racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on April 16, 2013, 06:42:13 am

Title: เมษ 56 1-10 , 22-28 เรือใบที่สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:42:13 am
1 เมษ 56
   ตื่นแต่เช้าขี่รถไปตลาดหาของกินให้ลูก วนอยู่นาน ไม่คุ้นสถานที่ จัดหมูย่างไก่ย่างข้าวเหนียวให้ลูกเช้านี้ พร้อมด้วยเสบียงนิดหน่อย สองวันแรกนี้ยั้งเรียนทฤษฎี ยั้งไม่ลงทะเล อีก 8 วันที่เหลือน่ะ หึหึ ของจริง
   เช้าวันแรกของการเรียน ทุกคนไปตรงตามเวลาเป๊ะ แน่นอน ผมไปก่อนเวลาเสมอ พร้อมกับสอนลูกถึงระเบียบขั้นตอนต่างๆ ที่เป็นมาตรฐานเช่น เราต้องเตรียมเอกสารใบเสร็จชำระเงินไปด้วย แม้จะชำระแล้ว เผื่อเขาเรียกตรวจสอบ เราก็จะแสดงให้เขาดูได้ทันที
   ก่อนเริ่มพิธีการใดๆ มักจะมีการลงทะเบียน ขั้นตอนนี้อาจมีการรับเอกสาร หนังสือ หรือของที่ระลึก ฯลฯ แล้วแต่รูปแบบของงาน
   เอาเข้าจริงมีคนสมัครแบบโทรมาแจ้ง คือตัวเองไม่ต้องมา เช้าวันนี้ก็ค่อยมากรอกใบสมัคร ชำระเงิน ฯลฯ กลายเป็นว่าแทนที่จะเริ่มเรียนกัน 0800 ก็ต้องเลื่อนเป็น 0930 ผู้ปกครองก็ยืนรอออกันเต็มไปหมด แต่ละคนก็อยากเห็นบรรยากาศการเรียนการสอน
   เรียนกันแบบง่ายๆ สบายๆ ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กประถม ชั้นเรียนนี้คือเรือแบบ Optimist เป็นเรือลำเล็กของเด็ก ถ้าเป็นเด็กโตหรือผู้ใหญ่จะเป็นเรือ Laser ที่ลำใหญ่ขึ้นมาหน่อย หรือถ้าใครชอบอีกแนวก็ไป Windsurf เลย
   ผมนี่แหละครับ มาแนว windsurf ตั้งแต่เด็ก หัดเอง เล่นเอง เป็นเอง แต่ไม่เก่ง แถมเป็นแบบมั่วๆ คือพอบังคับทิศทางได้ ไม่รู้กฎกติกาอะไรกับเขาเลย เพราะเล่นเองอยู่คนเดียว
   ผมเอาชาเขียว 1 ลังใหญ่มอบให้เจ้าหน้าที่เอาไว้กินตอนกระหาย ส่งมอบให้กับ “พี่เล็ก” ผู้อำนวยการของสโมสรเรือใบแห่งนี้ ในเขตทหารเรือนี่มีเล่นเรือใบกัน 2 จุดนะ จุดแรกคือทีผมอยู่นี่คือสโมสรเรือใบ กองเรือยุทธการ ถัดไปอีกไม่ไกลกันนักราว 1.5 กม จะเป็นสมาคมเรือใบ วันแรกมาสมัครเรียนก็งงเหมือนกัน คือเราเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาทีไหนดี แต่ละที่ก็เปิดคอร์สคล้ายๆ กัน สุดท้ายมาลงตัวที่ของสโมสรกองเรือยุทธการนี่แหละ
   วันแรกมีทดสอบว่ายน้ำ 50 เมตร กลุ่มมิวผ่านหมด กลุ่มอื่นไม่รู้ อากาศร้อนแดดแรง แต่ก็มีลมแรงตลอดวัน ผมทาครีมกันแดดพร้อม แต่พอดูกระจกตอนกลางคืน โอ้ พระพุทธ รอยกระที่เป็นจุดๆ มันขึ้นมาเต็มหน้าเลย
   สมัยเด็กผมเล่น windsurf นี่ไม่เคยทาครีม ไม่ใส่หมวก ไม่ใส่เสื้ออีกด้วย ลุยสดๆ ตอนเด็กไม่เห็นผลอะไร มาส่งผลตอนนี้แหละ กระ ฝ้า เต็มไปหมด หลายปีก่อนเจอนักทดสอบรถของ Volvo ชื่อ Anna นั่งคุยกันที่พีระฯ เขาถามว่าผมเป็นคนไทยหรือเปล่า สงสัยก็เพราะไม่เคยเห็นคนไทยเป็นกระเหมือนเขา Anna เป็นคนสวีเดน ผิวขาว
   ก่อนนอนทาครีมบำรุงเล็กน้อย เอามาแค่เจลว่านหางจระเข้ ไม่รู้ช่วยได้ไหม
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:48:26 am
2 เมษ 56
   ขี่ไปตลาดจุดเดิม วันนีเอารถ Neobike 16 ไป พับแล้วเข็นเข้าตลาดได้ดีกว่ารถใหญ่ เดินหลายซอกมุมแล้ว ยังไม่เจอของถูกใจ สุดท้ายจัดข้าวเหนียวหมูย่างอีกแล้ว ยังดีที่ร้านนี้มีไก่ย่างด้วย เป็นเนื้อหน้าอกล้วนๆ ผมลอกหนังกินกับข้าวเหนียว โอเคดีมาก นี่ถ้ามีข้าวเหนียวดำด้วยนะ จะยิ่งสุด
   ส่งเด็กๆ ไปเรียน ผมรอจนเขาเข้าห้องเรียนสักพักถึงเดินออกมา เจอรุ่นน้องสวนกุหลาบชื่อ “นุ” ทำรีสอร์ทอยู่เกาะช้าง มาเรียนเรือใบ Laser คุยไปคุยมา ชวนผมไปเทียวบ้านเขา ชวนไปเล่นเรือ เอาอีกแล้วๆ  นุคงไม่รู้ว่าชวนแล้วผมไปจริง ไอ้นุมึงถูกกูเมมไว้แล้ว เตรียมตัวไว้ได้เลย !!!
   กลางวัน “เอ๋” โทรมาหา เอ๋คือเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทุกวันนี้ติดยศนาวาโท เอ๋กับผมสนิทกันมาก ชอบพวกมอเตอร์ไซค์โบราณเหมือนกัน เอ๋เปลี่ยนรถไปหลายคัน ทำแล้วก็ขาย ขายได้กำไรก็จับคันใหม่ ล่าสุดใช้ Daimler Series II ส่วนผมชอบแล้วก็เก็บ ยังจอดกองเป็นเศษเหล็กอยู่ที่บ้านเหมือนเดิมทั้ง 2 คัน เพราะไม่มีที่จอดรถก็เลยยังไม่ทำ นี่ก็คิดถึงมันมากนะ ไม่ได้ขี่มาเป็นสิบปีแล้ว คนอื่นก็ไม่มีใครขี่มันเป็น เพราะเข้าเกียร์ด้วยมือซ้ายที่ถังน้ำมัน เหยียบคลัตช์ด้วยเท้าซ้าย มือขาวคือเบรกหน้า เท้าขวาเป็นเบรกหลัง มือขวาบิดคันเร่ง มือซ้ายบิดตั้งไฟอ่อนแก่ หึหึ นี่แหละครับ HD 1945
   ส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ที่สโมสร ได้เจอเพื่อนและคนที่คุยถูกคอกันหลายคน แต่ถ้าอากาศร้อนมากๆ ก็จะกลับเข้าไปพักที่บ้าน ยังดีครับที่บ้านพักห่างจากสโมสรแค่ 1 กม จะขี่จักรยานไปก็ได้ ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าจะทำแบบนั้น แต่เห็นแดดและลมแล้วท้อใจครับ ขับรถยนต์ไปแทน
   วันหนึ่งๆ ขับเทียวไปมากว่า 5 รอบ มันอยู่ใกล้ไง ก็เลยไปมาได้บ่อย หิวก็กลับมากินผลไม้ที่บ้าน นั่งเบื่อๆ ก็ไปดูลูก ไปคุยกับเพื่อนๆ ที่เพิ่งรู้จัก บ้างก็คุยกับครูฝึก ขนเอาคอมพิวเตอร์มาทำงานนี่ยังไม่ได้เปิดเครื่องเลยนะ มันไม่สะดวกน่ะ ในห้องพักไม่มีโต๊ะเลย ต้องใช้วางกับพื้น นั่งขัดสมาธิพิมพ์ เมื่อยหลังมากๆ ทำได้ไม่นานต้องหยุดพักลุกเดิน ขาดความต่อเนื่อง
   อาหารกลางวันวันนี้มิวกินได้ครบ มีทอดมัน และผัดผัก ต่างจากเมื่อวานที่มิวกินแค่ข้าวกับไข่ดาว มีแกงอีกอย่างหนึ่ง แต่เขาบอกว่ามันเผ็ด
   ช่วงบ่ายฝึกกับเครื่อง Simulator จำลองสถานการณ์จริง แต่อยู่บนบก เด็กๆ ทำไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ ครูต้องคอยแก้ให้แทบทุกคน
   เรียนเสร็จเย็นขอเล่นน้ำทะเลต่อ จัดไปลูก เล่นจนถึงฟ้ามืดเกือบทุ่มถึงจะเลิก อยู่เป็นคนสุดท้ายในทะเล
   หัวค่ำมิวชวนเพื่อนอีก 2 คนที่พ่อแม่เขาไม่มาด้วย ชวนกันไปกินบะหมี่แชมเปี้ยนอีกแล้ว จัดไปพร้อมกับน้ำส้มปั่น สูตรเดิมเป๊ะ
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 06:56:36 am
3 เมษ 56
   มิวกินข้าวเหนียวหมูย่างมา 2 วันแล้ว วันนี้อยากได้อะไรแปลกใหม่สักหน่อย เมืองสัตหีบนี่เล็กมากนะ ตอนเช้าก็มีตลาดเช้าที่ใหญ่มาก 1 จุด เป็นตลาดค้าส่งอยู่ริมทะเลเลย บรรยากาศดี ไม่น่าเชื่อว่าตลาดเปิดตั้งแต่ตี 1 ช่วงมีคนเยอะสุดคือตี 3-4 เป็นตลาดค้าส่งน่ะครับ พ่อค้าแม่ค้าในละแวกใกล้เคียงก็จะมาซื้ออาหารสดกันที่นี่ ปู ปลา กุ้ง กั้ง หมึกหอย มาเป็นเข่งๆ เลย คนจากพัทยาแห่ บางเสร่ มาหาซื้อของที่นี่ก็เยอะนะ เรื่องความสดคงพอๆ กันกับตลาดริมทะเลทุกที่ แต่ที่จุดนี้เรือใหญ่ของชาวประมงเข้าเทียบท่าได้ด้วย มีสะพานปลาริมทะเลเลย
   ผมอยากได้แบบอาหารกินเร็ว สะดวก ทรงคุณค่า ขี่รถตระเวนหาไปถึงถนนสุขุมวิท เจอต้มเลือดหมูมีใบตำลึงด้วย (หน้านี้ตำลึงหายาก) จัดมา 1 ชุด ขี่ใกล้ถึงบ้านละ เจอพระสงค์เดินมา นึกอะไรไม่รู้ รีบจอดรถนิมนต์พระ เอาต้มเลือดหมูพร้อมข้าวใส่บาตรพระไป แล้วตัวเองก็ขี่ไปซื้อใหม่ ไม่รู้รสชาติเป็นอย่างไร เลยเอาข้าวผัดอเมริกันมาให้มิวเผื่อไว้ เขาต้องกินเยอะๆ นี่เมื่อวานก็ไม่ได้กินไข่เลย 
ได้ฤกษ์เปิดคอมฯทำงานก็วันนี้แหละ ตอนสายมิวไล่ผมกลับมาบ้าน บอกให้มารับอีกทีตอนเย็นได้เลย เขาอยู่ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วง คงเป็นเพราะผมไปจู้จี้กับเขามากไป เลยรำคาญ บอกว่ามันดูเหมือนเขาเป็นเด็กเล็กๆ ตอนพักกลางวันก็เตือนให้เขาเติมครีมกันแดด ซึ่งเขาไม่ชอบทาไอ้ของพวกนี้ ก็คุยกันบ่อยถึงความจำเป็นว่าทำไมต้องทา ไม่ทาแล้วจะเป็นกระฝ้าอย่างพ่อ พร้อมกับเปิดหลังให้เขาดู แต่เขาก็ไม่สนใจอะไร ผมทาให้ก็บอกรำคาญตัว ไม่ชอบๆ
   นอกจากเรื่องทาครีมแล้ว ผมยังจู้จี้เขาเรื่องใส่หมวก ใส่แว่นตากันแดดอีกด้วย
   ไม่ได้โกรธอะไรเขา คงเป็นกรรมสนอง ผมอาจเคยทำกริยาแบบนี้ใส่กับพ่อแม่ตัวเองตอนเด็กๆ
เลยกลับมาบ้านเปิดคอมทำงาน โอ้โห ไม่ได้อัปเดทไดอารีชีวิตมาหลายวันมาก แถมจุดที่พักนี้บางทีไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ 3G มาแบบขาดหายกลายเป็น Edge แถมบางที Edge ยังหลุดหาย ทำงานออนไลน์ไม่สะดวกเลย
   มิวได้ลงน้ำทะเลแล้ว เย้ๆ คราวนี้แหละ จะได้รู้ว่าของจริงคื่ออะไร เรียนบนบกมา 2 วันเต็มแล้ว ทุกคนอยากลงเรือของจริงกันหมดแหละ ตอนบ่ายแอบไปดูมาหน่อยหนึ่ง ต้องซุ่มดูอยู่ใต้ต้นไม้ ลำบากฉิบเป๋งเลย ดีนะไม่ต้องพรางตัวด้วย เด็กๆ อยู่ในทะเลท่ามกลางแดดแรงจัดนี่มองไม่ออกว่าใครเป็นใคร มันเห็นเป็นภาพสีดำแบบย้อนแสง เห็นทุกวัตถุเป็นสีดำหมดเลย แนวเดียวกับภาพถ่ายแบบ Silhouette
   น่ามีกล้องส่องทางไกลนะ หรือไม่ก็เลนส์ซูมแรงๆ หน่อย จะได้มีภาพสวยๆ กับเขาบ้าง ในมือตอนนี้มีแต่กล้องมือถือป๋องแป๋ง แต่กล้องทุกตัวก็มีจุดเด่นของมันเอง ความเก่งของกล้องมือถือคือไว สะดวก เร็ว แถมกล้องมือถือรุ่นใหม่ๆ ภาพไม่ขี้เหร่แล้วนะ ถ่ายกลางแดดแรงๆ นี่สวยใช้ได้เลย
   มื้อเย็นเด็กๆ ชวนกันไปกินร้านสเต็กลุงหนวด อยู่ในตลาดละแวกนี้เองแหละ ไม่ไกลจากวัดหลวงพ่ออี๋นัก หาง่าย อยู่หัวมุมถนน ร้านตกแต่งแบบรุ่นใหม่หน่อย ร้านเป็นห้องกระจก แต่ดันไม่ติดแอร์ กลายเป็นร้อนฉิบหาย แต่ไม่อยากบ่นอะไร นี่ถ้ามาเองกับมิวสองคน ผมจูงมือกันไปนั่งข้างนอกร้านแล้ว แต่วันนี้มากันครบทีมเลย ด้านนอกโต๊ะไม่พอ
   เด็กๆ จัดเต็มกันหมด สเต็กคนละ 2 จาน วันนี้เขาได้ลงทะเลเป็นวันแรก คงจะใช้พลังงานมาก มิวกินสเต็กหมู ตามด้วยสเต็กปลา ส่วนผมไม่อยากกินมื้อเย็น แต่ก็ตามน้ำด้วยการสั่งสลัดไก่แทน
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 07:05:51 am
4 เมษ 56
   ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์แบกจักรยานมา ใช้ได้คุ้มสุดยอดจริงๆ อยากกินอะไรก็ตระเวนซ่อกแซกไปหา กลัวจะทำเอาเด็กๆ คนอื่นอิจฉา เพราะพวกเขาได้กินแค่โจ๊กถ้วย ซีเรียล พวกของง่าย กินสะดวก เร็ว หลายคนแม้จะมีแม่มาด้วย แต่สไตล์ของเขากับผมต่างกันลิบลับ แม่ส่วนใหญ่เน้นง่าย สะดวก เร็ว ไม่ผิดหรอก เพราะผมก็เป็นแบบนั้น แต่มันต้องเพิ่มคุณประโยชน์ของอาหารให้เด็กด้วย
   ที่นี่ประเทศไทยนะครับ รถยนต์ก็มีขับ ของกินหาง่าย ราคาถูกกว่าอาหารสำเร็จรูป มีประโยชน์กว่ากันเยอะแบบเทียบไม่ติด ก็เลยงงในความคิดของผู้ปกครองหลายท่าน แต่ผมไม่กล้าพูดออกไปนะ เราชอบอย่างไหนก็จัดอย่างนั้นไปจะดีกว่า เรื่องของเขาเราไม่เกี่ยว มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องลอกเลียนแบบ
   เช้านี้ขี่วนเล่นในค่ายทหาร ซ่อกแซ่กมากก็เจอหมาของทหารเห่าบ้างเหมือนกัน เกรงใจเจ้าถิ่นครับ เขานอนหลับกันสบายๆ มาเจอเสียงหมาเห่าเดี๋ยวจะตกใจตื่น เลยขี่ออกนอกค่าย ไปเจอสวนกรมหลวงชุมพรฯ สุดยอดมาก ตรงกลางเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ รอบบึงเป็นทางลาดยาง สำหรับวิ่ง เจ๋งกว่านั้นคือเขาให้ขี่จักรยานด้วยน่ะสิ จัดไป 3 รอบขำขำ รอบแรกขี่สำรวจ รอบสองขี่ย้อนศรจากรอบแรก เพราะมันจะทำให้เราเห็นวิวในมุมที่ต่างออกไป เผื่อจะได้เจอมุมถ่ายรูปใหม่ๆ ส่วนรอบสุดท้ายก็ขี่อ้อมวกวนเข้าไปในจุดที่มันเชื่อมถึงกันได้ สวยมากครับ บรรยากาศดี เงียบสงบ ชอบตรงมีลมพัดเย็นสบาย รอบบึงก็เป็นบ้านหลังเตี้ยๆ ดูสบายตาดี
   ขากลับแวะตลาดซื่อของฝากลูก มิวสั่งข้าวผัดอเมริกันมา แต่วันนี้ร้านเขาบอกไม่มี ตื่นมาทอดไก่ไม่ทัน เมื่อคืนมีงานตลาดนัดคนเดิน เขาไปออกร้านและอยู่จนดึก ผมก็เห็นแล้วล่ะ แต่คิดว่ามีงานหลายวัน เจ้าของร้านบอกมีแค่วันเดียว มีเฉพาะพุธต้นเดือน อ้าว จบข่าวเลย อด
   ร้านนี้ขายอาหารเช้าแบบทำเองแพ็คใส่กล่องครับ วันนี้เลยจัดผัดมักโรนีไก่ให้มิว ส่วนผมเล่นข้าวมันไก่ อร่อยมากทั้งสองรายการ ก่อนไปซื้อเราก็หาข้อมูลก่อนนะ ถามร้านขายมักโรนีนี่แหละครับว่า แถวย่านนี้มีร้านไหนเด่นดังอะไรบ้าง เขาแนะนำข้าวมันไก่ บอกมีคนกินกันเยอะ แล้วก็ไม่ผิดหวัง ขายอยู่ในกลางตัวตลาดเลยครับ มีราคาเริ่มต้นสำหรับเด็กด้วยนะ 15 บาทเอง (คงจะจานเล็ก) ตัวข้าวถือว่ากลางๆ ไก่นี่พอใช้ได้ ส่วนน้ำจิ้มรสชาติดี แต่ออกหวานไปนิด คุ้มค่าเงิน 30 บาทครับ
   กลับมาถึงบ้านพัก เจอคุณแม่กำลังทอดไข่ให้ลูกกิน มีเด็ก 5 คนที่อยู่ในการดูแล และฝากให้ดูแล ส่วนผมแยกดูแลมิวเองส่วนตัว พอเด็กเห็นมิวมีของกินแปลกใหม่ทุกวันก็อยากกินบ้าง ผมเองก็อยากซื้อให้กิน แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะชอบหรือไม่ มีหลายอย่างที่คุณแม่หวังดีซื้อมา แต่เด็กๆ กลับไม่สนเลยแม้แต่น้อย เช่นพวกผลไม้ และขนมปัง ผมจะเก็บกินก็เกรงใจพุง ตั้งเป้าว่าจะลดสัก 1 กก ป่านนี้ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ อยู่นี่ไม่มีเครื่องชั่งเลย
   สัตหีบเป็นเมืองเล็กมากครับ เป็นบล็อกสี่เหลี่ยม เลี้ยวผิดก็วนกลับล็อคหน้า บางเส้นเป็นวันเวย์ก็อ้อมเอาหน่อย ใครมีเซนส์ขับรถในเมืองก็ไม่มีหลง ยิ่งขี่สำรวจก็ยิ่งเจอร้านน่ากินเยอะแยะ ติดที่ว่าผมอยากลดพุงอยู่นี่สิ เลยแนะนำไม่ถูก แต่โดยภาพรวมของลักษณะชุมชนแล้วร้านอาหารน่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีกันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เพราะว่าเมืองมันเล็ก ชุมชนอยู่กันสบายๆ ไม่หนาแน่น ร้านอาหารก็มีเยอะ หากใครทำอะไรไม่อร่อย ชาวบ้านเขาก็หนีไปกินเจ้าอื่นกันหมดสิครับ มันไม่ใช่พวกเมืองท่องเที่ยวแบบพัทยา ไอ้โน่นทำอะไรบ้าบอยังขายได้เลย เพราะคนมันเยอะมาก คนกินแค่ครั้งเดียวแล้วก็เดินผ่าน เขาขายแค่คนหน้าใหม่ คนอยากลองก็อยู่ได้แล้ว แต่กับที่สัตหีบแล้วมันไม่ใช่
   ชอบอีกอย่างคือในตัวเมืองไม่มีพวกร้าน Fast Food ของฝรั่งเลยสักร้านเดียว อย่างเก่งสุดก็ 7-11 และ Lotus Express ที่อยู่ใกล้ตลาดเช้า อ้อ มี Tesco Lotus ใหญ่หน่อยริมถนนสุขุมวิท แบบนี้พออยู่ด้วยกันได้หน่อย คือเราต้องเก็บรักษาชุมชนและขนมโบราณเอาไว้ไงครับ อาหารโบราณมันถึงสืบทอดได้ ตลาดนี้จึงมี “แจงลอน” เนื้อปลาปรุงรสห่อไม้ย่าง หน้าตาคล้ายกุ้งพันอ้อยในอาหารเวียดนามนี่แหละ มี “งบปลา” ก็คือห่อหมกปลา ทำให้สุกด้วยการย่าง ห่อหมกปกติจะใช้นึ่ง นี่ถ้าเดินหานานๆ หน่อยคงจะเจออีกหลายอย่าง
   อยู่มา 4 คืน ชักจะชอบแล้วสิ หวนคิดถึงความคิดเก่าๆ สมัยเด็ก ตอนนั้นยังไม่มีความคิดฝันอะไร เลยกะว่าหากไม่มีงานทำ จะขอพี่สาวมาคุมบังกะโลที่ระยองให้ กะจะซือเรือใบแบบ Catamaran สักลำ แล้วเอามอเตอร์ไซค์โบราณของตัวเองมาขี่เล่นที่นี่ ชีวิตก็คงมีแค่นี้แหละครับ ผมไม่คิดฝันอยากได้สิ่งของอะไรมากมาก ใจคิดแค่อยากพัฒนาประเทศ พัฒนาสังคม พัฒนาสิ่งรอบตัวเราให้มันดีขึ้น
   เช้านี้ไปส่งลูกแล้วก็นั่งคุยกับเพื่อนๆ ต่อ นี่ผมเพื่อนเยอะแล้วนะ เดินไปทางไหนก็ก็คุยไปได้หมด เขาคุยเรื่องเรือใบกันผมก็รู้เรื่อง เช้าวันนี้มีเรือ Catamaran มาจอดบนฝั่ง ผมตรงดิ่งเข้าไปหามันเลย เดินลูบจากหัวจรดท้าย คิดในใจ อยากได้แบบนี้สักลำ (ถ้ามีบ้านริมทะเลนะ)
   มิวบอกให้ผมแค่ไปส่งและไปรับ ไม่ต้องอยู่คอยเฝ้าดู เขาบอกมันดูเหมือนพวกเด็กเล็ก อืมมม ก็ดีครับลูก 10 วันนี้พ่อพามาเพื่อพัฒนาตัวเองอยู่แล้ว แม้ผมจะคุยกับเพื่อนอยู่ไม่ไกลจากมิวนัก แต่ก็ไม่ได้เดินไปหาเขานะ จะเข้าไปคุยอีกทีก็ตอนที่เรานัดหมายกันช่วงเย็นที่เขาเลิกเรียน วันนี้จนถึงวันสุดท้ายเขาลงทะเลทุกวัน เลิกเย็นกว่าปกติแน่ เพราะต้องล้างทำความสะอาด และเก็บเรือ
   ที่สโมสรเรือใบกองเรือยุทธการสอนเด็กๆ ดีมากครับ มีบางช่วงที่ต้องให้เด็กแบกเรือหนักๆ มีผู้ปกครองบางคนเดินเข้าไปช่วย ครูฝึกต้องตะโกนบอก อย่าๆๆ ๆ เพราะถ้าช่วยเขาแล้วมันจะกลายเป็นสร้างปัญหาให้เด็กเอง อีกหน่อยพอเขาเล่นเรือจะได้รู้ว่าต้องจับตรงไหน ออกแรงอย่างไร เด็กต้องทำเองทุกอย่างเป็นหมด แม้กระทั่งกู้เรือ (ตอนเรือล่ม) ตอนเช้าเริ่มวันก็กางใบเรือเอง ตอนเย็นก็ล้างทำความสะอาด และพับเก็บเอง
   กลางวันฝากคุณแม่ๆ เอานมไปให้มิว กลัวกลางวันจะกินอาหารได้น้อย ไม่คุ้นปาก หรืออาจเผ็ดเกิน เอานมไปเติมพลังสักหน่อยคงจะดี มิวไม่อยากให้ผมไป ก็เลยต้องฝากคุณแม่เพื่อนๆ เขาไป
   ไม่ได้ไปดูมิว เหงาเหมือนกัน คิดบวกเข้าไว้ว่าเขาคงจะเริ่มโต ผมเลยมีเวลาเปิดคอมฯทำงานบ้าง มีเวลาก็มีเรื่องเล่าเยอะ พอหมดมุขก็คิดถึงงานเขียนที่จะส่งให้คุณอิท เอ แล้วผมจะเอาอะไรส่งให้เขาดีวะนี่ คือมันเริ่มกดดันไง มันเป็นหนังสือหัวนอก ไม่ได้พิมพ์แค่ขายแค่ในไทย งานเขียนของผมจะต้องแปลเป็นอีก 17 ภาษาทั่วโลก !!! มันกดดันตรงนี้มากกว่า
