racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on September 03, 2013, 01:29:08 pm

Title: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 03, 2013, 01:29:08 pm
1 กย 56
   ภรรยาไปวิ่งที่สวนรถไฟอีกแล้ว ไปแต่เช้ามืด ยังไม่ตี 5 เลยมั้ง นอนอยู่เพลินๆ มิวลืมตาตื่น บอกขอดู DVD ได้ไหม โอเค จัดไปครับลูก ผมนอนอีกพักเดียวก็ลุกขึ้นตื่นดีกว่า
   ลงมาเดินออกกำลังกายเล่นหน้าบ้าน ไม่ได้ไปขี่จักรยานครับ ฝนตกหนักกลางคืน ถนนบางขุนเทียนชายทะเลนี่น้ำท่วมขังหลายจุด รถยนต์ขับแล้วสาดกระเด็นใส่เราเกือบตลอดทาง แถมยังมีโคลน เลน เลอะบนทางจักรยานอีก เห็นคนลื่นล้มประจำ โดยเฉพาะช่วงที่ล้อรถกำลังจะปีนขึ้นขอบถนน รถล้อเล็กอย่างเสือหมอบจะล้มง่ายมาก วิธีแก้คือยืนแล้วกระตุกให้ล้อหน้าลอยขึ้นถึงจะผ่านได้สบาย
   แม่ไปตลาดซื้อโจ๊กมาฝาก มิวบอกไม่เอา ไม่กิน แต่พอมาเห็นแล้วคงหิว แย่งผมกินเกือบหมด ฮ่าๆ ไม่เป็นไร แบ่งปันกัน
   0730 มิวออกไปเรียนพิเศษอีกแล้ว ขยันเว่อร์ ตกลงปิดเทอม 2 สัปดาห์ มิวเรียนตลอดทุกวัน พรุ่งนี้เปิดเทอมปกติแล้ว เย็นนี้กลับมาคงทำรายงานการบ้านต่อ
   อีกพักหนึ่งพ่อแม่ออกไปบ้าง เหลือผมอยู่คนเดียว เดินหาอะไรกินก็ไม่มี เอาอีกแล้วสินะ
   อยู่บ้านทั้งวันออกแบบกระเป๋าติดท้ายจักรยานได้ใบหนึ่ง ไม่ได้ออกแบบเองทั้งหมดหรอก เอาของที่เห็นในเวปมาต่อยอดน่ะ ผมแมนๆ ครับ อันไหนคิดเองก็บอก อันไหนก๊อปก็บอกไป ไม่เห็นต้องอายอะไร
   เป็นกระเป๋าแบบยึดท้ายเบาะ และถอดออกมาเป็นเป้หลังได้ แนวคิดคือเราไม่ต้องการติดตั้งแร็คหลัง และไม่ต้องใช้ตัวปลดแบบปลดเร็วที่มันจะต้องยึดติดตายกับเบาะหรือหลักอานไว้ตลอด
   โดยภาพรวมแล้วกระเป๋าใต้เบาะจะใบเล็กนิดเดียวไง ใส่ของอะไรไม่ได้มาก แต่นี่ใบเบ้อเริ่มเลย ใบเดียวจบ ผมว่าเจ๋งดีว่ะ
   หยิบเอาแผ่นรองนอนของ Quechua แบบพองลมอัตโนมัติมาคลี่กางผึ่ง ไอ้นี่ซื้อมานานแล้ว แต่ไม่เคยใช้งานเลย เราเผื่อเอาไว้ไง คือยังไงต้องได้ใช้งานแน่ แต่ตอนอยากใช้จริงกลัวหาซื้อไม่ได้ พอเจอเจ้านี่ลดราคาปุ๊บ ก็เลยรีบจัดซะ
   ผมชอบของใช้พวกแคมปิ้งนะ แต่จะเลือกซื้อหาแบบที่จำเป็นจริงๆ เพราะเราไปกับจักรยาน ไปกับเรือ เราต้องขนของให้น้อยชิ้นที่สุด ความสนุกของแคมปิ้งของผมอยู่ที่การใช้ประโยชน์จากสิ่งของรอบตัวมากกว่าที่จะหาซื้อแล้วหยิบออกมาใช้แบบเท่ๆ
   ยกตัวอย่างที่เปิดขวดก็แล้วกัน ผมไม่เคยใช้ของพวกนี้เลย เพราะหากจะเปิดก็หาไม้หนาๆ มางัดก็เปิดได้แล้ว ฝึกไปเรื่อยๆ จนมีแค่กระดาษ A4 แผ่นเดียว ก็สามารถใช้เปิดขวดฝาจีบได้
   เฮ้ย จริงๆ นะ ไม่ได้โม้
   เย็นดูตระกร้อหญิง เล่นกันทีมละ 3 คน น่าแปลกใจที่นักกีฬาชอบเดินมาแตะมือกันบ่อยๆ อีกแล้ว เหมือนวอลเล่บอลเลยว่ะ
   เย็นมิวกลับมาบ้าน รีบวิ่งขึ้นข้างบน ไม่พูดไม่จา เข้าห้องน้ำทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอาการ “ปวดอึ”
   มิวเล่าว่าครูซุปเคขอยืมชีทที่มิวจดไปเป็นตัวอย่างให้เด็กๆ คนอื่นดู ครูชมว่ามิวจดได้สวยและเป็นระเบียบดีมาก ได้ยินแล้วปลื้มใจแทนเลยว่ะ
Title: Re: กย 56
Post by: O'Pern on September 03, 2013, 01:30:21 pm
2 กย 56
   ขี่จักรยานตอนเช้าเหมือนเดิม ขี่ขำขำ ไม่ได้เน้นเร็ว แต่กระตุ้นจิตนาการมากกว่า
   วันนี้มิวเปิดเทอมแล้วครับ เป็นเทอมที่ 2 ของปีการศึกษา ขยับเข้ามาใกล้ครึ่งทางแล้ว
   วันนี้ที่โรงเรียนสวนกุหลาบมีงานใหญ่ ชื่องาน “สมานมิตร” เป็นเหมือนงานแฟร์ทั่วไป แต่จะมีศิษย์เก่าเข้ามาเยี่ยมเยียนโรงเรียน มีขายของที่ระลึก พวก สารพัดเสื้อ กำไลยางสวมข้อมือ สติกเกอร์ แก้ว พวงกุญแจ เข็มกลัด ฯลฯ น่าแปลกมากที่ของที่ระลึกของสวยกุหลาบมีมากมายเหลือเกิน กะว่าจะไปตอนบ่ายๆ หลังเลิกงานแล้ว จากนั้นก็จะเลยไปรับมิวต่อ วางแผนไว้อย่างดี คิดเอง เออเอง
   ฟ้าผ่า แม่สั่งซื้อผลไม้และของไหว้เจ้ามา แล้วบอกให้ผมรีบกลับเอาไปเก็บที่บ้าน
   ไม่มีข้อแม้ครับ ใครใช้ทำอะไรไปไหนผมก็ต้องทำ มีงานมีธุระก็ต้องยกเลิก
   ฝันสลาย กลายเป็นต้องกลับบ้านแทน จะออกมาอีกรอบก็ได้แหละ แต่ก็จะมีเวลาอยู่ที่โรงเรียนน้อยลงไปเยอะ แถมขากลับตอนเย็นรถจะยิ่งติดมาก วันนี้มิวบอกให้ไปรับเร็วอีกด้วย
   อยู่บ้านก็วางแผน วาดฝัน หากคิดอะไรไม่ออกก็เอาสมุดจดไอเดียมานั่งอ่านเล่น บางอันเวิร์คก็ต่อยอดเขียนลงในสมุดดีไซน์ บางอันมาอ่านอีกครั้งแม่งโคตรฮาเลยว่ะ แบบทำนองพี่คิดได้ไง
   เย็นไปรับมิว นั่งเล่นรอใต้ตึก เจอเด็กๆ ที่คุ้นหน้าก็แหย่เล่นทักทายเขา เจอ “พราว” เพื่อนมิวที่เล่นเรือใบด้วยกัน ตัวเขาสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คุณแม่เขาบอกปิดเทอมไปนี้ สูงขึ้นถึง 2 ซม เพราะนอนมาก โห สุดยอดจริงๆ
   ขากลับมิวทวงอาหารเย็นที่ร้านยาโยอิ ผมไปสัญญาเขาไว้ว่าเปิดเทอมค่อยไปกิน คิดว่าลืมเสียแล้วนี่
   กลางคืนเปิดหนัง Iron Man 3 ดูกัน
Title: Re: กย 56
Post by: O'Pern on September 08, 2013, 10:03:33 am
3 กย 56
   ตื่นมาฉี่ตอนตีสี่ แล้วมานอนต่อ กลายเป็นเพลินจนถึงเกือบหกโมงเช้า เลยขี่จักรยานได้หน่อยเดียวเอง แค่ 20 นาที ท้องฟ้าครึ้มๆ นะ คล้ายจะมีฝน
   นี่ผมไม่ได้ออกกำลังกายแบบจริงจังมานานมากจนนำหนักกลับมาตีขึ้นอีกแล้ว อายุเริ่มมากนี่น้ำหนักมันลงยากจริงๆ นะ สมัยก่อนแป๊บเดียวเอาลงได้ 2-3 กก ขำขำ
   ตอนสายกินน้ำเต้าหู้ใส่เม็ดแมงลักเยอะๆ แบบกะจะให้อิ่มท้อง เล่นวิชามาร ฮ่าๆ
จะเกิดผลแค่ไหนก็ไม่รู้นะ แต่กินเข้าไปแล้วมันก็ไม่หิวจริงๆ ทว่าหากเป็นคนที่ยังชอบกินจุบกินจิบปากก็ยังจะคงรู้สึกอยากเคี้ยวหรือกลืนอะไรอยู่บ้าง
   เย็นไปรับลูกตามปกติ เห็นเขากำลังวิ่งเล่นบาสกับเพื่อน พอช่วงเบียดแย่งลูกกันแล้วสู้ไม่ได้ มิวมันใช้เอวชน ดัน แบบเบียดๆ ฮ่าๆ เห็นแล้วขำ เหมือนวัวกำลังคันแล้วเอาตัวไปถูต้นไม้ยังนั้นแหละ
   กลับมาบ้านเร็ว เลยเดินไปยังบ้านห้องกระจกอีกหลังที่สมัยก่อนเป็นบ้านส่วนตัวของผม ได้ฤกษ์หยิบเอาเต้นที่พับเก็บไว้เป็นปีมากาง ฝึกฝีมือ จำลองสถานการณ์ว่าหากจำเป็นต้องใช้เต้นท์แบบกะทันหัน เราจะกางได้รวดเร็วเหมือนเดิมหรือไม่
   แต่เต้นท์ของผมนี่มันกางง่ายมากครับ แค่ 3 นาทีก็เสร็จแล้ว กางเสร็จเข้าไปนอนเล่น โหห แม่งร้อนดีจริงๆ เลย หากคลุมฟลายชีทแล้วนี่ปิดมิดชิด คงจะร้อนแบบบอกไม่ถูก
Title: Re: กย 56
Post by: O'Pern on September 08, 2013, 10:05:59 am
4 กย 56
   เช้าสดใสมาก ขี่จักรยานไปอีกหน่อยหนึ่ง ชักอยากจะลดพุงลงอย่างจริงจังแล้วนะนี่ เริ่มอ้วนเอาๆ
   กินข้าว ไปส่งลูก ไปทำงาน
   กลับมาบ้านตอนบ่าย ลุ้นเชียร์วอลเล่ย์บอลสาวไทยแข่งกับออสเตรเลีย ช่อง 3 ถ่ายทอดสดครับ ดูกันเพลินๆ เชียร์แบบกันเอง ใครๆ ก็ต้องเชียร์ประเทศตัวเองสิวะ นักกีฬาสาวไทยแรกดูก็เฉยๆ ดูไปๆ นานๆ ต่อเนื่อง ชักจะน่ารักเหมือนกัน ฮ่าๆ
   มาอีกแล้ว กีฬาที่มีการแตะมือกันบ่อยที่สุด บ่อยกว่าตะกร้ออีกนะ เพราะมีกันหลายคน ได้คะแนนสักแต้มหนึ่งก็ต้องวิ่งมาแตะๆ มือกัน ทั้งๆ ที่บางทีไม่ได้เป็นฝีมือฝั่งตัวเองเล้ยย เขาเสิร์ฟออกเองแท้ๆ
   แข่งกับออสเตเลีย ตัวโตสูงใหญ่กว่าไทย แต่เรากลับเก่งกว่า ผลคือชนะ 3-0 เชียร์ไม่ค่อยสนุกเลย มันชนะแบบขาด ทำให้ไทยเราเล่นกันแบบเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีลูกโหด
   รู้สึกเหมือนเราเล่นแบบเนือยๆ ยังไงไม่รู้
Title: Re: กย 56
Post by: O'Pern on September 08, 2013, 11:01:36 am
5 กย 56 Mercedes Benz S Class
   ขี่จักรยานตอนเช้าเหมือนเดิม ขี่วันละนิดละหน่อยแบบสะสมทรัพย์ ไม่ได้ช่วยลดพุงอะไรเล้ยยย
   ไปส่งมิวเข้าเรียนแล้วเลยไปทีทำงานสักพัก ตอนสายไปงานเปิดตัว The new Mercedes Benz S Class ที่โรงแรมแชงกรีลา สาทรนี่เอง ใกล้กับโรงเรียนอัสสัมชัญที่ผมเรียนสมัยเด็กๆ
   ตามสไตล์เดิมครับ ไปถึงก่อนเวลาเพียบ จะได้มีเวลานั่งอ่าน Press Kit (รายละเอียดข่าวสารสำหรับสื่อมวลชน) นี่ผมไม่ได้ออกไปงานเปิดตัวรถยนต์มาหลายปี จนถึงกับเก้อเขินหน่อยๆ เข้าไปในงานก็ไม่รู้จักใครสักคนเดียว แต่ที่ค่ายนี้มีคนที่ผมรู้จักอยู่เยอะพอควร รู้จักกันตั้งแต่สมัย Racing Club น่ะครับ
   เข้าไปถึงก็ต้องลงทะเบียนก่อนครับ ไปคนแรกๆ ก็ดี ไม่มีคิวไม่มีแถว กรอกรายละเอียดส่วนตัวเสร็จ ควานหานามบัตรยื่นให้เขา เฮ้ยย นามบัตรหมด !!! ปกติจะมีติดกระเป๋าไว้ตลอดไง นี่ผมแจกหมดเกลี้ยงตั้งแต่งานเรือใบที่หัวหินแล้วหรือนี่
   งานเริ่ม 1100 แต่ผมไปถึงตั้งแต่ 1000 เผื่อเวลาไว้เพียบ เพราะย่านนั้นรถติดหนักมาก ตอนแรกกะจะข้ามเรือไป แต่ติดที่ไม่มีที่จอดรถทิ้งไว้ ก็เลยตามเลย ขับมันไปจนถึงที่งานเลยละกัน
   สาวๆ เพียบ ยืนกันเป็นสิบ ลงทะเบียนเสร็จแล้วเขาก็เชิญให้ไปทานอาหารว่าง มีพวกสารพัดเครื่องดื่ม และสถานีเค๊กที่หอมฉุย แต่ไม่ได้หยิบอะไรกินสักอย่าง ผมมาเร็วก่อนเวลาก็เพื่ออ่าน Press kit ต่างหาก
   ว่าแล้วก็หยิบเอกสารออกมาอ่านอย่างละเอียด เป็นพวกสเปครถน่ะครับ และแซมด้วยนวัตกรรใหม่ๆ ที่มาอยู่ในรถคันนี้ เห็นนักข่าวคนอื่นมีแคตตาล็อคด้วย แต่ผมไม่มี นึกอยากได้เหมือนกันนะ แต่ทำไงได้ เราเป็นพวกคนโนเนม เขาเชิญให้มาร่วมงานด้วยแค่นี้ก็ดีใจตายแล้ว
   ทีหน้างานเจอ “ไอ้บี๋” เพื่อนสนิทเก่าแก่มากของผม สนิทกันตั้งแต่เด็ก อีกพักเดียวก็เจอ “พุทธิ” คนนี้เป็นเพื่อนนักเรียนตั้งแต่สมัยประถมเลย เจอเขาครั้งแรกสองปีก่อนที่งานเปิดตัว Mercedes Benz E Class รู้สึกว่าคนละรุ่น เขาเป็นผู้บริหารระดับสูง เราเป็นแค่นักข่าว เลยไม่กล้าคุยกับเขาเยอะ กลัวเขาเสียภาพพจน์ แต่มาวั้นนี้พุทธิมาคุยกับผมอย่างเป็นกันเอง เลยรู้ว่าพุทธิก็มีลูกรุ่นเดียวกับลูกผมเลย แถมเลี้ยงเองเหมือนกัน ก็เลยคุยกันเรื่องลูกเสียเป็นส่วนใหญ่
   สักพักก็เจอ “ป้ำ” คนนี้แปลกว่าเพื่อนคนอื่นครับ เพราะเราเป็นคู่อริกันตั้งแต่ตอน ม6 เกือบจะชกกันตอนเรียนพิเศษที่จุฬา แล้วก็ไม่ได้เจอกันหลายปี มาเจออีกที อยู่กับ Mercedes Benz ไปซะแล้ว
   ป้ำอยู่ค่ายนี้นานพอๆ กับไอ้บี๋ ส่วนพุทธินี่เขามาทีหลัง แต่กลับเป็นเพื่อนที่เก่าแก่ที่สุด
   ผมคุยกับไอ้บี๋เรื่องข่าวรถยนต์ มันเลยแนะนำ “ฝน” ฝ่าย PR ให้รู้จัก ผมไม่มีนามบัตร น่าอายจริงๆ เลยให้เบอร์โทรเขาจดไปแทน หวังว่าฝนคงไม่เอาไปขยำทิ้งนะ
   1100 งานเริ่มตรงเวลาเป๊ะ ผมเลือกนั่งหน้าสุดตามเคย แต่กำลังจะคว้าเก้าอี้ ก็มีเจ้าหน้าที่วิ่งปราดเข้ามา
   “แถวหน้านี้ขอสงวนไว้สำหรับผู้บริหารนะครับ”
   โอเค ผมจัดแถวสองแทน เลือกตัวริมสุด เพราะเดินเข้าออกง่าย ผมมาร่วมงานวันนี้ในฐานะนักข่าว ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ นักทดสอบรถ คอลัมนิสต์ กองบรรษณาธิการ บรรณาธิการบริหาร และผู้อำนวยการ เรียกว่าทุกตำแหน่งในงานสิ่งพิพม์ ผมจัดแม่งคนเดียวหมดเลย รวมไปถึงงานพิสูจน์อักษร และฝ่ายโฆษณา
