Author Topic: "ไร้กรอบ"  (Read 2090 times)

Offline ToppyRacingClub

  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 1382
"ไร้กรอบ"
« on: October 06, 2006, 09:49:04 am »
***เคยได้ยินชื่อ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ไหมครับ??
เขาเคยเป็นวิศวกรขององค์การอวกาศนาซา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน
เคยได้รับรางวัลงานวิจัยที่ดีที่สุดระดับโลกเกี่ยวกับเครื่องยนต์ไอพ่น ตัดสินใจกลับเมืองไทยเพราะ

1.อยากดูแลพ่อแม่
2.ไม่อยากเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้านพักคนชรา
3.อยากเที่ยว และ
4.ชอบกินอาหารอร่อย

เคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง
ผมประทับใจบทสัมภาษณ์ของ ดร.วรภัทรใน "เสาร์สวัสดี" ของ "กรุงเทพธุรกิจ " เมื่อประมาณ 1-2 เดือนก่อนมาก

คนอะไรก็ไม่รู้ ชีวิตมันส์เป็นบ้า ความคิดก็กวนเหลือหลาย ตอนที่เขาเป็นอาจารย์ วิธีการสอนหนังสือของเขาแปลกกว่าคนอื่น
"ผมออกนอกกรอบตลอดเวลา" เขาบอก

เขาเคยพาเด็กวิศวะไปที่ริมสระว่ายน้ำ เรียนไปและดูนิสิตสาว ๆ ว่ายน้ำไปด้วย คาดว่าคงไปเรียนเรื่อง "คลื่น"
ระหว่างท่าฟรีสไตล์ กับท่าผีเสื้อ คลื่นที่เกิดขึ้นของท่าไหนถี่กว่ากัน ระหว่างชุดทูพีซกับวันพีซ แรงเสียดทานกับน้ำ ชุดไหนมากกว่ากัน
แนวการศึกษาน่าจะออกไปทำนองนี้ แต่ที่ชอบที่สุดคือตอนที่เขาออกข้อสอบ ข้อสอบของเขาสั้นและกระชับมาก
"จงออกข้อสอบเอง พร้อมเฉลย" โหย...เด็กวิดวะอึ้งกันทั้งห้อง คำตอบส่วนใหญ่เป็นการตั้งโจทย์แบบง่ายๆ เช่น ปั้นจั่นมีกี่ชนิด

ผลปรากฎว่าได้ศูนย์กันทั้งห้อง เพราะเป็นคำตอบที่ไม่ได้แสดงความคิดที่ลึกซึ้งสมกับที่เรียนมาทั้งเทอม
เหตุผลที่ ดร.วรภัทรออกข้อสอบด้วยการให้นิสิตออกข้อสอบเองเป็นเหตุผลที่ตรงกับใจผมมาก
"ชีวิตคนเราจะรอให้อาจารย์ตั้งโจทย์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องหาโจทย์มาเอง คิดแล้วทำ ถ้าผิดแล้วอาจารย์จะปรับให้"
เขามองว่าเด็กรุ่นใหม่ติดนิสัยเด็กกวดวิชา รอคนคาบทุกอย่างมาป้อนให้ไม่รู้จักคิดเอง
"ถ้ารอและตั้งรับ คุณก็เป็นพวกอีแร้ง แต่พวกคุณแย่กว่าเพราะเป็นแค่ลูกอีแร้ง คือ รออาหารที่คนอื่นป้อนให้"
โหย...เจ็บ ผมเชื่อมานานแล้วว่าชีวิตของคนเราเป็นข้อสอบอัตนัยที่ต้องตั้งโจทย์เองและตอบเอง
ไม่ใช่ข้อสอบปรนัยที่มีคนตั้งโจทย์ และมีคำตอบเป็นทางเลือก ก-ข-ค-ง ถ้าใครที่คุ้นกับ "ชีวิตปรนัย" ที่มีคนตั้งโจทย์ให้และเสนอทางเลือก
1-2-3-4 คนคนนั้นชีวิตจะไม่ก้าวหน้า เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลาติดกับ "กรอบ"ที่คนอื่นสร้างให้
ไม่เหมือนกับคนที่รู้จักคิดและตั้งคำถามเอง

