racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on February 01, 2015, 07:33:23 pm

Title: กพ 58 28 M Storm DC สนาม 5 Qualify
Post by: O'Pern on February 01, 2015, 07:33:23 pm
1 กพ 58
   ออกวิ่งไป 1.30 ชม ต่อด้วยเดินเท้าเปล่าบนสนามหญ้านุ่มๆ ที่มีน้ำค้างเพียบๆ อีก 15 นาที แปลกตรงที่เดินเสร็จแล้วฝ่าเท้ายังคงชาต่อไปอีกราว 10 นาทีแน่ะ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น
   แวะเติมน้ำมันสักหน่อย ไม่ได้เติมมาราว 3 เดือน ตั้งแต่น้ำมันลดราคามานี่ยังไม่เคยเติมกับเขาเลย วันนี้ลองจัดไป 1000 บาท ตกใจมากที่ได้เต็มถังเลย เฮ้ยย ฝันที่เป็นจริง
   เป็นอันว่าช่วงนี้ราคาของน้ำมันลงมาใกล้เคียงกับแก๊สอีกแล้วสินะ จำได้ว่าผมติดตั้งระบบแก๊สเมื่อตอนที่น้ำมันราคาลิตรละ 25 บาทหรือไงนี่แหละ เริ่มจากทำให้รถพ่อก่อน เพราะ Isuzu Trooper มันคันใหญ่ กินจุมาก ไม่ใช่แก๊สนี่ไม่ไหวเลยจริงๆ ซดไป 4 กม/ลิตร แบบขำขำ
   กลับบ้านกินพะแนงหมูที่ซื้อมาจากตลาดท่าดินแดงเมื่อวาน กินกับไข่ต้ม แครอทลวก และข้าวกล้องสีม่วง ไม่น่าเชื่อว่าผมเติมข้าวถึง 2 ครั้งแน่ะ รสชาติอร่อยดีจริงๆ เสียดายที่มะเขือพวงยังน้อยไปนิด
   พ่อแม่ไปบ้านที่มวกเหล็ก สั่งให้ผมอยู่บ้าน อย่าไปไหน โอเคครับ ผมเชื่อฟังดีตลอดแหละ วันนี้จึงเป็นอีกครั้งที่อยู่บ้านตลอดวัน อยากขี่จักรยานกับเขาบ้างเหมือนกันนะ แต่มันไม่ว่าง ทำไงได้
   ไม่ให้เสี่ยเวลาเปล่าก็ออกกำลังกายไปด้วยพลางๆ วิดพื้นหลายๆ เซ็ทพอตกบ่ายแม่งเจ็บบแขนว่ะ อัดหนักไปหน่อย
   กลางวันดูรายการช่องไทยรัฐทีวี พักนี้ผมดูช่องนี้บ่อยมาก ไม่ได้ดูแค่รายการ แต่วิเคราะห์ด้วย ชอบรายการของเขามากครับ ตอนเที่ยงมีรายการ “เล่าเส้นเป็นเรื่อง” น่าสนใจดี ไม่ได้แค่แนะนำอาหารธรรมดา แต่เน้นที่อาหารประเภทเส้น มีคอนเสปชัดเจนดี ดำเนินรายการโดย “น็อต วรุฒ” คนนี้เมื่อก่อนทำรายการ “เปรี่ยวปาก” มาก่อน แต่ช่วงหลังลาออกมา ก็น่าจะมีผลที่จะมาทำรายการของตัวเองในวันนี้แทน (เดา)
เห็นโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอันล่าสุดชอบมาก เจ๋งดี ท่องเที่ยวิถีไทย เปรียบเปรยไอ้คนพวกชอบเทียบสถานที่ของต่างประเทศกับเมืองไทย เช่น เรียกเขื่อนรัชประภาเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย
ไอ้คนชอบเรียกแบบนี้มันเหมือนว่าของไทยเราไม่มีค่า เฮ้อออ ทำไมไม่เรียกกุ้ยหลินว่ารัชประภาเมืองไทยบ้างล่ะ
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 02, 2015, 06:15:08 pm
2 กพ 58
เพลีย ตื่นสายเฉยเลย ไม่มีเวลาแม้กระทั่งขี่จักรยาน
   เช้านี้มีแกงจืดตั้งโอ๋ ใส่หมูสับ ไข่เจียว ข้าวกล้องสีม่วงล็อตนี้อร่อยมาก กินข้าวกล้องจนอร่อยกว่าข้าวขาวแล้วล่ะ แต่ข้าวขาวจะอร่อยกว่าข้าวกล้องอยู่กรณีเดียวคือนำมาทำข้าวผัด แต่ข้าวที่นำมาผัดต้องเป็นข้าวเย็นด้วยนะ ข้าวสวยร้อนๆ นำมาผัด รับรองความห่วย มันจะเละไปหมด แถมติดกระทะล้างยากอีกด้วย
   เช้าวันจันทร์ของต้นเดือน แถมคนงานขาด หึหึ ผมรับเองครับ ทำหน้าที่ตรวจเช็คสินค้าเข้าออกจากร้าน วุ่นจนแทบไม่ได้นั่งเก้าอี้ ปีนป่ายท้ายรถสิบล้อขึ้นไปนับสินค้า ถ้าเขาจัดเรียงไม่เป็นระเบียบก็นับยากหน่อยครับ คิดบวกเสมอว่ามันท้าทายดี
   ติดเอาส้มเขียวหวานไปกินด้วย 5 ผล เดินไปเดินมาก็หยิบเข้าปาก แป๊บเดียวหมด ยังดีนะที่มีของกินรองท้อง เพราะช่วงกลางวันก็มีสินค้ามาส่งสลับกันไปตลอด กว่าจะว่างก็โน่นเลยครับ 0200 และยังต้องไปธนาคารต่ออีกสักพักใหญ่
   เข้ามาบ้านตอน 0330 เพลีย หมดแรง สมองไม่แล่นเลยว่ะ หมดแรง เหนื่อย เมื่อย หิว ไม่มีอะไรกิน เลยเอาหมูหยองมากินเปล่าๆ หึหึ เพลินนะนั่น
   เจอโฆษณา “สแนคแจ๊ค” เอานักร้องชื่อแสตมป์มา ฉากกำลังจะกินปลาหมึกสดใจจาน แต่นึกสงสารขึ้นมา แถมมีลูกปลาหมึกออกมากอดแม่ไว้อีก เลยคิดหนัก แล้วแม่ปลาหมึกก็ชี้ให้ดูข้างๆ มีบริกรสาวเอาขนมสแนคแจ๊ครถปลาหมึกมาให้กินแทน เป็นอันว่าปลาหมึกสดรอด ไม่โดนแดก    
   ฮ่วยย ร้านอาหารมึงขายสแนคแจ๊คด้วยหรอวะ
   แสดงว่ากำลังจะขยายฐานจากเดิมขายเด็ก อยากจะเพิ่มกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยเริ่มโตขึ้น
   ธุรกิจขนมก็น่าสนใจนะ แต่ขนมส่วนใหญ่มันออกแนวทำลายสุขภาพมากกว่า เรื่องนี่สิน่าคิด ผมว่าน่าจะคิดภาษีจากจุดนี้ให้หนัก ใครทำลายสุขภาพมากกว่ากันก็เก็บภาษีเยอะหน่อย เช่นพวกของทอด ใช้ไขมันทรานส์ ใส่สารกันเสีย ปรุงแต่งรส โซเดียม ฯลฯ
   ในทางกลับกัน หากใครทำของมีคุณภาพ กินแล้วสุขภาพดี เช่นมีเส้นใยอาหารสูง ไม่มีสารปรุงแต่ง ไม่ใส่สี ไม่ใส่สารกันบูด ไม่มีไขมันทรานส์ ฯลฯ เช่นนี้ก็น่าจะเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่านะ
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 03, 2015, 05:58:03 pm
3 กพ 58
   นอนดึก ตื่นสายอีกแล้ว ทำเอาไม่ได้ออกกำลังกายไปอีกวัน เช้านี้มีน้ำแครอทคั้นแยกยากให้ดื่ม 1 แก้วใหญ่ อีกพักหนึ่งก็กินมื้อเช้า อร่อยสุดยอดครับ เนื้อปลาผัดใส่ใบโหระพา ทำเหมือนตอนผัดหอยลายน่ะ กินกับไข่ต้ม แครอทสดลวก นึกขึ้นได้ เฮ้ยย เราพักกระเทียมสดไปนานเป็นเดือนแล้วนะนี่ ไว้ต้องกลับมาจัดใหม่
   ของอะไรดีๆ เรากินแล้วก็ต้องพักบ้างนะครับ เรียกว่าเดินสายกลาง อย่างผมก็พักกระเทียมสดไปพักใหญ่ บีทรูทก็เช่นกัน พักไปเป็นเดือนแล้ว
   แต่ของที่กินได้ตลอด ไม่ต้องพักก็คือผลไม้ตามฤดูกาล ของถูกๆ หาง่ายๆ เช่น กล้วย ส้ม พวกนี้ของดีใกล้ตัว ไม่ต้องแร่ดไปหาของแพงๆ กินก็ได้ มีประโยชน์ไม่แพ้กัน ถ้าจะเลือกกินก็ขอให้เลือกแบบหลากสีเข้าไว้เป็นดี
   วันนี้งานที่ร้านไม่โหดมาก ทำไปเรื่อยๆ สบายๆ แต่ยังคงมีแบกยกของเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ฮ่าๆ มันช่างเป็นงานที่อมตะคลาสสิคเสียจริงๆ
   
   บ่ายนี้มีอาหารกลางวันเป็นถั่วแดงต้มถ้วยใหญ่เลย ปกติต้มถั่วเขียวนี่แค่ 15 นาทีก็สุกแล้ว แต่ถั่วแดงนี่ต้องต้มถึง 1.15 ชม แถมถั่วยังไม่เปื่อยเลย โหห โหดสัสจริงๆ คราวนี้แช่ก่อนล่วงหน้าถึง 8 ชม แล้วนะ คราวหน้าคงต้องลองแช่ถึง 2 วัน หึหึ
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 05, 2015, 05:27:37 pm
4 กพ 58
   กินถั่วแดงเยอะ ถ่ายออกมาสีคล้ายถั่วแดงเลย ช่วงนี้มีน้ำแครอทคั้นแยกกากกิน 1 แก้วทุกเช้า
   ข่าวใหญ่วันนี้คือ เครื่องบินโดยสารของสายการบินทรานส์เอเชีย เป็นสายการบินในประเทศของไต้หวัน มีผู้โดยสาร 58 คน บินชนกับสะพานข้ามแม่น้ำอย่างจัง และตกลงไปในแม่น้ำคีลุงใกล้ๆ กับไทเป
   เครื่องเพิ่งขึ้นมาจากสนามบินซงซานได้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง ตัวเครื่องบินเป๋มารอดผ่านตึกจนปีกชนกับสะพานแล้วจึงร่วงลงแม่น้ำ
   แต่มีข่าวใหญ่กว่าเมื่อสองวันก่อนคือกลุ่ม IS ฆ่าตัดคอตัวประกันชาวญี่ปุ่น เพื่อนผมเอาคลิปมาให้ดู แม่งเอ๊ยยย สยองเหี้ยๆ เลย เอาเป็นว่าผมออนไลน์มากว่า 20 ปี คลิปนี้แหละคือที่สยองขวัญที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ดูมาสองวันแล้ว ภาพยังติดตามาจนถึงตอนนี้ นึกแล้วแม่งขนลุกมาก
   ตกใจยังไม่ทันหาย บ่ายมีคลิปเผาทั้งเป็นนักบินของจอร์แดนออกมาอีกแล้ว เฮ้ยย โหดอะไรปานนั้น
   แต่ไอ้คลิปล่าสุดนี้ดูแล้วแปลกๆ ไปมาก ทั้งมุมกล้อง ทั้งองค์ประกอบ ลำดับภาพ เอาตรงๆ คือแม่งเหมือนทำหนังมาให้ดู
   แล้วกลุ่ม IS มันจะสร้างสรรค์ขนาดนั้นหรอ จะฆ่าตัวประกันโชว์ก็ซัดไปเลย ทำไมต้องมาบิ้วอารมณ์เป็นช็อทๆ
   หรือว่ามันไม่ใช่คลิปของกลุ่ม IS
   และถ้าไม่ใช่ของ IS จะเป็นของใครล่ะ
   ก็ใครล่ะที่ได้ประโยชน์หากจอร์แดนโกรธจนเข้าร่วมทำสงคราม
   “สงคราม” คำนี้คุ้นไหมครับ ประเทศไหนอีกล่ะ ที่ได้ประโยชน์จากการทำสงคราม
   ก็คือประเทศที่ขายอาวุธไงครับ
   เข้าใจตรงกันแล้วนะว่าใครอยู่เบื้องหลังทั้งหมด

   กลุ่ม IS ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือชาวมุสลิมชาวอิรักที่เกลียดคนมาหากินด้วยการทำสงครามในบ้านเขานับสิบปีนั่นเอง
   สงครามนี่มันคือธุรกิจหลักของประเทศค้าอาวุธเลยนะครับ 20 กว่าปีก่อนก็หลอกแดกซาอุฯ ในสงครามอ่าวเปอร์เซียร์ไปแล้ว พอเศรษฐกิจแย่ก็กุเรื่องสร้างสงครามขึ้นมาสักที แค่นี้ก็มีเงินเข้ามาหากระเป๋าตัวเองแล้ว

   เย็นไฟดับ เอาแล้วสิมึง รีบถอดปลั๊กคอมฯก่อนเลย คิดว่าดับแป๊บเดียว เราก็เฉยๆ สบายๆ ไม่เดือดร้อน พอนานเข้า เฮ้ย ชักแปลก สงสารปลาทองในบ่อสิ มันไม่มีระบบน้ำหมุนเวียนกลัวจะตายเอา เริ่มดับตอน 0400 พอผ่านไป 1 ชม ไฟยังไม่มา ผมยังเฉยๆ นะ เอาจักรยานออกขี่เล่นต่อ จะได้ไม่เสียเวลาออกกำลังกาย
   ขี่ไปเรื่อยๆ นั่งจนเจ็บตูด ผ่านไป 1 ชม เฮ้ยย 0600 แล้ว เริ่มมืดแล้ว ไฟยังไม่มาเลย เดินดูปลาในบ่อยังโอเค แต่งดให้อาหารมื้อเย็นนี้นะ
   ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ แต่เราไม่เดือดร้อน คิดบวกตลอดไง นึกถึงตอนเราไปแคมปิ้งมันก็ไม่มีไฟฟ้าให้ใช้ และที่โหดสุดของผมก็คือตอนที่ไปนอนที่ริมทะเลชะอำ แถมไม่ได้อาบน้ำก่อนนอนอีกด้วย ไอ้นี่สาหัสเลย ผมยังผ่านมาแล้วเล้ยยย
   เริ่มมืดลงๆ เดินหาเทียนมาจุด ไปได้เอาของชำร่วยแต่งงานของใครก็ไม่รู้ มีหลายรุ่นเลย หยิบมา 3 ชิ้น จุดแล้ววางรอบๆ ตัว มีไฟฉายก็จับตั้งเปิดให้มีส่องเพดานบ้านที่เป็นสีขาว จะได้แสงกระจายนวลๆ แล้วก็ซ้อม Uke ไปอย่างเพลินๆ
   0700 ไฟยังไม่มาเลย หึหึ ชักจะเริ่มร้อนนิดๆ เพราะไออุ่นจากเทียนนี่แหละ แต่ก็ต้องทนเอา หากคิดว่ามันร้อน ก็จะร้อนอยู่อย่างนั้น ในทางตรงข้าม หากคิดว่ามันเย็นสบายดี เราก็จะรู้สึกเย็น
   ผมเรียกวิธีนี้ว่าการสะกดจิตตัวเอง ลองทำครั้งแรกขณะฝึกเรียน รด ครูฝึกสั่งให้หมอบบนพื้นปูนร้อนๆ ผมคิดว่ามันเป็นพื้นน้ำแข็ง โคตรหนาวเลยนะมึง คิดแบบนี้ในหัว จึงหมอบราบบนพื้นปูนได้อย่างนิ่งสนิท ต่างจากเพื่อนๆ รอบตัวที่กระดุกกระดิกตัวหนีสัมผัสของพื้นกัน
   ยังนำวิธีนี้มาใช้ตอนขี่จักรยานทางไกลด้วยนะ เวิร์คมากๆ ทำให้เราอึดทนต่อได้อีกพักใหญ่ แต่จะมาจบข่าวตอนเจ็บก้น เจ็บหลังนี่แหละครับ ถ้าร่างกายเจ็บแล้วนี่แม่งจบข่าวเลย ฝึกอะไรมาขนาดไหน ถ้าเจ็บปุ๊บ จบปั๊บ ฉะนั้น โปรดจงอย่าเจ็บ
   0730 ไฟมาแล้ว รับรู้ได้จากเสียงคอมฯของตู้เย็นก่อนเพื่อน เย้ๆ รีบขึ้นห้องเปิดแอร์ผึ่งพุงทันที
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 05, 2015, 05:33:46 pm
5 กพ 58
   ขี่จักรยานตอนเย็นแล้วเพลียหมดแรงได้เพียงนี้หรือนี่ ตื่นสายมาหลายวันแล้วนะ
   เฮ้ย วันนี้ได้งานแปลกโคตร คือไปซื้อของจากร้าน 7-11 มาขาย !!! งงไหมครับ คือสินค้าบางตัวของ 7-11 เขาจัดรายการแล้วมันราคาถูกเว่อร์ เรียกว่าขนาดผมซื้อเข้าเป็นคันรถ ยังแพงกว่าเขาเลย
   ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ เพราะกับ 7-11 แล้วส่วนใหญ่บริษัทเจ้าของสินค้าจะเป็นผู้จัดส่งเอง ซึ่งเขาจะขายกันเท่าไหร่ก็ตามใจเลย คือถูกไม่พอ แถมให้เงินติดอีกด้วย แต่ถ้าเขาขายร้านผมก็จะต้องผ่านเอเย่นต์ ผ่านศูนย์กระจายสินค้า ผ่านระบบจัดส่ง ฯลฯ ร้ายกว่านั้นคือผมต้องจ่ายเงินก่อน แล้วของถึงจะมา หึหึ
   ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ครับที่ได้เดินเข้าไปหลังร้านของ 7-11 แล้วยกแบกออกมาเอง จากนั้นก็นำสินค้าเข้าไปเก็บในโกดังของร้านเราเองต่อ
   