   อ้อ ถ้าเป็นบริษัทใหม่ๆ จะมีฝ่าย CRM ผมก็คงต้องจัดด้วย (Customer Relationship Management)
   เพิ่งรู้ว่าเขาเปลี่ยน CEO คนใหม่มาครับ ตัวสูงปรี๊ดเลย นั่นประไร เดินมานั่งด้านหน้าผมเป๊ะ รีบจัดเสื้อสูท จัดเสยผม เพราะผมเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าได้
   แป๊บเดียวจริงๆ กองทัพช่างภาพหลายสิบคนมารุมถ่าย CEO แน่นอน ผมนังอยู่ด้านหลังเขา ตอนนี้กลายเป็นวอลเปเปอร์เลย
   CEO มา นั่นแปลว่าพริตตี้ระดับเทพก็ต้องมาตามติดด้วย เป๊ะครับ สาวตัวสูงปรี๊ดเดินมายืนข้างหน้าผมห่างกันแค่ฟุตเดียว
   ดนตรีออเครสต้าบรรเลง แล้วก็มีคนขับ S Class เข้ามาในงาน มาจากด้านหลัง อย่างเท่เลยครับ ผมเลือกฮวงจุ้ยถูกเป๊ะ ตำแหน่งของผมถ่ายรูปได้สวยที่สุด ผู้คนเลยมาลุมล้อมตรงโต๊ะผมเต็มไปหมด ไม่ซีเรียส ไม่ต้องแย่งกัน ผมถ่ายไปก็ไม่สวย แสงมันมืดๆ น่าแปลกนะที่เขาเอารถสีเทาเข้มมาโชว์ ลองคิดดู ผนังห้องก็สีดำ เพดานก็ดำ พื้นก็พรมสีเทา น่าจะเป็นรถสีเงินผมว่าเจ๋งสุด และผมขอเดาว่าเทรนด์รถสีขาวจะเริ่มเอ้าท์แล้ว (ไม่ถึงกับเลิกฮิต แต่จะมีสีอื่นที่แปลกกว่าเข้ามาแทน เช่นสีแนว Earth Tone)
   ประธานใหญ่กล่าวเปิดตัว the new Mercedes Benz S Class ตามมาด้วยหัวหน้าฝ่ายการตลาด พูดสดสลับกับเปิด Video ฟังแล้วรู้สึกน่าทึ่งหลายอย่าง เช่นระบบเสียงที่สมบูรณ์แบบชนิดที่ว่าทุกตำแหน่งในรถทั้ง 4 ที่นั่ง จะได้ยินเสียงคุณภาพเท่ากัน เฮ้ยย เป็นไปได้ไง มีระบบนวดหลากหลายรูปแบบ ระบบไฟหน้าไฟท้ายแบบอัจฉริยะ คือฉลาดกว่าผู้เป็นเจ้าของ มันจะปรับเพิ่มหรือลดกำลังไฟให้เองโดยอัตโนมัติ
   ไอ้พวกมีระบบแปลกๆ ประหลาดๆ นี่ยอมรับเลยนะครับว่าตอน Test Drive จะเหนื่อยมาก คือเราต้องเล่นจนรู้ลึกทุกฟังชั่นของเขาไงถึงจะวิจารณ์ได้ บางคนว่าเขาไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้เคยใช้เองจริงๆ ก็มีเยอะ แบบนี้แหละครับที่ผมเรียกจำขี้ปากเขามาเล่าตอน แม่งไม่ค่อยแมนเลยว่ะ ทำฟอร์มว่าตัวกูเจ๋ง แท้จริงแล้วเปล่าเลย
   ใช้เวลาพรีเซนต์ทั้งหมดราว 1 ชม สาระล้วนๆ ภาษาอังกฤษล้วนๆ เช่นกัน แต่มี “พี่ฮาร์ท” เป็นพิธีกรและช่วยแปลให้ฟัง พี่ฮาร์ทนี่ก็นักจักรยานตัวจริงยุคแรกๆ เลยนะนั่น รู้จักเขาตั้งแต่สมัยอยู่ช่อง 3
   จากนั้นเขาเลี้ยงอาหารกลางวันสำหรับผู้มาร่วมงานทุกคน แป๊บเดียวคนหายกันไปกว่าครึ้งห้อง ผมไม่ชอบแย่ง เลยยื้นดูรถเล่น ช่วงนี้เจอกับ “ป๊อบ” มารู้ทีหลังว่าเขาคือเทรนเนอร์ เป็นลูกน้องไอ้บี๋อีกที
   ป็อบเสนอตัวพูดว่า มีอะไรสอบถามได้นะครับ
   จัดให้ครับป๊อบ ถามเรื่องระบบ Hybrid ที่สุดแสนจะซับซ้อนก่อนเลย
   วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนๆ ได้กี่ กม ครับ
   1 กม ครับ ป็อบตอบหน้าตาเฉย เพราะคันนี้ใช้แบต Hybrid ลูกเล็กครับ
   รับประกันแบตกี่ปีครับ
   5 ปีครับ
   ผมเปิดดูฝากระโปรงท้าย ไม่เห็นยางอะไหล่ คือให้ชุดปะยางแทนหรือครับ
   ใช่ครับ เพราะต้องการพื้นที่สำหรับวางแบต Hybrid
   ตอนนี้ไอ้บี๋เดินเข้ามาร่วมวงคุยด้วย ถึงเพิ่งรู้ว่าป็อบเป็นเด็กใหม่ที่จะมาช่วยงานไอ้บี๋
   ผมชอบงานของไอ้บี๋มันมากเลยนะ ทำตำแหน่งเทรนเนอร์ เป็นคนสอนเซลล์ทั่วประเทศ ต้องรู้จักรถทุกรุ่นเป็นอย่างดีและละเอียดลึกซึ้งสุดๆ
   ดูรถสักพักผมว่าจุดขายของไอ้รถคันนี้มันอยู่ที่ลูกเล่นมากกว่าฟีลลิ่งในการขับนะ (ความคิดเห็นในขณะนี้ ที่ยังไม่ได้เคยลองขับ)
   ลูกเล่นของรถส่วนใหญ่จะอยู่ที่เบาะหลังครับ และถ้าเป็นตำแหน่งเบาะหน้าก็จะเป็นพวกฟังชั่นควบคุมการทำงานของหน้าจอที่กว้างถึง 1 ฟุต พระพุทธเจ้า จอยาว ยังไม่พอนะ เพราะหน้าปัดที่ให้คนขับมองก็จะเป็นจอเหมือนแทปเลท จะแสดงผลตามฟังชั่นการใช้งานขณะนั้น ตอนขับก็ขึ้นมาตรวัดกลมๆ 2 อันปกติ วัดรอบ และวัดความเร็ว ส่วน GPS นี่ใช้แผนที่เวอร์ชั่นล่าสุด เปิดแผนที่ กทม มันขึ้นเป็นแบบ 3D สุดยอดๆ ๆ
   เจอแบบนี้ก็เพลินล่ะครับ นี่แค่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังมีจอแบบทีวีวางไว้อยู่ตรงพนักพิงหลัง จอเบ้อเริ่ม มีรีโมทและหูฟังไร้สายซุกไว้ที่กระเป๋าข้างประตูด้านละชุด (ระวังหายด้วย)
   ตอนนี้คนในห้องโถงเหลือไม่กี่คนแล้ว เหลือแต่กลุ่มผมก็ว่าได้ PR สาวคนหนึ่งเดินมาเชิญให้ไปกินข้าว ระหว่างทางบี๋แนะนำให้รู้จักเพื่อนอีกคน ผมรีบยกมือไหว้ ผมไม่มีฟอร์มครับ เจอใครก็ไหว้ไว้ก่อน
   เฮ้ย นี่ไง ไอ้เปิ้ล
   “ไอ้เปิ้ลม้าลาย” เพื่อนไอ้บี้คนนั่นโพล่งออกมา
   ผมยกมือไหว้เสร็จสรรพ ถึงกับงง อ้าปากหวอ ยังพนมมืออยู่หน้าอก เฮ้ย รู้ได้ไงว่ากูคือเปิ้ลม้าลาย
   ไอ้บี๋ยิ่งงง เฮ้ย นี่ “ไอ้ดอม” ไง คนที่ขับ S Class เข้ามาในงาน
   ผมกับดอมไม่ค่อยสนิทกัน เลยจำเขาไม่ได้ ฮ่าๆ แต่ไอ้ดอมมันจำผมได้ เรียกฉายาเปิ้ลม้าลาย ก็เพราะตอนเรียนมหาวิทยาลัย รถที่ผมขับเป็นรถลายม้าลายทั้งคัน จนคนไม่รู้จักคิดว่าผมเป็นลูกเจ้าของ Safari World ที่เพิ่งเปิด (ในยุคนั้น)
   ยังเจอ “พี่บอย” อีกด้วย ผมเรียนที่เดียวกับ “พี่บอย” วรพล สิงห์เขียวพงษ์ เจ้าของ Thai Driver ที่ทุกวันนี้ดูแลนิตยสาร Option ของค่าย Inspire พี่บอยยุคนั้นขับ VW Bug ครับ เรียนที่เดียวกัน แต่ตอนนั้นยังไม่รู้จักกัน แน่น่ะ เราเห็นรถของกันและกัน ผมเรียกพี่บอยตามคนอื่นนะ แต่จริงๆ แล้วเขาอ่อนกว่าผม 1 ปี
   อาหารที่โรงแรมแชงกรีลาหรูหรามากครับ อร่อยมากอีกด้วย และเช่นเคย การกินบุฟเฟต์ของผมจะกินอาหารที่หลากหลาย และเลือกกินของที่ไม่ค่อยได้กินในชีวิตประจำวันก่อน
   จัดปลามาก่อนเพื่อน แล่เป็นเนื้อล้วนๆ นี่ชอบมาก กินง่าย ไม่ต้องกลัวก้าง ตามมาด้วยมัสมั่นเนื้อวัว รสชาติดีครับ เหลือเยอะอีกด้วย คนส่วนใหญ่คงจะไม่กินเนื้อวัว ผมเลยเอาขนมปังฝรั่งเศษมากินแกล้มกับแกง อร่อยสุดยอด
   กินไปก็คุยกันไปกับป๊อบ รุ่นน้องคนนี้ผมสนิทน้อยที่สุด เพราะเพิ่งรู้จักเมื่อ 1 ชม ที่แล้วนี่เอง ป๊อบเป็นเทรนเนอร์ที่จะมาแทนไอ้บี๋ อย่างที่บอกครับ เป็นตำแหน่งงานที่ผมชอบมาก จึงคุยกับป๊อบเรื่องตัวรถล้วนๆ คุยกันถึงเรื่อง “เมนูลับ” ที่กระทั่งเจ้าของรถเองก็ยังไม่รู้ แต่นี่แหละ มันคือหน้าที่ของผม
   ป๊อบเองก็ไม่รู้เรื่องเมนูลับ ผมเลยบอกเขาว่า ใช้เวลาอยู่กับรถนานๆ เดี๋ยวคุณก็จะหาเจอ อาจต้องขยันซนหน่อย
   ตอนนี้ผู้คนหายไปกันเกือบหมดแล้วครับ สอบถามทีหลังพบว่ามีงานของ BMW จัดเปิดตัว 4 Series อยู่ที่เซ็นทรัลเวิร์ด !!!
   เฮ้ย ตัว 4 นี่ผมชอบมาก
   แต่ไม่มีบัตรเชิญว่ะ แถมไม่รู้จักใครที่ BMW เลย ตอนนี้คงเหลือคุณ “พิสมัย” คนเดียวที่ผมยังเคยคุยด้วย คนอื่นอย่าง “ดร วิทย์” หรือ “พี่อ้วน” ก็ออกจาก BMW กันหมดแล้ว ผมรู้จักแต่พวกผู้บริหารระดับสูงเลยครับ ช่วงสมัยก่อนทำทดสอบให้กับ BMW เยอะมาก จำได้แม่นเลย ครั้งหนึ่งขับรถทดสอบไปคืน แล้วกำลังจะกลับบ้าน พี่อ้วนถามผมว่ากลับอย่างไร ผมบอกกลับรถเมล์ครับ ต่อเดียวลงถึงหน้าบ้านเลย สะดวกดี
   พี่อ้วนกดโทรศัพท์คุยกับลูกน้อง แล้วพี่พิสมัยก็หยิบเอากุญแจ BMW เปิดประทุนมาให้ พี่อ้วนบอกว่าเอาไปขับเล่น ไม่ต้องเขียนลงหนังสือก็ได้
   สุดยอดไหมเล่า …..
   แต่นั่นมันอดีตไปแล้วล่ะ เป็นอดีตที่ผมจำได้ไม่มีวันลืม วันคืนที่รุ่งโรจน์ครั้งก่อน แต่สักวันผมจะกลับมาทำให้มันสว่างไสวอีกครั้ง
   ส่วนวันนี้ล่ะ เอาไงดี จะไปมั่วดริ๊งที่หน้างาน เขาจะถีบเราออกมาไหมวะ สองจิตสองใจ จู่ๆ ป็อบก็ชวนกลับไปดูรถกันต่อ
   อ้าว เขาไม่ได้เลิกงานกันแล้วหรอกหรือ
   เปล่าครับพี่ จองไว้ตลอดวัน ตอนเย็นจะมีงานเปิดตัว S Class สำหรับลูกค้า VIP เราเชิญไว้ไม่เยอะหรอกครับ เพราะตัวรถเราเองก็ไม่มากนัก
   สาวเท้าก้าวเดินตามป็อบไป เจอไอ้คันเก่าจอดอยู่นิ่งสงบ
   เชิญได้เต็มที่เลยครับพี่ ป็อบพูด เชิญให้ผมดูรถอย่างละเอียดทุกซอกมุม
   บ๊ะ สะใจจริง โดดขึ้นเบาะทีละตัว ทุกตำแหน่ง พบว่าเบาะที่นั่งสบายสุดก็คือเบาะหลังครับ เด่นตรงพนักพิงหัวที่โคตรนุ่ม และฟังชั่นปรับโอบกระชับลำตัวคล้ายๆ กับเบาะ Bucket Seat ยังไม่พอ มีระบบนวด และพัดลมใต้เบาะ
   ระบบเสียงที่บอกว่าอะเมซิ่งก็จริงตามนั้น นั่งทุกตำแหน่ง ได้ยินเสียงเหมือนกันจริงด้วย (แบบคร่าวๆ นะ ไม่ได้ทดสอบอย่างละเอียด ไม่ได้ทดลองเปิดหนัง หรือเปิดเพลงที่นำมาเอง)
   อลังการตรงหน้าปัดครับ ตอนดับเครื่องจะเป็นเหมือนแทปเลตเรียบๆ พอติดเครื่องถึงจะเห็นเป็นรูปเข็มวัดรอบ วัดความเร็ว และระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ฯลฯ
   แต่แปลกอย่างหนึ่งนะ ผมลองสตาร์ทแล้วจะใช้ระบบไฟฟ้าอย่างเดียว กลับทำไม่ได้ว่ะ ไม่รู้ต้องทำอะไรพิเศษนอกเหนือจากนี้อีกไหม
   ข้างๆ ตัวรถมีซุ้มเครื่องเสียงยี่ห้อแปลกๆ ไม่คุ้นสักนิด ป็อบให้ทายราคา ผมทายไม่ถูกหรอกครับ เห็นเรียงกันเป็นชั้นๆ มี CD ลำโพง แอมป์ ราวๆ นี้
   11 ล้านครับ ราคาเท่ากับตัวรถ S Class นี่แหละ
   พระพุทธ!!! จริงหรือวะนี่
   มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้จริงๆ ครับ ต้องมีหูระดับเทพอีกด้วย
   ผมฟังแล้วรู้สึกแค่ว่าเสียงดี ฟังสบาย มีเบส มีกรุ๊งกริ๊งครบ เปิดเสียงดังแล้วไม่หนวกหู ฟังได้นาน ผมรับรู้ได้แค่นี้
   โชคดีจริงๆ กู
   ผมใช้เวลาอยู่กับเจ้า S Class หลังฉากนี้อีกถึง 2 ชม ในการทดลองระบบต่างๆ เช่น นวด ปรับเบาะ เปิดมูนรูฟหน้าหลัง ชอบม่านด้านข้างด้วย ซ่อนได้สวยและเนี๊ยบมาก มีตู้เย็น ตู้อุ่น อยู่ตรงกลางเบาะ เด็ดสุดปิดท้ายคือ เบาะหลังทั้ง 2 ตำแหน่ง สามารถดูหนัง หรือทีวี หรือฟังเพลง แยกอิสระจากกัน และแยกจากชุดหน้าอีกด้วย
   ผมไม่เคยนั่งเครื่องบิน First Class หรอกนะ แต่ผมว่าเบาะมันน่าจะสบายไม่แพ้กันเลยล่ะ (แอบได้ยินพวกหรูๆ เขาคุยกันตอนอยู่ในงานช่วงเช้า)
   เราต้องเจอกันอีกครั้งแน่ๆ เจ้า W222
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 08, 2013, 11:06:37 am
6 กย 56
   นอนดึก เลยตื่นสาย ไม่ได้ขี่จักรยาน ใช้เหยียดยืดออกกำลังกายแทน ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ น้ำหนักตัวคงจะไม่ลงแน่เลย
   มิวเองก็ยังคงต้องไปปลุกเหมือนทุกวัน จะตื่นเองก็ต่อเมื่อเป็นวันหยุด
   งานที่ร้านขายของยังคงเดิมๆ แต่หลังจากกลับมาจากงานเปิดตัว S Class เมื่อวาน หัวใจก็พองโตขึ้นมานิดหน่อย ทั้งๆ ที่หายจากวงการรถยนต์ไปกว่าสิบปี เป็นคนอื่นคงจะลืมเราหมดแล้ว แต่นี่กลับได้เจอเพื่อนเก่าๆ ในงาน รู้สึกดีใจมาก