   วันนี้คลื่นลมแรงมากกว่าปกติ ดีหน่อยตรงมีเมฆบ้าง แดดไม่แรงเหมือนวันก่อน เด็กๆ ลงเรือใบแบบ Optimist พร้อมกับพี่เลี่ยง ซึ่งพี่เลี่ยงนี่ก็คือเด็กรุ่นพี่ที่เล่นใบเป็นแล้ว ขอโทษ รุ่นพี่นี่บางคนอายุแค่ 9 ปีนะครับ แต่เล่นเรือมา 3 ปีแล้ว ตัวเล็กเท่าหัวไหล่มิว แต่ขอโทษพอลงเรือแล้วคล่องสุดๆ แบบไม่น่าเชื่อ
   เลิกเรียนไปรับมิว เจอผู้ปกครองที่พักอยู่แถวพัทยาชวนไปเที่ยวคอนโดเขาอยู่ใกล้ Ambasdor ตรงข้าม มิโมซ่า (ไอ้มิโมซ่านี่คือสิ่งก่อสร้างหน้าตาประหลาด ทำเหมือนยุโรปเมืองหนาว แม่งไม่เข้าท่าเลยสักนิด เหมือนกับแถวเขาใหญ่นั่นแหละ)
   คอนโดหรูดูดีครับ แต่ทะเลไม่ค่อยสวย มันโดนกัดเซาะชายฝั่งมาจนใกล้จะถึงเขตของคอนโดอยู่แล้ว ห้องพักขนาดใหญ่แบบห้อง Suite ปล่อยให้เด็กๆ นั่งเล่นกันในห้อง ผมนั่งอยู่ริมระเบียง ปล่อยความคิดไปเรื่อย จนถึง 0830 ถึงขอตัวกลับ
   เข้ามาบ้านปุ๊บมิวบอกเขาอาบน้ำมาแล้วขอนอนเลย วันนี้มีเพื่อนมานอนในห้องด้วยอีกคน (ห้องเขาแอร์เสีย ก็แปลกนะ รู้ตั้งแต่เช้า แต่ไม่ยอมแจ้งเจ้าหน้าที่) มิวบอกอยากนอนกับเพื่อน ให้ผมลงไปนอนที่พื้น จัดไป ไม่เป็นไร ไม่ถือสา นอนพื้นมาตั้งแต่เกิดแล้ว
   สักพักอาบน้ำเสร็จออกมาเห็นมิวกับเพื่อนนอนหลับเสียแล้ว เสียงเพลงร้องคาราโอเกะจากนักท่องเที่ยวภูธรข้างบ้านทั้งสองฝั่งส่งเสียงโหยหวน โอ้ ไม่นะ ไม่ชอบแบบนี้เลย อยากสนุกอยากร้องก็น่าจะจัดกันเองในสถานที่ส่วนตัว นี่เปิดกลางทุ่งโล่ง ยืนร้องกันที่ลานหน้าบ้าน รอบข้างเป็นกองเชียร์ที่อุดมไปด้วยเหล้าเบียร์
   หยิบเอา Ear Plug มาอุดหู ใช้ของเก่าแบบโฟมนุ่มอุดแต่ยังได้ยินเสียงเพลงลอดเข้ามา พอลองของ 3M แบบเป็นยาง อันนี้เงียบสนิทเลย ค่อยยังชั่วหน่อย ส่วนมิวกับเพื่อนเขาหลับกรนครอกฟี้อย่างสบายอารมณ์
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 07:13:19 am
5 เมษ 56
   กว่าจะหลับได้ก็ดึก เช้านี้ตื่นสายนิดหน่อย แต่ก็เดินวอร์มรับลมทะเลสักพักแล้วก็ออกขี่จักรยานเหมือนเดิม วันนี้วนไปทางฟากของกองเรือยุทธการ ไปเจอสวนสาธารณะเล็กๆ สองแห่ง อันแรกอยู่ริมถนนหลักในค่ายเลย ชื่อโคตรเท่ “สวน Happy” ทางเดินทางวิ่งเป็นพื้นยางนุ่มๆ เจ๋งมาก สวนนี้ห้ามขี่จักรยาน ผมเลยเดาว่ามีคนเดินคนวิ่งเยอะ ดีแล้วล่ะครับ บางคนคนขี่จักรยานมันก็ไม่เคารพสิทธิของคนอื่นเขาเหมือนกัน สวนไหนให้ขี่จักรยานได้ พวกแม่งอัดขี่จนเร็วยังกะจะไปแข่ง ใครขี่ช้าไม่ทันใจมันก็ตีกระดิ่งไล่ บ้างก็ตะโกนไล่ เขาอาจเป็นนักจักรยานที่เก่งที่ดี มีน้ำใจ เป็นคนดี มีศีลธรรม อันนั้นก็อีกเรื่อง แต่มารยาทในการใช้สวนสาธารณะร่วมกับผู้อื่นอยู่ในเกณฑ์แย่ ต้องปรับปรุง
   อีกสวนหนึ่งที่เจอแล้วชอบมากกว่าชื่อ “สวนน้ำอาภากร” อันนี้อยู่ลึกลับเข้าไปในโซนของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ มีป้ายห้ามคนนอกเข้าโซนนี้ด้วย แต่ผมขี่จักรยานเลยเลาะๆ เข้าไปชมหน่อย เป็นสวนที่แยกลู่เดินลู่ขี่จักรยานออกจากกันอย่างชัดเจน ตีเส้นแบ่งไว้ตลอดเส้นทาง 1300 เมตร รอบข้างเป็นบึงบัวและต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศดีครับ คล้ายพุทธมณฑล ช่วงเวฬุวัน ขี่ไปสองรอบ ใช้สมาธิดีเหมือนกัน เพราะทางตรงสั้น ถนนส่วนใหญ่คดเคี้ยวไปมา
   ออกจากสวนมาก็ทะลุริมทะเลเลยครับ มาออกตรงใกล้ๆ สโมสรเรือใบที่ลูกเรียนนี่เองแหละ ขากลับขี่ไปตลาด ลมทะเลพัดแรงตลอดเวลาเลยครับ ตั้งแต่มาอยู่นี่ 5 วันแล้ว ไม่เคยมีช่วงไหนไม่มีลมเลย
   ขี่วนเข้าไปในตลาดตัวเมือง 1 รอบ เมืองเล็กครับ แป๊บเดียวก็รอบแล้ว เจอร้านข้าวมันไก่ โจ๊ก ต้มเลือดหมู รวมกันอยู่ในร้านหนึ่ง โหงวเฮ้งเข้าท่า เพราะรายล้อมไปด้วยชาวบ้าน แถมร้านอยู่นอกตลาด แต่คนก็ยังมากันเยอะ ไว้พรุ่งนี้จะลองจัดดู
   แวะซื้อข้าวผัดอเมริกันให้มิว ส่วนตัวผมเองกินอกไก่ย่างกับข้าวเหนียว มีน้ำเต้าหู้ใส่ลูกเดือยสำรองไว้กินกลางวันอีกถุง ระหว่างวันก็กินของเหลือในตู้เย็น เช่น โยเกิต ถั่วนิดหน่อย ยังไม่ลืมเป้า 1 กก ที่ตั้งไว้ครับ กินตอนนี้ได้ แต่หลังจากช่วงเย็นแล้วแทบจะไม่กินอะไรเลย
   วันนี้เช็คเอ้าท์ออกจากบ้านพัก กร. ไปอยู่ที่ศูนย์สมุทรกีฬา 1 คืน อยู่ใกล้ๆ กันครับ ห่างกันแค่ 1 กม จากนั้นต้องออกไปนอนนอกค่ายทหารอีก 2 คืน ถึงจะกลับเข้ามาพักที่เดิมได้จนถึงวันสุดท้าย ทั้งนี้เพราะมีคนจองบ้านพักที่เราอยู่มาล่วงหน้าไว้นานแล้ว
   ที่ศูนย์สมุทรกีฬาห้องพักดีครับ เป็นของนักกีฬาโดยตรง เตียงเดี่ยวแยกสองเตียง ห้องกว้างขวางากเรียบร้อยดีสไตล์โรงแรม แน่ล่ะ ขี่จักรยานมาถึงห้องไม่ได้เหมือนที่เก่าที่เป็นบ้านเดี่ยว คนไม่ได้ขี่จักรยานคงเฉยๆ แต่คนขี่จักรยานบ่อยๆ ย่อมอยากได้ห้องพักที่เอาจักรยานเข้าบ้านได้ แต่ไม่มีปัญหาสำหรับผม ผมจัดรถพับ Neobike 16 มาอีกคันเผื่อไว้แล้ว ส่วน KHS HT จอดไว้ในท้ายรถ
   กำหนดการเดิมเราจะกลับมาพักที่บ้านพัก กร. แห่งนี้อีกในวันที่ 8-10 แต่เมื่อคืนเจอพิษคาราโอเกะเลยเข็ดแล้วล่ะ แถมยังเจออีกหลายปัญหาเกี่ยวกับตัวเด็กๆ เอง คือมีเด็กบางคนเริ่มงอแง ไม่อยากเรียนเรือใบแล้ว เพราะเมื่อวานเจอเรือล่มแล้วตกใจกลัว เขาว่ายน้ำไม่แข็ง บางคนเจอบูมของเรือฟาดเข้าที่หัว (มิวก็โดน และเชื่อว่าใครๆ ก็ต้องเคยโดน) คือเด็กบางคนไม่แกร่งน่ะครับ ทีนี้ก็อยู่ที่พ่อแม่จะเลี่ยงแนวใด บางคนเป็นแบบยึดลูกเป็นศูนย์กลางจักรวาล คือตามใจเด็กทุกอย่าง แบบนี้เด็กก็จะมีอิสรเสรีมาก แต่ผมอยากเลี่ยงให้ลูกแกร่ง ตอนเย็นกลับมาบ้านก็ต้องพูดคุยให้กำลังใจกันทุกวัน
   ผมเปรียบการเล่นเรือเหมือนการขี่จักรยาน ช่วงแรกยังใหม่เราก็มีล้มบ้าง แต่พอเราจับจุดได้ เราจะชอบมัน เพราะมันสนุก อิสระ แถมทะเลไม่มีหมาไล่กวดอีกด้วย มากกว่านั้นคือมันเท่กว่ากันเยอะ กีฬาสองอย่างนี้เหมือนกันในหลายๆ ด้านนะ เช่นต้องลุยกับมันตัวต่อตัว ต้องแก้ไขปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเอง การที่เราได้อยู่กับตัวเองนานๆ มีเวลาให้กับตัวเองบ้าง ทำให้เราได้แง่คิดมุมมองใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
   ยกตัวอย่างตัวผมเอง ได้ความคิดแปลกใหม่เยอะมากตอนขี่จักรยาน ตอนเล่นกีฬาอื่นไม่เห็นมีไอเดียพวกนี้หลุดออกมาเลย สารพันไอเดียบ้าคอคอแตกก็มาจากการขี่ทัวริ่งนี่แหละครับ นี่ถ้าได้เล่นเรือใบแบบลากยาวข้ามเกาะก็คงทำให้สมองโล่งดีไม่แพ้ทัวริ่งเป็นแน่
   เย็นไปรับมิว เขารายงานว่าวันนี้มิวลงเล่นเรือใบเองคนเดียวเป็นครั้งแรก วันนี้จัดไปสองรอบเช้าและบ่าย เขาบอกสนุกมาก ชอบ ติดใจก็ดีแล้วลูก มันเป็นการปลูกฝังให้ลูกรู้จักแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง รู้จักการวางแผน การเตรียมตัว ฯลฯ
   ตอนเย็นเด็กๆ ชวนกันเล่นบ้านลมที่ริมทะเลต่อ แต่มิวไม่ชอบเล่น เลยกลับห้องพักเลย พอเปิดห้องมาเห็นความแตกต่างระหว่างบ้านหลังเก่ากับห้องใหม่นี้ถึงกับตกใจ ห้องใหม่มีเคเบิ้ลทีวี มีการ์ตูน มีโต๊ะทำงาน มีตู้เย็น มีระเบียงสำหรับตากผ้าอย่างดี มีเก้าอี้นั่งพักผ่อนในห้อง ซึ่งไอ้พวกนี้บ้านหลังเก่าไม่มีเลยสักชิ้น อันนั้นมันเน้นถูกอย่างเดียว ก็คิดดู บ้าน 3 ห้องนอน หลังใหญ่ๆ คืนละ 1200 บาทเอง นี่ราคาเต็มแล้วนะ ถ้าเป็นทหารเรือจองจะถูกกว่านี้อีก
   วันนี้มิวได้แผลที่เท้ามาข้างละ 1 แผล เกิดจากการเสียดสีของเท้า จะเรียกรองเท้ากัดก็ได้ ผมก็เคยเป็น ใส่วิ่งได้สองวันมันเสียดสีจนหนังลอก แสบมาก มิวก็โดนตำแหน่งเดียวกันกับผมเลย
   มื้อเย็นมิวมาแปลก บอกไม่หิว ไม่อยากกินอะไร เอ๊ะ มันยังไงกัน ปกติก็น่าจะหิวโซนะ หรือว่าเขาไปซื้ออะไรมากินไปเสียก่อนแล้วก็ไม่รู้ สุดท้ายก็บอกขอไปกินสเลอปี้ที่ 7-11 พร้อมกับซื้อแซนวิชแฮมชีสมาอีก 2 ชิ้น ยังดีนะ ตักผักกาดหอมและหอมใหญ่มาราว 1 กำมือ เอามากินแกล้มกับแซนวิช คงจะเอาใจผม ปิดท้ายด้วยนมอีก 2 ขวด (สำหรับคืนนี้ และเช้าวันพรุ่งนี้)
   กลางคืนพอทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยมิวขอไปเล่นที่ห้องเพื่อนข้างๆ ผมบอกเขาว่าอีก 20 นาทีให้กลับมาเอง ไม่ต้องไปตาม เขาก็กลับมาตรงเวลาเป๊ะ
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 07:19:14 am
6 เมษ 56
   เช้าขี่รถพับคันเล็กไปตลาด เน้นคล่องตัว เพราะเดี๋ยวก็ต้องยกขึ้นรถย้ายที่พักอีกแล้ว เจ้ารถ Neobike นี่มันเยี่ยมจริงๆ ตอนรถใหญ่ไม่สะดวก ก็ได้มันนี่แหละมาช่วยแก้สถานการณ์   
   มิวติดใจข้าวผัดอเมริกันเป็นอย่างมาก เช้านี้สั่งอีกแล้ว ส่วนผมสิ ไม่รู้จะกินอะไรดี จัดการเรื่องลูกในช่วงเช้าเสร็จก็ไปส่งเข้าเรียน นั่งคุยกับเพื่อนๆ ผู้ปกครองสักพักก็กลับมาจัดข้าวของย้ายที่พัก ไอ้การย้ายของนี่มันทำให้เราเสียเวลามากครับ แถมกลัวลืมเก็บข้าวของเล็กๆ ที่เราหยิบใช้อีกด้วย ฉะนั้น จะพักที่ไหน อย่างไร เราจะต้องมีเบอร์โทรติดต่อเขาตลอด อย่างคราวก่อนโน้นผมลืมถุงชุดว่ายน้ำมิวไว้ที่อาคารรับรองศูนย์กีฬา กลับมาถึงบ้านได้ 3 วัน จะหยิบใช้หาไม่เจอถึงกับตกใจ ลองโทรกลับไปดู พบว่าแม่บ้านเก็บเอาไว้ให้ ค่อยโล่งอกหน่อย
ย้ายข้าวของมานอนที่ Sea Paradise โรงแรมคล้ายตึกแถวริมถนนสุขุมวิท ตรงข้ามกองเรือยุทธการ เอาละแวกนี้แหละครับ วันหยุดยาว ที่พักด้านในพวกทหารเขาจองกันเต็มหมด นี่ขนาดผมจองล่วงหน้ามาแล้วกว่า 2 สัปดาห์ก็ยังไม่ทัน
   ซุกจักรยานไว้ในรถ ไม่ได้ขี่ไปไหนเลย มันไม่สะดวก โรงแรมไม่สวยหรอก เหมือนตึก แต่ดีตรงห้องกว้างขวางมาก ชนิดที่ขี่จักรยานกันในห้องนอนยังได้ (ขี่เล่นๆ แบบวนไปมา)
    เท้ามิวโดนรองเท้ากัด เลยแวะ Tesco Lotus แวะซื้อพลาสเตอร์ยาให้เขา 1 กล่อง กำลังจะกลับอยู่แล้ว มีหญิงวัยกลางคน ชาวบ้านๆ แถวนั้นแหละ วิ่งกระหืดกระหอบอุ้มลูกมาให้เภสัชกรดูอาการ
   “อุ้ย เด็กชักแล้วค่ะ รีบหาหมอดีกว่า”
   ผมหันไปดู เห็นเด็กชักมือเกร็ง ตาเหลือก ผู้เป็นแม่รีบวิ่งไปนอกร้านเรียกหารถรับจ้าง ผมวิ่งตามออกไปดู แล้วตะโกนเรียกให้มากับผมดีกว่า ผมจะพาไปเอง
   ขับซิ่ง Trooper อย่างเร็ว ช่วงใกล้จุดกลับรถเจอไฟแดงพอดี ไอ้รถคันนี้เบรกมันห่วยมาก เบรกแล้วไหลไปอีกเยอะ เกือบจะชนท้ายคันหน้า ห่างจี๊ดดดเดียว ผมแม่งหนาวเลย แล้วจังหวะนั้นก็คิดถึงความดีต่างๆ ที่เราเคยทำมา มันคงช่วยให้เรารอดจากอุบั้ติเหตุมาได้
   ไปคลินิกเด็กแถวๆ นั้น เจ้าหน้าที่เห็นปุ๊บก็รีบเอาผ้าชุบน้ำเปียกๆ เช็ดลูบตามแขนตามตัว ลูบขึ้นไปหาหัวใจ เขาบอกต้องเช็ดตลอด ห้ามหยุด สักพักเด็กร้องไห้จ้า เขาบอกว่าโอเคแล้ว หายชักแล้ว
   แต่ว่าหายแต่ตอนนี้นะ เด็กที่เคยชักแล้วจะชักได้อีก ต้องเฝ้าระวังไปตลอด ถ้าหาหมอกินยาต้องกินต่อเนื่อง 6 ปีถึงจะหายขาด
   การชักแต่ละครั้งจะทำให้สมองสูญเสียไปครั้งละ 5% (เขาว่ามา ผมยืนฟังนิ่งเลย) ยิ่งชักบ่อยก็จะเป็นผลเสียแก่เด็กอย่างถาวร ฟังถึงตรงนี้นี่ทำให้ผมคิดไปถึงพวกนักการเมือง เอ๊ะ ตอนเด็กๆ พวกมันมีอาการแบบนี้กันแน่ พ่อแม่มันคงไม่ค่อยใส่ใจ
   ลูกเลิกเรียนนานแล้ว ตอนนี้ก็เย็นใกล้มืดแล้ว ส่งแม่ลูกเสร็จรีบบึ่งรถไปรับมิวในช่วงตะวันลับขอบฟ้าพอดี มิวถามว่าทำไมพ่อมาช้า ไปไหนมา
   พ่อไปช่วยเหลือชีวิตคนมาครับลูก
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 07:22:58 am
7 เมษ 56
   วันนี้มิวลงเรือแต่เช้า แอบนั่งดูเขาเล่น เฮ้ย ประหลาดใจที่เขาบังคับเรือได้ดีมากกว่าที่เราคิด ไม่น่าเชื่อว่าเพียงไม่กี่วันครูฝึกก็สามารถทำให้พวกลิงเหล่านี้เล่นเรือใบกันได้ทุกคน
   วันนี้วันหยุดพอดี ผู้ปกครองเลยมากันเยอะแน่นเต็มชายหาดเพื่อเฝ้าดูลูกหลานตัวเองเล่นเรือ ไม่แปลกหรอก ใครๆ ก็อยากดูให้เห็นกับตา ขนาดเด็กที่อ่อนที่สุดในชั้น ชนิดที่ลงน้ำทะเลไม่เคยเกินหัวเข่า เจอมดไต่มือวิ่งไปหาพ่อ วันนี้มันยังเล่นเรือได้แบบแล่นฉิวเลย สุดๆ แล้วครับคอร์สนี้ ใครอยากให้ลูกแกร่งผมแนะนำเลยครับ รอเฝ้าดูว่าเขาจะเปิดอีกทีเมื่อไหร่ แต่อยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ซัมเมอร์ คอร์สหนึ่งราว 10 วัน ฝึกกันทุกวันเช้าจรดเย็นไม่มีวันหยุด ใครกลัวดำกลัวแดดไม่ต้องมา ราคาแค่ 1800 บาท พร้อมอาหารกลางวัน ถูกแบบอะเมซิ่งไทยแลนด์เพราะเป็นกิจกรรมประจำปีที่สโมสรเรือใบ กองเรือยุทธการจัดให้เด็กๆ เข้าถึงกีฬาเรือใบได้ง่าย
   มิววนเรืออ้อมทุนอยู่หลายรอบ มีพลาดนิดๆ ในช่วงเลี้ยว คือมันจะหยุดชะงักหน่อยตอนเปลี่ยนทิศเรือและตั้งใบรับลม นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร เล่นแบบนี้ตั้งแต่เช้าจนถึงกลางวัน พักกินข้าว ตอนบ่ายเป็นคิวของคู่บัดดี้มิว แต่เกิดเหตุน่าสลดใจ
   บัดดี้มิวโดดเรียนไปเล่นเกมในมือถือกับเด็กติดเกมคนใหม่ โอ้ พระพุทธ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เด็กคนนั้นแม่เขาเพิ่งซื้อมือถือให้ใหม่ก็ติดซะงอมแงม ทำเอาคู่หูมิวหลง
   บ่าย มิวมองหาคู่หูไม่เจอ เรือตัวเองก็จะต้องจอดทิ้ง เขาเลยต้องลงไปอีกรอบ ซัดแบบนี้จนถึงเย็น !!! วันนี้มิวจัดเต็มสุดๆ แต่ก็ดีนะ เพราะเมื่อเช้ามิวซัดไข่ดาวไป 5 ฟอง ในชุดอาหารเช้าที่โรงแรมจัดให้ พวกผู้ใหญ่เรายกคูปองให้เด็กๆ เข้าไปกินกันเอง จัดการกันเอง ไม่มีผู้ใหญ่ดูแลก็เป็นเช่นนี้แล
   กลางวันยังจัดไข่ดาวอีก 1 ฟอง พร้อมกับหมูผัดซอส ตกดึกผู้ปกครองเพื่อนซื้อโรตีใส่ไข่มาฝากอีกชิ้น โหห วันเดียวมิวซัดไข่ไป 7 ฟอง !!!
   คุยกันเรื่องนี้ว่า เรากินแบบนี้มันมากเกินไป ไข่แม้จะมีประโยชน์ก็จริง แต่ของดีก็จะกลายเป็นโทษได้หากเรากินมันมากเกินไป แต่ยังโชคดีที่วันนี้มิวใช้พลังงานมากสุดๆ ตั้งแต่เกิดมา มันอาจจะชดเชยกันได้
วันนี้ต้องนอนที่ Sea Paradise อีกคืน ชื่อโคตรเท่ แต่สภาพมันเฉยๆ มากเลย อยู่ที่ไหนก็ต้องมองหาข้อดีของมันครับ มันอยู่ติดถนนใหญ่ คมนาคมสะดวก เข้าออกค่ายทหารไม่ต้องแลกบัตรกันตลอดเวลา
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 12:09:32 pm
8 เมษ 56
   เป็นไรไม่รู้ ตื่นตี 4 เลยพอมีเวลานั่งพิมพ์ไดอารี่ชีวิต ตอนแรกอยากจะเล่าแต่เรื่องจักรยาน แต่ชีวิตมันมีโอกาสขี่ได้น้อยลงทุกทีๆ เลยเอาเรื่องชีวิตผสมเข้าไปแทน สาระบ้าง ไร้บ้าง ปนๆ กันไป ใครอ่านแล้วเกิดประโยชน์ผมก็ดีใจด้วย แต่ถ้าไม่ ก็ลืมมันซะ
   วันนี้มิวลงซ้อมในตอนเช้า และมีแข่งในช่วงบ่าย เป็นการแข่งแบบของจริง อ้อม 3 ทุ่น บังคับเรือทวนลม ถือว่ายากสำหรับมือใหม่ครับ เช้านี้เลยให้มิวกินอิสระในบุฟเฟ่อาหารเช้า แต่ขอเขาไว้ว่าไข่ดาวอย่าให้เกิน 3 ฟอง และต้องเน้นผักหลากสี นอกนั้นได้หมด
   มากคน มากความ ไม่จบสิ้นจริงๆ ผมชินกับการใช้ชีวิตคนเดียวหรือกลุ่มเล็กๆ แต่มิวยังเด็ก เลยชอบที่จะอยู่เล่นกับกลุ่มเด็กๆ ซึ่งทำให้ผมต้องอยู่ดูแลเขาด้วย ไม่ใช่ไม่ปล่อยลูก แต่กลัวลูกเราไปทำอะไรแล้วคนอื่นเขารำคาญ เช่นแหกปากเล่นเสียงดัง กินอาหารไม่เหมาะสม ฯลฯ
   ผมให้ความสำคัญกับอาหารมากนะ โอเค เด็กแม้จะกินขนมของหวานอะไรก็ได้ แต่ถ้าให้เขาอยู่กันเองหรืออยู่กับพวกพ่อแม่ที่ไม่ได้ตระหนักด้านนี้ก็จะพากันลงเหว พอนั่งโต๊ะปุ๊บก็สั่งเป๊ปซี่ กินอาหารร่วมกันก็เล่นแต่ของอ้วนๆ ตลอด แบบนี้ผมคุมลูกผมไม่ได้แน่ หลายมื้อเลยปลีกตัวมาจัดเองแบบส่วนตัว
   เช้านี้ก็อีกเช่นกัน เด็กๆ พร้อมกันตั้งแต่ 0745 แต่ตัวผู้ใหญ่เองที่ช้าตรงไปต่อรองเรื่องคูปองอาหารเช้ากับเจ้าหน้าที่ คืออยากกินแต่ไม่อยากจ่าย แต่แปลกนะ ที่เอาเงินจำนวนเต็มของค่าคูปองมาหารรวมกับค่าห้องด้วย ก็คือแม้ผมจะไม่ได้กินอาหารเช้าด้วย แต่ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เงินนิดหน่อยครับ ไม่มากหรอก แค่ร้อยกว่าบาท แต่ประหลาดใจที่ตัวเองต้องมาเจอ งง บ่องตง
   ค้นพบแล้วครับว่าไอ้การย้ายที่พักนี่มันทำให้เราเสียเวลาจริงๆ ส่งมิวเข้าเรียน แต่กลับทันทีไม่ได้หรอก มีเพื่อนที่เรียนเรือใบเลเซอร์คอร์สข้างๆ มิวมานั่งคุยด้วย เจอผู้ปกครองที่อยู่พัทยามาเฝ้าลูกด้วย คนนี้เลี้ยงลูกโหดกว่าผมเยอะเลย ผมเทียบไม่ติดครับ เพราะเขาบอกบ้านเขาเพิ่งจะมีทีวีไม่กี่วันนี้เอง !!!
   แสดงว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมา ลูกเขาไม่ได้ดูทีวีเลย สุดยอด !!!
