Author Topic: ตค 57 18-19 M Storm DC สนาม 4 / 20 เขาใหญ่  (Read 17379 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: ตค 57 18-19 M Storm DC สนาม 4 / 20 เขาใหญ่
« Reply #30 on: October 31, 2014, 05:23:40 pm »
31 ตค 57
   นี่ผมหยุดวิ่งมากี่วันแล้ววะนี่ ไม่เคยเว้นนานขนาดนี้มาก่อน อย่างเก่งก็แค่ 3 วัน แต่นี่เกือบสัปดาห์แล้ว อากาศช่วงเช้าเริ่มมีไอเย็น คล้ายกับตอนไปเขาใหญ่ แต่ที่นั่นโหดกว่า
   
   อาการไม่สบายค่อยๆ ดีขึ้น ไอไม่รุนแรงหรอก นานๆ ไอที เหมือนกับว่ายังไม่หายขาด
   เช้านี้กินแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ปลาสลิด ไข่เจียว ข้าวกล้องสีม่วง เสร็จแล้วก็กินยาตามอีกชุด น่าจะหายขาดได้แล้วนะ เบื่อแล้ว ปกติจะแข็งแรงมาก ไม่เห็นจะเจ็บป่วยง่ายแบบนี้
   หรือว่าเกิดอากาศเปลี่ยนแปลงเฉียบพลันแบบคล้ายกับปลาน็อคน้ำ
   คือผมอยู่เขาใหญ่ สูดอากาศเต็มที่ ชุ่มฉ่ำ ดื่มด่ำกับบรรยากาศป่าและน้ำตก พอกลับมาอยู่บ้านทำงานเจอฝุ่นเพียบๆ ข้างถนน วันเดียวแม่งไอเลย แล้วนั่นคือจุดเริ่มต้น
   จะอะไรก็ช่าง มันจวนจะหายขาดแล้วล่ะ ไอน้อยลงมาก น้ำมูกหาย อ่อนเพลียไม่มีแล้ว และอาการชอบกินจุบจิบอยากกินโน่นกินนี่ก็น่าจะกลับมาในไม่ช้า
   กินยาก่อนนอนเลยทำให้หลับยาว ตื่นเอาเกือบ 0600 ไม่ได้วิ่งอีกวัน
   ไปทำงานลองใช้เส้นทางใหม่ หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการทำถนน ผลก็คือมันไกลกว่ากันเยอะ ถึงจุดหมายช้ากว่าเก่าเสียอีก เป็นอันว่าควรใช้เส้นทางเดิม
   ตอนสายกินส้มเขียวหวานไป 5 ผล ตามด้วยกล้วยเล็บมือนางอีก 4 ชิ้น ไอ้กล้วยนี่ฮามาก มันเล็กมากๆ เท่านิ้วมือสมชื่อจริงๆ ซื้อมาแถวบ้าน ขายหวีละ 5 บาท ขายแบบขำขำจริงๆ เลย
   