   คิดคอนเสปงานใหม่ของ Racing Club ได้แล้ว จะว่าใหม่ก็ไม่เชิง แต่มันเป็นไอเดียเก่าที่ตอนนั้นยังไม่ได้เอามาทำมากกว่า ยังไงๆ Racing Club ก็น่าจะกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งน่า
   ฟังวิทยุตอนปัญหารถยนต์แล้วผมทะแม่งๆ กับคำตอบของวิทยากรท่านหนึ่ง คนนี้คิดเห็นขัดแย้งกับผมหลายเรื่องมากๆ เลยชักจะสงสัยว่าใครที่เพี้ยน
   ผู้ใช้รถโทรมาถามเรื่องอาการเกียร์หลุด คือขับๆ อยู่แล้วคันเกียร์เด้งมาอยู่เกียร์ว่าง (รถกระบะ)
   วิทยากรท่านตอบว่าเฟืองเกียร์เสีย ต้องยกเกียร์มาซ่อม เกียร์ไหนหลุดก็ซ่อมเกียร์นั้น
   แต่ความคิดเห็นผมก็คืออาการเกียร์หลุดมันคือบูชคันเกียร์หลวม ไม่ต้องผ่าเกียร์อะไรเลยสักนิด เปลี่ยนแค่บูชหลักร้อยบาท
      
   เข้ามาบ้านตอนบ่าย ลุ้นดูแข่งวอลเล่ย์บอลหญิงต่อ วันนี้ซัดกับไต้หวัน มาอีกแล้ว กีฬาที่มีการแตะมือกันมากที่สุดในโลก เอะอะ อะไรนิดหน่อยก็ต้องวิ่งมาแตะมือกัน แถมแตะกันครบรอบวงอีกด้วย
   ดูแป๊บเดียวจบ ไทยชนะ Chinese Taipei 3 เซ็ทรวด
   สงสัยนะ เขาไม่ได้เรียกประเทศไต้หวันแล้วหรือ หรือว่าจีนให้ใช้ชื่อนี้ โดยให้ไต้หวันเป็นเขตปกครองพิเศษ
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 08, 2013, 11:11:31 am
7 กย 56
   ขี่จักรยานไป 30 นาที กลับมาบ้านกินกูฉ่ายลูกจิ๋วเป็นอาหารเช้า แกล้มกับแครอทและถั่วฝักยาวลวก มีกระเทียมสดหนึ่งกำมือเล็กๆ
   เช้านี้ผมขับรถไปส่งมิวที่สยามครับ แล้วก็จะเลยไปทำฟันที่ตึกชาญอิสระก่อน แต่เวลายังเหลือ เลยแวะไปร้าน Pro Bike ถนนสารสิน แต่ร้านก็ยังไม่เปิดอีก จึงไปนั่งเล่นในสวนลุมซะเลย
   รอจน Pro Bike เปิดถึงเข้าไปเดินเล่น ผมไม่ได้มาเหยียบที่นี่หลายปีมากแล้ว มาวันนี้ยิ่งไม่คุ้นเข้าไปใหญ่ ผมไม่คุ้นหน้าของเจ้าหน้าที่ทุกคนในร้านเลยด้วยซ้ำ ก็เดินดูรถดูของไปเรื่อยครับ เจอยี่ห้อ Chellanger กลับมาทำตลาดใหม่ มีเสือหมอบทรงสวยเลย (สวยแบบเก่าๆ) สีฟ้า ขายอยู่ 6 หมื่นกว่า และมี Tandem ด้วย ไอ้คันนี้ 4.2 หมื่น
   อยู่ได้พักเดียวก็ไปทำฟันที่ตึกชาญอิสระ ฟันผุครับ ไม่น่าเชื่อ ไม่เคยเจอฟันผุมากว่า 20 ปีแล้ว หมอบอกมันผุตรงซอกฟัน ซี่ทีมีครอบฟันพอดี (เคยมีปัญหาฟันบิ่น เลยใส่ครอบฟันเซรามิคไว้)
   อุดฟันแป๊บเดียวเสร็จ ไม่ต้องฉีดยาชาเหมือนสมัยเด็กๆ แล้ว ดีเหมือนกัน หมอเตือนให้ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ วันนี้มีเศษอาหารเศษผักติดฟันเยอะมาก บ่อยเข้าจะทำให้ฟันผุได้นะ
   “เมื่อเช้าผมกินกูฉ่ายมาครับหมอ”
   หมอโสภาหันมาหัวเราะร่วน ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ก็ขำแบบเอามือปิดปาก
   อ้าว กินกูฉ่ายมันผิดตรงไหน เขาคงจะขำเพราะอาจเจอหลักฐานเพียบอยู่ในปากผมก็เป็นได้
   ทำฟันเสร็จ 1030 ไม่รู้ไปไหนต่อดี กำลังคิดเพลินๆ ว่าจะไปงานท่องเที่ยวไทยดีไหมหนอ เขาจัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ไปงานแล้วผมคงอยากท่องเที่ยวขึ้นอีกเยอะ แล้วจะมีเวลาได้ไปหรือ มิวยังคงต้องเร่งติวเตรียมสอบ ม1 ปีการศึกษาหน้า
   คิดสองจิตสองใจ พอขับรถออกมาจากลานก็เจอฝนตกหนัก จบข่าวเลย ไม่ต้องคิดแล้ว ไม่ไปแม่งแล้ว กลับบ้านดีกว่า
   เข้ามาสิงที่คอนโดอีกครั้ง ไม่ได้มาหลายวันเหมือนกัน เจอฝนตกหนักพอดี จึงได้โอกาสล้างขัดพื้นระเบียงมันซะเลย
   0230 เชียร์วอลเล่ย์บอลสาวไทย แข่งกับเวียดนาม ถ้าชนะก็เข้ารอบไปแข่ง World Volley Ball ที่อิตาลี เฮ้ย เอาให้ได้นะเว้ยย
   น่าแปลกนะ นักกีฬาเขาทำเพื่อชาติ แต่ไอ้พวกนักการเมือง แม่งกับทำตรงข้าม ถ่อยโคตรๆ
   แล้วก็เกิดไอเดียด้านมืด น่าจะมีกลุ่มคนที่เกิดมาเพื่อปราบไอ้พวกคนเลวอย่างนี้บ้างนะ คื่อคนแบบนี้แม่งกู่ไม่กลับแล้วไง ตั้งหน่วยพิฆาตปราบเหี้ยแม่งซะเลย คือวางแผนล่าฆ่า เก็บ อุ้ม หรือจะเรียกอะไรก็สุดแท้แต่ เอาเป็นว่า หากเหี้ยเมื่อไหร่มึงเจอกู
   นักการเมืองเหี้ยๆ โกงกิน นักธุรกิจเอาแต่ได้ บุกรุกป่า ทำธุรกิจที่ทำลายธรรมชาติ ฯลฯ อยากจะฆ่าแม่งทิ้งให้หมด
   ดูวอลเล่ย์ไปด่าพวกโกงชาติไป แป๊บเดียว ไทยชนะเวียดนาม 3-0 ขำขำ ผมไม่ค่อยได้ดูกีฬาอะไรจริงจังนะ แต่สองสามวันมานี้ดูอย่างละเอียด ขอวิเคราะห์สักนิด
   จุดเด่นของไทยเราที่หาชาติไหนเลียนแบบได้ยากนั่นคือ “รอยยิ้ม” ครับ ตีดี ตีเสีย พวกสาวๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส เสริ์ฟติดเนท ตีเสียเอง ก็มีทำหน้าเขินอาย ผมว่าน่ารักดี มันเป็นการเล่นแบบธรรมชาติมากๆ
   เด่นอีกอย่างคือ “ความเหนียว” รับลูกตบได้ดีมากๆ
   อีกจุดเด่นคือ “ความไว” โยกย้ายตัวไปเตรียมรับลูกตบได้ดีมาก คือยืนถูกตำแหน่งน่ะ
   “ใจสู้” เห็นได้ชัดมากตรงที่ตามลูกที่มันออกนอกคอร์ทไปแล้ว ตามเอาลูกกลับมาได้ยังไม่พอนะ ยังเอาชนะแต้มนั้นได้อีกด้วย แม่งเจ๋งโครต
   เด่นสุดท้ายนั่นคือ “พวกเขาเก่งกันทุกคน” คือไม่ได้เก่งแค่บางคนแล้วพาทีมไปได้ แต่สาวไทยเจ๋งทุกตัว
   แปลกอย่างหนึ่งนะ ผมดูเหมือนว่าสาวไทยเราเป็นเหมือน “กระจก” คือตอนเราเจอทีมอ่อนๆ เราก็จะเล่นอ่อนๆ ตามเขา พอเจอทีมโหด ก็วิ่งตี โดดตบ ได้ไม่แพ้เขาเลย
   ชนะเวียดนามงานนี้ก็ได้สิทธิผ่านเข้าไปซัดงานชิงแชมป์โลกที่อิตาลีแล้ว ยินดีด้วยครับ จากใจจริง
   อ้อ พรุ่งนี้ช่อง 3 ถ่ายทอดชิงกับญี่ปุ่นเที่ยงตรง จะไปไหนก็ต้องรีบกลับมาดูทีวีที่บ้านกันล่ะวะ แต่เป็นการชิงแชมป์ของรายการ ไม่มีผลใดๆ กับงาน World Volley Ball
   
   วอลเล่ย์บอลจบ ต่อด้วยมวยไทยคาดเชือก ทำเป็นเหมือน Reality TV คู่แรกพม่าชกกับเซเนกัล ยกแรกเซเนกัลเจ็บหัวเข่าจนเดินไม่ได้ คนพากย์บอกว่าโดนเจาะยาง แต่ผมดูแล้วมันไม่ใช่ อาการของเขาคือลูกสะบ้าเคลื่อน น่าจะมาเกิดจากการโดนถีบ
   ผมก็เคยเรียนมวยไชยามาไง ลองนึกถึงตอนเรายืนตรงดูนะ แล้วจับลูกสะบ้าดู มันจะเคลื่อนๆ ได้ แต่หากเราย่อเข่าลงหน่อย ลูกสะบ้าจะถูกล็อคให้นิ่ง ลองจับดูสิ ลูกสะบ้าเคลื่อนไม่ได้แล้ว
   เซเนกัลสูง 180 กว่า พม่าตัวเล็กกว่าเยอะ ผมเห็นปุ๊บก็รู้แล้วว่าต้องเล่นเกมเตะตัดขา และต้องซัดตั้งแต่ยกแรก
   แล้วก็เป็นไปตามที่คิดอีกแล้ว เอ๊ะ มีญาณวิเศษอะไรหรือเปล่าวะ คิดอะไรแล้วมันเป๊ะหลายหนแล้ว
   
   เย็นไปรับมิวที่จุดนัดพบ เรียนกันทรหดดีครับ ตั้งแต่ 0830 จนถึง 0500 แต่ไม่มีปริปากบ่นสักคำ เป็นการเรียนโดยเขาสมัครใจเอง สุดตีนมากลูก
   ฝันให้สูง ฝันให้ไกล พ่อจะผลักดันลูกไปเอง
   กลางคือมิวให้อ่านนิทานให้ฟัง เป็นนิทานก่อนนอนแบบของเด็กๆ อ่านให้เขาฟัง 3 เรื่อง ปล่อยมุขมีเติมแต่งโน่นนี่เข้าไปบ้าง มิวหัวเราะเอิ๊ก อ๊าก สักพักก็หลับไป ผมแอบหอมหน้าผากเขา
   ถ้าพรของพ่อแม่มีพลังจริง ผมขอให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาฝันแค่นั้นเป็นพอ
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 08, 2013, 06:25:55 pm
8 กย 56
   วันอาทิตย์มาอีกแล้ว ไปไหนดีน้า ภรรยาผมไปวิ่งสวนรถไฟอีกเช่นเคย ออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กลับมาอีกที 0700 บอกว่าวิ่งไป 4 รอบ อยากจะต่ออีกรอบ แต่กลัวกลับมาบ้านไม่ทันไปส่งมิว
   โหห สวนรถไฟรอบละ 2.5 กม จัดไป 4 รอบก็ 10 กม ขำขำ เก่งว่ะ แกร่งมากด้วย
   ส่วนผมนั้นน่ะหรือ อยู่บ้านเหมือนเดิมครับ จะออกไปขี่จักรยานที่ไหนก็ไม่สบายใจ มิวยังคงต้องปลุก อย่างวันนี้แทนที่ตื่นแล้วจะอาบน้ำแต่งตัว แต่เปล่า มิวคว้าไอ้แป๊ดมาจิ้มเล่น เกมที่เขาชอบมากสุดตอนนี้ก็ยังคงเป็นพวกเครื่องบินรบยิงต่อสู้กัน
   เดินออกกำลังกาย ยืดเส้น เหวี่ยงแขน เดินถอยหลัง ฯลฯ ฟ้าสว่างหน่อยก็ล้างบ่อปลา สายๆ ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดกิน มีร้านประจำ กินตั้งแต่เด็ก อร่อยมากครับ สั่งบะหมี่ต้มยำแห้งใส่ลูกชิ้นหลายๆ อย่าง ขอผักบุ้งลวกใส่ไปอีก 1 กำมือ ชอบก๋วยเตี๋ยวก็เพราะมีผักให้กินเยอะนี่แหละครับ ระหว่างทางก็จัดน้ำเต้าหู้มาสองถุง เก็บสต็อคเอาไว้กินตอนกลางวัน
   เดินไปเดินมาในบ้าน ไปดูเต๊นท์ และแผ่นรองนอนที่เอามากางผึ่งไว้สองวันแล้ว ของพวกนี้เราต้องเอาออกมาใช้งานบ้างนะครับ ไม่ให้มันเก็บจนอบอับเกินไป แถมยังเป็นการตรวจเช็คสภาพอุปกรณ์นอนของเราว่ายังคงสภาพดีอยู่หรือเปล่า เผื่อตอนจะหยิบใช้กะทันหันจะได้ไม่มีปัญหา ประโยชน์อีกข้อก็คือเป็นการซ้อมมือให้เราเก็บเร็วกางเร็ว หยิบจับอะไรก็ดูคล่องมือไปหมด
   เสร็จแล้วก็เดินมาเตรียมงานเขียนต่อ ช่วงนี้สมองวกวนมาก รู้สึกว่าตัวเองเหมือนมี 2 หัว (หรือมากกว่านั้น) โปรเจคเพียบทั้งเรื่องรถยนต์ จักรยาน เรือ แคมปิ้ง เดินทาง ฯลฯ คิดมากแต่ไม่ได้ทำจนออกแนวฟุ้งซ่าน แก้ด้วยการทำสมาธิ ช่วยได้ทุกปัญหา
   แล้วก็เกิดแผนชั่วร้าย คือไหนๆ สมองแม่งก็วุ่นแล้ว นี่ถ้าเราเอาทุกเรื่องมารวมกันไว้ด้วยกันซะเลยนี่ มันคงจะต้องสนุกสุดๆ เป็นแน่
   1230 ลุ้นวอลเล่ย์บอลหญิงไทยเป็นครั้งสุดท้ายของแมทช์ งานนี้ชิงกับเจ้าภาพคือญี่ปุ่น
   ปาฏิหาริย์ไม่มีจริงครับ เราแพ้เขา 3 เซ็ทรวด เซ็ทแรกคู่คี่มาก พอเซ็ทสองก็ห่างออกมาหน่อย สุดท้ายขึ้นเซ็ทสามนี่แพ้ขาดลอย
   ขอวิเคราะห์บ้าง ญี่ปุ่นเสิร์ฟได้ดีมากๆ มีลูกแบบหมุนพอใกล้ตัวแล้วหุบงุ้มลง กะระยะลำบาก เขาตัวโตกว่าบล็อกได้ดีมากๆ คือเป็นคนตัวใหญ่ที่แข็งแรงและคล่องตัวอีกด้วย ไม่ได้ใหญ่แล้วเกะกะแบบทีมออสเตรเลีย
   แต่แพ้วันนี้ก็ยังมีข้อดี (อุตส่าห์คิดบวก) อย่างน้อยก็ได้รู้ข้อผิดพลาดของเราไง เด่นๆ เลยนะ คือเสิร์ฟพลาดเองบ่อยมาก ตบออกเองก็เยอะ ไอ้นี่คือปัจจัยของเราเอง คู่แข่งเขาอยู่เฉยๆ
   อาทิตย์หน้าพบกันอีกครั้งกับทีมญี่ปุ่นครับ ในงาน Volley Ball Grand Prix น่าจะที่ประเทศไทยนะ
   เย็นได้ฤกษ์เปลี่ยนยางรถ Giant Revive จอดนิ่งๆ มาหลายปี เพิ่งได้ขี่วันนี้เอง โอ้โห ความรู้สึกมหัศจรรย์กลับมาอีกแล้ว มันขี่ได้สบายดีเหลือเกิน บอกไม่ถูก ควบคุมรถด้วยเอวเหมือนขี่ Strida นั่งเต็มก้นแบบสบายสุดๆ ไม่ต้องเอื้อม ไม่ต้องก้ม เพราะมันคือรถ Semi Recumbent
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 10, 2013, 01:21:09 pm
9 กย 56
   อย่างเห่อเลย เหมือนได้รถคันใหม่ ไม่ใช่รถยนต์นะ เป็นจักรยาน เช้านี้เอา Revive ออกขี่ ซัดไป 30 นาทีเหมือนวันก่อนๆ แต่รู้สึกได้ชัดว่ามันต้องใช้แรงเยอะมาก ก็เลยคิดบวกว่าเป็นข้อดีเหมือนกัน ขี่รถหนักๆ ก็ได้ออกแรงมากกว่ารถเบา ในเวลาเท่ากัน เราได้ออกกำลังกายมากกว่า เจ๋งว่ะ
   ความรู้สึกมาแนวเดียวกับรถ Strida แรกจับก็แปลกๆ หน่อย แต่แป๊บเดียวก็จะคุ้นและสนุก รู้สึกแปลกๆ อีกนิดตอนขี่ช่วงจังหวะถีบบันได รู้สึกเหมือนว่าเราจะต้องเกร็งหน้าท้องด้วย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง มันจะเป็นรถที่สร้าง Six Pack ได้ โอ้ พระเจ้า มันเกิดขึ้นแล้ว !!!