   เซ็งเหี้ยๆ เลย  ตอนบ่ายทางกองเรือยุทธการประกาศเปิดรับสมัครคอร์สเรือใบของปี 58 วันที่ 10 – 20 มีนาคม มันตรงกับวันที่แม่จะไปต่างประเทศพอดี ผลก็คือ ผมต้องอยู่เฝ้าร้านขายของ
   ปีที่แล้วมิวติดสอบเข้า ม1 ก็เลยไม่ได้ไป กะว่ายังไงๆ ปีนี้ไม่พลาดแน่ ครั้งก่อนมิวเรียนเรือออปติมิสต์ ปีนี้อยากให้เขาเรียนเรือเลเซอร์ และผมก็จะขอร่วมเรียนด้วย เป็นอันว่าฝันสลายครับ เศร้าโคตรๆ เลยนะ เพื่อนมิวที่โรงเรียนเก่าก็ยังไปกันเลย คิดถึงบรรยากาศแล้วน่าสนุกสุดๆ เสียดายๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
   แต่ไม่เป็นไร คิดบวกเข้าไว้ แม้ไม่ได้เรียนคอร์สนี้ ก็ไปเรียนตอนสะดวกก็ได้นี่นา
   อืมม แล้วมึงจะได้ไปตอนไหนหรอ มึงต้องยกแบกของอยู่ร้านนี้ไปชั่วชีวิตไม่ใช่หรอ
                เฮ้ย เพื่อน ใจกูแกร่งกว่าที่มึงคิดไว้เยอะว่ะ
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 06, 2015, 06:20:31 pm
6 กพ 58
   ออกกำลังกายตอนเย็น แถมนอนดึก ทำเอาตื่นสายติดต่อกันไปหลายวัน นี่ก็เป็นอีกวันที่ตื่นเช้ามาแล้วทำได้แค่สูดลมหายใจ มีน้ำแครอทคั้นแยกกากกิน 1 แก้ว ไอ้นี่กินบ่อยๆ จะถ่ายออกมาเป็นสีส้มเลยนะ แต่ไม่อันตรายอะไรหรอก แต่ร่างกายมีเบตาแคโรทีนเยอะเกิน ก็จะขับออกมาเท่านั้นเอง
   วันนี้ที่ร้านขายดีมาก มีข่าวสินค้าจะปรับราคาขึ้น ลูกค้าที่มีที่เก็บก็สังของกันใหญ่ จัดไปครับ เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว ยก แบก เข็น ฯลฯ กระทั่งหาบก็ยังเคยมาแล้วนะ ถนนทางเข้าร้านลูกค้ากำลังก่อสร้าง ขนาดเดินยังลำบาก รถเข็นเข้าไม่ได้ จะยกก็ได้ทีละไม่กี่ลัง แถมต้องเดินไกล ก็เลยใช้ใส่หาบแล้วช่วยกันหาม หึหึ ความพยายามสูงจริงๆ
   บ่ายขี่จักรยานไปรับรถคนงานจากอู่ กลางแดดเปรี๊ยงๆ เลย โหดสัสๆ เลย ไม่มีแว่น ไม่มีผ้าปิดหน้า ร้อนจนแสบผิว ครีมกันแดดน่ะไม่ได้ทามาปีกว่าแล้ว ระยะทางไม่ไกลมากนักราว 3 กม แต่รถมันติดมากนี่สิ ขี่ไปดมควันไป ฟินโคตร
   แวะจ่ายภาษีที่สำนักงานเขต บ่ายนี้รถติดเว่อร์ๆ ยังไงพิกลนะ
   ขากลับบ้านรู้สึกทำไมรถเราแปลกๆ เรี่ยวแรงไม่ค่อยมี กดแล้วรถไม่ค่อยพุ่ง อาการแบบนี้เคยเกิดหลายปีมาแล้ว แก้หายแล้ว เหตุเกิดจากชุดคอยล์จ่ายไฟไม่เต็มสเปค
   เอ แล้วมันจะเป็นแบบเดิมอีกไหมหนอ แต่อาการเหมือนเดิมเป๊ะเลย เครื่อง 2.0 T แต่วิ่งเหมือนมีแค่ 1.2 NA ซำยังรอบปลายยังลากไม่ขึ้นอีกด้วย เหมือนมันตื้อๆ ตันๆ
   ระบบไฟชัวร์ครับ ลองสลับวิ่งแก๊สแล้วก็เป็นเหมือนกัน แต่ก็ต้องไล่เช็คกันไป อาจเกิดจากหัวเทียนก็ได้ สายหัวเทียนรั่วก็เป็นได้ (แต่คงรั่วน้อย เพราะถ้ารั่วเยอะนี่ถึงขั้นเดินไม่เต็มสูบ เครื่องจะสั่นสะท้านมาก)
   ขับมากลางทางก่อนจะถึงบ้านยิ่งระทึก เหลือบมองหน้าปัด เฮ้ยย เข็มความร้อนขึ้นสูง !!!
   เหลืออีกนิดหน่อยจะเข้าขีดแดง รีบปิดแอร์ทันที เปิดกระจก รถติดกลางแดดนี่ไม่เป็นผลดีต่อการระบายความร้อนเลยนะ ทำให้คิดต่อไปว่า เอ๊ะ น้ำหม้อน้ำเราขาดหรือเปล่าวะ ไม่ได้เช็คมาสามวันเองนะ
   ไอ้คันนี้เมื่อก่อนมีอาการน้ำขาดประจำ แต่จู่ๆ ก็หายเอง งงฉิบเป๋ง จากเดิมตรวจเช็คกันทุกวัน ตอนนี้กลายเป็นวันเว้นสองวัน
   พอรถเริ่มขยับได้หน่อยก็ดีใจ แต่กดคันเร่งมากไม่ได้นะ ถ้าใช้รอบสูงจะยิ่งทำให้ปั๊มน้ำปั่นแรงตามไปด้วย ยิ่งดันน้ำที่มีอยู่น้อยกว่าปกติ ออกทิ้งไป (ถ้ามีจุดรั่วนะ)
   ฉะนั้น ควรขับช้าๆ ที่รอบเครื่องต่ำๆ ไม่เกิน 2000 รอบ หรือต่ำกว่านั้นได้ยิ่งดี ประคองไปเรื่อยๆ จนถึงบ้าน แต่ต้องดูเข็มกันตลอดทางเลยนะ
   แต่ทางที่ดีสุดนะ (ถ้าเข็มถึงขีดแดงแล้ว แต่เครื่องยังไม่ดับ) ถ้ามีที่จอดรถสวยๆ อย่างปั๊มน้ำมัน หรือร้านกาแฟ ก็แวะเลยครับ จอดพักและเติมน้ำในถังพักให้เต็ม (แต่กรณีนี้คือแค่น้ำพร่องจนหาย หรือรั่วเล็กน้อยนะ)
   จอดพักดับเครื่องไปเลยครับ ราว 1 ชม ค่อยกลับมาดูที่รถ บิดกุญแจแก๊กเดียว แค่พอให้เข็มบนหน้าปัดขึ้น ถ้าเครื่องยังร้อนผิดปกติอยู่ก็รอต่อไป รอจนให้เข็มความร้อนลงมาต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ จากนั้นจึงเติมน้ำในถังพักแล้วสตาร์ทเครื่องขับต่อไปได้
   แต่ระหว่างทางก็ต้องมองเข็มกันตาเขม็งเลยล่ะ
   
   ถึงบ้านก็รีบจอดเข้าที่ร่ม เปิดฝาเช็คระดับน้ำ พบว่าน้ำพร่องไปเยอะพอควร รีบเติมทันที แล้วก็เห็นเข็มค่อยๆ ลดลงมา โอเค มาถูกทางแล้ว ติดเครื่องเดินเบาไปอีกสักพัก ต่อไปจะขับรถต้องคอยเช็คระดับน้ำกันตลอดอีกแล้วสินะ
   ก่อนจะดับเครื่องได้ยินเสียงลมฟี้ๆๆ ๆ ๆ เฮ้ยย ท่อแวคคัมรั่ว
   รถเครื่องยนต์เทอร์โบจะมีท่อลมมากมายต่อวนผ่านตัวกล่องอะไรก็ไม่รู้ ยังไม่นับระบบเวสเกตท์ที่ต่อวนเอาลมที่พ่นทิ้งกลับไปใช้ใหม่อีกด้วย
   ลองเอานิ้วอุดก็รู้ว่ามันคือท่อดูด โหห แล้วมันเพิ่งหลุดหรือเปล่าหนอ เพราะตอนขากลับบ้านนี่กดคันเร่งแล้วรถอืดมากๆ ไม่รู้เกิดจากความร้อนขึ้นหรือไอ้สายนี้หลุดกันแน่ งงจริงๆ เลย
   ผมเล่นรถโบราณมาก่อน เลยเข้าใจพฤติกรรมของรถเก่า แต่บอกได้เลยนะว่าถ้าภรรยาหรือแม่ผมนั่งไปด้วยแล้วเจอรถแบบนี้ ผมโดนบังคับขายทิ้งเหมือนรถคันก่อนๆ แน่นอน
   ท่อแวคคัมของเก่ามันแข็ง บางเส้นก็แตกปลาย ทำให้ระบบลมหมุนเวียนไม่สมบูรณ์ ส่งผลโดยตรงต่อเครื่องยนต์ เริ่มจากรอบเครื่องไม่นิ่ง ตอบสนองผิดปกติไป ถ้าเป็นไปได้ ไล่เปลียนมันยกชุดเสียเลย และเลือกใช้ท่อซิลิโคนคุณภาพสูงสุด (แพงมาก)

   หิวโฮก ปล้ำกับรถจนเหนื่อย ที่บ้านมีถั่วเขียวต้ม เลยจัดมาชามใหญ่ กินอิ่มแล้วยังไม่สะใจ ตามด้วยช็อคโกแลตดาร์คอีก 2 ชิ้น หึหึ เคลิ้มเลย

   USA ประกาศระงับความสัมพันธ์เต็มรูปแบบกับไทย เฮ้ยยๆ พี่คิดอะไรผิดหรือเปล่า ให้ค่าตัวเองสูงไปเปล่าครับ คิดเอง เออเอง
   แต่แล้วก็เจอจีนสอนมวย เพราะส่งทูตมาสานสัมพันธ์กับลุงตู่ทันทีในวันเดียวกัน บ๊ะ สุดยอดมากๆ คมเฉือนคมจริงๆ
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 08, 2015, 04:14:24 pm
7 กพ 58
   ไปส่งมิวที่รถไฟฟ้า มีเวลานั่งอยู่ด้วยกันก็เช้าและเย็นวันเสาร์นี่แหละครับ วันอื่นๆ เขาจะออกไปกับภรรยาผม มีเวลาแค่ราว 20 นาทีในการพูดคุย ให้กำลังใจ ปลุกไฟในกายเขา
   การพูดคุยก็จะแนวๆ เดิม คือถามเขาว่าความฝันของลูกยังคงเป็นแบบเดิมไหม ต้องรักษาสุขภาพสายตาและร่างกายอย่างมากนะ ตอนเรียนก็ลองคบหากับเพื่อนหลายๆ กลุ่มเข้าไว้ ให้ลูกเรียนรู้คนหลายๆ แบบ เพื่อนเรียนเก่งๆ เราก็ถามเรื่องวิชาการกับเขา ถ้าเจอเพื่อนเรียนไม่เก่งเราก็ช่วยผลักดันเขา เข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนให้มาก ช่วยงานครู ฯลฯ
   อาการรถที่วิ่งเน่าๆ เริ่มดีขึ้น เดาว่าเกิดจากสายแวคคัมแน่ๆ หลังจากเสียบกลับเข้าที่ให้แน่นแล้วรู้สึกรถวิ่งดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ยังมีหน่วงๆ ถ่วงๆ อยู่อีกพอควร จนผมอยากได้ชุดสายหัวเทียน สายคอยล์แบบ Direct Coil ที่เป็นของแต่ง ไม่รู้หาจากไหนดีนะ รถแม่งเก่ามากแล้ว แต่ผมยังแอบเก็บชุดแต่งท่อไอเสียของ Blitz Spec Nur ไว้นะ ซื้อตอนที่มันออกมาใหม่ๆ เลย เก็บไว้เป็นสิบปี กะจะมาให้มันหล่อตอนแก่
   และเช่นเคยครับ สไตล์การแต่งของผม มันไม่เหมือนชาวบ้านแน่นอน และสไตล์ที่ผมอยากแต่งมันก็ยังไม่เคยเห็นใครทำมาก่อนอีกด้วยทั้งในไทยและต่างประเทศ แบบนี้เขาเรียกเด็กแนวหรือเปล่านะ
   มีลูกค้าชาวญี่ปุ่นมาสั่งซื้อสินค้าให้ไปส่ง เขาจะจัดบูธขายสินค้าแถวๆ คลองสาน เจ้าตัวจะมาจ่ายเงินที่ร้าน แต่เขาไม่รู้จัก พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ผมอยู่ด้วยพอดีเลยสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษจนสำเร็จ
   เฮ้ยย นี่ขนาดทำงานร้านโชว์ห่วยก็ยังต้องรู้ภาษาอังกฤษเลยนะ ปลายปีเปิด AEC ก็จะเพิ่มความสะดวกแก่ธุรกิจที่เขาพร้อมรับคนต่างชาติอีกเป็นแน่
   “ฮิโรชิ” เดินตลอดทั่วถนนแต่หาร้านผมไม่เจอ จนผมต้องขี่จักรยานออกตามหา ไปเจอกันโน่นเลยครับ แถวสะพานพุทธ
   บ่ายไปธนาคารและแวะรอรับมิว ระหว่างนั้นก็ว่างตลอดหลายชั่วโมง ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเดินๆ ๆ ออกกำลังกายและค้นหาไอเดียใหม่ๆ ไปในตัว
   แผนกที่เดินได้นานสุดคือซูปเปอร์มาเก็ต แต่ต้องข่มใจพอควร ของกินยั่วยวนมาก แนะนำให้กินอิ่มก่อนแล้วค่อยเข้ามานะ ผมน่ะจัดก๋วยเตี๋ยวต้มยำไป 1 ชามก่อนหน้านั้นแล้ว
   ของที่พอจะกินได้แล้วอ้วนน้อยสุดในซูปเปอร์ฯก็คือพวกถั่วครับ โดยมีข้อแม้ว่าอย่ากินเยอะ อย่ากินก่อนนอน เพราะถั่วมีประโยชน์มากก็จริง แต่ก็ให้พลังงานสูงมากเช่นกัน โดยเฉพาะแมคคาเดเมีย มะม่วงหิมพานต์ ส่วนถั่วที่อ้วนน้อยสุดน่าจะเป็นถั่วลันเตา ราคาถูกสุดคือถั่วลิสงแต่แลกกับไขมันเยอะหน่อย ทางที่ดีคือกินให้หลากหลายครับ อย่างละนิดละหน่อย เดินสายกลาง สำคัญสุดคือออกกำลังกายเหมาะสม
   ข่าวสารในเฟซบุ๊คมีแปลกๆ เยอะมากนะ เช่นกินโน่นกินนี่เพื่อลดความอ้วน เฮ้ยย พี่น้อง คิดอะไรผิดหรือเปล่า อยากลดแต่ดันหาของกินเพื่อลดอย่างนั้นหรือ ของที่กินแล้วลดกินแล้วผอมได้ มีอยู่อย่างเดียวในโลกนี้คือน้ำเปล่าครับ
   ถ้าอยากลด ก็ต้องลดการกินต่างหาก สัจธรรมง่ายๆ ซื่อๆ แต่บอกแบบนี้แล้วมันขายของไม่ได้ไง คนโง่มีเยอะกว่าคนฉลาด
   น้ำหนักผมขึ้นมาตอนปลายปี 1 กก และช่วงปีใหม่อีก 1 กก มาถึงตอนนี้เพิ่งจะเอาลงไปได้ 1 กก ใช้เวลาแค่สองวันในการขึ้น แต่ใช้เวลาเดือนกว่าในเอาเอาลง (ลดแบบไม่เข้มงวดมากนะ)
   ซื้อถัวแดงมา 1 กก ถัวของโก๋แก่อีก 3 ถุง กินถั่วมาเยอะมากจนได้ข้อสรุปของตอนนี้ว่าถั่วที่อร่อยสุด คุ้มค่าสุดก็คือถั่วของโก๋แก่นี่แหละ แต่อย่าไปเลือกรุ่นอบกะทินะ ไม่รู้ทำไมที่เขาใช้ถั่วเม็ดเล็กๆ มาทำ ต่างจากรสกาแฟที่จะเป็นถั่วเม็ดใหญ่อ้วน เคลือบกาแฟหนาๆ อร่อยกว่ากันเยอะมาก ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ชอบกาแฟเล้ยยย
   แวะซื้อครัวซองต์ฝากภรรยา ซื้อขอบขนมปังที่ร้านยามาซากิมา 1 ถุง กะจะเอาไปให้ปลากินพรุ่งนี้
   เจอรองเท้าลดราคา แถมเป็นรองเท้าวิ่งที่เราสนใจอยู่อีกด้วย ใจชอบของ Fila ครับ เพราะไม่แพงเว่อร์ ปกติเมื่อก่อนชอบ Adidas ซึ่งตอนนี้ก็ยังชอบนะ แต่ราคามันสวนกับคุณภาพเหลือเกิน ต่างจาก Fila ที่ถ้าเราไม่ดูยี่ห้อ ดูแต่วัสดุและราคา ผมว่าไอ้นี่กินยี่ห้อดังๆ เรียบ
   ราคาตั้ง 1700 ลดเหลือ 1400 ผมยังคิดแล้วคิดอีกเล้ยย อาการ “งก” ออกไง อยู่กับตัวเองคนเดียวน่ะผมจะโคตรงกเลย นึกถึงตอนที่ลูกต้องใช้เงินเรียนนักบินแล้วยิ่งลำบากใจ ต้องจ่ายอีกเป็นล้าน
   ถ้าบ้านรวยแบบเศรษฐีก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ผมอยู่แต่ร้านขายของ ตัวเองไม่ได้ออกไปทำงานหาเงินอะไรเข้ามาสักนิด ต่างจากสมัยก่อนที่ยังมีเวลาว่างไปทำงานดีไซน์ งานเขียน งานทดสอบรถ ที่ปรึกษา ฯลฯ
   ยิ่งโต อนาคตแม่งยิ่งมืดมนจริงๆ
   แต่ถ้าคิดบวก ผมก็ให้เวลาทั้งหมดไปกับการช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ได้บ้าง
   เดินไปอีกหน่อยเจอของ Puma ลดราคาบ้าง ไอ้นี่ลดอย่างโหดเลย จัดไป 40% แถมมีรุ่นที่วิ่งแบบ Front Foot Running อีกด้วย ยืนดูไอ้คู่นี้อยู่นานมากเลย ราคาราว 2000 เบามาก แต่แล้วก็ตัดใจวางมันไว้ตรงนั้นด้วยเหตุผลเดิมๆ
   เศร้าเน๊อะ
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 08, 2015, 04:40:52 pm
8 กพ 58
   วิ่งไป 1.45 ชม กายบริหารกลางแดดอีก 15 นาที ขากลับแวะวัดพุทธบูชาให้อาหารปลา แต่แม่ค้าริมคลองบอกว่าช่วงนี้ไม่มีปลาแล้ว ไม่รู้ทำไม ตั้งแต่เริ่มหนาวมาปลาก็ไม่ค่อยมาแถวนี้แล้ว
   เลยเก็บขนมปังกลับ เอาไว้พรุ่งนี้ไปให้ที่วัดบุคโลแทน ผมเลือกเอาขนมปังที่คนกินอย่างดีมาให้ปลา มันเลยเก็บได้นาน ดีกว่าไปซื้อของห่วยๆ มาให้เขากิน    
   แวะซื้อข้าวหมกไก่ 1 กล่องกลับมากินที่บ้าน โรยอบเชยผงไป 1 ช้อนชา ตอนซื้อมาเห็นข้าวเต็มกล่องคิดว่ากินยังไงก็ไม่หมด แต่เปล่าเลย เจอน้ำจิ้มอร่อยๆ นี่ เอาน้ำจิ้มคลุกข้าวกินได้สบาย มีผักแกล้มเล็กน้อย ซัดจนไม่เหลือสักเม็ด พอกินหมดค่อยมานึก เอ๊ะ ข้าวหมกไก่นี่มันอ้วนไหมวะ มีน้ำมันมาคลุกในข้าวมากน้อยแค่ไหนกันนะ ไม่เคยเห็นวิธีการทำของเขาเลย
   กลางวันกินถั่วดำชามใหญ่ เอามาต้มแบบแนวเดียวกับถั่วเขียวนี่แหละครับ อาทิตย์นี้จัดสารพัดถั่วเลย ทั้งถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วลิสงนี่กินบ่อยมาก วันละนิดละหน่อย ถั่วลันเตาก็มีบ้าง โดยมากจะเป็นพวกถั่วอบนะ ไม่ใช่กินเป็นแนวผัดผัก และตลอดบ่ายจนถึงเย็นก็กินแต่ถัว ฝรั่ง มะม่วง สตอเบอรี่
   เป้าหมายด้านสุขภาพในปี้นี้อยากจะลองมี Six Packs กับเขาดูบ้าง (อันที่จริงเรื่องกล้ามน่ะเรื่องเล็ก ผมเน้นสุขภาพโดยรวมมากกว่า แต่คำว่า Six Packs มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของคนหล่อ หุ่นดีไง เราก็เลยอยากเอาบ้าง) น่าจะยากกว่าแค่ลดน้ำหนักธรรมดานะ มันต้องมีการออกกำลังกายอย่างเข้มงวด และคุมอาหารอย่างหนักพอควร
   ไม่เป็นไรครับ ตั้งเป้าให้สูงเข้าไว้ ปีที่แล้วลดลงมาได้ถึง 10 กก แล้ว แต่ดันโง่เอง ชล่าใจเอง ปล่อยให้ตีขึ้นมาได้เสียนี่ ปีนี้ขอเอาใหม่ จะได้แค่ไหนคอยดูกัน
   ผมติดตามรายการของไทยรัฐทีวีมาอย่างต่อเนื่อง จนรายการที่ผมแสดงความเห็นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง (คงจะมีผู้บริหารของเขาหลายๆ คนเห็นตรงกันน่ะ ไม่ใช่พลังวิเศษของผมหรอก) รายการ “ฉายเดี่ยว” ที่เทปสุดท้ายมีการแสดงแบบเล่นละคร ต่างจากตอนเก่าๆ ที่เน้นสาระการเดินทาง มาวันนี้รายนี้งดฉายไปแล้วครับ เอาละครจีนเปาบุ้นจิ้นมาฉายแทน
   ตัดสินใจถูกแล้วครับ ชื่อรายการ “ฉายเดี่ยว” แต่ยกขโยงกันไปตั้งหลายคน มันก็ผิดคอนเสปตั้งแต่แรกแล้ว  ต่อมายังเมค เฟค แบบนี้ก็ต้องทิ้งเทป และถ่ายทำกันใหม่ ผิดแล้วก็แล้วกันไป อย่าให้ผิดซ้ำซากอีก ผมเองมีคอนเสปทำรายการท่องเที่ยวเหมือนกัน แต่ของผมจะไปด้วยพลังของผมเอง แนวทางของผมเอง แน่ล่ะ มันจะต้องไม่เหมือนรายการใดๆ ที่เคยฉายมาก่อนแน่ๆ
   ไม่มีดาราดัง ไม่มีกินเที่ยวหรูหรา ไม่มีที่พักราคาแพง ไม่มีสคริปต์
   งานที่ผมทำมันเป็นงานชิ้นเดียว เน้นความสนุก โลดโผน แปลก และแตกต่าง เช่นเดียวกับที่ผมทำ Racing Club ออกมา
   แต่ไอ้รายการนี้ผมยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยนะ รอบุญวาสนาแล้วล่ะครับถึงจะได้ทำ ตราบใดที่ยังคงทำงานอยู่กับบ้าน ฝันก็ยังคงเป็นฝันอยู่อย่างนั้น ดูอย่างเรื่อง Midnight Racing : the untold story ที่ผมแต่งมาตั้งแต่ปี 99 อยากทำเป็นหนังภาพยนตร์ จนป่านนี้ก็ยังไปไม่ถึงไหน ทำงานอยู่กับบ้านมันไม่ได้พบปะผู้คนที่ไหนเลยสักนิด
   ไม่เป็นไรครับ ยังมีลมหายใจอยู่ ก็ต้องสู้ฟันฝ่ากันต่อไป ให้กำลังใจตัวเอง เหมือนกับคำพูดที่เราให้กำลังใจลูกนั่นแหละ
   เพราะความท้อแท้ไม่เคยมีอยู่ในยีนของมด
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 09, 2015, 06:19:10 pm
9 กพ 58
   พอตั้งเป้าหมายแน่ชัดแล้ว ไฟในกายเราจะเกิดเองครับ เช้านี้ตื่น 0430 ตื่นเองด้วยนะ มีเวลาเยอะครับ เลยวิ่งไป 1.15 ชม ได้สูดลมหายใจเต็มที่ มีไอลมหนาวบางๆ ชอบความรู้สึกของจิตใจเราเองขณะวิ่งอย่างมาก มันนิ่ง สงบ
   เช้านี้กินผัดผักปวยเล้ง ไอ้ผักนี้ไม่ค่อยได้กิน จัดเสียหมดจานเลย กินกับข้าวกล้อง และไข่ดาว 1 ฟอง
   เช้าไปอยู่ร้านเหมือนเดิมครับ บรรยากาศเดิมๆ เป๊ะเลย ผ่านมากี่ปีก็เป็นแบบนี้
   เข้ามาบ้านตอนบ่ายแก่ๆ แต่ขณะอยู่กลางทางเข็มความร้อนเริ่มขึ้นอีกแล้ว เฮ้ยย งงดิ ขับปกติไม่ขึ้น นี่กลางแดดร้อนแรงจัดเลยขึ้นหรอ แถมรถก็ไม่ได้ติดหนักติดนานอะไรเลยนะ งงแล้วว่ะ น้ำหม้อน้ำไม่ขาดแน่นอน แล้วมันจะเกิดจากอะไรอีกล่ะนี่
   ตอนนี้อยู่กลางแดดพอดี ต้องใช้นาทีทองนี้สังเกตอาการรถ  และวิเคราห์ให้ขาด
เข็มความร้อนจะขึ้นตอนรถวิ่งว่ะ แปลกมาก ปกติตอนวิ่งแล้วลมปะทะหม้อน้ำ เครื่องจะเย็นลงต่างหาก แต่นี่ความร้อนขึ้นตามรอบเครื่องเลย กดเร่งแรงๆ หน่อย นี่ขึ้นเห็นๆ เลย
   เฮ้ยย ผิดปกติจากอาการโอเวอร์ฮีทแบบทั่วไปแล้วนะ มันไม่น่าใช่เรื่องของหม้อน้ำแล้วล่ะ
   ขับประคองๆ มาเรื่อง ลองปิดแอร์ เปิดแอร์ ก็ไม่เห็นความต่าง แต่ถ้ากดเร่งมากๆ ความร้อนจะขึ้นทันที เหมือนตอนกดขึ้นสะพานน่ะ ชัดเจนมากที่สุด พอใกล้ถึงบ้านนี่มีเสียงวิ้งๆ จนต้องเปิดกระจกฟัง เฮ้ยย อาการไม่ดีแล้วนะนั่น ใจเสียเลย
มาถึงบ้านนี่รีบเปิดฝากระโปรงแล้ววิ่งไปฟังเสียงใกล้ๆ อ้าว ไอ้เสียงวิ้งๆ หายไปแล้ว พร้อมกับเข็มความร้อนที่ค่อยๆ ลดลงมา
   ฉิบหายแล้วครับท่านผู้ชม อาการแบบนี้แม่งเหมือนกับว่าท่านชายจะมาเยือน “คำว่าท่านชาย” พวกนักแข่งดริฟท์รู้จักกันดี เจอท่านชายมาแล้วเกือบทุกคน
   ชาย ละ ล้าฟฟฟฟฟ
   แต่ของผมยังไม่หนักขนาดนั้น ไม่ค่อยได้ขับรอบสูง แต่ใต้ท้องเครื่องมีรอยรั่วหยดของน้ำมันอยู่บ่อยๆ มันต้องมีจุดใดรั่วไหลเป็นแน่ แต่ที่ผ่านมาผมก็ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำนี่นา ไม่เห็นพร่องหายไปไหนเลย
   รถคันนี้ไม่เคยดริฟท์ เป็นรถบ้านหน้าตาน่ารักแถมออกเชยๆ เพราะไม่ได้แต่งอะไรสักนิด ยังใช้ล้อเดิมเลยด้วยซ้ำไป
   เอาแล้วสิมึง ทำไงดีวะ ไม่อยากให้เครื่องพังเลยนะ ใช้งานมาแบบถนอมโคตรๆ
   เฮ้ยย อย่าเพิ่งคิดไปเอง อาจเป็นแค่แบริ่งของข้อเหวี่ยงก็ได้

