Heel&Toe นั้นเป็นเทคนิคซึ่งใช้ในการ Shift down ขณะที่กำลัง"เบรคก่อนเข้าโค้ง" เพื่อไม่ให้รถนั้นเสียการทรงตัว
ถ้าถามว่า"ทำไมต้องทำด้วย" คิดง่ายๆ เวลาเรา Shift up จากเกียร์ต่ำไปสูง รอบเครื่องจะตก ณ ความเร็วนั้นๆ เช่นลากในเกียร์ 3 ไป 10,000 รอบได้ความเร็ว 120 กม/ชม Shift up เข้า 4 รอบตกลงมาเหลือ 7,000 รอบ ถ้าแช่ไว้ตรงนั้นความเร็วก้อจะอยู่ที่ 120 โอเคนะ
ในทางกลับกัน ถ้าเรา Shift down จากเกียร์ 4 ลง 3 ขณะที่วิ่งอยู่ 120 รอบเครื่องอยู่ที่ 7,000 พอเราถอนคลัทช์ รอบเครื่องจะพยายามพุ่งขึ้นไป 10,000 รอบ แต่ด้วยความที่ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์นั้นมีน้ำหนักหรือที่เรียกว่า reciprocating weight จึงเกิดอาการที่เรียกว่า Engine brake ที่ทำให้เรารู้สึกว่ารถนั้น"หัวทิ่มหัวตำ"
ในสมัยก่อน เบรคของรถนั้นยังไม่พัฒนาไปมากนัก เบรคนั้นไม่เจ๋งเท่าไหร่ นักแข่งสมัยเก่าจะใช้ Engine Brake เข้ามาช่วยในการ"ชลอความเร็ว" แถมสมัยนั้นความเร็วที่ทำได้ก้อไม่ค่อยมาก เรื่องรอบพุ่งจน over rev. นั้นไม่ค่อยเกิดมาก แต่ในสมัยนี้ รถนั้นเบรคดีขึ้น เครื่องยนต์แรงขึ้น รถเร็วขึ้นมาก จนบางครั้งถ้า Shift down ผิดที่ จะมี engine brake จนเครื่อง over rev. กระจายเป็นชิ้นๆ และด้วยความที่ engine brake นั้นทำให้รถเกิดอาการ"หัวทิ่ม" ถ้าขณะนั้นกำลังใช้เบรคทั้ง 4 ล้อจนถึงจุดที่เรียกว่า Threadshold braking หรือ ยางนั้นถูกใช้ไปในการเบรคหมดแล้ว engine brake จะทำให้ล้อหลัง(ในรถขับหลัง)นั้น lock และทำให้รถเสียการทรงตัวขณะเบรคได้
เราจะตัดเรื่อง over rev. ออกไปเพราะยังไงซะความเร็วของรถนั้นลดลงอยู่แล้วเนื่องจากเรากำลังเบรคอยู่ ยกเว้นว่า shift down ผิดจาก 5 ไป 2 ก้อจะซวยหน่อย (งานนี้ rev. limiter ก้อไม่ช่วยนะ) สมมติว่าเราใส่มาในทางตรงสุดเกียร์ 5 แล้วต้องเข้าโค้งซึ่งเราต้อง shift down ลงมาที่เกียร์ 2 เพื่อที่จะออกจากโค้ง
1. เรายกเท้าขวาจากคันเร่งมากดแป้นเบรค เท้าซ้ายเหยียบคลัทช์
....ถ้าเรายัดเกียร์ลงมาที่เกียร์ 4 เลยทันทีแล้วถอนคลัทช์ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ จะเกิด engine brake รถจะหัวทิ่ม weight transfer มาข้างหน้า ล้อหลังจะล็อคหรือเกือบล็อคแล้วตูดรถจะส่ายไปมา ทำให้เราเสียเวลาแก้อาการของรถจนเข้าโค้งไม่ได้ โอเคนะ....