   ค่อยๆ ลดน้ำหนักลงได้ทีละน้อย เมื่อวานแม่ทำแกงเขียวหวานไก่ และทอดมันปลากราย ตอนเย็นเลยจัดไปเยอะ แถมยังลามมาเช้านี้อีกรอบ หึหึ น้ำหนักไม่ลงไม่ว่า มันตีขึ้นแถมมาอีกครึ่งโล
   ญี่ปุ่นได้เป็นประเทศที่จัดงานโอลิมปิคครั้งหน้า แล้วก็โชว์ความฉลาดสุดๆ คือเขาเลือกเอา “โดเรมอน” มาเป็นสัญลักษณ์
   ทำไมถึงฉลาดหรือ ก็เพราะว่าเจ้าโดเรมอนเป็นตัวที่ทุกคนในโลกรู้จักและคุ้นเคย พอเอามาทำเป็นตราสัญลักษณ์ก็จะประชาสัมพันธ์ได้ง่าย อีกข้อก็คือมีกลุ่มคนชื่นชอบโดเรมอนเขาสะสมทุกสิ่งอย่างที่เป็นโดเรมอนอยู่แล้ว พอมาตอนนี้ก็จะมีของชำร่วย ของสะสม ผลิตออกมาอีกมาก
   แค่คิดก็เห็นถึงเงินสะพัดมหาศาล ตลาดคนสะสมของเล่น ตลาดคนเก็บของที่ระลึก แฟนโดเรมอน ฯลฯ เงินทั้งนั้น
   เข้ามาบ้านตอนบ่าย นั่งทำงานเขียนเล็กน้อย นึกแล้วอยากได้ทีมงานเจ๋งๆ อีกสัก 2-3 คน เอาไว้เป็นลูกมือคอยประสานงานตามที่ผมวางแผนเอาไว้ ในหัวสมองตอนนี้วุ่นวายดีเหลือเกิน อุดมไปด้วยเรื่องงานทดสอบรถยนต์ เรื่องจักรยานทัวริ่ง เรื่องเรือ เรือแคมปิ้ง ยังไม่นับเรื่องลูกที่เขาต้องเตรียมสอบเข้า ม1 แถมดันไปเลือกโรงเรียนที่สอบยากที่สุดด้วยเสียอีก
   เย็นฝนตก ไปรับมิวที่จุดนัดพบคือร้านหนังสือใน Big C แต่ไปแล้วไม่เจอ โทรหาก็ไม่รับสาย เลยเดินลุยฝนไปที่โรงเรียน แต่ก็ไม่เจอ กำลังเก้ๆ กังๆ เพื่อนมิวก็มาบอกว่า มิวเดินออกจากโรงเรียนไปนานแล้ว
   อ้าว งงสิ รีบเดินกลับไปยังจุดนัดพบ มิวบอกตะกี้เขาไปกินข้าวร้านเชสเตอร์กริลที่อยู่ข้างบน จึงสอนเขาว่าโทรศัพท์มีไว้ติดต่อสื่อสารกัน ถ้าลูกจะไปไหนก็แค่โทรบอกพ่อก่อน พร้อมเลื่อนเวลานัดพบก็ได้
   ข่าวเด่น
   Air Bus A300 ของการบินไทยไถลตกนอกรันเวย์ที่สุวรรณภูมิเพราะฐานล้อหักเมื่อคืนก่อน ลำพังเรื่องอุบัติเหตุก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่คิดไม่ถึงนั่นคือมีข่าวว่าลูกเรือของการบินไทยวิ่งหนีตายกันหมด ไม่มีใครดูแลผู้โดยสาร จนทำให้ยื้อแย่งกันโดดลงจากเครื่องทางไม้ลื่น (ramp) จนมีผู้บาดเจ็บ
   อ่านแล้วแปลกๆ นะ ลูกเรือไม่น่าจะถึงขนาดนั้น เสพข่าวใดๆ ฟังหูไว้หูครับ รับรู้รับฟังแล้วเป็นแค่ข้อมูลจะดีกว่า
   ส่วนคนบาดเจ็บก็นำส่งโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ แต่น่าแปลกคือการบินไทยแม่งลอยแพคนไข้เลย แทนที่จะมาจ่ายให้เขาที่โรงพยาบาลเลย แต่เปล่า คนไข้ต้องจ่ายค่ารักษาเองก่อนถึงจะออกจากโรงพยาบาลได้
   แม้จะบอกว่าชดให้คืนให้ภายหลังก็เถอะนะ ผมว่ามันไม่ค่อยแมนว่ะ ยิ่งองค์กรใหญ่ขนาดนี้ รู้สึกเสื่อมนิดๆ แถมยังต้องจอดเครื่องบินทิ้งอยู่กลางรันเวย์อีก 2 วัน ขอคิดลบนะ ผมว่าแม่งต้องมีผู้โดยสารโดนขโมยของสัมพาระแน่นอน โดยเฉพาะของในกระเป๋าหิ้วที่ถือขึ้นเครื่อง เงินทั้งนั้นครับ 
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 15, 2013, 02:29:37 pm
10 กย 56
   กลางคืนฝนตกหนักมาก นอนสบายเลยล่ะ หลับรวดเดียวถึงเช้า ตื่นมาอีกทีเกือบตีห้า ถนนเฉอะแฉะ ลองเอา Revive ออกขี่ เลี้ยวในจุดที่คิดว่ายังไงต้องลื่นแน่ๆ แต่กลับต้องทึ่ง เฮ้ย รถคันนี้แม่งเลี้ยวผ่านได้เฉยเลย
   คือถนนตรงขอบมันมีตะไคร่ไง ขี่แล้วก็จำได้ วันนี้อยากลองของ เอาเท้าลากราพื้นเตรียมยัน แต่รถมันกลับนิ่งสนิทเหมือนรถอยู่ในราง ทั้งๆ ที่ยางนอกก็เก่า เปื่อย เจ๋งดีว่ะ
   เอ๊ะ หรือว่านี่คือประโยชน์ของรถที่หนักก็ไม่รู้นะ แต่ถ้าเป็นจักรยานทั่วไปนี่ต้องมีลื่นไถลแน่นอน เพราะผมเคยมาแล้วหลายคัน (ลองๆ มาหมดแล้ว)
   เช้านี้กินทอดมันที่แม่ทำติดกันเป็นมื้อที่ 3 น่าจะหมดแล้วนะ กินจนอ้วนตุ้ยนุ้ยแล้ว ตอนสายเลยไปซื้อน้ำเต้าหู้ไว้ 2 ถุง เก็บไว้กินตอนบ่ายตอนเย็น เอาเม็ดแมงลักใส่เข้าไปด้วย เขาว่ามันจะช่วยระบาย จัดไป
   ขี่จักรยานไปทำธุระ และแวะเข้าไปตลาดท่าดินแดง มีข่าวว่าจะสร้างสะพานข้าม เลยสอบถามชาวบ้านในละแวกนั้น เขาบอกจะสร้างเป็นสะพาน 2 ชั้น ชั่นล่างคนเดิน ชั้นบนรถวิ่ง บ๊ะ เจ๋งว่ะ ไม่น่าเชื่อว่าเคยเสนอไอเดียกับทาง กทม ไป เขาจะนำไปพิจารณาด้วย
   ไอเดียของผมคือการก่อสร้างอะไรก็แล้วแต่ คนท้องถิ่นและคนเดินต้องได้รับความสะดวกมากที่สุดก่อน เช่น ถ้าตัดถนนก็ต้องสร้างทางเท้า ไฟส่องสว่าง ทำร่มเงา ทุกสิ่งอย่างเพื่อให้คนเดินเท้าได้รับความสะดวก มิใช่ทำเพื่อให้รถยนต์สะดวก
   สะพานเล็กๆ เชื่อมชุมชนดังเช่น ท่าดินแดง – ราชวงค์ ก็ควรเป็นสะพานเล็กสำหรับคนเดินและจักรยานเท่านั้น คือถนนข้างล่างมันเล็กไง ทำสะพานรถยนต์ไปมันก็ยิ่งสร้างให้รถติดในถิ่นนั้น และไอเดียทำสะพานคนเดินและจักรยานก็เพื่อให้เห็นสิทธิพิเศษในการเดินทาง ทำนองว่า เฮ้ย ถ้าเอ็งอยากข้ามสะพานนี้ เอ็งก็ต้องเดินมา หรือขี่จักรยานมาเท่านั้น
   สะพานแนวนี้ผมยังออกแบบไว้สำหรับอีกจุดคือ ท่าพระจันทร์ – ศิริราช แต่จุดนี้แม่น้ำกว้างมาก ไม่รู้จะออกมาเป็นเช่นไร
   แต่สะพานท่าดินแดงนี้เขายังไม่ได้สร้างเลยนะ ยังไงก็รอลุ้นต่อไป แต่รับรองว่าหากสร้างแล้วจะเดินทางไปเยาวราชแบบแป๊บเดียวถึง
   บ่ายฝนเทลงมาอย่างหนัก แต่แป๊บเดียวเคลียร์จบ ราว 30 นาทีเองมั้ง ลุ้นอีกรอบว่าคืนนี่จะจัดอีกไหม
   เย็นไปรับมิว วันนี้เขานัด 0530 ที่ร้านหนังสือ บอกให้ไปรับช้าหน่อยเพราะเขาจะอ่านหนังสือเล่น จะได้ไม่ต้องซื้อ
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 15, 2013, 02:32:09 pm
 11 กย 56
   Giant Revive DX เป็นเพื่อนผมอีกครั้งในเช้านี้ ได้ท่านั่งขี่ใหม่ที่ต้องเกร็งกล้ามท้องไปด้วย ก็รู้สึกแปลกๆ ดีครับ เบาะนั่งสบายไม่เจ็บก้นแถมมีพนักพิงหลังอีก นี่ถ้ามีหลังคาด้วยนะ สุดยอดเลยว่ะ
   วันนี้ตื่นเช้าเว่อร์ เลยขี่จักรยานไปถึง 45 นาที แถมเป็นรถคันนี้ที่ต้องออกแรงเยอะ ก็เลยเล่นเอาเหงื่อซึมเสื้อเปียกเหมือนกัน
   นี่เป็นช่วงเวลาของชีวิตที่น้ำหนักตัวลดลงยากมาก หรือมันเริ่มมีเค้าลางความอ้วนมาเยือนแล้ววะนั่น บางทีก็ไม่เห็นกินอะไรมาก แต่น้ำหนักก็ไม่เห็นจะลง คงเหลือเพียงวิธีเดียวแล้วล่ะที่จำทำให้มันลงมาได้ นั่นคือกลับไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเหมือนเมื่อก่อน
   เมื่อก่อนว่างเยอะไง ก็ทำโน่นทำนี่ได้ แต่ตอนนี้มีงานเขียนให้ทำเพียบ แถมสมองยังคิดสารพัดโปรเจคออกมา ล้วนแต่เป็นงานที่สุดมันทั้งนั้น
   แต่ละงานที่คิดนี่ผมเน้นมันเป็นหลักเลยนะ แต่เรามันแล้วก็ต้องให้อะไรแก่สังคมบ้าง แนวคิดของผมคือเอางานอดิเรกมาเป็นงานหลัก ชอบทำงานให้มันสนุก ก็เลยเอาความสนุกมาเป็นงานมันซะ คิดมันง่ายๆ แบบนี้แหละ ผมไม่ค่อยคิดถึงเรื่องเงินทองเท่าไหร่นัก ทำเอามัน หากทำดีจริง เดี๋ยวเงินมันก็จะตามมาเอง
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 15, 2013, 02:34:30 pm
12 กย 56
   ตื่นเช้ามาก็เจอฝนปรอย เดินออกกำลังกายแทน
   ไปส่งมิว แล้วเลยไปทำงาน วันนี้ผมต้องอยู่เฝ้าร้านตั้งแต่เช้าจนเลิก บอกไม่ได้กว่าถึงกี่โมง มันเป็นงานที่ไม่มีเวลาตายตัว เร็วสุดก็ทุ่มกว่า ดึกสุดที่เคยอยู่ก็คือตีสอง
   ฝนตกหนักสลับหยุดตลอดบ่าย งานเลยไม่มาก จึงออกจากร้านมาตั้งแต่ 0600 ไปรับมิวที่ร้านหนังสือ ขากลับภรรยาโทรมาชวนไปกินสเต็กหน้าปากซอยบ้าน มิวดีใจ ได้กินข้าวนอกบ้าน
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 15, 2013, 02:36:48 pm
13 กย 56
   ฝนตกหนักตลอดคืน เช้านี้ยังจัดหนักอีกรอบตอนตี 5 เลยไม่ได้ขี่จักรยานอีกวันติดต่อกันละ มีพายุเข้าไต้หวัน ไม่น่าเชื่อว่าไอ้ที่ไทยเราโดนนี่คือแค่หางๆ มัน กรุงเทพฯโดนฝนนิดหน่อยก็ออกอาการเดิมครับ นั่นคือน้ำท่วมขัง
   ตอนแรกสมัยเด็กผมคิดว่ามันผิดปกตินะ แต่พอโตขึ้นมาอ่านข่าวต่างประเทศบ้างก็ถึงรู้ว่ามันคือเรื่องปกติของสังคมเมือง ประเทศไหนๆ ถ้าเจอฝนหนักต่อเนื่องนาน ในตัวเมืองที่มีบ้านเรือนหนาแน่นก็จะระบายน้ำไม่ทัน ผลก็คือน้ำท่วมขังหลายจุดในตัวเมืองใหญ่
   ยิ่งใจกลางเมืองยิ่งระบายยาก ยิ่งไกลแม่น้ำลำคลองก็ยิ่งช้า ทำใจครับ หากเจอฝนแบบนี้ก็เตรียมอุปกรณ์ยังชีพของตัวเองเอาไว้ ถ้าขับรถก็ต้องเตรียมรองเท้าแตะ ถุงพลาสติกขนาดใหญ่เอาไว้สวมทับรองเท้า ผ้าขี้ริ่วขนาดใหญ่หน่อย เอาไว้เช็ดเท้าก่อนขึ้นรถ เตรียมของว่าง อาหารแห้ง น้ำดื่ม เผื่อไว้กินตอนรถติดหนักติดนาน สุดท้ายคือห้องน้ำมือถือ
   ส่วนตัวรถเองก็ต้องเตรียมตามสภาพครับ รถใหม่ก็ไม่ต้องมีอะไรมาก แต่ถ้ารถเก่าอาจต้องมีเยอะหน่อย เริ่มจากสเปรย์ฉีดไล่ความชื้น เชือกลากรถ สายจั๊มแบตฯ ขวดน้ำขนาดใหญ่ (เอาไว้เผื่อเติมตอนรถโอเวอร์ฮีท)
   ถ้าจะให้ลงรายละเอียดก็จะมีอีกเยอะมาก เล่ามากเข้าชักจะออกแนว on road survivor แต่คิดๆ แล้วมันก็เชื่อมโยงกับจักรยานทัวริ่งได้นะ คือเราต้องรับผิดชอบชีวิตและรถของเราเองขณะที่เราควบคุมมันอยู่ กับจักรยานเราก็ซ่อมบำรุงกันเอง แต่กับรถยนต์ล่ะ ซ่อมกันเป็นหรือเปล่า
   บางคนเป็นเซียนจักรยานเลย แต่พอขับรถนี่ใบ้แดก มีเยอะมาก เป็นกันทั้งชายและหญิง เล่าเรื่องจริงเรื่องหนึ่ง ผมรถติดอยู่วงเวียนใหญ่ ด้านหน้าไม่ไกลมีป้อมตำรวจ ผมเห็นหญิงสาวเดินคุยโทรศัพท์เดินย้อนกลับมาทางรถที่ผมจอดติดอยู่ เขาคุยไปร้องไห้ไป ผมได้ยินชัดเจนก็เพราะไฟแดงนี้ติดนานมาก ผมเลยดับเครื่องและเปิดกระจกไว้
   “ฮืออออ ฮือออ ตัวเอง รถเค้าน้ำมันหมดน่ะ” หญิงเจ้าของรถรำพันในโทรศัพท์
   ผมได้ยินแล้วละเหี่ยใจเลย ขับจนน้ำมันหมดกลางถนนนี่มันไม่ต้องทำอะไรกินในชีวิตนี้แล้วนะ เล่าให้ใครฟังก็หัวเราะใส่กันหมด แต่พอเวลาให้หลังผมก็คิดบวกนะ เอ๊ะ หรือว่ามาตรวัดของเขาเสียก็ไม่รู้
   ถ้าขับรถก็ต้องรู้จักเอาตัวรอดไห้ได้ ถ้าขี่จักรยานก็ต้องพามันกลับบ้านให้ได้ หรือจะเล่นเรือก็ต้องเอามันเข้าฝั่งให้ได้ อยู่กับอะไรก็ตามเราต้องจัดการดูแลพื้นฐานของมันให้ได้
   ไม่มีใครเก่งแต่เกิด แต่อยู่ที่ตัวเองจะสนใจหรือไม่เท่านั้นเอง
   เย็นไปรับมิว วันนี้เขานัดรอที่ร้านหนังสือในห้างเซ็นทรัลพระราม 2 เลือกหนังสือมากองใหญ่ จ่ายเงินหมดไปราว 1500 บาท ซื้อหนังสือประวัติศาสตร์ ตัวอย่างแนวทางข้อสอบ และหนังสืออ่านเล่นอีกนิดหน่อย ทุกอย่างทุกเล่มเขาเลือกเองล้วนๆ มีของผมติดมาเล่มเดียว คือหนังสือท่องเที่ยวบริเวณเขาใหญ่
   ที่ซื่อมาก็เพราะเห็นว่าใกล้จะแวกบ้าน มีร้านค้าใหม่ๆ เปิดเยอะแยะเต็มไปหมด กินแต่ร้านเก่าๆ เดิมๆ จนเบื่อ อยากลองของใหม่ดูบ้าง ไม่ได้จะไปกินเองหรอกนะ เผื่อจะพาพ่อแม่ไปน่ะครับ
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 15, 2013, 02:39:42 pm
14 กย 56
   วันเสาร์มาอีกแล้ว เมื่อก่อนวันเสาร์ผมจะว่างเยอะ แต่วันนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ มิวเปลี่ยนสถานที่เรียนใหม่ กลายเป็นเรียนตั้งแต่เช้าถึงบ่าย 2 และหลังจากนั้นก็ไปเรียนคุมองต่อจนถึง 0500 หึหึ จัดเต็ม
   ผมเลยต้องไปรออยู่ที่ร้านขายของตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายแก่ๆ และขับรถไปส่งที่เดอะมอลล์ท่าพระรอเรียนคุมองต่อ กว่าจะถึงบ้านก็ 0600 รอจนเบื่อเหมือนกัน ระหว่างรอก็ไปจ่ายเงินที่ City Bank และไปทำธุระที่ K Bank เสร็จแล้วก็รอที่ร้านหนังสือ
เย็นนี้มีงานเลี้ยงรุ่นของโรงเรียนสวนกุหลาบ แต่ผมหมดแรง เพลียๆ เลยขอพบกันปีหน้าแทน ยุคใหม่นี้มันมี face book ติดต่อสื่อสารกัน ก็เลยหายคิดถึงกันไปเยอะเลย