   เข้ามาบ้านแบบหิวโหยอีกเช่นเคย วันนี้มีถั่วดำต้มอีกแล้ว จัดไป 1 ชามใหญ่ๆ เปิดคอมบันทึกอาการของรถเตรียมส่ง “ช่างวิทย์” ช่างซ่อมรถประจำร้านผม อยู่แถวถนนเจริญนคร
   ตกเย็นออกอาการเพลียๆ ง่วงนอน สงสัยจะออกกำลังกายเยอะ และตื่นเช้าจัด
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 10, 2015, 05:25:12 pm
10 กพ 58
   ตื่นมาแบบงัวเงีย ไม่อยากลืมตา แต่จิตอีกด้านสั่งให้ออกวิ่ง เลยจัดไปอีก 1 ชม แถมวิ่งเร็วกว่าเมื่อวานอีกด้วย เลยได้เหงื่อเยอะหน่อย
   เมื่อคืนทำเรื่องแย่ กินถั่วก่อนนอนเฉยเลย กินด้วยความอยากล้วนๆ ไม่ได้หิวสักนิด เฮ้ออ นี่ถ้าปรับปรุงจุดนี้ได้ คงผอมเร็วขึ้น
   อาหารเช้าวันนี้อร่อยมาก ผมเติมข้าวถึง 3 ครั้ง (ตักครั้งละนิดเดียว) เอาเนื้อปลาเก๋าเลาะมาแต่เนื้อ นำมาคลุกแป้งบางๆ ทอดแล้วพักไว้ นำไปผัดอีกครั้งแบบเดียวกับที่ทำผัดหอยลาย ใส่ใบโหระพาเยอะๆ เครื่องเคียงมีแครอทสดลวก ไข่ต้ม กระเทียมสด กินกับข้าวกล้องสีม่วงเข้มเกือบดำ ไม่รู้สายพันธุ์อะไร ข้าวเป็นตัวๆ เหมือนข้าวแช่ เนื้อค่อนข้างแข็งกว่าข้าวปกติ หรือว่าหุงน้ำน้อยเกินไปนะ
   จัดเตรียม Neobike 16 ขึ้นรถ แต่ใส่ไม่ได้ ฝาท้ายของ 180SX มันลาดมากๆ เลยต้องพับเบาะหลังแล้วใส่ด้านในแทน ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ก็โอเค ยกเข้าออกต้องระวังนิดหนึ่ง
   ก่อนออกจากบ้านตรวจเช็คน้ำมันเครื่องเห็นว่าพร่องลงไปนิดหน่อย ราวๆ 1/5 เลยปล่อยมันไว้อย่างนั้น น้ำในถังพักน้ำเต็ม โอเค ลุยได้เลย
   แต่ขับออกจากบ้านไปได้หน่อยเดียวก็ตกใจ เฮ้ยย ไฟน้ำมันเครื่องขึ้น ไฟดวงนี้สีแดง สีแดงคือการเตือนให้ระวังระดับสูงสุด (รองลงมาคือส้ม/เหลือง และเขียวคือปลอดภัย) ฉิบหาย หรือว่าน้ำมันกูรั่ววะ ทำไงดีๆ ๆ ขับไปช้าๆ ก็แล้วกัน บนถนนรถก็ติด ไปเร็วไม่ได้อยู่แล้วด้วย แต่กลัวเครื่องฮีทนี่สิ
   ใจคอไม่ดีอยู่แล้ว ยังมาเจอไอ้เสียง วิ้งๆ ๆ ๆ เป็นพักๆ อีกด้วย แล้วก็มีเสียงแกร็กกกกๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  ดังตามมาอีก ไอ้นี่เสียงเครื่องเขกแน่ๆ แต่แปลกมากตรงที่เข็มความร้อนไม่ขึ้นสูงเลย เข็มชี้ปกติมากๆ งงโคตรๆ แล้วโว๊ยยย
   แปลกอีกหน่อยคือแม้จะมีเสียงโน่นนี่มาให้กังวลใจ แต่รถก็ยังตอบสนองอยู่ในเกณฑ์ที่ดี กดแล้วยังพุ่ง (แต่ไม่ได้พุ่งกระชากอย่างแรงเหมือนตอนมันสมบูรณ์นะ)
   ไฟเตือนน้ำมันเครื่องขึ้นโชว์แล้วก็ดับไป แรกๆ ก็ดับนานหน่อย แต่พอหลังๆ มันเริ่มจะโชว์นาน ค้างตลอดแล้ว เฮ้ยย ไม่สบายใจว่ะ โทรหาช่างวิทย์ก็ไม่รับสาย คงยังไม่เปิดร้าน ทำไงดีๆ
   ขับไปจอดทีทำงานก่อนก็แล้วกัน ใกล้กว่า ถึงก่อน จอดพักสักหน่อยแล้วค่อยว่ากัน ขอไปปฏิบัติหน้าที่ยกของก่อน
   เช้านี้ก็มีของให้ยกเช่นเคย มีทุกวัน ยกกันไม่มีหมด เพราะหมด เราก็จะไปสั่งใหม่มาเติมไว้
   สายๆ กินน้ำเต้าหู้ใส่ลูกเดือย ถั่วแดง หน้าที่หลักๆ ของวันนี้คือการโทรหาลูกค้าเพื่อจดออเดอร์ วันนี้ซักไปเกือบ 50 สาย คิดบวกว่าได้คุยกับผู้คนหลากหลาย ใครไม่พอใจอะไรก็แค่ขอโทษเขาไป ง่ายฉิบเป๋ง
   บ่ายเอารถไปให้ช่างวิทย์ช่วยซ่อม ทิ้งรถไว้นี่แหละ จะต้องจอดกี่วันก็ยังไม่รู้เลย บอกอาการคร่าวๆ พร้อมกับยื่นใบสั่งงานให้ซ่อม เขียน (พิมพ์) มายาวเหยียดเต็มหน้า A4
   เอารถ Neobike ขี่กลับบ้าน ไอ้คันนี้ที่บ่นว่าฝืดๆ นี่แหละ พอเติมลมยางเยอะหน่อยมันก็วิ่งลื่นปรื๊ดแล้ว ขี่แป๊บเดียวก็ถึงบ้าน ขี่เร็วด้วยน่ะ กลางแดดมันร้อนจัด
   เหงื่อโทรมเลย รีบอาบน้ำทันที รู้สึกสดชื่นเห็นๆ ซัดถั่วดำต้มไปอีกชาม เมื่อวานก็ถั่วดำไปแล้ว วันนี้จัดซ้ำอีกที ดูซิว่าถ่ายออกมาจะเป็นสีดำๆ แบบถั่วอีกไหมนะ
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 11, 2015, 06:00:06 pm
11 กพ 58
   เอาจักรยานออกขี่ไป 30 นาที เพื่อสุขภาพครับ แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกาย
   เช้านี้กินแกงจืดตั้งโอ๋ ไอ้ผักนี่อร่อยดีนะ กินเสียหมดชามเลย
รถเราจอดอู่ ยืมรถพ่อไปใช้แทน ไอ้ยานอวกาศลำนี้ขับสบายมากๆ แต่ขับสบายกับขับสนุกมันต่างกันคนละโลกเลยนะ
   รถขับสบายจะเก็บอาการไว้ทั้งหมด เรานั่งอยู่จะแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย
   รถขับสนุกจะตอบสนองทุกอย่างให้คนขับได้รับรู้ และต้องมีสมดุลที่ดีทั้งในความเร็วสูงและต่ำ ทรงตัวดี เกาะถนนดี อัตราเร่งดี เบรกดี ฯลฯ
   แต่ก็ต้องเลือกให้ถูกกับลักษณะการใช้งานจะดีกว่าครับ ถ้าขับในเมือง รถติดมากๆ แบบนี้ควรเป็นรถ AT ขับคนเดียวประจำ เบาะหลังแทบไม่เคยมีใครนั่ง ก็เลือกรถเล็กๆ สองประตูได้เลย
   ทว่าไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มันเปลี่ยนไปแล้ว บางคนต้องเผื่อใส่จักรยานไปขี่ในวันหยุด บางคนชอบแคมปิ้งขนข้าวของมากมาย รถ SUV มันถึงฮิตไงครับ
   
   ช่างวิทย์โทรมาแจ้งบอกผ้าเบรกหลังหมด ขับยังไงหรอที่ผ้าเบรกหลังหมดก่อนผ้าเบรกหน้า
   อืมม ขับแบบ Midnight Racing น่ะสิครับ หึหึ
   นี่ยังดีนะที่คันนี้เป็น AT ถ้าเป็น MT ล่ะก็ จะยิ่งหนักกว่านี้อีก อย่างกับรถธนูไฟคันแรกที่ผมขับดริฟท์นี่ ถุงมือซ้ายฝ่ามือขาดทะลุ พื้นรองเท้าขวาสึกทะลุถึงด้านใน
   ถุงมือซ้ายขาดเพราะตบเกียร์ อันนี้เข้าใจได้ แต่พื้นรองเท้าที่สึกนี่สิ มันน่าจะเป็นข้างซ้ายมากกว่านะ เพราะเหยียบคลัตช์บ่อย แต่กลับเป็นด้านขวาที่ผมใช้เหยียบคันเร่งและเบรกแทน
   โห กดคันเร่งได้จนพื้นสึกเลยหรือนี่ นั่นคือรองเท้าคู่แรกของผมที่ใส่ตอนเล่นรถ ยังเก็บไว้อยู่เลย น่าเสียดายที่ถุงมือหายไปแล้ว โดนแม่เอาไปโยนทิ้ง เพราะคิดว่าเป็นขยะ
   คิดถึงอดีต เลยไปห้องเก็บของ หยิบเอาหมวกกันน็อคมาดูแล้วนึกถึงวันวานเก่าๆ อดีตของเราที่เคยมีชื่อเสียงเล็กๆ น้อยๆ ช่วงนั้นกำลังฝึกฝนฝีมือสารพัดอย่าง ยังเคยอยู่ในทีมร่วมทดสอบยาง Bridgestone ของญี่ปุ่นอีกด้วย
   งานทดสอบผลิตภัณฑ์มากันหลากหลาย น่าสนุกมากๆ พร้อมกับเหนื่อยโคตรเช่นกัน แต่ตอนนั้นมันอิสระสุดๆ เหนื่อยแค่ไหนก็ลุย สู้ 