   ทีวีนี่ตัวร้ายสำหรับเด็กเลยนะครับ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ยิ่งดู ยิ่งโง่ ยิ่งพัฒนาช้า และพัฒนาไปทางที่ผิด ดูแล้วเกิดโทษมากกว่าประโยชน์
   พ่อแม่ของเด็กคนนี้ก็คือบัดดี้ของมิวนี่แหละครับ เมื่อวานมารู้ว่าลูกโดดเรียนไปกับเด็กติดมือถือก็ตกใจ ผมรับฟังก็ได้แต่ส่ายหัว มิวเองก็อยากได้มือถือครับ แต่ไม่ให้หรอก จะให้เขาใช้มือถ้าช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนคอมพิวเตอร์นั้นเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะ เพราะมีวิชาคอมฯ ที่เขาต้องใช้เครื่องในการทำรายงานและหาข้อมูล
   8 วันมานี้ผมแลกเปลี่ยนทรรศนะกับพ่อแม่ที่เข้มงวดคู่นี้บ่อยครับ คือดูแล้วเรามีแนวทางคล้ายกัน และเหมือนกันตรงที่มีเวลาให้กับลูกมาก และใช้เวลาหมดไปกับสิ่งที่เสริมสร้างทักษะของเด็ก น่าแปลกที่ตอนอยู่โรงเรียนไม่ค่อยได้คุยกัน ได้แต่ทักทายสวัสดีครับ กลับไปกรุงเทพฯคราวนี้คงจะสนิทกันมากขึ้น
   วันนี้ทะเลไม่มีลมเลย แปลกมาก วันก่อนก็ลมอ่อนๆ แถมเปลี่ยนทิศจากพัดเข้าหาฝั่งเป็นพัดออกจากฝั่ง เช้านี้เด็กๆ เตรียมเรือลงน้ำเหมือนปกติ ทุกคนทำได้เร็วคล่องกว่าเดิมเยอะ ดูเด็กสักพักก็กลับโรงแรมเตรียมแพ็คของย้ายที่อยู่อีกละ แต่ครั้งนี้ย้ายไปที่เก่า แม้ไม่สวยกว่า แต่ถูกกว่าเกือบครึ่ง และอยู่ใกล้ทะเลอีกด้วย
   ความคิดเริ่มเข้าที่ละ เช้านี้จอดแวะกินข้าวหน้าเป็ดร้านหนึ่งในตัวเมืองใกล้ตลาด มีป้ายแม่ช้อยนางรำ ขายลูกชิ้นหมูเด้ง ไอ้เด้งๆ นี่ผมไม่ชอบครับ ส่วนใหญ่ใส่สารบอแร็กซ์ แต่ก็มีบ้างที่นวดนานจนมันเด้ง ไม่ค่อยชอบก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู มองไปในตู้เห็นแขวนเป็ดย่างหลายตัว ก้มมองพวกผักลวกเครื่องเคียงเห็นคะน้าสีเขียวข้มหั่นเป็นท่อนเล็กๆ โอ๊ยๆ ไม่ได้กินผักคะน้ามาหลายวัน สั่งข้าวหน้าเป็ด ขอผักคะน้ามาเพียบ สั่งบอกเอาข้าวหน้าเป็ดเนื้อๆ นะ แม่ค้าก็จัดให้อย่างดี
   ตักกินคำแรกแทบน้ำตาไหล ไม่ได้ปล่อยมุข มันอร่อยจริงๆ นะ รสชาติแบบนี้ยังดีกว่าบางโรงแรมหรูในกรุงเทพฯเลย ตอนแรกว่าจะผ่านไม่กินแล้วนะ เพราะผมมีความคิดว่าร้านไหนขายของหลายๆ อย่างไม่น่าจะอร่อยสู้ร้านที่ขายอย่างเดียวโดยเฉพาะได้ แต่เจอร้านนี้ทำให้ต้องเปลี่ยนความคิด
   เนื้อเป็ดดี น้ำราดหอมเข้มข้น ผักเพียบ สุดยอดมาก จานละ 40 บาท ไม่แพงแถมคุ้มค่าเงิน
   
   ย้ายของออกจากโรงแรม Sea Paradise (ชื่ออย่างเท่ แต่สถานที่เหมือนตึกแถว) เบื่อย้ายครับก็ผมขนของมาซะเพียบน่ะสิ มีจักรยาน 2 คัน คอมพิวเตอร์ ไอ้แพด Uke พวกของใช้เหล่านี้มันไม่ชอบอบอยู่ในรถนานๆ เสียด้วย ขนขึ้นลงบ่อยๆ ก็เสียเวลาเหมือนกัน
   ก่อนย้ายเข้าที่ใหม่ก็ต้องรอบ่ายกว่าๆ เอาเวลาช่วงนี้ไปดูลูกแข่งเรือใบ บ๊ะ เพิ่งจะเล่นเป็นแค่สองวัน วันนี้จัดแข่งซะแล้ว แจ๋วมากครับ รวดเร็วทันใจดีจริง
   ผมว่าใครๆ ก็ต้องเชียร์ลูกตัวเองนะ มิวเข้าอันดับกลางๆ มีข้อเสียคือตอนเลี้ยวแล้วเรือจะหยุดชะงัก ส่วนทางตรงก็มีเผลอไม่เช็คกระแสลมให้ดี ทำให้ใบกินลมไม่เต็มที่
   เย็นก่อนเลิกเรียนครูถามว่าพรุ่งนี้จะไปเกาะพระ ใครอยากให้ผู้ปกครองไปบ้างยกมือขึ้น มีเด็กนักเรียนยกมือมาแค่ 6 คน มิวเป็นหนึ่งในนั้น แล้วครูก็บอกว่าให้เตรียมอาหารกลางวันไป หรือจะไปซื้อหากินบนเกาะก็ได้ มีร้านค้าสวัสดิการขายของเล็กๆ น้อยๆ พวกของว่างและน้ำดื่ม
   ครูจัดคู่บัดดี้ใหม่ ถามนักเรียนว่ามีใครอยากเล่นคนเดียวบ้าง หึหึ มีคนยกมือ 1 คน เขาคือมิวอีกแล้ว จัดไปครับ
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 12:15:25 pm
9 เมษ 56
   เอารถ Neobike 16 ขี่ไปตลาด ไอ้คันนี้นอกจากจะขี่ดีแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของแฮนด์รูปตัวยูก็คือ สามารถแขวนข้าวของแล้วให้มันห้อยอยู่ตรงกลางรถได้ แม้มันจะมีมือเบรกแต่ก็สามารถแหวกผ่านหูหิ้วพลาสติคได้ เช้านี้ซื้อของหลายอย่าง ห้อยเสียเต็มเพียบพะรุงพะรัง แต่ก็ไม่รู้สึกเกะกะอะไร เคยห้อยถุงแบบนี้กับ Neobike 14 นึกไม่ถึงว่าเจ้า 16 ก็ทำได้ดีเช่นกัน
   งานอดิเรกคือหาอาหารร้านแปลกใหม่กิน กลัวๆ จะไม่อร่อยเหมือนกันนะ แต่ก็สวมวิญญาณนักเขียน ชิมเพื่อจะได้มีข้อมูลไปแนะนำผู้อ่าน เช้านี้เล่นร้านเก่าแก่ในตลาดอีกแห่ง มีต้มเลือดหมูหม้อใหญ่วางหน้าร้าน มีขายข้าวมันไก่ โจ๊ก ฯลฯ เอาอีกแล้ว ร้านขายหลายอย่างมากอีกแล้ว ความรู้สึกแง่ลบเกิดนิดๆ เช้านี้ลองจัดข้าวมันไก่ สั่งเนื้อหน้าอก ไม่เอาหนัง ห่อละ 30 บาท รสชาติพอใช้ได้ ไม่อร่อยเลิศเพราะข้าวยังไม่สุดยอด เนื้อไก่พอใช้ เรียกว่ากินแบบกลางๆ ค่อนข้างดี แต่ยังไม่สุด ไว้พรุ่งนี้จะลองต้มเลือดหมู
   แวะซื้อข้าวผัดอเมริกันให้มิว ตามด้วยน้ำเต้าหู้ ติดข้าวเหนียหมูย่างมา 1 ชุด เอาไว้ไปกินที่เกาะ แถมลองปาท่องโก๋หน่อย วันนี้รีบกินแล้วรีบไป มิวจะมีการเดินทางไกลไปเกาะพระที่อยู่กลางอ่าว เกาะพระคือเกาะใช้ฝึกหน่วย SEAL – Sea Air Land หรือเรียกแบบชาวทหารว่ามนุษย์กบ เป็นนักรบสามมิติ ไปได้ทั้งบนบก ใต้น้ำ และเหิรเวหา หลักสูตรก็ขำๆ 8 เดือน ตายไม่รับผิดชอบ และมีคนตายประจำ รับ 100 คน เหลือจบหลักสูตรราว 20 คน ที่เหลือถอนตัวระหว่างฝึกสัปดาห์นรก (ฝึกแบบโคตรโหด นอนวันละ 10 นาที) แล้ววันนี้ก็เจอพวกเขาฝึกกันสดๆ  แบกเรือยางคลาน กระโดด ฯลฯ ตะโกนร้องเสียงดัง
   เด็กๆ ลงเรือลำละสองคน มีมิวคนเดียวที่เล่นเดี่ยว ผมชอบนะที่เขากล้าตัดสินใจแบบนี้ ลำอื่นเขามีกัน 2 คนหมด เหลือเศษมิวคนเดียวนี่แหละ เล่นเรือมุ่งหน้าเกาะพระที่อยู่ไกลลิบตา แถมกระแสลมก็พัดเข้าหาฝั่ง แบบนี้เล่นเรือยากครับ ต้องเล่นซิกแซกเป็นฟันปลาใช้เวลานานมาก
   ผมกับผู้ปกครองอีก 8 คน (เกินมา 2 ที่นั่ง) นั่งเรือยางไปกับครูฝึก ขาไปนี่ครูฝึกขับเรือไปก็คอยสอนเด็กไปด้วย ใช้เวลาไปราว 2 ชม ได้ถ่ายรูปและวีดีโอมิวอย่างใกล้ชิด รู้สึกน่าทึ่งที่เขาสามารถบังคับเรือใบได้เป็นอย่างดี อีกพักใหญ่ครูมาส่งผู้ปกครองที่เกาะก่อน แล้ววนกลับไปสอนลูกศิษย์ต่อ ผมเดินเล่นถ่ายรูปอยู่พักใหญ่ หันไปมองเรือใบที่กำลังจะเข้ามาเห็นเบอร์ 13 เฮ้ยย เบอร์ของเรือมิว มันเข้าที่ 1 เสียด้วย เจ๋งว่ะ
   เล่นเรือเป็นลำแรกนี่ยากพอควรนะ เพราะต้องมองทิศทางลม และคิดว่าจะตั้งลำเรืออย่างไรใบเรือถึงจะกินลมได้เต็มที่ ซึ่งจะไปได้เร็วสุด ส่วนคนหลังๆ ก็มองแค่ว่าลำหน้าทำอย่างไรก็ไปตามเขา แต่ก็มีพวกเก๋า ที่คิดไลน์ใหม่ๆ แล้ววิ่งได้ดีกว่าก็มี
   ภูมิใจโคตรๆ มิวมันเจ๋งจริงๆ ว่ะ แต่ก็นะ เข้าที่ 1 นี่ก็อาจเพราะเรือเราเบากว่าคนอื่นก็เป็นได้ มิวเล่นคนเดียว แต่ลำอื่นเล่น 2 คน มันแล้วแต่มุมมอง ข้อได้เปรียบของการเล่น 2 คนก็คือสามารถช่วยกันคิดช่วยกันดูลมได้ดีกว่าเล่นคนเดียว
   มาถึงก่อนก็ต้องคอยช่วยเพื่อนลำหลังด้วยครับ รอจนครบกลุ่มถึงไปกินข้าวกัน อาหารกลางวันของเด็กวันนี้คือข้าวไก่/หมูกระเทียม ไข่ดาว ครูจัดมาแบบพอดีคนเป๊ะ เพราะมาที่เกาะไม่อยากจะแบกของเกิน และยังต้องขนขยะกลับมาทิ้งที่ฝั่งเองอีกด้วย
   แจกให้เด็กจนเกือบครบคน แล้วครูฝึกก็ต้องงง อ้าว ทำไมเหลือเด็กคนหนึ่งไม่มีกิน หันไปมอง อ้าว เฮ้ยย ไอ้ผู้ปกครองมันไปเอาข้าวกล่องของเด็กและครูฝึกมากิน !!!
   อ้าว เขาบอกให้ผู้ปกครองเตรียมอาหารมากินเอง ผมยังเตรียมข้าวเหนียวหมูย่างมาเลย บางคนมาเป็นส่วนเกินยังไม่พอ แถมยังมาแย่งอาหารอีก ครูฝึกงง แต่เก็บอาการนิ่ง เปิดทรโข่งพูด
   “ใครคนไหนกินไม่หมด ห้ามทิ้งข้าว เอามาให้ครูที่นี่”
   ผมอยู่ใกล้ๆ ฟังแล้วสลดใจว่ะ ครูต้องกินข้าวเหลือของพวกเด็กๆ น่ะ ผมเลยทำหน้าที่คัดแยกจัดอาหารใหม่ให้ดูน่ากินหน่อย เด็กบางคนกินเรียบร้อยก็เหลือแบบพอดูได้ ส่วนบางคนแม่งยังกะแดกด้วยตีนก็ต้องค่อยๆ คัดข้าวแยกจากกับ จัดเรียงใหม่แล้วส่งให้ครู
   หันไปมองกลุ่มผู้ปกครองแม่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อยเลย หึหึ จะรู้สึกตัวไหมวะนั่น เฮ้ออ คนเรา
   ครูฝึกทหารกลุ่มนี้สุดยอดจริงๆ ครับ แม้หน้าตาจะดุ พูดจาเสียงดัง แต่พอตอนพักเห็นเขาเล่นกับเด็กอย่างเป็นกันเองมาก ลงเล่นน้ำทะเลเด็กก็ขี่คอ ขี่หลัง โดดเกาะแขนขาเต็มไปหมด ผมใช้เวลาว่างเดินเล่นตามสันทรายที่จะโผล่มาตอนเฉพาะน้ำลง เดินไปจนสุด แป๊บเดียวขากลับน้ำเริ่มขึ้น บางช่วงของสันทรายมีน้ำกัดเซาะจนเป็นร่อง กระแสน้ำผ่านแล้ววนๆ เหมือน Rip Current ที่แถวระยอง เป็นจุดอันตรายครับ คงไม่มีใครเห็น เพราะถ้าน้ำขึ้นเยอะมันกระแสน้ำก็จะเปลี่ยนไป
   เด็กกินข้าวเสร็จก็เล่นน้ำสักพัก น้ำเริ่มขึ้นมาแตะท้องเรือที่อยู่บนสันทรายแล้ว ถ้าไม่รีบกลับ อีกสักพักเรือจะลอย เดี๋ยวจะงานเข้า ครูฝึกส่งสัญญาณให้เด็กลงเรือแล้วออกไปกลับเข้าฝั่ง ครูชี้บอกเป้าหมายว่าจะต้องไปพิกัดใด
   มิวแล่นเรือออกเกาะไปกับกลุ่มแรก ออกตัวอันดับที่ 3 ออกพ้นเกาะไปได้หน่อยเดียว เริ่มมีกระแสลม มิวขึ้นเป็นอันดับ 1 บ๊ะ สุดยอดอีกแล้ว ผมนั่งเรือยางเลยได้เก็บภาพเขาอีกครั้งก่อนกลับ
   ขามาแล่นใบทวนลม ใช้เวลาราว 2 ชม แต่ขากลับแล่นตามลม มิวใช้เวลาแค่ 40 นาที !!! ในขณะที่เรือยางใช้เวลา 30 นาที เจ๋งจริงๆ มิวน้อย ถึงเกาะเป็นที่ 1 ทั้งขาไปและขากลับ สุดตีนจริงๆ
   วันนี้เลิกเรียนช้าที่สุด กว่าจะเสร็จสิ้นก็ 0600 เป็นวันแรกที่ผมอยู่ที่สโมสรเรือใบตลอดตั้งแต่เช้าจรดเย็น
   กลับถึงห้องพัก มิวแบมือให้ดู โอ้โห มือแตกทั้งสองข้าง (เพราะดึงเชือกควบคุมใบเรือ) ส่วนเท้าก็โดนรองเท้าครูดเป็นแผลหลายจุด มิวบอกไม่เป็นไร ไม่เจ็บมาก เจ๋งดีว่ะ เริ่มแสดงความแมนออกมาให้เห็นแล้ว


* ชูนิ้วให้เห็นว่าเข้าที่ 1
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 12:21:18 pm
10 เมษ 56
   แล้ววันสุดท้ายของการเรียนก็มาถึง อยู่ที่นี่มา 10 วันเต็ม ก็รู้สึกดีกับเมืองเล็กๆ แห่งนี้นะ ชอบตรงความเงียบสงบ แค่สัก 3 ทุ่มตลาดก็แทบไม่มีคนแล้ว
   นั่งคิดไปก็พะวงกับงานเขียนที่จะต้องส่งให้คุณอิทเหมือนกัน เอาไงดีวะ มาตั้ง 10 วัน คิดว่าจะมีเวลาว่างเหลือๆ เอาเข้าจริงไปขลุกอยู่แต่กับลูก เช้านี้เอารถ KHS HT ลงจากท้ายรถ Trooper ขี่ไปสวนกรมหลวงชุมพรเพื่อเก็บภาพ เผื่อจะได้นำไปประกอบงานเขียน ผมจัดภาพแบบ Panorama มาหลายชุด กะว่าหากตอนไปส่งงานผมคงจะยก Hard Disk ไปเสียบเลย ส่งเมลล์มันช้ามาก แถมผมอยากเห็นหน้าคร่าตากันด้วย เผื่อโลกจะกลม
   เตรียมเรื่องคร่าวๆ ไว้ให้เขา 3 ตอนแล้วล่ะครับ เราเคยทำงานหนังสือมาก่อนไง เรารู้ว่ามันจะต้องมีงานเขียนสต็อคเก็บไว้ถึงจะสบายใจ เกิดผมส่งงานไม่ทัน หรือเกิดไฟล์เสีย ก็ยังมีงานสำรอง จัดเข้าไปเสียบได้เลย
มิวนอนหลับปุ๋ยอย่างสบาย น่าจะเพลียสุดๆ เล่นเรือคนเดียวทั้งเช้าบ่าย พักกลางวันก็ดำน้ำเล่นอีก เช้านี้ซื้อต้มเลือดหมูให้มิวกิน น้ำซุปอร่อยนะ เสียดายมากตรงที่ไม่มีผักอะไรให้เลยนอกจากต้นหอมและคึ้นช่าย เฮ้ออ คิดว่าจะได้ตำลึง หรือผักจิงจูฉ่ายเสียอีก ส่วนผมเช้านี้ยังไม่กินครับ เริ่มเบื่อแล้ว กะว่าสายๆ จะขับรถตระเวนหาร้านใหม่ๆ กินบ้าง
ขับรถวนรอบตลาด เจอร้านขายอุปกรณ์ของใช้ทหาร สะดุดตากับเสื้อของ SEAL ตัวหนึ่ง เมื่อวานเพิ่งเห็นเขาฝึก และได้คุยกับนักรบเดนตายตัวจริง เลยประทับใจ อยากได้เสื้อเป็นที่ระลึก
   พอดูใกล้ๆ เขาทำไม่สวยเลย สกรีนหนาๆ ที่หน้าอก ใส่แล้วจะร้อนมาก แต่ไปเห็นเสื้อแขนยาวคอเต่าสีเขียวแล้วถูกใจมาก หาเสื้อแบบนี้มานาน เพิ่งมาเจอในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ใส่สบายด้วยนะ ผ้านุ่ม บางเบา แต่คงไม่ทน ไม่เป็นไร ตัวละ 150 บาท นี่ถ้าได้มาล่วงหน้า เมื่อวานใส่ไปลงเรือข้ามเกาะ ตัวคงไม่ดำขนาดนี้ ฮ่าๆ
   ขับรถหาของกินต่อ หากคิดถึงอาหาร ผมจะคิดถึงผักก่อนว่าหากเรากินสิ่งนี้ เราจะได้ผักอะไรบ้าง อยากกินผักบุ้งก็เลยมองหาร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร้านเก่าที่เคยกิน แต่ไปถึงแล้วร้านเขาปิดยาว ตั้งตัวไม่ถูก ขับต่อไปอีกนิดเป็นร้านข้าวหน้าเป็ดที่วันก่อนเคยกิน เอาล่ะวะ จัดก็จัด ข้าวหน้าเป็ดร้านนี้ดีตรงได้กินผักคะน้าสดลวก แถมขอเพิ่มได้ด้วย จานละ 40 บาท
   กลับมาพักที่ห้อง เช้านี้มิวมีแข่งครั้งสุดท้ายกับสมาคมเรือใบอีกแห่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน เด็กทางฝั่งโน้นเก่งกว่า เป็นพวกนักกีฬาที่ฝึกอย่างหนัก ลงแข่งกัน 46 ลำ มิวได้อันดับที่ 39 เรียกว่าแพ้หลุดลุ่ย
   ผมไปที่สโมสรเรือใบอีกทีในตอนบ่าย วันนี้ปิดภาคเรียน จะมีพิธีมอบใบประกาศนียบัตร และงานเลี้ยงเล็กๆ ผมหารือกับผู้ปกครองหลายคน คิดเห็นตรงกันว่าน่าจะทำอะไรสักอย่างให้แก่พวกครูฝึก แว๊บแรกทุกคนคิดก็คือบริจาคเงินให้เป็นน้ำใจ เพราะครูฝึกพวกนี้มาด้วยใจ ไม่มีเบี้ยเลี้ยง เรียกว่าไม่ได้อะไรสักบาท ได้แต่กินข้าวกลางวันฟรี
   คุยกับหัวหน้าครูฝึกแบบเปิดเผยตรงไปตรงมา ครูก็เข้าใจ แต่ไม่อยากรับเป็นเงิน กลัวจะเสียระบบ เขาขอเป็นเบียร์แทน โอ้.. ผมต่อต้านสิ่งพวกนี้มาก ไม่อยากให้ของขวัญเป็นเหล้า บุหรี่ เบียร์ สุดท้ายได้ไอเดียสดๆ สั่งหมูสะเต๊ะมา 300 ไม้ เอามาร่วมวงที่เขาเลี้ยงอำลากัน
   แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ แป๊บเดียวหมูสะเต๊ะหมดเกลี้ยง ขนาดผมยังไม่ได้กิน ส่วนครูฝึกก็แสดงสปิริทจนนาทีสุดท้าย คือรอให้โต๊ะอาหารว่างก่อนแล้วเขาถึงเดินมาตัก ผมเฝ้ามองดูอยู่อย่างหดหู่ใจ เพราะบนโต๊ะเหลือแค่แตงโมกับสัปปะรด เหลือแค่นี้จริงๆ
   พิธีมอบใบประกาศฯผ่านไป ตามด้วยการมอบรางวัล แล้วเขาก็ประกาศชื่อมิวเป็นคนแรก เฮ้ยย ตกใจ ตั้งตัวไม่ทัน มาได้ไง ผลก็คือมิวได้รองอันดับ 3 ของกลุ่มมือใหม่ครับ เจ๋งว่ะลูก
   เด็กๆ กินเสร็จก็เล่นบ้านลมริมทะเลกันต่อเหมือนเช่นทุกวัน ส่วนผมรู้สึกใจมันโหยๆ มองทะเล มองธง มองเรือใบ มองสิ่งที่เราเห็นมาตลอด 10 วัน มองอาทิตย์แสงสุดท้ายของวัน เพราะไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสแบบนี้อีก
   พรุ่งนี้จะพามิวเที่ยวละแวกนี้เล็กน้อย คงจะไปดูเรือหลวงจักรีนฤเบศร แต่ถ้าอยากดูเรือที่ลำใหญ่กว่าก็ต้องไปเรือรบหลวงสิมิลันที่จอดอยู่ใกล้ๆ กัน
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 05:36:45 pm
11 เมษ 56
   เอาจักรยานออกขี่เป็นครั้งสุดท้าย เส้นทางเดิมๆ แต่ความรู้สึกมันแปลกๆ ผมคิดถึงเมืองสัตหีบ เมืองเล็กๆ เงียบๆ เมืองที่เมื่อก่อนเป็นเสมือนแค่ทางผ่าน ปัจจุบันมีถนนตัดอ้อมเมืองสัตหีบเข้าระยองโดยตรง เมืองนี้เลยกลายเป็นลับแลที่ผู้คนมักจะมองข้ามผ่านเลยไป
   อยากกินขนมเหมือนพวกเด็กๆ บ้าง แต่โจทย์ของเราคือต้องลด 1 กก เลยมองหาขนมที่อ้วนน้อยที่สุด แล้วก็เจอมา 2 อย่าง 1 ปลาเส้น 2 สาหร่าย
   ปลาเส้นนี่โปรตีนเยอะ พลังงานต่ำ สาหร่ายนี่ก็พลังงานต่ำ แต่เสียตรงโซเดียมเยอะไปหน่อย ถ้าไม่กินเยอะไม่กินประจำ ไม่เป็นไร เดินสายกลาง ผมว่าพอไหว สองอย่างนี้ให้พลังงานน้อยมาก ช่วงนี้ต้องดูของกินที่ให้พลังงานน้อยๆ ครับ และระหว่างวันก็มีซิทอัพ วิดพื้น สลับๆ กันไป ตอนเช้านี่ได้ออกขี่จักรยานทุกวัน มาเว้นก็ตอนที่มาพักนอกค่ายทหารสองวันนี่แหละ
   เดินตลาดจัดปลาเส้นมา 1 ถุง เป็นของ Local Brand ไม่ใช่พวกแบรนด์เนมอย่าง Taro / Bento เห็นทีแรกคิดว่าเป็นของท้องถิ่นแถวสัตหีบ อย่างเก่งก็ระยองน่า พอมาถึงบ้านอ่านดูตกใจ เฮ้ยย มันทำจากที่สมุทรสาคร ใกล้ๆ บ้านผมที่กรุงเทพฯนี่เอง ปัดโธ่ ยังตามมาหลอกหลอนจนถึงที่นี่
   กินสาหร่ายก็ต้องเลือกแบบย่างไม่ก็อบนะ สาหร่ายส่วนใหญ่จะใช้วิธีทอด พลังงานที่ให้ก็ต่างกันเป็นเท่าตัว เลือกสาหร่ายไม่ค่อยเป็นว่ะ ดูโหงวเฮ้งดีๆ หน่อยก็มีของเถ้าแก่น้อย และตะวันแดง นอกนั้นส่วนใหญ่จะทอดล้วนๆ จะกินอะไรก็ต้องคอยดูพลังงานที่ข้างซองให้ดี แต่ก็มักจะเจอผู้ผลิตแกล้งโง่ ทำเป็นพิมพ์ตกคำว่า K – Kilo ไป กลายเป็นหายไปพันเท่า เช่นขนม 1 ซองให้พลังงาน 500 Kcal มันก็จะแกล้งบอกว่าแค่ 500 cal
   นี่ถ้าผมว่างนึกสนุกฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายที่ทำให้ผมอ้วนก็คงจะเป็นข่าวดังในชั่วข้ามคืน
   เช้านี้มิวขอกินข้าวผัดอเมริกันอีกแล้ว กินบ่อยมากเลย เขาบอกขอกินส่งท้าย โอเค จัดไป ส่วนผมกินข้าวมันไก่ร้านในตลาดอีกครั้ง เช้านี้ไม่มีอะไรแล้ว กินแล้วก็ไปเที่ยวเรือจักรีนฤเบศรกัน
   มิวตื้อขอซื้อโมเดลเครื่องบินที่วางขายในสโมสรมาหลายวัน เช้านี้ตื้ออีกแล้ว ให้ไป 250 ด้วยความไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ดูแล้วเขาไม่ฟังเหตุผลที่ผมอธิบายเลยแม้แต่น้อย บอกแค่ว่าตัวเองอยากได้ จนผมต้องบอกว่าพ่อไม่มีเงินมาจ่ายกับของพวกนี้ พ่อไม่ได้มีเงินเดือนเหมือนคนอื่นทั่วไป ที่ใช้ทุกวันนี้คือเงินเก็บของเก่า แต่ตั้งใจฟัง พอพูดจบ ก็ตื้อต่อ
   โอ้ พระพุทธ ลูกกูหรือนี่ อบรมดูแลมา 11 ปี ยังพูดคุยกันแล้วเอาแต่ใจอยู่เลย
   ก็ต้องยอมรับกันไปครับ เสือกตั้งใจจะเลี้ยงเอง ดูและเอง นี่ถ้าจ้างพี่เลี้ยงดูแลแบบคนอื่นทั่วไปผมคงได้อิสระทั้งทางร่างกายและจิตใจอีกมาก
   เรือจักรีนฤเบศเปิดให้ชมฟรี 0900 ตอนแรกคิดว่าชมได้หลายจุดเดินได้ทั่ว แต่เปล่า เขาให้ชมแค่ดาดฟ้าเรือ ปัดโธ่ แต่ก็ยังดีนะที่ผมอยู่ใกล้อยู่แล้ว นึกถึงสองปีก่อนที่ถ่อมาจากกรุงเทพฯ มาดูเรือในวันเด็ก หึหึ ไม่ได้เข้าครับ คนแน่นเกิน เบียดไม่ไหว
   เดินมาดูเรือหลวงสิมิลันอีกลำที่จอดอยู่ติดกัน ไอ้นี่ก็ชมได้แค่ดาดฟ้าเช่นกัน เดินสัก 3 นาทีก็ครบแล้ว ฮ่วย
   ซื้อของที่ระลึกกันหน่อย ฝนตกลงมาพอดี เข้าที่ร่มช็อปปิ้งกันซะ ซื้อพวงกุญแจหนังมา 2 อัน ฝากพ่อแม่ผม ซื้อหลักกินโลเมตรทำด้วยกระเบื้องให้แม่ มิวชอบแม่เหล็กติดตู้เย็นรูปเรือรบ ส่วนผมเป็นป้ายเรือรบหลวงจักรีนฤเบศรสีแดง
   ขับรถกลับบ้านใช้ถนน 331 ที่มาโผล่ทะลุแถวสนามพีระฯ ต้องการเลี่ยงแถวพัทยา ถนน 331 แคบและเป็นเนินขึ้นลงหลายจุด เร่งแซงกันยาก แต่ก็เห็นรถหลายคันแซงแบบ “กล้าตาย” จนผมต้องถอนคันเร่ง เพราะกลัวชิ้นส่วนของมันมาโดนรถตอน “ประสานงา”
   อาการกล้าตายนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกรถตู้โดยสาร เห็นแล้วไม่กล้านั่งเลย ถ้าใครใช้บริการรถพวกนี้บ่อยๆ ทำประกันชีวิตไว้ผมว่ามีสิทธิได้ใช้ รถส่วนบุคคลก็มีขับแบบกล้าตายเช่นกันนะครับ ต่างคนต่างความคิด ถ้าพ่อแม่เลี้ยงดูอบรมมาอย่างดี แล้วคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นเขาบ้าง ก็คงจะไม่ขับรถกันแบบนี้ บางคนแม่งแซงกันจนถึงยอดเนิน กล้าสุดๆ เลย เพราะไม่เห็นว่าจะมีรถสวนมาไหม ให้คะแนนความใจถึงของท่านเต็มร้อยครับ
   วันนี้มอเตอร์เวย์ขึ้นฟรี ทางยกระดับบูรพาวิถีก็ฟรี ประหยัดไป 50 บาท ขับเรื่อยๆ มาจนถึงบางนา ต้องเสียค่าทางด่วนอีก 40 บาท แล้วช่วงก่อนจะถึงด่านเก็บ 5 บาทสัก 1 กม ผมก็เกือบไปแล้ว 
   ฝนตกหนัก น้ำท่วมขังบนทางด่วน 2 ช่องทางด้านซ้ายลึกราว 1 ฝ่ามือ ผมขับมาแค่ 100 เจียมตัว เลยเลาะซ้ายมาตลอดทาง ขับมาคนเดียวโดด มองไม่เห็นว่ามีน้ำท่วมขัง (เพราะฝนตกหนัก) ซัดเข้าไปเต็มๆ น้ำพุ่งสูงทะลักเข้าเต็มกระจกหน้า มองไม่เห็นทาง รถคันหลังตามมาก็เบนออกข้าง รถคันข้างๆ มันก็กดแตรเสียงดังลั่น    