2. เราทำ Heel&Toe ที่เท้าขวา พูดง่ายๆคือ เราต้องเท้าขวา"แย็บ"คันเร่งขณะที่เท้าขวายังเหยียบแป้นเบรคอยู่ อันนี้แล้วแต่รถ บางคันทำได้โดยใช้ปลายเท้าเยียบเบรคแล้วใช้ส้นสวิงออกมา"แย็บ"คันเร่ง" บางคันทำได้โดยใช้ส้นเท้าเหยียบเบรคแล้วใช้ปลายเท้า"แย็บ"คันเร่ง ซึ่งไม่ได้ความรู้วสึกขณะเบรคเท่าไหร่ ถ้าโมฯแป้นเบรคและคันเร่งซะหน่อย จะทำให้เหยียบเบรคด้วยปลายเท้าแล้วบิดเท้าใช้ด้านข้างของเท้าขวา"แย็บคันเร่ง" จากนั้นยัดเกียร์ลง 4 แล้ว 3 แล้ว 2 หรือ....ถ้ารู้จังหวะเครื่องจริงๆ จะรอจนรถลดความเร็วลงมาจนเหมาะสมแล้ว"แย็บ"คันเร่งแล้วยัดเข้า 2 เลยก้อได้
3. ถอนคลัทช์แล้ว Trail braking เข้าโค้ง รอกดคันเร่งออกจากโค้งต่อไป
ทีนี้ในจังหวะ 2 เนี่ย การ shift down นั้นมักจะเกิดปัญหา"เกียร์เข้ายาก" โดยเฉพาะในเกียร์ต่ำอย่าง 1 หรือ 2 เนื่องจากความเร็วในการหมุนของชุดเกียร์นั้นมันต่างกันมากขึ้น Synchromate ออกแบบมาเพื่อทำให้เกิดการ match ของความเร็วจากเกียร์นึงไปอีกเกียร์นึง แต่ยังไงซะก้อยังต้องเสียเวลาและเกิดแรงเสียดทานมหาศาล จนบางครั้ง Synchro Ring ที่เป็นทองเหลืองนั้นสึก จึงได้เกิดเทคนิคที่เรียกว่า "Double Clutching" ขึ้น
Double Clutching นั้นเป็นการใช้แรงจากเครื่องในขณะที่เรา"แย็บ"คันเร่งเพื่อให้รอบการหมุนของชุดเกียร์นั้น match กันเร็วขึ้น ทำให้"ยัด"เกียร์ได้ง่ายขึ้น ถ้าจะเอารายละเอียดในเรื่องนี้จะยาว ในขั้นที่ 2 นั้น ถ้ารวม Double Clutching เข้าไป จะกลายเป็น
2. เราดันคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง"เกียร์ว่าง" ทำ Heel&Toe เบรคและ"แย็บ"คันเร่ง ในขณะที่กำลัง"แย็บ"คันเร่งนั้น เราถอนคลัทช์ด้วยเท้าซ้าย"แว่บนึง"(ไม่รู้จะบอกยังไง) แล้วกดคลัทช์ยัดเกียร์ลง 4..............................(ทุกอย่างตามเดิม)
จะเห็นได้ว่า "อะไรของมันวะ" แต่นั่นคือการทำ Heel&Toe + Double Clutching ในขณะที่เบรคก่อนจะเข้าโค้ง ฟังดูแล้วอาจจะคิดว่า "จะทำทันได้ไงวะ" แต่ถ้าได้ลองทำดูจะรู้ว่าไม่ยากนัก ช่วงแรกๆเท้าอาจจะพันกันหน่อย แต่บอกตรงๆว่า ยิ่งในความเร็วสูงยิ่งง่าย
แต่เทคนิคนี้ใช้สำหรับ Road Racing เพื่อที่สามารถจะเบรคเต็มที่และ Shift down ได้โดยไม่ให้รถเสียการทรงตัว สำหรับ Drift นั้นอาจจะไม่ต้องใช้ เพราะอยากเสียตัว เอ๊ย เสียการทรงตัวอยู่แล้ว Engine brake น่าจะช่วยใน Drift ได้มากกว่า แต่ระวังเรื่อง Over rev. ละกัน ;D