   พรุ่งนี้เปิดตลาดน้ำแห่งใหม่ใจกลางเมืองริมคลองผดุงกรุงเกษมเลย นึกไม่ออกก็แถวสะพานมัฆวานนั่นแหละ ละแวกนั้น เปิดบ่ายๆ ไปจนถึงค่ำ ไฮไลท์ต้องเป็นกลางคืนแน่ๆ และมันต้องเป็นจุดพักรถของชาวจักรยานอย่างเลี่ยงไม่ได้
   ช่วงแรกเริ่มทดลอง 12 กพ – 1 มีค คิดก็สนุกแล้ว
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 12, 2015, 06:10:24 pm
12 กพ 58
   ตื่นเช้าโคตรเลย 0430 ก็ตื่นเอง งัวเงียนิดๆ นะ มีเวลาเยอะมาก เลยวิ่งซัดไปรวดเดียว 1.30 ชม ครับ
   ดูข่าวช่อง Thai PBS เมื่อคืนช่วงพยากรณ์อากาศแล้วมีช่วงสาระสั้นๆ  ไม่รู้มันไปเอาข้อมูลจากไหนมาเล่าต่อ เขาบอกว่า ถ้าจะออกกำลังกาย ก็ให้ออกตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นต้นไม้จะคายคาร์บอนฯ ถ้าเราออกกำลังกายในที่ๆ มีต้นไม้เยอะๆ เราจะขาดอ๊อกซิเจนได้ ทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพแทนที่จะได้ผลดี
   โหห โคตรน่ากลัวสัสสสสสส เล้ยยยย
   เออ พี่ครับ พี่เคยใช้ชีวิตในป่าไหมครับ พี่ว่าป่ามันมีต้นไม้เยอะไหมครับ แล้วถ้ามันเป็นแบบที่พี่บอกจริง สัตว์ป่าแม่งไม่ตายห่ากันหมดแล้วหรือครับ
   พี่เคยเห็นข่าวฝูงสัตว์ล้มตายในป่าเพราะขาดออกซิเจนในป่าหรือเปล่าครับ

   ข่าวเด่นเมื่อสองวันก่อน แต่ผมลืมเล่าคือ บริษัทนครชัยแอร์ เปิดตัวแท๊กซี่ของค่ายตัวเอง ใช้รถ Toyota Prius สีเหลือง โดยที่คนขับเป็นพนักงานของทางบริษัทเอง รับบัตรเครดิต และไปทุกที่ๆ ผู้โดยสารต้องการ
   ผู้คนต่างเฮกันใหญ่ เพราะเบื่อเหลือเกินกับบริการของแท็กซี่ไทย ยิ่งไปในสนามบินนี่ยิ้งซวยใหญ่เลย รถแต่ละคันปั่นมิเตอร์กันทั้งนั้น มีสารพัดกลโกงยัดสอดไส้อยู่ อย่างน้อยๆ ก็ถ้าเจอนักท่องเที่ยวก็จะขับพาอ้อมเล่นเป็นด่านแรก ถ้าหลงคารมก็จะโดนหลอกพาไปซื้อของปลอมเป็นด่านสอง ถ้าแย่กว่านั้นก็จะโดนหลอกพาไปเล่นพนัน สารพัดจะหลอกแหละครับ หลอกไปพวกแนวบริการทางเพศก็มีเยอะ สุดท้ายก็โดนกรรโชกทรัพย์ ร้ายอีกหน่อยก็เจอยัดยา
   นครชัยฉลาดที่เช้ามาเสียบในจุดนี้ แต่ถ้าเป็นผม จะเพิ่มอีกทีมและพยายามเข้าไปเสียบในสนามบินให้ได้ จะคิดค่าสัมปทานเท่าไหร่ก็ว่ากันมา ถ้าได้จุดนี้นะ สุดยอดมากๆ เลย
   
แถวร้านขายของผมจะมีตลาดนัดพระเครื่องทุกวันพฤหัสบดี จะมีแผงค้ามาตั้งบนทางเท้าจนเดินกันไม่ได้ มีแบบนี้มาหลายปี ช่วงบ่ายเก็บแผงก็แสนสงสารพนักงานทำความสะอาดครับ เพราะแม่งทิ้งกันแบบไม่ใยดีเลย เศษทิชชู่ กล่องโฟม (อาหาร) แก้วน้ำ ไอ้พวกนี้คือของหลักๆ ที่มองเห็น ที่ทุเรศก็คือเศษอาหารมันตกหล่นเกลื่อนกลาด แก้วน้ำที่หกออกมาก็เป็นพวกกาแฟ ชา สกปรกเหนียวพื้น เดินเหยียบก็ติดรองเท้า กระเด็นโดนกางเกง ฯลฯ
   มาวันนี้ทางเขตคลองสานเอาจริงกับการห้ามตั้งวางของขายบนทางเท้า ส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจมายืนเรียงรายกันเป็นสิบ โอ้โห ไม่เคยเห็นการจัดระเบียบแบบนี้มาก่อน สุดยอดมากๆ เลย ทางเท้าโล่งกว่าเดิมเยอะเลย ขอชื่นชมจากใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ได้นานสักแค่ไหนนะ ถ้าได้ตลอดก็จะดีมากครับ พฤหัสหน้าลุ้นกันใหม่ว่าจะเป็นเช่นไร
   
   รื้อห้องเก็บของ เจออุปกรณ์เครื่องใช้ของทหารที่เก็บไว้ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ หลายชิ้นลืมไปแล้วว่าเคยมี อย่างพวกกระติกน้ำนี่มีหลายใบเลย ผมชอบเพราะมันคือของทหาร ชอบโทนสีของมัน เก่าดี เท่ดี ชอบแต่งตัวโทนสีนี้ตัดกับสียีนส์
   เจอกระติกน้ำสนามตั้งแต่สมัยเรียน รด ไอ้ใบนี้ใช้ครั้งล่าสุดตอนขี่มอเตอร์ไซค์ครับ ผมแม่งแนวโคตรมานานก่อนใคร เอาเข็มขัดสนามมาใส่ ร้อยกระติกน้ำไว้ด้านข้าง บางทีก็ใส่เอว บางทีก็แขวนไว้ที่มอเตอร์ไซค์ด้านตระแกรงหลัง
   ผมขี่รถยุคนั้นยังไม่มีกฎหมายหมวกนิรภัยมาบังคับให้ใส่เลยนะ แน่ล่ะ ตัวผมเองก็ไม่ใส่ แต่ดันเสือกใส่หมวกแบเร่ของทหารแทน  บ๊ะ มึงจะแนวไปไหนวะนี่ ยังเคยใส่สูทผูกเทคไทขี่เลยนะ กูไม่อยากนึกภาพตัวเองในสมัยนั้นเล้ยยยย
   นี่ผมไม่ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์มากว่า 20 แล้วหรือวะ ทิ้งห่างนานจนลืมไปเลยว่าเคยมีรถ (จอดอยู่โกดังอีกแห่งหนึ่ง) จะว่าไปแล้วก็คิดถึงมันอยู่นะ เพียงแต่ถ้าทำแล้วไม่มีที่จอด มันก็จะต้องตากแดดตากฝน แบบนี้ให้มันอยู่ในโกดังแบบเดิมเถอะ
   นี่ถ้าบ้านผมมีที่จอดรถเหลือๆ ป่านนี้ VW Bus 1957 คงจะเป็นรถที่ผมโปรดที่สุดตอนนี้ เพราะมันใส่จักรยานได้สบายๆ หลังคาก็วางวินเซิร์ฟได้