เย็นกลับมาบ้านขี่ Revive ไป 30 นาที วนเล่นอยู่ในบ้านแคบๆ นี่แหละ ความเร็วไม่เกิน 10 กม/ชม ซ้อมเรื่องความคล่องตัว รถมันคันใหญ่ บาลานซ์แปลกๆ เลี้ยวด้วยเอว สนุกดีเหมือนกัน
มื้อเย็นกินข้าวบ้านครับ กินกับแกงจืดเต้าหู้หมูสับ อร่อย ประหยัด
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 17, 2013, 03:29:23 pm
15 กย 56
   ภรรยาผมออกไปวิ่งแต่เช้าตรู่ ขนาดผมตื่นเช้าแล้วยังตื่นไม่ทัน ก็เล่นออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 ไฟแรงจริงๆ
   ท้องฟ้าครึ้มๆ ที่อื่นคงจะฝนตกแน่ๆ แต่ที่บ้านยังไม่ตก เลยขี่รถ Revive ไป 45 นาที จากนั้นรู้สึกเมื่อยก้น ไม่ได้เจ็บนะ นั่งมองรูปทรงรถแล้วก็เลยปรับเบาะให้ต่ำลงนิดหน่อย ลองขี่อีก 10 นาที ไม่เจ็บก้นแล้ว แปลกดี ไม่รู้ว่าเพราะเบาะต่ำลงแล้วจะดี หรือว่าก้นเราได้พักแล้วก็ไม่รู้ ไว้พรุ่งนี้ลองใหม่
   มิวออกไปเรียนพิเศษแต่เช้า ส่วนผมอยู่บ้านล้างบ่อปลาอีกเช่นเคย สายหน่อยมีฝนปรอย ตกหนักสลับกับหยุดนิ่ง พื้นหน้าบ้านยังไม่ทันแห้งก็ตกซ้ำใหม่อีกแล้ว เติมน้ำเสร็จติดตั้งระบบเติมอากาศชุดใหม่ งวดนี้ได้ท่อลมเพิ่มมาอีก 4 หัว ดูเจ้าปลามันชอบมาก มาแหวกว่ายเล่นผ่านเม็ดอากาศกลมๆ ที่ลอยขึ้นผิวน้ำกันใหญ่ ตอนนี้ปลาในบ่อมีทะลุ 100 ตัวไปมากแล้ว เทียบกับยุคก่อนออกลูก มีปลาอยู่สัก 7 ตัว
   พ่อแม่ไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งมา ซื้อขนมมาฝากเพียบ มิน่าเล่ามันถึงไม่ได้มีโอกาสลดน้ำหนักเสียที ก็กินเข้าไปมากกว่าที่เราใช้พลังงานมันก็เกิดปรากฎการณ์น้ำหนักเกิน
   อยู่บ้านก็แบบเดิมๆ ครับ นั่งคิดงานไปเรื่อย แต่คิดแล้วไม่ค่อยได้ทำ มันต้องปลีกตัวไปลุยไง ในโลกแห่งความจริงผมต้องไปช่วยเฝ้าที่ร้านขายของ ไอ้คนที่ไม่มีกิจการก็นึกอิจฉาเรา แต่ไอ้เราที่มีภาระต้องทำกันแทบทุกวันก็อิจฉาคนที่ทำงานอิสระ ยิ่งเห็นคนว่างๆ ตกงานนี่โคตรอิจฉาเลย ไม่ได้อยากตกงานอย่างเขานะ อิจฉาความว่าง ความอิสระของเขาต่างหาก
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 17, 2013, 03:31:54 pm
16 กย 56
   ฝนตกนอนสบาย ตื่นสาย ไม่ได้ขี่จักรยาน มิวเองก็ยิ่งเพลินเข้าไปใหญ่ เรียนตลอด 7 วัน แถมไอ้วันหยุดนี่ยิ่งเรียนหนักกว่าวันธรรมดาเสียอีก อดทนหน่อยครับลูก เราฝันใหญ่กว่าชาวบ้านเขาเยอะ ก็ต้องพยายามมากหน่อย
   นับว่ามิวโชคดีมากที่พบเจอฝันของตัวเองตั้งแต่เรียนประถม 1-2 นี่แหละ ภรรยาผมยังท้วงติงว่าอย่าไปจริงจังมาก เขาฝันแบบเด็กๆ อีกหน่อยก็ลืม แล้วก็จะเปลี่ยนแนว ผมก็เข้าใจนะ ถึงได้คุยกันสม่ำเสมอถึงเป้าหมายในชีวิต
   “ลูกยังคงฝันอยากเป็นนักบินอยู่ใช่ไหม”
   “เป้าหมายในชีวิตของลูกคืออะไร”
   “ฝันแบบเดิมอยู่ไหม”
   ผมถามราวๆ นี้ตลอดแทบทุกวันขณะขับรถไปส่งเขาที่โรงเรียน ถามเพื่อย้ำให้เขาเห็นภาพความฝันของเขาอย่างชัดเจน แต่ถ้าเมื่อไหร่หรือวันใดที่ลูกเลิกฝันแล้ว ไม่เอาแล้ว ก็บอกพ่อด้วยนะ เพราะฝันของลูกมันก็คือฝันของพ่อเหมือนกัน
   “แล้วพ่อฝันอะไรล่ะ” มิวย้อนถาม
   เล่นเอาผมสะอึก
   “พ่ออยากเป็นนักทดสอบรถอันดับหนึ่งของไทย”
   ตอบลูกไปตามตรงแบบนั้น ผมกล้าตอบลูก แต่ถ้าคนอื่นถาม ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรเหมือนกัน ทุกวันนี้มันจะไม่ได้เฉียดฝันเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้ามีโอกาสเข้ามาบ้างล่ะก็ ผมไม่ปล่อยมันไปแน่
   มิวถามแล้วก็แล้วกัน คงแค่อยากรู้แบบเด็กๆ มากกว่า
   บ่ายสองกลับมาบ้านรีบเปิดทีวีดูวอลเล่ย์บอลสาวไทยซัดกับญี่ปุ่น คู่นี้ผมชอบมาก คราวก่อนเจอกันที่โตเกียวเราแพ้เขาไป 3-0 มาวันนี้เราเอาคืนได้ที่โคราชไป 3-1 สองเซ็ทแรกชนะติดต่อกันเลยนะ เล่นเอาญี่ปุ่นใจเสียแน่
   น่าแปลกใจอย่างหนึ่ง ญี่ปุ่นมีคนตัวโตสูงใหญ่ ตบเก่ง มีมือเซ็ทผมสั้น สองคนนี้เก่งมากๆ ทำไมโค๊ชของเขาไม่เอาสองคนนี้มาลงตั้งแต่เซ็ทแรกก็ไม่รู้ ครั้นพอมาลงในเซ็ทหลังก็เอาชนะไทยได้ทันที เลยได้ไป 1 เซ็ท
   ชอบสาวไทยทีมนี้มาก เลยไปกดไลค์ “นุสรา” ในเฟซบุ๊คเพื่อขอรับข่าวสารจากเขา
   เย็นไปรับมิว นัดที่ร้านหนังสือตอน 0500 ผมไปก่อนเวลาเล็กน้อย กะจะไปอ่านหนังสือเล่น แต่ก็เจอมิวนั่งอ่านหนังสือรออยู่ก่อนแล้ว ขากลับมิวขอกินร้านยาโยอิ จัดไปครับ นานๆ กินที พอได้
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 24, 2013, 02:21:10 pm
17 กย 56
   ฝนตกกลางคืนอีกแล้ว เช่นนี้ผมเดินออกกำลังกายไป 30 นาที เดินหน้าสลับกับเดินถอยหลัง ช่วงนี้น้ำหนักตัวผมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง น่าจะกลับมาหนักสุดในรอบหลายปีอีกครั้ง ฮือออ ไม่น่าเลย
   บ่ายสองดูวอลเล่ย์บอลอีกแล้ว วันนี้ไทยซัดกับเวียดนาม ชนะน่ะ ชนะแน่ แต่เราอยากได้แต้มดีๆ ด้วยไง เพราะมีผลต่อคู่แข่งที่เราต้องเจอในรอบถัดไป
   แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ ไทยเราจัดไป 3-0 ขำขำ พรุ่งนี้พักแข่ง 1 วัน วันพฤหัสบดีมาว่ากันใหม่
   ดีครับ มีถ่ายทอดกีฬาแบบนี้ ทำให้คนไทยเราใช้เวลาว่างไปกับสิ่งสร้างสรรค์มากขึ้น สมัยก่อนแทบไม่มีเลยนะ จำได้ว่ามีแต่ถ่ายทอดมวยอย่างเดียว ไอ้มวยนี่ผมว่าเป็นกีฬาแบบที่คนดูเขาเล่นเป็นการพนันกันเสียมากกว่า ดูช่วงบ่ายของวันเสาร์อาทิตย์สิครับ นำทีมโดยช่อง 7 จัดมวยเป็นประจำ จนช่อง 3 เริ่มเอาบ้างแล้ว แต่ใส่เพิ่มความเป็นดราม่าเข้าไปด้วย ใส่การแสดงเข้าไปอีก กลายเป็นเหมือนมวยแบบ reality show ชื่อมวยคาดเชือก
   ว่างช่วงบ่ายก็พับเก็บแผ่นปูรองนอนที่กางผึ่งเอาไว้หลายวัน เป็นของ Quechua รุ่นนี้จะพองลมโดยอัตโนมัติ ผมเลยเอามากางทิ้งไว้ให้เซลล์อากาศภายในมันพองตัวเต็มที่ ไม่ลีบแบนเหมือนตอนโดนบีบอัดอยู่ในแพ็ค
   ซื้อเอาไว้ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้ไปไหน แต่ปีหน้าลูกเข้า ม1 แล้ว ผมน่าจะมีเวลาว่างเยอะขึ้น อืมม แต่ก็ไม่รู้นะว่าจะต้องพาเขาลุยเรื่องเรือใบอีกหนักแค่ไหน เพราะซัมเมอร์มิวเขาก็ต้องไปฝึกเรือใบที่สัตหีบอีก แต่คราวนี้ไปเป็นพี่เลี้ยงให้แก่นักเรียนรุ่นน้อง
   หากเราทุ่มเทไปกับสิ่งใดมาก เราก็จะต้องสูญเสียบางสิ้งไปบ้าง
   เย็นไปรับมิว วันนี้นัดที่ร้าน B2S ในเซ็นทรัลพระราม 2 ค่อยๆ ฝึกลูกทีละนิด ปีหน้า ม1 จะต้องเดินทางไปเรียนเองทั้งไปและกลับ
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 24, 2013, 02:26:30 pm
18 กย 56
   เช้านี่รถ Revive ที่เซ็ทติ้งใหม่ให้เบาะต่ำลงหน่อยแล้วไม่เมื่อยก้นแล้ว ลากยาว 30 นาทีแบบไร้ปัญหา ลงมาก็รู้สึกเหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้ขี่ เจ๋งจริงๆ เลย
   บ่ายไปธุระแถวสุขุมวิท เสร็จตอนเย็นก็เลยไปรับลูกพอดี วันนี้แวะซื้ออาหารปลารุ่นเก่า เอาแบบเม็ดเล็กๆ ปลามันฮุบเข้าปากได้เลย รุ่นใหม่ที่เคยลองเม็ดโตเกินไป กินแล้วมันบ้วนคายออกมาเป็นเศษๆ ทำให้น้ำขุ่น
   ตั้งแต่ติดตั้งระบบเติมอากาศมาสามสี่วันนี่ เห็นได้ชัดเจนว่าปลาว่ายน้ำอย่างมีความสุขกว่าเก่า มันไปแหวกว่ายผ่านฟองอากาศเล่นกันอย่างสนุกสนาน อารมณ์เหมือนคนขี่จักรยานมาร้อนๆ แล้วเจอน้ำตกก็รีบกระโจนใส่
   แวะร้านปลาอีก เอาอาหารปลาชุดใหม่มาสำรอง เดี๋ยวผมไม่อยู่บ้านหลายวัน คนอื่นซื้อจะเลือกไม่ถูกเอา นี่ผมให้ปลากินอาหารอย่างดีเลยนะ เลือกหลากหลายยี่ห้อสลับกันไป ไม่อยากให้กินยี่ห้อเดียว คิดเอาแบบคนไง ไม่ต้องการให้มีอะไรซ้ำซากจำเจ มีแบบผสมสาหร่ายสไปรูไรน่า 12% อีกด้วย
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 24, 2013, 02:27:55 pm
19 กย 56
   เช้านี้เดินออกกำลังกายแทน ฝนปรอยเลยไม่อยากขี่
   กินข้าว ไปส่งลูก ไปเฝ้าร้าน กะว่าบ่ายคงว่าง จะได้มีเวลาจัดกระเป๋าเดินทาง แต่เปล่า ผมต้องเฝ้าร้านตลอดวันจนถึงเย็น มาแบบไม่คาดฝันอีกแล้ว
   มาตามนัด บ่ายสองช่อง 7 ถ่ายทอดสดวอลเล่ย์บอลสาวไทยอีกแล้ว วันนี้ซัดกับจีน ดูแล้วก็ติดเหมือนกันนะ แต่แปลกที่ผมไม่ค่อยชอบดูฟุตบอลเหมือนผู้ชายทั่วไปเท่าไหร่ สาวไทยแม่งเจ๋งโคตร ชนะดีกรีแชมป์โลกอย่างจีนได้ สุดๆ แล้วครับทีมนี้ ตำนานเริ่มต้นที่จุดนี้แหละ จำไว้
   เย็นไปรับมิว วันนี้ขอกลับบ้านเร็วหน่อย ยังไม่ได้จัดข้าวของเลย มีเพื่อนมาจากต่างประเทศ เลยอยากไปช่วยดูแลเขาสักหน่อย ตอนผมไปสิงคโปร์มีโอกาสเจอกับ J เขาดูแลผมเป็นอย่างดี เป็นธุระหาจักรยานให้ขี่อีกด้วย ไม่ใช่จักรยานห่วยๆ นะ เป็น Dahon Matrix รถพับล้อ 26 ขี่แล้วติดใจครับ ลืมพับ 20 ไปได้เลย คนละเรื่อง ผมตะลอนอยู่ในสิงคโปร์ 5 วัน ก็ได้เพื่อนท้องถิ่นผลัดกันมาดูแล ใจดีจริงๆ เลย พอเขามาไทยก็อยากจะช่วยเขาบ้าง 
   หัวค่ำไปรับ J เพื่อนสิงคโปร์จะมาเที่ยวไทย ไม่ค่อยคุ้นในการไปรับใคร เพราะผมไปไหนมาไหนคนเดียวประจำ เครื่องลง 0745 ผมกะเวลาเดินทางไม่ค่อยถูก เลยไปแบบเผื่อๆ ไว้ก่อน ออกจากบ้านราว 0630 แต่พอจะออกจากบ้าน พ่อขอเอกสารไปทำธุระ เช่นสำเนาบัตรประจำตัว สำเนาทะเบียนบ้าน ปกติก็จะมีของพวกนี้ติดบ้านอยู่แล้วไง แต่ตอนนี้มันเหลือน้อย ไม่เพียงพอที่พ่อจะใช้ ก็เลยต้องรีบไปถ่ายเอกสาร รีบกลับมาเซ็นให้ เสร็จแล้วรีบออกจากบ้านทันที
มิวบอกให้พ่อมาหอมเขาก่อนจะไป น่ารักจริงๆ สวมกอดแล้วมิวก็วิ่งมาคอยโบกรถให้และยืนส่งถึงนอกรั้วบ้าน เขาคงคิดถึงผมมากถึงได้ทำเช่นนี้ เด็กน่ะครับ อาจพูดอะไรไม่เป็น แต่ผมรู้สึกได้นะ มิวครับ ลูกไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ไปคนเดียวหรอกนะ พ่อก็คิดถึงลูกมากเช่นกัน
ออกจากบ้านไปแค่พ้นปากซอยก็นึกขึ้นได้ว่าลืมรองเท้าแตะ เฮ้อออ รีบร้อนทีไร เป็นแบบนี้ทุกที เลยต้องวนกลับมาหยิบของที่บ้านอีกครั้ง แอบเข้าไปดูมิวอีกครั้ง เห็นกำลังจิ้มไอ้แป๊ดอย่างสนุกสนาน เขาตกใจมากที่เห็นผมยังไม่ไป และมาเจอเขากำลังนั่งเล่นเกม
มิววิ่งลงมาส่งเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ไปจริงๆ แล้วนะ อีก 4 วันพบกันจ๊ะลูกรัก
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 24, 2013, 02:33:43 pm
20 กย 56
   ฝนตกทั่งวันตั้งแต่กลางดึก เลยไม่รู้เอาไงดี เพราะมันตกแบบทั่วประเทศ ยกเว้นแค่ภาคใต้
   เลยตัดสินใจออกจากบ้านแต่เช้า เดินทางขึ้นเหนือ เป็นการเดินทางแบบ No Plan ภาครถยนต์ ขับมันไปเรื่อยๆ เจอตรงไหนสวย ตรงไหนดี ก็จัดมันซะเลย J เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ผมเองก็ไม่รู้จะคิดพาไปไหนดี ก็เลยจัดมันซะแบบนี้แหละ เลยต้องเตรียมอุปกรณ์ไปเสียหลายอย่าง ทั้งเต้นท์ อุปกรณ์การนอน น้ำดื่ม ขาดก็แค่จักรยาน และเรือ นึกแล้วอยากได้รถตู้คันใหญ่ๆ แบบ Mercedes Benz Sprinter จริงๆ
   ผมน่ะอยากได้รถบ้านมานานแล้ว แต่เป็นรถบ้านในสไตล์ของผมเองนะ ไม่ใช้รถบ้านแบบของฝรั่ง ไม่ต้องมีห้องน้ำ ไม่เอาห้องครัว ไม่เอาห้องนอน ผมเอารถไว้เก็บของใช้เช่นจักรยาน เรือ มอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์แคมปิ้ง หลังคาขอเป็นแบบเรียบสนิท ออกแบบเต้นท์นอนกันบนหลังคามันนี่แหละ ผมว่าเจ๋งสุดแล้ว
   รีบออกจากเมืองแต่เช้าครับ ขับไปทางสระบุรีก็แล้วกัน เพราะมีอุทยานแห่งชาติระหว่างทางอยู่บ้าง จะแวะหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่เส้นทางมันดูมีรายละเอียดมากกว่า