เรื่องการตั้งคำถามกับชีวิตเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่าลืมว่าเพราะมี "คำถาม" จึงมี "คำตอบ"
เมื่อมี "คำตอบ" เราจึงเลือกเดิน พูดถึงเรื่องการตั้งคำถามผมนึกถึง"โสเครติส" เขาเป็นนักปรัชญาเอกของโลก
ที่สอนลูกศิษย์ด้วยการสนทนา ตั้งคำถามให้ลูกศิษย์ตอบ สร้างองค์ความรู้จาก "คำถาม"
กลยุทธ์ของ "โสเครติส" ในการสอนคือไม่ให้ความเห็นใดๆ แก่นักเรียน และทำลายความมั่นใจของ นักเรียนที่เชื่อว่าตนเองรู้

"โสเครติส" เชื่อว่าเมื่อเด็กตระหนักใน "ความไม่รู้" ของตนเองเขาจะเริ่มต้นแสวงหา "ความรู้ "
แต่ถ้าเด็กยังเชื่อมั่นว่าตนเองมี "ความรู้" เขาก็จะไม่แสวงหา "ความรู้ "
การตั้งคำถามของโสเครติสจึงมีเป้าหมายโจมตีและทำลายความเชื่อมั่นในภูมิความรู้ของนักเรียน
เป็นกลยุทธ์เท "น้ำ" ให้หมดจากแก้ว เมื่อแก้วไม่มีน้ำแล้ว จึงเริ่มให้เขาเท "น้ำ" ใหม่ใส่แก้วด้วยมือของเขาเอง
"น้ำ" ที่ลูกศิษย์แต่ละคนเทลงแก้วด้วยมือตัวเองมาจาก "คำตอบ"ที่เขาค้นคิดขึ้นมาเอง
"คำตอบ" จาก "คำถาม" ของ "โสเครติส"
"โสเครติส" นิยามศัพท์คำว่า "คนฉลาด" และ "คนโง่" ได้อย่างน่าสนใจ
"คนฉลาด" ในมุมมองของ "โสเครติส" นั้นไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง
แต่ "คนฉลาด" คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้
ส่วน "คนโง่" นั้น คือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ แต่ทำตัวราวกับเป็นผู้รู้

***ไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้ผมยังมีความภาคภูมิใจใน "ความรู้" ของตนเอง แต่พออ่านถึงบรรทัดนี้ ทำไมผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย***

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re:"ไร้กรอบ"
« Reply #1 on: October 06, 2006, 07:33:47 pm »
ฮ่าๆ ดีใจที่มีคนนอกกรอบเหมือนเราด้วย

จะเล่าอะไรให้อ่าน

เมื่อสองสามสี่ปีก่อน ที่งาน Motor Expo เมืองทองธานี ผมไปเป็นกรรมการตัดสินการออกแบบรถยนต์กับคณะกรรมการกลุ่มหนึ่ง ประกอบด้วยอาจารย์ฝ่ายศิลปะและการออกแบบจากศิลปากร จุฬาฯ พระจอมเกล้า ลาดกระบัง ฯลฯ และฝ่ายออกแบบของไทยรุ่ง

ผมกับพวกอาจารย์นั่งคุยกันอย่างออกรสชาติ เพราะใจรักงานศิลปและการออกแบบเหมือนกัน สักพักอาจารย์จากศิลปากรก็เอ่ยปากชวนผมไปสอนพิเศษให้ลูกศิษย์เขา ผมชะงักสักครู่ ใจผมน่ะอยากถ่ายทอดความรู้ความคิดในหัว แต่มันติดตรงที่สไตล์ผมมันบ้าๆ บอๆ จะเรียกว่า "ไร้กรอบ" ดังที่เจ้าท๊อปนำมาโพสก็คงจะไม่ผิด อาจารย์จุฬาฯก็เป็นอีกท่านที่อยากให้ผมไปสอนเสริมหลักสูตรให้เขา

ตอนผมเรียนที่ Art Center เขามีการสอบสัมภาษณ์ มีสอบข้อเขียน ผลออกมาคือผมทำงานข้อเขียนได้ไม่ดี แต่ที่นี่เขาสอบสัมภาษณ์ด้วย คงจะดูไหวพริบปฎิภาณของเราอะไรทำนองนี้ เขาให้ไปสัมภาษณ์พร้อมกับพรีเซนต์งานที่เราเคยทำ ที่เรียกว่า Portfolio

เขาชอบงานออกแบบของผมนะ คือผมออกแบบ "บ้านสองเสา" ไป ที่จริงมันคือที่พัก หรือจะดัดแปลงเป็นร้านกาแฟ หรือกระทั่งป้อมตำรวจก็ยังได้ งานออกแบบของผมต่างจากคนอื่นที่มักจะออกแบบเก้าอี้ โซฟา โคมไฟ ก๊อกน้ำ ฯลฯ (ยุคนั้นเรื่องคอมฯ ยังไม่ค่อยฮิต คนยังใช้กันไม่เยอะ ในไทยยังไม่มีอินเทอร์เนทเลยมั้ง)