   ตลาดน้ำคลองผดุงกรุงเกษมฮอทฮิตตามคาด เพิ่งเปิด 1100 แค่บ่ายๆ ขนม ข้าวของเด็ดๆ จากแหล่งดังของตลาดน้ำมีชื่อก็หมดเสียแล้ว ใครไปกลางคืนคงได้แต่เดินเล่น ไม่เป็นไร วันจริงคือพรุ่งนี้และวันเสาร์อาทิตย์ครับ
   ชาวบ้านบอกเตรียมขนมเรไรมา 2000 ชิ้น แป๊บเดียวหมด เป็นไงเล่า นี่มันคือโอกาสเชียวนะ อย่าทำเป็นเล่น อย่าคิดว่าเป็นแค่ตลาดน้ำหรือการขายของ
   ผมมองมันทะลุไปเสียยิ่งกว่าคลองซองเกชอนของเกาหลีเสียอีกครับ ไทยเราจัดงานอีเวนท์แนวนี้ได้ตลอดทั้งปี ไอ้คลองที่ผมว่า (ซองเกชอน) เกาหลีเขาก็มาดูงานที่ไทย มาชอบบรรยากาศตลาดน้ำ เลยกลับไปประยุกต์เป็นคลอง เริ่มปฏิวัติแบบหักดิบด้วยการรื้อทางด่วนออก ขุดถนนออก (ของเดิมสร้างทับคลอง) บรรยากาศที่เคยเป็นสลัม ก็กลับเป็นทางระบายน้ำตามธรรมชาติดังเดิม ผลก็คือราคาที่ดินพุ่งพรวด กลายเป็นที่เดินเล่นของคนทำงานย่านนั้น แน่ล่ะ นักท่องเที่ยวตรึมครับ เขาจัดสวย ทำออกมาได้ดี แต่มันก็ยังขาดวิญญาณ ซึ่งไอ้นี่แหละ ตลาดน้ำของไทยเรามีอยู่สูงมากๆ
   เราเป็นอีเวนท์ที่มีวิญญาณนะ ผมไม่รู้ว่าพวกผู้ใหญ่เขาดูกันออกหรือเปล่า มองกันไปทะลุแค่ไหน ถ้าคิดได้ก็ดีครับ ต่อยอดไปได้อีกไกลโข ดึงเอาภาพตลาดน้ำไปกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อีกทั่วประเทศ งานนี้สำนักข่าวต่างประเทศมากันเพียบ มีเวลาอีกหลายวันครับ หากยังคิดไม่ทันก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว กลายเป็น “เสียของ”
   ราคาน้ำมันที่ลดลงมาแตะ 25 บาท/ลิตร อยู่ราคานี่ได้ไม่ถึง 7 วันก็ทยอยขึ้นกันเสียแล้ว พรุ่งนี้ก็ปรับขึ้นอีก 60 สตางค์
   ความสุขมันอยู่กับเราสั้นเสมอเลยนะ
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 22, 2015, 01:35:32 pm
13 กพ 58
   ไฟยังแรง จัดไปอีก 1.15 ชม กลับมาวิ่งบ่อยๆ อีกครั้ง เริ่มอยากได้รองเท้าไอ้คู่ที่เราเห็นมันเมื่อเสาร์ที่แล้ว ตอนนั้นความงกเข้าครอบงำ ลดแล้วเหลือ 1700 บาทก็ยังงก คิดว่าคู่นี้ยังไม่เสีย ยั้งใช้งานได้อีกนาน แต่พื้นด้านในมันแตกแล้ว เริ่มจะหลุดออกแล้วนี่สิ ทำให้วิ่งเร็วๆ ไม่ได้เลยนะ พื้นมันจะเลื่อนหลุดออกมา น่ารำคาญมาก ต้องหยุดวิ่ง ถอดรองเท้าออกมาขยับแผ่นรองใหม่ให้เข้าที่ถึงจะวิ่งต่อได้
   เครื่องชั่งน้ำหนักเสียมาหลายวันแล้ว เป็นแบบตัวเลขดิจิตอล แรกๆ ก็ชอบนะ ใช้งานสะดวกดี แต่เสียตรงที่แม่งเจ๊งง่ายจริงๆ เครื่องหนึ่งอยู่ได้ไม่น่าเกิน 2 ปี นีผมก็เปลียนมาหลายเครื่องแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นของแถมของแจกฟรีจากการซื้อสินค้า เลยไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้มันหมดบ้านแล้วสิ คงต้องจ่ายเงินซื้อ เลยไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหน อย่างไรดี
   ตอนนี้ใช้กะๆ น้ำหนักตัวเองเอา โดยหยิบกางเกงเก่าๆ มาใส่ เอาเป็นว่าถ้าใส่ชุดเก่าๆ ได้ ถือว่ายังโอเค แต่ถ้าให้ดี ต้องทำให้ใส่ชุดเก่าๆ แล้วยังหลวม
   บ่ายไปวัดบุคโลไปให้อาหารปลาด้วยขอบขนมปังที่ซื้อมาตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้วโน่นเลย โยนให้ปลาไป ก็หยิบใส่ปากตัวเองไปด้วย เห็นไหม เรากินของแบบเดียวกัน ไม่ได้เอาของทิ้งของเสียมาให้ปลากินนะ ขนาดเก็บไว้นอกตู้เย็นถึง 6 วัน ยังสภาพดี สุดยอดมากๆ เลย
   ปลาที่วัดนี้เยอะมากๆ แถมบรรยากาศดี เสียตรงที่มีนกพิราบเยอะจริงๆ ก็มีคนเอาอาหารปลามาเลี้ยงนกด้วยน่ะครับ ผลก็คือมีนกมาถ่ายเรี่ยราดเต็มศาลาริมน้ำ จะจับ จะนังจุดใดก็ทำไม่ได้เลย แทนที่จะนั่งชมนานๆ เลยต้องรีบกลับเพราะนกพวกนี้เป็นพาหะของเชื้อไวรัสเป็นอย่างดี
   ช่างวิทย์โทรมาบอกว่ารถเสร็จแล้ว อาการเสียมีแค่วาล์วน้ำ และตัว Pressure Regulator กับผ้าเบรก แล้วก็พวกชุดซีลยางฝาวาล์ว ซีลรอบหัวเทียน แค่นี้เองหรอ นี่ผมหลงคิดไปไกลว่าจะเป็นเรื่องของระบบไฟชุดใหญ่ มองไปถึงพวกชุดคอยล์และสายหัวเทียนของแต่งโน่นเลย
   รีบไปรับรถเลย คิดถึงมาก แต่พอขับแล้วผิดหวังนิดหน่อย ช่างวิทย์ไม่ได้ซ่อมอาการอืดๆ ของรถ เขาแก้แต่เรื่องความร้อนขึ้นอย่างเดียว แต่ก็โอเค ไม่ฮีทแล้วก็ขับใช้งานได้ปกติ จะน่ารำคาญนิดๆ ตอนต้องกดเรียกพลังสูงสุดนี่แหละ ถ้าไม่เร่งโหดๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร และถ้าคิดบวกอีกด้วยก็คือมันเป็นการขับในโหมดประหยัดน้ำมันได้ดีมากๆ
   แต่แล้วความผิดหวังก็บังเกิดอีก จู่ๆ ไฟเตือนน้ำมันเครื่องก็โชว์ เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น น้ำมันเครื่องมันขาดไปแค่นิดเดียว (ราว 200 cc) แต่ไม่ได้โชว์ค้างตลอดนะ ติดๆ ดับๆ เป็นช่วงๆ เหมือนเป็นการเตือนน่ะ แต่ถ้ารถใครไฟนี้โชว์ค้างล่ะก็ รีบๆ ซ่อมได้เลย ไม่งั้นอาจต้องเสียเงินก้อนใหญ่
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 22, 2015, 01:37:30 pm
14 กพ 58
เติมน้ำมันเครื่องเพิ่มไป 200 CC ให้เต็มระดับของมัน ไฟที่โชว์ก็ไม่เตือน โหห แสดงว่าเครื่องตัวนี้มันเซนซิทีฟกับน้ำมันเครื่องมากๆ ขาดไปแค่ 200 CC ก็เตือนเสียแล้ว
   ขับแบบไม่เป็นสุด ยังไม่สบายใจ ไม่รู้ไฟมันจะเตือนกันอีกตอนไหน ต้องเหลือบๆ มองตลอดเวลา อาการรถทั้งหมดดูดีขึ้นมาก เหลือแค่ตรงเร่งแล้วยังอืดๆ หน่อย
   ตกลงว่าไอ้เสียงแกร๊กๆ วิ้งๆ มันคืออาการเครื่องเขกนะ ไม่ใช่ท่านชายมาเยือนแบบที่คาด โล่งอกจริงๆ ผมใช้รถคันนี้แบบถนอมโคตรๆ แล้ว กะจะเก็บมันไว้นานๆ ให้เป็น Japanese Retro Car แถมไอ้คันนี้เป็นรุ่นพิเศษที่รถ Production Car ทั่วโลกเขาเลิกทำกันไปหมดแล้วนั่นคือระบบเลี้ยว 4 ล้อ ค่าย Nissan เรียกว่า Super Hicas ซึ่งมีใช้อยู่แค่ในรถรุ่นท็อปอย่าง Skyline ปิดท้ายด้วยระบบไฟแบบ Pop Up ที่เลิกผลิตไปแล้ว จะว่าไปรถทรงหน้ายาวแบบนี้หากใส่กระจกมองหลังแบบเขาควายที่ยึดติดบนแก้มหน้านี่คงเท่มากนะ รอหาของก่อน ค่อยๆ เก็บรวบรวมเอาไว้ หากบูรณะใหม่จะได้หล่อกันแบบรวดเดียวจบ
   การจะทำรถมันต้องมีคอนเสปก่อนนะครับ ถ้าคุณแต่งกันสะเปะสะปะแบบที่เห็น มันก็เป็นแค่รถตลาด เป็นรถที่เอาแต่เงินทุ่มใส่มันเข้าไป มันอาจจะดูเท่ เจ๋ง คูล ในสายตาวัยรุ่น หรือพวกหนังสือรถตลาดๆ แต่ในสายตาผมแล้ว รถแนวนั้นผมเรียกว่าแต่งแบบ “สวยคนเดียว” คือเจ้าของมันดูสวยอยู่คนเดียว
   อยู่ร้านทั่งวัน เย็นไปรอรับมิวในห้าง ขากลับซื้อขอบขนมปังมาจากร้าน Yamazaki อีกเช่นเคย วันนี้จัดมา 2 ถุงเลย แต่จะว่างไปเลี้ยงปลาวันไหนยังไม่รู้เลยนะ
   ตลอดวันนี้ไฟเตือนน้ำมันเครื่องขาดยังไม่โชว์ ถ้าหายขาด ก็แปลว่าเรามาถูกทางแล้ว
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 22, 2015, 01:40:45 pm
15 กพ 58
   ตื่นไปวิ่งทันที ซัดไป 1 ชม แบบขำขำ พักเข้าห้องน้ำแป๊บ ออกมาวิ่งต่อแบบวิ่งเท้าเปล่า (bare foot running) แรกๆ ก็วิ่งบนสนามหญ้า กินแรงดีชะมัดเลย แต่หลังๆ อยากลองของ เลยวิ่งในลู่ที่เป็นพื้นยาง หึหึ ตอนแรกคิดว่าจะนุ่ม ที่ไหนได้ ยางมันโดดแดดจนแข็ง แห้ง บางจุดมีแหลมคมอีกด้วย พอเท้าแตะพื้นเท่านั้นแหละ เข่าแทบทรุด แม่งเจ็บครับ วิ่งแบบโขยกเขยกไปจนจบเส้นทางตรงก็แอบลัดตัดโค้งมาวิ่งบนหญ้าต่อ  ทำสลับกันแบบนี้ไปมา พอนานเข้ามันก็เริ่มชินนะ คือเจ็บอยู่จริง แต่รู้สึกเจ็บน้อยลง (สะกดจิตตัวเองไปด้วยน่ะ) วิ่งไปวิ่งมา ฉิบหาย ฝนตก
   นักวิ่งคนอื่นๆ พากันเข้าร่มใต้ชายคากันหมดทุกคน เหลือผมคนเดียววิ่งอยู่บนสนามหญ้า วิ่งเท้าเปล่าน่ะ เท้าเรามันเลอะอยู่แล้ว เจอน้ำค้างบนหญ้า เจอดินบางจุดที่อ่อนนุ่ม เศษใบหญ้าติดเต็มไปจนถึงหัวเข่า พอตอนนี้เจอฝนปรอยๆ ลงมาอีก เท้าก็ยิ่งเลอะมากขึ้น แต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นปัญหา ผมก็เลยไม่มีปัญหา ฉะนั้น วิ่งต่อไป
   กลายเป็นวิ่งกลางฝนอยู่คนเดียว แรกๆ ก็ปรอยๆ ดีหรอก หลังๆ ชักหนาเม็ด และเม็ดใหญ่ขึ้น แต่กลัวอะไรเล่า เสื้อผ้าเราก็เปียกเหงื่อไปทั่วตัวอยู่แล้วนี่นา ฉะนั้น จัดไป
   นักวิ่งคนอื่นหลบฝนอยู่ใต้ชายคาก็คงคิดว่าไอ้หมอนี่มันทำอะไรของมัน วิ่งเท้าเปล่าอยู่กลางฝน แถมช่วงหลังๆ ผมวิ่งบนพื้นปูนรอบๆ ลู่วิ่งอีกด้วย
   เฮ้ย พื้นกระเบื้องปูนนี่วิ่งแล้วยังสบายเท้ากว่าบนลู่วิ่งยางสีแดงอีกนะ แปลกมากๆ เลย เห็นเป็นยางคิดว่าจะนุ่ม ที่ไหนได้ แม่งยางแข็งเป๊ก ในทางกลับกันตอนฝนตกพื้นเฉอะแฉะพื้นผิวลื่นๆ แต่พอเหลือแต่เท้าเปล่านี่มันรู้สึกได้เลยว่าเราสามารถควบคุมจังหวะการลื่นของพื้นได้ เป็นความรู้สึกที่แปลกมากๆ
   ผมวิ่งเท้าเปล่าอยู่ 1.30 ชม วิ่งตั้งแต่ฝนยังไม่ตก จนหายตก จนแดดกลับมาแรงจัดอีกครั้ง สรุปคือวันนี้ซัดไป 2.30 ชม วิ่งใส่รองเท้าปกติ 1 ชม วิ่งเท้าเปล่าอีก 1.30 ชม
   วิ่งได้นานไม่ได้เพราะเก่ง แต่แค่เพราะไม่มีแดดครับ แถมเจอฝนเย็นๆ เข้าให้อีกด้วย สวรรค์ดีๆ นี่เอง ตรงข้ามสิ หากเจอแดดแรงนี่ผมถึงกับหมดแรงตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้าก็มี
   กลับมาถึงบ้านกินไรวะ ผมลืมแล้ว (ตอนจดบันทึกนี่เป็นเวลา 0430 pm ของวันที่ 18 กพ) แต่เจอข่าวใหญ่ พ่อหายใจไม่สะดวก เจ็บหน้าอก เลยไปโรงพยาบาล ภรรยาผมเป็นคนพาไป ส่วนแม่ไปงานที่ต่างจังหวัด
   อาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบจัดกระเป๋ามีแค่ชุดนอน 1 ชุด ชุดทำงาน 1 ชุด ตามไปโรงพยาบาลธนบุรีทันที พ่อรักษาที่นี่มาหลายปี มีหมอที่คอยดูอาการด้านนี้อยู่
   หมอสั่งให้พ่อนอนพักดูอาหาร พร้อมให้ยา พ่นยา ให้น้ำเกลือ ฯลฯ ผมมารับช่วงดูแลพ่อให้ ภรรยาต้องไปรับลูกจากที่เรียนพิเศษ
   บรรยากาศวุ่นวายหน่อยครับ เจ้าหน้าที่แต่ละแผนกทยอยเข้ามากันโดยมิได้นัดหมาย มีหน่วยวัดความดัน วัดอุณหภูมิที่จะเข้ามาวันละ 3 รอบ ตามมาด้วยแผนกแม่บ้าน กวาดถูห้องวันละ 3 รอบอีกเช่นกัน ฝ่ายอาหารก็มาส่งและเก็บวันละ 3 เวลา รวมเป็น 6 เที่ยว เฮ้ยย ยังไม่หมด มีแผนกพ่นยาขยายหลอดลมอีก วันละ 3 รอบเช่นกัน แถมยังมีแผนกให้ยาทางสายน้ำเกลืออีก คนนี้มาบ่อยจนไม่ได้นับ บางทีก็แค่มาดูเฉยๆ ว่ายาและน้ำเกลือหมดไปแค่ไหนแล้ว ยังไม่หมดครับ มีแผนกคอยเช็ดตัวคนไข้เช้าเย็นก็มากันวันละ 2 รอบ
   ผมอยู่กับพ่อสองคนตั้งแต่สายๆ จนค่ำถึงจะได้กินข้าว โคตรหิว และโคตรง่วง แถมโคตรเมื่อย เพราะเพิ่งไปออกกำลังกายชุดใหญ่มาตอนเช้า แต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นบอกใคร ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ดีเสียอีกที่ผมได้ช่วยดูแลพ่อ ตอนเล็กๆ พ่อก็คงดูแลผมแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ
พ่อต้องค้างกี่คืนก็ไม่รู้ เฝ้าดูอาการไปแบบวันต่อวัน บอกล่วงหน้าไม่ได้เลย ช่วงเย็นหมอมาดูอาการพร้อมกับบอกว่าปอดติดเชื้อ ก็ให้ยามาชุดหนึ่ง แต่พยาบาลจะเป็นคนจัดมาให้กินทีละมื้อๆ ไป
   กลางคืนนี่สิ บรรยากาศโหดสัสเลย ไอ้เจ้าหน้าที่สารพัดหน่วยทยอยกันเข้ามาเยี่ยมเยียน เหมือนกับว่าในห้องนี้มีสมุดให้เซ็นเช็คชื่อ มากันใหญ่เลย ค่ำคืนดึกดื่นก็ไม่เว้น การเข้ามาก็ไม่ธรรมดา มันไม่คิดเลยนะว่าเรากำลังนอนหลับ มาถึงก็เปิดไฟจ้าหมดทุกดวงแล้วเขาก็ทำงานของเขาไป ผมสะดุ้งตื่นอยู่หลายรอบ โคตรโมโหเลย
   เหนื่อย เมื่อย ง่วง เพลีย เป็นอันว่าได้หลับแบบช่วงสั้นๆ บนโซฟาแย่ๆ แต่ไม่ต้องห่วง ผมทนได้สบายมาก เราขี่จักรยาน เราเดินทางแบบแคมปิ้ง เรานอนริมชายหาดแบบไม่ได้อาบน้ำมาแล้ว เราเจอโหดๆ กว่านี้มาเยอะ
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 22, 2015, 01:43:21 pm
16 กพ 58
   พ่อตื่นโคตรเช้าเลย ตีสี่มั้ง เปิดทีวีผมก็ตื่นตามไปด้วย ไม่เป็นไรครับ สบายๆ รีบกินน้ำ 1 ขวด (600 CC) แล้วก็เดินไปกายบริหารที่ระเบียง
   อ้อ ลืมเล่า นี่เล่นห้องแพงสุดในโรงพยาบาลเลยนะ อยู่ชั้นดาดฟ้าบนสุด มีระเบียงขนาดกลางๆ ลมพัดเย็นสบาย มองสภาพแล้วผมน่าจะเอาเต้นท์มากางนอนข้างนอกเพื่อหลีกเลี่ยงบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายในตอนกลางคืนดีกว่านะ
   เสียอย่างเดียวคือระเบียงนี้อยู่ด้านทิศตะวันตก จะเริ่มร้อนตั้งแต่บ่ายเป็นต้นไป การที่จะออกมารับลมเย็นๆ ก็ต้องยอมรับแดดที่มาพร้อมกันด้วยนะ
   พ่อเดินไม่สะดวก เพราะมีเสาให้น้ำเกลือเพร้อมเครื่องวัดอะไรสักอย่างที่มันต้องเสียบปลั๊กไฟตลอดเวลา กลางคืนไอ้เครื่องห่านี้แม่งร้องทุกๆ 2 ชม ต้องเรียกพยาบาลมาเช็ค กลายเป็นแทบไม่ได้นอน
   ผมรอให้พ่อกินข้าว กินยา วัดความดัน ฯลฯ ทำทุกอย่างจนเสร็จสิ้นหมดแล้วตัวเองถึงลงไปหาของกินมื้อเช้า แต่ผมรองท้องด้วยส้ม 2 ผล ไปตั้งแต่ตอน 0700 แล้วล่ะ
   ที่โรงพยาบาลนี้อุดมสมบูรณ์มากครับ ด้านในและห้องอาหารของเขาเองไม่เท่าไหร่เลย แต่ด้านนอกนี่สิเจ๋งมาก ผมติดใจก๋วยเตี๋ยวแคระ ชอบตรงมีเต้าหู้เยอะมาก เราจะเลี่ยงๆ พวกเนื้อสัตว์อยู่แล้ว (แต่ไมได้ถือนะ) ชามเบ้อเริ่ม 35 บาท ติหน่อยเดียวคือให้เส้นน้อยมากเลย ขอผักเยอะๆ ก็ใส่เพิ่มให้อีกหน่อยเดียว
   เพื่อนพ่อมาเยียมกันเป็นระยะ มาเดียวก็มี มาเป็นกลุ่มก็เสียงดังหน่อย ห้องพักใหญ่ๆ จะเห็นผลตอนแขกมากันเยอะๆ นีแหละครับ มีที่ยืนที่นั่งมากมาย มีโซฟา มีเก้าอี้ให้นั่งหลายตัว ส่วนผมจองระเบียงตลอดเลย (กรณีแขกเยอะ)
   บ่ายแก่ๆ ลงไปหาของกินให้พ่อ พ่อบอกอยากกินเป็ดย่าง หึหึ จะมีไหมหนอ เดินผ่านทุกแผง ทุกร้านด้านหน้าไม่มีเป็ดย่างเลย ตลุยตลาดพรานนกก็ยังไม่เจอ มีแต่เป็ดพะโล้
   เดินข้ามแยกพรานนกไปอีกจนหมดอาณาเขตของร้านขายของ ไปเจอเอาร้านเปาะเปี๊ยะทอด และเปาะเปี๊ยะสด ผมชอบเพราะมีผักแกล้มเป็นโหระพานี่แหละ เลยซื้อมาทั้งสองอย่าง ให้พ่อเลือกเอา ส่วนผมได้ทั้งสองเลย
   ผ่านตลาดขากลับจัดมันต้มน้ำขิงมาให้อีกถุง ส่วนผมกินถั่วเขียว คนขายเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมราว ป4 เด็กบ้านๆ น่ารักดี มาช่วยแม่ทำงาน นึกถึงตัวเอง เลยให้เงินเด็กไป 10 บาท เด็กทำหน้างง ผมบอกว่า น้าให้หนูนะ
   พอถึงห้องพ่อบอกกินอิ่มเรียบร้อยแล้ว ไม่ไหวแล้ว ผมเลยต้องจัดการไอ้เปาะเปี๊ยะทั้งสดและทอดเองทั้งหมด หึหึ ยังดีนะที่มีระเบียงให้ออกกำลังกาย ผมงี้เดินไปบริหารบ่อยมากเลย
   วันนี้ผมเริ่มเจ็บน่องอย่างมาก เดินพื้นราบก็โอเค เจ็บนิดๆ แก้โดยเดินช้าๆ แต่ถ้าลงบันไดนี่สิ มันยั้งน้ำหนักตัวแทบไม่ไหว ต้องจับราวบันไดไว้สุดฤทธิ์ เจ็บแบบซาดิสม์ดีครับ
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 22, 2015, 01:50:34 pm
17 กพ 58
   ได้นอนสบายหน่อย เพราะพี่สาวไปบอกพยาบาลว่าหลังเที่ยงคืนไม่ต้องเข้าไปในห้องแล้ว ให้คนไข้ได้พักผ่อนยาวๆ ผลก็คือเงียบสนิท แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย แต่ผมยังติดตรงโซฟามันแคบ นอนไม่สบายเอาเสียเลย มันไม่เหมือนโซฟาที่คอนโดผม ที่นังใหญ่มาก ผมออกแบบมาให้นอนได้อย่างสบายๆ
   พ่อยังคงตื่นเร็วกว่าผมเสมอ ตีสี่ก็ตื่นแล้ว เลยต้องจำใจตื่นด้วยคน แต่พ่อตื่นมาเปิดทีวีแล้วก็หลับต่อ ส่วนผมตื่นแล้วตื่นเลย เดินไปกายบริหารที่ระเบียง
   ตารางของพ่อเหมือนเดิมทุกวัน มีพยาบาลแต่ละแผนกมาทำหน้าที่ส่วนตัว เรียกว่า “เยอะ” ครับ ทำความสะอาดพื้น เทขยะ เติมน้ำดื่มในตู้เย็น วัดความดันพร้อมชีพจรและปริมาณออกซิเจน เช็ดตัว ให้อาหารเช้า ให้ยา ฯลฯ ส่วนหมอจะมาราว 0700 คุยกันแป๊บเดียว 1-2 นาทีเท่านั้นเองก็รีบไปแล้ว เขางานเยอะ คนป่วยของเขาเยอะ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าไม่อยากใช้ชีวิตในโรงพยาบาลเป็นที่สุด
   รอให้ภาระกิจของพ่อช่วงเช้าเสร็จเรียบร้อยผมถึงลงไปหาของกิน ก่อนขึ้นมาซื้อกาแฟมาฝากพ่อ 1 แก้ว ของร้านยี่ห้อ Deoro พ่อบอกรสชาติธรรมดาๆ แก้วละ 50 บาทแน่ะ หึหึ
สายๆ ผมกลับไปร้านขายของ ไปเข้าธนาคาร แล้วก็ไปอยู่เป็นเพื่อนกับพ่อต่อ ใส่ชุดเดิมนี่แหละครับ ไม่ได้เปลียนเลย แต่สบายมากอยู่แล้ว ผมเตรียมพร้อมเรื่องพวกนี้ไว้เสมอ
   อยู่เป็นเพื่อนกันก็หาเรื่องคุยกันไปเรื่อย สลับกับพยาบาลเข้ามาตรวจเช็คเป็นระยะๆ บางจังหวะเพื่อนพ่อมากันเป็นกลุ่มหลายคน ผมก็ออกไปนอกระเบียง ให้พวกผู้ใหญ่เขาเต็มที่กันได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ
   ของเยี่ยมไข้ก็ยังคงเป็นแบบ “คนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน” นั่นคือ “รังนก” นั่นเอง มากันเป็นสิบกระเช้าเลย ต้องทยอยนำกลับบ้านไป ไม่งั้นขากลับเต็มรถจนไม่มีที่นั่ง
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 22, 2015, 01:52:47 pm
18 กพ 58
   พ่อตื่น 0330 โหดดีครับ ตื่นแล้วเขาก็เปิดทีวีดู ผมเลยตื่นไปด้วย แต่ยังอยากนอนต่อนะ เพลียสะสมน่ะ เอาผ้าปิดตา ที่อุดหูมาใส่ ก็พอช่วยได้นิดหน่อย มาลุกอย่างเป็นทางการเอาตอน 0530
   กินน้ำ 600 cc แล้วก็กายบริหารที่ระเบียง 30 นาที มีโต๊ะแบบอัลลอยชุดหนึ่ง น้ำหนักมาก ผมใช้โต๊ะตัวนี้แหละ ร่วมกับการออกกำลังกายท่าต่างๆ คิดท่าโหดๆ ได้ท่าหนึ่งคือ ยืนพิงโต๊ะแล้วเอนนอน ให้ร่างกายเหนือก้นบนขึ้นไปพาดอยู่บนโต๊ะ ต่ำกว่านั้นลงมาจนถึงขาก็ยกให้ขนานพื้น ค้างไว้ 30 วิ หึหึ ซาดิสม์ดีครับ เกร็งหน้าท้องจนตัวสั่นเลย
   กิจวัตรของพ่อที่โรงพยาบาลยังคงเหมือนเดิมเช่นทุกวัน 0700 จะมีหมอประจำมาดู แต่พูดคุยแค่สั้นๆ ไม่กี่นาทีเท่านั้นก็ไปแล้ว หมอคงจะมีคนไข้ต้องดูแลเยอะมาก อย่างวันนี้พอหมอเห็นค่าปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำ ก็บอกให้พ่ออยู่ต่ออีกคืนก็แล้วกัน พ่อเลยต้องเอออออย่างไม่มีทางเลือก ผมนี่รีบโทรบอกบริษัทเครื่องออกซิเจนเลยว่าอย่าเพิ่งมา ยกเลิกไปก่อน พ่อต้องอยู่ต่ออีกคืน
   อ้าว ผิดแผนสิ ไปสั่งจองเครื่องออกซิเจนเอาไว้ให้เขามาส่ง เลยต้องรีบโทรบอกเลื่อนไปก่อน
   สายๆ เอ็กซ์เรย์ปอดอีกครั้ง วันนี้ใช้เครื่องเอ็กซ์เรย์มาใช้ถึงที่ ฉายแสงเสร็จก็กลับออกไป พ่อกินมื้อเช้าเป็นข้าวต้ม ผัดผัก และปลาสลิดทอด 2 ตัว หอมน่ากินจริงๆ
   