   ดีที่ใช้รถ Trooper มันใหญ่ มันหนัก แถมยางใหม่ รถเลยนิ่ง ไม่มีอาการอะไร นี่ถ้าเป็นรถ Nissan 180Sx ของผมที่ตอนนี้ยางมันห่วยมาก คงจะร่อน ปัด เป๋ หรืออาจหมุนไปซัดใครให้เข้าแล้ว
ทุกครั้งที่รอดจากเรื่องร้ายมาได้ ก็จะนึกขอบคุณถึงองค์เทพฯที่คุ้มครองเรา เราคงทำความดีมามากพอ เราถึงรอด คิดเช่นนี้เสมอ ก็เลยต้องทำความดีเอาไว้ให้มากๆ ผมสอนลูกเสมอว่าคนเราเกิดมาแค่เพื่อทำความดี มนุษย์มีประโยชน์ต่อโลกแค่นี้จริงๆ
   มิวหลับมาตลอดทาง แวะจุดพักรถริมทางด่วนกินข้าวกัน มิวเด็กรุ่นใหม่ติดใจในรสชาติของอาหารใน 7-11 ส่วนผมไม่เคยคิดจะกินอาหารกล่องในนั้นเลยแม้แต่น้อย
   กลับถึงบ้านก็รีบขนข้าวของลง จัดรถให้อยู่ในสภาพเดิมที่พ่อใช้งาน อยากจะเอนหลังนอน เหลือบไปเห็นยางหลังซ้ายแบน เฮ้ยย ลมยางเหลือหน่อยเดียวเอง รีบนำรถออกไปปั๊มเพื่อปะทันที ออกขับไปตอนนี้ล้อมันยังพอมีลม แต่ถ้ารออีกสักพักเดียว ลมออกหมด มันจะขับไม่ได้แล้ว ถ้าฝืนไปก็มีแต่จะต้องเสียเงินค่ายางนอกเส้นใหม่เพราะโดนบดจนแก้มแตก
   ใช้งานมา 11 วัน มายางแตกตอนวันสุดท้ายขณะถึงบ้านพอดี โชคช่วยอีกแล้วครับ คิดบวกว่าเราโชคดีมันมายางแบนตอนถึงบ้าน ไม่ได้แบนกลางทางตอนฝนตกหนัก ซึงถ้าจอดริมข้างทางบนทางยกระดับ มีสิทธิ์โดนสอยท้ายได้ไม่ยากเลย
   นี่แหละ โชคดีสุดๆ แล้ว
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 05:40:16 pm
12 เมษ 56
   นอนไม่ดึกนะ แต่ตื่นมาแบบเพลียๆ เดินออกกำลังกายนิดหน่อย ชั่งน้ำหนักดู เย้ๆ ดีใจๆ น้ำหนักลดลง 1 กก ตามเป้าเป๊ะเลย ผมไปสัตหีบมา 10 วัน ขนเสื้อผ้าตัวเล็กๆ ไปหมด มีเสื้อตัวพิเศษเล็กมาก กะจะใส่วันสุดท้าย แล้วก็ใส่ได้จริงๆ
   ก้าวเท้าแรกเข้าร้าน ก็หดหู่ทันที เจ้าของร้านยื่นกุญแจรถให้ขับไปส่งของ มันเป็นตำแหน่งหน้าที่ที่ผมเกลียดที่สุด เกลียดมากกว่ายกแบกของด้วยซ้ำไป เพราะเราไม่คุ้นรถไง รถกระบะต่อหลังคาสูง ผมขับไปเฉี่ยวชนป้าย กันสาดร้านค้าหลายหนแล้ว เข้าตรอกแคบก็ชนกับร่มแม่ค้าก็โดนด่าพ่อด่าแม่กลับมา
   จากเดิมคิดว่าเราไปเติมพลังธรรมชาติมาแล้วคงจะต่อสู้กับความเบื่อหน่ายได้ แต่เปล่าเลย เจอก๊อกแรกก็เซ็งจัดเหมือนเดิม
   IPhone5 ของผมที่ได้มายังไม่ทันจะแกะใช้ วันนี้ IPad mini มาอีกตัวหนึ่งแล้ว ลองเทียบดูพบว่าคล่องตัวกว่าเจ้าตัว IPad ปกติเยอะเลย เบากว่ามาก ตอนพกทุกคนชอบตัวเล็กตัวเบาทั้งนั้นแหละ แต่ตอนใช้นี่สิ ชอบจอใหญ่ๆ กัน ดูสบายตากว่า แถมจิ้มถนัดกว่า
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 05:43:13 pm
13 เมษ 56   
   วันสงกรานต์ก็จริงแต่ร้านผมยังไม่หยุด ขยันสุดๆ แล้ว แต่ก็เปิดทำงานวันนี้เป็นวันสุดท้าย และหยุดยาวถึงวันที่ 17 เป็นสงกรานต์อีกปีที่ไม่ได้ไปเที่ยวไหน น่าเสียดายเวลาเหมือนกัน ผมอยากพาภรรยาไปเที่ยวบ้าง เขาทำงานหนักมาตลอด เราพูดคุยกันเรื่องนี้บ่อยมากนะ แต่เขาบอกว่าชอบงานนี้ ก็เลยจบข่าว ส่วนผมไม่ชอบเลยสักนิด
   เช้านี้ถนนโล่งสุดๆ และคงจะโล่งไปอีกหลายวัน แต่มันจะไปแน่นกันในห้างครับ คนเข้าไปหาของกินกัน ขนาดห้างเซ็นทรัลพระราม 2 ชานเมืองแท้ๆ แต่ไปแล้วแทบจอดรถไม่ได้ งงสุดๆ เลย
   ผมว่าพวกจักรยานน่าจะมาขี่รถเล่นกันให้เยอะๆ นะ รถน้อย รถโล่ง โอกาสทองแบบนี้หายาก โล่งเสียยิ่งกว่างาน Car Free Day เสียอีก ขี่กันให้มันไปเลยสิพี่
   หาข้อมูลเรื่องเคสของไอแพดมินิ ผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้ตัวไหนดี ปกติจะใช้ตัวใหญ่ ก็ดูเต็มตาสบายดี กดจิ้มง่าย แต่ตอนพกแล้วชอบตัวมินิ เล็ก บาง เบา ถือสบายมือ ส่วนไอโฟนคงจะประกาศขายในเร็ววัน ผมไม่ชอบจิ้มโทรศัพท์เล่น หน้าจอเล็ก กดไม่ถนัด ฟังชั่นที่ชอบและใช้บ่อยในมือถือมีอยู่อย่างเดียวก็คือกล้องถ่ายรูป ถ้ามือถือตัวไหนมีกล้องเจ๋งๆ ลูกเล่นเยอะๆ ผมอาจจะจัด ชอบโหมดพาโนรามา และเอฟเฟคในตัว ไม่ชอบนำภาพมาแต่งภายหลัง
   จากเดิมที่ไม่ชอบผลิตภัณฑ์ตระกูล I ต่างๆ ของสตีฟ มาตอนนี้แม่งมีเต็มบ้านเลย ไอแพดใหญ่ ไอแพดน้อย ไอโฟน ไอพอด หึหึ เป็นไงล่ะมึง ยิ่งเกลียด ยิ่งเจอ ทั้งหมดนี้ไม่ได้เสียเงินซื้อสักอันเลยนะ มันมาเองในรูปของขวัญ
   
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 05:46:31 pm
14 เมษ 56
   วันหยุดวันแรก ตื่นมาใส่บาตร แต่นั่งรออยู่นานพระท่านมาแค่องค์เดียวเอง สายหน่อยไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งต่อ เจอตลาดปรับปรุงใหม่แล้ว ขยายพื้นที่รุกล้ำคลองไปเยอะพอควร เห็นแล้วน่าเสียดาย คือไม่น่ารุกล้ำลำน้ำไง แต่เราเป็นคนนอกนะ อาจจะยังไม่เข้าใจคนในพื้นที่ดีพอ
   มิวจัดตามสูตรเดิมคือ ไข่นกกระทา ก๋วยเตี๋ยว และโกโก้เย็น ก่อนกลับมีการย้อนไปซื้อไข่นกกระทามากินอีกกระทงด้วย โห จัดหนัก กินแล้วก็กลับบ้านครับ หมดมุข แต่ถ้ามาคนเดียวก็คงจะเข้าไปเที่ยวเล่นในสวนนครเขื่อนขันธ์ต่อ
สายไปเซ็นทรัลพระราม 2 คิดจะไปจัดซิมมาใส่ไอแพดน้อย แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า เครื่องของผมใช้แบบ Net Sim เขาบอกจะทำซิมเสริมแบบ Multi Sim ไม่ได้ ไอ้ที่จะทำได้ต้องเป็นซิมแบบที่มีค่าโทรด้วยเท่านั้น
งงสิ ตั้งตัวไม่ติด เลยคิดได้ว่าเรามีไอ้ฝนอยู่อีกอันในกล่องนี่หว่า หรือเราจะใช้ไอ้ฝน กับไอ้แพดใหญ่ และทำซิมเสริมใส่ไอ้แพดน้อย แต่ก็ยังลังเล โทรศัพท์เดิมของผมมันยังไม่เสียเลย แค่รวนนิดหน่อยตรงปุ่มกดยาก กดแล้วไม่ค่อยไป
ผมใช้ของอะไรก็จะใช้จนมันถึงที่สุด ใช้จนมันพังนั่นแหละ ครั้นจะหาซื้อใหม่ ก็จะซื้ออันที่เราชอบมากที่สุด พอได้มาแล้ว ก็จะจบ ไม่คิดมองตัวอื่นอีก
ผมคิดแบบนี้กับทุกเรื่องนะ ทั้งเรื่องรถยนต์ เรื่องจักรยาน ฯลฯ
เย็นพ่อชวนไปกินสุกี้แคนตั้น ที่แถวปิ่นเกล้า ร้านเก่าแก่มีชื่อเสียงพอควร คนแน่นครับ ร้านเป็นเหมือนห้องแถวริมถนนแถวใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนฯ ชอบตรงมีเมนูหลากหลายว่า MK เยอะ แต่ของก็ไม่ถูกเท่าไหร่นะ
   กลับมาบ้านแบบแน่นพุง จากเดิมว่าจะไม่กินมื้อเย็นแล้ว แต่เห็นพ่อชวน นานๆ เขาจะชวนกันไปกินแบบพร้อมหน้าสักที น้ำหนักที่ลดลงก็กลายเป็นตีขึ้นแบบไม่ต้องสงสัย
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 05:49:24 pm
15 เมษ 56
   เช้านี้ไปเดินออกกำลังกายที่สวนธนบุรีรมย์กับพ่อแม่ พ่อแม่ผมไปทุกวันตอนเช้า แต่ปกติผมจะต้องไปเฝ้าร้านขายของ วันนี้เป็นอีกวันที่ร้านหยุด เลยขอตามไปด้วย เดินเร็วไปราว 2 กม จากนั้นก็ทำกายบริหารตามสถานีต่างๆ เล่นเอาเมื่อยครับ ขากลับแวะกินข้าวมันไก่แถวบ้าน ตักเข้าปากคำเดียวก็คิดถึงร้านที่สัตหีบเลย รสชาติดีกว่ากันเยอะมาก แต่ก็กินจนหมดล่ะนะ ผมเสียดายของ กินเยอะก็ตอนมื้อเช้านี่แหละ
   กลับมาบ้านเข้า Facebook ของกองเรือยุทธการ เพื่อติดตามข่าวสาร ครูฝึกชวนนักเรียนที่ดูแล้วพอมีแววมาฝึกต่อในระดับ Advance หนึ่งในนั้นก็มีมิวรวมอยู่ด้วย
   เปิดดูรูปภาพ และโพสแสดงความคิดเห็น สักพักแป๊บเดียวมีครูฝึกโพสตอบและแซวว่าผมเป็นกูรูจากเวป thaimtb อ้าว ครูก็ขี่จักรยานและใช้ thaimtb เหมือนกันหรือครับนี่ ปัดโธ่ เจอหน้ากันทุกวันแท้ๆ ผมจะได้สอบถามเส้นทางขี่จักรยาน เผลอๆ จะให้ครูพาผมไปขี่ในที่แบบ unseen น่ะสิ
   กลางวันไปไหว้พ่อแม่ของภรรยาที่บ้านย่านรังสิต ขากลับแวะร้านเจ๊เล้ง ตั้งใจจะไปซื้อครีมกันแดด แต่มาวันนี้เขาลดราคาแค่ไม่กี่ตัว แถมลดแล้วยังไม่ถูกเท่าครั้งก่อนที่ผมซื้อ เซ็งเลย แต่ก็มีของ Banana Boat ที่ลดเยอะหน่อย 50% น่าเสียดายที่ผมไม่ชอบยี่ห้อนี้เลย เพราะมันเหนียว ซึมเข้าผิวยากและช้า ส่วนยี่ห้อที่ผมชอบก็คือของ Kao ทาแล้วสบายผิวมาก ลื่นด้วย เสียดายที่ร้านเจ๊เล้งขายถูกกว่าเดอะมอลล์ไม่เท่าไหร่ ซื้อเดอะมอลล์มีส่วนลด 5% อีกด้วย
   ไม่เจอครีมกันแดด แต่ได้ของกินมาเพียบ เป็นพวกขนม ช็อคโกแลต สาหร่าย บ๊วย ฯลฯ ขากลับขึ้นรถลูกและภรรยาหลับกันคนละมุมรถ ปล่อยให้ผมขับเองคนเดียวเงียบๆ
   กลับถึงบ้าน ว่าจะไม่กินอะไรตลอดวันนี้แล้วนอกจากผลไม้ อีกแค่ 2 นาทีถัดมา แม่บอกซื้อข้าวเหนียวมา กินกับมะม่วงอกร่องจากบ้านเราเอง โห แบบนี้ไฟท์บังคับ รีบกิน รีบอิ่ม ก่อนกินซัดกล้วยน้ำว้าไป 2 ผล จะได้ใส่ข้าวเหนียวมะม่วงได้น้อยลงหน่อย
   เย็นลูกชวนภรรยาไปกินกันข้างนอก ส่วนพ่อกับแม่พากันไปเยาวราช ผมอาสาเฝ้าบ้าน ไม่อยากเติมอะไรใส่พุงอีกแล้ว
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 16, 2013, 05:54:33 pm
16 เมษ 56
   เมื่อคืนชวนกันเข้านอนตั้งแต่ 0830 กะว่าเช้านี้จะยกขโยงกันไปเดินวิ่งออกกำลังกายในสวนธนฯ 0500 ฝนเริ่มตกปรอยเม็ดใหญ่ 0530 เริ่มไม่ปรอยแล้ว ตกอย่างจริงจัง เป็นอันว่าเช้านี้หมดสิทธิ์
   จิตใจยังคงพะวงกับงานเขียนที่จะต้องส่งให้คุณอิท มันล่าช้าจนเว่อร์มาก ก็เพราะติดปัญหาส่วนตัวของผมเองแหละครับ พอรับปากเขาว่าจะเขียนเรื่องให้ พ่อแม่ก็ไปต่างประเทศทำให้ผมต้องไปนั่งเฝ้าที่ร้านขายของตลอดวัน กลับมาบ้านหมดแรง หมดจิตนาการ พอเขากลับมาก็ถึงคิวมิวไปเรียนเรือใบ 10 วันที่สัตหีบ ครั้งนี้ไฟแรงมาก หอบหิ้วอุปกรณ์ไปทำงาน กะว่ายังไงต้องได้งานเขียนสักชิ้น แต่เปล่าเลย อยู่กับมิวนี่ตอนแรกคิดว่าจะมีเวลาว่างเยอะ กลับตรงข้ามครับ มันว่างแค่วันแรกๆ แต่เราก็เอาช่วงเวลาว่างนั้นมานั่งเฝ้าดูว่าลูกเราเขาจะเป็นอย่างไร พอวันหลังๆ เริ่มลงเรือทุกวัน เราก็ยิ่งติดตามเข้าไปใหญ่ วันท้ายๆ นี่แข่งเรือกันทุกวัน เราก็ยิ่งแอบลุ้น วันสุดท้ายแข่งเรือทางไกลข้ามเกาะ โห อันนี้ไฮไลท์พลาดไม่ได้ ผมลงนั่งเรือยางตามประกบถ่ายวีดีโอเลย คนที่ลงเรือยางไม่ทันก็จ้างเรือใบแบบ Catamaran วิ่งไปแทน
   ผ่าน 10 วันไปแบบหน้าตาเฉย จักรยานที่หอบหิ้วไปนั่น ทำได้แค่ขี่ไปตลาดตอนเช้าเพื่อหาซื้ออาหาร คอลัมน์พาเที่ยวในเส้นทางแปลกใหม่ที่ผมรับผิดชอบเลยยังสรุปไม่ลงตัว
   แต่สันดานนักเขียน ผมมีคอลัมน์สต็อคสำรองเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว ก็คงจะนำมา rewrite แล้วปรับแต่งเนื้อหาอัปเดทข้อมูล ยังไงต้องรีบส่งหลังสงกรานต์นี้แหละ ไม่งั้นมันจะเสียความน่าเชื่อถือ
   หมดมุขไม่รู้จะกินอะไรกันดี แล้วก็นึกถึงร้านเดิมๆ ที่เคยกิน ใช่แล้ว มันคือ Food Land ไง ปกติเช้าวันอาทิตย์ก็จะคนแน่น แถมวันนี้เป็นวันหยุดแห่งชาติ ร้านค้าต่างๆ ยังไม่เปิดบริการ คนต้องแน่นแน่ๆ ไปถึงร้านราว 0830 ได้โต๊ะเป็นคิวที่ 3 ผมสั่งสุกี้แห้ง ของภรรยาเป็นคะน้าผัดกับเนื้อหมู ส่วนมิวกินแบบเดิมๆ กลัวการเปลี่ยนแปลง เล่นชุดอาหารเช้าแบบฝรั่งที่ไม่มีผักแม้แต่เส้นเดียว
   บ่ายไปกินฟูจิกันที่ห้างเซ็นทรัล ผมสั่งสลัดอะโวคาโดมากิน ไอ้นี่หากินยากมาก แถมมีประโยชน์ต่อร่างกายเยอะ เลยจัดสักหน่อย กินของแปลกใหม่บ้าง ทำตัวอย่างให้ลูกเห็น พร้อมสอนเขาเรื่องพฤติกรรมมนุษย์ที่มักจะกลัวการเปลี่ยนแปลง ชอบทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ เช่นกินร้านเดิม สั่งอาหารแบบเดิม ไปห้างเดิม จอดรถที่เดิม ฯลฯ
   เราสามารถเอาข้อมูลเหล่านี้ไปประมวลผลและคิดสรุปออกมาในรูปของการตลาดได้นะ สมองคนน่ะ ยิ่งคิด ยิ่งเฉียบคม ใช้เข้าไปเถอะครับ
   กินเสร็จเดินดูเคสมาใส่ไอ้แป๊ดน้อย เดินดูหาข้อมูลไว้ก่อนครับ เดินดูแล้วตาลายชะมัด ตัดสินใจไม่ได้ แต่ก็เล็งแบบที่ชอบเอาไว้บ้างแล้ว กลับมาตั้งหลักที่บ้านก่อน เจอแบบฝาหน้าฝาหลังแยกชิ้นกันด้วย เลยงงใหญ่ ใจชอบแบบเล็ก บาง เบา เพรียว เผื่อจะพกไปตอนขี่จักรยานไง
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 18, 2013, 12:31:53 pm
17 เมษ 56
   บางคนเปิดงานแล้ว แต่ผมยังหยุดอีกวัน วันนี้มิวมีคิวไปกับแม่เขาเต็มวัน ผมเลยว่าง ตั้งตัวไม่ติด ไม่รู้จะไปไหนดี เช้านี้ไปออกกำลังกายที่ศูนย์เยาวชนบางมด ใกล้ๆ กับสวนธนบุรีรมย์ที่พ่อแม่ผมไปออกกำลังกายแทบจะทุกวัน ในสวนจะเป็นบรรยากาศแบบสวนสาธารณะ ร่มรื่น ต้นไม้เพียบ คนเยอะ คนแน่น จอดรถยาก แต่ศูนย์เยาวชนบางมดจะมาแนวสนามกีฬา มีสนามฟุตบอลมาตรฐานอยู่ตรงกลาง รอบนอกเป็นทางเดินวนได้รอบ มีสถานีเครื่องออกกำลังกายเรียงรายอยู่เป็นช่วงๆ
   เดินเร็ว 2 รอบ เดินถอยหลัง 1 รอบ แล้วเปลี่ยนไปเดินภายในสนามฟุตบอลอีก 3 4 รอบ จากนั้นออกมากายบริหารตามสถานีต่างๆ เล่นอย่างละนิดละหน่อยพอให้รู้ว่ามันเป็นอย่างไร
   หลายอย่างผมว่ามันเวิร์คดีนะ สนุกดีครับ ผมหมดเวลาไปกับที่นี่ถึง 1.30 ชม เช้านี้อากาศออกครึ้มๆ หน่อย ทำให้เย็นสบายดีมาก แต่เหงื่อก็ออกท่วมตัว ผมถ่วงถุงทรายไว้ที่ข้อเท้าข้างละ 1 กก ด้วย
   สบายตัวดีครับ ไม่ได้เหงื่อออกมานาน ขี่จักรยาน 1.30 ชม ยังไม่ได้ออกกำลังกายทุกส่วนเลย จะว่าไปก็ดีกันคนละอย่างน่ะครับ บาลานซ์ชีวิตด้วยการเดินสายกลางจะดีที่สุด
   กลับมาจากสัตหีบ ลดได้  1 กก ตามเป้า แต่สองวันถัดมากลายเป็นกินจนขึ้นมาเกินของเดิมอีก ตามใจปากมากไป รอบตัวรายล้อมไปด้วยของกินนานาชนิด เอาแค่ชิมอย่างละนิดก็อิ่ม
   เช้านี้กินกล้วยน้ำว้า 2 ลูกก่อนไปออกกำลังกาย กลับมากินแตงโม ส้ม อยู่บ้านว่างๆ คนเดียว เลยได้ฤกษ์นำหัวข้องานเขียนที่จะส่งให้คุณอิทนำมาเรียบเรียงใหม่อีกรอบ เป็นชิ้นงานที่ผมทำได้ช้ามาก เพราะมันต้องเผื่อให้งานของเราแปลเป็นอีก 17 ภาษา ข้อมูลมันเลยต้องถูกต้องมากที่สุด อัปเดทมากที่สุด เกร็งมากเลยทำให้ความเป็นตัวของตัวเองหายไป อ่านดูแล้วแม่งเหมือนบทความวิชาการ ไม่มีลูกเล่นอะไรเล้ยย เอาไงดีวะนี่
   กลางวันหิว เลยกินสารพัดถั่วที่ซื้อมา ไอ้ถั่วนี่มันเหมือนตัวลวงนะ คือมีประโยชน์มากก็จริง แต่ถ้าเรากินเยอะเกิน มันก็ให้พลังงานมากตามไปด้วย ขนาดเลือกถั่วอบแล้วนะ วันนี้เลือกถั่วชนิดที่ไม่ค่อยได้กินบ่อย คืออัลมอน์ เฮเซล บราซิล พีแคน เล่นของแพงครับ แลกกับประโยชน์ของมัน
   บ่ายแม่เข้ามาบ้านพร้อมกับส้มตำ ไก่ย่าง บอกว่าเอามาฝาก โห ปฏิเสธไม่ลง แม่อุตส่าห์ซื้อมาฝาก จัดไปหมดเกลี้ยง เหลือทิ้งไว้แค่เพียงหนังไก่ย่าง กินไปก็นึกถึงไอ้ถั่วที่เพิ่งกินเมื่อสักครู่ใหญ่ เฮ้ออ ไม่น่าจัดเลย
   โทรหา “ครูวัฒน์” ครูฝึกเรือใบ Optimist ของมิว คุยเรื่องคอร์สแบบ Advance ที่ครูเขาเกริ่นเอาไว้ว่าจะเปิดเพิ่มในช่วงปลายเดือน ปีนี้ครูวัฒน์ลงแข่งกีฬาซีเกมส์ด้วย เพราะพม่าที่เป็นเจ้าภาพเขาเปิดรุ่นเรือเล็ก ครูวัฒน์ถนัดเรือแนวนี้อยู่แล้ว และเป็นแชมป์เก่า เลยขอลงวัดฝีมือสักหน่อย ก็เลยหวนกลับมาจับเรือเล็กอีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการฝึกสอนเด็กๆ
   ครูวัฒน์กำลังเทรนเด็กกลุ่มใหม่ไปแข่งที่ญี่ปุ่นด้วย ทำให้คอร์ส Advance ครั้งนี้จะต้องเข้มข้นขึ้นอย่างมากจากที่มิวเคยเรียน จะใช้เวลาฝึกตลอดเช้าจรดเย็น ใช้ชีวิตอยู่ในเรือ 100%
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: chayut_nung on April 18, 2013, 08:36:04 pm
 :yociexpress01:
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 20, 2013, 08:29:04 pm
18 เมษ 56
   วันแรกของการเปิดงานหลังจากหยุดยาว มันช่างเหมือนวันแรกของงานหลังจากผมกลับมาจากสัตหีบเป๊ะ คือแค่ก้าวเท้าเข้าร้านก็ต้องออกไปขับรถส่งของทันที
   คิดบวกเสมอ คิดมานาน ไม่งั้นคงไม่ทนอยู่ แค่อยากช่วยแม่ แค่นี้เองแหละ ไม่มีเหตุผลใดมากกว่านี้เลย รู้ทั้งรู้ว่ามันเสียเวลาชีวิตของตัวเองสุดๆ ส่งผลไปถึงความก้าวหน้า การงาน ฯลฯ
   บ่ายกลับมาบ้านเจอมิวนอนเปิดแอร์นั่งเล่นเกมในไอ้แพดน้อย เปิดทีวีทิ้งไว้ บ้านช่องเลอะเทอะ แถมยังกินช็อคโกแลตเกินโควตาที่ผมบอกให้กินแค่วันละ 1 ชิ้น วันนี้มิวซัดไป 3 นั่นยังไม่เท่าไหร่ แต่ที่ทำให้โมโหที่สุดคือการพูดโกหก
   “วันนี้มิวกินไปกี่ชิ้น”
   “ 1 ชิ้น”
   “วันนี้มิวกินไปกี่ชิ้น” เสียงเริ่มดัง
   “วันนี้กิน 1 เมื่อวานกิน 1 วันก่อนกิน 1”
   “ไม่ต้องมาโกหก วันนี้มิวกินไปกี่ชิ้น” เริ่มโมโห
   “3 ชิ้น”
   “แล้วทำไมต้องโกหก”
   “มิวกลัวโดนดุ”
   “แล้วตอนนี้ลูกโดนดุอยู่ไหม”
   “ใช่”
   “โดนมากกว่าเดิมไหม”
   “ใช่”
   จบบทสนทนาแบบห้วนๆ ให้เขาไปคิดต่อเอง
   อารมณ์ผมแปรปรวนก็เพราะการงานจากร้านขายของด้วยแหละครับ เจอชีวิตแบบนี้คิดงานสร้างสรรค์อะไรไม่ออกเลยสักนิด กลับเข้าห้องเปิดคอมฯเขียนหนังสือก็คิดไม่ออก แต่มาเล่าในไออารีชีวิตตัวเองนี่ไหลลื่นมาก คือมันเล่าไปโดยไม่มีกรอบไง ไม่ต้องกังวลว่าจะให้ใครอ่านบ้าง ใครจะชอบหรือไม่ ใครจะติดตามไหม ฯลฯ ไม่ต้องการสร้างชื่อเสียงอีกด้วย เป็นตัวของตัวเองสุดๆ แล้ว เล่าได้สดๆ แถมไม่เคยมีการแก้ย้อนหลังแม้แต่ครั้งเดียว แล้วก็จะไม่แก้ด้วย
   เล่นเอางานเขียนเรืองจักรยานยังไม่ไปถึงไหนเลย แต่ก็คิดโครงคร่าวๆ เอาไว้บ้างแล้ว เหลือแค่ใส่รายละเอียดที่เป็นข้อมูลหลัก เช่นระยะทาง แผนที่ ฯลฯ
   
   ในเวปจักรยานมีคนเอารถ IXI มาขายอีกแล้ว ไอ้คันนี้ดูเผินๆ มันเจ๋งมาก ดีไซน์แบบสุดตีนเลยครับ มีสองรุ่นคือรุ่นแบบถอดแยกเฟรมได้ และแยกไม่ได้ ทั้งสองรุ่นขี่ห่วยพอกัน น่าแปลกที่สเปคทุกอย่างดูดีหมด เกียร์ดุม Shimano 4 Sp มั้ง เฟรมอลูมินั่มอย่างดี ขับด้วยสายพาน รายละเอียดทุกอย่างเจ๋งหมด มีที่วางแก้วกาแฟอย่างเท่เลย แฮนด์พับความกว้างลงได้เนี๊ยบมากๆ ตัวเฟรมเป็นท่อทรงเหลี่ยมใหญ่ก็เก็บของภายในได้ ท่อหลักอานใหญ่ก็เก็บชุดปะยางได้ จะว่าเพอร์เฟคก็ไม่ผิด
   แต่แม่งขี่โคตรห่วยเลยครับ ขึ้นครั้งแรกไปแทบไม่เป็น รถแม่งแบบฝืดมาก ไม่รู้ปรับตั้งอะไรผิดไหม สายพานเหมือนจะโคตรตึงเลย ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นรถล้อ 14 ที่ช่วงยาวที่สุดในโลกเลยนะ ผมเอื้อมแทบสุดแขน ขี่ไม่สบายเอาเสียเลย น่าจะเหมาะกับคนที่สูงเกิน 170 ซม ขึ้นไปเยอะ เผลอๆ อาจต้องถึง 175 ด้วยซ้ำไป ลองแป๊บเดียวคืนครับ ตอนนั้น Siam Strida เป็นผู้นำเข้ามา ผมทดสอบรถ Strida ให้เขาไง ก็เลยมีโอกาสได้ลองตัวนี้ ลองเสร็จบอกเขาว่าอย่าขายในเวปเลยนะ จะมีแต่โดนด่าเปล่าๆ เอาไปเทขายคนอื่นแบบยกล็อตขอแค่ทุนคืนหรือบวกนิดหน่อยจะดีกว่า เรียกว่าขายทิ้งนั่นแหละ
   ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้มันจะหวนกลับมาอีกแล้ว ไม่รู้ใครเอาเข้ามา ขอให้มันเป็นรถที่ปรับปรุงใหม่แล้วเถอะนะ ขออย่างให้เป็นรถเก่าเก็บล็อตที่ผมทดสอบเลย เปิดตัวขายตอนปี 08 23000 มาตอนนี้ปี 13 ขายเหลือ 13900 หึหึ (ไม่รู้ว่าของล็อตแรก made in ที่ใด แต่ล็อตหลังทำ Taiwan)
   มื้อเย็นกินสเต็ค 49 หน้าปากซอยครับ ยังดีที่มีร้านรสชาติดีอยู่หน้าบ้าน เดินแค่ 100 ม มิวไปกินคนเดียวได้สบายมาก
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 20, 2013, 08:32:58 pm
19 เมษ 56
   เปิดงานมาวันที่ 2 คนงานยังคงมากันไม่ครบ คาดว่าน่าจะไม่มาแล้ว คือหยุดถาวร ก็ดีครับ ใครมีทางไปที่ดีกว่าก็ยินดีด้วย บางคนหายไปหลายเดือนแล้วค่อยกลับมาใหม่ก็มี ร้านผมเป็นแบบเล็กๆ กันเองๆ อยู่แบบสบายๆ ง่ายๆ
   ปัญหาเรื่องคนงาน เป็นปัญหาโลกแตกของธุรกิจที่ใช้แรงงานอย่างนี้ ผมเองเคยเสนอความคิดเห็นไป แต่โดนสวนกลับมาด้วยคำพูดที่เรียบง่าย จริงใจ
   “ไม่ต้องแสดงความคิดเห็นใดๆ อีก”
   “ร้านนี้ฉันรู้ดีกว่าใคร”
   จบครับ การสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นนานมากแล้ว แต่ผมจำได้ขึ้นใจ ทำให้ผมอยู่ร้านอย่างสงบปาก สงบคำ วันนี้โดนเรียกให้ช่วยยกของ ก็รีบทำทันที ไม่อิดออด กลัวหลังจะเจ็บอีก เลยต้องย่อตัวลงนั่งยองๆ ทุกครั้งที่ยก แต่สินค้าจำนวนมาก มันทำไม่ได้ตลอดเวลาหรอก ไม่สะดวกเลย ไม่ถนัดด้วย ช้าอีก