   แต่ปัญหาคือฝนตกตั้งแต่เช้าตรู่ และดูท่าทีแล้วไม่เห็นแววว่าจะหยุดเลย ดูพยากรณ์อากาศแล้วก็ยิ่งเศร้าใจ บอกว่าฝนจะตกไปตลอดจนถึงวันอาทิตย์ โอ้ พระพุทธ
   กะจะไปแบบ No Plan มันก็เลยยิ่งว้าวุ่นสับสน ฝนยังคงตกตลอดทาง ตกไม่หนักมากหรอก แต่ลากยาวกันแบบนี้ ภูมิประเทศแบบภูเขา รับรองแค่คืนเดียวก็ได้เจอน้ำป่าทะลุน้ำตกมาแล้ว แถมจุดที่กางเต้นท์ก็มักจะมีน้ำท่วมขังอีกด้วย เอาไงดีวะกู แม้จะเตรียมอุปกรณ์แคมปิ้งมาครบ แต่ถ้ามันกางเต้นท์ไม่ได้ก็จบเห่เหมือนกันนะ
   อ๊ะ งั้นก็หาจุดที่กางเต้นท์ได้สิ
   ปิ๊งๆ ๆ
   ขับไปจนถึงมวกเหล็ก กะว่าหากฝนหยุดจุดใดก็จะแวะเที่ยวในละแวกนั้น แต่ปล่าเลย ไม่ปล่อยให้ซาเม็ดเลยสักนิด แถมใกล้ภูเขาบางช่วงเทโครมลงมาอย่างน่าตกใจ ทำให้นึกถึงน้ำท่วมโคราชเมื่อ 2-3 ปีก่อนจริงๆ
   เอาไงดีวะ เกรงใจเพื่อนครับที่เขาอุตส่าห์มาจากต่างประเทศ ดันมาเจอฝนตลอดทริป ปกติผมจะเอารถ Isuzu Trooper มาใช้ เพราะมันใส่จักรยานได้หลายคัน แต่ตอนนี้ยังจอดอยู่อู่เลย เพราะโดนชนท้ายมา ยังซ่อมไม่เสร็จ วันนี้เลยเอารถพ่อคันเก่ามาใช้
   หมดมุข เล่นไม้ตายสุดท้าย ขับไปบ้านตัวเองนี่แหละ แต่ไม่ได้บอก J ว่าเป็นบ้านใคร
   ซิกแซกวนเวียนอยู่ในมวกเหล็กสักพักก็ถึง เจอ “ป้าหนา” แม่บ้านแสนใจดีกำลังทำความสะอาด ผมเข้าไปที่บ้านของญาติหลังหนึ่งก่อน กะจะขอหลบฝนสักพัก รอฝนหายค่อยว่ากัน แต่อย่างที่บอก ตกไม่หยุดยั้งจริงๆ เลยนั่งเล่น นอนเล่นในบ้านรอไปพลาง
   อยู่จนถึงบ่ายคุณอาที่เป็นเจ้าของบ้านก็มา และบอกให้ผมนอนด้วยกันที่บ้านหลังนี้ ก็เลยเปลี่ยนแผนจากเดิมกะจะกางเต้นท์นอนเอามันๆ กลายเป็นนอนในบ้านไม้หลังใหญ่แทน เล่นเอา J ตกใจ ตั้งตัวไม่ติด ไม่คิดว่าจะมีเซอร์ไพร์ส
   บ้านไม้อยู่กลางป่าโปร่ง ลมพัดเย็นสบายจนหนาว อากาศราว 22 C ขำขำ ถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนี้แย่เลย เหมือนเอาน้ำกินจากตู้เย็นมาอาบเป๊ะ
   ฝนตกไม่หยุดหย่อนจนถึงเย็น เลยนั่งดูวอลเล่ย์บอลสาวไทยด้วยกันอย่างสนุกสนาน ช่วยกันเชียร์กีฬานี่สนุกดีจริงๆ ครับ คือดูวอลเล่ย์มันได้เฮตลอดไง ไม่เหมือนดูบอล ได้เฮเฉพาะตอนซัดเข้าประตู ไม่งั้นก็มีเฮเก้อ
   ไม่ผิดหวังครับ สาวไทยเจ๋งโคตรๆ ชนะอีกแล้ว
   อยู่บ้านในป่านี่เรานอนกันเร็ว อากาศมืดเร็ว เย็นมากอีกด้วย เข้านอนกันแค่ตอนสองทุ่ม หลับอย่างลึก
   ฝนยังคงตกไม่หยุดครับ ป่านนี้น้ำป่าทะลักจากเขาใหญ่ไปลงทางปราจีนแล้วแน่ๆ ฝั่งน้ำน้ำตกเยอะ ก็ประเมินสถานการณ์กันเอาเองครับ ไม่ต้องรอให้หน่วยราชการเขาเตือนหรอก อยู่มาขนาดนี้แล้ว อายุปูนนี้แล้ว หากดูฟ้าฝนไม่เป็นก็ไม่ต้องทำอะไรกินกันแล้วล่ะ
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 24, 2013, 02:44:22 pm
21 กย 56
   นอนฟังเสียงฝนตลอดคืน มาเช้านี้ยังไม่มีแววว่าจะหยุดเลย จากเดิมคิดว่าแค่น้ำป่า ตอนนี้ผมประเมินใหม่แล้วว่าหากจุดใดตกหนักตกนาน ต้องมีน้ำท่วมแน่นอน นึกถึงภาพน้ำท่วมโคราชแล้วยังน่าตกใจไม่หาย ตอนนั้นผมกำลังมีประชุมอยู่บนเขาใหญ่พอดี แล้วก็รอดมาได้เพราะนั่งรถบัสคันใหญ่กลับครับ เลยลุยน้ำได้ สองข้างทางเจอรถเล็กจอดเสียเป็นแถว
   ว่าแล้วก็นึกถึงตัวเอง เอาแล้วสิกู วันนี้เอารถพ่อมาด้วย รถเก๋งธรรมดาๆ นี่เลย ไม่ได้เป็นแบบยกสูง ใต้ท้องรถเตี้ยกว่าปิคอัพเสียอีก เจอน้ำท่วมนี่งานเข้าเลยนะ สู้อยู่บ้านหลังนี้ต่ออีกสัก 2- 3 วันยังดีกว่า อยู่ที่นี่ปลอดภัยครับ บ้านอยู่บนยอดเนินเขาขนาดเล็ก สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 500 เมตร เด่นตรงอากาศเย็นมาก ลมพัดแรง เหมาะแก่การแคมปิ้งเป็นที่สุด
   สายหน่อยคุณอาพาไปเดินหาซื้อของที่ตลาดปากช่อง จากแผนเดิมนอนเต้นท์กลายเป็นนอนบ้านไม้ทั้งหลังอย่างดี ไม่ได้เอาจักรยานมาคิดว่าคงไม่ได้ไปไหนมาก กลายเป็นนั่งรถ Lexus RX350 อย่างหรูเลย
   บ๊ะ ชีวิต เล่นเอา J ตกใจ คิดว่าผมจะเซอร์ไพร์สมันไปถึงไหน
   อาพาไปกินร้านอาหารตามสั่งชื่อ “เลี้ยง” เก่าแก่อยู่ที่นี่มานาน 30 ปี โครตอร่อยเลยครับ สั่งอาหารพื้นๆ ยังอร่อยมาก เต้าหู้ผัดกับถั่วงอก ไข่น้ำ กุ้งผัดกระเพรา บอกสั้นๆ ว่าลืมรสชาติไม่ลง แถมราคาก็เป็นแบบบ้านๆ เสียอีกนี่
   เสร็จแล้วไปเดินตลาดปากช่องต่ออีกนิดหน่อย อาจะพากินโรตี แต่ดันไม่ขายเสียนี่ น่าผิดหวังจริงๆ ขากลับพาแวะดูโครงการที่ดินที่เขาจัดสรรขาย เห็นที่แล้วตกใจมากครับ ลักษณะคล้ายภูเขาเล็กๆ จนผมถามไปตรงๆ ว่าที่แบบนี้ออกเอกสารสิทธิได้ด้วยหรือ อาตอบว่าออกได้ เพราะมันเป็นเขาแค่ลูกเดียว ลูกเล็กๆ ไม่ได้ลากยาวต่อกันเป็นเหมือนพวกเทือกเขา หรือภูเขาใหญ่ๆ แบบนั้นออกให้ไม่ได้แน่ๆ
   ที่ดินจุดนี้สุดยอดมากครับ ใครอยากมีบ้านใกล้เขาใหญ่ก็นี่เลย แนะนำจริงๆ จากใจ รับประกันความผิดหวัง เพราะอยู่บนยอดเนินสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 650 เมตร ลมพัดเย็นแรงตลอดวัน รับรองว่าอยู่แล้วจะหนาว แถมตอนฝนตก มองจากด้านล่างขึ้นไป มีกลุ่มหมอกคล้ายเมฆปกคลุมเต็มยอดเขา แม่งเจ๋งจริงๆ เลย
   บนยอดเนินสูงสุดไร่ละ 1 แสนบาท ด้านล่างลงมาหน่อย ไร่ละ 8 หมื่นบาท เป็นที่ดินแบบ ภบท.5 ครับ พื้นที่โครงการมี 160 ไร่ ขำขำ
   จุดนี้ละเอียดอ่อนนะ เพราะเป็นที่ดินที่ไม่มีโฉนดไง ไม่มีเอกสารยืนยันใดๆ ว่าเราเป็นเจ้าของที่แท้จริง แต่การซื้อขายก็ทำสัญญากันครบถ้วน มีผู้ใหญ่บ้านเป็นพยาน มีหลักฐานการเสียภาษีให้เราทุกอย่างครบ (เสียภาษีการใช้ประโยชน์จากหน้าดินนะ ไม่ใช่ภาษีในการครอบครองเป็นเจ้าของที่ดิน)
   คือครอบครองได้ แต่เอาไปจำนำจำนองไม่ได้ ตกทอดสู่ลูกหลานได้ ซื้อขายได้ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ใกล้ป่าสงวนก็ต้องแบกรับความเสี่ยงเอาเอง แบบที่ทับลานน่ะครับ
   ส่วนที่ผมเล่ามานี้มันอยู่มวกเหล็ก ไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวน คนละฟากกับเขาใหญ่ แน่ล่ะ มันไม่ใช่ที่ดินที่ถูกต้อง 100% เปรียบเทียบก็คงจะเหมือนรถจดประกอบก็แล้วกัน รายละเอียดลึกๆ มีมากกว่านั้นเยอะ
   นี่เป็นจุดที่เจ๋งสุดแล้วมั้งที่ผมเคยเห็นที่ดินของคุณอามา ตัวเขาเองก็บอกว่ายังอยากได้เลย แต่ติดที่มีบ้านอยู่ก่อนแล้ว เกรงจะซ้ำซ้อนกัน ดูแลไม่ไหว
   ผมเลยช่วยวางแผนโครงการให้อาแบบคร่าวๆ เอาให้มันเป็นโครงการที่ไม่มีใครเคยทำแบบนี้มาก่อน มีบริการด้านต่างๆ เพียบ เก็บค่าส่วนกลางเหมือนคอนโด เอาเงินจำนวนนี่แหละมาบริหารโครงการอีกที ผมเอาประสบการณ์จากการที่ตัวเองเป็นกรรมการคอนโดมาใช้โดยตรง
   การเลือกหาซื้อที่ดินสำหรับสร้างบ้านพักตากอากาศนี่สำคัญนะ หากเรารู้จักเจ้าของโครงการอย่างดีนี่เราสบายเลย คือนักธุรกิจบางคนมาลงทุนกว้านซื้อที่ขาย ขายแล้วก็จบกันไป ปล่อยให้โครงการรกร้าง บ้างก็ปล่อยให้ดูแลกันเอง ที่ดินบางผืนแม่งรกยังกะป่า ไม่มีพนักงานมาคอยดูแลทำความสะอาด รับรองเดือนเดียวครับ เละ
   ขากลับอาพาไปดูที่ดินอีกผืน เป็นของเขาเองส่วนตัว 44 ไร่ ไอ้นี่ก็สุดยอดไม่แพ้กัน เพียงแต่ไม่ได้อยู่บนยอดเนิน เด่นตรงวิวสวยมากๆ มองไปข้างหน้า 180 องศา เทือกเขาล้วนๆ สบายตาสุดๆ แล้ว
   มาอยู่แถวนี้แล้วไม่อยากกลับกรุงเทพฯเลยครับ มิน่าเล่า คุณอามาอยู่นี่ได้เกือบจะทุกสุดสัปดาห์ ขับรถไปกลับมา 30 ปีแล้ว บูรณะที่ดินตั้งแต่มันเป็นเขาหัวโล้น จนตอนนี้กลายเป็นป่า สุดยอดมาก
   วันนี้ฝนหยุดตกตั้งแต่ 1100 ครับ ค่อยสบายหน่อย เลยได้ตะลอนๆ ไปข้างนอกบ้าง ติดตามคุณอาไปตลอดจนถึงเย็นถึงได้เข้ามาบ้าน เย็นร่วมลุ้นเชียร์วอลเล่ย์บอลสาวไทยรอบชิงชนะเลิศ ซัดกับญี่ปุ่น ผลคือเราชนะ 3-0 สะใจจริงๆ ชื่อเสียงทีมสาวไทยก็เลยดังแบบเลี่ยงไม่ได้ เป็นห่วงตรงจุดนี้แหละครับ กลัวดังแล้วเหลิงอย่างเดียวเลย
   อยู่ที่บ้านไร่หลังนี้กลางคืนไม่มีอะไรให้ทำครับ เรามาเพื่อพักผ่อนอย่างเดียว หากฟ้ามืด ก็คือมืดกันหมดทั้งหลัง มีไฟส่องสว่างแค่เพียงพอใช้งาน เลยเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำ คืนนี้ไม่มีฝน แต่ก็เย็นไม่แพ้คืนก่อน
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 24, 2013, 02:48:05 pm
22 กย 56
   ไม่น่าเชื่อ หลับรวดเดียวถึงเช้าได้ นอนไปราว 10 ชม แม่งสุดยอดว่ะ เพราะอากาศดีไง อยู่ในป่ามืดสนิท ไม่ต้องใช้แอร์ แต่ต้องห่มหน้าหนาๆ แทน ตอนดึกๆ อุณหภูมิไม่ถึง 20 C
   เดินเล่นรอบบ้านนิดหน่อยไม่กี่กิโล แต่เป็นเนินขึ้นลงตลอด ขี่จักรยานคงอันตรายพอควร อาหารเช้าวันนี้เน้นผลไม้ครับ แปลกดี คือไม่ค่อยเจอใครกินผลไม้เป็นหลักไง ดีครับ ว่าไงว่าตามกัน จัดแอ๊ปเปิ้ลไปหลายลูกเลยผมน่ะ ตามด้วยครัวซองต์และแยมมะนาว เอามาฝากคุณอา และขอแอบกินนิดหน่อย อาผู้หญิงชงช็อคโกแลตร้อนมาให้อีกแก้ว ใจดีจริงๆ เลย กินเสร็จก็นั่งเล่นนอกชานบ้าน ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่หายใจก็มีความสุขแล้ว อากาศดีจริงๆ ใสโคตรๆ สูดแล้วสดชื่นเหมือนได้ทำดีทอกซ์ปอด จริงๆ นะ ไม่ได้เว่อร์ หากใครได้มาอยู่ที่แบบนี้รับรองสุขภาพดีแน่นอน
   น่าเสียดายว่าต้องออกเดินทางกลับเสียแล้ว ล้อหมุนตอน 0900 รีบกลับก่อนรถจะได้ไม่ติด อาทิตย์บ่ายๆ เย็นๆ ขาเข้าเมืองรถจะติดมากแน่ๆ
   กะจะแวะจตุจักรให้ J เดินเล่น แต่เปลี่ยนใจกะทันหันตอนใกล้กรุงเทพฯ พาไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งดีกว่า ของกินเยอะกว่ามาก มาถึงตลาดนี้เอาตอน 1200 พอดี รถก็เลยหนาแน่นหน่อย เจอกลุ่มจักรยานใส่เสื้องาน Car Free Day หลายคน ฮ่าๆ รู้เลยนะ บางคนเสร็จงานจาก Central World แล้วค่อยมา แต่ก็มีบ้างที่มันรับเสื้อแล้วก็ “ชิ่ง” เลย ไอ้พวกนี้มีเยอะครับ
   อยากให้จัดงานแล้วไม่ต้องมีของแจกของแถมอะไรดูบ้าง อยากรู้ว่าจะมีคนมากันสักขนาดไหนนะ
   พักใหญ่ก็กลับฐานที่คอนโด แล้วก็มีฝนตกลงมาอีกแล้ว เฮ้ย งงดิ คิดว่าหมดแล้ว จบแล้ว แต่ก็เพลียๆ อยู่แล้วด้วยล่ะนะ เลยไม่ได้ไปไหนกันต่อ นั่งนอนพักกันคนละมุม ผมเล่น Uke ส่วน J เน้นพวก Face Book และอ่านหนังสือ จัดไปครับ ฟรีไทม์
   เย็นดูทีวีรายการ The Voice ผมชอบช่วง Blind Audition แถมมีไอ้โจ้เป็นกรรมการ น้องคนนี้สนิทกันมากตั้งแต่เขาเด็กๆ ทุกวันนี้มีชื่อเสียงก็รู้สึกดีใจด้วย แต่ก็นึกถึงวันเก่าๆ ขึ้นมา วันหนึ่งโจ้มันไม่กลับบ้าน ไม่ได้บอกใครอีกด้วย แม่เขาเลยโทรมาตามหาโจ้ที่บ้านผม คิดว่ามันอยู่กับผม
   “เปิ้ลหรือลูก โจ้ไม่ได้กลับบ้าน โจ้อยู่กับเปิ้ลไหม”
   “ไม่ได้อยู่ครับแม่ คงติดธุระอะไรสักอย่าง อีกสักพักคงจะกลับน่ะครับ แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
   ตอบเลี่ยงๆ ไปให้แม่เขาสบายใจ ทั้งที่ตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้ว่าไอ้โจ้มันไปอยู่ไหน ยุคนั้นยังไม่มีมือถือใช้กันเลยนะ
    หัวค่ำพา J ไปซื้อเคสมือถือ พากินร้าน Yayoi เห็นเขาบอกว่าที่สิงคโปร์ยังไม่มี ก็เลยพามาจัดสักหน่อย เสร็จแล้วเดินไป Yamazaki ซื้อขนมปังเก็บไว้กินเช้าวันพรุ่งนี้
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 24, 2013, 02:53:28 pm
23 กย 56
   อยู่บ้านตัวเองนอนดึก แต่กลับตื่นเช้าเหมือนเดิม ตื่นมาแบบเพลียๆ นะ นั่งเล่นริมระเบียง เผลอแป๊บเดียว ฝนตกอีกแล้ว เฮ้ยย ไหนว่าหยุดแล้วไง
