นาย sarun นี่ฟังจากที่เขียนมาก้อรู้ว่า
1. ไม่เคยแข่งรถ
2. ไม่เคยทำรถ (ไม่ต้องถึงขั้นรถแข่งอ่ะนะ)
3. ไม่รู้จักคำว่า"รถแข่ง"
เพราะถ้าบอกว่า Group N แรงนี่....ยังต้องศึกษาอีกเยอะนะน้อง ในโลกนี้ยังมีแรงกว่า Group N อีกมาก ขนาดที่เราเคยเล่นกันในบ้านเราเองยังแรงกว่า Group N หลายขุมนัก เช่น Group 5 และ Group A รู้จักมั้ย? รึรู้จัก WTCC, BTTC, V8SuperCar หรือ DTM ไม๊ ถ้าชอบรถลักษณะ Production Base ลองหาๆอ่านดูนะ ยังมีรถที่มันส์ๆกว่า Group N อีกเยอะ ฉะนั้น เลิกบอกเถอะว่าจะสู้ Group N ไม่ได้ เพราะ Group N น่ะมันรุ่นสำหรับคนหัดแข่ง อ้อ..ไม่ต้องห่วงนะ A31 เครื่อง SR20 ราคา 5 แสนที่วิ่งไล่แดก Honda 3Dr น่ะ ได้เห็นแน่ในรุ่นนี้ ไม่ผิดหวัง รถขับหน้าทั้งหลายนั้นไม่น่าห่วงหรอก ยังไงซะก้อแพ้รถขับหลังวันยังค่ำ น้ำหนัก 50kg น่ะเฉยๆ เพราะยังซะผมก้อทำ A31 ให้ลงมาเหลือ 1150kg ได้ไม่ยากนัก Honda ทั้งหลายน่ะ เอาลงมาให้ได้ 1100kg ซะก่อนเถอะ ที่ห่วงอยู่มีพวกเดียวคือพวกขับ 4 ล้อ สงสัยจะเหนื่อย
ค่าใช้จ่ายต่อปีสำหรับแข่งรถนั้น ส่วนมากจะหมดไปกับค่ายาง ถ้าประหยัดกันสุดๆแล้ววิ่งถนอมยางเป็น งานนึงใช้ยางสองชุด 8 เส้นคูณ 5000 ก้อ 40000 บาท ถ้าปีนึงมี 6 งาน (12 สนาม) ก้อ 240000 บาท ตีไปง่ายๆเผื่อแตกเผื่อชน เอาเป็น 300000 บาท ที่ต้องโยนทิ้งกันบ่อยๆแต่โยนทิ้งทีละ 20000 สาหัสนักหรือ? ปกติพวกนัก drift ก้อโยนเทอร์โบตัวละแสนทิ้งเล่นอยู่ปีละ 3-4 ตัวอยู่แล้วนี่นา นี่ยางฝนก้อไม่ต้องมี ประหยัดกว่า slick เยอะ
เครื่องยนต์ วิ่งด้วย Gasohol 95 จะทำเครื่องหมุน 10000 รอบให้มันกระจายเล่นทำไมเล่า ถ้าทำเครื่องเป็น เลือกของเป็น เครื่องยนต์วิ่งได้ทั้งปี อย่างเก่งก้อ Overhaul กันกลางปี ถ้าเล่น 3S-Beam มี 200 กว่าแรงอยู่แล้วเดิมๆ ใส่วิ่งเล่นไปก่อนยังได้ แถมวาล์ว Titanium ด้วยเดิมๆเนี่ย (รู้กันมั่งป่าว?) แล้วคิดว่าค่าเครื่องจะเสียกันเท่าไหร่ ถ้าเคยแข่งแล้วเครื่องพังทุกสนาม แนะนำให้เปลี่ยนช่างเครื่องซะ อย่างนั้นไม่ใช่เครื่อง มันอยู่ที่คนทำ