   ตลอดวันนี้โทรหาครูวัฒน์ (ครูสอนเรือใบมิว) แต่ยังติดต่อไม่ได้เลย ไม่รับสาย ทำอย่างไรดีนะ จะโทรบ่อยก็ไม่กล้า เกรงใจ ลองโทรทุกๆ 3 ชม แล้วนะนี่ เช้าจรดเย็นก็ยังไม่รับ น่าแปลกจริงๆ
   หาข้อมูลสัตหีบเตรียมไว้อีกครั้ง วางแผนการปั่นไว้เลยดีกว่าว่าวันไหนจะไปจุดใดบ้าง และจะตระเวนกินร้านไหนกันอีกดี    
   เย็นดูถ่ายทอดสด Thai Fight วันนี้ถ่ายทอดสดจากพัทยา แหลมบาลีฮาย ฟังชื่อแล้วไม่น่าเชื่อว่าอยู่ในประเทศไทย ผมไม่ได้ไปเหยียบพัทยามากว่า 20 ปี เมื่อก่อนเรียกแถวนั้นว่าท่าเรือไปเกาะล้าน อยู่ในเขตพัทยาใต้
   ทำไมต้องตั้งชื่อว่าแหลมบาลีฮาย ภาษาอะไรหรือ ที่ตลกสุดคือตัวหนังสือ Pattaya City ที่อยู่บนภูเขา แม่งก๊อปตัว Hollywood มาเป๊ะเลย เห็นแล้วตลกว่ะ ไม่เข้าท่าสุดๆ เลย
   มีเหตุผลอันใดหรือที่ต้องก๊อปเขามาครับ อยากสร้างจุดเด่น จุดสังเกตมันมีวิธีอีกเยอะแยะมากมาย ง่ายๆ นึกสดๆ เดี๋ยวนี้ก็เป็นฉากที่มีลายไทย ศาลา หรืออะไรก็ได้ หรือว่าอยากเป็นอินเตอร์ อยากอวดชาวโลก เลยต้องใช้วิธีนี้ ไม่เข้าใจจริงๆ
   ดูมวยอย่างจริงจังในรอบหลายปี ผมเองก็เคยชกมวยสากลนะ ตอนเรียนมัธยมที่สวนกุหลาบเขาเรียนมวยในวิชาพละ ก็มันดีครับ ไม่ชอบหน้าใครก็ชวนขึ้นเวทีแม่งเลย ซัดกันสดๆ ยกเดียวจบ ไม่มีสเปเชี่ยลเอฟเฟค ไม่มีสตั๊นท์ ไม่มีสลิง เล่นจริง เจ็บจริง บางคนซัดนอกรอบไม่ใส่นวม ตาปูด หน้าเขียวหลายสัปดาห์
   ในเฟซบุ๊คอาทิตย์ก่อนก็มีคลิป เนวิน ชิดชอบ จับใครไม่รู้สองคนขึ้นเวทีให้ชกกัน แต่มันก็ไม่ยอมชก จบด้วยตำรวจพาเข้ากรง เนวินก็เป็นรุ่นพี่สวนกุหลาบครับ สมัยอยู่กับทักษิณนี่ผมโครตเกลียดเลย แต่พอระยะหลังห่างออกมาแล้ว แถมทำทีมฟุตบอลอย่างจริงจัง ล่าสุดทำสนามแข่งรถยนต์อีกด้วย มีวิสัยทัศน์ดีครับ ใช้กีฬาเป็นตัวเบิกทาง จับตามมองเขาไว้ให้ดี
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 20, 2013, 08:37:34 pm
20 เมษ 56
   เช้านี้ขับรถกระบะส่งของครับ ไม่ชอบเลยสักนิด แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไร คนงานขาดงาน น่าจะไม่มาอย่างเป็นทางการแล้วล่ะ อากาศร้อนสุดยอด เหงื่อหยดติ๋งๆ ตลอดเวลา แม้จะนั่งอยู่ในกระบะหลัง ส่งถึงกลางวันก็ได้พัก
   บ่ายพามิวไปเรียนคุมอง ผมก็เดินดูเคสไอ้แป๊ดน้อยไปด้วย นี่ดูมานานแล้วนะ ยังไม่ตัดสินใจสักทีเลย เห็นบางยี่ห้อมันมีรายละเอียดต่างกันเล็กน้อย ยี่ห้อ Belk ไม่รู้ว่าเป็นคนละรุ่น หรือจะเป็นของปลอมก็ไม่ทราบได้ ดูไม่เป็นครับ มือใหม่เรื่องพวกนี้จริงๆ
โทรเช็คครูวัฒน์ ครูสอนเรือใบมิว ถามรายละเอียดของคอร์ส Advance ที่เขาจะเปิด มีเด็กจำนวนหนึ่งเข้ารอบและครูแนะนำให้ฝึกเพิ่มเติมครับ แต่ผมไม่รู้ว่ามีใครบ้าง สงสัยจะไปเจอกันที่หน้างานสดๆ เลย ก็ลุ้นดีเหมือนกันนะ
มิวผ่านการคัดเลือกเป็นคนสุดท้า เย้ๆ ได้ฝึกซ้อมเพิ่ม ได้ฝึกกับมืออาชีพและกลุ่มนักกีฬาทีมชาติ มันคือประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ของเด็กวัย 11 ปีที่เพิ่งได้จับเรือใบไม่กี่ครั้ง หวังว่าเขาคงจะรับรู้และจดจำอารมณ์บรรยากาศแบบนี้ได้
   อาทิตย์หน้าผมเลยต้องไปขลุกอยู่สัตหีบอีกระยะ แน่นอน เอาจักรยานไปด้วยเช่นเคย คราวนี้ไม่รู้จะได้ขี่รถมากน้อยเพียงใด เพราะมิวก็จะต้องฝึกหนักสุดๆ ผมจะมีโอกาสนั่งเรือตามเขาไปเก็บภาพหรือเปล่าก็ไม่รู้ คือถ้าลำพังตัวคนเดียวผมคงไม่เอาเรือออกแน่ แต่ถ้าเจอพวกผู้ปกครองที่คุ้นเคยกันก็ไม่แน่
      เช้านี้มีแผ่นดินไหวรุนแรงในจีน เสียชีวิตร้อยกว่า เจ็บอีกกว่า 3000 รัฐบาลไทยต้องส่งสาส์นแสดงความเสียใจโดยด่วน พร้อมกับส่งทีมกู้ภัย ทีมหมอ อาสาสมัคร ไปช่วยครับ
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 23, 2013, 03:16:29 pm
21 เมษ 56
   วันแห่งการรอคอย วันหยุดครับ ใครๆ ก็ชอบวันหยุดนะ แต่น่าเห็นใจมิวต้องไปเรียนพิเศษช่วงเช้า ชีวิตเขาจะต้องเข้มข้นตลอดปีการศึกษาหน้า เพราะจะต้องเตรียมตัวสอบเข้า ม1
   พูดคุยกับเขาจนเข้าใจกันแล้วว่าทำไมต้องเรียนพิเศษเยอะ เขาก็เข้าใจดี อธิบายเพิ่มว่าเขาต้องทำแบบฝึกหัดเยอะๆ ทำพวกข้อสอบเก่าๆ ยิ่งมีหลายวิชามาก มันก็มีแบบฝึกหัดให้ทำมากตามไปด้วย
   สถานที่เรียนพิเศษส่วนใหญ่มิวมีส่วนในการตัดสินใจเลือกเรียนเองด้วยนะ ยกตัวอย่างวันนี้มิวมีเรียนคณิตศาสตร์ที่ซุปเค ครั้งแรกก็ไปทดลองเรียน แล้วเขาก็ตัดสินใจลงทะเบียนเรียนต่อเอง ผมยังงงเลย
   เช้านี้ผมไปออกกำลังกายที่ศูนย์เยาวชนบางมดอีกเช่นเคย สถานที่นี่คุ้นเคยมาก ตอนเด็กๆ เคยไปเล่นสเกตบอร์ดอยู่หลายปี ก่อนหน้านั้นเป็นสิบปีก็ขี่ BMX อยู่ก่อน
   เดินรอบสนามกีฬาไป 4 รอบ (ถ่วงถุงทรายข้างละ 1 กก) แล้วก็บริหารร่างกายในสถานนีต่างๆ วันนี้แดดออกเร็วนะ 0630 ก็ร้อนแล้ว เหงื่อเพียบ เสื้อเปียกโชก ใช้เวลาไป 1.15 ชม จะขึ้นรถกลับก็กลัวเบาะเปียก รถเก่าแก่มากเป็นสิบปีแล้ว เบาะก็ขาดเปื่อย แต่ผมก็ใช้และดูแลรักษามันไม่ต่างจากรถใหม่ป้ายแดง เดินเล่นให้ตัวแห้งลงอีกนิดแล้วค่อยขับรถกลับ
   แปลกใจตัวเองเหมือนกันนะ ผมคงเป็นนักจักรยานที่ขี่จักรยานน้อยมากๆ เลย เป็นคนอื่นถ้าว่างก็ต้องเอาจักรยานออกขี่เสมอ ผมก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่แล้ว ผมอยากบาลานซ์ชีวิต
   กลับมาบ้านน้ำหนักลดไป 0.5 กก เห็นตัวเลขต่ำลงจากปกติก็ดีใจ รู้ทั้งรู้นะว่าไอ้ที่ลดน่ะส่วนใหญ่คือน้ำ สักพักพอเติมข้าวเติมน้ำเข้าร่างกายส่วนใหญ่ก็จะกลับมาหนักเท่าเดิม เผลอๆ อาจหนักกว่าเดิม ฮ่าๆ
   กินกล้วยน้ำว้าไป 2 ลูก คิดสูตรการกินอาหารของตัวเองออกมา คือก่อนกินข้าวก็จะเติมผลไม้ไปรองท้องไว้ก่อน ทำเช่นนี้ร่างกายจะได้มีแร่ธาตุและเส้นใยจากผลไม้มากกว่าปกติ
   Red Light Camera เริ่มทำงานอีกครั้ง แปลกดีนะที่ต้องมาประกาศบอกทำไมวะ จะจับก็จับไปสิ ตอนกล้องเสียก็บอก ทำให้แปลกใจมาครั้งหนึ่งแล้ว มาวันนี้ยิ่งงงสุดๆ
มีแผ่นดินไหวญี่ปุ่นอีกแล้ว มาทางใต้ของโตเกียว 6.1 ริกเตอร์ โชคดีไม่มีสึนามิ 1000 ในไทย มีอาฟเตอร์ช็อคที่เสฉวน ตาย 130 เจ็บกว่า 10000 แล้ว ส่วนไทยก็มีไหวที่ลำปาง 2.5 ริกเตอร์
ตลอดวันนี้กินอาหารหลักคือกล้วยน้ำว้า อยากจะลดพุงครับ ตอนนี้มันก็ไม่ได้อ้วนอะไรนักหนาหรอก แต่ก็ต้องคอยคุมๆ เอาไว้ตลอดเวลา พอคุมมากเข้าก็เบื่อไง เลยคิดมุขใหม่ คือเอาให้มันลงมาอีกหลายๆ กิโลตุนไว้ก่อนเลย ตั้งเป้าเอาไว้โหดๆ หน่อย ต้นเดือนมกราคมปีหน้าผมจะไปทริปหัวหิน 200 กม และตามด้วยอินทนนท์ สองงานนี้ห่างกันไม่เกิน 2 สัปดาห์ นับจากวันนี้ก็เหลือเวลาอีกราว 9 เดือน
ในเวปจักรยานมีคนถามเรื่องเสื้อกันฝน ผมเลยเอางานเขียนเก่ามาย่อสั้นๆ แล้วโพสตอบในเวป เขาถามว่าเสื้อกันฝนดีๆ หาซื้อได้ที่ไหน แต่ผมตอบไปคนละโลก เอาเรื่องเทคนิคการขี่หน้าฝนให้เขาอ่านแทน ฮ่าๆ ก็เพราะผมไม่แนะนำให้ซื้อเสื้อกันฝนไงล่ะ (เฉพาะการขี่ในไทย)
ทยอยจัดข้าวของเตรียมตัวอพยพไปอยู่สัตหีบอีกครั้ง ไปแค่ 7 วัน ไม่นานเหมือนคราวก่อน เอาจักรยานไปคันเดียวพอละ มิวเขาเหนื่อยจากเรือมาทั้งวัน ตอนเย็นขี้เกียจขี่ เอาคอมพิวเตอร์ไปทำงานเขียนด้วย แน่ล่ะ มี Uke แก้เหงาด้วย ที่เหลือก็เป็นพวกอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัว
ชีวิตของผมก็มีแต่เพียงแค่นี้แหละครับ ดูๆ ไปมันก็คล้ายกับการแพ็คของออกทัวริ่งเหมือนกันนะ แค่ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักมากนัก เอาของที่อยากเอาไปได้หลายอย่าง
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 23, 2013, 03:17:50 pm
22 เมษ 56
   ออกจากบ้านได้ตามแผนเป๊ะคือเวลา 0600 ถึงหนองมน 0730 แวะกินข้าวร้านโภชนากร ร้านเก่าแก่แห่งหนองมน เป็นของเพื่อนนักเรียนสวนกุหลาบของผมเอง ตอนเรียนไม่คุ้นกันเท่าไหร่ มาเจอกันโดยบังเอิญเพราะ “ไอ้ย้อย” เอาภาพถ่ายรวมรุ่นของสถานบันต่างๆ ที่มันจบมาติดไว้ฝาผนังร้าน ใครผ่านไปมาก็ต้องเห็นล่ะวะ
   มนุษย์ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงครับ มิวกินบะหมี่น้ำเหมือนเดิม ผมกินข้าวหมูแดงเหมือนเดิมเช่นกัน ผมไม่ได้ชอบข้าวหมูแดงหรอกนะ แต่ร้านนี้เขามีผักบุ้งสดลวกเป็นผักแกล้ม เฮ้ย แปลกมาก ผักบุ้งมีประโยชน์มากนะ จะได้กินผักบุ้งก็ต้องสั่งผัดผักบุ้งไฟแดง หรือไม่ก็ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ วันนี่ได้กินผักบุ้งเป็นกำในมื้อเช้าอีกด้วย แจ๋วจริงๆ เลย
   มิวขอชิมไข่ต้มในข้าวหมูแดง ใส่ปากแล้วทำตาพริ้ม ถูกใจล่ะสิ ทำเอาไม่อยากกินบะหมี่ของตัวเองแล้ว อยากจัดข้าวหมูแดงบ้าง ขอไข่ต้มแบบเต็มใบ เช้านี้มิวจัดไข่ต้มไป 1.5 ฟอง ตุนเอาพลังไว้ก่อน
   ออกจากร้านโภชนากร 0800 ขับเส้นผ่าเมืองมาจนถึงสโมสรเรือใบกองเรือยุทธการ อำเภอสัตหีบ 0915 ระหว่างทางโทรคุยกับครูวัฒน์ ครูบอกไม่ต้องรีบ วันนี้สบายๆ ปฐมนิเทศ และให้เด็กดู DVD ภาพงานแข่ง และเทคนิคต่างๆ ตอนบ่ายเรียนผูกใบ พรุ่งนี้ถึงลงน้ำ
   ผมพามิวมาครั้งนี้โดยมิได้พูดคุยกับผู้ปกครองท่านใดเลย คือเราไม่รู้ว่าเด็กคนใดมีสิทธิ์เรียนคอร์ส Advance นี้บ้าง เกรงว่าหากไปชวนผิดคน เดี๋ยวจะเล่นเรือได้ไม่ทันเพื่อนซึ่งครูวัฒน์เขาซีเรียสเรื่องนี้มาก เพราะงานนี้เขาต้องฝึกเด็กไปแข่งที่ญี่ปุ่น เด็กรุ่นเดียวกับมิวนี่แหละครับ แต่เขาเรียนมาก่อนนานแล้ว หากมิวจะแจ้งเกิดให้ได้ ก็ต้องไล่บี้เด็กเหล่านี้ให้ทัน
   ทันทีที่จอดรถก็เจอกับ “พราว” เพื่อนนักเรียนของมิวที่โรงเรียน ผมเองก็แปลกใจ ไม่ได้โทรเช็คกันว่าใครจะมาบ้าง แต่ทางพราวน่ะเขารู้อยู่แล้วว่ามิวจะมา เพราะโทรถามครูวัฒน์ว่ามีใครมาบ้าง   
   “มิวน่ะหรอ เขาสมัครคนแรกเลย” พราวเล่าให้ฟังว่าครูวัฒน์ตอบเขามาแบบนั้น
   วันนี้มีเด็กมากัน 7 คน น้อยกว่าที่ผมคิดนะ นึกว่าจะสัก 12-15 คนเสียอีก แต่ก็ดีครับ เด็กยิ่งน้อย ทำให้ครูยิ่งสอนง่าย ไปได้ไว แน่ล่ะ เป็นผลดีกับตัวเด็กเอง แถมไม่เสียเวลาครู
   เช้าปฐมนิเทศตามระเบียบ “พี่เล็ก” ผู้อำนวยการสโมสรเรือใบกองเรือยุทธการกล่าวเปิดงาน พูดคุยกันง่ายๆ คนฟังมีแค่ 7 คนเอง ฮ่าๆ ครูวัฒน์สอนต่อด้วยการให้ดู DVD การแล่นใบระดับสูง ครูเรียกขั้นเทพ คือจะเป็นการหมุนใบอย่างรวดเร็ว ผู้บังคับเรือต้องกระโดดย้ายที่นั่งจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ดูแล้วก็สวยงามดีมาก
   เรือใบเขาไม่มีเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวานะ มีแต่เลี้ยวทวนลมเรียก Tack เลี้ยวตามลมเรียก Gybe เริ่มมีภาษาอังกฤษมาทีละน้อย ผมเป็นห่วงเจ้ามิวจริงๆ กลัวจะไม่รู้เรื่อง
   สอนได้แป๊บเดียวพักกลางวันเสียแล้ว ครูให้เด็กโวตว่าจะกินอะไรกัน สรุปว่าอาหารวันนี้คือกระเพราไก่ไข่ดาวอันสุดคลาสสิคของปวงชนชาวไทย ที่จริงสามารถใช้เนื้อหมูผัดก็ได้นะ แต่มันไม่เข้ากันกับคำคล้องจองไง ฉะนั้น กระเพราไก่+ไข่ดาว นี่แหละ จึงเป็นเมนูที่ติดปากได้ง่าย
   พราวเพื่อนมิวไม่ชอบกินไข่ ยกไข่ดาวให้มิว แน่ล่ะ ไม่พลาดแน่ มิวไม่ปฏิเสธ เด็กคนอื่นเห็นมิวชอบกินไข่ และตัวเขาเองไม่ชอบก็ตะโกนเรียกให้มิวไปรับไข่ดาวอีกฟอง มื้อกลางวันนี้มิวจัดไข่ดาวไป 3.5 ฟอง รวมมื้อเช้าด้วยก็เป็น 5 ฟอง !!!
   ผมยังไม่ได้จองห้องพักไปล่วงหน้า ครูวัฒน์เลยอาสาจองให้เพราะใช้สิทธิข้าราชการจะได้ส่วนลด แจ๋วจริงเลยครับครู พอได้กุญแจมาก็รีบไปดูห้อง ผิดหวังเล็กน้อยที่มันไม่ใหม่และมีกลิ่นอับเพราะใช้พื้นพรม ตัวอาคารอยู่ไกลจากที่จอดรถ และต้องจอดรถกลางแดดแรงจัด ก็ต้องคิดบวกเข้าไว้ครับ คือห้องกว้างขวางพอควร และแอร์เย็นดีมาก ผมจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้ 4 คืน หลังจากนั้นก็ต้องย้ายไปพักที่ Sea Paradise ที่อยู่ริมถนนสุขุมวิทอีก 2 คืน
   คอร์สนี้ 7 วันครับ เรียนเสร็จเย็นวันอาทิตย์ จะนอนที่ไหนยังไม่ตัดสินใจ คิดว่าคืนอาทิตย์นี่ห้องน่าจะว่างเยอะ หาไม่ยากเหมือนห้องคืนวันศุกร์เสาร์
   เข้าห้องได้ก็รีบเปิดแอร์ก่อนเพื่อนเลย จะอะไรก็ช่าง หากแอร์เย็นฉ่ำดีมันก็ทำให้เรานอนสบายแล้วล่ะ ห้องน้ำเก่าโทรมตามสภาพตัวอาคารก็ต้องจำยอมครับ จะมาเป็นห่วงตรงการตากเสื้อผ้าเปียกนี่แหละ ระเบียงของเขาเสื่อมโทรม มีขี้นกเต็มราวไปหมด ดีอย่างตรงที่คอมแอร์พ่นลมร้อนออกมาด้านหน้า ทำให้ตากเสื้อผ้าแห้งเร็วกว่าปกติ
   กลางวันพา “พี่นัท” พ่อของพราวไปกินร้านหนึ่งที่ผมถูกใจคือร้านขายข้าวหน้าเป็ด คุยโวกับเขาว่ามีผักคะน้าสดลวกเป็นเครื่องเคียงด้วย แต่พอถือจานเดินไปขอ เขาบอกผักหมดแล้ว ฮ่วย เซ็งแท้ พี่นัทคงทำหน้าไม่ถูก ผมแก้เขินด้วยการสั่งส้มตำไทยมาแทน นัยว่าจะหาผักเยอะๆ กินกัน
   เย็นมีผู้ปกครองตามมาสมทบอีกท่านชื่อ “พี่โบ๊ท” ลูกชื่ออย่างเท่ “แมมมอธ” ชื่อเป็นช้างโบราณแต่เจ้าตัวหุ่นผอมสูง พรุ่งนี้คงเริ่มเรียนอย่างเป็นทางการ แต่เด็กคนนี้ชอบกิจกรรมที่ต้องลงมือปฏิบัติ แม้จะมาตอนเย็น แต่เห็นเพื่อนๆ เรียนวิธีการผูกใบเรืออยู่ เขาเองก็ลงเข้าไปร่วมวงด้วยอย่างกลมกลืน
   นั่งคุยกับพี่โบ๊ทสักพัก ก็ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้ “แพรวา” ก็จะเข้ามาแจมอีกคน โอ้ นี่มันเกือบจะครบวงแล้วนะนี่ ขาดแค่ “ผาตะวัน” คนเดียวเท่านั้นเอง ไม่รู้เขาจะมาไหม เห็นเขาไม่ค่อยชอบกีฬาแนวนี้เท่าไหร่นัก
   เด็กๆ เรียนกันเสร็จตอน 0500 ก็พากันไปว่ายน้ำสระต่อ ครั้งนี้ผมพักที่กิจการอาคารรับรอง ติดกันกับศูนย์สมุทรกีฬานี่แหละ ห้องพักที่นี่เป็นแห่งเดียวที่มีสระว่ายน้ำไว้บริการฟรีสำหรับแขก แต่คนนอกก็มาว่ายน้ำได้ เสียแค่คนละ 20 บาทเอง ถูกโคตร สระก็โอเค พอได้
   เด็กเล่นกัน ผู้ใหญ่ก็คุยกัน ไม่มีประเด็นอะไรจะน่าสนใจไปกว่าการพูดคุยเรื่องลูกๆ ของตัวเอง คุยได้ไม่รู้จบครับ พี่โบ๊ทมีลูก 3 คน 3 สไตล์ ปวดหัวมากหน่อย พี่นัทมีลูกชายหญิงอย่างละคน ก็เลี้ยงไปอีกแนว ส่วนผมมีเจ้ามิวน้อยคนเดียว ทุ่มได้สุดตัวและหัวใจ
   อยู่กันจนตะวันลับฟ้า ขึ้นจากน้ำกันเกือบ 0700 พี่โบ๊ทใช้รถ CRV เลยอาสาพาทุกชีวิตเข้าเมืองไปหาของกิน ผมรับหน้าที่ขับรถเพราะพี่โบ๊ทไม่คุ้นเส้นทาง ยิ่งใกล้ตลาดก็ยิ่งจอดรถยาก เจอข้างทางว่างอยู่ที่หนึ่ง แต่แหม ช่างวัดใจจริงๆ พื้นที่พอดีคันเป๊ะ
   ก็ได้โอกาสโชว์ฝีมือสดๆ เพิ่งขับได้ไม่ถึง 2 นาที ก็ต้องมาจอดในที่แคบเสียแล้ว จัดไปครับ ถ้าเจ๋งจริง มีฝีมือจริง ก็ต้องถอยจอดได้ภายในเกียร์เดียว (เข้าเกียร์ถอยครั้งเดียว) ใครจะเก่งจะเจ๋งทางตรงผมไม่เคยสน
   คนนั่งเต็มรถก็ไม่กดดันสักนิด เพราะรถไม่คุ้นมือสุดๆ ค่อยๆ ขับเทียบคั้นหน้าและถอยตั้งลำรถ 45 องศา คืนพวงมาลัยและถอยรถด้วยความเร็วต่ำอย่างต่อเนื่อง แล้วผมก็จอดเทียบขนานได้ภายในเกียร์เดียว นั่งภูมิอกภูมิใจอยู่คนเดียว คนอื่นคงไม่รู้ด้วยหรอก ฮ่าๆ
   เด็กๆ กินโจ๊กกัน ผู้ใหญ่กินก๋วยเตี๋ยว ผมขอปลีกตัวไปเดินหาของแปลกใหม่กินบ้าง เจอร้านรถเข็นเก่าโทรม ไม่สวยเลย ออกแนวเลอะเทอะ เขียนป้ายห่วยๆ ว่าก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต เหลือบเห็นผักโหระพากำเบ้อเริ่มในถัง คู่กับถั่วงอกดิบ เลยจัดไป 1 ชาม
   รสชาติโอเคเลยนะ เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวนะครับ ชามละ 40 บาท นี่ผมลองร้านหลากหลายพอควร มันอร่อยกันทุกร้านเลยนะนั่น ยังไม่มีร้านไหนกินแล้วเสียดายเงินเลย เจ๋งจริงว่ะเมืองนี้
   บอกก่อนนะว่าผมไม่ใช้พวกนักชิมระดับเทพ ผมกินโดยเน้นสุขภาพเป็นหลัก เน้นอาหารที่มีผักมากเข้าไว้ แต่รสชาติก็ต้องโอเคด้วยนะ ถ้ามีผักเยอะด้วยก็จะดีมาก
   ร้านข้างๆ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเป็นร้านลูกชิ้นหมูปิ้ง ดูธรรมดาครับ คนไม่ค่อยมี แต่ขอโทษ มีกระจาดใส่ผักสดหลากชนิดมากกว่าอาหารเวียดนามเสียอีก ซื้อหมูไม่กี่ไม้แต่หยิบผักสดได้อิสระ เจ๋งไหมเล่า ใครชอบผัก กวักมือมาร้านนี้ได้เลย
   ขากลับผมซื้อน้ำเต้าหู้กลับมากินในห้อง พอผมบอกว่าอร่อย คนอื่นๆ ก็จัดกันคนละถุง กินตอนดึกมันอ้วนนะนี่
   เข้าห้องพักปุ๊บมิวก็ขอไปเล่นห้องเพื่อน ผมให้เวลาเขา 15 นาที บอกให้กลับมาเอง ไม่ต้องให้พ่อไปเรียก เพราะเกรงใจผู้ปกครองเพื่อนครับ เขาอาจอยากให้ลูกเขาเข้านอนเร็ว ยิ่งสนิทกันก็ยิ่งต้องเกรงใจครับ แบบนี้ถึงจะคบหากันได้นาน
   มิวกลับเข้าห้องตรงเวลาเป๊ะ อืมม ก็ถือว่าพัฒนาขึ้น กินน้ำเต้าหู้เสร็จก็เริ่มง่วง ผมอาบน้ำออกมาเสร็จมิวหลับปุ๋ยเสียแล้ว
   โชคดีที่ผมติดปลั๊กไฟแบบ 3 ทางมาด้วย แล้วก็เจอห้องพักในฝันจริงๆ คือแม่งไม่อออกแบบเผื่อให้แขกที่มาพักใช้ไฟฟ้าเลยสักนิด ปลั๊กทีวีก็มีแต่รูเดียว หากจะชาร์จมือถือ ก็ต้องอดดูทีวี แบบมึงเลือกเอา วัดกันไปเลย ถ้าใครเอาคอมฯมาเสียบก็ต้องอดชาร์จมือถือและอดดูทีวีด้วย หึหึ ใช้ไม่ได้กับผม ยัด 3 ทางไป ทำให้เปิดทีวีได้ ชาร์จมือถือได้ เปิดคอมฯ ก็ยังได้ เย้ๆ พกมาหลายปี เพิ่งจะได้ใช้วันนี้เอง
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 27, 2013, 03:49:27 pm
23 เมษ 56
   ห้องพักอยู่อาคาร 4 แถมชั้น 3 มันไม่สะดวกในการนำจักรยานเข้ามาเก็บในห้องพักเลยสักนิด ทริปนี้กะจะมาจัดจักรยานล้วนๆ ไปเก็บภาพเผื่อลงนิตยสาร จะทำได้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้
   เอา KHS HT ลงจากท้ายรถ ขี่ไปสวนกรมหลวงชุมพร สถานที่โปรดแห่งหนึ่งยามเช้า ดูพระอาทิตย์ขี้นนี่สร้างจิตนาการได้ดีจริงๆ ขี่วนรอบสวน แล้วจอดแวะทำกายบริหารตามสถานีแต่ละจุด พอแดดเริ่มแรงก็ขี่ไปตลาด หาซื้อข้าวผัดอเมริกันให้มิวตามสั่ง ไปจัดที่ร้านเดิมครับ กินกันจนจำหน้าได้แล้ว เช้านี้มิวซัดไข่ดาวไป 1 ฟอง เติมพลังเข้าไป วันนี้ฝึกของจริงแล้ว ลงเรือตลอดเช้าจรดเย็น
   ซื้อหมูย่างไก่ย่างข้าวเหนียวมาเพิ่มเป็นสต็อคของว่างตอนบ่ายให้มิว จัดการถอดไม้เสียบออก ไก่ย่างก็เลาะหนังออกเหลือแต่เนื้อล้วนๆ ใส่ในถุงพลาสติคประกบคู่กับข้าวเหนียว รัดด้วยหนังยางอีกที บอกให้มิวเอาไว้กินตอนพักหรือตอนบ่ายหิวๆ กินทีละนิดหน่อยนะ ไม่ต้องถึงกับกินให้หมด ทั่งนี้เพราะมีเด็กหลายคนเอาขนมมากินกันเยอะมาก มิวว่างๆ ก็เลยขอกินบ้าง เราก็ไม่อยากจะห้ามจนแข็งเกินไป เลยทดลองเอาอาหารนี่แหละทำไว้เป็นของว่างกินเล่น นี่ถ้าว่างกว่านี่จะจัดให้เป็นคำๆ เหมือนอาหารญี่ปุ่น แบบมีพันห่อด้วยสาหร่าย แหม คิดแล้วเปรี้ยวปาก ฮ่าๆ
คอร์สระดับ Advance นี้ครูวัฒน์นำเรือใหม่มาให้เด็กฝึกซ้อม แต่มีไม่ครบสำหรับเด็กทุกคนนะ ผมคิดว่าครูน่าจะดูศักยภาพของเด็กว่าคนไหนจะเหมาะสมกับใช้เรือใหม่หรือใบใหม่ อย่างน้อยก็น่าจะต้องเป็นเด็กเก่าที่พอจะดูแลเรือเป็นแล้วเป็นแน่
   ตอนสายฝนตกครับ เลยเลื่อนการลงน้ำไปเป็นช่วงบ่าย ครูใช้เรือยางแล่นอยู่ตรงกลาง ให้เด็กๆ เล่นเรือใบวนรอบแบบทำโดนัท โหห แม่งยากนะนั่น มันต้องพลิกใบกันจ้าละหวั่น แถมครูยังขับเรือเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เฮ้ย เจ๋งว่ะ ฝึกแบบนี้จะทำให้มีทักษะการควบคุมเรือได้ดีมากจริงๆ