   เปิดทีวีดูข่าว พบน้ำท่วมหลายจุดในต่างจังหวัด อีสานล่างอย่างสุรินท์นี่หนักเลย ใกล้กรุงเทพฯก็มีเกาะเกร็ดท่วมแล้ว น้ำเหนือมันก็ค่อยๆ ไหลลงมาผ่านเจ้าพระยานี่แหละครับ ย่านใดไม่มีเขื่อนก็ลำบากหน่อย ไม่ต้องโทษใคร มันเป็นธรรมชาติ น้ำมาจากฝน มาจากทางเหนือ แม่น้ำเองก็ระบายได้จำกัด หากเจอน้ำทะเลหนุนด้วยก็จบข่าว เป็นเรื่องเศร้าชาวกรุงเหมือนในปี 54
   มื้อเช้าวันนี้เป็นขนมปังจากร้าน Yamazaki ที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อคืน ของ J มีชิ้นเดียว ที่เหลือของผมเพียบ ลองของใหม่ด้วย ซื้อฝากลูกด้วย ที่สำคัญไปซื้อเอาตอนใกล้ห้างปิด เลยได้ของลดราคามาเยอะ
   ตอนสาย “ป้าหนุย” มารับ J ไปเที่ยว ผมเลยอยู่คนเดียวสักพักใหญ่ ได้โอกาสหยิบเอาคอมมาเปิดทำงาน หัวสมองก็ยังไม่แล่น แต่พอพิมพ์ไดอารี่ปุ๊บ แม่งแล่นทันที เล่าได้เป็นหน้าๆ เลย
   ฝนปรอยบางๆ ตลอดวันเลย ท้องฟ้ามีแต่เมฆ ไม่มีแดดสักนิด แต่ไม่มืดครึ้มนะ ไอ้อย่างนี้แหละที่ชาวจักรยานชอบมากและโหยหา
   วันนี้อยู่ห้องนานมาก นั่งทำงานไปด้วย รับลมเย็นพัดแรงตลอดวัน หากปกติอยู่บ้านแล้วมาเจอลมเย็นๆ ที่คอนโดจะรู้สึกดีมากเลยนะ แต่นี่เพิ่งกลับจากปากช่องมา เลยเห็นชัดครับว่าลมมันต่างกันแบบคนละโลก
   ที่คอนโดเป็นลมพัดเย็นปกติ แต่ที่ปากช่องมันคือลมแบบจากป่าพัด สูดแล้วชื่นใจทุกปืดเลย ปกติก็ไปบ้านหลังนี้ที่ปากช่องบ่อยนะ แต่ไม่เคยไปอยู่นานๆ หรือค้างหลายคืนไง ที่สำคัญคือแทบจะไม่เคยไปหน้าฝน เลยไม่ค่อยได้เจอความเย็นแบบชุ่มฉ่ำ ไม่เคยเจอฝนตกแบบข้ามวันข้ามคืนแบบนี้มาก่อน
   เย็นป้าหนุยโทรมาชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกัน และผมจะได้รับ J กลับมาด้วย โอเค จัดไปครับ
   นัดกันที่ร้านอาหารชื่อ “ตะลิงปิง” ได้ยินแล้วมึน ผมยังไม่รู้จักเลยครับว่าร้านมันอยู่ไหน ฮ่าๆ แต่ก็ไม่น่าจะยากอะไร มีปากเสียอย่าง มั่วต่างบ้านต่างเมืองมาเยอะแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว
   ผมไปที่จุดนัดพบตรงเวลา แต่แล้วก็ตกใจที่หาร้านดังกล่าวไม่เจอ เลยวิ่งไปถามเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าที่นี่ไม่มีร้านอาหารนี้
   !!! เฮ้ยย
   รีบโทรหาป้าหนุย แล้วก็กระจ่าง
   เรานัดกันผิดห้างครับ ป้าหนุยอยู่เซ็นทรัลพระราม 3 ส่วนที่ผมกำลังยืนอยู่นี่คือเซ็นทรัลพระราม 2
   รีบบึ่งรถไปหาทันที แต่ตอนเย็นแบบนี้ไม่รู้จะต้องใช้เวลานานขนาดไหน กะไม่ถูกครับ เลยนัดกันแบบไม่กำหนดเวลา ผมไปถึงแล้วจะโทรหา ให้เขานั่งคุยกันในร้านกาแฟ
   โชคดีรถไม่ติดมากนัก ราว 30 นาทีก็มาถึง เพิ่งเคยกินร้านนี้เป็นครั้งแรก เป็นร้านอาหารไทย ออกแนวอาหารโบราณหน่อยๆ ป้าหนุยยกหน้าที่สั่งอาหารให้ผม เอาล่ะสิมึง แล้วจะรู้หรือว่าใครชอบอะไร
   จัดไปครับ เลือกแบบแนวโบราณหน่อยๆ คือมัสมั่นหมูกับโรตี ทอดมันปลากรายแบบพิเศษที่เขาเอาเนื้อปลากรายมาวางเรียงซ้อนสลับกับไข่เจียวแล้วนำไปทอดเหมือนทอดมัน ขนมปังกระเทียมกินกับหอยลายอบเนย และปลากะพงทอดราดน้ำปลา
   อร่อยทุกอย่างครับ กินแล้วติดใจจริงๆ ไว้ต้องพาพ่อแม่มากินบ้างเสียแล้ว
   มัสมั่นกลมกล่อม เนื้อหมูเปื่อยนุ่มมากๆ ตินิดเดียวที่โรตีเป็นแบบแช่ฟรีซมา เลยไม่ค่อยหอมเท่าไหร่ ปลากรายไข่เจียวนี่เจ๋งครับ น้ำจิ้มอร่อยมาก
   ขากลับแวะซื้อขนมปังเอาไว้ให้ J กินมื้อเช้าวันพรุ่งนี้ซ้ำอีกครั้ง น่าจะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายในไทยสำหรับทริปนี้
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 26, 2013, 03:17:45 pm
24 กย 56
   ตื่นแต่เช้าเหมือนเดิม แต่ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ J จะกลับสิงคโปร์แล้ว เป็นครั้งแรกมั้งที่มาไทยแล้วไม่ได้ขี่จักรยาน
   ออกจากบ้าน 0615 เครื่องบินออก 0930 ต้องไปถึงสนามบิน 0730 เลยออกจากบ้านเร็วหน่อย เผื่อเอาไว้ การจราจรในเมืองคาดหวังอะไรไม่ได้เลย บางทีกะแบบพอดี แม่งเจอปิดถนนบนทางด่วนเฉย เซ็งสัตว์
   ถ้ามึงรีบ โปรดจงรู้ไว้ว่ามีคนรีบยิ่งกว่ามึง แต่จะว่าเจ้านายอย่างเดียวก็ไม่ได้นะ เพราะส่วนใหญ่เจอแบบ “ลูกน้องจัดให้” คือลูกน้องจะเอาใจเจ้านายไง เลยบริการเสียจนเกินขอบเขต เพื่อนผมเป็นเอกอัคราชทูตก็ยังเคยบ่นบอกว่า ไม่ต้องนำขบวน ไม่ต้องปิดถนน แต่ลูกน้องที่เป็นตำรวจก็ยังคงบริการให้ บอกว่าเพื่อความปลอดภัย แท้ที่จริงมันคือการประจบสอพลอ
   ไอ้สันดานเอ๊ยย
   ส่งลงสนามบินสุวรรณภูมิที่หน้าอาคารผู้โดยสารขาออก ล่ำลากันตรงนั้นเลย ไปถึงก็ต้องรีบเช็คอิน ขอออกตั๋ว Broading Pass โหลดกระเป๋า ผ่านด่านตรวจเอกสาร เดิ่นเล่นใน Duty Free แล้วก็ไปนั่งรอที่ประตูขึ้นเครื่อง มันก็มีแค่นี้แหละ เขาคงจะถึงบ้านเอาตอนบ่ายเศษ แล้วก็คงจะโพสลง Facebook ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีก็ตรงระบบการสื่อสารนี่แหละครับ
   เราแค่ใช้เทคโนโลยี อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีมันใช้เรา จนเหมือนปัจจุบันที่กลายเป็นยุค “สังคมก้มหน้า” กันไปหมด คนอยู่ใกล้ไม่คุย “ชอบคุยกับคนไกล” ไม่ก็ “ชอบคุยกับคนที่อยู่ในจอ”
   งานนี้ส่งแล้วรีบกลับทันที รถมันติดมากๆ โดยเฉพาะช่วงเช้าทุกถนนสายเข้าเมืองติดกันหมดไม่มียกเว้น ผมใช้เวลาราว 1 ชม กว่าจะกลับมาถึงคอนโด นั่งพัก ดูข่าว หยิบขนมปังที่เหลือกินเป็นอาหารเช้าแทน
ข่าวสรยุทธช่อง 3 บอกว่า เด็ก ป3 ยังอ่านหนังสือไม่ออก พิธีกรตกใจกันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้อย่างไร
   มาๆ จะอธิบายให้ แต่เป็นเฉพาะในมุมของผมนะ เพราะลูกผมเองก็กว่าจะอ่านหนังสือได้ก็ปลาย ป3 แต่หลังจากอ่านได้แล้ว จนถึงทุกวันนี้ปลาย ป6 เขาเป็นคนชอบอ่านหนังสืออย่างมาก นี่ขนาดมีไอ้แป๊ดมาช่วยดึงความสนใจไปเยอะมากแล้วนะ
   ก็เป็นโรงเรียนแนวเตรียมความพร้อมน่ะครับ แนวทางการเรียนการสอนจะเป็นไปแบบเอาเด็กเป็นจุดศูนย์กลาง ไม่เร่งเรียน การบ้านน้อย เน้นให้เด็กอิสระทางความคิด กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก
   เด็กทุกคนต้องพูดหน้าชั้นแทบทุกวัน นำสวดมนต์ตอนเช้าสลับๆ กันไป เสริมสร้างความมั่นใจให้เด็กได้ดีมากๆ มิวลูกผมชอบขอไปยืนชักธงชาติบ่อยๆ เพื่อนๆ ในชั้นและครูต่างชมว่าเขาหุงข้าวได้อร่อยมากๆ (หุงด้วยหม้อหุงข้าว – เด็กๆ ที่นี่หุงข้าวกินกันเองในห้อง และเก็บกวาดล้างเก็บด้วยตัวเอง)
   เรียนแบบช้าๆ ไม่เคร่งครัด เด็กก็เลยอ่านเขียนได้ช้า แต่จะเด่นด้านความคิดและจิตใจ บางคนเพิ่งมาเข้า ป1 ถึงกับงง เพราะสอนช้ากว่าอนุบาลเสียอีก มีเพื่อนมิวคนหนึ่งบวกลบเลข 3 หลักได้ตั้งแต่อนุบาล แต่ที่นี่เขาเพิ่งสอนตอน ป2 เท่านั้นเอง
   นี่คือเฉพาะประสบการณ์ของผมนะ แต่ถ้าเป็นโรงเรียนที่เร่งเรียนแล้วเด็กยังอ่านไม่ได้ก็ต้องพิจารณากันใหม่ ว่าเกิดอะไรขึ้น
   ตลอดวันก็ขลุกอยู่ในห้องนี่แหละครับ วางแผนงาน เขียนหนังสือ (น่าจะเรียกว่าพิมพ์นะ) งานด้านรถยนต์บ้าง ด้านจักรยานบ้าง งานด้านเรือเริ่มเบาลงหน่อย เพราะผมไม่รู้คิวในการทำงานของเขา ประสานงานกันยังไม่ค่อยชัด แต่ไม่ซีเรียสครับ ปีหน้าโน่นแน่ะที่มิวเขาถึงว่างและจะจริงจังกับเรือใบอีกครั้ง นั่นแหละครับที่ผมถึงจะเริ่มมีข้อมูลเรื่องเรือมากยิ่งขึ้น
   บ่ายดูข่าวตกใจเลย โจรปล้นธนาคารกสิกรไทยสาขาที่ผมใช้บริการประจำ รู้จักพนักงานทุกคน ผมยังคุยแซวล้อเล่นกับพนักงานเคาเตอร์อยู่เลยว่าหากโจรปล้นเขาต้องทำอย่างไรบ้าง เอาขาแอบกดปุ่มเรียนตำรวจที่ สน ใกล้เคียงได้ไหม ฯลฯ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปคงต้องสัมภาษณ์กันยกใหญ่
   เย็นไปรับมิว คิดถึงจังเลย นัดกันที่ร้านหนังสือใน Big C ตอน 0500 ผมไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาจะยังคงจำได้ไหม เพราะเรานัดกันล่วงหน้าถึง 5 วัน
   ไปถึงจุดนัดพบ แต่ไม่เจอมิว เปิดโทรศัพท์กำลังจะโทร เห็นมี miss call จากมิว โทรมาตอนไหนก็ไม่รู้ โทรกลับไปหา มิวบอกไห้ไปรับที่โรงเรียน เขากำลังเล่นบาส
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 26, 2013, 03:22:24 pm
25 กย 56
   นอนคืนแรกหลังจากกลับมาบ้าน โคตรสบายเลยครับ จะที่ไหนมันก็ไม่สุขใจเหมือนบ้านเรา แม้สระบุรี มวกเหล็กจะอากาศดีกว่า แต่หากคุยเรื่องความคุ้นเคยแล้วมันก็ไม่เหมือนกัน บอกไม่ถูกนะ เรียกว่าดีกันคนละอย่าง
   แต่อยู่บ้านมันมีลูกและภรรยา พ่อ แม่ ด้วยไง มันดีตรงนี้แหละครับ ได้เล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน นี่เล่าตั้งแต่เด็กเลยนะ แต่ก็ไม่ได้อ่านทุกวันหรอก บางวันเขาก็อ่านเอง เล่นเกม ฯลฯ
   ยุคใหม่แล้วครับ ยังไงก็ต้องยอมรับเรื่องเกม ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องรักมันซะเลย ต้องอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
   เลือกเกมสร้างสรรค์หน่อย แต่เชื่อเถอะ พอไปโรงเรียนเขาก็เจอเพื่อนคุยกันเรื่องเกมอื่นบ้าง สุดท้ายก็อยากลองเล่น จัดไปครับ จะเล่นก็เล่นด้วยกันแม่งซะเลยให้สิ้นเรื่อง
   แต่อย่าไปเล่นแล้วบ้าเลือดแทนลูกเสียเองล่ะ ตัวเองจะกลายเป็นคนติดเกมไปเสียนี่ ส่วนผมติดยากครับ มีงานอดิเรกหลายอย่าง บางครั้งรู้สึกว่าตัวเองกำลังเอนเอียงไปด้านใดมากนักก็จะดึงกลับมาให้อยู่ตรงกลาง ยังไงชีวิตผมก็ไม่ได้มีแต่เรื่องจักรยาน รถยนต์ ขับรถ เดินทาง แคมปิ้ง เขียนหนังสือ ฯลฯ ไอ้พวกนี้มันคือความชอบส่วนตัว ชีวิตที่สมบูรณ์เราต้องทำเพื่อคนอื่นด้วยครับ
   ก็คือทำตัวให้เป็นประโยชน์น่ะ ใครถนัดด้านใดก็จัดไปด้านนั้น อย่างผมถนัดด้านรถยนต์ ก็เลยคิดทำนิตยสารที่ให้ข้อมูล ให้ความรู้แก่คนรุ่นหลัง ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องธุรกิจแต่อย่างใดเลยสักนิด แล้วสุดท้ายก็เป็นไปตามที่รุ่นพี่ที่หวังดีคาด คือเจ๊ง
   เช้าวันแรกที่กลับมาบ้าน เลยไม่มีอะไรกินครับ ขี่จักรยานไปซื้อต้มเลือดหมูมากินแทน สั่งพิเศษเลย เพิ่มผักตำลึงเยอะๆ เอารถ KHS HT ออกขี่ เพราะมีกระเป๋าหลังใช้เก็บของได้
   รีบกิน รีบออกไปส่งลูก แล้วเลยไปร้านขายของ ซื้อน้ำเต้าหู้เก็บไว้สองถุง เอาไว้กินตอนหิว
   กลางวันไปธนาคารก็พบว่าประเด็นที่พูดคุยกันทั้งวันคือเรื่องที่โดนปล้นเมื่อวานนี้ คิดแล้วเหมือนแคล้วคลาดนะ เพราะโจรมาตอนกลางวัน เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผมไปประจำพอดี ผู้จัดการเดินมาคุยด้วย เลยถามเขาอ้อมๆ ไปว่า หากมีการต่อสู้กัน เช่นยิงกัน จะเป็นเช่นไร ถามเผื่อๆ ดูน่ะครับ เผื่อผมเจอกับตัวเองแล้วเกิดยิงสวนเขาไปจะได้ทำตัวถูก
   ผู้จัดการบอกว่าไม่ให้พนักงานต่อสู้ ห้ามขัดขืน โจรปล้นก็ให้เงินโจรไป ทางแบงค์มีประกันภัย
   อืมม น่าคิดนะ ผมว่าโจรมันคงรู้แน่ๆ เลย แค่เสี่ยงถือปืนมาขู่ก็ได้เงินแล้ว เฮ้ยย ความคิดด้านลบมาอีกแล้วไง
   บ่ายเข้ามาบ้าน ทำงานนิดหน่อย เย็นไปรับมิว เขานัดพบกันที่ร้านหนังสือ B2S เข้ามาบ้านก็ให้รีบทำการบ้าน คืนนี้มีเทปรีรันเกี่ยวกับวอลเล่บอลหญิงไทย 3 ตอน วันนี้เป็นตอนแรก ฉาย 0830 ช่อง Thai PBS มิวดูตามผมแล้วเขาก็ชอบไปด้วย เลยบอกว่าพรุ่งนี้และมะรืนจะมีอีกเป็นตอนจบ
