18 ธค 53
เมื่อคืนอากาศหนาวมากจนผมต้องใส่ถุงเท้าเพื่อเพิ่มความอบอุ่น เป็นอีกคืนในไม่กี่วันในรอบปีที่นอนโดยไม่เปิดแอร์ แถมห่มผ้าอย่างหนา
งานตอนเช้าของผมมีแต่แบกของ ยกของ ได้เอาจักรยานออกขี่ไปจดออเดอร์ลูกค้าแถวบ้าน
บ่ายผมเอาจักรยานขี่ไปราชดำเนิน ไปดูรถ F1 วิ่ง รู้อยู่แล้วล่ะครับว่าคนจะต้องเยอะมากๆ เอาจักรยาน JZ88 ไปจะเป็นการดี ผมขี่ไปทางเสาชิงช้า แล้วก็ต้องตกใจ ผู้คนเยอะแบบชนิดที่คาดไม่ถึง ตามหลังคาบ้านเรือนก็มีชาวบ้านยืนปีนดู ต้นไม้นี่ไม่ต้องพูดถึง ห้อยโหนเป็นลิงเลยครับ หลังคารถกระบะก็ขึ้นไปยืนกัน คนแน่นจนผมเบียดเข้าไปสุดๆ แล้วยังไม่เห็นผิวถนนเลยครับ ไม่ได้การล่ะ ย้ายทำเลดีกว่า นี่คือจุดเด่นของจักรยานครับ เราคือหน่วยเคลื่อนที่เร็ว จุดนี้คนแน่น เราก็ไปจุดอื่นดีกว่า ขี่อ้อมหลังศาลาว่าการกรุงเทพฯ ไปทางวัดราชนัดดา จุดนี้สวยที่สุด เพราะผมยืนอยู่ในลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ด้านหลังของผมคือโลหะปราสาทที่เหลือหนึ่งเดียวในโลก ของสุดยอดอีกชิ้นที่มีแค่ในไทยครับ
แต่ก็อีกนั่นแหละ เบียดยังไงก็มองไม่เห็นครับ เอาไงดีวะ รถวิ่งไปแล้วด้วยสิ ตอนนี้ก็บ่ายสองโมงกว่าแล้ว ผมตัดสินใจคิดมุขสุดท้าย คือเราต้องขึ้นที่สูงครับ มันถึงจะเห็น แม้จะเห็นแค่ไกลๆ ก็ยังดีวะ ใจผมไปอยู่บนยอดของภูเขาทองที่อยู่ใกล้ๆ แล้วล่ะครับ ที่อื่นๆ ในโลกเขามี Tower สูงๆ ไว้ชมวิวกัน ไม่ว่าจะเป็น Tokyo Tower / Macau Tower / ไทยเราไม่ต้องสร้าง Tower หรูๆ ครับ เรามีของเจ๋งกว่าใครเป็น Tower โบราณที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ นั่นคือภูเขาทองนั่นเอง
จากจุดนี้ถ้าเดินเท้าคงต้องใช้เวลานานราว 30 นาที แต่ผมไปกับจักรยานครับ แค่ 3 นาทีผมก็มาถึงภูเขาทองแล้ว ขี่วนอยู่สองรอบ ผมจะหาที่จอดจักรยาน ไม่ได้ติดเอาสลิงล็อคมาด้วยนะสิ ทำไงดีวะ จะฝากแม่ค้าก็เกรงใจ จะฝากพระก็อาย สุดท้ายเลยไม่ได้ขึ้นครับ เซ็งสุดๆ เลยล่ะ ขณะกำลังตัดสินใจอยู่นั่นเอง ก็ได้ยินเสียงรถวิ่งดังลั่น แน่นอน มันคือ F1 !!!! รีบขี่รถกลับมายังด้านประตูทางออกของภูเขาทอง ฝั่งที่มีร้านค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไม้เยอะๆ จุดนี้ทะลุราชดำเนินได้ เป็นถนนเล็กๆ แคบๆ แต่คนก็เยอะจับใจเช่นกัน เอาวะ ดูไม่ได้ ขอได้ยินเสียงก็ยังดีวะ
ใช้โสตประสาทสัมผัสเสียงที่ผมอาจจะไม่ได้ยินไปอีกชั่วชีวิต แม้เพียงช่วงสั้นๆ แต่มันก็ทำให้เราอิ่มใจได้บ้างเหมือนกันนะ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของคนชอบรถยนต์น่ะครับ
0330 งานเลิก ผู้คนแห่กรูกันออกมา ผมกำลังจะฝ่าฝูงชนเข้าไปซื้อขนมปังมนต์นมสดไปฝากแม่ พอเบียดจนถึงหน้าร้านก็ตกใจอีกครั้ง คนแม่่งแน่นชนิดที่ประตูหน้าร้านเปิดค้างไว้เลย โหห สุดยอด ไม่กินแล้วโว๊ยยย