เล่าแล้วชักยาววุ้ย เอาเป็นว่าผมได้เข้าเรียนในกลุ่มวิชาออกแบบยานพาหนะ ในห้องเรียนก็แบ่งกันเป็นกลุ่ม ทำงานกันเป็นกลุ่ม แปลกใจตรงที่แทบไม่มีคนอเมริกันเลย เพื่อนผมเป็นพวกอิตาลี สวิส เบลเยี่ยม เยอรมัน สวีเดน ฟินแลนด์ ฯลฯ ผมเป็นคนเอเชียคนเดียวในห้อง  :)

แต่ละคนมาจากต่างถิ่น ผมมาแนวไทย สไตล์นอบน้อม ก็เลยยอมรับความคิดของทุกๆ คน ต่างจากคนอื่นที่มักจะคิดว่าตัวเองเจ๋ง พยายามจะเอาผลงานของตัวเองให้กลุ่มช่วยกันทำ (ตัวเองจะได้หน้าและได้คุยได้ว่างานฉันนะเฟ้ย)

กลุ่มผมตอนแรกก็เถียงๆ กัน จนผมเห็นว่ามันชักจะเละ สุดท้ายก็อาจมีเขม่นกันในใจได้ เลยของตัดบท ขอเป็นกรรมการเคลียร์ให้ สุดท้ายผมก็นำไอเดียของทุกๆ คน นำมาสร้างเป็นผลงานของ "เรา" ได้ ทุกคนแฮปปี้ และภูมิใจกับผลงานตัวเองกันทั่วหน้า

ปีสุดท้ายพวกเราได้ทุนจาก Chrysler (สมัยนั้นเป็นแค่ Chrysler เฉยๆ นะ ตอนนั้นยังไม่ได้ซื้อ Daimler)
เราได้งบมาสร้างรถต้นแบบเพื่อจอดในงาน Detroi International Motorshow

เด็ดกว่านั้นคือ ถ้าประธาน Chrysler ถูกใจ ก็มีสิทธิ์นำไปผลิตจริง

ทุกคนล้วนอยากให้รถที่เราออกแบบนั้นถูกผลิตจริง ต่างคนต่างคิดกันหัวแทบแตก แต่โดยมากจะออกมาเป็นแนวสปอร์ตเปิดประทุน (รถลุย 4X$ SUV MPV ยังไม่ฮิต) ผมไม่รู้คนอื่นคิดกันอย่างไร แต่ใจผมชอบรถเก่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว



สักพักก็มีรถ Plymouth Plowler ออกมา รถสไตล์ Retro คันแรกของโลก ผู้ปลุกกระแส Retro ให้แก่วงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งบ้าน แต่งตัว แต่งรถ กระทั่ง Mini และ VW ก็นำแนวคิดมาจากเจ้านี่ แต่ดูแล้ว Mini ทำได้ดีกว่า VW นะ รายนั้นพลาดตรงที่ขาดหัวใจของ VW Bug นั้นคือระบบ Air Cooled



จนทุกวันนี้ ผมยังไม่ได้ไปสอนพิเศษที่ไหนเลย ก็เพราะนักเรียนออกแบบรถยนต์อีกมากในมหาวิทยาลัย ไม่ได้รู้จักรถยนต์อย่างจริงจังเลย รู้แค่ว่าสวย เท่ แปลก (แบบนี้จะทำงานได้แค่พวกออกแบบสปอยเลอร์ อะไรทำนองนี้น่ะครับ)  
- กระทั้งผู้ได้รับตำแหน่งชนะเลิศในงานที่ผมตัดสิน ยังตอบผมไม่ได้เลยครับเมื่อเจอคำถามว่า "รถคันนี้วางเครื่องยนต์อยู่ตำแหน่งไหนครับ"

คนรักรถ ชอบรถ มีเยอะครับ แต่ที่จะคิดจริงจังกับมันนั้น กลับมีไม่เท่าไหร่เลย
« Last Edit: October 06, 2006, 08:06:27 pm by O'Pern »
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline zpeed

  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 663
  • Gasoline is in my blood
Re:"ไร้กรอบ"
« Reply #2 on: October 06, 2006, 09:09:58 pm »
My mechanical enginer teacher once said if he open the company he will only hire the engineer to do everything.  Because most engineer think with brain to do the job right.
Good Driver can make slow car go fast but Fast car won't make slow driver fast.