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 30, 2013, 03:16:39 pm
26 กย 56
   คนมันเคยตื่นเช้ามาตลอด ให้ตื่นสายก็ทำไม่ได้ จะเรียกว่ายากก็ไม่ผิด เช้านี้ขี่ Giant Revive ไปราว 30 นาที เห็นข้อดีชัดๆ ก็คือรถมันคันใหญ่ หนัก ส่งผลให้ต้องออกแรงเยอะ ถีบตั้งแรงนะ รถวิ่งไปหน่อยเดียวเอง มันไม่ลื่นไหลเหมือน MTB คันเก่า คิดบวกไงครับ คือมันเป็นรถที่ทำให้เราได้ออกแรงเยอะในเวลาจำกัดเช่นนี้
   อยู่บ้านไม่ได้ไปไหน ก็ออกไปช่วยงานเฝ้าร้านขายของครับ นึกเสียดายเวลาชีวิตของตัวเองเหมือนกัน แต่แลกกับการทำงานทดแทนบุญคุณพ่อแม่ คิดแบบนี้มันก็เลยทำให้ผมพออยู่ได้ คือให้ตัวเองได้ช่วยอะไรทางบ้านบ้างสักหน่อย แต่ถ้าใครถามก็บอกเขาเสมอนะว่า ไม่ชอบ ไม่เอา ไม่ต้องให้อะไรผมแล้ว ที่ให้มาน่ะมากเพียงพอแล้ว
   ถ้าจะให้ ผมขออย่างเดียวพอ คือ “ความอิสระ”
   ทำใจและยอมรับครับว่าหากออกไปอยู่คนเดียวมันไม่สุขสบายเหมือนทุกวันนี้แน่นอน ไม่มีรถขับ ไม่มีบ้านอยู่ แต่ไอ้เรื่องพวกนี้หมูมากสำหรับผมนะ ไม่เคยคิดว่ามันคือปัญหาเลย เอาล่ะ ช่วงแรกมันคงต้องลำบากหน่อย แต่ถ้ามันเป็นทางเลือกของผมเองแล้ว ผมว่าจะจัดการกับมันได้แน่ๆ มั่นใจในศักยภาพของตัวเองว่าผมทำได้อีกหลายสิ่งหลายอย่าง
   เคยคิดเล่นๆ (แต่อาจทำจริง) หากต้องทำงานหาเงินเอง ผมจะทำงานอะไรได้บ้าง
   โหห เพียบเลย ถ้าทำงานกินเงินเดือนนี่ง่ายมาก เริ่มจากนักเขียนที่ถนัดก็ได้ ไปเป็นเซลล์ขายรถยนต์ก็ได้ หรือจะอยู่ในศูนย์เทรนนิ่งก็ได้ รายการทีวีนี่ยิ่งหมูเข้าไปใหญ่ ผมเรียนนิเทศมาโดยตรง เขียนบท กำกับ ฯลฯ ทำได้หมด (แต่ขอรื้อฟื้นหน่อย) งานดีไซน์นี่ก็สบายมาก ความคิดสร้างสรรค์เพียบ
   มองดูงานรอบตัวแล้ว ถ้าไม่ใช่ด้านใช้แรงงานแบบโหด  ผมทำได้หมดจริงๆ
   เย็นไปรับมิวที่จุดนัดพบ หมู่นี้ชักติดใจแสงสี นัดให้ผมไปรับที่ร้านหนังสือ แต่ไปคอยตามเวลาแล้วยังไม่เห็นมาสักที โทรไปหาก็ไม่รับสาย เลยเดินไปโรงเรียนมันซะเลย ปรากฏว่าวันนี้เขาไปทัศนะศึกษากัน เลยกลับมาช้าหน่อย
   กลางคืนดูรายการสู้สุดใจไทยแลนด์ เกี่ยวกับวอลเล่ย์บอลสาวไทยตอนที่สอง ดูได้แป๊บเดียวเอง มิวนอนหลับครอกฟี้เสียแล้ว สงสัยจะเพลีย
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 30, 2013, 03:22:25 pm
27 กย 56
   เช้านี้เอารถ KHS HT ออกขี่บ้าง แค่ออกแรงกดบันไดก็เห็นความต่างชัดเจน มันแสนจะลื่นไหล คนละเรื่องกับ Revive เลย แต่ก็เข้าใจนะว่ารถมันคนละอย่างกัน เกิดมาเพื่อรองรับการใช้งานคนละรูปแบบ
   อาหารเช้าวันนี้อร่อยสุดยอดเลย แม่บ้านทำเนื้อปลาเก๋าทอด แล้วนำไปผัดเครื่องแกงกะทิมีน้ำขลุกขลิก คล้ายผัดฉ่า แต่ไม่ได้ใส่พริกเหลือง อร่อยดีครับ ไม่รู้เรียกอะไรเหมือนกัน กินกับไข่ต้ม บร็อคโคลี่ลวก แครอทลวก กระเทียมสด ข้าวกล้อง อิ่มเต็มพุง
   วันนี้เข้ามาบ้านตอนบ่ายแก่ๆ เรียกช่างมาซ่อมแอร์ตัวล่าง กว่าจะเสร็จก็เย็นเลย ไปรับมิวต่อ วันนี้นัดที่ B2S เซ็นทรัล
   กลางคือดูสารดีวอลเล่ย์บอลตอนสุดท้าย ซึ้งๆ เห็นถึงความอดทนของพวกเธอจริงๆ
ได้ไอเดียอีกอันนะ นี่ถ้านำเรื่องเรือใบมาทำเป็นสารคดีแบบนี้ รับรองว่าฮอทฮิตระเบิดเมืองแน่ๆ
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 30, 2013, 03:24:53 pm
28 กย 56
   เสาร์อีกแล้ว มิวเรียนพิเศษเต็มวัน แปลว่าผมเองก็ต้องคอยเฝ้าอยู่เต็มวันเช่นกัน ช่วงเช้าเลือกเรียนแถวๆ ร้านขายของ ผมเลยอยู่ทำงานที่ร้านจนถึงบ่ายแก่ๆ ก็ไปเรียนคุมองที่เดอะมอลล์ท่าพระต่อ อาศัยช่วงรอดูดสัญญาณ wifi ในห้างอัปเดทโปรแกรมในไอ้แป๊ดให้เป็น ios7.0.2 ไม่น่าเชื่อว่าใช้เวลาราว 1 หนึ่งชั่วโมงแน่ะ
   กลับมาบ้านมิวรีบคว้าไอ้แป๊ดน้อยของเขาไปเล่น ผมต้องเปลี่ยนกลยุทธใหม่ในการดูแลเขา ดุว่าหลายครั้งแล้วเขาไม่สนใจ นั่นแปลว่าวิธีของเรายังไม่เหมาะสม
   แต่กับลูกนี่ง่ายนะ นึกอะไรไม่ออก คิดอะไรไม่ได้ กอดแม่งเลยครับ กอดตัว กอดแขน หอม ทำอะไรก็ให้ได้เนื้อตัวมันโดนกัน กระแสจิตที่รักและหวังดีจากพ่อแม่ส่งถึงลูกได้เสมอ ผมเชื่ออย่างนั้น
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on September 30, 2013, 03:28:51 pm
29 กย 56
   เป็นอีกวันอาทิตย์หนึ่งที่ผมไม่ได้ขี่จักรยาน ไม่ได้ออกขี่นานหลายเดือนแล้วล่ะครับ ภรรยายังคงมุ่งมั่น ตื่นออกไปวิ่งตั้งแต่เช้าตรู่ ขนาดผมเองที่ว่าตื่นเช้ายังตื่นไม่ทันเธอ ก็เล่นออกจากบ้านตี 4
   เช้าๆ มีฝนปรอยอีก จบข่าวเลย ไม่ได้ออกไปไหน แต่จะโทษฟ้าฝนก็ไม่ถูกหรอกนะ คือใจมันไม่อยากไปแล้วไง ครั้นเจอฝนก็เลยเอามาเป็นข้ออ้างเท่ๆ เฮ้ย ที่จริงน่ะอยากไปมากเลยนะ แต่ติดตรงฝนตก ก็เลยไปไม่ได้ ว้า แย่จัง (แหวะ)
   มิวออกไปเรียนแต่เช้า ผมอยู่บ้านจนถึงสายหน่อยก็ขี่จักรยานไปซื้อของกินที่ตลาด ซื้อน้ำเต้าหู้กลับมาเป็นเสบียงไว้กินตอนบ่ายตอนเย็น
   สายหน่อยแม่กลับมาจากตลาด ซื้อของกินมาอีกเพียบ อุดมสมบูรณ์อีกแล้วเรา กินไป ดูทีวี ดูปลา ฯลฯ
   ตอนบ่ายกำลังดูทีวีเพลินๆ ภรรยาโทรมาแจ้งข่าวร้าย รถยางแตก แต่ยังดีที่แตกใกล้บ้านแล้ว ผมบอกให้รอตรงนั้น และขี่จักรยานออกไปช่วยทันที
   ไอ้เรื่องเปลี่ยนยางนี่หมูมากเลยสำหรับผม สมัยที่ดริฟท์นี่ผมเปลี่ยนยางสองเส้นหลังด้วยเครื่องมือติดท้ายรถในเวลาเพียง 7 นาที (ขึ้นแม่แรงสองครั้ง) และจากวันนั้นก็แทบจะไม่ได้เปลี่ยนยางเองกับมืออีกเลย
   สอบถามเหตุจึงทราบว่าเกิดจากขับรถตกหลุมข้างทาง เฮ้ออ น่าเสียดายจริงๆ เลย ยังดีที่ล้อไม่แตก แต่ในรถมียางอะไหล่ครบ เลยเริ่มขั้นตอนแรกคือคลายนอทล้อ
   หึหึ ไม่มีแรงไขครับ ยืนโยกก็แล้ว ขย่มก็แล้ว นอทล้อแม่งไม่มีท่าทีจะคลายเลย เจอแบบนี้ก็จนปัญญา ต้องใช้แป๊บน้ำมาช่วยต่อด้ามถึงจะไขออก
   กำลังคิดๆ อยู่ก็มีรถกระบะคนงานเข้ามาถามทาง ผมก็บอกเขาไป แล้วนึกขึ้นได้ก็เลยถามเขาถึงแป๊บเหล็ก เผื่อเขาจะมี
   เขาบอกว่ามี ผมรีบปรี่เดินตามไปเลย แต่พอค้นหาทั่วรถแล้วไม่เจอ จบข่าว
   ระหว่างเก้ๆ กังๆ อยู่ริมถนนก็มีรถเก๋งอีกคันมาสอบถามเส้นทาง เลยชักสงสัย เอ๊ะ มันยังไงกันหรือนี่ แถวนี้มันเป็นเส้นทางพิศวงหรืออย่างไรกัน
   ค่อยๆ คิดหาหนทาง พิจารณาสภาพยางไปด้วย เห็นรอยฉีกขาดยาวตรงขอบที่ล็อคกับล้อ ก็เลยมั่นใจว่ายางเสียแล้วแน่นอน เลยขับแบบบดกลับบ้านด้วยความเร็วไม่เกิน 20 กม/ชม ระยะทางราว 500 เมตร
   ถึงบ้านก็หยิบเอาแป๊บเหล็กมาสวมบล็อกถอดล้อ โยกออกแรงนิดเดียวนอทก็คลาย ทำจนครบทุกตัวแล้วถึงจะขึ้นแม่แรงได้
   นี่ก็เป็นครั้งแรกของผมอีกเช่นกันในการขึ้นแม่แรงรถพ่อคันนี้ หน้าตาประหลาดครับ ดูแล้วมันไม่น่าจะแข็งแรงเลย ใช้งานก็ไม่ค่อยถนัดเหมือนแม่แรงรถญี่ปุ่น ทำไปพร้อมกับสอนภรรยาไปด้วย จุดที่จะขึ้นแม่แรงนี่สำคัญมากนะ ซี้ซั้วทำรถจะบุบได้ไม่ยากเลย รถทุกคันจะมีจุดทีทำเอาไว้สำหรับขึ้นแม่แรงโดยเฉพาะ อยู่บริเวณใกล้ล้อ ลองดูดีๆ
   เอาล้อยางแตกออก เอายางอะไหล่ใส่ ยังดีนะที่ล้อนี้มีลม ไม่งั้นงานเข้า แถมเหนื่อยฟรี
   ทำเสร็จก็เอาล้อที่ยางแตกเก็บไว้ท้ายรถ ล้างมือ แล้วไปนั่งดูทีวีต่อ
   เย็นดูรายการ the voice แรกๆ ไม่สนใจจะดู พอรู้ว่าเขาคัดเลือกแบบ blind audition คือให้กรรมการหันหลัง ไม่ให้เห็นหน้าตานักร้อง เฮ้ย ผมชอบแบบนี้ว่ะ
   นั่งดูจนจบ ชอบผู้ชายที่มีลูกตัวเล็กๆ เป็นคนไทยที่ได้ภรรยาญี่ปุ่น ร้องเพราะแบบมีเอกลักษณ์ จะมางานประกวดแบบนี้แค่ร้องเพลงเพราะยังไม่พอครับ ต้องแสดงบุคลิกของตัวเองออกมาทางเสียงเพลงให้กรรมการเขารับรู้ให้ได้ ถ้าใครทำได้ กรรมการก็มักจะหันมาให้ความสนใจ
   จะว่าไปแล้วมันก็เหมือนสไตล์การทำงานของผมนะ คืองานง่ายๆ ธรรมดาๆ ผมไม่ชอบทำ ชอบทำอะไรที่ชาวบ้านเขามองข้าม ทั้งงานดีไซน์ งานคอนเสป งานที่ปรึกษา หรือแม้กระทั่งงานเขียน
   หัวค่ำ “คุณเอ” จากนิตยสาร aBoat โทรมา บอกว่ากอง บก ให้ส่งต้นฉบับเรื่องเรือใบในสไตล์ของผมมาให้อ่านหน่อย ผู้บริหารของเขาสนใจ
   หึหึ ขอเวลาแป๊บครับ เดี๋ยวจัดให้
Title: Re: กย 56 5 Mercedes Benz S Class
Post by: O'Pern on October 01, 2013, 01:07:15 pm
30 กย 56
   ตื่นสาย กลางคืนฝนตกด้วยน่ะ เลยหลับยาว
   กินข้าว ไปส่งลูก ไปเฝ้าร้าน เรียบง่ายดีจริงๆ
   บ่ายไปเปลี่ยนยาง ตอนแรกคิดว่าจะเปลี่ยนมัน 4 เส้นเลย เพราะจำไม่ได้ว่าเปลี่ยนมานานหรือยัง แต่พอถอดมาแล้วเห็นรหัสปีที่ซ่อนอยู่ด้านในก็ตกใจ เฮ้ย เพิ่งจะเป็นยางปี 2012 นี้เอง
   คุยกับเซลล์เรียบร้อย เขาบอกว่าจะเอายางปี 2013 ให้ ตกลงราคากันเสร็จสรรพ แถมบอกว่าหากเอายางปีเก่า 2011 จะลดให้ 20% อืม ก็แฟร์ดีนะ แต่ผมตัดสินใจเลือกยางปีใหม่ล่าสุดครับ
   ผมเป็นคนโคตรจะหวงรถนะ จุดใดที่ไม่แน่ใจจะต้องยืนคุมตลอดอย่างใกล้ชิด เริ่มจากการขึ้นแม่แรง ช่างลากไอ้เข้มาเตรียมโยกยกรถขึ้น ผมรีบเดินไปก้มดูจุดที่เขาจะขึ้นแม่แรง ไอ้จุดน่ะเขาขึ้นถูก แต่ว่าแม่แรงมันมีถ้วยจานติดอยู่ไง หากขึ้นไปล่ะก็ สเกิร์ตแม่งแตกแน่ ผมรีบเอามือไปยกถ้วยจานนี้ออกได้ทัน รอดๆ (เปลาะที่ 1)
   ช่างถอดล้อไปใส่ยางใหม่ เปลี่ยนวาล์วลมใหม่ ถ่วงล้อเสร็จสรรพ ผมสั่งให้เขาเติมแรงดันลมยาง 35 ปอนด์ (เติมให้เกินเข้าไว้ แล้วค่อยมาปล่อยออกเองภายหลัง)
   ช่างกำลังจะใส่ล้อ จุดนี้เป็นอีกไฮไลท์สำคัญที่ต้องดูใกล้ชิด คือต้องให้ช่างไขนอทเข้าไปในรูล้อ “ด้วยมือ” เพราะจะได้มั่นใจว่าไม่เกิดอาการปีนเกลียว ช่างส่วนใหญ่จะเอานอทใส่บล็อคลมแล้วยิงเข้าไปทันที เราจะไม่รู้ว่าเกลียวเสียเลย มารู้อีกทีตอนจะถอดล้อแล้วเกลียวล้ม นี่แหละจะเป็นมหากาพย์หากไปยางแตกในต่างจังหวัด (รอดเปลาะที่ 2)
   ช่างร้านนี้โอเคดีครับ ใส่นอทด้วยมือโดยผมไม่ต้องบอก ผมตรวจดูสภาพยางโดยรวม ดูปีที่ผลิตแล้วตกใจ เฮ้ยๆ นี่ยางปี 2012 มันเก่าไปแค่ปีเดียว ไม่มีปัญหาหรอก แต่ตอนแรกเราตกลงกันไว้ว่าเป็นยางปี 2013 ไง
   รีบเดินไปหาเซลล์ เขาขอโทษ บอกว่าเด็กหยิบผิด หึหึ ดีนะผมคิดบวก เด็กคงจะหยิบผิดจริง นี่เป็นร้านยางเก่าแก่ที่ผมใช้บริการครับ อยู่บนถนนเจริญนคร เขานำเข้ายางเกาหลีมาเอง เลยขายได้ในราคาถูกกว่าพวกยางจากญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งยางของไทยเอง
   “คุณนี” ผู้จัดการรีบให้ส่วนลด 20% ทันที ยางขนาด 245/45/17 ราคาปกติ 4200 ได้ส่วนลดเพิ่มไปอีกเส้นละ 800 กว่าบาท
   ยางคู่หลังของผมก็เป็นยางปี 2012 อยู่แล้วไง ก็เลยไม่ซีเรียส ปกติก็จะเปลี่ยนยางทีละ 4 เส้นอยู่แล้ว มีวันนี้แหละทีเกิดเหตุยางแตก จะเปลี่ยนเส้นเดียวก็กระไรอยู่ กลัวรถไม่สมดุล ถ้าผมขับเองไม่มีปัญหา แต่คันนี้คือรถพ่อ และภรรยาก็ชอบเอาไปขับด้วย มันทั้งแรง ทั้งประหยัด ทั้งสบาย
   เอกลักษณ์ของร้านนี้คือ หากเปลี่ยนยางเขาจะแถมไวน์ 1 ขวด น่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของเจ้าของร้านเขาเองน่ะ ผมขอไวน์เขาหน้าตาเฉย เพราะทุกทีก็ได้มา แต่เขาบอกว่าให้สำหรับลูกค้าที่เปลี่ยนยาง 4 เส้น เล่นเอาผมอาย แต่เขาก็หยิบให้มานะ บอกว่าเป็นการขอโทษลูกค้า
   ร้านยางชื่อ “บ้านใหม่” อยู่ปากซอยเจริญนคร 40 ครับ จอดง่าย หาง่าย ทำงานรวดเร็ว ช่างไม่มีพักเที่ยง จะกินข้าวตอนที่งานเสร็จแล้ว
   เย็นไปรับมิว วันนี้เขานัดที่ร้าน B2S อีกแล้ว เป็นเด็กห้างทุกวันเลย โรงเรียนอยู่ตรงข้ามกับห้างก็อย่างนี้แหละครับ