   อาหารกลางวันของมิววันนี้เป็นไก่ผัดกระเทียมพริกไทย+ไข่ดาว เอาอีกแล้ว ไข่ดาวอีกแล้ว มีไข่ดาวทีไร ก็จะต้องเจอกับเด็กที่ไม่ชอบกินไข่ และคนที่ชอบไข่อย่างมาก มิวเปิดฝากล่องโฟมรับบริจาคไข่ วันนี้ได้มาเพิ่มอีก 2 รวมของตัวเองอีก 1 เป็น 3 ถ้ารวมของมื้อเช้าด้วยก็เป็น 4 หึหึ เฮ้ยๆ อย่าให้มันมากไปนัก จะเป็นโทษมากกว่าคุณ
   บ่ายแดดแรงลมอ่อน อยู่ที่สโมสรเรือใบจนคนผ่านไปมาคิดว่าผมเป็นพวกครูฝึก ก็มันนั่งอยู่นานจัด ทหารครูฝึกหนุ่มๆ ที่เพิ่งเข้ามาก็ยกมือไหว้สวัสดี ใครเห็นแบบนี้ก็ต้องเข้าใจผิดแน่
   ตอนเช้าเพิ่งเจอร้านอาหารใหม่ โหงวเฮ้งไม่เลว เปิดเตรีมร้านแต่เช้า หน้าร้านมีตู้กระจกใหญ่ใส เก้าอี้ในร้านเป็นไม้แบบเดียวกันหมดทุกตัว ขายอะไรก็ไม่รู้นะ กลางวันนี้เลยขับรถแวะเข้าไปดู อ้าว ขายหลายอย่างอีกแล้ว แต่เลือกกินไม่ถูกคือเขาไม่มีจุดเด่นอะไรเลย ขายก๋วยเตี๋ยวแต่มีเส้นกองอยู่นิดหน่อย ขายข้าวมันไก่แต่ไม่เห็นไก่แขวน ขายต้มเลือดหมูด้วย อืมม ถอยฉากออกมาตั้งหลักก่อน คิดไม่ตก หมดมุข กินก๋วยเตี๋ยวเรือร้านเดิมที่คุ้นเคยละกันวะ วันนี้กินชามเดียว แต่กินโหระพาช่อใหญ่ และถั่วงอกดิบอีกสัก 1 กำมือใหญ่
   กลับเข้ามาพักที่ห้องสักครู่ใหญ่ ตอนเย็นก็ออกไปดูมิวต่อ ได้ยินครูฝึกคาดโทษเข้าข้อหาแล่นเรือเกยชายหาด เพราะมิวได้เล่นเรือลำใหม่เอี่ยม การแล่นเรือชนกับหาดทรายจะทำให้ท้องเรือโดนครูดเป็นรอย ถ้าเจอหินหรือของแหลมคมเรือก็จะยิ่งเสียหายหรือแตกได้ ถ้าทำอีกครั้งจะต้องไปแลกเรือกับคนที่ใช้เรือเก่า
   นำเรือขึ้นฝั่งตอน 0400 ล้างเรือ เก็บใบ เบ็ดเสร็จราว 0500 พรุ่งนี้มีเพื่อนมิวชื่อ “แพรวา” มาร่วมแจมในคอร์สอีกคน แม่เพิ่งมาส่งเดี๋ยวนี้เองแล้วก็รีบกลับ น่าเห็นใจคนทำงานประจำครับ คงไม่สะดวกที่จะมาดูแลใกล้ชิดแน่ๆ
   เลิกเรียนแล้วแต่ก็ยังไม่รีบกลับ แต่พากันเล่นน้ำทะเลต่อ ผมเห็นคุณยายแก่มากนั่งตักทรายเล่น แรกๆ ก็เฉยๆ แต่เห็นแกตักอยู่นานมาก เลยเข้าไปชวนคุย ยายบอกว่ากำลังหาหอยเสียบเอาไปดองน้ำปลากิน พร้อมกับชูขวดใส่หอยให้ดู
   ผมเข้าไปพูดคุย ทำให้ผู้ปกครองท่านอื่นและเด็กๆ เข้ามาดูเข้ามาฟังใกล้ๆ ด้วย แล้วเด็กๆ ทั้งหมดก็ช่วยคุณยายหาหอยเสียบกันอย่างสนุกสนาน ผมรู้สึกดีนะที่ได้พูดคุยรู้จักชีวิตของคนท้องถิ่น ยายเล่าว่าเมื่อก่อนก็อยู่ในค่ายทหารนี้แหละ คุณตา(สามี)เป็นทหาร แต่ทุกวันนี้ปลดประจำการแล้ว เลยไปอาศัยอยู่นอกค่าย ลูกหลานก็มีน้อย แต่งงานแล้วก็แยกกันไปอยู่คนละทาง
   แล้วจู่ๆ ก็ตกใจที่ตักทรายไปเจอหอยตลับตัวโต ยายดีใจมาก บอกว่าหอยนี้แพงมากอร่อยด้วย พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน แต่ในอีกด้านทางทิศตะวันออกกลับมีก้อนเมฆสีดำทมึน ยายชวนบอกให้รีบกลับบ้าน เดี๋ยวอีกสักพักฝนจะตกหนัก เลยเรียกเด็กๆ ขึ้นจากน้ำ เข้าที่พักแล้วไปหาของกินที่ตลาดกัน
   ฝนใกล้ตก ไม่รู้จะตกไหม เลยกินอาหารในร้านแทนที่จะไปตลาดนัดเหมือนเช่นทุกวัน เด็กๆ โวตร้านสเต็คลุงหนวดในตัวเมืองนี่เอง มิวกินสเต็คปลาดอริ นักเก็ตไก่ ผมกินสลัดไก่ ผมบอกให้มิวแบ่งนักเก็ตให้เพื่อนด้วย แต่จานมันเล็กไง แบ่งยังไม่ครบทุกคนดี เขาก็เหลือได้กินเองเพียงชิ้นเดียว ผมแอบดูว่าเขาจะทำหน้ายังไง อารมณ์จะเป็นแบบไหน ดูเขาโอเคมากเลย เหลือชิ้นเดียวก็กินมันชิ้นเดียว แล้วก็จบไป คือผมเห็นเด็กทั่วไปบางคนงกของกินไงครับ เลยอยากรู้ว่ามิวจะเป็นแบบนั้นด้วยหรือไม่
   จัดสเต็คแบบบ้านๆ จบไปต่อกันที่ร้านน้ำเต้าหู้ ผมเสนอไอเดียให้นั่งกินกันที่ร้าน อยากให้เด็กๆ เห็นบรรยากาศแบบชาวบ้านให้มากที่สุด กินไปคุยกันไป สักพักก็กลับเข้าห้องพัก แยกย้ายห้องใครห้องมัน แต่ก็อยู่ในชั้นเดียวกันนี่แหละ
   วันนี้ผมรับหน้าที่ขับรถ Honda CRV Gen II ของพี่โบ๊ทอีกแล้ว ถอยเข้าจอดที่แคบด้วยเกียร์เดียวเช่นเคย
   วันนี้เป็นวันเลขสวยอีกวัน 23 4 56 แต่ผมเฉยๆ กับมันมาก
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 27, 2013, 03:52:37 pm
24 เมษ 56
   พักที่นี่ไม่สะดวกตรงจอดจักรยานเอาเสียเลย ผมต้องจอดเก็บในรถยนต์ตลอดเวลา ลานจอดรถก็อยู่กลางแดดร้อนจัด เลยขับหาร่มเงาไม้จอดแทน สงสารหน้าปัดของมาตรวัด Cateye มันอายุ 19 ปีเท่าๆ กับตัวรถ KHS นี่แหละ ถ้าโดนแดดแรงนานๆ หรือร้อนจัด มาตรวัดมันจะด่างได้ ไอ้พวกนี้มันเสียแล้วเสียเลยนะ มาตรวัดของรถ KHS F20-W ใหม่เอี่ยมพอเจอแดดตอนไปขี่ขึ้นอินทนนท์งานเดียว หน้าด่างกลับมาเลย
   เช้านี้ลองขี่เส้นทางใหม่ ทำหน้าตาชัวร์ขี่เข้าไปในค่ายทหารที่ริมทะเล ใจแค่อยากจะหาสถานที่สวยๆ แปลกใหม่นำมาเขียนหนังสือ ไอ้หาดสวยแต่คนรู้จักกันเยอะแล้วผมไม่เอา ด่านแรกริมถนนใหญ่ ผ่านด่านปุ๊บขึ้นเนินสูงเลย เฮ้ย เจ๋งดีว่ะ ได้ฝึกกำลังขา ไปต่อได้อีกหน่อยเดียวก็เจออีกด่าน ทำหน้าชัวร์เหมือนเดิมครับ ทำนองว่าบ้านกูอยู่ในนี้ กูเป็นคนที่นี่ ย่านนี้เป็นบ้านพักของทหารล้วนๆ เลย ต้นไม้เพียบ อยู่บนเนินเขาสูงริมทะเลแสนจะเงียบสงบ บรรยากาศสุดยอดว่ะ รีสอร์ทไหนๆ ที่ว่าสุด ต้องมาเจอย่านนี้ งามแบบธรรมชาติ ไม่ต้องแต่งเติม ฝั่งตรงข้ามเป็นเกาะพระ (เกาะที่ใช้ฝึกนักรบหน่วย SEAL) พยายามมองหาบริเวณหาดก็ไม่เจอนะ มันเหมือนกับว่าชายหาดโดนกัดเซาะ แต่ทางทหารเขาใช้สร้างเป็นเขื่อนหินกันดินแดนโดนกัดเซาะ เลยไม่มีหาดครับ แต่บรรยากาศดีโคตร
   ใช้เส้นทางเลาะเลียบทะเล เจอเนินเขาก็ลองไต่ขึ้นไปจนถึงสถานีกระจายเสียง โดนหมา 4 ตัวไล่กวดตอนขึ้นเนิน ฮ่าๆ จอดแม่งเลย ทำหน้าชัวร์ถามทหารหนุ่มที่กำลังกวาดถนนว่ามันกัดไหม และพูดคุยกันเล็กน้อย ยังคงทำหน้าชัวร์ว่ากูเป็นคนแถวนี้เหมือนเดิม ขึ้นไปถึงยอดเนินเขาที่มีเสาวิทยุกระจายเสียง ชมวิวสักพักก็ขี่ลงทางเดิม โชคดีหมาไปเล่นที่อื่นแล้ว
   เจอทางแยกซ้ายมือก็จะเลี้ยวเข้าไปตลอด เพราะอยากจะดูชายหาดเงียบสงบ เข้าไปได้หน่อยเดียวก็เจอด่านทหารอันที่ 3 เริ่มกลัวครับ แต่จะหยุดหรือย้อนกลับก็จะเสียฟอร์ม เลยทำฟอร์มชัวร์อีกครั้ง ขี่ผ่านทหารไป เขาตะเบ๊ะ ผมตอบสวัสดีครับแบบทำเสียงแข็งๆ หน่อย แบบกูเข้มน่ะ
   เข้าไปแล้วตกใจมาก มันคืออู่จอดเรือรบนี่เอง ไอ้สถานที่นี้มันต้องห้ามคนนอกเข้าแน่ๆ เรือแต่ละลำมีเจ้าหน้าที่ดูแลโดยเฉพาะ ติดตั้งอาวุธไว้พร้อม ทหารใหม่ก็จำกวาดพื้น ทำความสะอาดเรือ ผมขี่ผ่านบางคนก็หันมาตะเบ๊ะ ผมตอบ “สวัสดีครับ” พูดแบบเน้นหนักคำว่าครับดังๆ หน่อย
   0630 ทหารเป่าแตรอะไรก็มีรู้ เสียงดังยาว ผมขี่เลียบเลาะเรือรบหลวงแต่ละ แต่ก็หันไปมองดูอย่างละเอียดไม่ได้นะ เดี๋ยวเสียความเข้มไง ทหารมองกันเพียบทั้งพวกอยู่บนเรือ และพวกอยู่บนพื้น เริ่มหวั่นเหมือนกันว่ะ
   รักจะเข้ม ก็ต้องเข้มให้สุดครับ เรือรบหลวงของประเทศไทยมีกี่ลำ แม่งคงอยู่ที่นี่หมดเลยมั้ง ระยะทางเกือบ 3 กม เป็นที่จอดเรือรบทั้งหมด ขี่ไปจนสุดทาง มีป้ายตัวโตๆ เขียนว่า “สุดถนน”
   เออ กูรู้แล้ว แม่งตรงต่อไปก็ลงน้ำแล้วล่ะ
   ลงจากรถยืนบิดเอวฟอร์มยืดเส้นยืดสาย แต่ในใจกำลังคิดจะเอาไงต่อดี หมดทางไปแล้วคงต้องกลับทางเดิม ไม่ได้เอาไอ้แป๊ดมาด้วย เลยไม่มีแผนที่ทางอากาศจะดูเพื่อหาทางออกอื่น ถึงจุดนี้ไม่กล้ามั่วแล้วครับ กลัวโดนไล่ตะเพิดออกมา 
   ฝั่งตรงข้ามคือเกาะพระ เห็นเกาะอย่างชัดเจน เห็นจุดที่นั่งพักผ่อนกันตอนเด็กๆ แข่งแล่นเรือใบ แต่เช้านี้ไม่เห็นพวก SEAL ออกมาฝึก อยู่ตรงนี้สักไม่ถึงนาทีก็ขี่กลับย้อนทางเดิม เจอทหารบางคน ว คุยกัน ก็วิตกจริต เอ๊ะ มันจะมาล็อคตัวเราไปสอบสวนหรือเปล่า ต่างๆ นานา คนที่อยู่บริเวณนี้ชุดทหารล้วนๆ เลย มีผมแต่งชุดชาวบ้านขี่จักรยานอยู่คนเดียว
   ขากลับนี้ขี่เลียบเลาะริมทะเลกับออกมาทางประตูที่อยู่ใกล้วัดหลวงพ่ออี๋ แล้วก็ตรงเข้าสู่ตลาด ไม่ได้แวะซื้ออะไรครับ เช้านี้ผมจะพาเด็กๆ มากินที่ตลาด รีบกลับมาห้องพัก นัด “พี่โบ๊ท” ไว้ผมบอกจะพาไปกินอาหารเช้า ร้านนี้ขายหลายอย่าง เด่นที่ต้มเลือดหมู แต่มีโจ๊ก และข้าวมันไก่ด้วย ก๋วยจั๊บยังมี ร้านในตลาดย่านนี้มักจะขายกันหลายๆ อย่างครับ
   ผมจัดข้าวมันไก่ไม่เอาหนัง มิวเล่นโจ๊กใส่ไข่ไป 2 ชาม กินเสร็จก็พาไปส่งที่สโมสรเรือใบของกองเรือยุทธการ
   คิดมานานเหมือนกันนะว่าการที่ผมมานั่งเฝ้าดูลูกแม้จะไม่ได้ใกล้ชิดตลอดเวลา มันจะเป็นผลดีหรือผลเสียแก่ลูก เห็นเด็กบางคนพ่อแม่มาส่งตอนเช้าแล้วก็มารับอีกทีตอนเย็น เด็กก็อยู่อย่างเรียบร้อยดี    
   ไอ้การที่ผมมาที่สโมสรบ่อยๆ มันจะทำให้เด็กมันหน่อมแน้มไหมก็ไม่รู้ เหรียญมีสองด้านน่ะครับ แล้วแต่ใครจะคิดให้มันออกมาในแง่ใด แต่อีกเหตุผลที่ผมชอบมาที่นี่ก็คือ ผมจะได้เรียนรุ้เรื่องเรือใบไปด้วยไง แม้ผมจะเล่นวินเซิร์ฟเป็น แต่มันหัดเองแบบลูกทุ่งมั่วๆ เลย เล่นเป็นได้จริง แต่ไม่รู้กฎกติกาอะไรสักอย่าง ในขณะที่มิวมันเล่นแบบการพลิกใบขั้นเทพได้แล้ว ภาษาอังกฤษเรียก Roll Tack / Roll Gybe
   เช้านี้ครูเปิดวีดีโอที่ถ่ายเด็กแต่ละคนเมื่อวานช่วงบ่าย ชี้ให้เห็นถึงจุดบกพร่องต่างๆ เริ่มกันตั้งแต่เล่นเรือแล้วเผลอมองโน่นมองนี่ ไม่ได้ได้สนใจใบเรือตัวเอง ทำให้รับลมได้ไม่ดี ตามมาด้วยการควบคุมทิศทางของลำเรือ สองข้อนี่คือปัญหาที่เป็นกันเกือบจะทุกคน
   ผมนั่งดูอยู่แถวหลัง ทำให้รู้เรื่องกฎกติกาของเรือใบเขาไปด้วย เล่นวินเซิร์ฟเป็นมาเกือบจะ 30 ปี ก็ได้แต่เล่นครับ เพิ่งมารู้กฎกติกาของเขาวันนี้เองนี่แหละ แถมยังเรียนรู้เรื่องธงสัญญาณต่างๆ อีก คนละเรื่องกับธงของการแข่งรถยนต์เลยครับ เรือเขาสื่อสารกันด้วยธงเพียงอย่างเดียว ไม่มีการนับถอยหลังก่อนออกตัว ไม่มีสัญญาณไฟ แม่งใช้สมาธิกันสุดๆ
   เมื่อก่อนผมว่าการขี่จักรยานทางไกลนี่โหดมากแล้ว มาตอนนี้รู้เลยครับว่าเล่นเรือใบทางไกลนั้นโหดเสียยิ่งกว่า สู้กับลมยังไม่พอ ต้องสู้กับกระแสน้ำที่มันเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม ละเอียดอ่อนโคตรๆ เลย
   อยู่จนถึงกลางวัน เด็กๆ รับข้าวกล่องมากิน ผมก็ปลีกตัวไปหาของกินบ้าง วันนี้จัดก๋วยเตี๋ยวเรือร้านเก่าอีกแล้ว ชอบครับ เพราะมีผักโหระพาช่อใหญ่วางไว้ในชามใส่ถั่วงอกดิบ ผมกินก๋วยเตี๋ยวชามเดียวแต่ผักสดที่เขายกมาให้นั้นเกือบหมด
   ตอนสายมีฝนปรอย ลมเงียบสงบจริงๆ จนมาพัดแบบรู้สึกได้ตอนช่วยเกือบจะ 0500 ครูรีบเรียกให้เด็กลงน้ำ กลับเข้าฝั่งมาอีกทีตอน 0630 วันนี้เลิกช้ากว่าปกติก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรล่ะครับ
   กลางคืนพาเด็กๆ ไปตลาด จัดโจ๊กกันอีกแล้ว มิวซัด 2 ชามเหมือนเดิม สรุปวันนี้มิวเล่นไข่ไปอีก 6 ฟอง ขำขำ
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 27, 2013, 03:55:02 pm
25 เมษ 56
   ตื่นสายครับ ลืมตามาตอน 0530 รีบล้างหน้าแปรงฟัน ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว อยากออกขี่จักรยานเร็วๆ วันนี้ตัดสินใจขี่ไปหาดเตยงามครับ ทดลองใช้เส้นทางหลักที่รถยนต์เขาขับกัน เพราะบ่อยครั้งที่ผมขี่เส้นทางเล็กๆ ที่จักรยานไปได้สบาย แต่มันต้องผ่านค่ายทหาร ผ่านหลายด่าน กลายเป็นว่ามีเส้นทางเหมาะๆ เจ๋งๆ แต่ผมกลับไม่กล้าเขียนแนะนำให้ใช้ ยกตัวอย่างเมื่อวานที่ขี่ทะลุผ่าน 3 ด่านจนไปถึงจุดจอดเรือรบ มาเล่าให้ครูฝึกเรือที่กองเรือยุทธการฟังเขาบอกเก่งมากขี่เข้าไปและออกมาได้
   หาดเตยงามห่างจากตลาดสัตหีบราว 11 กม เท่านั้นเอง เส้นทางขี่ง่ายมาก ไม่ซับซ้อน แต่ถ้าใช้เส้นทางในค่ายทหารจะสวยกว่าเยอะ สนุกกว่ามากเพราะมีเนินสูงชัน บางช่วงที่ผ่านบ้านพักทหารจะมีหมาเห่าไล่ และเด็ดสุดเหนืออื่นใดคือต้องผ่านด่านฝูงลิงป่า!!!
   ลิงแบบเขาสามมุข เขาวัง นี่แหละครับ แต่ที่นี่มันเงียบ เป็นป่าจริงๆ เป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวพอควรนะสำหรับคนไม่คุ้นเคย นี่จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมไม่ได้เขียนแนะนำเส้นทาง
   หาดเตยงามเป็นอ่าวรูปตัวยู รอบล้อมไปด้วยภูเขาสูง ทั้งหมดอยู่ในเขตของค่ายทหารนาวิกโยธิน ลักษณะชายหาดเป็นทรายลาดยาว ด้านหน้าอ่าวมีเกาะเล็กๆ ชื่อเกาะ “ไก่เตี้ย” ตอนน้ำลงสามารถเดินไปที่เกาะได้เลย ปัจจุบันเจ้าหน้าที่เขาห้ามขึ้นเกาะนี้แล้ว เพราะรอบเกาะเต็มไปด้วยปะการัง ดำน้ำแบบ Skin Diving หรือ Snorkel ก็ชมวิวได้แล้ว ไม่ต้องไปเสียเงินแพงๆ
   ข้อดีของจักรยานคือเราสามารถขี่เข้าไปในดินแดนต้องห้ามได้หลายจุดครับ อย่างวันนี้ก็ทำหน้าชัวร์ขี่ผ่านด่านทหารเข้าไปในย่านบ้านพักผู้ใหญ่ แม้จะอยู่ในบริเวณหาดเตยงามเหมือนกัน แต่พอเข้าไปแล้วมันคนละแบบเลย บริเวณนี้สวยสะอาดกว่า ต้นไม้ร่มรื่น หาดสวยกว่า เป้าหมายของผมคือรีสอร์ทที่อยู่ด้านในสุดอ่าวชื่อ “มารีน รีสอร์ท” เป็นรีสอร์ทของทหารเรือนี่แหละ
   ไฮไลท์อยู่ที่เส้นทางไม่กี่ร้อยเมตรเลียบทะเลเลาะหน้าผาสูง ขอบทางทำเป็นหมุดยักษ์สำหรับคล้องเรือทะเลตอนจอด ดูสวยงามดีมาก เข้ากับบรรยากาศสุดๆ เลย วิวสวย บรรยากาศดี ใครจะมาเที่ยวหาดเตยงาม ผมว่าขับเลาะมาอีกนิดมาที่หาดนี้จะดีกว่า แต่ที่นี่เขาให้เข้าเฉพาะแขกที่มาพักเท่านั้นนะ ข้อดีของการขี่คนเดียวก็อย่างนี้แหละครับ ไปได้แทบทุกที่ที่อยากไป นี่ถ้าผมยกขโยงกันมาเป็นกลุ่มคงจะโดนสกัดตั้งแต่ปากทางเข้า
   อยู่ได้แป๊บเดียว ยังไม่ทันได้ดื่มด่ำบรรยากาศก็ต้องรีบกลับครับ ต้องหาของกินยามเช้าให้ลูก ขี่อัดกลับแบบเร่งสุดตีน ทำเวลาด้วย และแสงแดดแยงตาด้วย ระยะทางราว 12 กม แต่เป็นถนนใหญ่รถยนต์วิ่งเยอะ มีเนินเล็กน้อย กลับมาถึงห้องพักทันเวลา ลูกกำลังจะออกไปกินข้าวกับพวกเด็กๆ พอดี
   ผมกระหืดกระหอบวิ่งขึ้นมาบนห้อง มิวบอกจะไปกินข้าวที่ตลาดกับเพื่อน ขอไปรถเพื่อน ตอนแรกผมกะจะไม่ไปด้วย แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ อยากให้เขากินของดีๆ ตอนเช้า เลยขี่จักรยานไปเจอกันที่ตลาด ชวนกันกินก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ตอนแรกมิวทำท่าไม่อยากกิน ผมบอกให้ลองของใหม่ๆ บ้าง พอลองแล้วก็ติดใจ เบิ้ล 2 ซะ จัดไป
   เจอคุณยายแก่ๆ หอบหิ้วขนมปังมาขาย เลยอุดหนุนยายไป 60 บาท เอาขนมปังไปฝากครู แต่ครูก็มักจะเอาไปให้เด็กกินก่อน แล้วตัวเองค่อยกินของเหลือจากเด็ก เป็นแบบนี้ทุกที จนพวกเราคุยกันว่าคงต้อง “ยอม” ซื้อของบางอย่างที่ครูเขาชอบ
   ฝาก “พี่นัท” พ่อของพราวไปส่งเรียนเรือใบ ส่วนผมกลับห้องพักอาบน้ำอย่างสบายเลย อยากหลับต่อเลยนะนัน แต่สักพักเดียวก็ออกไปดูลูก ตอนเช้าครูจะนำภาพวีดีโอที่ถ่ายเด็กไว้เมื่อวานมาวิจารณ์ เจ๋งดีครับ เทคนิคนี้สุดยอดมากเลย
   วันนี้แดดแรงจัด ลมแรงปานกลางตลอดวัน ครูเห็นมีลมแต่เช้าเลยให้เด็กลงน้ำตั้งแต่ 1000 ผมไปถึงก็เห็นเด็กกำลังเตรียมเรือลงน้ำ โชคดีเอาไอ้แป๊ดไปด้วย เลยเปิดเช็คข่าวสารใน Facebook แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าไอ้ Facebook นี่แหละมันคือแหล่งของ Fw Mail ในอดีต หลายอย่างหลายข้อมูลที่เคยอ่านเกือบ 20 ปีก่อน มันย้อนกลับมาให้อ่านอีกครั้งใน Facebook
   สักพักพี่นัท พี่กันย์ (ภรรยา) พี่โบ๊ท ก็ตามมาสมทบ ผมรีบปิดไอ้แป๊ดพูดคุยกับเพื่อนๆ ผู้ปกครอง สักพักเด็กๆ กลับเข้าฝั่งพักกลางวัน รอจนเด็กกินเสร็จพวกเราก็ชวนกันไปกินบ้าง ตอนนี้ผมเริ่มสนิทกับผู้ปกครองกลุ่มนี้แล้ว เลยอาสาใช้รถตัวเองพาทั้งกลุ่มไปกินข้าวกัน
   พี่กันย์อยากกินส้มตำ ผมพาแวะร้านเล็กๆ ริมทะเล ร้านสวยงามอย่างดี แต่เข้าไปแล้วเขาบอกไม่มีส้มตำ เลยยกขโยงกันเดินออก หมดมุขครับ เลยพาไปร้านข้าวหน้าเป็ดที่เคยกิน ร้านนั้นมีส้มตำแน่นอน
   สั่งส้มตำกันมา 3 จาน ทุกอย่างโอเคดีหมด น่ากิน แต่พนักงานบอกว่าข้าวเหนียวหมด อ้าว พระเอกมาตายตอนจบ เลยกินส้มตำกับขนมจีนแทน พอได้เหมือนกัน มีไก่ย่างมาด้วย แต่ไอ้จานนี้แพงนะ ราคา 100 บาท รสชาติกลางๆ ยังไม่เด็ดขาด น้ำจิ้มนี่เรียกว่ายังทำได้ดีกว่านี้อีกเยอะ
   พี่กันย์บอกในตลาดมีร้านไอศกรีมอร่อย เป็นแนวแบบ I berry น่ะ ร้านเป็นแบบวัยรุ่นยุคใหม่ในเมืองหลวง ขายลูกละ 39 บาท ใส่ถ้วยกระดาษ และใช้ช้อนตักกินแบบพลาสติกโหล รสชาติงั้นๆ บ่องตงกินแมกนั่ม 40 บาทอร่อยกว่า
   เจออะไรไม่อร่อยไม่ถูกใจนี่จำแม่นเลยนะนั่น แบบเข็ดน่ะ กินเสร็จก็พากันกลับไปนั่งดูเด็กเล่นเรือต่อ มีเพื่อนคุยก็สนุกหน่อยครับ ปกติผมจะนั่งอยู่คนเดียว ถ้าเบื่อหรือร้อนมากๆ ก็จะกลับเข้าห้องพักไปทำงาน  วันนี้เราเลยคุยกันเรื่องโรงเรียนของลูกตอน ม1 ว่าจะไปไหนกันดี
ผมน่ะอยากให้เข้าโรงเรียนสวนกุหลาบเหมือนที่ตัวเองเรียนจบมา แต่จากการที่มาอยู่ในสัตหีบสิบกว่าวัน เริ่มชอบเมืองนี้นะ ชอบเพราะอยู่ใกล้สโมสรเรือใบเป็นหลัก คือถ้าเด็กเขาชอบและเล่นกีฬาเรือใบได้ดี เราก็ต้องสนับสนุนต่อ ถ้าอยู่กรุงเทพฯก็ต้องเดินทางมาไกลหน่อย แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่ก็จะง่าย สะดวก เร็ว แถมประหยัด
พี่โบ๊ทกลับมาพร้อมกับเบียร์ลีโอกระป๋อง 3 แพ็ค!!! โห พี่ จัดหนักจริงๆ เลย ของฝากแค่แพ็คเดียวก็พอแล้วจ้า เลยช่วยออกเงินไป 600 บาทครับ ผมควักเงินคนแรก แล้วก็เอาเบียร์วางไว้ข้างตัวรอเวลาที่ครูจะกลับเข้าฝั่งถึงค่อยมอบให้
ช่วงเย็นครูฝึกเด็กแบบจำลองการแข่งขันจริง สอนการอ้อมทุ่นแบบกลับตัวอย่างรวดเร็ว ไอ้นี่เป็นเทคนิคชั่นสูงของมือโปรเลย สอนการสตาร์ท ผมแอบฟังอยู่เลยได้รู้เทคนิคที่ดีในการออกตัว
   เย็นไปกินกันที่ตลาดอีกแล้ว วันนี้เป็นคิวของบะหมี่หมูแดง ผมกินบะหมี่แห้ง ก็อร่อยดีครับ ได้กินผักกวางตุ้งค่อยยังชั่วหน่อย มิวเล่นบะหมี่น้ำ ดีจริงๆ ตอนเย็นไม่ต้องมีไข่แล้ว ขากลับมิวกินเต้าฮวยใส่น้ำเต้าหู้
ลองแล้ว เฮ้ยย อร่อยว่ะ   
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 27, 2013, 03:57:22 pm
26 เมษ 56
   เช้านี้เล่นสูตรใหม่ ขี่จักรยานออกนอกเมืองไปทางพัทยา ซัดทางตรงยาวเลย พอได้เหงื่อก็วกกลับมากายบริหารที่สวนกรมหลวงชุมพรต่อ ซิทอัพไป 50 เล่นเอาพุงชา แล้วก็ขี่เบาๆ กลับห้องพัก วันนี้กลับก่อนเวลาปกติตั้ง 30 นาที จะรีบกลับมาเก็บข้าวของน่ะ คือนี้ต้องย้ายที่พัก
   เช้าพาเด็กๆ ไปกินข้าวกันที่ตลาด มิวกินโจ๊กอีกแล้ว ส่วนผมเล่นข้าวมันไก่ คนอื่นคงจะเบื่อ หันไปหาก๋วยเตี๋ยวปลา แต่กินแล้วเขาบอกไม่อร่อย รีบกินแล้วก็ไปส่งลูกที่สโมสรเรือใบกองเรือยุทธการ แล้วก็ต้องวกกลับที่พักไปเก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์ ส่วนผมเก็บเรียบร้อยตั้งแต่เช้าแล้ว
   สายเช็คเอ้าท์ออกจากกิจการอาคารรับรอง ย้ายข้าวของไปอยู่ที่ Sea Paradise แทน จะต้องอยู่ห้องนี้ 2 คืน ดีตรงได้คูปองอาหารเช้า แต่เสียตรงอาหารเช้าห่วย
   Sea Paradise บอกว่าเช็คอินได้บ่ายสอง หึหึ ต้องสิงอยู่ที่สโมสรเรือใบอีกนานครับ ยังดีที่ผมเริ่มสนิทกับผู้ปกครองกลุ่มนี้แล้ว กินข้าวด้วยกันหลายมื้อ แนวทางการเลี้ยงลูกก็ใกล้เคียงกัน ต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย
   เช้านี้เด็กๆ เรียนวิธีการผูกใบแบบต่างๆ ผมเพิ่งรู้เหมือนกันครับว่าลมเบา ลมแรง ต้องผูกใบต่างกัน ก็เคยเล่นแต่วินเซิร์ฟไง มันไม่เห็นมีอะไรให้ผูก ขอแค่มีแรงดึงโยกใบ ลำพังแค่ผูกยังไม่เท่าไหร่ครับ มันมีการปรับแต่งใบอีกด้วย
   ช่วงเช้าเด็กซ้อมบังคับเรือแบบซ้อม Handling ผมเห็นพวกเขาบังคับเรือแล้วน่าทึ่งว่ะ สามารถทำให้เรือลอยเรียงกันเป็นแถวได้ผมก็ว่ายากแล้ว พอครูเป่านกหวีดสตาร์ท เรือใบแม่งพุ่งออกจากเส้นเหมือนรถแข่ง !!!