ขี่รถกลับออกมาทางดิโอลสยาม มีร้านขายปลาหมึกปิ้งอยู่หัวมุมถนนพาหุรัด จะซื้อไปฝากแม่สักหน่อย โหห คนแน่นอีกแล้ว นี่ขนาดเป็นหามเร่นะครับ หุ้มรุมกันจนแน่น ไม่เอาล่ะ กลับบ้านดีกว่า
รถติดแบบสุดยอดครับ ผมขี่จักรยานเลยลัดเลาะมาได้เร็วมาก แต่อีกสักพักผมจะต้องติดอยู่บนถนนนานแน่ๆ เพราะข้ามไปฝั่งธนฯ ก็ต้องขับรถยนต์กลับบ้าน รถติดตลอดทางเลยครับ ขับแบบใกล้จะหลับ จากจุดนี้ใช้เวลาเกือบ 1 ชม ทั้งๆ ที่วันอื่นผมใช้แค่ 15 นาทีก็ถึงบ้านแล้ว
กลับมาบ้านก็รีบอาบน้ำ จัดเตรียมจักรยานไปงานมีทติ้ง ใจแรกจะเอารถ KHS F20-W ไป แต่จู่ๆ เปลี่ยนใจกระทันหัน เอารถ Semi Recumbent ไปบ้างดีกว่า รถคันนี้ไม่ค่อยมีใครเห็น งานมีทติ้งรถพับก็จริง แต่ก็น่าจะมีรถเด่นๆ ให้ดูกันบ้าง ใจไม่ได้คิดโอ้อวดอะไร แต่อยากให้คนที่ไม่ได้เล่นจักรยานเขาเห็นรถหน้าตาแปลกๆ บ้าง เผื่อเห็นแล้วอยากขี่จักรยาน อะไรทำนองนั้น
คิดจะแต่งแบบทัวริ่งไปด้วยนะ เอา Pannier ห้อยท้ายไป 2 ใบ พร้อมกับแผ่นปูนอน เต้นท์ ถุงนอน ห้อยกันพะรุงพะรัง
พ่อๆ พ่อจะไปกี่วันหรอครับ มิวถาม ขณะที่ผมเอารถแบบ Fully Load ลองขี่วนเล่นในบ้าน
พ่อไม่ได้ค้างคืนหรอกลูก ไปเช้าบ่ายๆ พ่อก็กลับแล้ว
อ้าว มิวเห็นพ่อขนของเยอะแยะ
มันเป็นการตกแต่งน่ะลูก
เย็นลูกขอไปกินสเต็คร้านประจำหน้าปากซอยอีกแล้ว ผมไปเป็นเพื่อนเขา กินเสร็จก็เดินจูงมือกันกลับบ้าน ก่อนนอนก็อ่านหนังสือกันคนละเล่ม มิวอ่านการ์ตูน ส่วนผมอ่านหนังสือสุขภาพ คืนนี้เรานอนกันเร็วเช่นเคยครับ
อ้อ คืนนี้ไม่เห็นจะหนาวเหมือนคืนก่อนเลย
19 ธค 53
ไม่รู้ว่าตื่นเต้นอะไรนักหนา ลืมตาตืนเอาตอน 0400 อากาศก็เย็นๆ ครับ ใจคิดลุ้นให้มันเย็นลงไปอีก อยากจะใส่เสื้อแขนยาวขี่จักรยานดูบ้าง มาลุกเอาตอน 0500 อาบน้ำเตรียมตัวจะออกไปสวนลุม ไม่ได้เร่งรีบอะไรหรอกนะ ผมไม่ได้ขี่จักรยานไป เอารถ Giant Semi Recumbent ใส่ท้ายรถกระบะไปแทน บอกตรงๆ อย่างหน้าไม่อายว่าขี้เกียจขี่ครับ รถคันนี้มันเป็นแบบ Semi Recumbent ท่านั่งขี่มันสบายอย่างมาก แลกกับท่านั่งที่แสนจะโต้ลม
ขับรถไปจอดที่สวนลุมไนท์บาซาร์ แล้วก็ขี่จักรยานไปที่สวนลุม ผมขี่รอบๆ สวนมองหาร้านขายอาหารกินสักหน่อย เจอของถูกใจหลายร้าน แต่คนแน่นสุดๆ โต๊ะแน่นยังไม่พอ ยังมีคนยืนต่อคิวหุ้มรุมร้านจนแน่น มีร้านหนึ่งเล็งเอาไว้แล้ว คราวหน้ามาจะขอลองกิน เพราะเป็นของชอบ นั่นคือโรตีครับ ขายอยู่ฝั่งตรงข้ามร้าน Pro Bike เยื้องไปทางแยกสารสิน กลิ่นหอมโชยมาเตะจมูกตอนขี่จักรยาน อารมณ์เดียวกับตอนที่ได้กลิ่นป๊อปคอร์นหน้าโรงหนั่งนั่นแหละ
วนไปด้านหน้าสวนลุมฝั่งรถ BTS ที่มีลานจอดรถ จุดนี้คนก็แน่นครับ หมดมุขจนจะกินอาหารสิ้นคิด ไม่ใช่ข้าวกระเพรา แต่เป็นข้าวเหนียวหมูปิ้ง ขอโทษ ที่เห็นปิ้งๆ กันเต็มเตาน่ะ มีคนยืนเฝ้าจองกันหมดแล้ว โธ่..
