เก็บไว้ในโรงรถ

อาบน้ำเข้านอนตอนห้าทุ่ม ล้มตัวลงนอนแบบแป๊บเดียวหลับโดยมีลูกนอนครอกฟี้ๆ อยู่ข้างๆ
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 17, 2010, 09:30:34 pm
16 พค 53
   เป็นอีกเช้าวันหนึ่งที่ตื่นแต่เช้าแล้วไม่มีแรงลุก เป็นอันว่าที่ตั้งเป้าจะออกไปขี่จักรยานที่ชายทะเลบางขุนเทียนเป็นอันต้องยกเลิกดังเช่นเดียวกับสองสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมา
   ตอนสายไปเซ็นทรัลพระราม 2 ไปหาซื้อโทรศัพท์ที่เล็งเอาไว้ เช็คราคาจากในเวปมาแล้วล่ะว่าร้านไหนขายถูกสุด ไม่น่าเชื่อว่าร้าน J Mart จะขายราคาเท่ากับศูนย์ แต่ถ้าเป็นร้าน TG Fone จะถูกกว่าถึง 3000 บาท เฮ้ย ไม่น่าเชื่อ แถมร้าน J Mart และ TG Fone ที่เซ็นทรัลพระราม 2 สองร้านนี้อยู่ตรงข้ามกันครับ
   เช็คของแถมพวก Memory Card แล้วก็ให้มาเท่ากัน เลยใช้บริการร้าน TG Fone เย้ๆ ได้โทรศัพท์มาใช้แล้วโว๊ยย มันไม่ใช่แค่โทรศัพท์หรอกนะ ผมเลือกเผื่อเอาไว้ถ่ายรูปในทริปจักรยานด้วยน่ะ คือมีลูกเล่นด้านกล้องบ้างพอขำขำ
   ท้องหิวนะ แต่มองอะไรรอบตัวก็ไม่อยากกิน รู้สึกอยากกินกับลูกกับภรรยามากกว่า เลยรีบกลับบ้านมาชาร์จโทรศัพท์ด้วยอาการโครตจะเห่อ เอา CD มาลงโปรแกรม เอา MP3 มาโหลดใส่ ปรับตั้งวันที่ ตั้งปลุก ตั้งเวลา ตั้งเสียง ฯลฯ แม่ง เห่อจริงๆ ด้วย
   ตลอดบ่ายถึงเย็นนั่งอ่านแต่คู่มือโทรศัพท์ อ่านไปกดเล่นไป มันดีเหมือนกัน ยิ่งกดเล่นก็ยิ่งยาก มันมีลูกเล่นจนผมไม่ค่อยจะเข้าใจ ดูน่าสนุก แต่ทำไม่เป็นครับ ฟังชั่นบ้าบออะไรก็ไม่รู้ เช่น ตัดต่อวีดีโอ แต่ที่ชอบมากคือมีมีการถ่ายภาพแบบ Panorama
   บ้านเมืองยังคงวุ่นวาย เด็กนักเรียนเปิดเทอมไม่ได้ แถมจันทร์ อังคาร นี้ รัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุด นี่ถ้ารู้ล่วงหน้า ผมอาจแว๊บไปอยู่บ้านที่ระยอง ไม่ก็สระบุรี
   แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง พรุ่งนี้ก็ยังคงต้องเป็นพนักงานส่งของติดท้ายรถกระบะเหมือนเช่นทุกๆ วัน

17 พค 53
   ฝนตกแต่เช้าอีกแล้ว เย้ๆ แปลว่าวันนี้ผมไม่ต้องโดนแดดเผาเหมือนวันก่อนๆ อย่างน้อยก็ช่วงเช้าล่ะน่า
   ฝ่ายกบฏยังคงก่อกวนบ้านเมืองไม่เลิก ผมไปส่งของที่ไหนก็ได้ยินแต่ผู้คนพูดคุยเรื่องนี้ บ้างเชียร์เสื้อแดง บ้างเชียร์ฝ่ายรัฐบาล
   “เฮ้ย แล้วเอ็งล่ะ อยู่ฝ่ายไหน” ลูกค้าเอ่ยปากถามผม
   ตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องเกรงใจใคร ผมอยู่ฝ่ายปกป้องสถาบั้นครับ
   ตลอดวันนี้ฝ่ายกบฏทรราชตระเวณซื้อยางรถยนต์เก่าเป็นจำนวนมาก เขาเอาไปเผาเมืองน่ะครับ การก่อจลาจลแบบนี้ส่งผลกระจายไปในวงกว้างครับ ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องสถานที่นะ ผมกำลังพูดถึงภาระกิจแอบแฝง ผมอาจเป็นคนคิดมากไปหน่อย แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นไปได้ เช่นการปล้น ขโมยทรัพย์สิน การฆ่าชิงทรัพย์ การฆ่าล้างหนี้ การขนส่งยาเสพติด ฯลฯ
   สงสารก็ชาวบ้านชุมชนบ่อนไก่ ที่เขาอยู่ในวงล้อม เขาโดนตัดน้ำ ตัดไฟมาถึง 3 วันแล้ว นั่นหมายถึงเขาไม่ได้รับข่าวสารใดๆ เลย อันนี้สิน่าเป็นห่วง จังหวะนี้ขอแค่วิทยุ AM เชยๆ กับถ่านไฟฉายก้อนใหญ่ๆ น่าจะดี
   ผมกลับเข้าบ้านก็ได้แต่ไหว้พระสวดมนต์ให้ครับ เพราะขณะนี้เรามิได้ต่อสู้กับแค่ฝ่ายกบฏเสื้อแดง ยังมีฝ่ายก่อการร้ายเพิ่มมาอีกด้วย
   ลางสังหรณ์ผมคิดเอาเองว่า ฝ่ายก่อการร้ายนี่แหละ เขามีเจ้านายคนเดียวกันกับฝ่ายเสื้อแดง และการลอบยิงเสธ แดง ก็เป็นการฆ่าปิดปาก ส่วนผลพลอยได้ก็คือไม่ต้องจ่ายเงินค่าแรงอีกด้วย นี่คือวิธีการของมาเฟียสมัยโบราณครับ
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 18, 2010, 08:17:50 pm
18 พค 53
   ตื่นเช้ามาได้ขี่จักรยานแค่วันละ 15 นาที ปั่นไปไหนไม่ได้ไกลนัก ต้องรีบกลับบ้านมาอาบน้ำ รีบออกไปทำงาน
   วันนี้ได้แผลเล็กน้อย โดนหัวตะปูครูดด้านหลังฝ่ามือ ไม่ลึกมาก พอมีเลือดออกแบบขำขำ
   ไปส่งของที่ปากคลองตลาด จอดรถเทียบขนานกับรถส่งน้ำแข็ง คนงานอย่างเราก็คุยกันแบบสบายๆ ครับ
   “ได้วันละเท่าไหร่” เด็กท้ายรถส่งน้ำแข็งถามผม
   “ผมได้วันละ 200 ส่วนลูกพี่คนขับได้ 250” ผมพูดพร้อมกับชี้ไปยังคนขับที่กำลังส่งของมาให้ผมจัดเรียง
   “แล้วพี่ล่ะ” ผมย้อนถาม
   “ได้ 250” เขาตอบพร้อมส่งยิ้ม
   “เข้างานกี่โมงหรือ”
   “ตี 4”
   “เลิกงานล่ะ”
   “5 โมงเย็น”
   “ของพี่ล่ะ เลิกกี่โมง”
   “บางวันก็เร็ว บางวันก็ช้า แต่ถ้าเลิกดึกจะได้โอ” (ค่าล่วงเวลา ย่อมาจาก Over Time)
   ชักภูมิใจที่ตัวเองทำกลมกลืนเข้ากับคนงานได้
   
   วิเคราะห์การเมืองกันต่อแบบไม่ต้องอ้างอิงข้อมูลจากไหน ผมคิดเอง เออเอง ผิดก็ไม่เสียฟอร์ม ถูกก็ถือว่าเดาถูก
   พวกก่อการร้ายที่แฝงตัวมาเป็นทหารชาวเขมร จำได้ไหมว่าฮุนเซนเคยบอกว่าแต่งตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษา แต่ที่จริงน่ะมันกลับกัน ฮุนเซนต่างหากที่เป็นที่ปรึกษาของทักษิณ ไม่รู้ว่าอยากเจริญรอยตามแบบผู้นำของเขาหรืออย่างไร
   ทักษิณจ้างสามมารมาป่วนเมือง แต่อีกด้านก็จ้างนักฆ่าข้างบ้านมาช่วยเสริมแรง ภาระกิจคนละอย่างครับ คนหนึ่งก็มีโจทย์หนึ่ง ส่วนอีกพวกมีไว้ฆ่าอย่างเดียว
   พลอตเรื่องคล้ายกับเรื่องสั้นตอนหนึ่งที่ผมเคยเขียนไว้สมัยหนุ่มๆ แต่ของผมเป็นการปล้นรถขนทองกลางถนน ผู้บงการหลบตัวอยู่แค่ในอพาร์ทเมนท์เล็กๆ แถมตอนท้ายทำงานได้สำเร็จอีกด้วย ไม่อยากให้จบเหมือนเรื่องสั้นของผม เพราะผู้ร้ายมันชนะ
   ฆ่าเสธ แดง เสร็จแล้ว ต่อไปก็ถึงคิวสามมารครับ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ให้คิดแบบนี้ มันมาจากความรู้สึกล้วนๆ อ้อ แถมอริสมันต์พ่วงอีกคน
   กรรมจะสนองผู้บงการให้ตายแบบไม่คาดฝัน ตายแบบง่ายๆ เช่นกินอาหารแล้วสำลักตาย อะไรทำนองนี้
   
   วันนี้เลิกงานเร็ว กลับบ้านแค่สองทุ่ม เข้าบ้านปุ๊บลูกก็ยกมือสวัสดี
   “วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่าครับลูก” พูดพร้อมกับก้มลงจูบหน้าผากเขา
   “เป็นเด็กดีครับ” เขาตอบผม แต่สายหาหันไปดูทีวีไม่กระพริบ
   โถ กำลังดูสารคดีเกี่ยวกับเครื่องบินอยู่นี่เอง
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 19, 2010, 08:02:59 pm
19 พค 53
   เมื่อคืนอ่านเรื่องราวของเด็กรุ่นน้องคนหนึ่ง เขาเขียนเล่าคล้ายกับที่ผมทำ Bike Diary นี่แหละ เขาชื่อ nanlany (ชื่อในเวป) ก็เล่าเรื่องต่างๆ นานา แรกๆ ผมอ่านผ่านๆ แต่เมื่อคืนเธอเล่าเรื่องรถล้มรุนแรง ผมเลยตามไปอ่านอีกครั้ง ตอนใกล้จบมีลงภาพ ผมถึงกับร้องอ๋อ ผมกับน้องคนนี้เจอกันมาเป็นปีแล้วครับ ขี่ด้วยกันก็หลายทริป เจอกันบ่อย ตอนไปทริปอัมพวาเรายังนั่งกินข้าวต้มหมูตอนเช้าด้วยกันเลย อันนี้จำได้แม่น เพราะผมเป็นคนตื่นเช้า ชอบมานั่งเล่นริมน้ำ