   เฮ้ย ทำได้ไง ไม่มีเครื่อง ไม่มีจักรเฟืองใดๆ เด็กดึงใบให้รับลมปุ๊บ เรือก็พุ่งแล่นกระชากได้เลย เจ๋งว่ะ แถมบางช่วงมี่แต่ละลำพุ่งเข้าไปกลับตัวใกล้ทุ่นมีบางลำเกือบจะชนกัน พวกเขาก็บังคับเรือให้หมุนกลับตัวหลบกันได้อย่างฉิวเฉียด สุดยอด 
   ครูวางคอร์สในทะเลด้วยทุ่นสีแดง วางไลน์เหมือนการแข่ง มีการอ้อมทุ่นเหนือลม ซึ่งมันต้องวิ่งซิกแซกเข้าไปหาถึงจะได้ เริ่มเล่นไลน์ยากแล้ว ระยะนี้ช่วงเช้าจะฝึกแบบนี้ตลอด เรียกว่าฝึก Handling บ๊ะ เหมือนรถยนต์เลย
กลางวันไปกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำร้าน “ครัวตัว ต.” อยู่ใกล้ตำรวจน้ำสัตหีบ ริมทะเลเลย ตักเข้าปากคำแรง หืออออ น้ำตาไหลอีกแล้ว เส้นบะหมี่แม่งห่วยมากเลย เหมือนกับเส้นอืดๆ ขาดๆ ไม่มีความเหนียวนุ่มเล้ยย ลูกชิ้นก็มีกลิ่นตุๆ แต่ที่ระยำสุดคือเนื้อหมูแม่งเน่า
   คือมันเอาเนื้อหมูลงมาจากช่องฟรีซแล้ววางไว้ในช่องธรรมดา หรืออาจวางไว้นอกตู้ วางอยู่นานจนมันไม่สด นานจนมันเน่า แม่งเหี้ยจริงๆ จำขึ้นใจ เจ็บนี้อีกนาน
   รีบจ่ายเงิน ชามละ 30 บาท ยังเสียดายเงินเลย เอาเงินขว้างทิ้งน้ำยังสนุกกว่าเลยครับ แลกเป็นเรียญแล้วร่อนให้มันแฉลบบนผิวน้ำนะ คุ้มกว่าไปแดกก๋วยเตี๋ยวหมูเน่า
   ขับต่อไปอีกนิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง หน้าร้านเขียนตัวโตว่า “ผัดไทย” ลองจัดดูครับ เพื่อนๆ สั่งผัดไทยวุ้นเส้น ผมไม่เคยกิน ขอลองบ้าง คำแรกก็น้ำตาไหลอีกแล้ว เฮ้ย ไอ้ห่านี่ไม่ใช่ผัดไทย !!!
   มันทำเหมือนผัดไทย แต่ไม่มีเต้าหู้ ไม่มีน้ำมะขาม เรียกว่าเป็นวุ้นเส้นผัดไข่ละกัน ยังดีที่รสชาติพอแดกได้ และใช้กุ้งสด (ให้กุ้งมา 3 ตัว) ราคาจานละ 45 บาท จำขึ้นใจอีกร้าน
   เหลือบไปมองเห็นด้านหลังของร้านนี้เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย และขนมเบื้องโบราณ โดดเด่นด้วยโครงสร้างอาคารนั้นคือโรงพักเก่า เฮ้ย ไอเดียดี ปกติจะเจอแต่พวกเอาบ้านมาทำผับ ทำร้านอาหาร ทำบูทิคโฮเทลก็มี แต่ไอ้นี่เป็นโรงพัก เจ๋งว่ะ เลยกะว่าพรุ่งนี้จะลองจัดมื้อกลางวันดู
   กินเสร็จรีบไปเช็คอินที่โรงแรม Sea Paradise ผมสงสารคอมพิวเตอร์ และ Uke ที่ตากแดดอยู่ในรถเป็นที่สุด รีบหิ้วมันเก็บเข้าห้องก่อนเพื่อนเลย แล้วก็ทำแบบเดิมครับ คือได้ห้องปุ๊บก็รีบเช็คแอร์ก่อนเพื่อน เปิดแล้วเย็นไหม เย็นนานไหม ลองนั่งพักสักครู่ จากแดดร้อนๆ เจอแอร์เย็นๆ เริ่มมีอาการอยากหลับครับ
   เช็คแอร์ เช็คน้ำ เช็คระบบไฟ สุดท้ายเจอตู้เย็นที่มันไม่เย็น เรียกช่างมาจัดการทันที
   บ่ายแก่ๆ ไปรับลูก เจอพวกเขากำลังแล่นใบกลับมาจากสมาคมเรือใบอีกแห่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน ทราบภายหลังคือครูทั้งสองค่ายท้ารบกัน ให้เด็กในสังกัดของตัวเองแข่งเรือใบกัน ทางฝั่งมิวคือจากสโมสรเรือใบกองเรือยุทธการ อีกฝั่งคือสมาคมเรือใบที่มีพวกทีมชาติเป็นกองกำลังหลัก
   วันนี้แข่งกันทั้งหมด 83 ลำ มิวได้อันดับที่ 30 กว่า แต่กลับมาแล้วครูรายงานว่า มิวแล่นใบอยู่ดีๆ ไปเจอกับ “ภพ” เพื่อนเก่าที่เรียนด้วยกันครั้งก่อน ก็เลยแล่นไปคุยกันไป เฉไฉออกนอกทาง จนภพเลี้ยวกลับตัวหนีไปถึงจะได้แยกจากกัน
   อ้าว เฮ้ย เอ็งกำลังแข่งขันอยู่นะเว้ย อะไรกันนี่
   ผมถามมิวว่าคุยอะไรกับเพื่อน เขาบอกคุยนิดเดียวเอง ที่เหลือคือร้องเพลง
   โอ้ พระพุทธ มีร้องเพลงอีกด้วย เจ๋งผุดๆ เลย พรุ่งนี้ต้องแก้ตัวใหม่นะ ลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของแต่ละวัน ดูตัวอย่างคนที่เก่งๆ เราก็จะสามารถพัฒนาเทคนิคต่างๆ ขึ้นได้เอง
   มีเด็กหญิงสองคนเพื่อนมิวที่มาจากโรงเรียนเดียวกันที่ผมดูแล้วเขาเก่งมากชื่อ “พราว” และ “แพรวา” เข้าอันดับที่ 20 นิดๆ แต่อย่าลืมว่างานนี้มีทีมชาติลงแข่ง 15 ลำเข้าไปแล้ว
   ครูวัฒน์ที่เป็นครูฝึกหลักเก่งมากๆ ครับ เป็นครูผู้ให้อย่างแท้จริง ทุ่มเทอย่างมาก ส่วนครูที่เหลือก็ไม่แพ้กัน ขอแสดงความนับถือจากใจเลย อยู่กันกลางแดดเปรี้ยงตลอดเวลาเท่ากับเด็กๆ ช่วยดูและแก้ไขการแล่นใบให้แต่ละคนอย่างแข็งขัน
   ตอนเด็กอยู่ในทะเลนี่เราจะมองอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว ยิ่งไม่มีกล้องส่องทางไกลคุณภาพดีนะ ไม่ต้องพูดถึงเลย มองไปก็เห็นแค่ใบเรือขาวๆ มิวอยู่ลำไหนก็ไม่รู้ มองเบอร์ไม่เห็น เลยนั่งคุยกันในกลุ่มผู้ปกครอง ปกติผมไม่ค่อยสนิทกับใคร แต่พอมาอยู่นี่ผมอาสาขับรถให้ บ้างก็ขับรถตัวเอง บ้างก็ใช้รถของพี่โบ๊ท ส่วนใหญ่จะเป็นตอนไปกินข้าวกลางวันกันน่ะครับ ไปกันคันเดียวสะดวกกว่า
   เย็นเลิกเรียนเด็กๆ ชวนกันเล่นน้ำทะเลต่อ ขอเงินไปเช่าเรือคายัคมาพายเล่น พลังคงจะเหลือโคตรๆ เล่นอยู่จนเกือบมืด พราววิ่งมาบอกว่าแพรวาโดนหอยบาดที่เท้า ยังดีแผลไม่ลึกมาก
   ผมให้แพรวากอดคอพาเดินไปปฐมพยาบาลที่สโมสร ยังดีมีครูฝึกอยู่ เลยเปิดห้องหยิบยาฆ่าเชื้อมาใส่แผล เจอครูวัฒน์เพิ่งอาบน้ำเสร็จเตรียมกลับบ้าน เลยพูดคุยกันต่ออีกนิดหนึ่ง
   ครูบอกว่าเด็กกลุ่มนี้มีพัฒนาการเร็วมากนะ อยากจะลงแข่งขันจริงจังไหม จะมีงานแข่ง Top of the gulf regatta 2013 แข่งกันที่ Ocean Marina พัทยานี้เอง
   ผมยืนฟังอ้าปากหวอ เฮ้ย มิวเล่นแบบนี้ลงแข่งได้ด้วยหรือ ดูสิ วันนี้มันยังแล่นใบไปคุยไปร้องเพลงไปอยู่เลย
   “ผมว่าเด็กกลุ่มนี้ไปได้ทุกคนครับ” ครูวัฒน์ย้ำ
   เอาล่ะสิมึง ต้นเดือนเพิ่งจะมาเรียนแค่ 10 วัน หลังสงกรานต์ก็มาเรียนเพิ่มอีกแค่ 7 วัน แล้วไอ้พวกเด็กคนอื่นที่เขาเรียนมาแล้วหลายๆ ปีล่ะ มันจะไม่เป็นพวกระดับเทพฯ เลยหรือนี่ ลูกเราจะไปสู้กับพวกเขาได้จริงหรือ
   คิดไปสะระตะในใจ ปากก็ถามครูไปว่า งานแข่งมีเมื่อไหร่หรือ
   “อาทิตย์หน้าครับ” ครูวัฒน์ตอบ พร้อมกับเดินขึ้นรถตัวเองไป
   ผมแม่งอึ้งกว่าเดิม เฮ้ยย อาทิตย์หน้า นั่นคือวันศุกร์หน้า เหลืออีกแค่ 7 วัน !!!
   เพิ่งเล่นเรือใบมาได้ 15 วัน งานแข่งงานแรกของเขาคืองานระดับ World Class งานใหญ่ไฮโซแบบที่เห็นในทีวีมีเรือหลายรุ่น ไอ้พวกเรือยอร์ชใหญ่ๆ อะไรทำนองนั้นน่ะ
   อึ้ง ทึ่ง งง
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 28, 2013, 11:22:53 am
27 เมษ 56
   ตื่น 0500 ดื่มน้ำไปเกือบ 1 ลิตร กายบริหารที่ระเบียง ที่พักแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองราว 3 กม แต่ไม่สะดวกตรงเอาจักรยานขึ้นลงรถเอาเสียเลย เปิดไอ้แป๊ดเจอสัญญาณ wifi จึงหาข้อมูลวิธีการทำ Roll Tack (การกลับตัวทวนลมอย่างรวดเร็ว) ของเรือใบ Optimist เก็บเอาไว้ให้มิวดู
   เสริ์ชหาข้อมูลงานแข่ง Top of the gulf regatta ดันไปเจอ “ไอ้เอ๋” ทหารที่สัตหีบเพื่อนนักเรียนของผมเอง ผมมาอยู่นี่หลายวันเจอเอ๋ไม่บ่อยนะ เขาประจำการคนละจุดกันกับที่ผมอยู่ ภาพใน youtube ไอ้เอ๋นั่งอยู่กลางวงฝรั่ง มือถือแก้วเหล้ากระดกซดอยู่หลายครั้งหลายหน
   เช้านี้กินอาหารที่โรงแรมครับ ก็จัดเป็นบุฟเฟ่อาหารเช้าแบบห่วยๆ ผมกินไข่ดาว ข้าวผัด ไก่ผัดขิง ขนมปังทาแยม 2 แผ่น ส่วนมิวแอบกินไข่ดาวไป 4 ฟอง ข้าวผัด ผัดผัก ชาอีก 2 ถ้วย ขนมปังทาเนยอีก 2 แผ่น ตามด้วยนมสดอีก 1 ขวดเล็ก
   เด็กๆ คนอื่นกินกันไม่เก่งครับ ผู้ปกครองใครมาเห็นมิวกินก็จะชมว่ากินเก่งต่างจากลูกตัวเองที่กินน้อยมาก แต่ไอ้กินเก่งนี่แหละที่ต้องควบคุมกันหนักเลย มื้อเช้าผมพอปล่อยได้ แถมช่วงนี้ซ้อมเรือใบใช้พลังเยอะสุดๆ ก็ให้เขาจัดตามใจ
   มิวขอติดรถเพื่อนไปเรียนเรือใบ ผมขับตามไปด้วย คือตอนเช้าต้องการอัปเดทข่าวสารจากครูวัฒน์ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องงานแข่ง Top of the gulf ผมไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ เตรียมตัวไม่ถูกเลย
   ตอนสายไปดูสถานที่แข่งคือ Ocean Marina Yacht Club แดดร้อนแรงฉิบเป๋ง นี่ขนาดเดินกลางแดดแค่ 1 นาทียังขนาดนี้เลย แล้วพวกเด็กๆ ที่เขาเล่นเรือล่ะ อยู่กันที่ราวครึ่งวันถึงจะกลับเข้าฝั่ง
   เดินดูไปก็มองรอบๆ อาณาบริเวณ ห้องพักของที่นี่น่ะเต็มหมดแล้ว จนใจจริงๆ เลยโทรหา “คุณบี” คนไทยที่รู้จักกันที่มาเก๊าเมื่อสองปีก่อน เขาอยู่พัทยานี่เองแหละ
   โชคดีคุณบีจำผมได้ พอผมบอกว่าลูกจะมาแข่งเรือใบ กำลังหาห้องพัก คุณบีถึงกับร้องเสียดัง
   “ว้า น่าเสียดายมากๆ ผมเพิ่งจะขายห้องสูทใหญ่ที่ Ocean Marina ให้แก่ผู้บัญชาการฯไปเอง ไม่งั้นคุณเปิ้ลมาพักห้องผมก็ได้”
   ผมสิเกรงใจ ห้องแพงๆ ระดับเป็นสิบล้านนี่ไม่กล้าหรอกครับ ที่โทรก็เพราะแค่นึกถึงและอยากสอบถามว่าผมควรพักที่ไหนดี เขาเป็นคนท้องถิ่น อาจมีข้อมูลดีกว่าผม
   คุยกันพักหนึ่ง เขามีธุระ เลยวางสายไป ส่วนผมไปกับผู้ปกครองอีก 3 ท่าน เลยตระเวนดูห้องพักริมหาดละแวกนั้น คือเราต้องการฟังชั่น 2 อย่าง 1 ใกล้ 2 สูง
   ใกล้ เอาไว้ดูแลเด็กเราอย่างใกล้ชิด พออากาศร้อนก็เดินกลับห้องพักได้สะดวก
   สูง เอาไว้ส่องกล้องมองตอนเด็กเราแข่ง
   แต่ไอ้ใกล้และสูงนี่มันแพงมาก ห้องถูกสุดที่หาได้คืนละ 5000 บาท แบบนี้ไม่กล้านอนครับ ฝันร้ายแน่ๆ เปิดไอ้แป๊ดดูแผนที่เลาะเลียบบริเวณหาดพร้อมขับรถตาม หากเจอตึกใดดูสภาพแล้วเหมือนมีห้องให้เช่า เราเข้าไปคุยและขอดูห้องกันหมด ส่วนห้องพักที่ Ocean Marina นั้นไม่ต้องพูดถึง ราคา 3500 โดนเหมาเกลี้ยงไปนานแล้ว
   ไปไปดูแบบคอนโด แบบโรงแรมหรู แบบเซอร์วิสอพาทเมนท์ สุดท้าย เรามาเจอห้องเช่าแบบถูกๆ เลย ที่ชาวบ้านเขาพักกันรายเดือน มีแค่ 10 ห้อง เจ้าของดูแลเอง ทำความสะอาดเอง
   สภาพก็บ้านๆ ล่ะนะ แต่เขาทำแบบสะอาดก็เลยโอเค ผมขอแค่ห้องสะอาด เงียบ นอกนั้นไม่เน้น ผมอยู่กับมิวแค่สองคนสบายๆ อยู่แล้ว สุดท้ายสรุปเราพักกันที่นี่แหละ ชื่อบ้านต้นทอง เด่นตรงมีถนนเล็กๆ สามารถขับรถลงบนชายหาดเลาะไปจนถึงหน้าหาดของ Ocean Marina ได้เลย !!! สุดยอด
   ได้ที่พักก็โล่งใจไปหนึ่งเปลาะละ
   กลางวันพี่โบ๊ทพาไปกินร้านอะไรไม่รู้ขายอาหารหลักคือหอยหวาน ผมไม่รู้จักของพวกนี้ ไม่เคยกิน ก็ลองดูครับ
   มันก็อร่อยดีล่ะนะ แต่โคตรแพงเลย โลละ 700 หึหึ กินส้มตำหอยหวาน หอยหวานผัดกระเพรา เต้าหู้ทอด บรรยากาศพอได้ อยู่ใกล้ทะเล แต่กลางวันมันร้อนอบอ้าวมาก โชคดีมีลม
   สบายใจละ กลับที่ห้องพักกัน ผมนัดเวลา 0430 ให้ทุกคนขึ้นรถผมมากันที่สโมสรเรือใบอีกครั้ง มากันก่อนที่เด็กๆ จะกลับจากทะเล ตอนบ่ายถึงเย็นครูจะพาพวกเด็กๆ ไปซ้อมแข่งกับสมาคมเรือใบที่อยู่ใกล้ๆ ครูบอกว่าเด็กจะได้ไม่ตื่นสนามตอนเจอเรือเป็นร้อยลำ
   วันนี้เด็กของกลุ่มเราเข้าคนแรกคือลำดับที่ 14 (ลงแข่ง 83 ลำ มีทีมชาติ 15 ลำ และมือฉกาจอีกเกือบ 20 ลำ) มิวทำได้ดีขึ้นนิดหน่อย โดนตำหนิน้อยลง ไอ้เรือใบนี่มันมีรายละเอียดมากจริงๆ ครับ ขนาดเรือใบของเด็กอย่าง Optimist นี่ถ้าเล่นแบบลงแข่งต้องมีการปรับจูนให้เหมาะสมกับสรีระอีกด้วยนะ ผมเพิ่งจะรู้วันนี้แหละ รายละเอียดยิบย่อยไม่แพ้เรือใหญ่เลย
   วันนี้แข่งแบบคอร์สสั้น แต่ครูบอกว่าเด็กของทีมเราจะถนัดแบบคอร์สยาวคือแบบวิ่งไกลๆ นานๆ ก็แปลกดีเหมือนกัน เลิกเรียนเอาเกือบจะ 0600 เสร็จแล้วก็ชวนกันลงเล่นน้ำทะเลต่อ วันแรกๆ ก็เล่นกันเองในกลุ่มเพื่อนเก่า แต่มาถึงวันนี้เล่นกันได้ทุกคนเลย
   น่าเห็นใจเด็กหญิงคนหนึ่งมากเลย เขากำลังวิ่งตามกลุ่มมิวไปลงน้ำทะเล แต่พ่อตะโกนเรียกให้หยุด ไม่ให้เล่น ให้กลับบ้าน เด็กร้องไห้โฮเลยน่ะ ผมรู้สึกสะเทือนใจเหมือนกันนะ ก็เข้าใจว่าเขาอาจไปธุระต่อ แต่เด็กมันเหนื่อยมาทั้งวันไง การเล่นนี่แหละคือการผ่อนคลายของเขา และเจ้าเด็กคนนี้แหละครับที่วันนี้แล่นใบเข้าเป็นที่ 1 ของกลุ่มเรานี้ ชนะเด็กที่อยู่ทีมชาติอีกด้วย
   มิวเล่นกับเพื่อนจนค่ำ มืดเกือบจะสนิทถึงยอมขึ้นจากน้ำ เด็กคนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกันครับ นี่มันเป็นปิดเทอมใหญ่ที่น่าสนุกมากๆ เลย ใครไม่อยู่ในกลุ่มคงไม่เข้าใจความรู้สึกแน่ๆ
   เย็นนี้มิวจัดหนักจริงๆ ผมพาไปกินตลาดโต้รุ่งที่ริมถนนสุขุมวิทช่วง กม 2 เด็กๆ ลงมติกันว่าจะกินร้านข้าวมันไก่ทอด อืมม อ้วนนะนี่ กินเสร็จก็ต่อด้วยโรตีใส่ไข่ ก่อนนอนมีผู้ปกครองมาจากกรุงเทพฯ เข้ามาสมทบ ซื้อไอติมแมกนั่มมาฝาก หึหึ
   เอ…แล้วมันจะผอมตอนไหนดีน้า
Title: Re: เมษ 56 1-10 สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 28, 2013, 09:45:27 pm
28 เมษ 56
   วันสุดท้ายของการเรียนแล้ว รู้สึกคิดถึงและใจหาย (อีกละ) เป็นวันที่สิ้นสุดคอร์สเรียนเรือใบระดับ Advance และอีก 5 วันข้างหน้าจะเป็นการแข่งขันครั้งแรกของเขาในงาน Top of the gulf regatta 2013 ที่ Ocean Marina
   เช้านี้ผมตื่นตี 5 ดื่มน้ำไปเกือบลิตร ออกกำลังกายบริหารในห้องนอนนี่แหละ อยู่ที่พัก Sea Paradise นี่มันไม่สะดวกในการนำจักรยานเข้าออกจากรถ ที่จอดรถไม่ค่อยดีครับ จอดตากแดดตลอดเวลาเลย
   มื้อเช้ากินในโรงแรม วันนี้ดีหน่อยมีผัดกระเพราที่ใส่ถั่วฝักยาวเยอะมากๆ เป็นคนอื่นอาจบ่นว่ามีแต่ผักไม่เห็นมีเนื้อไก่เลย แต่นี่แหละที่ผมชอบมาก กินกับข้าวผัด ไข่ดาว ขนมปังปิ้งอีก 2 ชิ้น ปิดท้ายด้วยแตงโม ส่วนมิวจัดเต็มอีกเช่นเคย ไม่พลาดไข่ดาวอันเป็นที่รักยิ่ง ปิดท้ายด้วยชาร้อนอีก 2 ถ้วย กินเสร็จแล้วนั่งเล่นกันเพลินๆ แอบเดินไปหยิบไข่ดาวมาซัดเปล่าๆ อีก 1 ฟอง หึหึ เอ็งจะจัดเต็มไปถึงไหน
   ไปถึงสโมสรเรือใบกองเรือยุทธการ 0900 สิ่งแรกที่เด็กๆ ต้องทำคือไปเตรียมเรือ ขั้นตอนคือไปพลิกเรือที่หงายท้องเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น จากนั้นนำเสามาวาง นำใบเรือมาผูก ขั้นตอนการผูกก็ต้องอิงระดับความแรงของผม ดูจากคลื่นในทะเลเป็นหลัก ดูฟองคลื่นที่ไกลออกไปในทะเล ถ้าเห็นยอดคลื่นแตกฟองสีขาว นั่นคือลมระดับ 10 นอต
    ปกติช่วงเช้าครูจะเปิดวีดีโอที่บันทึกไว้เมื่อวาน แล้วคอมเมนท์เด็กทีละคนในจุดเด่นจุดด้อย แบบนี้แม่งเป็นการสอนที่เจ๋งโครตๆ เลยครับ มันคือวิธีเดียวกับที่พวกมืออาชีพเขาทำเลย
   ครูวัฒน์โทรคุยกับสมาคมเรือใบที่อยู่ใกล้ๆ กัน พักเดียวก็วางสายแล้วตะโกนสั่งงาน
   “เด็กๆ นำเรือลงน้ำด่วน เราจะไปแข่งกับที่มโน้นกัน”
   เด็กๆ รีบทำตามขะมักเขม้น บางคนยังลนลานผูกใบเรือไม่เรียบร้อย มิวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนเพื่อนมิวชื่อ “แมมมอธ” นั้นทำทุกอย่างเสร็จเป็นคนแรกทุกที พอครูสั่งปุ๊บ เขาทำทันที ไม่มีรีรอ เรือเขาลงน้ำคันแรก
   ผมเองก็ตกใจว่าทำไมแข่งแต่เช้า ปกติไปบ่ายนี่หว่า เลยไม่ได้เตรียมเสื้อแขนยาว หมวก หรืออุปกรณ์กันแดดมาเลย คือวันนี้ผมตั้งใจจะนั่งเรือยางไปกับครูวัฒน์ด้วย ไม่ใช่แค่เก็บภาพ แต่ครูจะสอนการดูเรือใบให้ด้วยน่ะสิ
   ไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร เอาเวลานี้ไปช่วยเด็กๆ เข็นเรือลงทะเลแทน ปกติผู้ปกครองจะไม่ช่วยเด็กเลยนะ คือต้องให้ลูกเราทำเองได้ทุกขั้นตอน แต่ตอนนี้ต้องการความเร็ว ผมรับหน้าที่ลากเทรลเลอร์ขึ้นลงจากน้ำ เช้านี้น้ำลงครับ ลากไกลพอควร
   นั่งมองดูจนเด็กๆ แล่นใบไปลับตา นี่พวกมัน 10 ลำ จะไปท้าแข่งกับกลุ่มมืออาชีพฝั่งโน้นที่เขามี 73 ลำ หึหึ
   ผมรู้ครับว่าครูวัฒน์กำลังคิดอะไร ครูคงจะต้องการให้เด็กคุ้นชินกับบรรยากาศที่มีเรือจำนวนมากๆ เหมือนในงานแข่งไงล่ะ พอเจอของจริงเด็กจะได้ไม่ตื่นสนาม
   ลึกซึ้งครับ แม้ครูวัฒน์จะเก่ง แต่โค้ชของฝั่งโน้นคือ “ครูตึ๋ง” ที่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของครูวัฒน์อีกที คนนี้นักกีฬาเหรียญทองทีมชาติ เป็นผู้บรรยายกีฬาเรือใบที่เก่งที่สุด และเดือนหน้าจะไปเป็นโค๊ชเรือใบให้แก่ประเทศญี่ปุ่น (โดนซื้อตัวไปแล้ว คนไทยไม่เห็นค่า)
   แม้จะเป็นงานแข่งเล่นๆ แต่ก็เหมือนกับโค๊ชสองทีมกำลังต่อสู้กันโดยให้พวกเด็กๆ เป็นทหารนักรบ
   ใกล้เที่ยงผมกลับเข้าไปในห้องพัก เก็บข้าวของเตรียมตัวเช็คเอ้าท์ ตอนแรกคิดว่าจะค้างอีกคืน พรุ่งนี้สายๆ ค่อยขับกลับแบบสบายๆ ทว่าอีกแค่ 5 วันก็ต้องพามิวมาแข่งที่พัทยาอีก 4 วัน (ซ้อม 1 วัน แข่ง 3 วัน) คิดไปคิดมารีบกลับสักหน่อยก็น่าจะดีนะ มีงานและเอกสารหลายอย่างที่รอให้ผมเซ็นอีกด้วย
   คิดว่าจะกลับเย็นนี้แหละครับ แต่จะเรียนเสร็จกันกี่โมงก็ไม่รู้ ไม่ชอบขับรถตอนกลางคืนเล้ยย กลับเย็นรถก็ติดมาก แผนที่วางไว้แต่แรกคือแวะร้าน Decatchlon ขากลับ เพื่อหาซื้ออุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในการแข่งเรือใบสำหรับมิวอาจต้องเปลี่ยนไป