   เช้านี้ลงไปเดินหาของกินหน้าโรงพยาบาล พบว่าร้านปิดกันกว่าครึ่ง อ้อ วันตรุษจีนนี่เอง แต่ก็ยังมีเปิดขายอยู่หลายร้านนะ ตั้งใจจะกินก๋วยเตี๋ยวแคระเหมือนเมื่อวาน แต่ร้านปิด เลยเดินไปไกลเรื่อยถึงแยกพรานนก ลงเองกันที่ร้านก๋วยจั๊บ
   รสชาติดีมากครับ ชามละ 45 บาท ซดจนน้ำแทบแห้งชามเลย ขากลับนี่ซือขนมมาเติมไว้ในห้องอีกหน่อย มีข้าวโพดคั่วด้วย
   กลับขึ้นห้องมาก็เจอข่าวดี พ่อบอกว่าหมอสั่งให้พยาบาลมาบอกว่ากลับบ้านได้ ดูฟิล์มเอ็กซ์เรย์ล่าสุดแล้วปอดปกติดี แต่ยังคงต้องใช้เครื่องเติมออกซิเจนตลอดเวลานะ
   โหหห ผมรีบโทรติดต่อบริษัทขายเครื่องนี้เลย บอกว่าไอ้ที่ยกเลิกไปเมื่อเช้าน่ะ เปลียนใจแล้วนะ ให้มาส่งตอนกลางวันนี้ได้เลย
   รีบเตรียมเก็บข้าวของ จ่ายเงิน แต่พยาบาลเอายาอีกตัวมาเติมให้พ่อบอกว่าให้ยาขวดนี้หมดแล้วถึงกลับบ้านได้ อ้าว ให้ยาทางสายยาง แม่งอีกนานมากกว่าจะหมดขวด
   ช่วงนี้มีน้องพ่อมาเยี่ยม เลยนั่งคุยกันไปรอยาหมดพอดี มาถึงบ้านเอาตอน 0200 รีบเปิดประตูให้เซลล์มาติดตั้งเครื่องผลิตออกซิเจน ถามพ่อว่าแตกต่างจากของโรงพยาบาลไหม พ่อบอกใส่ไปก็ไม่รู้เรื่องเหมือนๆ กัน ฮ่าๆ
   หมอสั่งมาน่ะครับ หมอต้องการให้ค่าออกซิเจนในเลือดสูงกว่าที่เป็นอยู่ ตอนนี้ราว 93 ค่าที่ต้องการคือ 95-100 (หน่วยเป็นอะไรก็ไม่รู้) ผมก็ต้องไปหาเครื่องวัดอ๊อกซิเจนแบบหนีบปลายนิ้วมาตรวจวัดพ่ออีกเครื่อง จะได้รู้กันเสียทีว่าเมื่อไหร่ถึงจะพักจากไอ้เครื่องนี้ได้
   ได้กลับมานอนที่นอนของเราหลังจากห่างหายไป 3 วัน แม้จะเก่า จะเน่า เปื่อย แต่มันก็คือที่นอนของเรา 
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 22, 2015, 02:10:41 pm
19 กพ 58
   วันนี้ร้านหยุด 1 วัน
รีบตื่น รีบอาบน้ำ ไปส่งมิวที่โรงเรียน แล้วเลยไปทำพาสปอร์ทที่ห้างโลตัสปิ่นเกล้า ไปกับภรรยาด้วยน่ะครับ วันนี้ร้านหยุด ไปแต่เช้า รีบไปจองคิว รอนานหน่อยก็ช่าง ขอให้เสร็จเร็วๆ ก็แล้วกัน
   ทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วล่ะว่าจะต้องเจอคนเยอะมากแน่ๆ เพราะมันเป็นวันหยุดของคนเชื้อสายจีน ผมทำพาสปอร์ทครั้งล่าสุดก็ไปทำที่กระทรวงวัฒนธรรม แต่วันนี้มาที่โลตัส ไม่คุ้นเลยสักนิด ไปถึงตอน 0710 ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 5 ทันที พอประตูลิฟท์เปิดปุ๊บ ตกใจ เฮ้ยย ทำไมมีคิวยาวสัก 30 คนยืนอยู่ก่อนหน้าเราแล้ว โหห เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนี่
   รีบไปยืนต่อคิว เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่าประตูจะเปิด 0800 เพื่อให้รับบัตรคิว และเริ่มทำงานกันตอน 0830
   หากอายุเกิน 20 ปี ก็ใช้เอกสารแค่บัตรประชาชนครับ ไม่มีการต่ออายุพาสปอร์ทเล่มเก่าอีกแล้ว แม้จะเหลืออีกมากกว่า 6 เดือนก็ตาม เขาจับทำใหม่หมด
   หากไปถึงแล้วได้คิว 1-50 นี่สบายใจได้ ได้ทำรอบเดียวกันหมด ตอนผมทำเสร็จเดินออกมา ได้ยินเจ้าหน้าที่เรียกคิวที่ 80 พอดี ใช้เวลาราว 20 นาทีครับ ค่าพาสปอร์ท 1000 บาท ค่าส่งไปรษณีย์เล่มละ 40 บาท
   แต่ตอนผมเดินกลับออกมานี่เจอท้ายแถวยาวโคตรเลยนะ คนรอส่วนใหญ่จะกดมือถือเล่นกัน รับรอง มึงเล่นกันแบตฯหมดแน่ๆ
   พาภรรยาไปกินอาหารอิสลามที่บางลำพูต่อครับ ร้านเดิมๆ ใกล้ๆ วงเวียนสเวนเซ่นส์นี่แหละ เดินหาซื้อชุดนอนให้มิว แล้วก็กลับไปร้านขายของ วันนี้มีสินค้านัดมาลงในโกดัง หึหึ อย่าคิดว่าจะได้หยุดนะ
   ลงของราวชั่วโมงเศษก็ไปธนาคารต่อ บ่ายพาภรรยาไปเดินเล่นซอยละลายทรัพย์ ข้างธนาคารกรุงเทพฯสำนักงานใหญ่ จนถึงบ่ายแก่ๆ ก็กลับมาส่งที่ร้าน ภรรยารอลูกเลิกเรียนแล้วจะพาไปทำฟันต่อ ส่วนผมก็แยกกลับบ้าน
   ขากลับนี่รถติดหนักมากครับ น่าจะเกิดจากการปิดถนนเยาวราช กลับถึงบ้านก็เพลียเลย เอาขนมที่ซื้อมาฝากพ่อใส่กล่องไว้ให้ พ่อยังคงนั่งอยู่บ้าน ไปไหนไมได้ไกลเพราะติดสายอ๊อกซิเจนที่หมอบอกว่าให้สูดตลอดเวลา น่าเห็นใจนะนี่ เพราะว่าพ่อยังคงแข็งแรงเดินได้สบาย เพียงแต่ขึ้นบันไดจะรู้สึกเหนื่อยเร็วหน่อยเท่านั้นเอง
   เย็น “พี่หมอ” (OSK 97 และผู้จัดการนิติของคอนโด) โทรมาคุย สอบถามเรื่อโครงการ “มหาสมุทร” ของค่าย Pace ทีทำโครงการสปอร์ทคลับอย่างหรูสุดขีด ดูภาพรวมของเขาแล้วจะคล้ายกับ Racing City ที่ผมสเกชเอาไว้เมื่อตอนปี 2000 (โปรเจคนี้ล้มไปแล้วนะ) คือเป็นศูนย์รวมกีฬาที่หาเล่นได้ยาก ของผมจะมีแทร็คสำหรับทดสอบรถยนต์ด้วย แต่ของมหาสมุทรนี้เขาจะเน้นแต่กีฬาทางน้ำ เหมือนกันเป๊ะตรงที่ไม่เอาพวกมีเครื่องยนต์ เพราะต้องการความเงียบสงบ และฟีลของธรรมชาติล้วนๆ
   พี่หมอสนใจโครงการนี้โดยจะซื้อเมมเบอร์ แต่พี่หมอไม่มีความรู้ทางด้านกีฬาทางน้ำ เลยโทรมาหาผมให้ช่วยหาข้อมูลหน่อยว่ามันเวิร์คไหม ถ้าดูแล้วโอเค เขาจะได้สบายใจหน่อย
   รีบหาข้อมูลทันที โครงการมหาสมุทรนี้อยู่ที่หัวหินครับ น่าเสียดายตรงที่ไม่ติดทะเล แต่ก็มีจุดเด่นแปลกๆ คือเขาสร้างทะเลเทียมขึ้นมาใช้งานแทน พื้นที่ของทะเลสาบก็ราว 50 ไร่
   มีบ้านแบบวิลล่าทุกหลังชิดติดริมน้ำ เน้นกิจกรรมกีฬาทางน้ำที่ไม่ใช้เครื่องยนต์เกือบทุกชนิด เรือใบ วินเซิร์ฟ คายัค อะไรแนวๆ นี้ พื้นที่รอบบึงก็จะเป็นลู่จักรยาน เดิน วิ่ง ส่วนในร่มก็เป็นสนามบาส วอลเล่ย์บอล โยคะ ฟิตเนส ฯลฯ
   อ่านดูแว๊บแรกผมนี่แม่งเคลิ้มเลยนะ แต่พอดูนานๆ แล้วเริ่มจะเฉยๆ เพราะทำเล ของมันไม่ได้อยู่ชิดติดทะเล (ที่ดินติดทะเลมีแต่จะแพงขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ ) ดูนานๆ แล้ววิเคราห์ ผมว่าเขาอาจไม่ได้เน้นตลาดคนไทยก็เป็นได้นะ เพราะอย่างผมหากจะเล่นเรือใบ ความสุขของผมไม่ใช่มีเพียงแค่สายลม แสงแดด เกลียวคลื่น หากแต่เป็นการเห็นทะเลจริงๆ การที่ได้อยู่กับทะเลของจริง ไปแคมปิ้งบนเกาะ ใช้ชีวิตราวกับนักเดินทาง นักผจญภัย ฯลฯ ซึ่งไอ้ความรู้สึกแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในทะเลสาบจำลอง
   แต่คนมีความคิดลึกซึ้งอย่างผมมันมีจำนวนไม่มากนัก ส่วนใหญ่ได้แค่แล่นใบเขาก็โอเคกันแล้ว ผมคงเลยจุดนั้นมาแล้วมั้ง เลยมาไกลมากๆ
   แต่หากจะมองเขาในด้านบวก ก็จะเด่นในด้านความปลอดภัยสูง เล่นในทะเลสาบปิด น้ำสะอาดกว่าเยอะ ปลอดภัยสูงมาก ไม่ต้องลุ้นฉลามอีกด้วย ฮ่าๆ
   พี่หมอเป็นคนละเอียด คงจะชอบหากทางโครงการเน้นความปลอดภัย ส่วนผมชอบใช้ชีวิตผจญภัยโลดโผน ผมชอบทะเลจริง เกาะแก่งของจริง ผจญภัยจริง
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 22, 2015, 02:15:37 pm
20 กพ 58
   เพลียสะสม แม้จะเข้านอนหัวค่ำ แต่ก็ยังคงตื่นสายกว่าเดิม นอนที่บ้านหลับรวดเดียวถึงเช้า บนที่นอนเก่าๆ เปื่อยๆ แต่มันคือบ้านที่เราคุ้นเคย
   กลับเข้าสู่โหมดเดิม มีสินค้ามาส่งแต่เช้า ต้องจัดเรียงเข้าในโกดังถึง 700 ลัง หึหึ ยังดีที่บริษัทนี้เขามีคนงานเยอะ มากันหลายคน ไม่งั้นผมก็ต้องมาออกแรงเองอีกเหมือนเดิม
   กลางวันไปธนาคาร แล้วเลยไปร้านขายอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ไปหาซื้อตัววัดปริมาณค่าอ๊อกซิเจนแบบจับปลายนิ้วมาให้พ่อใช้ ซื้อที่หน้าโรงพยาบาลศิริราชนี่แหละครับ รถโคตรติดเลย ไม่คุ้นอย่างแรง
   สินค้ามี 2 แบบ ของเยอรมัน 5800 กับของจีน 2200 หึหึ เลือกไม่ยากเลยจริงๆ ก่อนเข้าบ้านแวะให้อาหารปลาที่วัดบุคโล ขนมปังเก็บท้ายรถมา 6 วัน เปิดมายังคงสภาพโอเคดีอยู่เลย ยังไม่ขึ้นรา ความหอมของขนมลดน้อยลงไปหน่อย โดยรวมแล้วคือยังกินได้ หยิบโยนลงในแม่น้ำให้เจ้าพวกปลากิน ถ้าที่ผมทำนี่คือกุศลก็ขอให้พ่อแม่ ภรรยา และลูกมีสุขภาพแข็งแรง คิดอยู่แค่นี้
คิดแบบนี้ตลอดที่ให้อาหารปลา โดยที่ไม่เคยคิดขอสิ่งใดมาให้ตัวเองเลยสักครั้ง ในทางกลับกัน ตรงข้ามโดยสิ้นเชิง บางที่ผมก็คิดไปว่า หากผมมีเจ้ากรรมนายเวรจริงก็ขอให้มาลงที่ผมในชาตินี้ได้เลย ชาติที่แล้วผมอาจไปทำอะไรใครเขาไว้ หากจะเอาคืน ผมก็จะยอมรับมันโดยดี ชดใช้กรรมให้จบๆ กันไป ปล่อยให้ชาติหน้าเป็นชะตากรรมที่ผมทำในชาตินี้
   ถึงบ้านรีบเอาข้าวหมูแดงให้พ่อ ตอนอยู่โรงพยาบาลบอกว่าอยากกิน ผมเดินหาทั่วตลาดพรานนก หาไม่เจอ ได้กินวันนี้แทนนะพ่อ
   สอนพ่อใช้เครื่องวัดค่าออกซิเจน ลองวัดขณะหายใจด้วยเครื่องได้ตัวเลขที่ 99 พอถอดเครื่องสักพักเหลือ 97 นั่งกินข้าวไปราว 30 นาที กลับมาวัดใหม่ ได้ 97 อืมม จดจำไว้ พรุ่งนี้จะให้พ่อลองถอดสัก 1 ชม เผื่อเขาจะขับรถไปโน่นมานี่บ้าง อยู่บ้านเฉยๆ เบื่อโคตรๆ
   นึกสนุก เอามาวัดตัวเองดูบ้าง พบว่ามีค่าออกซิเจน 99 หัวใจเต้น 60 กว่าๆ ไม่รู้ว่าจะตีความหมายอย่างไรเหมือนกัน ดูไปงั้นๆ แหละ
   เย็นกินสลัดแขกที่ซื้อมาตั้งแต่บ่ายจากตลาดหน้าศิริราช
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 22, 2015, 02:18:56 pm
21 กพ 58
   เสาร์เวียนมาอีกแล้ว เช้านี้ขับไปส่งมิวที่รถไฟฟ้า วงจรชีวิตเหมือนเดิมเป๊ะๆ เลย แต่เราอยู่ได้เพราะเราคิดบวกเสมอ
   ช่วงเวลาที่อยู่กับลูกคือนาทีทอง เมื่อวานมีข่าวนักบิน F16 เครื่องตกที่ลพบุรี เลยกำชับลูกให้มีสติ เครื่องรุ่นนี้มีปุ่ม Eject เราต้องเอาตัวรอดออกมาให้ได้นะ แต่ต้องดูจังหวะก่อนกดปุ่มด้วย เพราะหากกดแล้วฝาครอบยังดีดออกไปไม่ไกลพอ ตัวที่นั่งลูกจะดีดไปชนกับฝาครอบ (Canupy) อาจเจ็บตัว หรือสลบได้
   แต่ที่นักบินไม่กดปุ่มนี้ด้วยเหตุผลใดนะ ไม่ค่อยมีใครพูดถึงประเด็นนี้สักเท่าไหร่ แต่ผมมานั่งคิดดูแล้ว หรือจะเป็นเพราะว่าหากกดแล้วเครื่องจะร่วงลงสู่ย่านชุมชน ถ้าเป็นแบบนั้น เขาจึงบังคับเครื่องให้ไปตกที่ห่างไกล
   ถ้าเป็นแบบนี้ก็แมนโคตรเลยว่ะ ใจมันเด็ดมากจริงๆ
   เราชาวพุทธจะเชื่อในเรื่องของคุณความดี เชื่อเรื่องบาป เรื่องกรรม หากเราสะสมบุญไว้มากพอ ตอนเกิดเรื่องมันจะผ่อนหนักเป็นเบาได้เสมอ ผมเชื่อแบบนั้นนะ เพราะตัวเองก็แคล้วคลาดมาตลอด
   ตอนปี 94 ผมขี่จักรยาน MTB ใหม่ๆ ซัดมาที่ความเร็ว 30 กว่าๆ ชนกับมอเตอร์ไซค์ย้อนศรมาอย่างจัง แบบผมไม่ได้เบรกเลย เขาโผล่มาจากช่องว่างระหว่างรถยนต์ที่จอดข้างทาง
   เปรี๊ยง โครม ชนกันแบบประสานงา
   ตัวผมลอยข้ามรถมอเตอร์ไซค์ตีลังกา 1 รอบ ลงมานั่งยองๆ ไม่มีบาดแผล ไม่มีริ้วรอยใดๆ หันไปมองรถจักรยาน บาร์เอนหักอย่างเดียว และรอยหักนี่แหละไปครูดกับคิ้วของคนขี่มอเตอร์ไซค์จนเลือดอาบ
   ส่วนมอเตอร์ไซค์ดิสเบรกหน้าคด (มาตรวจสอบทีหลังซี่ลวดผมงอไปนิดหน่อย ล้อไม่คด ยางไม่แตก) หน้ากากครอบไฟหน้าแตก
   เป็นการชนครั้งแรกของผม ในปีแรกที่เพิ่งได้จักรยานมา ชนครั้งแรกแม่งก็เล่นซะแรงเลยนะมึง
   เหตุเกิด 20 ปีมาแล้ว แต่ผมจำได้เสมอ ยังคงขี่ผ่านจุดเกิดเหตุนี้เป็นประจำ
   ทำความดีสะสมกันไว้เถิดครับ เราขับรถก็ให้ทางแก่คนอื่นเขาบ้าง หยุดให้คนข้ามนี่คือสิ่งที่ทำโคตรง่าย แต่กลับไม่มีใครทำ อ้างว่าขับมาเร็ว กลัวคนชนท้าย หึหึ มึงไม่ต้องมาอ้างข้างๆ คูๆ ไม่อยากหยุดก็ผ่านเลยไปเสียยังดีกว่ามาฟอร์มตอบแบบกูหล่ออย่างนี้
   