   ก็ได้เจ้าน้องแนนนี่แหละ มานั่งเป็นเพื่อนคุย จำได้แม่นมาก เธอสวมชุดชอบ TCC อีกด้วย (ชื่อเดิม)
   แต่ไม่รู้เขาจะจำผมได้หรือเปล่านะ มันไม่สำคัญอะไรหรอก ผมมันคนโนเนม แถมชอบสันโดษ ไปไหนมาไหน หรือจะขี่จักรยานก็มักฉายเดี่ยวตลอด

   วันนี้หัวหน้าแกนนำผู้ชุมนมเสื้อแดงมอบตัว และสลายการชุมนุม เป็นการจบแผนแรก แต่เป็นการเริ่มแผนสองของจอมทรราช คือให้กองโจรเผาบ้านเมือง มีการเผากันหลายจุดครับ ทีวีช่อง 3 ก็โดน เซ็นทรัลเวิร์ดได้ข่าวว่าโดนหนักด้วย ธนาคารกรุงเทพฯที่อยู่ในย่านผู้ชุมนุมก็โดน ส่วน 7-11 นี่โดนเยอะเลย ที่หนักๆ ก็ย่านพระราม 4 ดินแดง สาหัสก็คือย่านบ่อนไก่ อ้อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ยังโดนไปด้วยเลย
   ผมขับรถส่งของที่ฝั่งธนฯ พอข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาก็มองไปฝั่งพระนคร เห็นควันดำพวยพุ่งขึ้นอยู่ตลอดวัน น่าอนาถใจจริงๆ ครับ ทำไมหนอถึงแค่เขาให้เงินแค่นั้นเองหรือ พวกมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่มาจากเด็กซิ่งในสลัมครับ
   ช่วงเย็นได้ข่าวรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกจากบ้านระหว่างสองทุ่มถึงหกโมงเช้า พอตกเย็นเมืองก็เริ่มเงียบ แต่ชานเมืองนี่สิรถติดหนัก เพราะผู้คนแห่กรูกันรีบเข้าบ้าน
   ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ วันนี้กลับเร็วแค่ทุ่มกว่าเท่านั้นเอง ตลอดทางผ่านปั๊มน้ำมั้นเห็นว่าพากันปิดให้บริการกันหมด  พอถึงบ้านปุ๊บลูกก็วิ่งมากอด สักพักผมเข้าห้องพระคุกเข่าไหว้ภาวนาขอให้บ้านเมืองสงบโดยเร็ว ขอให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายน้อยลง ผมไหว้พระแต่ละครั้งแทบไม่เคยจะขออะไรให้ตัวเองเลย มีแต่ไหว้ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตผมดีขึ้นในทุกๆ วัน
   สถานการณ์บ้านเมืองยังย่ำแย่ แต่ผมกลับคิดถึงแคมเปญจ์โฆษณาประเทศไทยหลังวิกฤตสงบ มันต้องมีการเปิดตัวประเทศไทยแบบโฉมใหม่ ไม่ใช่แบบ Minor Change จะให้แรง จะให้ดัง ต้องเป็นแบบ Model Change นั่นคือภาครัฐต้องเป็นแกนนำในการโปรโมทประเทศ ทำเหมือนกับตอนโฆษณา Amazing Thailand เมื่อหลายปีก่อนนั่นแหละ บอกตรงๆ ครับว่าโครตจะแรงเลย เพราะยังไม่มีประเทศใดในเอเชียที่ทำการโปรโมทประเทศ ต่อให้ทั่วโลกก็มีไม่มีประเทศที่ทำ แต่อย่างที่เคยเล่าครับ ไทยเราอ่อนเรื่องการต่อยอด มีการเปลี่ยนผู้ว่า ททท บ่อยเกินไป การสานต่อนโยบายเลยไม่ชัดเจน แต่ละคนที่เข้ามาต่างมีแนวทางที่แตกต่างกัน

   อ้อ คืนนี้รายการ The One เขาบอกจะมีเทปเบื้องหลังความสำเร็จของงานทำลายสถิติโลก แหวะ นี่ถ้าไม่โดนชาวอินเทอร์เนทเขาด่ากันดังลั่น รับรองไม่ได้เห็นเทปนี้หรอกครับ เขาตัดต่อและเอามาแทรกเพื่อเป็นการเอาใจเราเท่านั้นเองแหละ ผมไม่ได้โกรธแค้นเคืองอะไรเขาหรอกนะ แค่ไม่ชอบในการกระทำแนวนี้เท่านั้นเอง
   รายการมาตั้งห้าทุ่มแน่ะ กลัวจะง่วงเสียก่อนน่ะสิ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรนักหรอกนะ แก้วมันร้าวไปแล้วน่ะครับ
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 20, 2010, 09:29:21 pm
20 พค 53
   เมื่อคืนทนถ่างตาดูรายการ The One ทั้งๆ ที่ง่วงแสนง่วง ก็ยอมรับว่าทำได้ดีกว่าที่ผมคิดไว้ แต่บอกตรงๆ ว่าพอเห็นพวกพิธีกรของเขาทีไร ดูมันฝืดๆ ขืนๆ ยังไงก็ไม่รู้
   กลางคืนก็ออนไลน์อ่านเวปเล่นแก้ง่วง เห็นภาพ Central World โดนเผาแล้วสะเทือนใจมาก เห็นทหารโดนฆ่าก็หดหู่ เห็นคนโดนยิงก็แสนเศร้า เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งอยู่ที่สิงคโปร์ยังบ่นว่ารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เขาดูข่าวจาก NewsAsia มีแต่ภาพคนตายเต็มเมือง
   ตื่นเช้ามาผมเข้าห้องพระไหว้อฐิฐานก่อนทำสิ่งใด แต่แล้วก็ยิ่งสลดอีก เมื่อวานได้ข่าวทีวีช่อง 3 โดนเผา แต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงขนาดนี้ อ่านหนังสือพิมพ์แบบเศร้าใจอย่างมาก ขับรถมาทำงานฟังเพลงเศร้าๆ ก็ยิ่งเศร้ากันเข้าไปใหญ่ รู้สึกนึกสงสารในหลวงขึ้นมาอย่างจับใจ ขนาดเรายังเศร้าขนาดนี้ แล้วจิตใจของพระองค์ล่ะ
   ตอนบ่ายรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวเพิ่มอีก 3 วัน ช่วงเย็นรถติดกันใหญ่ แต่ละคนพากันรีบกลับเข้าบ้าน เมื่อวานประกาศเคอร์ฟิววันแรกปั๊มน้ำมันหลายแห่งปิด เหมือนตอนมีสงครามเป๊ะ
   ตอนเช้าผมเอาคำแนะนำปฏิบัติขณะประกาศเคอร์ฟิวไปโพสในเวป racing-club อย่าคิดว่าไกลตัวนะครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ รัฐบาลไม่ได้ต่อสู้กับคนแล้วครับ กำลังต่อสู้กับสัตว์
   วูบหนึงด้านมืดในใจ ผมอยากให้มีการเผาบ้านของมันเอาคืนบ้าง แม้เจ้าตัวและครอบครัวจะหนีไปกันหมดแล้ว แต่ก็ดีกว่านั่งดูให้มันเผาฝ่ายเดียว
   วันนี้กลับบ้านเร็วมาก ถึงบ้านตั้งแต่ยังไม่หนึ่งทุ่ม เพราะรัฐเขาประกาศเคอร์ฟิวอีก 3 วัน
   พวกธุรกิจกลางคืนนี่คงจะหงอยกันนานเลย
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 23, 2010, 01:04:35 pm
21 พค 53
   รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว แต่ชาวบ้านเสื้อแดงแถวร้านผมยังไม่กลัว บ้านเขาทำธุรกิจร้านอินเทอร์เนท ร้านเกม ไม่ยอมปิดตามเวลาที่กำหนด ปล่อยให้เด็กๆ เข้ามาเล่นเกมจนเต็มร้าน พอตกดึกก็เจอทหารลาดตระเวณมาพบเข้า โดดกรูกันลงมาจากรถพร้อมปือน M16 ลูกค้าในร้านตกใจกันหมด แต่ที่ตกใจกว่าคือเจ้าของร้าน ทหารให้ทุกคนออกมายืนเรียงแถวกันหน้าร้านพร้อมแสดงบัตรประชาชน จากนั้นก็ตักเตือนแล้วให้รีบกลับเข้าบ้าน
   ไอ้พวกแดงไม่เลิกยังมีอีกเยอะครับ ไม่รู้จำทำอย่างไร ก็ได้แต่รอให้กรรมตามสนอง ผมมันจะพูดแบบนี้เสมอ เพราะในทางพุทธเรายึดถือการทำคุณงามความดีเป็นหลัก และไม่มีศาสนาใดสอนให้คนมาเข่นฆ่ากัน พุทธแปลว่าผู้รู้ พุทธศาสนาแปลว่าศาสนาของผู้รู้ ศาสนาคือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ จะคิดจะทำอะไรก็ไตร่ตรองกันให้ดี ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
   วันนี้แดดแรงจัดมากๆ แรงกว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนเสียอีก ผมตากแดดส่งของทุกวันก็ยังไม่ค่อยจะชินเท่าไหร่เลย ที่ทนอยู่ได้ก็เพราะคิดบวกอยู่เสมอ
   ตกเย็นเห็นฝรั่งจูงจักรยานเดินมาแถวหน้าร้านผม เลยเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ เขาว่าอยากหาข้าวกิน โออ เข้าทางเลย แถวร้านผมนี้เป็นชุมชนเก่าแก่ มีร้านอาหารแบบดั้งเดิมอยู่มากมาย