   มิวต้องใช้นาฬิกาข้อมือแบบกันน้ำที่จับเวลาได้ ต้องการถุงมือ รองเท้า สำหรับเล่นเรือใบ ถ้าจะจริงจังมากๆ ก็น่าจะมีเสื้อ กางเกงอีกด้วย อ้อ กางเกงเรือใบคล้ายกางเกงจักรยานเลยนะ มีแผ่นรองก้นคล้ายกัน แต่ของเรือใบจะแผ่นใหญ่กว่าเยอะ เพราะต้องนั่งบนขอบเรือ (นั่งหลายมุม)
   พอมีเรื่องราวอะไรแทรกเข้ามาในชีวิตโดยเฉพาะเรื่องลูก งานเขียนของผมก็ยิ่งชะงัก ตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่องงานแข่งของมิวล้วนๆ เปิดคอมฯหาข้อมูลมากมาย แน่ล่ะ ล้วนเกี่ยวกับเรือใบแบบ Optimist ทั้งสิ้น
    ที่ Sea Paradise ให้เช็คเอาท์ได้สายสุดคือ 1230 โคตรใจดีเลย ให้อีกตั้ง 30 นาทีแน่ะ ก็แค่บ่นๆ ไปครับ มันคือกฎระเบียบของเขา สังคมส่วนใหญ่จะเป็นคนเอาแต่ใจ พอใครทำอะไรไม่ถูกใจเรา ไม่ได้ดั่งใจเราคาดหวังก็เอาเขามาด่าเสียๆ หายๆ น่าแปลก คนอ่านก็เออออตามไปด้วย หลายครั้งหลายหนที่ผมอ่านแล้วยังนึกด่าไอ้คนตั้งกระทู้มาบ่นเสียด้วยซ้ำไป
   ผมออกตรงเวลาเป๊ะ 1230 คืนกุญแจและย้ายฐานมานั่งปักหลักที่สโมสรเรือใบกองเรือยุทธการ ขับรถเข้าออกผ่านด่านทหารแต่ละครั้งก็มักจะโดนขอตรวจบัตรผ่าน จนเจ้าหน้าที่บางคนจำรถผมได้แล้ว แต่พอผ่านประตูด่านใหม่ๆ ก็โดนเรียกอีกแหละ คนแถวนี้เขาเรียกว่าผ่าน “บล็อกยาม” ได้ยินแรกๆ ไม่คุ้น หลังๆ ก็เข้าใจละ
   มาถึงก็รีบเอา Uke และคอมพิวเตอร์ลงจากรถมาวางใกล้ตัว รถต้องจอดตากแดดอีกนานจนถึงเย็นโน่น ตอนนี้พวกเด็กๆ กำลังเล่นน้ำทะเลกัน เขาแข่งเรือช่วงเช้าเสร็จแล้ว รีบกลับมาฐานแต่อาหารกลางวันยังไม่มา ครูเลยให้เล่นน้ำทะเลรอ
   วันนี้ข้าวมาส่งเอาตอนบ่าย เด็กวิ่งกรูกันเข้ามารับอาหารคนละกล่อง มิวกินกระเพราหมูไม่หมด บอกว่าอิ่ม ยื่นกล่องมาให้ผมกินต่อ ผมชิมดูแล้วรสชาติโอเค พอได้ แต่เขาใช้หมูชิ้นมาผัด มันเหนียวๆ ต้องเคี้ยวอยู่นานกว่าจะแหลก มิวคงไม่ชอบ เหลือเพียบ ผมเสียดายเลยซัดต่อจนหมดเหลือแต่ข้าวขาว
   เดินไปทิ้งกล่องข้าวปุ๊บ พี่โบ๊ทก็ชวนไปกินข้าวกลางวัน บอกจะไปร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยที่เล็งไว้วันก่อน ผมเองเพิ่งอิ่มเลย แถมวันนี้ครอบครัวพี่โบ๊ทมากันครบ ถ้าผมไปด้วยอาจเป็นส่วนเกินของรถเขา เลยปฏิเสธไป บอกว่าอิ่มแล้ว
   เด็กๆ กินข้าวเสร็จก็วิ่งลงทะเลกันต่อ จากตอนแรกที่ไม่ค่อยสนิทกัน มาวันนี้วิ่งกรูกันเป็นฝูง เล่นร่วมกันหมดแล้วทั้งเด็กเล็กเด็กโตเด็กชายเด็กหญิง ชุดก็เหมือนๆ กันคือผ้าดำๆ ลื่นๆ มองไกลๆ ไม่รู้ใครเป็นใคร
   กำหนดการเดิมบ่ายนี้ครูวัฒน์จะสอนการออกสตาร์ท ซึ่งมันสำคัญมากๆ สำหรับกีฬาเรือใบ ตอนนี้ครูวัฒน์อยู่ข้างนอก สั่งให้ครูแบงค์ดำเนินการแทน สักพักมีเมฆใหญ่มาปกคลุมท้องฟ้าเริ่มครึ้มลงนิดๆ ลมเริ่มพัดแรงขึ้นหน่อยเดียว
   ครูแบงค์โทรบอกครูวัฒน์ว่าจะมีพายุเข้า ครูวัฒน์เลยสั่งให้เก็บเรือทันที ผมนั่งอยู่ใกล้ๆ ก็นึกเสียดาย อ้าว มันแค่มีเมฆเองนะ ยังไม่ได้ครึ้มจนน่ากลัวเหมือนมีฝนหรอก ผมว่ายังไงมันก็ไม่ตกแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้ไปพูดอะไรให้เสียระบบของเขานะ เขาอาจมีเหตุผลอะไรมากกว่านี้ที่ผมไม่รู้ก็เป็นได้
   “ถ้าฝนตกแล้วเราเล่นใบได้ไหมครับ” ผมถามครูแบงค์ตรงๆ นี่แหละ
   “ลมมันจะแรงมากครับ” ครูแบงค์ตอบ
   “แล้วหลังจากฝนหายก็จะไม่มีลม” ครูช่วยขยายความให้ข้อมูลเพิ่ม
   ก็เข้าใจชัดเจนครับ ทว่าฝนมันไม่ตกน่ะสิ ตอนเด็กกำลังเก็บเรือฟ้าก็เริ่มใส ครูแบงค์ถามพวกเด็กๆ ก็มีเด็กสองคนอยากเล่นเรือ ที่เหลืออยากเล่นน้ำ สองคนนั้นคือ “มิว” และเด็กหญิงทีเรียนเรือใบมาก่อนหน้านี้แล้วชื่อ “น้ำหอม”
   มิวบ่นอุบบอกว่าเสียดาย อยากเล่นเรืออีก แต่บ่นแล้วก็ไปเล่นน้ำกับพวกเด็กๆ ต่อ ผมเองก็เสียดาย วันสุดท้ายแทนที่จะได้ฝึกเยอะๆ กลายเป็นวันแห่งการเล่นน้ำ ว่างๆ เบื่อๆ เลยหยิบเอา Uke มาเล่นซะ
   เล่นอยู่นานจนเมื่อยมือ เปิดหนังสือเพลงที่เตรียมมา 3 เล่ม เล่นจนครบทุกเพลงโปรด ผมชอบเพลงเก่านะ แต่เพลงใหม่ก็มีแซมบ้าง ตอนนี้ชอบ Lost in paradise ของนักร้องสาวชาวไต้หวัน เพลงเก่าของปี 08 แล้วล่ะ
   นานครับว่าครูวัฒน์จะมา แล้วก็อธิบายเรื่องงานแข่งขันงาน Top of the gulf ในสัปดาห์หน้า ครูบอกเรื่องค่าใช้จ่ายในการเช่าเรือของทางสมาคมเรือใบ และของทางสโมสรเรือใบของกองเรือยุทธการ งงดีไหมครับ อยู่หาดเดียวกัน แต่มีทั้งสมาคม และสโมสร กลุ่มของมิวสังกัดสโมสร ไอ้ที่ไปท้าเขาแข่งทุกวันๆ ยิกๆ นั่นคือไปท้าพวกเด็กของสมาคมฯ พวกนั้นเก่งกว่า เทพกว่า
   แต่ในเชิงลึกแล้วผู้ปกครองท่านหนึ่งที่เขาให้ลูกมาเรียนเรือใบอยู่นานปีจนลูกทั้ง 3 คนได้ไปแข่งที่โอซาก้าประเทศญี่ปุ่นเขาบอกว่าทางสมาคมจะเหมือนโรงเรียนปกติ แต่ทางสโมสรแห่งนี้จะเหมือนโรงเรียนกวดวิชา เทียบกันแบบนี้เห็นภาพชัดดี
   โรงเรียนปกติมีชื่อเสียงกว่า มีระบบกว่า มีมาตรฐานกว่า แต่โรงเรียนกวดวิชาสอนสนุกกว่า ลูกเล่นเยอะ เทคนิคเพียบ
   ผมยืนดูครูสอนทฤษฎีเรื่องการสตาร์ทอย่างตั้งใจ เฮ้ย มันเหมือนช่วงจังหวะการออกตัวไฟแดงที่ผมชอบใช้เลยว่ะ คือจังหวะที่เราได้ไฟแดงแล้วอยู่คันหน้าสุด แต่ผมไม่ได้ไปจอดชิดเส้นไง บางไฟแดงอยู่ช่วงทางโค้ง หรือไม่ก็มีที่เส้นเป็นทางม้าลายขนาดใหญ่ แบบนี้ผมจะจอดเว้นด้านหน้าไว้เยอะกว่าปกติ พอนาฬิกานับถอยหลังมาแค่ตัวเลข 3 หรือ 2 ผมก็กดคันเร่งส่งรถออกไปได้แล้ว พอถึงเส้นมันก็เลข 0 พอดีไง เช่นนี้เราจะพ้นเส้นนี้ไปด้วยความเร็วที่สูงกว่าคนที่จอดรถชิดเส้นแล้วเร่งออกตัวเมื่อเห็นเลข 0 เยอะมาก
   เรือใบก็เช่นกันครับ ครูสอนให้อยู่ด้านหน้าก็จริง แต่หากโดนเบียดมาอยู่ท้ายก็ไม่เป็นไร อาศัยจังหวะของช่วงเวลาแบบนี้แหละ ครูพูดแป๊บเดียวผมเข้าใจ แต่ไม่แน่ใจว่าเด็กจะรับรู้ได้เพียงใด
   อีกเรื่องที่ผมต้องฟังอย่างตั้งใจมากนั้นคือเรื่องของการเลี้ยวอ้อมทุ่น พอดูภาพที่ครูวาดแล้วผมต้องร้องอ๋อ เฮ้ยย มันคือ Apex นั่นเอง การอ้อมทุ่นเหนือลมต้องเข้าแบบ Early Apex แต่ถ้าอ้อมทุ่นตามลมต้องเข้าแบบ Late Apex ครูเขาพูดโดยไม่ใช่คำว่า Apex นะ เขาเรียกแค่ว่าให้ชิดด้านนี้ ชิ้ดด้านนั้น
   เห็นไหม ผมนำเรื่องราวที่ได้เรียนรู้ต่างๆ มาผูกโยงกันอีกแล้ว เมื่อก่อนผูกจักรยานกับรถยนต์ ตอนนี้มีเรื่องเรือใบเข้ามาโยงเกี่ยวด้วยอีกแล้ว
   เลิกเรียนเอาตอน 0430 ผมรีบขอตัวกลับ แต่พี่โบ๊ทบอกอย่าเพิ่ง ให้รออีกสักพัก เดี๋ยวจะมีปาร์ตี้ เขาสั่งแม่ครัวทำอาหารมาหลายอย่าง
   ผมก็เซ็งสิ แต่ไม่ได้พูดบ่นอะไร ไปยืนสูดหายใจลึกๆ ริมชายหาด จังหวะเดียวกันกับที่มิวขอไปเล่นน้ำทะเลกับเพื่อนๆ ซึ่งตอนนี้เด็กทุกคนรวมกันเป็นกลุ่มเดียวแล้ว
   ยืนดูมิวและเด็กๆ เล่นน้ำอย่างเพลิดเพลิน ผมเก็บภาพแสงสุดท้ายของวันนี้เป็นที่ระลึก เด็กเรือใบพากันปีนไต่รุ่นพี่ที่มาเล่นวินเซิร์ฟ นึกว่าจะโดนดุ ที่ไหนได้ รุ่นพี่ก็ให้เด็กปีนป่ายไปกับเขาด้วย
   “อาหารมาแล้วๆ” ไม่รู้ใครตะโกน เด็กพากันกรูเข้ามากินอาหาร แต่กินแป๊บเดียวก็ขอลงไปเล่นน้ำต่อ ถึงตอนนี้ผมทำใจไว้แล้วว่าวันนี้ไม่ได้กลับบ้านแน่นอน แต่ยังไม่รู้จะไปนอนไหนดี ไม่ได้หาห้องพักสำรองเอาไว้เลย มิวมันก็ไม่สนใจอะไรสักนิดในชีวิต เดี่ยวผมจะสอนเขาเอง
   0700 แต่ละครอบครัวพากันแยกย้าย บางคนอยู่ใกล้แค่บางละมุง บางเสร่ บางคนห่างจากสโมสรนี้แค่ไม่ถึง 5 กม เท่านั้นเอง เป็นที่น่าอิจฉาสุดๆ พี่โบ๊ทและครอบครัวค้างต่ออีกคืน นอนที่บ้านสัตหีบ ริมทะเลในตัวเมืองนี่เอง แต่ผมไม่ค่อยชอบเพราะด้านล่างเขาทำเป็นเหมือนผับ กลัวจะเสียงดัง
   “กลับกันเถอะพ่อ”
   “กลับไปไหน”
   “กลับบ้านไง”
   “พ่อเหนื่อยล้าแล้ว ไม่ชอบขับรถกลางคืน”
   “พักที่นี่ต่อได้ไหม”
   “เราไม่ได้จองห้องพักเอาไว้”
   “แล้วทำไงดี”
   ก็เลยสอนมิวว่าทำอะไรให้รู้จักวางแผนล่วงหน้าไว้ด้วย ตอนแรกเราคุยกันว่าจะกลับเย็นนี้เลย เลิกเรียนแล้วกลับเลยก็พอไหว ยังไม่มืดมาก ถึงบ้านเราก็หัวค่ำ แต่ตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว กว่าจะถึงบ้านอย่างเร็วสุดก็ต้องมีสี่ทุ่ม เผลอๆ อาจถึงห้าทุ่ม เพราะรถมันติด และกลางคืนก็ขับได้ช้ากว่ากลางวัน แถมไอ้รถคันนี้เบรกก็ไม่ดี เร่งก็ไม่ไป มันดีตรงใหญ่ใส่จักรยานได้
   “ลูกอยากพักที่ไหน”
   “Sea paradise”
   “ไม่เอา มันแพง คืนละตั้ง 890 บาทสำหรับวันธรรมดา วันหยุดคิด 980”
   “ศูนย์สมุทรกีฬาล่ะพ่อ”
   “ไอ้นี่พอได้ คืนละ 550 แต่มันจะมีห้องว่างไหมก็ไม่รู้ เดี๋ยวพ่อจะขับรถพาไป มิวมีหน้าที่ลงไปติดต่อห้องพัก ถามราคามาให้เสร็จสรรพ ได้ห้องแล้วก็มาบอกพ่อ”
   ขับรถจากสโมสรเลาะเลียบชายทะเลไปทางตลาด ระยะแค่สัก 2 กม ก็ถึงแล้ว มันใกล้กันมากๆ เป็นที่พักที่เหมาะสุดในการเรียนเรือใบเลยล่ะครับ เพราะใกล้ที่เรียน ใกล้ตลาด และราคาไม่แพง
   มิวเดินตรงเข้าไปเคาเตอร์ เปิดคำถามเจ้าหน้าที่ว่ามีห้องพักว่างไหม ราคาเท่าไหร่ ผมกลัวมิวคุยไม่รู้เรื่อง เลยเดินตามหลังเขาไป
ถ้ามิวอยู่กับผม ทุกนาทีคือการเรียนรู้ครับ สอนเขาทุกสิ่ง ทั้งเรื่องชีวิต เรื่องศีลธรรม คุณงามความดี การขับรถที่ถูกวิธี มารยาทในการใช้รถใช้ถนน สอนมันทุกเรื่องนี่แหละ เพราะเราเป็นอย่างไรลูกเราก็จะเป็นอย่างนั้นในอนาคต (สำหรับเด็กส่วนใหญ่นะ)
ถ้าพ่อแม่มันขับรถเห็นแก่ตัว ไม่เคยจอดให้คนข้ามถนน ฝ่าไฟแดงตลอด จอดที่ห้ามประจำ ไปห้างก็จอดขวางแม่งเลย แบบกูขี้เกียจเดิน ขี้เกียจวนหาที่จอด แบบนี้ถ้าลูกมันโตมา คุณคิดว่าลูกมันจะขับรถแบบไหน เหมือนพ่อมันไหม? ผมไม่รู้ ผมตอบไม่ได้
โชคดีมีห้องพักครับ ให้มิวหัดกรอกเอกสารเช็คอินแทน เป็นอันว่าเราก้าวเท้าเข้ามาในวงการเรือใบแล้วล่ะ อีกหน่อยมิวอาจต้องนั่งรถตู้มาจากกรุงเทพฯเอง มาซ้อมเรือใบเอง มาแข่งเอง และกลับบ้านแอง เลยให้เขาหัดสิ่งที่ควรรู้ควรทำไว้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้
กินอิ่มกันมาแล้ว เข้าห้องพักปุ๊บก็อาบน้ำเตรียมตัวนอน มิวขอเล่นเกมไนไอ้แป๊ดและดูการ์ตูนไปด้วย ส่วนผมนั่งพิมพ์เล่าไอดารีชีวิตซึ่งช่วงนี้แหละครับ ค่อยจะมีสีสันขึ้นมาหน่อย ดูสิ วันนี้วันเดียวผมเล่าได้ถึง 6 หน้ากระดาษ A4 มันน่าจะเป็นวันที่ผมเล่าเรื่องเยอะที่สุดตั้งแต่พิมพ์ไออารี่มาเลยนะนี่
มิวผล็อยหลับไปตอน 0909 ผมยังคงพิมพ์ต่อไปจนถึง 0940 เนื้อหาจึงจะใกล้จบวัน ไอดารี่ชิวิตของผมมันเป็นประโยชน์แก่ใครบ้างไหมนะ แต่ที่แน่ๆ เจ้ามิวมันคงต้องทึ่งแล้วพูดประโยคที่เขาติดปากในช่วงนี้
“พ่อทำอะไรของพี่เนี่ยะ”
คำตอบของผมก็คือ พ่อต้องการให้ลูกในสิ่งที่เงินจำนวนมากมายเท่าใดก็หาซื้อไม่ได้
Any Question?
Title: Re: เมษ 56 1-10 , 22-28 เรือใบที่สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 30, 2013, 08:38:26 pm
29 เมษ 56
   ลืมตาตื่นเองอัตโนมัติตอน 0500 ท้องฟ้ายังมืดอยู่เลย อีก 30 นาทีถัดมาถึงเริ่มสว่าง จะเอาจักรยานออกขี่ก็ไม่สะดวกครับ ในรถข้าวของระเกะระกะเต็มไปหมด เลยกายบริหารในห้องพักแทน
   อีกพักใหญ่มิวถึงจะตื่น คำแรกที่เขาพูดก็คือ “พ่อเปิดทีวีให้มิวหน่อย” ปัดโธ่ ลืมตาตื่นขึ้นมาก็จะดูการ์ตูนเสียแล้ว ยื่นน้ำให้ดื่มก็กินแบบจิบนิดเดียว ก็คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยครับกว่าเขาจะเข้าใจเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ
   ขับรถไปตลาดซื้อข้าวผัดอเมริกันให้มิว ผมสิ้นคิดครับ กินข้าวมันไก่อีกละ เอาน้ำเต้าหู้ติดมา 1 ถุง เดินผ่านตลาดนัดแวะซื้อยางยืดสำหรับรัดรถจักรยานมา 2 เส้น เลือกสีให้เข้ากับ Panniers ของเรา
   ห้องพักในละแวกค่ายทหารนี้เขาห้ามนำอาหารมากินในห้องนะ แปลกดี แต่ผมแอบกินหลายครั้งแล้วล่ะ กินแล้วก็ต้องเก็บกวาดทำความสะอาดให้เกลี้ยง ถุงหรือเศษอาหารก็ต้องนำลงมาทิ้งเองด้านล่าง
   กฎเหล็กอีกข้อคือห้ามยกที่นอนลง (ที่นอนเขาเป็นแบบ 2 ชั้น) คราวก่อนมีห้องหนึ่งฝ่าฝืนกฏของเขา โดนปรับไป 150 บาท และห้องเดียวกันนี่แหละนำหนูแฮมส์เตอร์มาเลี้ยง ดีที่เจ้าหน้าที่เห็นก่อน เลยทักท้วงให้ฝากไว้ข้างนอก ไม่งั้นโดนปรับอีก 500 บาท
   ก็ดีครับ กฎก็ต้องเป็นกฎ
   ถามมิวว่าทำไมถึงชอบเล่นเรือใบ คำตอบก็คือมันสนุก มันรู้สึกถึงอิสระ ตอบสั้นๆ แต่ตอบได้ดีครับ ตอบแล้วผมเข้าใจถึงความรู้สึกนั้นทันที เพราะผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
   วันนี้มีเด็กที่เรียนเรือใบด้วยกัน 3 พี่น้องไปแข่งเรือที่โอซาก้าประเทศญี่ปุ่น มีกัสจังจังอายุ 14 แข่งเรือเลเซอร์ ตูนางิอายุ 9 แข่งเรือออฟติมิส ลูกพลับอายุ 9 ก็ออปติมิส ส่งโดยสมาคมเรือใบ ตั๋วมีทั้งหมด 3 ใบ เจอครอบครัวนี้เหมาหมดเกลี้ยง ทั้ง 3 เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน อายุแค่นี้ติดทีมชาติกันแล้ว
   พ่อแม่โคตรจะภูมิใจเลย เอาใจช่วยครับเด็กๆ

   ออกเดินทางตอน 0800 ขับช้าๆ ผ่ากลางเมืองมาตั้งแต่พัทยา ศรีราชา บางแสน ชลบุรี จนถึงบางนา แวะร้าน Decatchlon ผมได้กางเกงแบบผ้านุ่มยืดสบายมา 1 ตัว มิวขอซื้ออุปกรณ์สำหรับส่องดูใต้น้ำ ตั้งใจจะหาอุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งเรือ เช่นนาฬิกาข้อมือ ถุงมือ รองเท้า แต่ไม่มีถูกใจมิวสักอย่าง สุดท้ายได้ Stunt Kite ขนาด 1.2 ตรม มา 1 ตัว ไอ้นี่ผมให้มิวเขาเล่นเพราะมันจะเป็นพื้นฐานของกีฬา Kite Surf ถ้ามิวชอบก็จะให้เขาลอง เล่นได้ล่ะก็ แมนมากๆ เลย
   แวะจุดพักรถตรงแถวสุขุมวิท 62 กินข้าวแล้วกลับบ้านทันที ถึงบ้านเอาตอนบ่ายเศษ รีบทยอยเอาของลงจากรถ ทำรถให้เป็นสภาพเดิม จัดข้าวของของพ่อมาวางไว้ที่เดิม ยกจักรยานลงเอามาจอดในบ้าน มันเป็นการขนจักรยานไปที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย เพราะขี่น้อยมากๆ จอดอบในรถเสียมากกว่า ตอนแรกจะเอารถพับ KHS ไป แต่มันก็พับแล้วโคตรจะเกะกะเลย ท่อคอมันพับไม่ได้ไง เป็นแบบถอดสวม ไม่สะดวกตอนยกนี่แหละครับ ท่อคอที่ถอดออกมาแล้วมันห้อยร่องแร่ง บางคนเรียกคอกระสือ
   สิ่งแรกทีผมทำก็คือดูปลา ให้อาหารปลา ส่วนมิวรีบเข้าห้องเปิดแอร์เปิดทีวีดู
Title: Re: เมษ 56 1-10 , 22-28 เรือใบที่สัตหีบ
Post by: O'Pern on April 30, 2013, 10:09:45 pm
30 เมษ 56
   นอนคืนแรกที่บ้านแสนจะสบาย ก่อนไปสัตหีบสั่งให้ช่างมาล้างแอร์แล้ว กลับมาก็เย็นฉ่ำเลย แอร์นี่ควรล้างกันบ่อยๆ นะครับ ปีละสัก 3 ครั้งได้ยิ่งดี (โดยเฉพาะแอร์ในห้องนอน) แต่ถ้าเป็นแอร์ทั่วไปก็สักปีละ 2 ครั้งพอได้
   ล้างแล้วนอกจากจะเย็นเร็ว เย็นฉ่ำแล้ว ยังประหยัดไฟอีกด้วย
   เช้านี้ไม่ได้ออกกำลังกายอะไร เดินดูปลาในบ่อต่างๆ แม่บ้านบอกตอนผมไม่อยู่ปลาตายไปหลายตัว ผมดูไม่รู้เรื่อง เพราะมันยังคงเยอะมากๆ อยู่ดี จะสงสารก็พวกปลาพิการที่ยังคงเลี้ยงมันอยู่ บางตัวว่ายเป๋ๆ บางตัวชอบนอนจมกับพื้น บ้างก็ลอยหงายท้อง ลอยตั้งแต่เกิดมาจนถึงป่านนี้
   เช้าไปอยู่ร้านขายของ บ่ายพามิวไปเรียนพิเศษที่สยามสแควร์ ผมต้องรอเขาอยู่ที่นี่ราว 4 ชม หึหึ อากาศก็แสนจะร้อนอบอ้าว เดินห้างอัปเดทชีวิตดีกว่า เริ่มจากมาบุญครองเลยครับ เดินหานาฬิกากันน้ำได้จับเวลาได้แบบถูกๆ เอาไว้ให้มิวใช้เวลาแข่งเรือใบ แต่ไม่มีอันไหนถูกใจเลย เจอแต่แบบป๋องแป๋งแถมขายหลายร้อย เลยตัดสินใจเอานาฬิกาของผมเองให้เขาไปใช้ เดินดูข้าวของไปเรื่อย แวะร้านใดพ่อค้าแม่ค้าก็พูดภาษาอังกฤษใส่ เล่นเอาผมเขิน ไม่ได้เป็นฝรั่ง แต่คงจะออกแนวจีน
   แล้วก็เจอร้านถูกใจครับ ได้เสื้อยืดแบบมีฮู๊ดอย่างที่ชอบเลย คือเป็นแบบผ้าบางเบา เอามาใส่กันแดดครับ วันที่ 3-6 พย ที่มิวเขาจะไปแข่งเรือใบนี่แหละครับ ผมคงจะต้องผจญกลางแดดอยู่ตลอดวันแน่ๆ
   เดินจนหิว มิวโทรมาบอกว่าเรียนเสร็จแล้ว เลยรีบกลับบ้านกัน
ในเวปจักรยานมีคนเอาตะแกรงหลังทำด้วยโครโมลี่มาขาย ราคา 1300 บาท แต่ที่น่าตกใจคือเขาบอกว่ารับน้ำหนักได้ถึง 40 กก หึหึ บอกตามตรงว่าไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าเป็น 40 ปอนด์น่ะพอไหว แต่ถ้ามันทำได้แบบที่คุยไว้จริงล่ะก็ คงจะเป็นแร็คที่แข็งแรงสุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาในไทย
   บ่ายส่งงานให้คุณอิทอีกครั้ง ทยอยให้เขาเก็บไว้เป็นสต็อค ถ้าว่างอยากเขียนให้เต็มสต็อคโดยเร็ว เรื่องแรกเกี่ยวกับการขี่ในหน้าฝน ก็ไม่ต่างจากวงการรถยนต์ล่ะนะ ทุกๆ ปีผมต้องเขียนเรื่องแนวนี้มาตลอด เข้าหน้าฝนก็เขียนเรื่องการเตรียมรถในหน้าฝน เริ่มจากตรวจเช็คใบปัดน้ำฝน ลงแวกซ์บนกระจกทุกบาน ตรวจเช็คสภาพยาง แรงดันลมยาง รวมยางอะไหล่ด้วยก็ดีนะ ไอ้นี่คนมองข้ามกันเยอะมากๆ ถึงตอนใช้จริงก็ใช้ไม่ได้ก็บ่อย เพราะยางอะไหล่ไม่มีลมเหลือสักนิด