   เย็นไปรับมิว แวะซื้อขนมปังเอามาเลี้ยงปลาอีกเช่นเคย คราวนี้จัดมา 3 ถุงเลย ผมไม่รู้ว่าเราสามารถทำบุญทำกุศลแทนกันได้หรือเปล่านะ ตอนให้อาหารปลาก็อฐิษฐานหากผลบุญมีจริงของให้พ่อแม่และครอบครัวมีความสุขและสุขภาพแข็งแรง
   มิวขอแวะกินร้าน 49 Steak หน้าปากซอยบ้าน มันก็อร่อยดีนะ ระยะหลังมานี้มีดนตรีมาแสดงด้วย แนวๆ เหมือนพวกผับน่ะ แต่เล่นเพลงเก่าๆ ซึ่งก็ตรงกับกลุ่มลูกค้าดี เห็นมีได้ทิปด้วย
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 22, 2015, 04:53:16 pm
22 กพ 58
   วันนี้มามุขใหม่ เปลียนเป็นเดินเร็วแทน ช่วงแรกจ๊อกกิ้งเบาๆ สัก 3 รอบสนาม จากนั้นก็เดินแบบตัวตรงแกว่งแขน ก้าวขายาวๆ ทำแบบนี้ตลอด 1 ชม หึหึ เหงื่อออกแบบใช้ได้เลย รู้สึกดีกว่าวิ่งตรงที่ไม่มีการกระแทก
   รีบกลับมาบ้าน กะจะพาพ่อแม่ไปกินข้าวข้างนอก หรือเขาอยากจะไปไหนผมจะอาสาขับรถให้ แต่พ่อบอกสั่งแม่บ้านทำกับข้าวเรียบร้อยแล้ว
   อ้าว กลับมาเก้อเลยสินะ แถมไม่ได้แวะซื้อของกินมาด้วยสิ เช้านี้เลยกินกล้วย ส้ม ถั่ว เป็นอาหารเช้า
   เพิ่งเล่าเรื่องประสบการณ์ของตัวเองไปหยกๆ เมื่อวานนี้ ตืนเช้ามาพบข่าวนักจักรยานชาวชิลีมากับภรรยาและลูก 2 ขวบประสพอุบัติเหตุถูกรถชน นักปั่นผู้ชายเสียชีวิต ภรรยาและลูกบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ถนนมิตรภาพ ช่วงโคราช
   เหี้ยจริงๆ เล้ยย ตอนปี 56 คนเมาชาวไทยก็ให้การต้อนรับผู้มาเยือนด้วยการซัดนักปั่นรอบโลกสามีภรรยาชาวอังกฤษที่ฉะเชิงเทราไปแล้ว เว้นได้แค่ปีเศษ แม่งเอาอีกแล้วววววว
   ประเทศไทยถ้าไม่ดังงานนี้ ก็ไม่รู้จะดังงานไหนแล้วล่ะ เหตุเกิดไม่ใช่ครั้งแรก และห่างกันแค่ราวปีเดียว
   แต่ถ้าคิดบวกนะ มันก็จะยิ่งเป็นประเทศที่ท้าทายนักจักรยานสุดๆ ไปเลยก็ว่าได้ เอ็งผ่านอิรัก ซีเรีย ยูเครน ฯลฯ แต่ถ้าเอ็งยังไม่ได้ผ่านไทย เอ็งยังไปไม่ครบรอบโลก ยยังคุยไม่ได้เต็มปากโว๊ยยยย
ให้พ่อทดลองถอดออกซิเจนดู 30 นาที ปริมาณค่าที่วัดได้ยังไม่เปลียน วันนี้ลองเป็น 1 ชั่วโมง ก็ยังคงวัดค่าได้เท่าเดิม แนวโน้มโอเคดีมากเลย พ่อขับรถพาไปแม่ห้างซื้อของ ขากลับซื้อบะหมี่แห้งมาฝาก ผมจัดการแป๊บเดียวเกลี้ยง
   และแล้วรายการเดินทาง “ฉายเดี่ยว” ทางไทยรัฐทีวีก็หายไปจากหน้าจอจริงๆ ด้วย น่าเสียดายนิดหน่อยครับ เขาเอาเปาบุ้นจิ้นมาฉายแทน ก็ดีเหมือนกัน กระตุ้นคุณธรรมได้ดีทีเดียว จำได้ดูครั้งแรกตอนเป็นเด็กประถม ฮิตกันมากๆ ยุคนั้นเกาหลียังไม่แจ้งเกิดประเทศเลย (อืม แล้วตอนนี้ล่ะ)
   ได้ฤกษ์ช่วงบ่ายทยอยนำไดอารี่ชีวิตอัปโหลดขึ้นเวป ค้างมากว่า 7 วัน คนติดตามอ่านคงต้องคิดว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นกันนี่ เพราะปกติผมจะอัปแบบวันต่อวัน ค้างคาก็แค่ไม่กี่วันเท่านั้น
   
   เข้าเวปจักรยานในรอบ 7 วัน ตอบไปหลายกระทู้ เจอค่ายหนึ่งนำรถไฟฟ้าของ Puch เข้ามา ผมงี้รีบคลิกเลย ต้องเกริ่นก่อนครับว่า Puch คือรถโบราณนะครับ ออกแนว Scooter คันมันเล็กมากๆ เหมือนจักรยานแต่มีเครื่องยนต์ทำงานร่วมด้วยน่ะ
   คลิกแล้วโคตรผิดหวังเลย เขาเอา Puch ตัวที่เป็นหน้าตาจักรยานเข้ามาแทน แถมราคาแปดหมื่นกว่า หึหึ บอกได้เลยครับว่าจอดสนิท จบข่าวเลย เพราะราคาแบบนี้ รถหน้าตาแบบนี้ สามารถหาชุดคิทดุมมอเตอร์ไฟฟ้าใส่แปลงรถคันเก่าของเราได้เลยในราคาไม่กี่หมื่น (แล้วแต่แบตฯ แล้วแต่มอเตอร์)
   แต่ถ้านำรถแนวโบราณๆ (สมัยนี้เขาใช้คำว่า Vintage) ถ้าหน้าตาโดนใจ เก๋าๆ เท่ๆ  คันละเป็นแสนก็ขายได้ครับ เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ของไม่ต้องเจ๋งจริง ไม่ต้องหายากมากๆ แต่ถ้าทำออกมาแล้วโดนใจ ก็มีคนรอซื้อครับ ของเก่าจริงๆ แท้ๆ มันหายากมากๆ ขึ้นทุกวันๆ จนคนไม่รู้จักของแท้กันไปแล้ว
   ยกตัวอย่างมอเตอร์ไซค์โบราณ สมัยก่อนเจ๋งสุดๆ นี่ต้อง Harley Davidson, Indian รองลงมาก็เป็นรถอังกฤษพวก Triumph, BSA, Norton นอกเหนือจากนี้คือเกรดล่างแล้ว เป็นรถไม่มีราคาแล้ว
พอมาสมัยนี้ อะไรก็ได้แล้วครับ ขอให้แม่งเก่าๆ หน่อยก็ใช้ได้แล้ว เพราะมันหาของเทพฯไม่ได้แล้วไง อย่างมีรุ่นน้องจะขายมอเตอร์ไซค์ Horex ส่งรูปให้ผมดูแล้ว ผมส่ายหัวเลย แต่พอผมให้อีกคนดู แม่งโอ้โหกันใหญ่ ทั้งนี้ก็เพราะเขาไม่เคยเห็นใครขายของเจ๋งๆ มาก่อนไง
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 23, 2015, 06:04:40 pm
23 กพ 58
   เมื่อวานรถมีไฟรูปแบตฯโชว์ขึ้นแบบติดๆ ดับๆ และเป็นแค่แป๊บเดียว เสียวฉิบเป๋งเลย อาการนี้คือระบบไฟชาร์จมีปัญหา ทำไงดีวะนี่ แบตฯไม่น่าเสีย เพิ่งเปลียนมาแค่สองสามปี (ผมใช้แบตฯ ได้ราว 4 ปี) ไม่ได้เก่งหรือมีความสามารถพิเศษอะไรหรอก เพียงแต่รถผมมันโบราณมาก ไม่มีระบบไฟฟ้าอะไรมาดึง คันนี้ยังใช้วิทยุและ CD ของเดิมๆ จากโรงงานอยู่เลย วิทยุนี่ฟังได้แค่คลื่นสูงสุดคือ 90 MHz สเปคญี่ปุ่นเขาน่ะ
   สำรวจขั้วแบตฯก็แน่นหนาดี มีตัวยึดแบตฯที่หลวมไปนิดหน่อย แต่ไอ้จุดนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับระบบไฟชาร์จสักนิด อืมม หรือว่าแบตฯจะเริ่มเสื่อม
   ไฟมันโชว์แว๊บๆ เบาๆ เฉพาะตอนเข้าเกียร์ถอยหลัง หากโยกมา N ไฟก็ดับไป เพิ่งเป็นเมื่อวานตอนเช้า แต่วันนี้ตลอดวันก็ไม่เห็นมันโชว์อะไรเลยสักครั้ง งงโคตร แค่ผมขันยึดแบตฯให้แน่นแค่นี้เองหรอ แค่นี้มันเลยหายแล้วหรอ แปลกมากๆ
   วันนี้มิวขอออกมาด้วยนะ เขาหยุดอ่านหนังสือสอบ แต่ตลอดวันมีติวโดยโรงเรียนสอนพิเศษที่เขาเรียนตอนเย็น จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน เพราะมิวยังควบคุมเวลาของตัวเองไม่แม่น หยุดให้อ่านหนังสือก็จะเล่นเสียมากกว่าโดยเฉพาะไอโฟนสุดที่รัก ผมล่ะโคตรเบื่อเลย มันคือของทีทำลายชีวิตลูกเลยนะนั้น ภรรยาผมไม่ได้ตระหนักถึงข้อนี้เลย
   บ่ายแวะวัดบุคโลให้อาหารปลาด้วยขนมปัง จัดไป 3 ถุงเลย นี่ชักจะมาบ่อยมากแล้วนะ คิดเสียว่าเป็นการทำทานเผื่อพ่อแม่และครอบครัวไปด้วยน่ะ ก่อนลงจากรถมีการอฐิษฐานเล็กน้อย ขณะโยนขนมปังลงน้ำในใจก็นึกถึงเขาเหล่านั้นไปด้วย
   เสร็จแล้วรีบกลับบ้านเลยครับ แดดร้อนแรงจัดมาก เคยคิดอยากจะออกขี่จักรยานตอนบ่ายแบบนี้ดูบ้างเหมือนกัน ทำนองว่าจะซ้อมความอดทน แต่เอาเข้าจริงก็ถอดใจทุกที แต่ถ้าวันไหนออกแต่เช้าแล้วก็ลุยได้ลากยาวตลอดวันเลยนะ จะมาหมดแรงตอนแดดแรงๆ นี่ทุกทีเลย
   เข้ามาบ้านพร้อมกับโหมดเบื่อชีวิตอีกแล้ว เซ็งกับการที่นักขี่จักรยานรอบโลกชาวชิลีโดนรถชนจนเสียชีวิต นึกถึงเขาแล้วก็มานึกถึงตัวเองด้วยนะ เราชาวไทย เราขี่กันจนชิน เลยไม่เห็นว่ามันจะเสี่ยงอะไรตรงไหน แต่ที่ไหนได้ แม่งคือการออกไปรอวันตายดีๆ นี่เอง
   หรือว่ามันเป็นเรื่องของบุญกรรม เราชาวพุทธมักจะเชื่อเรื่องพวกนี้ ซึ่งผมเองก็เชื่ออยู่ไม่น้อยเหมือนกันนะ ทำบาปมายังไงก็ต้องรับกรรมไป ทำความดียังไงก็ต้องได้ดี เหมือนกับว่ามันเป็นพรหมลิขิต
   เราน่าจะทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 24, 2015, 06:31:37 pm
24 กพ 58
   หลับๆ ตื่นๆ หลายรอบ เพราะมิวตื่นขึ้นมาบอกว่านอนไม่หลับ ขออ่านหนังสือ แถมเดินไปเดินมา ทำเอาเช้านี้ตื่นสายไป ไม่ได้ออกกำลังกายอีกแล้ว
   วันนี้มิวสอบครับ สอบปลายภาคของเทอม 2 สอบเสร็จก็น่าจะปิดเทอมแล้วนะ แผนซัมเมอร์ฝันหวานของผมเป็นอันล่มสลาย ตั้งใจไว้จะพามิวไปเรียนเรือใบต่ออีกคอร์ส และผมจะขอร่วมเรียนด้วย ก็ต้องผิดแผน มิวบอกไม่อยากไป ไม่ชอบแล้ว
   อ้าว งงเลย
   ไม่เป็นไรครับ ไม่ชอบแล้ว เปลียนใจแล้วก็ไม่ว่ากัน มันแค่เสียดาย เพราะเพื่อนๆ มิวกลุ่มเก่าที่เคยเรียนเรือใบด้วยกันเขายกขโยงกันไปหมด แถมลากเพื่อนใหม่ๆ มาอีก โหห แค่คิดก็มันส์แล้ว
   วันนี้บรรยากาศร้านขายของวุ่นๆ หน่อย มีสินค้าหลายตัวปรับราคาขึ้น โดนลูกค้าโวยเยอะ ก็ทนๆ กันไปครับ เดี๋ยวเขาไปเช็คราคาในท้องตลาดก็จะทราบความจริงเอง มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่สินค้าปรับขึ้นราคา
   คนคุยง่าย เข้าใจโลก ก็โอเคนะ แต่ก็มีแบบกูจะเอาให้ได้ พูดแต่ว่าต้องขายราคาเก่า เขาสั่งมาแล้วก็ต้องส่งให้เขา (เขาสั่งของมาจริง แต่ทางเอเย่นต์ตัดสินค้าไม่ส่งร้านเรา) พอวันนี้สินค้ามาใหม่ ล็อตใหม่ ราคาใหม่แล้ว แต่ลูกค้าคนนี้จะเอาราคาเก่าให้ได้
   สถานการณ์แบบนี้มองคนออกได้ง่ายๆ เลยครับ ผมจำขึ้นใจว่าลูกค้าคนนี้ผมไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย ต่อให้สถานการณ์ปกติ ค้าขายปกติ ผมก็ไม่อยากขายเขา
   วันนี้เขาซื้อไปได้ในราคาเก่า ซึงก็ประหยัดไป 250 บาท ร้านผมไม่ได้จนลงหรือรวยขึ้นจากเงินแค่นี้ เพียงแต่ว่ามันเสียระบบการทำงาน ถ้าเจอแบบนี้หลายๆ คนเข้าจะทำอย่างไร ผมคำนึงถึงจุดนี้มากกว่า
   ที่หนักสุดก็คือคำพูดของเขาที่ว่า เขาโทรมาสั่งของแล้ว เราก็ต้องส่งให้เขาในราคาเก่า เพราะเรารับออเดอร์เขาแล้ว
“ผมหาของในราคานั้นไม่ได้แล้ว โรงงานไม่ส่งของให้เราแล้ว”
“งั้นลื้อก็ต้องไปหาซื้อที่อื่นมาขายอั๊ว”
“ผมจะหาที่ไหนล่ะครับ”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ต้องไปหามาให้ได้”
วันนี้เขาเลยเอารถมาจอดรถหน้าร้านแต่เช้า มารอเพื่อจะเอาสินค้าให้ได้ สรุปกันว่าโอเค จะขายให้เขาในราคาเก่า แปลว่าเราขาดทุนในส่วนต่างของราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น
ลุงคงยังไม่รู้ว่าสินค้ามันจะปรับตัวขึ้นอีกหลายรอบกว่าที่ราคาจะนิ่ง
หวังว่าคงเป็นวันสุดท้ายที่เราได้ค้าขายกันนะครับลุง
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 27, 2015, 05:57:46 pm
25 กพ 58
   ขี่จักรยานไป 20 นาที
   มิวหยุดอ่านหนังสือสอบ แต่ก็ออกไปติวที่เขาเรียนพิเศษตั้งแต่เช้าจรดเย็น เป็นการบังคับให้อ่านหนั้งสือไปในตัว
หมอนัดพ่อที่โรงพยาบาลตอน 0900 พอบอกขับไปเองได้สบายมากๆ ตั้งแต่กลับมาบ้านนี่ก็ใช้ชีวิตปกติมากๆ เลย ออกซิเจนก็ใส่บ้างถอดบ้าง อาศัยมีเครื่องมือวัดที่ตรวจเช็คเองได้ง่ายๆ ค่าออกซิเจนสูงๆ หน่อย พ่อก็ออกไปทำธุระโน่นนี่ กลับมาบ้านบ่ายๆ เย็นๆ ก็สูดสักหน่อย
กลับมาพร้อมกับยาอีกชุดที่อยู่ได้อีก 7 วันก็ต้องไปพบหมออีกครั้ง หมอบอกค่าอ๊อกซิเจนในร่างกายเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ดีแล้ว วัดค่าได้ 95-96 มิน่าเล่า เห็นพ่อขับรถออกไปโน่นนี่ประจำ ต่างจากวันแรกๆ ที่อยู่บ้านตลอด
เข้าออกโกดังเป็นว่าเล่น ยกแบกของตามเคยครับ หลังที่เคยเจ็บมาหลายรอบเริ่มเข้าที่ น้ำหนักตัวผมลงมาบ้างแล้ว เสริมด้วยกายบริหารแบบโยคะ และการเสริมสร้างกล้ามเนื้อของแผ่นหลังช่วยด้วย เดาเอาเองว่ามันน่าจะพอช่วยได้บ้างนะ
วันนี้อยู่ร้านจนถึงเย็น รอรับมิวกลับบ้านด้วยน่ะครับ เขาไปเรียนพิเศษแต่เช้า อยากให้รีบกลับบ้านไปทบทวนตำรา
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 27, 2015, 05:59:50 pm
26 กพ 58
   เช้านี้ออกไปด้วยกันคันเดียวกับภรรยาและลูก มิวสอบวันสุดท้าย หลังจากนี้ก็จะปิดเทอมแล้ว แต่ยังคงต้องไปโรงเรียนเป็นระยะๆ ที่สวนกุหลาบนี้เขามีกิจกรรมเยอะมากครับ
วันนี้อยู่ร้านแบบลากยาวตลอดวัน สมองไม่ค่อยแล่นเท่าไหร่ ตอนเย็นมียกของจัดเรียง 200 ลัง ขำขำ ก่อนปิดร้าน
เลิกงานค่ำๆ พาภรรยาไปกิน MK แล้วก็กลับเข้าบ้าน
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on February 27, 2015, 06:02:00 pm
27 กพ 58
   เพลียจัด ตื่นเช้าจริง แต่หมดแรงลุก ไม่อยากฝืนใจ (ที่จริงแล้วใจอ่อนมากกว่า ความขี้เกียจเข้าครอบงำ)
   มิวขอตามออกไปด้วย แต่งชุดนักเรียนเสร็จสรรพ อ้าว งงสิ คิดว่าปิดเทอมแล้ว มิวบอกวันนี้จะมีงาน “จากเหย้า” นักเรียน ม1 เลี้ยงอำลาให้พี่ ม6
   สวนกุหลาบเขามีประเพณีแนวนี้เยอะมาก มีช่วงซึ้งๆ ทำเอาต่อมน้ำตาร่วง จัดให้รุ่นน้องรุ่นพี่นั่งตรงข้ามกัน รุ่นพี่ให้พร รุ่นน้องอวยพร มอบของที่ระลึกให้กันทั้งสองฝ่าย ผมเห็นภาพรุ่นพี่ลูบหัวรุ่นน้องขณะกำลังพูดกัน ขนาดเห็นแค่รูป น้ำตาแทบไหล
   