ตัวรถ ถ้าไม่ขยันชนกับชาวบ้าน ก้อไม่มีเรื่องต้องซ่อมกันมากมายนัก กันชนหน้าหลัง ประตู บังโคลน ฝากระโปรง นั้น Fiberglass ได้ เดี๋ยวนี้บ้านเราทำได้ถูกๆเยอะแยะ ไม่ต้องไปขนของงามๆจากญี่ปุ่นมาใส่หรอก หนักป่าวๆ เอาแค่เปลือกก้อพอ ช่วงล่าง เบรค ทั้งหลาย อะไหล่เชียงกงบานตะไท จะมีต้องเปลี่ยนกันบ้างระหว่าง season ก้อจานเบรคกับผ้าเบรค คิดว่ามันเท่าไหร่กันล่ะ
เรื่องงบประมาณที่จะต่างกันนั้น จะมีก้อคือ Initial cost ในการทำรถตอนแรก มันแล้วแต่ว่าจะเริ่มที่ 5 แสนรึจะเริ่มที่ 3 ล้าน ส่วนในระหว่างปีจะให้จารนัยว่ามันจะเท่าไหร่ต่อปีนั้น อันนี้แล้วแต่ความสามารถของทีม บางทีทำรถทีเดียววิ่งได้ทั้งปีไม่มีปัญหา บางทีมแข่งไปซ่อมไปอยู่นั่น ค่าใช้จ่ายนั้นจะหมดไปมากกับสิ่งที่สึกหรอ เช่น ยาง น้ำมันเครื่อง ผ้าเบรค จานเบรค ฯลฯ นอกนั้นก้อเป็น Operating cost ในการแข่งแต่ละครั้ง ค่าแรงลูกทีม ค่ากิน ค่าที่พัก ถ้าไม่ได้จ้างลูกทีมมาจาญี่ปุ่นรึอิตาลีมา Set รถก้อจะถูก ถ้าลูกทีมกินข้างกล่องได้ก้อจะถูก ถ้าลูกทีมนอนในสนามได้ไม่ต้องนอนโรงแรม 5 ดาวก้อจะถูก
แต่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้นั้น ถ้าเก่งในเรื่องการหาสปอนเซอร์ สปอนเซอร์นั้นจะแบ่งเบาภาระในเรื่องนี้ได้มาก สปอนเซอร์นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเงิน เพราะถ้าเดินไปบอกสปอนเซอร์ "ขอห้าแสนจะเอาไปแข่งรถ"เขาคงตอบมาว่า "ส้นเท้าแน่ะครับ" สปอนเซอร์นั้นอาจจะมาในรูปของผลิตภัณฑ์ เช่น ยาง น้ำมันเครื่อง ผ้าเบรค ฯลฯ(พวกลูกชิ้นหรือหมูยอน่ะไม่เอา) หรืออาจจะมาในรูปของการบริการ เช่น ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ งัดยางเข้าออก อย่างร้าน B-Quik รึอะไรทำนองนั้น เพราะใช้บ่อยมาก แต่สปอนเซอร์แบบเอาสาวพริตตี้มาเดินน่ะไม่เอา เกะกะ(ส่วนบริการอย่างโพไซดอนนั้น ถ้าหาได้ก้อตามสบายละกัน) เพราะฉะนั้นเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างปีนั้น ถ้าเราแจกแจงเป็นหัวข้อเสนอกับสปอนเซอร์ได้ มันก้อจะง่ายขึ้น ระวังจะเจอสปอนเซอร์ที่ช่วย 5000 แต่เราต้องจ่าย 8000 สำหรับค่าบริการเขาละกัน ทีนี้พอจะเห็นภาพไม๊ว่าการใช้จ่ายนั้นมันจะออกมาในรูปไหนได้บ้าง ถ้ามัวแต่คิดว่า โห...ปีนึงเสียเป็นล้านเว้ย หยั่งงั้นก้อคงไม่ต้องเล่นอ่ะนะ เพราะรุ่นที่ถูกกว่านี้ไม่รู้จะมีรึปล่าวแล้ว และขอยืนยันว่า One Make Race นั้นไม่ถูกกว่ารุ่นนี้ ทั้งงบเริ่มต้น และงบทั้งปี