   “โน่นคือร้านก๋วยเตี๋ยวปู ร้านนี้เก่าแก่มาก ขายตั้งแต่ผมยังไม่เกิด รสชาติเยี่ยม ราคาถูก ชามละแค่ 30 บาท”
   “ผมอยากกินประเภทข้าว”
   “ถัดออกไปอีกนิดจะเป็นร้านข้าวหมูแดง เก่าแก่พอๆ กับก๋วยเตี๋ยวปู ราคาก็พอๆ กัน”
   แล้วเราก็คุยกันสารพัดเรื่องราว ยืนคุยกันอยู่นานเลยล่ะ นานเกินกว่า 30 นาที ผมขอตัวไปทำงานต่อ เกรงว่าเขาจะหิว ปล่อยให้เขาเลือกอาหารในย่านนั้นกินเองอย่างอิสระ
   อีก 10 นาทีต่อมา ผมเดินตามหา ดูว่าเขาจะสั่งอะไรกิน จะสั่งรู้เรื่องหรือเปล่าก็ไม่รู้ หันไปอีกทีพบเขานั่งอยู่ในร้านขายอาหารญี่ปุ่นเสียแล้ว ไม่อยากจะบอกว่าร้านนี้รสชาติธรรมดาเอามากๆ แต่นั่งแล้วนี่หว่า แถมสั่งเบียร์มากินอย่างสบายใจอีกด้วย ก็เลยช่วยแนะนำอาหารในร้านให้เขา โชคดีร้านนี้มีรูปภาพ เลยใช้ชี้ๆ จิ้มๆ เอา ได้ข้าวหน้าไก่ทอดมากิน
   “มีถั่วงอกด้วยไหม ผมขอถั่วงอกเยอะๆ”
   ผมก็งงเหมือนกัน คิดว่าเมนูนี้ไม่น่าจะมีถั่วงอกแน่ๆ แต่ก็สอบถามเจ้าของร้านเขาให้ เผื่อเขาจะเตรียมไว้สำหรับเมนูอืน
   “ไม่มีเลยค่ะ”
   เป็นอันว่าได้แค่ผักสลัดข้างๆ จานกินแกล้มไปแทน ผมปล่อยให้เขานั่งกินคนเดียวสัก 15 นาที ปลีกตัวเดินเข้าไปทำงานต่อ ผมเดินไปจ่ายเงินค่าอาหารให้เขา และเดินไปบอกว่าผมจ่ายค่าอาหารเรียบร้อยแล้วนะ เขาทำหน้าตกใจ บอก ไม่ต้องๆ ผมบอกไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนกัน พร้อมกับส่งยิ้มปากกว้าง
สักพักก็เดินมาคุยด้วยใหม่ มาเห็นอีกทีข้าวหมดเกลี้ยงจาน แปลว่าถ้าไม่เสียดายเงินก็หิวจัด มีแค่สองอย่าง ถ้าใครบอกอร่อย คือโกหก
   “อร่อยไหมครับ” ผมถาม
   “อร่อยครับ” ตอบภาษาไทยแบบสำเนียงฝรั่ง
   หึหึ โกหกหรือเปล่าวะนี่ แอบคิดในใจ เขาคงเป็นพวกกินง่าย และขี้เกรงใจมั้ง แหม ใครจะกล้าบอกว่าไม่อร่อย
   เขาถามถึงร้านจักรยานในย่านนี้ ผมมองรอบๆ ตัวเห็นแค่เพียงร้านแสงเพชรร้านเดียว เลยชี้ให้เขาดูในแผนที่ ตำหน่งของร้านห่างจากที่พักของเขาราว 40 นาที (ขี่จักรยาน) เขาต้องการซื้อกระติกน้ำ และขากระติก เพราะรถของเขามาแบบโล้นๆ เลย ขี่มาได้ไงก็ไม่รู้ ไม่ได้พกน้ำสักหยด
   ผมไม่แน่ใจว่าคนในร้านเขาจะพูดภาษาอังกฤษได้หรือไม่ แต่เขาบอกไม่ใช่ปัญหา เขาใช้ชี้เอา ฮ่าๆ
   “อย่าลืมต่อราคาด้วยล่ะ”
   “ลดหน่อยได้ไหมครับ” เขาพูดภาษาไทยออกมา
   ผมหัวเราะ บอกว่า ใช่เลย ๆ ต้องพูดแบบนี้ จะลดราคาได้อีกนิดหน่อย
   ท้องฟ้าเริ่มมืด ผมบอกให้เขารีบกลับบ้านเพราะมีกฏหมายเคอร์ฟิว ก่อนกลับผมให้เบอร์โทรของตัวเองแก่เขา เผื่อเขาต้องการความช่วยเหลือ และแนะนำเวปของ TCHA ให้ เผื่อจะได้เจอกันในทริปของสมาคม จากกันด้วยการถามชื่อ
   “ผมชื่อ Berry ครับ”
   “ผมชื่อ O’Pern ครับ”
   เราพูดพร้อมกันว่า “Nice to meet you”

22 พค 53
   เช้านี้ผมเอารถยนต์ไปซ่อมแอร์ พอส่งรถเสร็จก็หยิบเอาจักรยานคันเล็ก JZ88 (ย้ำอีกคครั้งว่ามันไม่ใช่รถ JZ88 ของจริงหรอกนะ มันคือ Neo Bike ล้อ 14 นิ้วที่ใช้เฟรมเดียวกับ JZ88 ต่างหาก) นำออกมากางขี่ เด็กรับรถทำหน้างง อ้าปากหวอ
   “ขี่ได้เลยหรอพี่”
   ผมหันส่งยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร และขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว
   ตลอดวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อปนเหงา ว่างๆ ก็หยิบโทรศัพท์มากดฟังเพลงเล่น ยังใช้ไม่ค่อยคุ้นมือเท่าไหร่เลย ตอนซื้อน่ะชอบแค่รูปทรงและฟังชั่นพื้นฐาน แต่พอได้มาใช้อย่างจริงจัง ผมกลับชอบฟังชั่นของกล้องถ่ายรูปที่มาพร้อมเอฟเฟคต่างๆ และฟังชั่นการตัดต่อหนัง อันนี้สนุกมากๆ ครับ หามานานแล้วระบบตัดต่อหนังในมือถือ ไม่คิดว่าจะมี และมาเจอในเครื่องนี้
   มั่วๆ อยู่ 30 นาที ได้หนังสั้นๆ มาหนึ่งตอน พอดูได้แบบขำขำ นี่ถ้าตั้งใจกว่านี้ มีเวลาเยอะๆ กว่านี้ผมว่าสนุก
   ในที่สุดผมก็ได้โทรศัพท์สำหรับออกทริปจักรยานแล้ว เย้ๆ แต่ยังคงต้องเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพแบบ Self Portrait กันใหม่หมด เพราะโทรศัพท์มือถือมันเล็กๆ แบนๆ แถมตั้งยาก พอว่างก็เลยคิดออกแบบขาตั้งสำหรับวางโทรศัพท์เล่นๆ ไปด้วย จากเดิมพกแต่กล้องถ่ายรูป แถมบางทริปพกฟรี แบกฟรี เอาไปก็ไม่ได้ถ่ายอะไรเลย มันเหนื่อยจนขี้เกียจหยิบ ขี้เกียจเก็บ จนเป็นที่มาของการหากล้องในมือถือนี่แหละ
   กลับมาบ้านตอนหัวค่ำดูทีวี ศอฉ แถลงข่าวการค้นพบอาวุธสงครามภายหลังจากการเคลียร์พื้นที่ พบอาวุธสงครามมากมายที่ไม่เคยมีใช้ในกองทัพไทย เป๊ะเลย ตรงกับที่ผมคาดเดาเอาเองอย่างมั่วๆ อีกแล้ว นี่ผมเดาเรื่องราวต่างๆ หลายเรื่องได้ถูกต้อง ชักเริ่มมั่นใจในการเดามากขึ้นไปอีกระดับ และถ้าผมสามารถเดาได้ถูกจริงต่อไปอีก ในไม่ช้าเราก็จะค่อยๆ เห็นกรรมตามสนองคนเลวเรื่อยๆ ทีละคนๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป
   ก่อนนอนสูบลมยางจักรยานเต็มที่ พรุ่งนี้ล่ะมึง ออกปั่นแน่ๆ เสาร์นี้ไม่ได้เหนื่อยอะไรนักหนา แถมเข้านอนเร็วอีกด้วย
   ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตี 5 กันเหนียว ปกติก็ตื่นเช้าอยู่แล้วล่ะ กะว่าจะไปบางขุนเทียนชายทะเลสักหน่อย ไม่ได้ไปมานานมากแล้ว เผื่อเจอนักปั่นหลายคนจะได้เกิดกำลังใจขึ้นมาบ้าง
   ออกตระเวณหาไฟใส่ตัวครับ
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 23, 2010, 04:19:26 pm
23 พค 53
   นาฬิกาปลุกในมือถือทำงานได้ดีครับ ถือว่าเป็นการทดสอบใช้งานฟังชั่นการปลุก ทีแรกไม่มั่นใจว่าหากผมปิดเครื่องแล้วมันจะปลุกหรือไม่ ก็ลองกันดูครับ ไม่ลองก็ไม่รู้ พอตี 5 มันปลุกปั๊บ ผมลุกปุ๊บ รีบออกมาดูถนนหน้าบ้านก่อนเลย เพราะเมื่อกลางดึกฝนตกหนักมาก แล้วก็เกิดเรื่องเซ็งอีก คือฝนยังปรอยๆ ไม่หาย แถมถนนก็เฉอะแฉะ ใจหนึ่งคิดจะเอารถ KHS F20-W ออกปั่น เพราะมันมีบังโคลน แต่ผมว่ารถคันนี้มันช่วงยาวเกินสรีระของผมไปหน่อย สเปคเดิมๆ ของมันน่าจะเหมาะกับคนสูงสัก 170 ของผมขาดไปแค่ 5 ซม คงต้องพึ่ง Stem สั้น ไม่ก็ใช้แฮนด์แบบผีเสื้อที่มันสามารถร่นระยะเอื้อมเข้ามาได้อีกเยอะ แถมยังมีจุดให้จับสบายมืออีกหลายตำแหน่ง แลกกับความเทอะทะและหนัก ถ้าทำใจได้ก็จะเป็นแฮนด์ที่ใช้งานได้ดีมากอันหนึ่ง
   ใช้แฮนด์ผีเสื้อแล้วติดใจครับ รถคัน KHS HT ก็ใช้ เป็นของ Zoom แต่ผมเคยเห็นอีกยี่ห้อหนึ่งรูปทรงเดียวกับของ Zoom เลย แต่แคบกว่าราว 5 ซม มันน่าจะกระทัดรัดและคล่องตัวกว่า เลยคิดจะเอามาใช้กับคัน F20-W เสียดายที่ไม่รู้ว่ามันยี่ห้ออะไร เลยตามหาไม่ถูก
   กลายเป็นอันว่าไม่ได้ออกปั่นอีกแล้ว เลยมานั่งพิมพ์บันทึกชีวิต เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่พานพบ สาระน้อยบ้าง หนักบ้าง แล้วแต่ที่ในหัวขณะนั้นจะนึกออก