   หัวค่ำจัดเตรียมเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ พร้อมออกเดินทางวันพรุ่งนี้ เผื่อค้างคืนด้วยนะ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จะไปค้างที่ไหนเลย
Title: Re: กพ 58
Post by: O'Pern on March 04, 2015, 04:22:17 pm
28 กพ 58
   ตื่นมานี่รีบอาบน้ำแต่งตัวเลยนะ รีบกินข้าวรองท้อง ออกเดินทางมุ่งหน้าปทุมธานีสปีดเวย์ ดูจากในแผนที่มันต้องขับไปทางธรรมศาสตร์รังสิต แล้วแยกออกไปถนนเส้นอื่นอีกที
   ผมเอ้าท์นะ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับวงการรถมานานมาก สนามใหม่ๆ นี่ไม่รู้จักเลย อย่างสนามแดร็กที่คลอง 5 ก็ยังไม่เคยไป ทั้งๆ ที่กลุ่มของผมเคยร่วมจัดแดร็กที่สนาม MMC เป็นกลุ่มแรกของแดร็กยุคปี 2000 แท้ๆ
   ใช้เวลาราว 1 ชม ก็ถึงสนามครับ ขับเช้าๆ อากาศดี ผมชอบมาก ขับได้นาน ไม่เหนื่อยล้า แต่แล้วก็มาหลงเลี้ยวผิดทางตรงทางเข้าจนได้ ขับตาม GPS มันบอกให้เข้าก่อนถึงปั๊ม PTT แต่ทางเข้านั้นเขาปิดไปแล้ว ต้องย้อนออกมาแล้วขับเลยไปอีกนิด
   ไปถึงสนาม 0700 เจอรถแข่งขับซ้อมกันมากมายแล้ว สนามเป็นลานกว้างใหญ่ น่าสนุกมากๆ ครับ ดริฟท์ยุคนี้กับยุคผมนี่มันคนละโลกกันเลย ให้ผมไปขับตอนนี้ก็สู้พวกเด็กๆ ไม่ได้แน่นอน
   น่าจะถึงสนามเป็นคนแรกๆ ของที่มงานเลยนะ พวกที่มาก่อนผมก็คือคนที่เขาค้างที่นี่ เฝ้ารถ เฝ้าเครื่องเสียง เฝ้าของ ผู้คนจะเริ่มทยอยมากันก็ตอน 0900 โน่นเลย ผมไปแต่เช้าก็ทำตัวไม่ถูก ได้แต่เดินเล่นไปเรื่อย และไม่มีอะไรสนุกไปกว่าการเดินไปดูเขาซ้อม
   รถแต่ละคันแม่งอย่างโหดเลย ถ้าดูแค่เครื่องนี่นึกว่ารถแดร็ก เทอร์โบตัวเบ้อเริ่มขนาดหม้อหุงข้าวเล็กๆ เลย วัยรุ่นเรียก “โหดสัส” คนขับก็หน้าใหม่ๆ ที่ผมล้วนไม่รู้จักทั้งสิ้น ก็ดูๆ ไปเพลินๆ ครับ เราเคยขับแนวนี้มาก่อน เห็นแล้วก็อยากลองนั่งดูฟีลเหมือนกัน ไม่ได้แค่เอามันนะ แต่อยากรู้ว่ารถแนวนี้เขาขับกันอย่างไร ใช้เกียร์อย่างไร รอบเครื่องขึ้นเร็วขนาดไหน ฯลฯ
   ดูไปนานเข้าเริ่มเกรงใจ กลัวจะเกะกะเขาในเต้นท์ สิ่งที่สังเกตเห็นที่ทุกคันทำเหมือนกันคือ เข้ามาพิทก็ต้องรีบฉีดน้ำหม้อน้ำก่อนเลย
   อ้าว งงสิ ขับแค่รอบเดียว แม้จะใช้รอบจัด แช่นาน แต่มันก็แค่แป๊บเดียว ไม่ถึงนาทีเลย แค่นี้เครื่องถึงขั้นฮีทกันแล้วหรือ ถ้าใช่แบบนี้ไปไม่ได้นานครับ เจอแข่งโหดๆ ต่อเนื่องรับรองอาการออกตอนกลางหรือปลายยก
   นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมายืนดูใกล้ๆ นะ ปกติผมจะไม่เดินมาที่พิท กลัวคนครหาว่ามาทำอะไรในพิทของทีมนั้นทีมนี้ ทั้งๆ ที่ผมก็แค่อยากอัปเดทข้อมูลในหัวของตัวเองบ้าง
   แข่งมาทั้งปี ผมเพิ่งจะเห็นแบบใกล้ชิดก็วันนี้แหละ แถมเป็นคันที่ผมไม่คุ้นตาอีกด้วย
   น่าสงสัยอีกอย่างก็คือรถเกือบทุกคันจะแต่งออกมาแนวเดียวกันทั้งหมด เข้าไปนั่งในรถก็จะเจอพวงมาลัยแบบพับขึ้นได้ หรือไม่ก็ถอดได้ ตามมาด้วยมิเตอร์วัดสารพัดอย่าง 5-6 ตัวเรียงรายบนคอนโซล (ขนาดมีมิเตอร์วัดเอาไว้ช่วยดูค่าต่างๆ ก็ยังพังกันเป็นว่าเล่น น่าแปลกดีไหมครับ)
   ที่ต้องมีอีกชิ้นคือเบรกมือแบบไฮดรอลิค ส่วนเบาะบัคเกตซีท และโรลเคจ อันนี้ผมเข้าใจเพราะว่ามันคือเรื่องของกติกาบังคับไว้ว่าต้องมี
   ดูรถได้สักพักก็ไปดูห้องกรรมการที่ผมจะต้องนั่งอยู่ตลอดวันบ้าง อยู่จุดไหนยังไม่รู้เลยนะ แต่เดาว่าน่าจะชั้น 2 แน่ๆ กรรมการต้องเห็นภาพรวมทั้งหมดของสนาม ต้องเป็นตำแหน่งที่ดีสุด
   เดินผ่านห้องอาหาร ห้องน้ำ เฮ้ยย สนามแม่งทำสวยว่ะ ห้องอาหารเป็นห้องแอร์อย่างดี กระจกใส เปิดปิดอัตโนมัติ ห้องน้ำสะอาดมาก พนักงานคอยเช็ดตลอด สุดยอดไหมเล่า
   ห้องกรรมการนี่สุดยอดกว่าอีก เห็นแล้วนึกถึงสวรรค์ เป็นห้องกระจกล้อมรอบ ติดแอร์อย่างดี  โหห งานนี้กูสุขแล้ววววว ไม่ร้อน ไม่มีฝุ่นควันยาง แถมเย็น โอ้โห หาที่ไหนได้อีกวะนี่
   จัดเตรียมข้าวของวางไว้ให้พร้อมทำงาน แล้วก็ลงไปเดินเล่น ช่วงนี้เริ่มมีทีมงานมากันบ้างแล้ว ผมรับไหว้จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เด็กๆ เขารู้จักผม  แต่ผมดันไม่รู้จักเขานี่สิ พวกนักแข่งก็เช่นกันครับ แต่หลังๆ เริ่มคุ้นหน้าบ้างแล้ว คนไหนเข้ารอบลึกๆ ก็จะเจอหน้าเขาบ่อยหน่อย แต่วันแรกๆ นี่ยอมรับเลยนะว่ามึนตึ๊บ ไม่รู้จักใครสักคน
   ช่วงเช้าเขาปล่อยซ้อมแบบ Free Run ครับ ใครมาก่อนซ้อมก่อน พังก่อน ไปก่อน ฮ่าๆ บรรยากาศก็แบบมั่วๆ หน่อย พวกนักแข่งจัดคิวกันเอง บางคนซ้อมเดี่ยว บางคนซ้อมแบบขับไล่ฟัดกัน ดูไปก็เพลินๆ ดี (ถ้านั่งอยู่ในทิศต้นลม)    
   สายหน่อยก็เริ่มซ้อมอย่างมีระบบ ซ้อมตามเบอร์ ตามคลาสที่ตัวเองลงแข่ง สนามนี้พิเศษตรงที่มีคลาส C เพิ่มขึ้นมาด้วย เปิดให้เฉพาะคนที่ไม่เคยลงแข่งมาก่อนเท่านั้น
   เริ่มเปิดงานด้วยการประชุมนักแข่ง อธิบายกฎ กิตกา เพราะมีนักแข่งบางคนเพิ่งลงแข่งครั้งแรก บางคนก็นานๆ มาที ส่วนพวกมาประจำ แข่งตลอด พวกนี้ฟังกันจนเบื่อแล้ว
   ประเดิมสนามด้วยรอบควอลิฟายของคลาส C มือใหม่เอี่ยม ก็ให้คะแนนกันไปตามน้ำครับ งานนี้ผมรับหน้าที่ให้คะแนนในจุด Apex หึหึ สนามนี้เสือกมี Apex ถึง 4 จุด (สนามก่อนๆ มีแค่ 3) และดันมี Apex เจ้าปัญหา คือมุมที่กรรมการมองไม่ชัดอีกด้วย
ไอ้สาสสสส
   Apex 4 จุดมีคะแนนเต็ม 100 แบ่งเป็น 20-20-30-30 เหนื่อยและต้องใช้สมาธิอย่างมากในการมองครับ
   กลางวันงานเริ่มเข้า ไอ้ห้องแอร์ที่คิดว่าเย็นพอมีคนเข้ามานั่งกัน 7 คน ความเย็นก็เริ่มลดน้อยลงๆ ไปเรื่อยๆ พอบ่ายก็เผาสดกันเลย คือแดดสาดเข้าห้องนี้เต็มๆ แอร์ก็ไม่เย็น ผลก็คือแม่งร้อน อบอ้าว หายใจไม่ออก เฮ้ยย ไม่เคยเจออารมณ์แบบนี้เลย    
   ผมซาดิสม์ไง ชอบโหดๆ เจออะไรโหดๆ ยากๆ แล้วชอบทำ คิดเสียว่าเป็นการฝึกความอดทน แต่พอแม่งอยู่แบบนี้นานๆ เข้าก็เริ่มทรมานแล้วนะ มีเวลาพักสักหน่อยก็ต้องรีบวิ่งออกไปหายใจข้างนอกห้องแทน
   ยังดีนะที่ตรงข้ามห้องกรรมการชั้น 2 เป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำให้นั่งตลอดวัน ผมได้ห้องนี้แหละครับที่เอาไว้ฟอกปอดตลอดงานนี้
   ยิ่งบ่าย ยิ่งแดดแรง ยิ่งหิว ข้าวกลางวันก็ยังไม่ได้กิน เพราะแข่งรอบแบทเทิลยาวต่อเนื่องนานมาก เอาแล้วสิมึง งานเข้าสองเด้ง ร้อน อบอ้าว มาเจอหิว และต้องใช้สมาธิเพ่งจุด Apex ตลอดเวลาที่รถแข่งขับผ่านถึง 4 จุด
   เหียยยย แม่งชักไม่สนุกแล้ว
   ต้องอาศัยแอบแว๊บไปสูดลมหายใจในห้องแอร์ตรงข้ามบ่อยๆ ยังดีมี “พี่ตู๋” Toyo และพวกพริตตี้ที่เจอกันตั้งแต่งาน สงขลา โบนันซ่า ที่เขานั่งคุยกันเป็นกลุ่มใหญ่ ผมขอแจมเป็นพักๆ เรียกว่าจากพริตตี้ที่ไม่เคยคุยกันเลย วันนี้คุยกันจนแซวกันได้ แบบแอบแซวตีซีกันเนียนๆ เลย
   จบควอลิฟาย C ตามด้วย ควอลิฟาย B และ A พักหน่อยเดียวแล้วก็แข่งแบทเทิล C จนจบ ตามด้วยแบทเทิล C จาก 32 คัน คัดเหลือ 16 คัน
   มีคู่หนึงที่จะต้องจดจำ เพราะมันคือ Drama of the day
   ตอนออกตัวก็ตีคู่กันมา แต่คันตามเขาประกบข้างจนชิด พอถึงจุดดริฟท์คันหน้าก็เหวี่ยงรถ แต่คันตามยกคันเร่งไม่ทัน หรือไม่ก็สะบัดรถตามไม่ทัน หัวรถเลยไปดันเอาประตูของคันหน้า รถคันหน้าเลยเป๋ สไลด์ไปจอด รถไม่บุบเยอะ ไม่ได้ชนแรงเลย เรียกว่าแค่สะกิดจังหวะเขาดริฟท์พอดี มันเลยไถลไปไกล
   กรรมการตัดสินให้คันหลังได้ 0 เพราะไปชนคันหน้าจนเขาเสียหลักไปต่อไม่ได้
   นักแข่งคันหลังไม่พอใจ เดินขึ้นมาประท้วงในห้องกรรมการ พูดเสียงค่อนข้างดังแบบมีอารมณ์ เขาบอกว่ารถคันหน้าต่างหากที่สะบัดรถมาเบียดชนรถเขาทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงจุดสตาร์ทดริฟท์
   เฮ้ยย งงโคตร ผมเปิดภาพรีเพลยให้ดูแล้วดูอีก ให้ดูดีๆ เขาก็ยังยืนยันเหมือนเดิม จนผมต้องถามว่า “นี่คุณไม่คิดว่าคุณขับไปปิดทางดริฟท์ของเขาบ้างหรือ”
   ตีคู่ขึ้นมาชิดขนาดนี้มันคือการขับบังไลน์กัน แต่นี่ไม่ใช่เรซซิ่งเซอร์กิต รอบแบทเทิลนี้คันหลังต้องขับ “ตาม” ไลน์คันหน้า ถ้าอยากได้คะแนนมากๆ ก็ตามให้ชิด เอาให้ติด ถ้าเอาประตูไปแปะกันได้นี่ผมให้แม่งเป็นเทพเลย
   อธิบายกันอยู่พักใหญ่ พอเขาเริ่มใจเย็นลง สติก็เริ่มมา สุดท้ายก็เข้าใจโลก และยอมรับคำตัดสิน
   อ้อ ปกติการประท้วงนี่ต้องทำโดยผู้จัดการทีมนะครับ และต้องมีการวางเงินราว 5000 บาทต่อการประท้วง 1 ครั้ง และเงินจำนวนนี้จะได้คืนหากการประท้วงนั้นเป็นผล
   มีกฎไว้เพื่อความเรียบร้อยของสังคมครับ อย่างวันนี้ถ้ากรรมการเข้มงวดจริง ผมได้ไปแล้ว 5000 บาทฟรีๆ เย้ๆ ๆ ๆ
   ที่ผมบอกว่ามันคือ Drama of the day ก็เพราะว่า พอทั้งสองคันมาวิ่งด้วยกันอีกครั้ง ใครๆ ก็ต้องคิดว่าคันที่โดนชนได้คะแนนไปแล้ว 10-0 ชนะแน่นอน วิ่งมั่วๆ ตามไปเรื่อยๆ ยังไงก็ต้องชนะ
   แต่พอถึงโค้ง Apex 3 ที่เป็นโค้งแบบมุมกลับ คันหลังเกิดพลาดหมุนแบบม้วนจนรถหยุด กลายเป็นเทคะแนนให้กับรถคันหน้า 10-0 คืนกลับมา
   เฮ้ยย มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ฝีมือระดับนี้ ไม่มาหมุนม้วนง่ายๆ แน่ คนดูเฮกันลั่น แต่ถ้าให้ผมคิดในมุมมองส่วนตัว ผมว่าเขาหมุนรถเพื่อให้คะแนนกลับมาเท่ากัน เพื่อจะได้แข่งใหม่แบบแฟร์ๆ
   แม่งแมนโคตรๆ แล้วไอ้เด็กคนนี้
   แล้วพอมาแข่งกันใหม่ ฟ้าก็เข้าข้างคนถูก ไอ้เด็กคนนี้ชนะผ่านเข้ารอบไปแบบใสๆ Drama สุดๆ ว่ะ
   โอ้ วันนี้เหนื่อยโคตรๆ เลย พอตัดสินจบปุ๊บก็แยกย้ายกันกลับ แต่ผมขี้เกียจขับรถกลับไป ระยะทางถึงบ้านก็ราว 70 กม ขับก็สัก 1 ชม แต่มันง่วง เพลีย เหนื่อย ล้า ร้อน ฯลฯ
   นั่งคุยกับทีมงานกันริมขอบแทร็ค ใครจะกลับก็ต้องขับผ่านกลุ่มเรา ก็รับไหว้กันตลอดเวลา คุยไปเพลินๆ เด็กๆ ก็บอก “พี่เปิ้ลกลับก่อนได้นะ ไม่ต้องอยู่รอพวกเขาเก็บของ”
   เออ ผมไม่อยากกลับน่ะครับ แถมเตรียมชุดมานอนค้างอีกด้วย แต่ยังไม่รู้จะไปนอนไหนดี
   ปอ หญิง ต้น ไผ่ และทีมงาน เขานอนกันที่ห้องพักแถวธรรมศาสตร์ ผมงี้หูผึ่งเลย บอกว่าเฮ้ย ผมนอนด้วยคนสิ
   หอพักชื่อ Felix ครับพี่ อยู่หน้าธรรมศาสตร์เลย คืนละ 600 มัดจำกุญแจ 200
   พอได้พิกัดที่นอนแล้วก็สบายใจเลยครับ นั่งคุยกันต่อแบบลื่นไหลเลย อยู่กันจนดึกเกือบสามทุ่ม คนที่อยู่ดึกกว่านี้ก็คงนอนนี่กันหมดแล้วล่ะ
   นักแข่งที่มาประท้วงเมื่อตอนเย็นเข้ามาคุยด้วย ตอนนี้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว เข้าใจโลกแล้ว มาบ่นว่าตัวเองไม่น่าใจร้อนเลย วู่วามไปหน่อย สำนึกผิดได้ก็ดีครับ คราวหน้าเราก็จะมีสติมากขึ้น ทำอะไรต่างๆ ระมัดระวังมากขึ้น
   พักใหญ่ผมขอตัวกลับก่อนกลุ่มใหญ่ ขับไปที่พักง่ายมาก ไม่ไกลอีกด้วย เสียตรงจอดรถลำบากหน่อย ผมเข้าพักไม่ดึกมากนัก ยังพอจอดซ้อนคันได้ในใต้ถุนตึก แต่นึกถึงพวกที่เขามาดึกๆ นี่สิ มันจะจอดไหนกันนะ
   มีพนักงานอยู่คนเดียว น่าจะออกแนวต่างชาติ แต่พูดไทยได้ดี ห้องพักเป็นแนวคอนโดเกรดต่ำ ใช้ของวัสดุพื้นๆ เหมือนพวกหอพักนักศึกษานี่แหละครับ
   เข้าห้องปุ๊บผมรีบตรงไปเปิดแอร์ก่อนเพื่อนเลย เพราะตลอดวันนี้ร้อนเหี้ยๆ แล้ว ถ้าได้แบบแอร์ไม่เย็นนี่กูจะงอนมาก
   กดปุ๊บ ลมเย็นปั๊บ โอเค แบบนี้ผ่าน ตามด้วยเช็คเตียง โหห แข็งสัสสสส แต่ชอบครับ ปกติเรานอนพื้นบ่อยอยู่แล้ว เจอที่นอนแข็งๆ นี่สบายมากเลย คืนนี้กูผ่านแล้วน้า
   รีบอาบน้ำ สระผม ปะแป้ง แทนที่จะง่วง เสือกตื่นเสียนี่ ไอ้ฉิบหาย สงสัยตื่นเต้นได้ออกมานอนนอกบ้าน ปกติชีวิตจะเรียบง่ายและซ้ำซากอย่างมาก
   เปิดไอแพดเช็คข่าว โน่น นี่ นั่น โน้นนน นู๊นนน เข้านอนเกือบเที่ยงคืน