มุขสุดท้าย ก็คือกินอาหารว่างที่เราเตรียมมาเอง ก่อนออกจากบ้านผมเอาถั่ว Pistachio และ Almond พร้อมด้วยขนมเซมเบ้อีก 2 ซองมาด้วย ตัดสินใจขี่เข้าไปลานตะวันยิ้ม จุดนัดพบที่พี่คากินัดหมายไว้ว่าจะเป็นที่จัดงานมีทติ้ง จะไปนั่งกินที่หน้างานนี่แหละครับ
อ้าว มีคนมาจัดงานก่อนเราด้วย เป็นงานเดินวิ่ง แต่เขาใกล้จะปิดงานแล้วล่ะ หน้างานมีของกินแจกด้วย แรกๆ ผมเขินๆ ไม่กล้าไปขอ แต่คิดอีกแง่ แหม เขาเอามากแจกนี่นา เลยเข้าไปขอรับขนมปังไส้มันเทศมา 1 ชิ้น กาแฟเย็นของนมตรามะลิ และขาเขียวเย็นแบบใส่นมของโออิชิ ได้ของมาแล้วก็ขี่ไปทางวงเวียนกลางสวนลุม นั่งบนก้อนหินใหญ่ กินอย่างเอร็ดอร่อย เพราะหิวสุดๆ ผมกินอาหารเช้าทุกวันตอน 0630 แต่ตอนนี้มัน 0800 เข้าไปแล้ว
ขนมปังมันเทศรสชาติโอเคดีครับ กาแฟเย็นผมไม่ค่อยชอบ ปกติก็ไม่ค่อยกินกาแฟอยู่แล้ว ส่วนชาเขียวเย็นแบบใส่นมนี่ไม่คุ้นเลย ถ้าได้แบบชาเขียวเย็นธรรมดาจะดีกว่านะ
กินเสร็จก็ขี่จักรยานเล่นไปรอบกว่าๆ ขี่แบบช้าๆ เกรงใจคนร่วมถนน ผ่านยามสิบกว่าจุด ไม่เห็นจะมีใครว่าผมสักคน ระหว่างทางผมเจอคุณ Bob ฝรั่งอายุ 81 ปี ที่เจอตอนออกทริปบ่อยๆ ผมวนรอบสวนเสร็จแล้วก็มาที่จุดนัดพบ เจอพี่คากิ อาสุวิทย์ ช่วงแรกนี้คนมายังไม่ถึงสิบคนเลย แต่ผมก็ยืนอยู่ตรงนี้แหละครับ
สักพักเจอพี่วัฒน์ Hasa และที่วุฒิ (แซงแซว) ผมชอบพี่สองคนนี้มาก พี่วัฒน์เป็นผู้ใหญ่ใจดี คุยสนุก เฮฮา ร่าเริง ส่วนพี่วุฒิจะเน้นถ่ายภาพ ผมเห็นเขาทีไร เป็นต้องขออาสาช่วยถ่ายภาพให้เขาบ้าง ผมรู้ดีครับว่าคนถือกล้องมักจะไม่ค่อยมีภาพตัวเอง แม้ใจจะบอกว่าไม่ชอบถ่ายภาพ ไม่เป็นไร แต่ในใจลึกๆ นั้นใครๆ ก็อยากมีภาพถ่ายสวยๆ ของตัวเองบ้างทั้งนั้นแหละครับ
เจอน้าชูมากับ Strida นั่งคุยกันนานเลยครับ ไม่ได้เจอน้าชูมาเกือบ 2 ปี น้าชูยังใจดีเสมอ บอกว่าถ้าผมจะขึ้นเหนือหรือมาขี่จักรยานในละแวกนี้ก็ขอให้บอก มาตัวเปล่าก็พอ มาใช้รถของเขาได้