อีกเรื่องที่ผมคิดได้พร้อมกับแคมเปญเปิดประเทศไทยหลังผ่านวิกฤต นั่นคือชาวจักรยานเราน่าจะมีกิจกรรมใหญ่ๆ สำหรับช่วยผลักดันประเทศอีกแรง ผมยังนึกไม่ออกว่าจะเป็นกิจกรรมแบบไหนดี แต่แค่ออกปั่น แค่จัดทริป มันยังน้อยเกินไป มันไม่แรง จะให้แรงก็ต้องรวมกันได้เยอะๆ เป็นพันๆ คัน อย่างงานหลายปีก่อนที่ผู้ว่าฯ อภิรักษ์จักนั่นแหละ เยอะมากๆ มากันกว่า 4000 คัน มีทั้งจักรยานแบบซาเล้ง ไปจนถึงมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ฮามากๆ ครับ เด็กตัวเล็กก็มาปั่นเคียงข้างผู้ใหญ่ ขี่ได้สบาย เพราะปิดถนนขี่ ระยะก็ไม่โหด แค่จากลานพระรูปทรงม้า ไปราชดำเนิน วนสนามหลวง 1 รอบ แล้วก็กลับมาที่เดิม ได้ขี่บนถนนประวัติศาสตร์ ร่วมขบวนจักรยานเป็นพันๆ คัน ให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ
   อยากให้งานออกมาแบบนั่นอีกครับ คือไม่ใช่แค่งานของชาวจักรยาน แต่อยากให้คนที่ใช้รถพลังงานสะอาดออกมาขี่กัน ใจอยากให้ผ่านเส้นทางทีเคยวิกฤตในเมืองด้วย แต่ไม่รู้ว่าทาง กทม จะปิดถนนให้ได้หรือไม่ เพราะราชดำริมันอยู่ใจกลางเมือง
   ต้องให้คนทั่วไปเห็นแล้วอยากออกมาขี่ร่าวขบวนครับ ไม่ใช่จัดเอาใจชาวจักรยาน นี้คือหัวใจของงาน
   0600 ฝนยังเปาะแปะไม่หาย ผมพิมพ์งานไปก็นั่งมองท้องฟ้าไป เป็นคนชอบขี่ตอนเช้าครับ เลยเฝ้ามองหาโอกาสเหมาะ ถ้าสายหรือแดดแรงกระทั่งกลางคืนก็ไม่ชอบเท่าไหร่ ผมว่าขี่ตอนเช้านี่แหละสดชื่นสุดๆ
   Solo Trip ครั้งหนึ่งของผมขี่ริมทะเลเลาะชายหาดตอน 0600 ไปจนถึง 0900 ขี่ตั้งแต่ฟ้าเพิ่งจะเริ่มสว่าง ใจอยากขี่เช้ากว่านี้ แต่เราไม่คุ้นเส้นทาง ไม่รู้ว่าขอบทางอันตรายเพียงใด เลยยั้งใจไว้ รอให้ฟ้าเปิดสักนิดค่อยออกจะดีกว่า
   ขี่ผ่านตลาดก็แวะหาของกินแบบกินง่ายเก็บง่าย ซึ่งมักจะเป็นข้าวเหนียวหมูย่าง ข้าวเหนียวเนื้อเค็ม ส่วนน้ำก็ขอเป็นน้ำเต้าหู้ มื้อเช้าง่ายๆ พอได้ประโยชน์บ้าง จะขาดก็คือพวกผัก ส่วนผลไม้นี่ผมใช้แวะกินตอนจอดพักเหนื่อย ได้ทั้งเกลือแร่ ได้ทั้งไฟเบอร์
   ดังนั้น อาหารกลางวันของทริปจักรยานผมจึงเน้นผักเยอะๆ ถ้าเลือกได้ก็ขอส้มตำครับ มีผักสดให้เคี้ยวแกล้ม แถมกินเต็มที่มื้อละไม่เกิน 100 บาท ราคานี้เล่นเอาฝรั่งถึงกับอึ้งมาหลายคนแล้ว
   ผ่านตลาดก็ซื้อของกินเก็บใส่กระเป๋าไว้ จะให้ดีต้องมีกล่องพลาสติครอง จะกินง่ายมากๆ พอถึงจุดไหนทำเลสวยๆ ก็จอดรถกินมันซะเลย หาดบางช่วงน้ำกำลังขึ้นก็กินไปเอาเท้าแช่น้ำไปด้วย โหห นี่แหละครับ สุขสุดๆ แล้ว อาหารแค่ 20 บาท แต่ให้ความสุขมากกว่ากินมื้อละเป็นพันบาท เรื่องพวกนี้มีอยู่จริง มันอยู่ที่วิธีคิดของแต่ละคน
   ไทยเรามีจุดดี มีจุดแข็งอยู่มากมายครับ ผมเคยเล่าไปเยอะแยะใน Diary ของปีที่แล้ว เพียงแต่คนเรามักไม่ค่อยสนใจสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ชอบมองของทีคนอื่นเขามี อ่านหนังสือท่องเที่ยวที่นักเขียนหน้าใหม่เขียนขายกันแล้วอยากจะอ๊วก โปรยบนปกว่า ตกหลุมรักสวิสเซอร์แลนด์บ้าง ตามหาหัวใจที่อิตาลี อะไรทำนองนี้ ถ้าเขาไม่ได้ทำเพราะการตลาดล่ะก็ บอกตรงๆ ว่า เห่ยมากๆ
   คุณแค่ไปเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น บางคนไปแค่ครั้งเดียวก็เขียนหนังสือแนะนำกันแล้ว คือคุณเทียวแบบฉาบฉวยเอามากๆ ส่วนใหญ่ก็จะเปิด Guide Book ของฝรั่งที่เขาเขียนแนะนำไว้ ก็อีกนั่นแหละ รักจะเป็นนักท่องเที่ยวแบบอิสระ ดันไปอ่าน Lonely Planet มันก็ไม่ผิดอะไรหรอกนะที่จะหาข้อมูลไว้บ้าง แต่มีนักท่องเที่ยวหลายคนก๊อปเส้นทางที่แนะนำไว้ ยังไม่พอ มีหน้ามาแปลเป็นไทยมาพิมพ์ขายอีก แบบนี้น่าจะเรียกทำธุรกิจเดินทางก็ว่าได้นะ
   แต่มีอยู่คนหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมาจากกลุ่มนักเดินทางที่ผมเอ่ยถึง เขาชื่อ สว่าง ทองดี ผมเคยอ่านงานของเขาอยู่สักสองเล่ม ชอบเขาตรงที่ทรหดอดทน แกร่งอย่างเหลือเชือ แถมเขาไม่ได้เป็นนักปั่นจักรยาน แต่เลือกที่จะเดินทางด้วยจักรยาน
   ไอ้พวกลากกระเป๋าไปกับแฟน ไปกับเพื่อนสักกลุ่ม แล้วถ่ายรูปแชะๆ มาลงขาย แบบนี้โปรดไปให้ไกลๆ อย่างไว นี่ถ้าสนิทกันจะบอกย้อนไปว่า ท่านเดินทางได้ฉาบฉวยมากๆ 
   การเดินทางด้วยจักรยานนี่แหละครับ มันทำให้เราไปตาม Guide Book แนะนำไม่ได้เป๊ะๆ แต่ก็พอจะพาร่างพร้อมสัมภาระไปชำเลืองดูพระราชวังจากภายนอกได้บ้าง ชมวัดได้บ้าง จักรยานจะแพ้การเดินเท้าก็ตรงจอดเที่ยวนี่แหละครับ คือจอดแล้วกลัวของหาย กลัวรถหาย ต้องระวังแบบเที่ยวไม่เป็นสุข ฉะนั้น ความสุขของการเดินทางด้วยจักรยานอย่างแท้จริงนั้นคือการได้ขี่ในเส้นทางแปลกใหม่ เช่นเลาะริมชายหาด ไต่ขึ้นภูเขา เข้าทางป่า ถ้าจะจอดแวะเที่ยวก็ใช้ฝากร้านค้าที่เราซื้อของเขา ถ้าไปเป็นกลุ่มยิ่งง่าย ใช้ผลัดกันเฝ้ารถ แต่ถ้าใครไปคนเดียวตลอดแบบผม ก็ต้องคิดค้นหาวิธีเอาเอง ซึ่งนี่แหละมันคืออีกหนึ่งความสนุก มันเป็นการเดินทางที่ยืดหยุ่นเอามากๆ ขี่ๆ อยู่รู้สึกเหนื่อยมาก แต่อยากไปถึงจุดหมายเร็วๆ ก็ใช้โบกรถกระบะได้เลยครับ ผมลองมาแล้ว โบกอยู่ 30 นาที มีแค่ชะลอรถมาดูหน้าเรา ถ้าเป็นผู้หญิงเขาจะจอดรับหรืออย่างไรก็ไม่รู้
   วิธีการโบกรถสำหรับยุคปัจจุบันนี้คือขี่เข้าไปในปั๊มเลยครับ เลือกรถกระบะเท่านั้น เพราะจะได้ใส่จักรยานสะดวก แถมถ้าเป็นในพื้นที่ต่างจังหวัดมักจะพบเจอแต่รถกระบะล้วนๆ
   จากนั้นก็ดูทะเบียนรถครับ รถคนพื้นที่เช่นทะเบียนในจังหวัดนั้นๆ มักจะใจดี แต่ก็อย่าดูแคลนรถทะเบียนกรุงเทพฯไปเชียว คนใจดีมีอยู่ทุกมุมโลกครับ แค่ลองร้องขอการอาศัยรถเขาไปด้วย ขอกันตรงๆ นี่แหละ
   เราควรนั่งบนกระบะหลังพร้อมกับจักรยานของเรานะครับ เพราะจะได้จับรถไว้ตลอดเวลา แถมคนขับรถก็ไม่อึดอัด ไม่ต้องกลัวว่าเราจะจี้ปล้นเขาหรือไม่ (ผมเผื่อไว้ อาจมีคนคิดมาก) แต่เชื่อเถอะนะว่าเขาเห็นจักรยาน เห็นสัมภาระรุงรัง ไม่มีใครคิดหรอกว่าไอ้หมอนี่จะมาปล้นเขา แต่ที่ไม่แน่คือโดนเขาปล้น ฉะนั้น ควรอยู่ในกระบะหลัง เว้นเสียแต่สัมผัสบางอย่างของคุณคิดว่าเขาปลอดภัยก็โอเค มันดีต่อการสร้างมิตรภาพ ใช้ความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้งอยู่บนความไม่ประมาทก็แล้วกัน
   การเดินทางที่เข้าถึงจริงๆ เราต้องสัมผัสคนท้องถิ่นครับ เริ่มจากพูดคุยกับแม่ค้าก็ได้ เจอใครก็ถามหรือพูดคุยไปด้วย แล้วจะรู้ว่าคนใจดีมีอยู่ทั่วไทย (ใจจะพิมพ์คำว่าทั่วโลกก็ดูจะอาจหาญเกินไปหน่อย ผมไปมาแค่ไม่เท่าไหร่เอง)
    0630 ฝนจางลงมากเหลือเพียงปรอยๆ ไม่รู้แรงดลใจอะไร ผมรีบเอารถ KHS HT ไปใส่ท้ายรถกระบะ ใส่แค่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ แล้วขับรถออกจากบ้านไปทันที
   ผมจะเอาเท้าไปแช่น้ำทะเลเล่นน่ะครับ เดี๋ยวกลับมาแล้วจะเล่าต่อ

.   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .

   กลับเข้าบ้านมาอีกทีตอนเกือบจะสิบโมง ตลอดทางเห็นนักขี่จักรยานหลายคนเลย ผมนั่งเล่นอยู่ที่ท่าริมทะเลอยู่ราวชั่วโมงเศษ เช้านี้มีชาวบ้านสองกลุ่มมาจับหอยแครง เลยนั่งดูเขาทำงานกัน น่าสนุกดีครับ แต่ท่าทางจะร้อนไม่เบา คนไหนขึ้นมาพักบนท่าผมก็ชวนเขาคุย สอบถามว่าหอยแครงจับอย่างไร ได้เยอะไหม ฯลฯ จากชาวหน้าที่หน้าตาเรียบเฉยก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา
   นี่ถ้าผมไม่ชวนเขาคุย เขาก็คงไม่ได้ส่งยิ้มให้กัน ไม่สนุกหรอกครับ การไปไหนมาไหนกับจักรยานทำให้ผมพบปะผู้คนมากมาย
   “ไม่เหนื่อยหรือน้อง” เสียงหญิงชาวบ้านตะโกนไล่หลังมา ขณะผมกำลังขี่เข้าไปในป่า
   “ไม่ครับพี่ ผมค่อยๆ ไป” ผมตะโกนตอบ พร้อมกับโบกมือให้
   เหตุมันเกิดจากผมส่งยิ้มให้เขาก่อนน่ะครับ อย่างที่บอกเสมอ อยากให้ใครทำอย่างไรกับเรา เราก็จงมอบสิ่งนั้นแก่เขาเสียก่อน ใครจะไม่ยิ้มตอบ ไม่ทักตอบก็ช่างเขาประไร นั่นเป็นเพียงแค่กลุ่มคนไม่ถึง 5% ที่ผมเจอ ส่วนที่เหลือ 95% จะยิ้มตอบ บ้างก็ทักทาย และอีกมากที่ชวนพักกินน้ำ
   ที่นี่ประเทศไทยครับ ประเทศที่มีแต่รอยยิ้ม คนเมืองคนกรุงจะยิ้มน้อยหน่อยก็ช่าง ผมไม่สน แต่ชาวบ้านในท้องถิ่นเขายิ้มกันสม่ำเสมอ
   อย่างเช้านี้ผมขับรถไปจอดริมถนนหน้าร้านขายกาแฟ หากเป็นคนทั่วไปก็แค่จอดแล้วเอาจักรยานลงขี่ แต่ผมเข้าไปพูดคุยกับพ่อค้าร้านกาแฟนก่อนจอด
   “พี่ครับ ผมจอดตรงนี้เกะกะไหมครับ”
   “จอดนานไหมครับ ถ้านานเชิญด้านในดีกว่า ปลอดภัยกว่า ร่มกว่าอีกด้วย”
   บ๊ะ แจ๋ว นี่ถ้าผมเป็นคนเงียบๆ เฉยๆ ก็คงต้องจอดรถกลางแดด แต่ถ้าเอ่ยปากสักหน่อย มีมนุษยสัมพันธ์สักนิด อย่างวันนี้ทำให้ผมรู้ว่ามีที่จอดดีๆ ร่มๆ ซ่อนอยู่อีกไม่ไกล แถมปลอดภัยเพราะใกล้บ้านพ่อค้าร้านกาแฟนั้นอีกด้วย
   เอาจักรยานลงก็รีบปั่นเข้าไปชายทะเลทันที อ้อ แวะซื้อไก่ย่างหมูย่างและข้าวเหนียวติดมือไปด้วย ด้านในอากาศดีมากครับ ไม่มีฝุ่นควันสักนิด แดดอ่อนๆ ผมจึงปั่นอย่างสบายอารมณ์ ตลอดทางก็จอดถ่ายรูปไปด้วย ลองถ่ายตอนปั่นรู้สึกได้เลยว่าไม่ปลอดภัยทั้งต่อตัวเองและต่อกล้องถ่ายรูป
   เมื่อคืนฝนตกหนัก ทำให้สภาพเส้นทางเฉอะแฉะ ช่วงที่เป็นสะพานไม้นี้เหมือนจะเป็นฝันร้ายของผมที่ใช้ยางสลิคอย่างมาก เพราะกดบันไดแรงนิดเดียวล้อก็หมุนฟรี ทำให้รถเสียการทรงตัวอยู่หลายครั้ง เหตุการณ์มันน่ากลัวขึ้นเพราะกำลังปั่นอยู่บนทางไม้ที่กว้างแค่เมตรกว่าๆ
   แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยการถ่วงน้ำหนักไปด้านหลังเพื่อเพิ่ม Traction ก็พอช่วยได้บ้าง แต่ถ้าหากยังลื่นอีกผมจะกลิ้งทันที เพราะรถมันเสียสมดุลย์ไปมาก ต้องขี่แบบค่อยๆ ไปช้าๆ
   จะเกะกะก็ตรงผมมีเก้าอี้พับติดไปด้วยนั่นแหละ ผมวางมันบนกระเป๋าแร็คหลัง ทำให้นั่งโน้มหลังแล้วก้นจะลงต่ำไม่ได้มากนัก เก้าอี้ตำก้น
   ขี่แบบกระหยองกระแหยงจนมาถึงสุดทาง อ้าว น้ำลง เลยอดเอาเท้าแช่น้ำกันเลย ว้าา ปลดเอาเก้าอี้พับออกมากางนั่ง หยิบไก่ยาง หมูย่างออกมากินอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติก็กลางๆ แหละ แต่บรรยากาศนี่สิ แจ๋วไปเลย ยิ่งตอนนี้แดดยังไม่แรงมาก พอนั่งได้ ลมพัดเย็นสบายๆ สายตาก็นั่งมองดูชาวบ้านงมหาหอยแครงไปด้วย เพลินดีเหมือนกัน
   นั่งกินอยู่ก็เจอหมามาขอเศษอาหาร มีสองตัว ตัวแรกบุคลิกดี นั่งรออยู่ห่างๆ เลียปากแพลบๆ เป็นระยะ แล้วจู่ๆ ก็มีหมาอีกตัวเข้ามาขอบ้าง แต่ตัวนี้ดูก้าวร้าวหน่อย แรกๆ ก็นั่งห่างๆ แต่มาบังหมาตัวแรก จากนั้นก็รุกคืบเข้ามาใกล้จนเกือบจะกินไก่ย่างในมือผมได้เลย ดูแล้วไม่ได้การณ์ ใจผมอยากแบ่งให้หมาตัวแรกกินมากกว่า มันดูสำรวมกว่า เลยเอาข้าวเหนียวกดไปที่ก้นถุงแล้วให้หมาตัวที่สองไปคุ้ยกิน ส่วนหมาตัวแรกเดินตามผมมา ผมยกไก่และหมูให้มันอย่างละ 1 ไม้ แม้ตัวเองจะยังไม่อิ่ม แต่การสละให้หมากิน ผมกลับอิ่มใจแทน
   ไปไหนมาไหนไม่ทิ้งขยะนอกสถานที่นะครับ จะต้องเก็บของทุกอย่างไปทิ้งในถังขยะในเมือง เก็บไม้เสียบและถุงพลาสติคทุกใบ หนังยางทุกเส้น แต่หันไปมองดูชาวบ้านสองกลุ่มที่มาจับหอยแครงแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เขากินกันแล้วก็ลุกกันเฉยเลย กล่องโฟม 6-7 ใบ ปลากระป๋อง ถุงพลาสติค ขวดน้ำพลาสติค ฯลฯ เขาปล่อยให้หมาเข้ามากินต่อ แล้วอีกสักพักเดียวลมก็พัดของทุกชิ้นที่บอกลงทะเลไป : (
   เริ่มสายแดดแรงแล้วครับ พอมีแดดปุ๊บก็รู้สึกร้อนทันที ไม่สนุกแล้วล่ะ ขอกลับก่อนดีกว่า ขี่ย้อนกลับทางเดิมบนสะพานไม้แคบๆ จนถึงถนนปูน สักพักเดียวก็ตกใจ มีตัวเงินตัวทองนอนอยู่ข้างทาง มันคงตกใจจักรยาน นี่ผมขี่ช้ามากแล้วนะนี่ ความเร็วไม่ถึง 15 กม/ชม ผมเองก็มองไม่เห็นมัน สีสันช่างพรางดีเหลือเกิน มาจ๊ะเอ๋กันแบบจะจะ ต่างคนต่างตกใจ มันกระโดดวิ่งตัดหน้าจักรยานผม
   เลยทับไปทั้งล้อหน้าและหลังเลย เป็นตัวขนาดกลางๆ ครับ ไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากรู้สึกถึงการสะเทือน ขอให้มันปลอดภัยด้วยเถิด สาธุ
   หลังจากนั้นก็ไม่ขี่ชิดริมซ้ายแล้วครับ เล่นมันกลางถนนเลย กลัวจะไปทับตัวอะไรเข้าอีก นี่ผมเป็นผู้มาเยือน ไม่น่าจะต้องมาทำร้ายเจ้าถิ่นที่เขาอาศัยอยู่ก่อนเลย
   กลับมาบ้านรีบอาบน้ำก่อนเลยครับ รู้สึกสบายตัวอย่างมาก เสร็จแล้วก็ลงมานั่งพิมพ์บันทึกเล่าเรื่องราวต่อ รู้สึกหิว จึงหยิบเอาธัญพืชอบเป็นแผ่นราดด้วยเนยถั่วกินไป 2 แผ่น ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย
   โหลดภาพจากกล้องมือถือเข้าเครื่อง โอ้โห กล้องดีๆ นี่ทำให้นักถ่ายภาพห่วยๆ อย่างผมดูดีขึ้นมาทันใด
   กลายเป็นได้กล้องถ่ายรูปที่มีฟังชั่นโทรศัพท์มาใช้เสียแล้ว
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 24, 2010, 06:42:44 pm
24 พค 53
   ขีดๆ เขียนๆ ออกแบบแร็คจักรยานติดรถยนต์ แต่มันสามารถเอาไปแขวนจักรยานที่บ้านได้ด้วย บ๊ะ แจ๋วว่ะ แต่อย่าเพิ่งดีใจไป มันเป็นเพียงแค่แบบสเกช ใช้งานจริงอาจต้องแก้ไขปรับปรุงอีก เผลอๆ ไม่เวิร์คก็เป็นไปได้
   เช้าวันแรกของการเปิดเทอม ผมคิดผิดจริงๆ ที่ขับรถไปส่งลูก รถติดแบบไม่เคยเจอหนักแบบนี้มาก่อน เซ็งผสมเข็ด นี่ถ้ามีจักรยานแบบ Tandem ก็ดีสินะ คิดอยากได้จักรยานแบบนี้มานาน ติดอย่างเดียวคือกลั้วซื้อมาแล้วไม่ค่อยได้ใช้
   เช้านี้ผมนั่งมองคนขี่จักรยานแล้วรู้สึกอิจฉาเขาอย่างมาก
   กลางวันแดดก็แรงแสนแรง ผมขี่จักรยานไปเก็บเงินลูกค้า บนถนนลาดหญ้า ถนนสายนี้สวยมากครับ รถไม่ค่อยติดอีกด้วย แถมสองข้างทางเห็นทางจักรยานตลอดสาย ฟังดูดีใช่ไหมครับ
   ทุกอย่างดูดีจริงๆ ครับ เว้นทางจักรยานที่ทำมาแล้วก็เสียเปล่า ลำพังมีจักรยานมาใช้น้อยก็แย่อยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้สองข้างถนนมีแต่รถยนต์จอดทับเลนจักรยานตลอดแนว จะยกเว้นก็แค่ช่วงป้ายรถเมล์หน่อยเดียว
   ไม่ได้ว่าคนจอดรถหรอกครับ ไม่ได้ว่าคนคิดทำทางจักรยานอีกด้วย ไม่รู้จะว่าใครดีเหมือนกัน ปล่อยทิ้งให้ช่วยกันคิดเป็นปริศนาว่าใครผิด
   เย็นไปรับลูกที่โรงเรียน เห็นเด็กๆ แล้วสดชื่นครับ เขาสดใสเสมอในทุกสภาวะโอกาส ปล่อยให้ลูกเล่นกับเพื่อนตามใจเขา ผมนั่งรออยู่ในห้องสมุด อ่านได้ครู่ใหญ่ลูกก็มาเรียกกลับบ้าน
   รู้สึกแปลกๆ เพราะไม่ได้กลับบ้านตอนฟ้าสว่างมาเป็นเดือนๆ
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 25, 2010, 04:54:11 pm
25 พค 53
   “พ่อครับ มิวรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย”
   ลูกเดินลงมาจากบ้าน และบอกกับผมแบบนี้ ผมรีบดุประชดเขาทันที ทำนองว่า ไม่อยากเรียนนักใช่ไหม ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องไปเรียนเลย ไม่ต้องไปเรียนอีกต่อไปแล้ว
   เขานิ่งเหมือนสำนึกผิด แล้วก็กินข้าวเช้าเตรียมไปโรงเรียนตามปกติ
   ก่อนขึ้นรถเขาบอกอยากจะอ๊วก ผมฟังแล้วเฉยๆ ซึ่งเขาอาจรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก็เป็นได้ เลยหยิบเตรียมถังใบเล็กๆ ติดไปด้วย
   ก่อนลงจากรถผมบอกลูกว่า หากรู้สึกไม่สบายจริงๆ ก็ไปอยู่ห้องพยาบาล และถ้าอาการหนักมากก็ให้ครูโทรเรียกพ่อมารับ
   1230 ครูโทรมาเรียกให้ไปรับลูก บอกมีไข้ มีอาเจียน
   อ้าว เฮ้ย ป่วยจริงหรือ ตอนแรกคิดว่าแค่สำออย ไม่อยากไปโรงเรียน นี่แค่เพิ่งเรียนไปได้วันเดียวเอง เป็นโรคแพ้โรงเรียนเสียแล้ว
   ไปถึงโรงเรียนเห็นลูกนอนซมบนเตียง มีตัวร้อน อ่านรายงานที่ครูให้ยาแล้วนำใบดังกล่าวไปยังโรงพยาบาลประจำของลูกที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
   “น้องมิวเป็นไข้เนื่องจากอากาศเปลี่ยน หมอแค่ให้ยาตามอาการไป แต่ถ้ากินดี พักผ่อนดี ดื่มน้ำมากๆ ทุกอย่างที่เป็นจะหายไปได้เองโดยไม่ต้องกินยา”
   หมอคนนี้ดูแลรักษาลูกผมตั้งแต่เกิดครับ เป็นหมอเด็กโดยเฉพาะที่มีฝีมือระดับหัวแถวของโรงพยาบาลนี้ ชื่อหมอ อรนุช
   “พรุ่งนี้น้องมิวไม่ต้องไปโรงเรียนนะ” หมอพูดขณะตรวจฟังหัวใจไปด้วย เล่นเอาลูกผมถึงกับเบิกตาโพลง ผมจำแววตาแบบนี้ได้ มันช่างลิงโลดเสียนี่กระไร แค่พังว่าหมอให้หยุดเรียน มันช่างเหมือนคำประกาศิตจริงๆ
   พอขึ้นรถปุ๊บก็คุยจ๋อยๆ ๆ โห ปาฏิหาริย์มีจริง อาการทุกอย่างหายเป็นปลิดทิ้ง
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 26, 2010, 05:28:00 pm
26 พค 53
   เมื่อคืนลิงโลดได้แป๊บเดียวครับ พอตกเย็นก็ออกอาการตัวร้อนอีกแล้ว เขาบอกหนาว เลยนอนแบบไม่เปิดแอร์ ผมน่ะสบายอยู่แล้ว มันรู้สึกร้อนๆ ตอนลงนอน สักพักพอทำสมาธิได้ก็ไม่รู้สึกร้อนแล้ว แต่ภรรยาบ่นนอนไม่ค่อยหลับ เขาไม่คุ้นเคย ส่วนลูกหลับสบายดีมาก ผมหลับๆ ตื่นๆ เพราะลุกมาจับตัวลูกดูเป็นระยะ และต้องให้เขากินยาตอนกลางคืนอีก เช่นนี้เลยตื่นมาแบบไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่
   เริ่มเข้าหน้าฝนแล้วกระมัง เห็นมีตกทุกคืนเลย ยังดีที่ตกตอนดึก จำได้ว่าเมื่อก่อนฝนตอบตกตอนบ่ายๆ เย็นๆ แสนจะสงสารเด็กนักเรียนที่กลับบ้านเองเป็นที่สุด
   คนเบื่อหน้าฝนกันเยอะครับ แต่ผมกลับชอบ นี่แหละเป็นช่วงที่แคมปิ้งแล้วเจอคนน้อยที่สุดเลย คนทั่วไปจะกลัวการเฉอะแฉะเลอะเทอะ แรกๆ ผมก็เป็น แต่หลังจากออก Solo Trip ปีที่แล้วกลางฝนจัดๆ ก็เปลี่ยนความคิดไปได้บ้าง มองหาด้านบวกของฝนครับ แล้วเราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
   ฝนตกแล้วจะเย็นชุ่มฉ่ำดีมาก หากนอนบ้านก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ถ้านอนเต้นท์จะพบว่ามันแสนจะเย็น ยิ่งกางเต้นท์บนพื้นหญ้านุ่มๆ ด้วยล่ะก็ ตอนน้ำฝนไหลผ่านอารมณ์คล้ายนอนเตียงน้ำเลย
   ว่าแล้วก็สอดสายตาเตรียมหาที่ออกทริป ก็คงจะเป็นแบบ Solo อีกนั่นแหละครับ โดยส่วนตัวเป็นคนขี้เกรงใจ กลัวจะพาคนอื่นเขามาลำบาก เพราะงานนี้จะไปในที่ๆ แสนสาหัส ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ เล็งไว้นานแล้วล่ะ แต่ยังไม่พร้อมเสียที เพราะไปในที่แบบนี้มันต้องใช้อุปกรณ์เยอะครับ ใช่แล้ว งานนี้อาจต้องมีอุปกรณ์ครัวด้วย แต่ยังไม่สรุปนะ เพราะการแบกอุปกรณ์ครัวไปกับทริปจักรยานนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกเท่าไหร่เลย
   เป็นไปได้สูงว่าอาจใช้เครื่องทุ่นแรงคือรถยนต์ครับ ถ้าแบบนี้พอไหว ทริปจะสนุกและราบรื่นขึ้นอีกเยอะ ไม่ได้หมายถึงว่าใช้รถยนต์อย่างเดียวนะ ผมจะเอาจักรยานลงขี่ต่อต่างหาก ปัญหาคือต้องหาที่จอดรถยนต์อย่างดีให้ได้เสียก่อน ไม่งั้นจะลุยแบบไม่สบายใจ
   เช้านี้มีงานจักรยานเล็กๆ ที่รอบสนามศุภฯ เริ่มตอน 0800 – 1000 ผมติดส่งลูกที่โรงเรียนเลยไม่ได้ไปด้วย นี่ถ้าเป็นวันหยุดรับรองว่าจะเป็นอีกทริปที่คนแน่น เพราะจุดนัดหมายอยู่กลางเมือง แถมอยู่ในย่านที่เคยวิกฤต หลายคนคงอยากเข้าไปดูกับตา
   ลูกหยุดอยู่บ้าน โทรมาคุยกับผมเป็นพักๆ น้ำเสียงสดใสดี น่าจะค่อยยังชั่ว แต่ไม่ไว้ใจแล้วล่ะ กลัวอาการจะออกตอนหัวค่ำอีก
   ผมกลับมาบ้านช่วงบ่าย ว่างๆ เลยเปิดเวปจักรยานอ่านกระทู้ที่ผมโพสถามที่กางเต้นท์ใกล้ๆ กทม ปรากฎว่ายังไม่มีใครตอบแบบชัดเจน เป็นอันว่าตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ผมชอบไปในที่แปลกใหม่ เส้นทางใหม่ และถ้าได้พบเจอที่ๆ ไม่มีอยู่ในแผนที่จะสุดยอดมาก
   มีนะครับ ไม่ใช่ไม่มี สถานที่แบบนี้มักจะหลบซ่อนสายตาเราอยู่ บางครั้งไม่ต้องไปไหนไกลนักก็มี ชานเมืองกรุงเทพฯ ก็มี ผมเริ่มออกท่องเที่ยวสไตล์นี้มาได้ไม่ถึงปี คิดจะเขียนหนังสือท่องเที่ยวดูกับเขาบ้าง คือมันหาหนั้งสือในท้องตลาดที่ถูกใจเราได้ยากมากๆ ก็เลยทำมันเองซะเลย มาแนวเดียวกันกับตอนทำนิตยสาร Racing Club นี่แหละครับ ตอนนั้นผมก็หานิตยสารรถยนต์ดีๆ ไม่เจอ ก็เลยทำมันเองซะ
   สงสัยจะยังไม่เข็ด
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 27, 2010, 08:36:51 pm
27 พค 53
    ตื่นเช้าเอาจักรยาน KHS HT ออกขี่แถวบ้าน ขี่คันนี้บ่อยกว่าเพื่อนก็เพราะช่วงรถมันขี่สบายกว่าคันอื่นครับ อ้อ จะมีสุดสบายอีกคันก็คือ Giant Revive DX แต่มันแสนจะเกะกะ คันใหญ่ครับ จอดอยู่ด้านในสุด เอาออกขี่ลำบากนิดหน่อย
   กระทั่งรถ KHS F20-W ที่ตอนแรกๆ ผมว่าพอดีกับตัวเองแล้วนะ แต่พอขี่ไปนานๆ รู้สึกว่ายังเอื้อมไปนิดหน่อย ถ้าได้ Stem สั้นมาลองเปลี่ยนดูท่าจะดีไม่น้อย ไว้อาจหา Stem แบบตายตัวมาใส่รถคัน HT แทน แล้วเอาแบบปรับระดับได้มาลองใส่กับรถพับดู
   ลูกไม่สบายหายดีแล้ว ไปโรงเรียนอย่างเริงร่า ให้เขาติดยากินตอนกลางวันไปด้วย จะลืมไหมก็ไม่รู้
   ตกเย็นผมไปรับลูกตามปกติ แวะไปตรวจสภาพรถยนต์เพื่อต่อทะเบียนประจำปีด้วย ทำเอาเงินแทบหมดตัว เหลือแบงค์ร้อยสองใบกับเศษแบงค์ย่อยอีกร้อยกว่าบาท
   ขากลับลูกขอกินร้านฟูจิ ผมบอกมีเงินไม่พอ ต่อรองเป็นร้านราคาถูกลงหน่อยได้ไหม เขาโอเค พาลูกไปกินที่ห้างเซ็นทรัล ห้างนี้ไปบ่อยมากๆ เพราะอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนลูก ต้องผ่านทุกวันเช้าเย็น
   เลือกร้าน Yayoi เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแนว Fast Food คือทำเร็ว กินเร็ว มีเมนูอยู่สัก 30 อย่าง ลูกสั่งอาหารไป ผมก็จดราคาและบวกเลขพร้อมกับดูเงินในกระเป๋าไปด้วย สรุปแล้วนั่งดูลูกกินฝ่ายเดียว ผมไม่ได้สั่งกินด้วย เงินไม่พอครับ
   เสร็จแล้วก็พากันเข้าร้านหนังสือ แยกย้ายกันคนละมุม ผมดูหนังสือบ้าน หนังสือต้นไม้ สุดท้ายก็หนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ส่วนลูกเขาดูการ์ตูนล้วนๆ
   หนังสือท่องเที่ยววางจนละลานตา หยิบเอาเล่มที่ไม่ค่อยได้เห็นมาพลิกอ่าน บางเล่มน่าสนใจมากๆ แถมเจอเล่มหนึ่งคนเสปเดียวกับที่ผมวางไว้เป๊ะเลย เฮ้ย เอาไงดีวะนี่ มีคนคิดและทำก่อนเราอีก ทำได้ดีเสียด้วย เลยชักไม่มั่นใจเสียแล้วสิ
   อยู่ในร้านหนังสือชั่วโมงกว่า ยืนอ่านกันจนเมื่อขาเลย ผมไม่เบื่อหรอก มาที่นี่ก็เพื่อสอนให้ลูกใกล้ชิดกับหนังสือ ทำนองว่าหากไม่มีอะไรทำก็มาอ่านหนังสือเล่นได้
   ปลูกฝังให้เด็กรักการอ่านสำคัญมากในการเรียนรู้ภายภาคหน้าครับ
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 28, 2010, 07:19:08 pm
28 พค 53 วันวิสาขบูชา
   วันหยุดแท้ๆ แต่กลับขี้เกียจปั่นจักรยานเฉยเลย งงมาก ลุกตื่นขึ้นมาแบบไม่มีไฟอะไรทั้งสิ้น เมื่อวานก็ไม่ได้ทำงานหนักจนอ่อนเพลียเลยสักนิด เป็นอะไรของผมไปวะนั่น
   เช้านี้กลุ่ม TCHA มีทริปไปเกาะสีชัง ทีแรกคิดจะไปด้วย แต่วันนี้ภรรยาหยุดงานเหมือนกัน เลยตัดสินใจอยู่บ้านเผื่อจะพาภรรยาและลูกไปข้างนอก น่าเสียดายนิดๆ ครับ ผมยังไม่เคยไปเกาะสีชังมาก่อน แถมทริปนี้เขาค้างถึง 2 คืน แต่น่ากังวลอยู่หน่อยตรงที่ช่วงนี้อากาศร้อน แดดแรงจัด คนไม่แกร่ง หรือไม่คุ้นเคยการปั่นกลางแดดนานๆ อาจเกิดอาการ Heat Stroke ภาษาไทยเรียกว่าเป็นลมแดด
   จะมีจุดสังเกตุที่เด่นชัดคือร่างกายร้อนจัด แต่ไม่มีเหงื่อออก แปลกดีเน๊อะ แต่ผมว่าไม่ค่อยเกิดกับชาวจักรยานเท่าไหร่หรอก พวกเราขี่กันเหงื่อซ่กเลย จะต้องระวังก็คือพวกมือใหม่ หรือคนที่ไม่แข็งแรง และไม่ค่อยได้ออกทริปยาวกลางแดดนี่แหละครับ
   นอกจากเหงื่อไม่ออกแล้ว ยังมีมึนหัว วิงเวียน รู้สึกไม่สบายตัว คลื่นไส้ หายใจเร็ว และถ้าอาเจียนด้วยก็ชัวร์เลย เชิญท่านจอดพักยาวๆ ไปเลย เดี๋ยวงานเข้ากลางทริปจะพาคนอื่นเขาเดือดร้อนไปด้วย
   วิธีปฐมพยาบาลก็คือ หาที่ร่มหลบ ยกเท้าให้สูงเข้าไว้ ถอดเสื้อผ้าออกให้สบาย       ตัว ถ้าได้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวจะดีมาก หรือถ้ามีลมเย็นพัดโกรกจะทำให้พื้นเร็วขึ้น แต่ถ้าเป็นผมนะ จะหาน้ำอาบทันที หากยังไม่ดีขึ้นก็คงต้องส่งโรงพยาบาล
   สายๆ หน่อย พาภรรยาและลูกไปทานมื้อเช้ากันที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ซื้อข้าวของติดมือมาเผื่อกลางวันด้วย สายหน่อยไปร้านขายเครื่องกีฬาแถวบางนา ร้านนี้เป็นร้านประจำของผมเลย เป็นสินค้า Made in Thailand เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ตัวแบรนด์เป็นของฝรั่งเศษครับ
   ลูกได้รองเท้านักเรียนคู่ใหม่ ผมได้ผ้าเช็ดตัวแบบแห้งเร็วเหมาะมากที่จะใช้ในทริปเดินทาง ใช้แทนผ้าห่มได้อีกด้วย แถมพับแล้วเล็ก นึกอยากติดมือเอามาขายในเวปจักรยานเล่นๆ เหมือนกัน แต่กลัวไม่มีใครซื้อ
   กลางวันกินกันที่ร้านอาหารฝ้ายคำ อยู่เยื้องกับห้างเซ็นทรัลบางนา เป็นร้านอาหารไทยครับ รสชาติดี ราคาไม่ถูกไม่แพง กินเสร็จแวะไปเดินเล่นกันที่ Siam Discovery ต่ออีก ผมอยากไปดูพวกงานดีไซน์และเฟอร์นิเจอร์ ภรรยาอยากดูร้าน Loft ส่วนลูกชอบแต่พวกของเล่น
   เจอร้านขายอุปกรณ์แคมปิ้ง ผมชอบแผ่นรองนอนของ Karana นอนนุ่มดีมาก เป็นเบาะลมแบบไม่ต้องสูบ นี่ถ้าได้มาใช้ตอนออกทริปจักรยานคงจะสุขมากๆ แต่ยังไม่ได้ซื้อหรอกนะ มันเป็นเพียงแค่ของที่อยากได้ ผมซื้อทุกอย่างที่อยากได้ไม่ได้หรอกครับ ต้องเก็บเงินเอาไว้ให้ลูกเรียนหนังสือ
   กลับมาบ้านเอาตอนเกือบจะมืดแน่ะ ฝนตั้งเค้ามาตลอดวัน กลางวันก็ลงไปหลายชุดแล้ว คืนนี้ไม่น่ารอด จะออกไปเวียนเทียนดีไหมนี่ ใจหนึ่งอยากไป แต่อีกใจกลัวลูกจะไม่สบาย
   ป่านนี้กลุ่ม TCHA คงจะกำลังกินอาหารเย็นกันริมทะเลแน่ๆ เลย น่าอิจฉาจริงๆ
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 29, 2010, 08:30:27 pm
29 พค 53
   วันทำงานของผม แต่เป็นวันหยุดของคนส่วนใหญ่ ดีตรงที่รถไม่ติด แต่ไม่ดีตรงที่แดดร้อนจัดแรงจ้า นี่มันก็ร้อนมาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่หมดลมหนาวมันก็ร้อนทันที จะมาร้อนน้อยหน่อยก็วันฝนตกนี่แหละ ความร้อนกับคนไทยแยกกันไม่ออกครับ และยากที่จะชินเสียด้วย