   บ่ายเข้ามาบ้านได้ฤกษ์แกะกล่อง Samsung Galaxy Tab S มาลองใช้งาน ไอ้ของแบบนี้ผมไม่ชอบใช้หรอก มันได้มาฟรีๆ เพราะซื้อของเข้าร้านเหมือนกับทำยอดได้ตามเป้า ก็จะมีของรางวัลให้
   มีเยอะแยะไปหมด Ipad Ipad mini iphone กล้องดิจิตอล มือถือ ฯลฯ ใช้ไม่เป็นเสียด้วยสิ ถนัดคุ้นชินกับระบบของ IOS ค่าย Apple เขาไปเสียแล้ว เจอ Android ครั้งแรกนี่มึนเลย ยังมีเผลอใช้นิ้วทั้ง 5 รวบหน้าจอปิด แต่มันไม่ตอบสนอง ฮ่าๆ
   ไอ้ของพวกนี้เหมาะกับคนเหงาๆ นะ คือมันเล่นได้เพลินๆ อยู่นิ่งได้นานเป็นชั่วโมงเลย และถ้ายิ่งมีพวกโปรแกรมแชทอย่างไลน์ด้วยนะ รับรอง อยู่ได้ทั้งวันบนเก้าอี้ตัวนั้น
   แต่… มันกำลังมาเอาเวลาของชีวิตเราไปหรือเปล่า คิดดูให้ดี เด็กๆ วัยรุ่น หรือหนุ่มสาว คุณอาจจะยังไม่คิดอะไรมาก แต่บอกได้เลยนะว่า “เสียเวลาชีวิต”
   ผมจะใช้ประโยชน์จากของพวกนี้ให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง เช่นตอนขับรถก็ลองให้ลูกช่วยมองหาทางลัดด้วยการเปิดแผนที่ ตอนคุยโทรศัพท์กับช่างซ่อมรถแล้วเขาบอกชิ้นส่วนที่เปลียนมา เช่น คอมแอร์ ก็รีบให้ลูกช่วยเปิดหาเช็คราคา อย่างน้อยก็จะรู้คร่าวๆ จะได้ไม่โดนใครเขาหลอก หรือไปเที่ยวที่ไหนกันก็เปิดหาแหล่งท่องเที่ยวแปลกใหม่ในบริเวณใกล้เคียง
   ทำให้ลูกเห็นว่าใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมาก มันไม่ได้มีไว้แชทกับคนแปลกหน้า ไม่ได้มีเอาไว้จีบสาว ตอนเราอยู่ด้วยกันหรืออยู่กับเพื่อนนี่ห้ามหยิบขึ้นมาเล่นเด็ดขาด
   น่าเห็นใจเด็กยุคใหม่อย่างมากครับ เพราะภัยคุกคามทางเพศกำลังก้าวมาหาลูกคุณผ่านทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
   อยู่กับเจ้า Tab S ราว 15 นาที วุ่นอยู่กับการลงทะเบียนเข้าใช้ เออ เพิ่งรู้นะว่ามันใช้โทรศัพท์ได้ด้วย แปลว่าถ้าจะใช้งานนอกบ้านหรือสถานที่ไม่มี wifi ก็ต้องใช้อินเทอร์เนทซิม หรือไม่ก็ใช้ซิมมือถือปกตินี่แหละ แต่ซื้อแพ็คเก็จอินเทอร์เนทเพิ่มอีก
   มันเริ่มจะมาดูดเงินจากกระเป๋าเราไปทีละน้อยๆ สมัยก่อนก็มีแค่ค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน ค่าโรงเรียนลูก สมัยนี้มีค่าใช้จ่ายใหม่ๆ เข้ามาอีกเพียบ ค่ามือถือ ค่าwifi ที่บ้าน ค่าเคเบิ้ลทีวี ถ้าใครชอบผ่อนสินค้าก็บวกเพิ่มเข้าไปอีก
   หน้าจอแสดงผล ระบบเสียง มันดีกว่า ipad อย่างเห็นได้ชัด ไม่อยากเล่นมาก เดี๋ยวติดอีกคน ว่าคนอื่นเขาไว้เยอะ ฮ่าๆ ชาร์จแบ็ตให้เต็มแล้วเก็บไว้ ค่อยๆ เรียนรู้มันไปทีละนิด แต่แค่วันแรก 20 นาทีนี้ก็เห็นข้อแตกต่างอันแรกที่ชอบ Android มากกว่าก็คือ การโหลดแอ๊ปนี่เขาไม่ต้องคอยมากรอก ID และ Password กันทุกครั้งเหมือน Ipad เลยโหลดและลบแอ๊ปเล่นอย่างสนุกสนาน
   