มีรายการ TV ของ True Vision มาถ่ายทำรายการด้วยครับ เขาเอาจักรยานพับหน้าตาแปลกๆ มาถ่ายเจาะทีละคัน หันไปหันมา เขามาขอยืมจักรยานของผมไปขี่ แถมช่วงว่างๆ ในงานก็มาหยิบรถผมไปขี่เล่นอีกหลายหน พิธีกรหญิงหน้าตาดี ตัวสูงมากจนขี่รถของผมแล้วดูเก้งก้าง รถแบบ Semi Recumbent มันนั่งแบบเอนๆ นอนขี่อยู่แล้ว คนตัวสูง ขายาว ก็เลยยิ่งเห็นได้ชัดเจน
ราว 1230 พี่คากิตั้งขบวนขี่จักรยาน ผมไม่ได้ไปร่วมด้วย ไม่ชอบขี่ตอนกลางวันร้อนๆ แบบนี้ ถ้าขี่แต่เช้าแบบนี้พอไหวครับ พวกเราที่เหลือก็แยกย้ายกันกลับ ผมไปกินอาหารกับพี่วุฒิ คุยกันเรื่องราวเกี่ยวกับแวดวงจักรยานจนถูกคอ พี่วุฒิกับผมคุยกันได้ทุกเรื่อง เขามีมุมมองที่เปิดกว้าง หลายประเด็นที่ผมไม่กล้าคุยกับคนอื่น แต่ก็มาเปิดใจคุยกับพี่วฺุฒิ เช่นประเด็นเรื่องมุมมองที่คิดว่าคนที่ขี่ไกล ขี่นาน นั้นเจ๋ง เก่ง เท่ หารู้ไม่ว่านั่นคือการค่อยๆ ทำลายร่างกายตัวเองโดยตรงอย่างช้าๆ อีกเรื่องคือการที่มีชาวจักรยานบางคนขี่รถแบบไม่มีมารยาท ใช้จักรยานแบบไร้สำนึก ขี่แบบเห็นแก่ตัว
จบมื้ออาหารข้างถนนแบบง่ายๆ ก็ลาจากกันจริงๆ แล้วล่ะ ผมต้องขี่จักรยานย้อนกลับไปที่สวนลุมไนท์บาซาร์ ขับขึ้นทางด่วนแป๊บเดียวก็ถึงบ้านแล้วล่ะ
กลับมาบ้านนี่อย่างหิวเลยครับ อาบน้ำแบบลวกๆ แค่ราดให้พอหายร้อน ก็ลงมากินสตอเบอรี่ ส้ม ถั่ว ขนมเซมเบ้ กินอย่างละนิดละหน่อย แต่ถ้าหลายอย่างมันก็อิ่มเหมือนกันนะ
อิ่มเสร็จก็ง่วงครับ นั่งพิพม์เล่าเรื่องไปก็จะหลับไปด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่ากินคาร์โบไฮเดตรเยอะ หรือว่าเพลียแดดกันแน่ อ๊ะ ไม่แน่อาจถูกทั้งข้อ ก และ ข
ตลอดบ่ายถึงเย็นผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ รู้สึกอยากินโน่นนี่ไปหมด หยิบของกินในบ้านใส่ปากอย่างละนิดละหน่อย อยากกินจนตาลาย เจออะไรก็อยากกินอยากชิมไปหมด ทั้งถั่วสารพัดอย่าง ช็อคโกแลตดาร์คหลากหลายรูปแบบ ขนมเซมเบ้ พวกผลไม้ก็จะเป็นส้ม สัปปะรด ฯลฯ ร่างกายหรือจิตใจผมต้องผิดปกติบางอย่างแน่ๆ หรือว่าเก็บกดจากการคุมน้ำหนัก พอมาวันนี้รู้สึกผ่อนคลาย เลยซัดแหลก ไม่รู้สินะ นานๆ ผมจะรู้สึกหิวแบบนี้สักที
ก่อนนอนไถ่บาป ด้วยการทำซิทอัพไป 100 ครั้ง ไม่รู้จะเพียงพอหรือไม่