   ผมต้องออกนอกบ้านบ่อย โดยมากจะไปส่งของ บ้างก็ไปเก็บเช็ค เก็บเงิน เข้าธนาคาร ฯลฯ ก็มักจะติดหมวกปีกกว้างไปตลอดเวลา วันนี้ธนาคารสาขาปกติเขาปิด เลยต้องเข้าไปในห้างแทน ผมใส่หมวกเดินเข้าไปตามปกติ แต่ผู้คนรอบข้างมองผมหลายคน มานึกได้ว่าคงเพราะเราสวมหมวกปีกกว้างมาเดินในห้างกระมัง ลำพังถ้าเป็นหมวกแก๊ปแบบพวกวัยรุ่นคงไม่ค่อยเตะตาเท่าไหร่
   ตอนบ่ายพี่จั๊วโทรมาหา พี่จั๊วคือรุ่นพี่แถวบ้านที่รู้จักกันมานานกว่าสิบปี รู้จักก็เพราะคุยวิทยุสื่อสารกันน่ะครับ ใช่แล้ว เราเป็นพวก VR หรือนักวิทยุสมัครเล่น ระยะหลังเรามาเจอกันโดยบังเอิญในเวปจักรยาน พอดีผมโพสถามสถานที่กางเต้นท์ พี่จั๊วแนะนำจุดที่ผมเองก็แอบเล็งๆ ไว้เหมือนกัน วันนี้ก็เลยได้คุยกันทางโทรศัพท์เป็นครั้งแรก
   “ถ้าเปิ้ลจะไปก็บอกผมด้วย ผมก็ชอบแนวนี้” 
   “ไว้ผมผ่านอีกทีจะไปถามเจ้าหน้าที่เขาดูให้” พี่จั๊วทิ้งท้าย
   “ไม่ต้องครับพี่ ไม่ต้องถาม ถ้าดูแล้วทำเลดี คนไม่มีล่ะก็ ปักได้เลยครับ” ผมรีบแย้งทันควัน กลัวไปถามแล้วเขาจะบอกไม่ให้ตั้งเต้นท์ล่ะซวยแย่เลย
   “เอางั้นเลยนะ” พี่จั๊วตอบกลับมา
   “ครับพี่ ลุยเป็นลุย” โดนไล่ก็ค่อยมาว่ากันหน้างาน อย่างเก่งก็ขออ้อนนอนสักคืนวะ ประโยคหลังผมผมคิดในใจ ไม่ได้ตอบพี่เขาไป
   ตกเย็นนั่งวางแผนว่าจะไปขี่จักรยานที่ไหนดี มีสองทางเลือก คือไปดูชายทะเลอีกจุดที่พี่จั๊วบอก หรือจะไปขี่เล่นในสวนสาธารณะชื่อสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ พระประแดง
   สองจิตสองใจ แต่ผมสูบลมจักรยานเตรียมพร้อมไว้แล้วล่ะ
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 30, 2010, 05:57:30 pm
30 พค 53
   ตื่นแต่เช้าไปยังเป้าหมายที่พี่จั๊วแนะนำไว้ มันอยู่เลยจากจุดที่ผมไปเมื่อสัปดาห์ก่อนอีกราว 13 กม ก็สวยไปอีกแบบครับ ดีตรงโล่งโปร่ง แต่เสียตรงสามารถขับรถยนต์เข้าถึงได้ ยังดีที่เจ้าหน้าที่ไม่ให้มีการขายของ ไม่ให้มีร้านอาหาร ไม่งั้นเละแน่ๆ
   เช้านี้แดดแรงจัดสุดยอดครับ แค่ 0700 แม้โดนแดดเพียงนิดก็แสบผิวแล้ว นึกถึงกลุ่ม TCHA ที่เขาต้องขี่จักรยานจากเกาะสีชังมากรุงเทพฯ ราว 100 กม คิดแล้วเหนื่อยแทนครับ เรื่องไกลผมไม่หวั่น แต่เรื่องแดดนี่มันทำให้ร่างกายอ่อนล้าได้เร็วมากๆ แถมต้องระวัง Heat Stroke ที่เคยเล่าไปแล้ว
   บรรยากาศเป็นไปแบบเหงาๆ หรือจะมองว่ามันเงียบสงบก็ได้ ผมชอบแบบนี้มากครับ เสียดายตรงที่ช่วงเวลานี้เป็นเวลาน้ำลง รอบๆ ตัวก็เลยมองเห็นเป็นโคลนเลนเต็มไปหมด มองข้อดีก็คือไปดูปูก้ามดาบ ปลาตีน และนกทะเลแทน
   มาถึงก็มองหาทำเลสวยสำหรับกางเต้นท์ที่พี่จั๊วแนะนะไว้ทันที มองปราดเดียวก็เจอครับ มันเป็นหอคอย วิวดีสุดยอดจริงๆ แต่ถ้ามองความเงียบสงบแล้ว ผมว่าจุดที่ผมเล็งไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนจะแจ๋วกว่า (เพราะรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์เข้าถึงไม่ได้ไงล่ะ)
   ยังเห่อกล้องใหม่ไม่หาย เดินถ่ายรูปไปเรื่อย มีสะพานไม้ไผ่ทอดยาวเหมือนท่าเรือ ลองก้าวเดินเข้าไป แต่ไม้มันผุหักพังหลายจุด มีบางช่วงเหมือนจะมีคนตกลงไปด้วย แถมสะพานนี้ไม่มีราว เสียวจริงๆ เดินไปได้แค่ 10 เมตรก็ถอดใจแล้ว เลยต้องเดินย้อนกลับทางเดิม
   หมุนไปหมุนมา หามุมถ่ายรูป แต่มันหายาก เพราะทางเดินแคบๆ บนริมชายหาดทะเลเลนมันทำอะไรไม่สะดวกนัก เผลอแป๊บเดียวผมอยู่ที่นี่ถึง 1 ชม แน่ะ แดดเริ่มแรงจัดแล้วล่ะครับ ขอตัวกลับบ้านก่อน
   
   กลับมาบ้านไม่มีอะไรทำ มีแต่อ่านเวปเล่น อ่านบ่อยก็เบื่อเหมือนกัน หยิบเอาแผ่นแสดงสดของ Eric Clapton on tour 2001 มาเปิดดู อืมม ทำให้เครือ่งเสียงห่วยๆ ของผมดูน่าฟังขึ้นอีกเยอะ เพลงใหม่ๆ ตามเขาไม่ค่อยทันครับ ฟังได้แค่บางเพลง ถ้าเป็นพวกรุ่นเก่าๆ นี้พอจะคุ้นสไตล์กันหน่อย
   ตกเย็นเล่นตีแบดฯกับลูก รู้สึกว่าเขาตีโดนลูกขึ้นเยอะ สมัยก่อนนี้เล่นเป็นคนเก็บลูกอย่างเดียวเลย มาวันนี้พอได้ตีบ้าง รู้สึกสนุกดีเหมือนกัน รอดูฝีมือสักพักอาจพาไปลงคอร์ดแบดฯแถวบ้าน
Title: Re: พค 53
Post by: O'Pern on May 31, 2010, 07:55:59 pm
31 พค 53
   เช้านี้ผมจัดเรียงสินค้าอยู่ในร้าน ขณะก้าวขาลงผมเหยียบพลาดลื่นล้มกระแทกพื้น ข้อเท้าขวาพลิก แว๊บแรกๆ เจ็บมากครับ แต่อีกสัก 2 นาทีถัดมาก็ดีขึ้น นี่ถ้าได้นั่งพักนานๆ คงจะดี
   แต่ไม่ใช่หรอก ผมต้องออกไปส่งของข้างนอก ต้องปีนขึ้นลงท้ายรถกระบะเพื่อหยิบของตลอดเวลา จะมาเจ็บมากก็ตอนต้องยกของหนักๆ มันลงน้ำหนักเท้าได้ไม่เต็มที่ เดินเฉยๆ ก็เจ็บอยู่แล้ว ยังต้องยกของอีก
   ก็ต้องปฏิบั้ติหน้าที่ของเราต่อไปครับ เราเป็นคนงานก็ต้องยกของส่งของ ชีวิตมันมีอยู่แค่นี้ เป็นแบบนี้ทุกวัน คิดบวกเข้าไว้ จะได้ใจเป็นสุข
   ตอนเย็นส่งของที่ปากคลองตลาด ท้องฟ้ามืดครึ้มมาแต่ไกล สักพักมีลมกระโชกแรง ฟ้าเริ่มมืดครึ้มตรงหัว มีละอองน้ำบางๆ ลงมา ผมลุ้นให้ฝนอย่าตกตรงนี้เลย ให้ลมช่วยพัดไปไกลๆ ผมยังต้องส่งของอีกเยอะ ยังเหลืออีกกว่าครึ่งคันรถ ถ้าฝนตกคงแย่
   แล้วคำอ้อนวอนก็เป็นจริง ลมพัดแรงต่อเนื่องจนทำให้เมฆฝนลอยผ่านหัวไป เย้ๆ ฝนไม่ตกแล้ว แดดก็ไม่มี กลายเป็นลมพัดเย็นสบายตลอดเวลาเลย ชีวิตคนงานกลางแจ้ง ได้แค่ร่มเงาแม้เพียงเล็กน้อยก็มีความสุขแล้วล่ะครับ
   0400 ลูกโทรมาหา บอกให้พ่อมารับเร็วๆ
   “วันนี้พ่อไปรับลูกไม่ได้แล้วล่ะ พ่อยังส่งของไม่เสร็จเลย”
   “โธ่ แบบนี้ก็อดว่ายน้ำสิ”
   “ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกันนะลูก”
   “ก็ได้ แค่นี้นะ”
   ตอนเช้าเราสัญญากันไว้ว่าจะไปว่ายน้ำกัน แต่ผมเป็นคนผิดสัญญาเสียนี่ ลูกคงเข้าใจนะ
   กลับมาบ้านดูข่าวตอนหัวค่ำ ผมตกใจมากที่คำวิเคราะห์ของผมเป็นจริง มีการแถลงข่าวจับกุมผู้ก่อการร้ายเผาธนาคารกรุงเทพฯ ปรากฏว่าเป็นคนกัมพูชา
   เป๊ะเลยครับ ตามที่คิดไว้เลย ไอ้ที่เคยบอกว่าทักษิณเป็นที่ปรึกษาพิเศษของฮุนเซนน่ะ มันไม่ใช่หรอก เป็นแค่แผนลวง ทักษิณต่างหากที่หลอกใช้ฮุนเซนเป็นเครื่องมือ
   ฮุนเซนนั่นแหละครับ คือลูกน้องทักษิณต่างหาก