ข่าวทีวีบอกว่าเป็นห่วงเด็กไทยพัฒนาการช้า ป 3 ยังอ่านหนังสือไม่ออก
   ได้ยินแล้วจี๊ดดด
   มิว ลูกผมเองไงครับ ที่กว่าจะอ่านหนังสือได้ก็ ป3 เทอมปลาย เรียกว่าเกือบจะ ป4 แต่พอเขาอ่านได้แล้ว กลับบ้าอ่านหนังสือ ไม่เล่นของเล่นอะไร ชอบแต่ซื้อหนังสือ จะมีขอซื้อของบ้างก็เป็นพวกโมเดลเครื่องบิน
   เขาอ่านได้ช้าก็เพราะเรียนโรงเรียนแนวเตรียมความพร้อมครับ ชื่อโรงเรียนวรรณสว่างจิต ใกล้ๆ บ้านก็มีโรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนแนวนี้ฝั่งธนฯจะดังมาก แปลกดี
   ต้องออกมาให้ข้อมูลเพิ่มก็เพราะว่าพอคนทั่วไปได้ยินว่า ป3 ยังอ่านไม่ได้ก็จะตกอกตกใจ ส่วนตัวผมตอนเด็กๆ เรียนอัสสัมชัญมา มันคนละแนว ผมอ่านได้ตั้งแต่อนุบาลโน่นแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าเซลสมองของผมพัฒนาไปได้ไกลไม่เท่าลูกหรอก
   ฉะนั้น อ่านออกหรือไม่ ตอนใด ไม่ใช่ปัญหา อยู่ที่โตมาแล้วเป็นคนดีหรือเปล่า นำความรู้ความสามารถมาพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองหรือไม่
   ถ้าเก่งเลิศตั้งแต่เด็ก แต่โตมาโคตรโกง โคตรเหี้ย กินประเทศชาติ บ้าอำนาจ อยากเป็นเจ้าของประเทศล่ะ
   วันนี้ครบรอบ 1 ปี ที่มวลมหาประชาชนรวมตัวกันที่สามเสน และใช้เวลาอีก 7 เดือนผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

   วันนี้วันฮาโลวีน แต่ไทยเราไปเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะ เทศกาลอื่นผมพอจะเข้าใจได้ แต่ไอ้วันนี้ผมไม่เก็ทจริงๆ ยังไม่รู้ที่มาที่ไปของมันเลย พวกเอ็งรู้แค่ว่าแต่งเป็นผี แค่นี้ก็ลุยกันแล้วหรอ ไม่ต้องสนใจความเป็นมาของมันเลยหรอ

   ด้วยความสงสัย เลยไปเสิร์ชหามาอ่าน เผื่อจะนำไปคุยกับลูกได้
   Samhain  เป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความตาย ทั้งนี้ ในวันที่ 31 ตุลาคม ชาวเคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ถือกันว่าเป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นวันขึ้นปีใหม่
ซึ่งในวันที่ 31 ตุลาคมนี่เองที่ชาวเคลต์เชื่อว่า เป็นวันที่มิติคนตาย และคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา จะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เดือดร้อนถึงคนเป็น ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเคลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย และยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ปลอมตัวเป็นผีร้าย และส่งเสียงดัง เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป
นอกจากนี้คืนดังกล่าวยังเป็นคืนเฉลิมฉลองการสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว และอาจมีการนำสัตว์ หรือพืชผลมาบูชายัญให้กับเหล่าภูติผี และวิญญาณด้วย หลังจากคืนนั้นไฟทุกดวงจะถูกดับ และจุดขึ้นใหม่ด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ของชาวเซลท์
บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา “คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง” เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสตกาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์ แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน
ในสมัยต่อชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีเฉลิมฉลอง ของกลุ่มชนนอกศาสนาคริสต์เหล่านี้ สันตะปาปา Gregory ที่ 4 จึงได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายนให้เป็นวันเฉลิมฉลอง All Saints Day หรือ All Hallows Day สำหรับชาวคริสต์เพื่อระลึกถึงนักบุญ และผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่การเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคมหรือ Hallow?s Eve ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันแต่ชื่อเรียกได้เพี้ยนไปเป็น Halloween
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride